ประวัติศาสตร์โลก 101 ARROW WORLD HISTORY TOM HEAD, PhD FROM ANCIENT MESOPOTAMIA AND THE VIKING CONQUESTS TO NATO AND W I K I L E A K S , AN ESSENTIAL PRIMER ON WORLD HISTORY
ทอม เฮด : เขียน อรดา ลีลานุช : แปล จากเมโสโปเตเมียโบราณและการพิชิตดินแดนของชาวไวกิง สู่นาโตและวิกิลีกส์ หนังสือพื้นฐานความรู้ที่ส�ำคัญเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์โลก 101 ประวัติศาสตร์โลก
ประวัติศาสตร์โลก 101 WORLD HISTORY 101 ทอม เฮด : เขียน อรดา ลีลานุช : แปล จัดท�ำโดย สำ นักพิมพ์แอร์โรว์ ในเครือบริษัท แอร์โรว์ มัลติมีเดีย จำกัด เลขที่ 1 ถนนก�ำแพงเพชร 6 ซอย 5 แยก 6 (โกสุมนิเวศน์ ซ.2) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0-2573-6584 Email : [email protected] Line ID : @arrow11 Hompage : www.arrowmultimedia.co.th Copyright © 2017 by Simon & Schuster, Inc. Published by arrangement with Adams Media, an Imprint of Simon & Schuster, Inc., 1230 Avenue of the Americas, New York, NY 10020, USA. Thai Language Translation Copyright © 2024 by Arrow Multimedia Co.,Ltd. All rights reserved. © สงวนลิขสิทธิ์โดย บริษัท แอร์โรว์ มัลติมีเดีย จ�ำกัด ห้ามน�ำส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียน ท�ำส�ำเนา ถ่ายเอกสาร หรือน�ำไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต หรือสื่อต่างๆ ไม่ว่าในรูปแบบใด นอกจากได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เฮด, -ทอม. ประวัติศาสตร์โลก 101—กรุงเทพฯ : แอร์โรว์, 2567. 296 หน้า. 1. ประวัติศาสตร์ I. อรดา ลีลานุช, แปล II. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-434-381-8 ข้อมูลทางบรรณานุกรม บรรณาธิการ : นิคม ชาวเรือ ผู้จัดการทั่วไป : เดือนนภา สุรามิตร ฝ่ายขาย : ณลินพรรณ เผ่าพันธุ์ขาว กองบรรณาธิการ : สุภาภรณ์ สว่างจันทร์, ปวันรัตน์ เกียรติธีรชัย พิสูจน์อักษร : วลัยกร เต็มขันท์, ชฎาพร พงษ์ทอง, วันทนีย์ ศรีสุข ศิลปกรรม : ชมพูนุช ขอดค�ำ จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด 108 หมู่ที่ 2 ถ.บางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 0-2423-9999 โทรสาร 0-2449-9222, 0-2449-9500-6 hompage : www.naiin.com พิมพ์ที่ : บริษัท ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์ จำกัด 52 ซอยเอกชัย 69 ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. 10150 โทรศัพท์ 0-2899-5429-35 โทรสาร 0-2416-4097 ราคา 390 บาท
ทอม เฮด เป็นนักประวัติศาสตร์สหวิทยาการที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ของศาสนา จริยธรรม และแนวคิด เขาส�ำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้าน ศาสนาและสังคมศาสตร์จาก Edith Cowan University และเป็นผู้เขียนหรือ ผู้เขียนร่วมหนังสือ nonfiction ยี่สิบแปดเล่มในหลากหลายหัวข้อ ตัวอย่างเช่น Oneworld’s Civil Liberties: A Beginner’s Guide, the University Press of Mississippi’s Conversations with Carl Sagan, และ Que/Pearson’s The Absolute Beginner’s Guide to the Bible เขาท�ำหน้าที่เป็นผู้เขียน แนะน�ำเกี่ยวกับเสรีภาพของพลเมืองใน About.com เป็นเวลาเก้าปี และปัจจุบัน เขียนวิดีโอเกี่ยวกับปรัชญาและวัฒนธรรมป๊อป คัลเจอร์ ให้กับ Wisecrack, LLC ซึ่งเป็นช่อง YouTube ยอดนิยมที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1.5 ล้านคนและมี ยอดชมมากกว่า 125 ล้านครั้ง เกี่ยวกับผู้เขียน TOM HEAD, PhD
สารบัญ บทน�ำ มนุษยชาติก่อนประวัติศาสตร์ อารยธรรมมนุษย์ในซูเมอร์และอัคคาด เรื่องราวครึ่งแรกจากอียิปต์ มหานครของลุ่มแม่น้ำสินธุโบราณ ชาวฮิตไทต์และสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง ฟาโรห์แห่งอาณาจักรใหม่ของอียิปต์ จักรวรรดิริมหนองบึงของเมโสโปเตเมีย โลกโบราณของชาวโอลเมก พระเจ้าไซรัสมหาราชและความฝันของอะคีเมนิด ความลับของชาวคุช นครรัฐกรีกรวมเป็นหนึ่ง จักรวรรดิของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์ฉิน รัชสมัยของพระเจ้าอโศก 13 15 20 24 30 34 38 42 46 51 55 59 64 70 74
การเกิดขึ้นของสาธารณรัฐโรมัน โรมกลายเป็นจักรวรรดิ พระเยซูคริสต์และช่วงเวลาของพระองค์ ยุคหกราชวงศ์ของจีน Pax Romana และนอกเหนือจากนั้น อินเดียภายใต้การปกครองของชาวคุปตะ ยุคทองของชาวมายัน อิสลามและตะวันออกกลางใหม่ ความรุ่งโรจน์ของชาวซาเซนิด ความเป็นหนึ่งเดียวของญี่ปุ่น ชัยชนะของไวกิงในยุโรป จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ศาสนเภทปี 1054 สงครามครูเสดและศาลศาสนาสเปน รัฐเคาะลีฟะฮ์แห่งกอร์โดบา ความลึกลับของเกรท ซิมบับเว เจงกิส ข่านและชัยชนะของชาวมองโกล การเก็บเกี่ยวอันน่าสยดสยองของความตายสีดำ การหลับใหลอันศักดิ์สิทธิ์ของไบแซนเทียม 78 83 89 94 97 103 106 109 113 116 119 123 128 131 137 139 142 144 149
ยุคทองของแอซเท็ก ยุโรปและโครงการล่าอาณานิคม การเกิดขึ้นของนิกายโปรเตสแตนต์ในยุโรป ยุคของซามูไร การปฏิวัติฝรั่งเศสและผลที่ตามมา โองการของพระเจ้าและทวีปอเมริกา ยุโรปในยุคของนโปเลียน จากบิสมาร์กสู่สาธารณรัฐไวมาร์ เรื่องราวของจักรวรรดิออตโตมัน การพัฒนาอุตสาหกรรมของโลกตะวันตก คลื่นลูกแรกของสตรีนิยม จักรวรรดินิยมและโลกสมัยใหม่ ในสนามเพลาะ ชัยชนะของบอลเชวิค สามยุคของจีนในโลกสมัยใหม่ พลังอันน่าสะพรึงกลัวของลัทธิสตาลิน สงครามโลกครั้งที่สองและการสิ้นสุดของความก้าวหน้า ไซออนิสม์และอิสรภาพของอิสราเอล 152 155 162 171 174 179 186 189 192 195 200 205 208 212 216 219 222 228
นาโตและสนธิสัญญาวอร์ซอว์ องค์การสหประชาชาติและสิทธิมนุษยชน การต่อต้านอย่างสงบและแนวทางของนักเคลื่อนไหว จุดจบของจักรวรรดิ เสรีภาพของผู้หญิงในยุคสื่อสารมวลชน เกาหลี เวียดนาม และอัฟกานิสถาน ระเบียบเสรีนิยมใหม่ ความย้อนแย้งของประชาธิปไตยในอิหร่าน การเสื่อมถอยและล่มสลายของสหภาพโซเวียต แอฟริกาใต้และมรดกตกทอดของการแบ่งแยกสีผิว ความขัดแย้งทางศาสนาในโลกหลังสงครามเย็น จุดจบของอำนาจสูงสุดของตะวันตก อนาคตของประวัติศาสตร์ 231 235 242 245 251 255 259 264 268 273 278 283 289
10 WORLD HISTORY 101
คำอุทิศ ส�ำหรับความทรงจ�ำอันงดงามของตากับยายของผม เมย์เบลล์ โบซแมน คาร์ไวล์ (1917-2011) และโรเบิร์ต เซอร์เรลล์ คาร์ไวล์ (1907-1998) และรวมถึงบรรพบุรุษ นับพันล้านคน ผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจ�ำของ เรา และผู้ที่อยู่ห่างไกลเกินกว่าความทรงจ�ำของเราจะ เอื้อมถึง ผู้มอบประวัติศาสตร์ให้แก่เรา
บทน�ำ “หากประวัติศาสตร์ถูกสอนในรูปแบบของเรื่องเล่า มันจะไม่มีวันถูกลืม” —รัดยาร์ด คิปลิง (Rudyard Kipling) (1865-1936) ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เราศึกษา มันคือเรื่องราวที่ผู้คนโดยรวม บอกเล่าเกี่ยวกับตัวเอง ทั้งโดยค�ำพูดและการกระท�ำของพวกเขา การเกิด การตาย และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของประวัติ- ศาสตร์ทั้งหมด มันเป็นความจริงที่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ให้ความส�ำคัญ กับประวัติศาสตร์การเมืองและการทหาร มันไม่ใช่เพราะว่าประวัติศาสตร์ การเมืองและการทหารมีความส�ำคัญมากกว่าสิ่งอื่น แต่มันเป็นเพราะว่า ประวัติศาสตร์ประเภทนี้มักทิ้งหลักฐานไว้มากมาย อย่างที่เบอร์โทลท์ เบรชท์ (Bertolt Brecht) (1898-1956) นักเขียนบทละครผู้ยิ่งใหญ่ ชาวเยอรมันได้กล่าวไว้ รอยจูบจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ แต่บาดแผลจะทิ้งรอย แผลเป็น ประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับรอยแผลเป็นเป็นส่วนใหญ่ หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึง ปัจจุบัน แต่ละบททั้งหกสิบสี่บทจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ใน ประวัติศาสตร์ พร้อมกับระบุวันที่และบุคคลที่ส�ำคัญไว้ หลายสิ่งหลายอย่าง จะไม่ถูกกล่าวถึง เนื่องจากประวัติศาสตร์โลกมีมากมายมหาศาล และมีสิ่ง ให้พูดถึงมากกว่าเดิมอยู่เสมอ แต่เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบ คุณจะได้รับ รู้เรื่องราวรูปแบบหนึ่งของค�ำถามที่ว่าเราเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และมันเป็นการเดินทางอันยาวนานและขรุขระมากขนาดไหน
หมายเหตุเกี่ยวกับวันที่ ปัจจุบันนักวิชาการส่วนใหญ่ใช้ค�ำว่า B.C.E. (Before Common Era) แทนค�ำว่า B.C. (Before Christ) และ C.E. (Common Era) แทนค�ำว่า A.D. (Anno Domini ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “in the year of our Lord”) ผมได้น�ำความเคยชินของนักวิชาการมาใช้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย เหตุผลหลายประการ ส่วนใหญ่แล้วเพื่อความถูกต้อง คนที่คิดค้นระบบ วันที่แบบ B.C./A.D. ไม่รู้ว่าพระเยซูน่าจะประสูติระหว่างปี 6 B.C.E. และ 3 B.C.E. พูดง่ายๆ ก็คือมันน่าขบขันที่จะอ้างว่าพระเยซูเกิดก่อนปีคริสตกาล หลายปี ถึงแม้ว่า B.C.E./C.E. จะมีความครอบคลุมมากกว่า B.C./A.D และถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนภาษาใหม่ที่นักวิชาการน�ำมาใช้ในช่วงไม่กี่ ทศวรรษที่ผ่านมา แต่มันก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่านั้น โยฮันเนส เคปเลอร์ (Johannes Kepler) (1571-1630) นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน ใช้วลีภาษาละติน vulgaris aerae ของค�ำว่า “Common Era” แทนค�ำว่า anno Domini ใน Nova Stereometria (1615) งานเขียนของเขา
ประวัติศาสตร์โลก 101 15 มนุษยชาติก่อนประวัติศาสตร์ HUMANITY BEFORE HISTORY สิ่งที่บอกเล่าจากกระดูก “ข้าขอร้องพระองค์หรือ พระผู้สร้าง จากดินเหนียว ปั้นข้าขึ้นมาเป็นมนุษย์ ข้าได้ขอร้องพระองค์หรือ ให้สร้างข้าขึ้นมาจากความมืด” —จอห์น มิลตัน (John Milton) (1608-1674) Paradise Lost, Book X มนุษย์ในปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากผู้รอดชีวิตอันน้อยนิดจากการสูญพันธุ์ของสิ่ง มีชีวิตในโลกที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ ครั้งหนึ่งเคยมีสปีชีส์ที่เหมือนกับมนุษย์หลาย สิบสปีชีส์ เช่น นีแอนเดอร์ทัล (Neanderthals) เดนิโซแวน (Denisovans) และ “ฮอบบิท” (Hobbits) แต่ ณ จุดหนึ่งในช่วงห้าหมื่นปีที่ผ่านมา ความอดอยาก โรค ภัยไข้เจ็บ และความรุนแรงได้ท�ำลายล้างเผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์เหล่านั้นไปเกือบ ทั้งหมด โดยเหลือไว้แต่พวกเราเท่านั้น แต่บรรพบุรุษของเราประกอบไปด้วยสมาชิก มากมายจากสปีชีส์เหล่านั้น รวมถึงมนุษย์ที่มีลักษณะทางกายภาพแบบสมัยใหม่ที่ รู้จักพวกเขา ที่แต่งงานกับพวกเขา และที่แข่งขันกับพวกเขาเพื่อทรัพยากรด้วย
16 WORLD HISTORY 101 เรื่องราวของการถือกำ�เนิด เกือบทุกธรรมเนียมประเพณีทางศาสนาหรือวัฒนธรรมในโลกนี้มีเรื่องเล่าอันเก่า แก่และศักดิ์สิทธิ์ของการก�ำเนิดมนุษย์ แม้ว่าจะไม่มีความถูกต้องตามหลัก วิทยาศาสตร์ แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็มีความส�ำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งใน ตัวเอง ในขณะที่มนุษย์ที่มีลักษณะทางกายภาพแบบสมัยใหม่เรียนรู้ที่จะควบคุม อ�ำนาจทางการเกษตร พวกเขาก็ตั้งรกรากเป็นเมือง เป็นนครรัฐ และในที่สุดก็ เป็นประเทศขึ้นมา ภายในสถาบันทางสังคมเหล่านี้พวกเขาได้เริ่มเก็บบันทึกเป็น ลายลักษณ์อักษรแบบถาวร บันทึกอันเป็นแหล่งที่มาส�ำหรับเรื่องราวที่กว้างขึ้น ของมนุษย์ เราเรียกเรื่องราวเหล่านั้นว่าประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานจากกระดูก การค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ผู้คนจะเขียนอะไรลงไป หรือก่อนประวัติศาสตร์ เป็น งานที่ยาก มุมมองส่วนใหญ่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์คือมนุษย์ที่มีลักษณะทาง กายวิภาคแบบสมัยใหม่เริ่มปรากฏขึ้นประมาณสองแสนปีที่แล้วในประเทศเอธิโอเปีย และเมื่อไม่นานมานี้ได้กระจายจากจุดนั้นไปยังทั่วโลก พันธุศาสตร์บอกเราว่ามนุษย์ ทุกคนมีบรรพบุรุษและมียีนร่วมกัน การกลายพันธุ์ระดับภูมิภาคในบางแห่งเกิดขึ้น จากสภาพอากาศ แต่การแบ่งมนุษย์ออกเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความแตกต่างกันทาง พันธุกรรมนั้นไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันแท้จริงของสปีชีส์ของเรา ส�ำหรับประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของมนุษย์ บรรพบุรุษของเราทั้งหมดอาศัยอยู่ใน บริเวณทั่วไปร่วมกัน และคงจะถูกจ�ำแนกตามมาตรฐานสากลว่าเป็นสมาชิกของ ชาติพันธุ์เดียวกัน โอโม ฟอสซิล (Omo fossils) อายุ 195,000 ปี และเฮอร์โต ฟอสซิล (Herto fossils) อายุ 160,000 ปีเป็นซากดึกด�ำบรรพ์ของมนุษย์ที่มีลักษณะทาง
ประวัติศาสตร์โลก 101 17 กายวิภาคแบบสมัยใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา และมันเป็นการตอกย�้ำทฤษฎี อันแพร่หลายที่ว่าบรรพบุรุษของเราเรียกเอธิโอเปียว่าบ้าน แต่บรรพบุรุษของเราท�ำ อะไรในช่วงเวลาอันยาวนานในสมัยโบราณนั่น พวกเขาเชื่อในสิ่งใด พวกเขามีชีวิต อย่างไร พวกเขาพูดอย่างไร และพวกเขาต้องการให้ตนเป็นที่จดจ�ำอย่างไร ในขณะที่ ซากของมนุษย์โอโมและเฮอร์โตมักได้รับการพูดคุยไปพร้อมกันราวกับว่าคนโบราณ เหล่านี้อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน แต่เราควรให้ความสนใจกับความจริงที่ว่าช่องว่างของ เวลา 35,000 ปีระหว่างฟอสซิลสองกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นช่องว่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการ ขาดความรู้โดยสิ้นเชิงของส่วนนี้ของประวัติศาสตร์มนุษย์ มีความยาวแปดเท่าของ ช่องว่างระหว่างจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกไว้กับยุคปัจจุบัน ชุมชนมนุษย์เกิดขึ้นและหายไปในช่วงเวลานี้เป็นเวลาหลายพันชั่วอายุคน และเรารู้ เกี่ยวกับพวกเขาน้อยมากเช่นเดียวกับที่พวกเขารู้เกี่ยวกับเรา เราถูกแยกออกจาก บรรพบุรุษยุคแรกที่กล้าหาญของเราอย่างถาวรโดยม่านแห่งกาลเวลาที่ไม่อาจผ่าน เข้าไปได้ เรารู้เกี่ยวกับบรรพบุรุษที่อยู่ห่างจากเรามากขึ้นเพียงเพราะประวัติศาสตร์ ได้มอบวิธีเจาะผ่านม่านนั้นเข้าไป ไดโอโดรัส ซิคูลัสพูดถูกแล้ว โอโม ฟอสซิลถูกค้นพบในปี 1967 และเท่าที่เรารู้ก่อนหน้านั้นไม่มีหลักฐานทาง กายภาพที่บ่งชี้ว่ามนุษย์มีถิ่นก�ำเนิดในเอธิโอเปีย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องค่อนข้างแปลก ที่เมื่อกว่าสองพันปีก่อน ใน Bibliotheca Historica ไดโอโดรัส ซิคูลัส (Diodorus Siculus) (ca. 90-30 B.C.E.) นักประพันธ์ชาวกรีก ได้เขียนเกี่ยวกับเอธิโอเปียไว้ ดังนี้ “ชาวเอธิโอเปีย ตามที่นักประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ เป็นมนุษย์กลุ่มแรก และพวกเขากล่าวว่าข้อพิสูจน์ของค�ำกล่าวนี้มีอยู่อย่างชัดแจ้ง พวกเขา กล่าวว่า ความคิดที่ว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามายังดินแดนในฐานะผู้อพยพ จากต่างแดน แต่พวกเขาเป็นชาวพื้นเมืองของดินแดนนั้นอยู่แล้ว และ ดังนั้นจึงมีชื่อว่า autochthones [‘คนของแผ่นดิน’] อย่างสมควร เป็น
18 WORLD HISTORY 101 ที่ยอมรับจากทุกคน นอกจากนั้น ทุกคนเข้าใจถึงความเป็นไปได้ว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ใต้ดวงอาทิตย์เที่ยงวันคือมนุษย์กลุ่มแรกที่ถูกสร้างขึ้น โดยโลกนี้ เนื่องจากความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นจุดก�ำเนิดของ จักรวาลท�ำให้โลกแห้งลงเมื่อมันยังคงเปียกชุ่มและฝังชีวิตเอาไว้ มัน จึงมีเหตุผลจะคาดคิดว่าดินแดนที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดคือ สถานที่แรกที่ให้ก�ำเนิดสิ่งมีชีวิต” เป็นไปได้มากว่าไดโอโดรัสไม่เคยไปเอธิโอเปีย และการหาอายุจากคาร์บอน จะยังไม่เกิดขึ้นอีกนับพันปี แต่ในขณะที่เหตุผลของเขาไม่สามารถน�ำมาใช้ได้อย่าง แน่นอน เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าเอธิโอเปียไม่ได้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ไปมากกว่าส่วน อื่นๆ ของโลก ข้อสรุปของเขา ซึ่งน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาดั้งเดิมในสมัยนั้น มีความถูกต้อง และเราก็ไม่รู้ว่าท�ำไม มันอาจเป็นการคาดเดาที่โชคช่วย หรืออาจ เป็นธรรมเนียมประเพณีการเล่าแบบปากเปล่าที่ได้รับการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม หรือ อาจเป็นเพียงแค่การสังเกตซากปรักหักพังของการตั้งถิ่นฐานอันเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ โบราณซึ่งตอนนี้ได้หายไปแล้ว เราไม่รู้แน่ชัด และเราคงไม่มีวันรู้ ประวัติศาสตร์เต็ม ไปด้วยเรื่องลึกลับเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เสมอ เมืองแรก นกสร้างรัง บีเวอร์สร้างเขื่อน และมนุษย์สร้างแคมป์ แม้ว่าการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ที่เก่าแก่ที่สุดที่ถูกค้นพบจะมีอายุ “เพียง” นับหมื่นปี แต่เราสามารถสันนิษฐานได้ จากความรู้เกี่ยวกับตัวเรา ว่าแม้กระทั่งมนุษย์ยุคแรกสุดก็คงจะพบสภาพแวดล้อม ที่พวกเขาชอบและปรับแต่งมันให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา ในขณะที่พวก เขาไม่จ�ำเป็นต้องมีเมืองเพื่อที่จะมีโครงสร้างทางการเมือง (ชุมชนเร่ร่อนส่วนใหญ่ สร้างโครงสร้างทางการเมืองขึ้นมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไร) เราก็จ�ำเป็นต้องมีสภาพ แวดล้อมแบบเมืองเพื่อสร้างโครงสร้างทางการเมืองแบบถาวรที่ทิ้งวัตถุบางอย่างไว้ เพียงพอส�ำหรับการสร้างบันทึกทางประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์โลก 101 19 จากข้อเท็จจริงดังกล่าว คุณอาจประหลาดใจที่รู้ว่านักประวัติศาสตร์ไม่มี ความคิดเห็นตรงกันด้วยซ�้ำว่าเมืองคืออะไร ตัวอย่างเช่น การตั้งถิ่นฐานโอฮาโล 2 (Ohalo II) ที่มีอายุ 21,000 ปีในอิสราเอลเป็นไปตามเกณฑ์ส่วนใหญ่ที่เราเชื่อมโยง กับเมือง ผู้คนอาศัยอยู่ที่นั่นในแบบระยะยาว พวกเขามีกระท่อมแบบถาวร และมี หลักฐานบ่งชี้ว่าพวกเขาท�ำการเกษตร (มีการพบเมล็ดพันธุ์มากกว่าร้อยพันธุ์ใน บริเวณ) แต่สิ่งปลูกสร้างไม่มีความคงทนและประชากรในโอฮาโล 2 น่าจะมีจ�ำนวน น้อย ดังนั้นโดยทั่วไปมันจึงถูกเรียกว่าหมู่บ้านมากกว่าเมือง เมื่อเราเรียกการตั้ง ถิ่นฐานโบราณว่าเมือง เราไม่เพียงแค่บอกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่นเท่านั้น แต่เรา ยังหมายความว่ามันด�ำรงอยู่นานพอและมีความมั่นคงเพียงพอจนมันพัฒนา วัฒนธรรมของตัวเองขึ้น เมื่อใช้ค�ำนิยามนี้ นอกเหนือจากค�ำนิยามอื่นๆ นัก ประวัติศาสตร์จึงมักเชื่อว่าเมืองอย่างที่เรารู้จักกันนั้นมีอยู่เพียงหนึ่งหมื่นห้าพันปีที่ ผ่านมานี้เอง ส�ำหรับประวัติศาสตร์การสร้างเมืองของมนุษยชาติส่วนใหญ่ เมืองที่ เจริญรุ่งเรืองของโลกสามารถพบได้ในที่เดียว คือตรงจุดบานพับอันอุดมสมบูรณ์ที่ เชื่อมต่อทวีปแอฟริกา เอเชีย และยุโรปไว้ด้วยกันที่เราเรียกว่าตะวันออกกลาง
20 WORLD HISTORY 101 อารยธรรมมนุษย์ในซูเมอร์ และอัคคาด HUMAN CIVILIZATION IN SUMMER AND AKKAD แหล่งก�ำเนิดของประวัติศาสตร์ “สิ่งที่ข้าได้กล่าวแก่เจ้าตอนเที่ยงคืน ขอให้นักร้องกล่าวซ�้ำตอนเที่ยงวัน” —เอนเฮดูอันนา (Enheduanna) (ca. 2285-2250 B.C.E.) หัวหน้านักบวชหญิงแห่งอูร์ (Ur) แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย ดับเบิลยู. ดับเบิลยู. ฮอลโล (W.W. Hallo) และ เจ. เจ. เอ. แวน ไดจ์ค (J.J.A. van Dijk) ประวัติศาสตร์ของมนุษย์เริ่มต้นที่เมือง ไม่ใช่ประเทศ ความเชี่ยวชาญด้าน การเกษตรคือสิ่งที่ท�ำให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานแทนที่จะอพยพจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และการตั้งถิ่นฐานนี้คือสิ่งที่ท�ำให้ผู้คนบันทึกเรื่องราวด้วยภาษาเขียน ซึ่งสามารถ เก็บรักษาไว้ได้ แทนที่จะบันทึกผ่านประวัติศาสตร์แบบบอกเล่าปากเปล่าเพียงอย่าง เดียว เมื่อห้าพันปีที่แล้วมีดินแดนเพียงไม่กี่แห่งบนโลกนี้ที่เหมาะส�ำหรับการท�ำ เกษตรกรรมของมนุษย์มากกว่าดินแดนที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่าพระจันทร์เสี้ยว
ประวัติศาสตร์โลก 101 21 อันอุดมสมบูรณ์ บริเวณนี้ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) (ภาษากรีกแปลว่า “ระหว่างสองแม่น�้ำ” อยู่ระหว่างแม่น�้ำไทกริส (Tigris) และยู เฟรทีส (Euphrates) ซึ่งปัจจุบันเราเรียกมันว่าประเทศอิรักและตุรกี ผู้คนในบริเวณ นั้นที่เรียกตัวเองว่า sag-giga (“คนหัวด�ำ”) ได้ก่อตั้งและปกครองเมืองที่เชื่อมต่อ กันหลายสิบเมือง ผลิตวรรณกรรม ศิลปะ สถาปัตยกรรม และดนตรีจ�ำนวนมาก อีก ทั้งยังทิ้งอารยธรรมแรกของโลกที่เรารู้จักกันไว้เบื้องหลัง มีเพียงอียิปต์เท่านั้นที่เป็น คู่แข่งกับมันได้ในแง่ของอายุ โครงร่างกว้างๆ ของประวัติศาสตร์เมโสโปเตเมียสามารถแบ่งออกได้เป็น สองช่วง คือช่วงเวลาก่อน 2300 B.C.E. เมื่อนครรัฐที่เป็นพันธมิตรแบบหลวมๆ ที่ เรียกว่าซูเมอร์ (Sumer) พูดภาษาเดียวกันและจัดการกับความท้าทายทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ และการทหารร่วมกัน และช่วงเวลาหลัง 2300 B.C.E. เมื่อมันถูกปกครอง โดยหลายชาติสับเปลี่ยนกันไป ชาติแรกในกลุ่มชาติเหล่านั้นคืออัคคาด (Akkad) ซึ่งตั้งชื่อตามเมืองต้นก�ำเนิดของมัน วันเวลาในซูเมอร์ หากคุณอาศัยอยู่ในซูเมอร์ในช่วงแรกๆ ชีวิตของคุณคงวนเวียนอยู่กับการเกษตร และสภาพอากาศ ตรงกันข้ามกับเมืองสมัยใหม่ที่แหล่งอาหารของเรามีความมั่นคง และมีให้เราเห็นได้ไม่มากก็น้อย เมืองสุเมเรียนหลายสิบเมืองที่กระจายอยู่ตามที่ราบ น�้ำท่วมถึงของแม่น�้ำไทกริสและยูเฟรทีสมีความเหมือนชุมชนในชนบทในสมัย ปัจจุบันมากกว่า พลเมืองจะรู้ว่าอาหารของพวกเขามาจากไหน และการขาดแคลน อาหารก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ มันท�ำให้ข้อตกลงระหว่างเมืองสุเมเรียนต่างๆ มี ความส�ำคัญมากส�ำหรับการอยู่รอดในระยะยาวของพวกเขา ข้อตกลงยังมีความจ�ำเป็นในการจัดการกับน�้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริง ของชุมชนริมฝั่งแม่น�้ำในยุคแรกเหล่านี้ หลังจากศูนย์กลางวัฒนธรรมของเมือง ชูรัปแพก (Shuruppak) ถูกน�้ำท่วมเมื่อประมาณ 3100 B.C.E. ผู้รอดชีวิตและผู้อยู่ อาศัยในเมืองใกล้เคียงได้พูดคุยถึงมัน และเรื่องราวได้รับการเล่าขานสืบต่อกันมา เป็นเวลามากกว่าพันปี มันถึงกับมีการพูดกันว่า อุทนาพิชทิม (Utnapishtim)
22 WORLD HISTORY 101 ตัวละครในต�ำนานที่เหมือนกับโนอาห์ (Noah) ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์น�้ำท่วมโลก มีต�ำแหน่งเป็นเจ้าเมืองชูรัปแพกในเวลานั้น แต่ภาวะขาดแคลนอาหารและภัยธรรมชาติไม่ใช่ภัยคุกคามเพียงสองอย่าง ที่ชาวสุเมเรียนต้องเผชิญ พันธมิตรยังมีความจ�ำเป็นในการยับยั้งสงคราม นัก โบราณคดีได้ค้นพบซากปรักหักพังลึกลับที่พวกเขาเรียกว่าฮามูการ์ (Hamoukar) ที่อยู่ไม่ห่างจากอูรุก (Uruk) นัก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเคยเป็นเมืองมาก่อน ณ จุดหนึ่ง ประมาณ 3500 B.C.E. ฮามูการ์ถูกล้อมโดยอาวุธปืนที่หนักที่สุดที่มีอยู่ในขณะนั้น ลูกปืนดินเหนียวที่ถูกยิงออกมาเจาะก�ำแพงเมืองและโครงสร้างภายในเป็นรูและน่า จะเป็นอันตรายถึงชีวิตส�ำหรับเป้าหมายที่เป็นมนุษย์ที่อยู่ในเส้นทางของมัน เรายัง ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รุกรานเมืองฮามูการ์และด้วยเหตุผลใด และงานเขียนของสุเมเรียน ที่เหลืออยู่ก็ไม่มีบันทึกเหตุการณ์ที่ชัดเจน แต่มันบอกเล่าถึงอันตรายที่ทุกเมืองต้อง เผชิญหากพวกเขาไม่เตรียมพร้อมส�ำหรับสงคราม กูเดอาแห่งลากาช หากคุณเคยเห็นรูปปั้นของชาวสุเมเรียน มันก็คงจะเป็นรูปปั้นของกูเดอา (Gudea) เจ้าเมืองและนักปฏิรูปสังคมที่ปกครองเมืองลากาช (Lagash) เป็นเวลายี่สิบปี ซึ่งเริ่มต้นประมาณปี 2144 B.C.E. กูเดอาริเริ่มการก่อสร้างและการปฏิรูปสังคม หลายโครงการในนครรัฐบ้านเกิดของเขา รวมถึงการอนุญาตให้ผู้หญิงมีสิทธิใน การรับมรดกได้ด้วย จากหลากหลายรวมเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ว่าซูเมอร์จะมี lugals (“พระราชา”) มากมายหลายคนสืบต่อกันมา แต่โดย ทั่วไปแล้วพวกเขาเป็นเจ้าเมืองของนครรัฐหนึ่งที่ได้รับอ�ำนาจทางการทูตในระดับ ภูมิภาคมากกว่า ไม่มีนครรัฐใดที่ผูกขาดอ�ำนาจนี้โดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ จะมี lugal จากเมืองหนึ่งและจากนั้นก็มี lugal จากอีกเมืองหนึ่ง และเส้นทางสู่