The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่าง ครั้งแรกในสยาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arrowclassicbook, 2024-01-10 04:35:37

ตัวอย่าง ครั้งแรกในสยาม

ตัวอย่าง ครั้งแรกในสยาม

กติติโลหเพชรตัน: เรยีบเรยีง


บรรณาธิการ : นิคม ชาวเรือ กองบรรณาธิการ : สุภาภรณ์ สว่างจันทร์, วลัยกร เต็มขันท์, ปวันรัตน์ เกียรติธีรชัย รูปเล่ม : สุพรรษา เฮงปถม ออกแบบปก : ชมพูนุช ขอดคำ พิสูจน์อักษร : วราภรณ์ เพียรพร้อม ฝ่ายขาย : ณลิณพรรณ เผ่าพันธุ์ขาว ผู้จัดการทั่วไป : เดือนนภา สุรามิตร จัดจำ หน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำ กัด 108 หมู่ที่ 2 ถ.บางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 02-423-9999 โทรสาร 02-449-9561-3 www.naiin.com พิมพ์ที่ : บริษัท ออฟเซ็ทพลัส จำ กัด 95/39 หมู่ 8 ซอย สุขสวัสดิ์ 84 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 10290 โทรศัพท์ 0-2461-2161-4 โทรสาร 0-2461-2165 ทำ เพลตและแยกสีโดย : [email protected] โทรศัพท์ 0-2883-0360-1 © สงวนลิขสิทธิ์โดย บริษัท แอร์โรว์ มัลติมีเดีย จำ�กัด ห้ามนำ�ส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียน ทำ�สำ�เนา ถ่ายเอกสาร หรือนำ�ไปเผยแพร่ใน อินเทอร์เน็ต หรือสื่อต่างๆ ไม่ว่าในรูปแบบใด นอกจากได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ข้อมูลทางบรรณานุกรม กิตติ, โล่ห์เพชรัตน์. ครั้งแรกในสยาม.—กรุงเทพฯ : แอร์โรว์, 2567. 288 หน้า. 1. ประวัติศาสตร์ I. กิตติ โล่ห์เพชรัตน์, II. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-434-371-9 สำ นักพิมพ์ก้าวแรก ในเครือบริษัท แอร์โรว์ มัลติมีเดีย จำ กัด เลขที่ 1 ถนนกำแพงเพชร 5 แยก 6 (โกสุมนิเวศน์ ซ.2) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 02-573-6584, 065-403-7466 โทรสาร 02-573-6585 Email : [email protected] Line ID : @arrow11 www.arrowmultimedia.co.th กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ : เรียบเรียง พิมพ์ พ.ศ. 2567 ราคา 270 บาท ครั้งแรกในสยาม


คำ�นำ�ผู้เขียน คนไทยดำ รงอยู่บนแผ่นดินขวานทองผืนนี้มาเป็นเวลาช้านาน จนเกิด ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่น่าศึกษาเรียนรู้ แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ชาติ- ไทยย่อมมีเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งยากจะพรรณนา ได้หมด โดยเฉพาะศูนย์รวมอย่างกรุงเทพมหานคร ที่เป็นเมืองหลวงของ ประเทศไทยมากว่า 200 ปี หนังสือเล่มนี้ได้ร้อยเรียงเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำ มาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ และมาจากความทรงจำของผู้เขียน ตั้งแต่วัยเด็ก โดยหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมทั้งที่มาที่ไปของชื่อและเหตุการณ์ ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้จะมีเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาบ้าง เพื่อให้เรื่องราว นั้นสมบูรณ์ เรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก บางครั้งเกิดขึ้นเพียง ครั้งเดียว แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนา ต่อยอด แน่นอนว่าในอนาคตจะมีเรื่องราวและเหตุการณ์สารพัดที่จะเกิด ขึ้นครั้งแรกอีก และจะเกิดขึ้นแบบนี้ไปไม่รู้จบสิ้น ตราบใดที่มวลมนุษยชาติ ยังคงอยู่บนโลกใบนี้


เรื่องราวและเหตุการณ์ใดก็ตาม ถ้าเรามองด้วยความตั้งใจและ มองอย่างลึกซึ้งลงไป มันจะเกิดแง่มุมต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราได้ฉุกคิด และปรับมุมมองบางประการ เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต นับเป็นรากฐาน สำคัญในปัจจุบัน ที่จะพัฒนาต่อยอดออกไป อันจะสร้างความเจริญรุ่งเรือง ให้แก่ประเทศชาติสืบไปในอนาคต ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อได้ความรู้พร้อมกับ ได้แง่คิด อีกทั้งได้ความเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวต่างๆ ของประวัติศาสตร์ ชาติไทย ซึ่งผู้เขียนหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ด้วยความเคารพรักยิ่ง กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ หมายเหตุ : ขอขอบคุณรูปภาพจากแหล่งต่างๆ ไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง


สารบัญ บทที่ 1 เหตุการณ์อันเกี่ยวเนื่องกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก 14 สมเด็จพระบรมราชินีพระองค์แรก 15 ผลัดแผ่นดินครั้งแรก 16 กษัตริย์ที่มีพระชนม์ชีพ 3 ราชวงศ์ 3 ราชธานี 17 ผลัดแผ่นดินออกนอกสายตรง 18 พระราชาปกครองพร้อมกัน 2 พระองค์ 20 พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย 22 สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก 23 พระเจ้าแผ่นดินเสด็จประพาสยุโรป 25 เจ้าฟ้าที่เสกสมรสกับชาวยุโรป 27 พระเจ้าแผ่นดินสละราชสมบัติ 28 ผลัดแผ่นดินจากอาสู่หลาน 31 สมเด็จพระอัยยิกาเจ้า 2 แผ่นดิน 33 พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชสมภพที่ต่างประเทศ 36 พระสหาย (ฝรั่ง) คนแรกของพระราชา 37 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ ริ 39 พระเจ้าแผ่นดินที่ได้รับการสดุดีจากทั่วโลก 42 เจ้าฟ้านักบิน 44


บทที่ 2 พระราชพิธีสำ คัญ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก 46 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2 ครั้งในรัชกาลเดียว 47 ราชประเพณีที่ไม่มีวันหวนคืน 50 กษัตริย์ที่ไม่ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 54 พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในระบอบประชาธิปไตย 57 พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก 60 พระราชพิธีทรงครองราชย์ 50 ปี และ 60 ปี 61 แรกเริ่มมีพระราชพิธีที่สำ คัญ 63 บทที่ 3 พระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระอารามแรก กับเครื่องทรงพระพุทธรูป 66 สมเด็จพระสังฆราชองค์แรก 68 วัดประจำ รัชกาล 70 พระพุทธรูปสำ คัญในพระเจดีย์ 71 การอัญเชิญพระพุทธรูปครั้งใหญ่ 73 ออกพระนามพระมหากษัตริย์ตามชื่อพระพุทธรูป 76 ทรงผนวชขณะทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน 77 สามเณร 9 ประโยค กับพระสังฆราช 18 ประโยค 78 การค้นพบพระพุทธรูปครั้งยิ่งใหญ่ 83 พระราชศรัทธาอันแรงกล้า 87 บทที่ 4 งานศิลป์และเชิงช่าง กับธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ งานศิลป์และเชิงช่าง กับสิ่งล้ำ ค่าของชาติ 92 ธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ 96


บทที่ 5 การเมืองการปกครอง พระมหาอุปราช (วังหน้า) 105 กบฏครั้งแรก 109 ตระกูลแรกที่เป็นสมเด็จเจ้าพระยา 3 คนในช่วงเวลาต่อเนื่อง 110 ปฏิรูปการปกครอง 113 ปฏิวัติครั้งแรก 115 รัฐธรรมนูญฉบับแรก 116 นายกรัฐมนตรีคนแรก กับรัฐประหารครั้งแรก 117 กบฏครั้งแรกหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 119 ผู้ว่าฯ กทม.คนแรก 122 นานาเหตุการณ์การเมืองการปกครอง 123 บทที่ 6 การคมนาคมสัญจร คมนาคมทางน้ำ 130 ถนนหนทาง และคมนาคมทางบก 136 คมนาคมทางราง 146 สะพานในพระนคร 153 การคมนาคมทางอากาศ 159 บทที่ 7 การทูต การค้า และการคลัง การทูตและการค้า 162 ร้านค้าและห้างในเมืองไทย 172 เศรษฐกิจการเงินการคลัง 177


บทที่ 8 ดนตรี กีฬา บันเทิง และการติดต่อสื่อสาร ราชันผู้สร้างสรรค์ 180 พระมหากษัตริย์กับการกีฬา 187 การสื่อสารทางภาพและเสียง 193 เหตุการณ์กีฬาและบันเทิงที่น่าสนใจ 203 บทที่ 9 การศึกษา สาธารณสุข การเกษตร และวิทยาการตะวันตก การศึกษาเรียนรู้ 209 โรงเรียนจีนสมัยรัตนโกสินทร์ 219 ตำ รับยาโบราณตะวันออก 220 การแพทย์ตะวันตก 222 การเกษตรและวิทยาการตะวันตก 224 บทที่ 10 การทหารและความมั่นคง การศึกสงคราม 230 การเสียดินแดนครั้งแรก 232 ครั้งแรกที่ไทยเสียดินแดนเขมร 233 นานาน่ารู้เกี่ยวกับการทหาร 237 บทที่ 11 สังคมและวิถีชีวิตผู้คน ชุมชนเก่าแก่ 243 จุดกำ เนิดนามสกุล 246 แรกเริ่มรสชาติลิ้นคนไทย 247 วิถีชีวิตผู้คน 250


บทที่ 12 สารพัดสารพันที่น่ารู้ ที่มาของเพลงชาติ 255 แรกเริ่มมีสารพัดสารพัน 257 ที่มาของคำ เรียกขาน 265 จากบางกอกสู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร 276


“บ้านเมืองเรานี้ คนรุ่นเก่ามีความสามารถ รักษาบ้านเมืองไว้อย่างสงบสุข พอที่จะมีศิลปกรรมต่างๆ อันเป็นที่เชิดหน้าชูตา มาได้อย่างเป็นระยะอันยาวนานไม่ขาดสาย ดังนั้น จึงเป็นข้อเตือนใจให้เราคนรุ่นหลังได้นึกอยู่ตลอดเวลา ที่เราจะรักษาบ้านเมืองของเราไว้” -------------------- ๐๐๐ -------------------- พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) -------------------- ๐๐๐ --------------------


เหตุการณ์อันเกี่ยวเนื่องกับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ แห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้ดำรงตำแหน่ง เสนาบดีพระคลังระหว่างปี พ.ศ. 2200 - 2226 คือ “ออกญาโกษาธิบดี (ปาน)” ผู้มีบทบาทที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดี ด้วยการเป็น ราชทูตคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ได้เดินทางไปถึงแผ่นดินยุโรป เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) มีบุตรชายชื่อ “ขุนทอง” ภายหลัง ได้รับยศเป็นพระยาอัสดาเรืองเดช และได้เลื่อนเป็นพระยากลาโหมและ พระยาวรวงศาธิราชสนิท เสนาบดีด้านการต่างประเทศ ท่านขุนทองมีบุตร คนโตชื่อ “ทองคำ” เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ และได้เลื่อนยศเป็นพระยาราชนิกูล ตำแหน่งปลัดว่าการกรมมหาดไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ท่านทองคำมีบุตรชื่อ “ทองดี” 1


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 15 ท่านทองดีรับราชการในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในตำแหน่งหลวงพินิจอักษร เสมียนตราประจำกรมมหาดไทย และ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายก่อนกรุงแตกเป็น “พระยาจักรีศรี องครักษ์” หลังกรุงแตกท่านได้พาครอบครัวหนีภัยสงครามไปอยู่เมือง ต่างๆ จนถึงแก่อนิจกรรม ท่านทองดีมีบุตรคนที่ 4 ชื่อว่า “ทองด้วง” ซึ่งต่อมาได้ดำรง ตำแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี เป็นแม่ทัพคนสำคัญใน สมัยกรุงธนบุรี และดำรงตำแหน่งเป็น “เจ้าพระยาจักรี” และ “สมเด็จ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก” ตามลำดับ ต่อมาปราบดาภิเษกขึ้นเป็น “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ปฐมกษัตริย์แห่ง พระบรมราชจักรีวงศ์ ด้วยเหตุนี้ พระยาจักรีศรีองครักษ์ (ทองดี) จึงเป็น “สมเด็จพระ ปฐมบรมมหาชนก” คือทรงเป็นพระมหาชนกพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี สมเด็จพระบรมราชินีพระองค์แรก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ (รัชกาลที่ 1) เมื่อครั้ง ที่ทรงดำรงตำแหน่งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี พระองค์ได้สมรสกับ “คุณนาค” ที่ต่อมาคือ “สมเด็จพระอมรินทรามาตย์” ทรงเป็นสมเด็จพระ บรมราชินีพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงเป็นธิดาของคหบดีใหญ่ในตระกูลบางช้าง บ้าน อัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม พระองค์ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 9 พระองค์ ใน จำนวนนี้ พระองค์ที่ 4 ได้แก่ “สมเด็จเจ้าฟ้าชายฉิม” หรือ “สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร” ที่ต่อมาคือ “พระบาท


16 ครั้งแรกในสยาม สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” (รัชกาลที่ 2) และพระองค์ที่ 7 ได้แก่ “สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุ้ย” ที่ต่อมาคือ “สมเด็จกรมพระราชวังบวร มหาเสนานุรักษ์” วังหน้าพระองค์ที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผลัดแผ่นดินครั้งแรก ปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกฯ ทรงเตรียมองค์รัชทายาทไว้ล่วงหน้า โดยหลังจาก “สมเด็จกรม พระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท” ผู้มีตำแหน่งวังหน้า (หรือตำแหน่ง “กรมพระราชวังบวรสถานมงคล”) เสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2346 แม้จะสิ้นวังหน้าแต่ยังมี “สมเด็จกรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรม พระราชวังบวรสถานภิมุข” ผู้มีตำแหน่งวังหลัง (หรือตำแหน่ง “กรม พระราชวังบวรสถานพิมุข”) ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์เป็นผู้ที่มี อำนาจบารมีสูง (เป็นหนึ่งในผู้ร่วมสถาปนาราชวงศ์จักรี) อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องวังหลังจบลง เมื่อกรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ เสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 เมื่อสิ้นทั้งวังหน้าและวังหลัง ในปีเดียวกันนี้ได้มีพระราชพิธี อุปราชาภิเษก โดย “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวง อิศรสุนทร” ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นกรมพระราชวัง บวรสถานมงคล หรือวังหน้าสืบแทน อันเป็นนัยที่รัชกาลที่ 1 ทรงวางไว้ เป็นองค์รัชทายาท ครั้นปี พ.ศ. 2352 รัชกาลที่ 1 เสด็จสวรรคต พระบรมวงศานุ วงศ์พร้อมทั้งขุนนางได้กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวง อิศรสุนทรขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ นับเป็นการผลัดแผ่นดิน ครั้งแรกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 17 กษัตริย์ที่มีพระชนม์ชีพ 3 ราชวงศ์ 3 ราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ (รัชกาลที่ 1) เสด็จ พระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2279 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา (ซึ่งเป็นราชวงศ์บ้านพลูหลวง) เมื่อ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ปราบดาภิเษกขึ้นเป็น พระเจ้าแผ่นดิน และย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี รัชกาลที่ 1 ได้เข้าถวาย ตัวรับราชการ ทรงเป็นกำลังสำคัญในการกอบกู้บ้านเมืองและทำศึก สงครามหลายครั้ง จนมีความดีความชอบมากมาย จึงได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็น “สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก” ครั้นปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ขณะนั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกำลังไปราชการ สงครามอยู่ที่เขมร จึงเป็นโอกาสให้ พระยาสรรค์กับพวกคิดกบฏ จนเกิดเหตุ จลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทราบข่าวจึงได้ ยกทัพกลับ พระองค์ทำการปราบปราม กบฏได้สำเร็จ จนบ้านเมืองสงบเรียบร้อย จากนั้นฝ่ายขุนนาง ข้าราชการ และ อาณาประชาราษฎร์ต่างเห็นพ้องต้องกัน และได้อัญเชิญพระองค์ปราบดาภิเษก ขึ้นครองแผ่นดิน ทรงขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระชนม์ชีพ ถึง 3 ราชวงศ์ 3 ราชธานี


18 ครั้งแรกในสยาม ครั้นปี พ.ศ. 2352 รัชกาลที่ 1 เสด็จสวรรคต พระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมทั้งขุนนางได้กราบบังคมทูลอัญเชิญ “เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร” ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พระ ราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2310 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (ช่วงเวลากำลังจะเสีย กรุงฯ) ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงเห็นได้ว่า รัชกาลที่ 1 ทรงเป็นพระมหา กษัตริย์ที่มีพระชนม์ชีพถึง 3 ราชวงศ์ 3 ราชธานี (กรุงศรีอยุธยา, กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์) พระองค์แรก และรัชกาลที่ 2 ทรงเป็นพระองค์ที่ 2 ซึ่งหาได้ยากยิ่ง ผลัดแผ่นดินออกนอกสายตรง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงเป็น พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 กับ “เจ้าจอมมารดาเรียม” (ต่อมาคือ “สมเด็จพระศรีสุลาลัย”) ทรงมีพระนามว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ด้วย เวลานั้นพระบรมชนกนาถยังดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม จนเมื่อ พระบรมชนกนาถได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) พระโอรส-ธิดาที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจึงได้เลื่อนพระยศขึ้น เป็น “พระองค์เจ้า” ทุกพระองค์ หม่อมเจ้าชายทับจึงได้เลื่อนฐานันดร ศักดิ์ขึ้นเป็น “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ” เมื่อพระบรมชนกนาถเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 2 ในปี พ.ศ. 2352 พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น “พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ” จนปี พ.ศ. 2356 ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ทรง


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 19 กรมเป็น “พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ กรมหมื่นเจษฎา บดินทร์” กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงพระปรีชาสามารถในศาสตร์หลาย แขนง จึงทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบรมชนกนาถ ให้ไป บังคับบัญชาหน่วยราชการอื่นๆ ต่างพระเนตรพระกรรณ 15 ปีตลอดรัชกาลที่ 2 กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นผู้ที่มีบทบาท สูงสุด ยิ่งเมื่อสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ (วังหน้า) และ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี ว่าที่กรมวังและมหาดไทย เสด็จทิวงคต และสิ้นพระชนม์ตามกันไป โดยรัชกาลที่ 2 มิได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นแทน งานราชการทั้งหมดรวมทั้งกรมท่า และกรมพระคลังมหาสมบัติ จึงตก อยู่กับกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เพียงพระองค์เดียว เป็นการดูแลงาน ต่างพระเนตรพระกรรณโดยแท้จริง ปี พ.ศ. 2367 เมื่อรัชกาลที่ 2 ทรงพระประชวรใกล้สวรรคต พระองค์มิได้รับสั่งเป็นการเฉพาะเจาะจงผู้หนึ่งผู้ใดเป็นองค์รัชทายาท หากอาศัยธรรมเนียมแห่งราชประเพณี ราชสมบัติย่อมตกกับ “เจ้าฟ้ามงกุฎ” เพราะทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ที่ประสูติจาก สมเด็จพระบรมราชินี แต่เจ้าฟ้ามงกุฎทรงขาดทั้งกำลังและผลงาน โดย ไม่เคยทรงงานใหญ่มาก่อน และยังขาดขุนนางที่มีอิทธิพลให้การสนับสนุน ผู้ที่มีทั้งกำลังทั้งผลงานและมีผู้สนับสนุน คือกรมหมื่นเจษฎา บดินทร์ (ทรงมีพระชนมายุมากกว่าเจ้าฟ้ามงกุฎ 17 ปี) ด้วยทรงรอบรู้ กิจการบ้านเมืองเป็นอย่างดี ทรงปราดเปรื่องในด้านต่างๆ กับทั้งพระองค์ ทรงเป็นผู้มีน้ำพระทัย จนเป็นที่รักใคร่นับถือแก่คนทั่วไป อีกทั้งในช่วงเวลานั้นบ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ยังคงมีศึก สงครามอยู่เนืองๆ แม้จะขาดความชอบธรรมทางราชประเพณี แต่ได้


20 ครั้งแรกในสยาม รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจในขณะนั้น ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และ เหล่าขุนนาง (โดยเฉพาะตระกูล “บุนนาค” ที่มีบทบาทมาก) ต่างพิจารณา เห็นควรถวายราชสมบัติให้แก่พระองค์ จึงพร้อมใจกันอัญเชิญกรมหมื่น เจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชสมบัติ โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีขึ้น เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฎ หรือ “วชิรญาณภิกขุ” ทรงผนวชอยู่ ทรง ตัดสินพระทัยที่จะผนวชต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา การสืบราชสมบัติครั้งนี้ ถือเป็นการออกนอกสายตรงครั้งแรก สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คือผู้ที่ครองแผ่นดินไม่ใช่เป็น “เจ้าฟ้า” (5 ใน 10 รัชกาล เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชชนนีมาจาก สามัญชน) พระราชาปกครองพร้อมกัน 2 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงดำรง สิริราชสมบัติอยู่ 27 ปี เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2394 พระราชวงศ์และ เหล่าขุนนางเสนาบดีต่างเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่ “สมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ” (วชิรญาณภิกขุ) ด้าน “สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)” ได้ไปเฝ้าวชิรญาณภิกขุ ณ วัดบวรนิเวศฯ จากนั้นวชิรญาณภิกขุทรงลา ผนวช รวมเวลาที่ทรงบวชเป็นพระภิกษุทั้งสิ้น 27 พรรษา พระองค์เสด็จ ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 4 ด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงมี พระราชอนุชาร่วมพระราชชนนี คือ “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 21 จุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์” ทรงยกย่องพระราชอนุชาพระองค์นี้ ยิ่งกว่าพระมหาอุปราช รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า จุฑามณีฯ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว” ให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดิน ด้วยรัชกาลที่ 4 ทรงมีความรู้เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ ทรงตรัส ในทำนองว่า ดวงพระชะตาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณีฯ แข็งมาก ต้องได้เป็นพระมหากษัตริย์เช่นกัน ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล” (วังหน้า) อีก ด้วย ทำให้ในรัชสมัยนี้ ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ปกครองพร้อม กัน 2 พระองค์ ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ซ้าย) พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขวา) พระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ในช่วงเวลาเดียวกัน


22 ครั้งแรกในสยาม พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงโปรด การอ่านหนังสือและนิตยสารภาษาอังกฤษ ที่ส่งเข้ามาจากสิงคโปร์ ทรง สนพระทัยและทรงศึกษาวิชาดาราศาสตร์อย่างจริงจัง จนทรงเป็นยอด นักดาราศาสตร์ พระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยทรงคำนวณว่าจะเกิดสุริยุปราคาล่วงหน้าถึง 2 ปี คือจะเกิดขึ้น ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ทั้งนี้ทรงคำนวณว่าจะเกิดสุริยุปราคา เต็มดวง ในประเทศไทย ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 พ.ศ. 2411 และจะมอง เห็นได้ชัดเจนที่สุด ณ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) กับคณะชาวต่างประเทศ หน้าพลับพลาที่ประทับ ค่ายหลวง ณ ต.หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 23 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพลับพลา เพื่อเสด็จฯ ทอดพระเนตร ปรากฏการณ์ในครั้งนั้น พร้อมกับคณะทูตานุทูต เมื่อถึงเวลาที่ทรงคำนวณก็ได้เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงดังที่ทรงคำนวณไว้จริงๆ ทำให้พระองค์ ได้รับการยกย่องจากชาวตะวันตกเป็นอย่างมาก เพราะในเวลานั้นแม้แต่ นักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตกก็มีเพียงไม่กี่คน ที่สามารถคำนวณการ เกิดสุริยุปราคาได้ รัชกาลที่ 4 จึงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของไทยและของโลก ที่ สามารถคำนวณการเกิดสุริยุปราคาได้อย่างแม่นยำ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ในด้านวิทยาศาสตร์ ปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประกาศยกย่องรัชกาล ที่ 4 ให้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และอนุมัติให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก จากเหตุการณ์ “วิกฤตวังหน้า” (ความขัดแย้งระหว่างวังหลวง กับวังหน้า จนเกือบจะเกิดสงครามกลางเมือง) ทำให้หลังจาก “กรม พระราชวังบวรวิไชยชาญ” เสด็จทิวงคตเมื่อปี พ.ศ. 2428 จึงเกิด ธรรมเนียมการสืบราชสันตติวงศ์ใหม่ กล่าวคือมีการกำหนดตัวบุคคล ชัดเจน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรง สถาปนา “เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ” ขึ้นเป็น “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร” ทำให้ทรงเป็น “สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร” พระองค์แรกของไทย


24 ครั้งแรกในสยาม (ทรงเป็นลุงแท้ๆ ของรัชกาลที่ 8 และ 9) อันหมายถึงทรงเป็นองค์ รัชทายาทส่งผลให้ “สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี” พระราชชนนีถูกยกขึ้นเป็นพระมเหสีเอก (ต่อมาคือ “สมเด็จพระศรี สวรินทิราฯ พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ทรงเป็นย่าของรัชกาลที่ 8 และ 9) แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ “สมเด็จพระบรมโอรสา ธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร” เสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2437 (พระชนมายุ 15 ปี 6 เดือน 8 วัน) ทรงดำรงตำแหน่งสยามกุฎ ราชกุมารได้เพียง 8 ปี พระราชโอรสองค์ถัดมาของพระมเหสีเอกที่จะได้รับตำแหน่งสืบ ต่อมี 2 พระองค์ คือ “เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย” และ “เจ้าฟ้ามหิดล” อย่างไรก็ตาม ได้มีการสลับสายไปสู่พระราชโอรสใน “สมเด็จ พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีฯ” (ต่อมาคือ “สมเด็จพระศรีพัชริทรา บรมราชินีนาถฯ”) “เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ” ทรงเป็น “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร” พระองค์แรกของไทย


กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ 25 รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนา “เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ” ขึ้นเป็นสยาม มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ (ต่อมาคือรัชกาลที่ 6) และยกพระราชชนนี ขึ้นเป็นพระมเหสีเอก ในการลำดับองค์รัชทายาทนั้น จะนับพระอัครมเหสีพระองค์ใด ประสูติพระราชโอรสก่อน พระราชโอรสพระองค์นั้นจะเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า ชายพระองค์ใหญ่ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ประสูติเจ้าฟ้า มหาวชิรุณหิศ (ทูลกระหม่อมฟ้าใหญ่) ก่อนที่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภา ผ่องศรีฯ จะประสูติเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ จึงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าชายลำดับที่ 2 ในเวลาต่อมา เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธได้ขึ้นครองราชย์ จึงทำให้ทรง เป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกที่ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จประพาสยุโรป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรง เสด็จประพาสต่างประเทศหลายครั้ง ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศ ที่ไกลออกไปในทวีปเอเชีย เช่น พม่า สิงคโปร์ ชวา มาลายู ศรีลังกา อินเดีย เป็นต้น จนไปถึงประเทศต่างๆ ในยุโรป 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2440 และ 2450 เช่น รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ออสเตรีย ฮังการี โปรตุเกส เป็นต้น พระองค์ทรงใช้พระบรมราโชบายเสด็จฯ ไปยุโรป เพื่อให้พวก ฝรั่งรู้ว่าไทยไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน พระองค์ทรงใช้วิเทโศบายต่างๆ ใน การป้องกันประเทศจากการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสและอังกฤษ โดย เฉพาะฝรั่งเศสที่ไทยถูกบีบบังคับเอาดินแดนที่ไทยเคยครอบครอง จน เกือบจะสู้รบกันใหญ่โต


Click to View FlipBook Version