ขั้นตอนที่ 3
การพิจารณาของศาล
ศาลกําหนดวันนัดไต่สวนคําร้องขอโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 45 วันนับแต่วันที่ศาลมีคําสั่ง
รับคําร้องขอในการไต่สวนคําร้องขอ ให้ศาลมีคําสั่งบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท
ขั้นตอนที่ 4
ศาลมีคําสั่งบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท
ศาลมีคําสั่งบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท เว้นแต่ความปรากฏแก่ศาล หรือคู่กรณี
ซึ่งถูกบังคับตามข้อตกลงนั้นพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า
(1) คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้บกพร่องในเรื่องความสามารถที่จะเข้าทําข้อตกลง
ระงับข้อพิพาท
(2) มูลเหตุแห่งข้อพิพาทหรือข้อตกลงระงับข้อพิพาทมีลักษณะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้ง
โดยกฎหมายเป็นการพันวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน
(3) ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเกิดจากกลฉ้อฉล บังคับ ขู่เข็ญ หรือกระทําการโดยมิชอบ
ด้วยประการใดๆ
(4) เหตุเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ไกล่เกลี่ยตามมาตรา 24 ที่มีผลต่อการทําบันทึกข้อตกลง
อย่างมีนัยสําคัญ
หน้าที่และอํานาจของศาลยุติธรรม
เมื่อศาลตรวจและรับคําร้องขอแล้ว ก็จะดําเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กล่าวคือศาลจะมีคําสั่งให้นัดไต่สวนคําร้อง
กําหนดวันนัดไต่สวนคําร้อง และส่งสําเนาคําร้องขอให้แก่คู่
กรณีอีกฝ่าย โดยสั่งให้คู่กรณีอีกฝ่ายยื่นคําคัดค้านเข้ามา
ตามระยะเวลาที่กําหนด กรณีที่คู่กรณีอีกฝ่ายยื่นคําคัดค้าน
และศาลมีคําสั่งรับเป็นคําคัดค้านแล้ว คู่กรณีฝ่ายยื่นคําร้อง
ขอจะต้องนําพยานหลักฐานมาสืบในวันนัดไต่สวนคําร้อง
และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งต้องนําพยานหลักฐานมาสืบในวันนัด
สืบพยานตามคําคัดค้าน เพื่อพิสูจน์ว่าข้อเท็จจริงตามที่ตน
อ้างในคําร้องหรือคําคัดค้านนั้นเป็นความจริงและมีนํ้าหนัก
น่าเชื่อถือมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อทั้งสองฝ่ายสืบพยาน
เสร็จสิ้นแล้วศาลจึงมีคําสั่งขี้ขาดตัดสินคดี
หน้าที่ของคู่กรณีฝ่ายที่เรียกร้อง
เมื่อคู่กรณีฝ่ายที่เรียกร้องให้คู่กรณีอีกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงคู่กรณีฝ่ายที่
เรียกร้องนั้นมีภาระการพิสูจน์ คือ ต้องมีพยานบุคคลและพยานเอกสารหรือพยานวัตถุ
มานําสืบเสนอต่อศาลเป็นต้นว่าพยานมีตัวคู่กรณีและผู้ไกล่เกลี่ยหรือนายทะเบียนมาเบิก
ความต่อศาลว่า มีข้อพิพาทเกิดขึ้นและคู่กรณีพิพาทได้สมัครใจเข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนั้น
ในหน่วยงานซึ่งดําเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และได้มีการดําเนินการไกล่เกลี่ยตามขั้น
ตอนของกระบวนการโดยชอบแล้วได้ข้อตกลงตามบันทึกข้อตกลงโดยส่งบันทึกข้อ
ตกลงเป็นพยาน เป็นต้น โดยฝ่ายผู้คัดค้านก็ต้องนําสืบพยานหลักฐานเพื่อหักล้างหรือ
ทําลายนํ้าหนักพยานหลักฐานของคู่กรณีฝ่ายที่เรียกร้องให้รับฟังไม่ได้ และศาลควรรับ
ฟังข้อเท็จจริงฝ่ายตนอย่างไร
การอ ทธรณ ค ส งศาลเก ยวก บข อตกลงระง บข อพ พาท
เมื่อศาลได้มีคําสั่งบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท เว้นแต่ความ
ปรากฏแก่ศาล หรือคู่กรณีซึ่งถูกบังคับตามข้อตกลงนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่า ตามที่
บัญญัติไว้ในมาตรา 33 (1) - (4) แล้ว ห้ามมิให้อุทธรณ์คําสั่งดังกล่าว เว้นแต่
(1) ศาลมีคําสั่งไม่บังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท
(2) ศาลมีคําสั่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงระงับข้อพิพาท
(3) ศาลมีคําสั่งบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาทโดยฝ่าฝืนวรรคหนึ่ง
คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด
พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 มี
บทบัญญัติเรื่องการบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาทอยู่ใน
ส่วนที่ 2 มาตรา 32 และมาตรา 33 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเฉพาะ
แต่กระบวนการบังคับตามข้อตกลงได้ใช้วิธีการทางศาล แต่
หากข้อเท็จจริงใดหรือวิธีการปฏิบัติใดที่พระราชบัญญัติการ
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทฯ ไม่มีบัญญัติบังคับไว้ ก็ให้นําเอา
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้
บังคับโดยอนุโลม ดังที่มาตรา 34 บัญญัติว่า “ประธานศาล
ฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีอํานาจ
ออกข้อกําหนดในเรื่องการยื่นคําร้องขอและการบังคับตามข้อ
ตกลงระงับข้อพิพาทตามมาตรา 32 และการมีคําสั่งตาม
มาตรา 33 ทั้งนี้นอกจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้
นําบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้
บังคับโดยอนุโลม”
เอกสารอ้างอิง
ธปภัค บูรณสิงค์. 2563. คู่มือปฏิบัติงานศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชน (ศกช.)
ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยภาคประชาชน พ.ศ.2562. กรุงเทพฯ :
บริษัท รีปริ้น จํากัด.
ธปภัค บูรณสิงค์. 2563. ชุดความรู้เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท.