The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by fuangfacra, 2023-09-13 21:52:08

KM day : Simulation based learning

กิจกรรม KM day: Simulation based learning
สรุปการจดั การความรูเ้ รอ่ื งการพัฒนารูปแบบการเรยี นการสอนโดยใชส้ ถานการณ์จาํ ลอง วันจนั ทรท์ ี่ 19 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00-15.00 น.
Main Topic: การพัฒนารูปแบบการเรยี นการสอนโดยใชส้ ถานการณ์จาํ ลอง Facilitator: อ.วฒุ ิพงษ์ เชอื่ มนอก และ อ.ดร.ไพรนิ ทร์ ณิชาโชติสฤษฏ์
Moderators: อ.ดร.ศุภมณ จนั ทรส์ กุล, อ.วฒุ ิพงษ์ เชอื่ มนอก และ อ.มาณี น้าคณาคุปต์ Note taker: อ.ดร.ไพรนิ ทร์ ณิชาโชติสฤษฏ์
Participants: อาจารย์จากภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั และการผดุงครรภ์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และ ผู้สูงอายุ ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่ และภาควชิ าการพยาบาล
รากฐาน จาํ นวน 22 คน ได้แก่
1. รศ.สมพร สุนทราภา
2. อ.ขวัญหทยั เสมพูน
3. อ.กัญญพัชร พงษ์ชา้ งอยู่
4. อ.หทยั ชนก นิติกุล
5. อ.เยาวเรศ บุญเล่อร์
6. อ.ธญั วรรณ อุตมาศูนย์
7. อ.ดร.ศุภมณ จนั ทรส์ กุล
8. อ.อ.มาณี น้าคณาคุปต์
9. อ.วฒุ ิพงษ์ เชอื่ มนอก
10. อ.ดร.ไพรนิ ทร์ ณิชาโชติสฤษฏ์
11. อ.ชุลีกร ปัญญา
12. อ.ศิรพิ รรณ นาคน้อย
13. อ.ทรงวฒุ ิ สังข์บุญ
14. อ.ธนั ยนันท์ พุฒิวัฒนธราดล
15. อ.ศศิธร โตมอญ
16. อ.มัตติกา ใจจนั ทร์
17. อ.อนงค์นุช สารจนั ทร์
18. อ.กัญชรยี ์ พัฒนา
19. อ.นรศิ รา ศรโี พธิ์
20. อ.เอกลักษณ์ ฟักสุข
21. อ.ศุภิสรา เถาะสุวรรณ
ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่ ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่ ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่
ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่ ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่ ภาควชิ าการพยาบาลเด็กและวัยรุน่
ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั และการผดุงครรภ์ ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั และการผดุงครรภ์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน
ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ภาควชิ าการพยาบาลรากฐาน
1|7Page


Subtopic 1: Knowledge sharing
อ.วุฒิพงษ์ เชอื่ มนอก ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ นําเสนอเก่ียวกับการศึกษาดูงานเรอ่ื ง Simulation- Faculty Development ท่ีประเทศสิงคโปร์ รูปแบบการอบรมท่ีมีการเรยี นภาคทฤษฎีและฝึกเขียน Simulation ให้สลับกันเป็นผู้เล่นสถานการณ์ในแต่ละบทบาทของผู้เรยี นและผู้สอน ซงึ่ ภาควชิ าการพยาบาล ผู้ใหญ่ฯ ได้นํารูปแบบการสอนและแบบฟอรม์ การเขียน Simulation มาปรบั ปรุงใช้ โดยได้ส่งเข้าประกวดใน The 1st conference and contest on simulation-based learning for transformation nursing education ท่ีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา จนได้ผ่านเข้ารอบ 10 ทีม สุดท้ายในการประกวดจาก 40 ทีมทั่วประเทศ ผ่านการวพิ ากษ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ทดลองใชใ้ นการแข่งขัน จงึ ได้นํามาใชใ้ นการเรยี น การสอนจรงิ ในรายวชิ าปฏิบัติการพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วยในระยะเฉียบพลันและวกิ ฤต สําหรบั นักศึกษา หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สําหรบั ผู้สําเรจ็ ปรญิ ญาตรสี าขาอื่น ซงึ่ เป็นการทําครบทุกขั้นตอนของ SBL คือ Design scenario form, Orientation, Pre-brief, Start simulation และ Debrief พบวา่ นักศึกษา มีความสนใจ และเรยี นรูผ้ ่านสถานการณ์จาํ ลองได้เป็นอย่างดี มีทีมอาจารย์ผู้สอนหลักคือ อ.วุฒิพงษ์และ อ. ไพรนิ ทร์ แสดงบทบาท facilitator และ confederate เป็นตัวอย่าง จาํ นวน 6 กลุ่ม และสรา้ งทีมผู้สอนใหม่ ด้วยการเรยี นรูแ้ บบ On the job training and mentor support คือให้อาจารย์ผู้สอนใหม่ใชร้ ูปแบบการ debrief และตัวอย่างข้อคําถามในขั้นตอนการ debrief ของกลุ่มถัดมา อีก 4 กลุ่ม ทําให้อาจารย์ในภาควชิ า เกิดการเรยี นรูจ้ ากการปฏิบัติ มีความเข้าใจกระบวนการเรยี นรูโ้ ดยใชส้ ถานการณ์จาํ ลองมากขึ้น และวางแผน การนําไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนในวชิ าต่อไป
อ.มาณี ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการไปประชุมวชิ าการ หัวข้อ “Transforming the Simulation-Based Nursing Education: Together Towards a Better Nursing Professional” จั ด โ ด ย ศู น ย์ Simulation and Innovation Resource Center of Phetchaburi (SIRCOP) ดังนี้ การใช้ simulation-based learning เป็นการส่งเสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยี เกิด demand-driven education และการเรยี นรูแ้ บบ inter-professional education ส่งเสรมิ การพัฒนา ครูผู้สอนอย่างต่อเนื่อง เพิ่ม Student engagement เพิ่มผลลัพธ์ต่อผู้ป่วย เพิ่ม patient safety เพิ่ม ประสบการณ์การเรยี นรูข้ องนักศึกษา และทาํ ให้เกิด cost-effectiveness ส่งเสรมิ การทาํ งานเป็นทมี และการ ประสานในทีมสุขภาพในการปฏิบัติตามสถานการณ์จรงิ ซงึ่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเพชรบุร ี ได้ใชก้ ารเรยี นการสอนแบบ SBL รว่ มกับการเรยี นการสอนภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วยจรงิ คิดเป็นสัดส่วน 50-50 และยังได้แบ่งปันความรูเ้ รอ่ื ง เทคนิคการ debrief ซงึ่ เป็นส่วนสําคัญที่สุดในวธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนแบบ SBL โดย debrief เป็นกระบวนการที่ลึกซงึ้ กว่า feedback เพราะทําให้ผู้เรยี นเกิดกระบวนการคิดและการ เรยี นรูท้ ั้ง 3 learning domain: attitude, knowledge, skill ส่งเสรมิ learning outcome และทาํ ให้เกิด life- long learning ควรใช้เวลา debrief เป็น 2 เท่าของเวลาที่ run simulation และมีการที่หลายวธิ ี สําหรบั นักศึกษาหลายรูปแบบ เพื่อสรา้ งบรรยากาศที่ปลอดภัยและเรยี นรูไ้ ด้ การใชเ้ ครอ่ื งมือ เทคนิคและ คําพูดต่าง ๆ
Subtopic 3: เทคนิคการ Debrief
อ.ธนั ยนันท์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ฯ เล่าถึงประสบการณ์การ debrief วา่ มีนักศึกษารูส้ ึกไม่ดีใน การเล่นในสถานการณ์ มีสีหน้าเศรา้ และเงยี บ ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นขณะ debrief และเมื่อออกมามี รอ้ งไห้กับเพื่อนวา่ รูส้ ึกวา่ มันไม่เป็นไปอย่างทคี่ ิดไว้ และรูส้ ึกวา่ ตัวเองทาํ ได้ไม่ดี
2|7Page


อ.ดร.ศุภมน ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ เล่าวา่ จากประสบการณ์การอบรมเชงิ
Training for the Trainer "Simulation Instructor Training Course" ทคี่ ณะพยาบาลศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ จะใชเ้ ทคนิคการ debrief คือ โดยผู้สอนต้องประเมิน Background ของผู้เรยี น
ก่อน มีการสรา้ งความมั่นใจให้ผู้เรยี น โดยเรม่ ิ จากสิ่งงา่ ย ๆ ทท่ี กุ คนตอบได้ การเล่าสถานการณ์ทวั่ ไป
หรอื อาจเป็นการจบั กลุ่มเพื่อนชว่ ยเพ่ือน ในกรณีทมี่ ีบางคนพูดมากเกินไป บางครงั้ อาจใชภ้ าษากาย เชน่
หันมองไปอีกทาง เพื่อให้เกิดการโต้ตอบทนี่ ้อยลงของผู้เรยี นทพี่ ูดมากเกินไป และให้ตั้งใจฟังเพื่อนใน
กลุ่มเพิ่มมากขึน้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใชเ้ ทคนิค GAS model คือ 1) Gathering data คือ
การเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นเล่าเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ โดยใชเ้ วลา 25% 2) Analysis คือ การวเิ คราะห์ผู้เรยี น
เชน่ การตั้งคําถามวา่ ผู้เรยี นคิดอะไรถึงปฏิบัติในสิ่งนั้น ไม่เน้นการสอนแต่ให้ผู้เรยี นได้พูดมากทส่ี ุด ใช้
เวลา 50% 3) Summary คือ การสรุปผลการเรยี นรูต้ ามวัตถุประสงค์ ใชเ้ วลา 25%
อ.วฒุ ิพงษ์
ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ เล่าวา่ ทภ่ี าควชิ าจะใชเ้ ทคนิค การตั้งคําถามปลายเปิด และอยู่ ในแบบฟอรม์ เชน่ คุณรูส้ ึกอย่างไรบ้าง มีใครจะสรุปได้ไหมวา่ เกิดอะไรขึน้ สิ่งทคี่ ุณคิดวา่ ทาํ ดีทสี่ ุดใน สถานการณ์นี้คืออะไร เป็นต้น
อ.ดร.ไพรนิ ทร์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ ใชก้ าร Identifying and closing gaps ตามหลัก Pearl model หรอื Plus delta คือ สรา้ งความคิดในมุมบวกหรอื สิ่งทที่ มี ทาํ ได้ดีทสี่ ุด (plus) และ บอกสิ่งทจี่ ะปรบั ให้ดีขนึ้ (delta) โดยมีวธิ กี าร ขึน้ อยู่กับการรบั รูห้ รอื การประเมินตนเองของผู้เรยี น เชน่ ถ้าเป็นการเรยี นรูท้ มี่ ี วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเรยี นรูท้ วั่ ๆ ไป และมีเวลาไม่มากพอ จะใชว้ ธิ ี close performance gap โดยวธิ ี Learner and Instructor driven แต่ถ้าต้องการ Directive feedback และมีเวลาน้อย ต้องการความเป็น เหตุผลจะใชร้ ูปแบบ Instructor driven แต่ถ้ามีเวลานานและต้องการสืบเสาะไตรต่ รองค้นหาความรู้ จะใช้ เทคนิค Advocacy inquiry เพื่อวเิ คราะห์เป็นรายบุคคล (analysis individual performance gaps) โดย วธิ ี Learner and Instructor driven
ปฏิบัติการ
Subtopic 2: รูปแบบการสอน SBL และรูปแบบการวัดประเมินผล
อ.ทรงวฒุ ิ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ เสนอวา่ รูปแบบการวัดและประเมินผลของการจดั การเรยี นการ
สอนแบบ SBL สามารถทาํ ได้ทงั้ รูปแบบ formative และ summative ขึน้ กับวัตถุประสงค์การเรยี นรูข้ อง รายวชิ า เชน่ ถ้าเป็นการฝึกทาํ คลอดก่อนขึน้ ฝึกปฏิบัติจรงิ ก็จาํ เป็นต้องเป็นลักษณะ procedure แต่ถ้าเป็น การสอบผล ควรเป็น simulation ทอี่ อกแบบให้เกิด clinical judgement ซงึ่ ถ้ามีการวัดประเมินผลไปแล้ว ในตอนขึน้ ฝึกปฏิบัติ ก็ไม่จาํ เป็นต้องมาประเมินซํ้าใน SBL นอกจากนี้สถานการณ์ทใี่ ชใ้ นการประเมินผล ควร เป็นสถานการณ์เดียว ถ้านักศึกษามีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับผล lab หรอื การตรวจรา่ งกาย สามารถบอกได้ตามทกี่ ําหนดไวใ้ นสถานการณ์ ถ้าไม่ได้เตรยี มก็ระบุวา่ ปกติ ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงความ ซบั ซอ้ นของสถานการณ์เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ทตี่ ั้งไว้
อ.เยาวเรศ ภาควชิ าการพยาบาลเด็ก ฯ ใชร้ ูปแบบ Reflection ซงึ่ เป็นทงั้ Summative และ formative ก่อนขึน้ วอรด์ จะเป็น formative เพื่อให้ผู้เรยี นเกิด Critical thinking คุ้นเคยกับบทบาทของ พยาบาลและการทาํ งานเป็นทมี ซงึ่ รูปแบบทใี่ ชจ้ ะมีทงั้ task trainer และ simulation scenario โดย จุดอ่อนของผู้สอนทผี่ ่านมา คือ การสอนหรอื บอกนักศึกษามากเกินไป
3|7Page


รศ.สมพร ภาควชิ าการพยาบาลเด็ก ฯ มีการแบ่งกลุ่มนักศึกษาเป็น 4-6 คน ในการเข้า simulation แต่มีอาจารย์ไม่พอ ทาํ ให้ไม่สามารถ feedback นักศึกษาได้นานพอ และมักใชว้ ธิ กี ารสอนหรอื บอกนักศึกษา มากกวา่ นอกจากนี้การใชโ้ จทย์สถานการณ์เดิมกับนักศึกษาทกุ กลุ่ม ถึงแม้จะมีการแบ่งชว่ งเวลาและกักตัวไว้ พบวา่ นักศึกษามีการส่งต่อข้อมูลกัน ทาํ ให้กลุ่มหลังๆ ดูไม่กระตือรอื รน้ เทา่ ทคี่ วร และคิดวา่ ไม่ควรมีการเก็บ คะแนนแบบ summative สําหรบั การเข้า simulation
อ.วฒุ ิพงษ์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ ใชก้ ารแบ่งกลุ่มนักศึกษาจาก 7-8 คน ให้เข้า simulation 3 คนและเป็น observer 4-5 คน มีการ debrief หลังจากเล่น simulation ทนั ทปี ระมาณ 15-20 นาที ซงึ่ ไม่ได้เป็นการเฉลยสถานการณ์ แต่ใชเ้ ทคนิคการตั้งคําถาม ให้นักศึกษาสะทอ้ นคิดถึงเหตุการณ์การกระทาํ ที่ เกิดขึน้ และผู้สอนสรุปตาม learning outcome ทาํ ให้สิ่งทนี่ ักศึกษาแสดงในสถานการณ์แต่ละกลุ่มทงั้ ผู้เรยี นทเี่ ป็นผู้เล่น และ observer ก็มีความแตกต่างกันทงั้ การบอกเล่าความรูส้ ึก การวเิ คราะห์สถานการณ์ และการบอกเหตุผลของการกระทาํ
Subtopic 3: หัวข้อ Case scenario และชว่ งเวลาที่เหมาะสมในการจดั SBL
อ.ทรงวฒุ ิ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ เสนอวา่ case scenario จะเป็น rare case หรอื general case ทอี่ ยู่บนวอรด์ ขึน้ กับวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ และประสบการณ์ทไี่ ด้รบั เชน่ Normal labor อาจไม่ จาํ เป็นต้องทาํ เพราะเป็นการวัดประเมินผลซํ้าซอ้ น แต่ถ้าเป็น Rare case ก็ต้องตรวจสอบวา่ ตรงตาม Requirement ของรายวชิ าหรอื ไม่
อ.มาณี ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ ก่อนหน้านี้ วชิ าปฏิบัติการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์ 1 เป็นการตั้งครรภ์ปกติ มีเวลาเตรยี มตัวก่อนขึน้ ฝึกน้อย ไม่ได้จดั SBL แบบเต็มรูปแบบ ทาํ เป็นรูปแบบ Procedure หรอื Return demonstration เพื่อเตรยี มความพรอ้ มก่อนฝึก ไม่มีการ debrief ส่วนปีนี้วชิ า ปฏิบัติการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์ 2 เป็นการตั้งครรภ์ทมี่ ีภาวะแทรกซอ้ น เชน่ การตกเลือดหลัง คลอด (post-partum hemorrhage) การให้ MgSO4 ตามวัตถุประสงค์การเรยี นรูข้ องรายวชิ าและเตรยี ม ความรูใ้ นการสอบใบประกอบวชิ าชพี
อ.ดร.ศุภมน ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ หลังได้ไปอบรมมาเตรยี มเขียน Simulation ไวท้ งั้ หมด 3 เรอ่ ื ง คือ Intrauterine resuscitation, PPH และการทาํ คลอดไหล่ติด ซงึ่ เป็น Requirement ของรายวชิ า และบทบาทของพยาบาลตามพรบ.วชิ าชพี
อ.กัญชรยี ์ ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ฯ ได้เสนอ วัตถุประสงค์ของการใช้ Simulation ใน ภาควชิ า คือ 1) เตรยี มความพรอ้ มก่อนขนึ้ ฝึก 2) สอบวัดประเมินผลความรูท้ เี่ ป็น The Must เชน่ การเยี่ยม บ้าน ในวชิ าปฏิบัติการพยาบาลสุขภาพชุมชน 3) ใชท้ บทวนและเตรยี มความพรอ้ มนักศึกษาทจี่ ะจบการศึกษา ตาม Qualify ของหลักสูตรและตามความคาดหวังของผู้ใชบ้ ัณฑติ เชน่ การ training พยาบาลจบใหม่และ การคัดกรอง ตรวจวนิ ิจฉัยและการรกั ษาโรคเบื้องต้น
อ.มัตติกา ภาควชิ าการพยาบาลอนามัยชุมชน ฯ วางแผนการใช้ SBL ในรูปแบบของ standardized patient (SP) ในรายวชิ าปฏิบัติการรกั ษาโรคเบื้องต้น (PMC) และ การเยี่ยมบ้านในวชิ าปฏิบัติการพยาบาล สุขภาพชุมชน พรอ้ มทงั้ ทาํ แผนเสนอซอื้ หุ่น Alex ทสี่ ามารถ set HR, BP, ddx, Lab และเขียน scenario ได้
อ.ศุภิสสรา ภาควชิ าการพยาบาลรากฐาน มีการใช้ SP โดยใช้ อสส.ทคี่ ุ้นเคย และเตรยี มความพรอ้ มของ SP โดยการ brief การ response การแสดงออก emotion ต่อผู้เรยี นให้เหมือนกันทกุ ราย
4|7Page


อ.หทยั ชนก ภาควชิ าการพยาบาลเด็ก ฯ เลือก case simulation จากการทนี่ ักศึกษาไม่ได้ขนึ้ ฝึกใน ICU เด็ก เชน่ การพยาบาลผู้ป่วยเด็ก Dengue stage 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาสามารถประเมิน ปัญหาเรง่ ด่วนในการดูแลผู้ป่วย Dengue ให้สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้ และสามารถทาํ งานเป็นทมี ได้ มี การเตรยี มความพรอ้ มผู้เรยี นโดยการแจง้ วัตถุประสงค์และให้ guideline ในการดูแลผู้ป่วย ให้เข้า Simulation จาํ นวน 6 คน ใชเ้ วลา run 15 นาที และประเมินผลเกี่ยวกับ การประเมินสัญญาณชพี การเลือก สารนํ้า การใช้ infusion pump การให้ออกซเิ จน และการสื่อสารตามหลัก SBAR เป็นต้น ด้านการ ประเมินผลทางภาควชิ ายังไม่ได้จดั ทาํ แบบประเมินผล ไม่มีการให้คะแนนผ่านหรอื ไม่ผ่าน
อ.ทรงวฒุ ิ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ฯ เสนอวา่ การใช้ SP ต้องมี script ทชี่ ดั เจน และต้องมีการ ทดลองใชก้ ่อนให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติ เพราะอาจมีการงอกของคําถามทเี่ พิ่มขึน้ และปรบั ปรุงในครงั้ ต่อไป ซงึ่ สามารถทาํ ได้ใน Case scenario ของการเยี่ยมบ้าน ส่วนในรายวชิ า PMC อาจมีปัญหาเนื่องจากการตรวจ รา่ งกาย Normal SP อาจไม่พบความผิดปกติ
Subtopic 4: แบบฟอรม์ การเขียน Scenario design
อ.กัญญพัชร ภาควชิ าการพยาบาลเด็ก ฯ ใชแ้ บบฟอรก์ ารเขียน simulation ทอี่ บรมจากศิรริ าช ใชง้ า่ ย
อ.ดร.ศุภมณ ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ ใชแ้ บบฟอรก์ ารเขียน simulation Thai SSH มีความ สั้น กระชบั และมีรายละเอียดดี
อ.มาณี ภาควชิ าการพยาบาลครอบครวั ฯ ใชแ้ บบฟอรม์ การเขียน simulation ทไี่ ด้จากการประกวด Simulation ทคี่ ณะพยาบาลศาสตรเ์ กื้อการุณย์ มีขัน้ ตอนและเข้าใจงา่ ย ระบุเป็นขัน้ ตอนต่าง ๆ เชน่ Pre- brief-Run-Debrief มีการแยกวัตถุประสงค์ และข้อมูลเฉพาะ สามารถใส่ชอ่ งประเมินผลวา่ ปฏิบัติและไม่ ปฏิบัติ
อ.วฒุ ิพงษ์ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ ใชแ้ บบฟอรม์ การเขียน simulation ทดี่ ัดแปลงจากการ อบรม Simulation ทปี่ ระเทศสิงคโปร์ และได้รบั การวพิ ากษ์จากคณะกรรมการการประกวดที่ ม.บูรพา ซงึ่ มี รายละเอียดเกี่ยวกับขัน้ ตอนต่าง ๆ การกําหนดวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ วชิ าทเี่ รยี นมาก่อน สาระการเรยี นรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ อุปกรณ์ทใี่ ช้ หน้าทขี่ อง Confederate ขัน้ ตอนการ Pre-brief ขัน้ ตอนการ run simulation มีแยกการปฏิบัติทคี่ าดหวัง และ pitfall ทอี่ าจเกิดขึน้ ระบุวธิ กี ารหรอื คําถามทใี่ ชใ้ นการ Debrief พรอ้ มทงั้ การประเมินผลโดยผู้สอนเพื่อปรบั ปรุงการเรยี นการสอนในครงั้ ต่อไป
รศ.สมพร ภาควชิ าการพยาบาลเด็ก ฯ เห็นวา่ แบบฟอรม์ ของ Thai SSH ดูงา่ ยและกระชบั กวา่ แต่ของ สิงคโปรก์ ็ดูมีรายะเอียด แต่ต้องทาํ ความเข้าใจอีกครงั้ เพราะมีสองทศิ ทาง
อ.ทรงวฒุ ิ ภาควชิ าการพยาบาลผู้ใหญ่ ฯ เห็นวา่ แบบฟอรม์ ควรเป็นแนวนอน และมีทศิ ทางเดียว เพื่อให้ สะดวกแก่อาจารย์ผู้สอน
ทปี่ ระชุม ลงความเห็นวา่ ควรมีการจดั ประชุมคณะทาํ งานเพื่อรว่ มกันออกแบบแบบฟอรม์ การเขียน simulation ของวทิ ยาลัย
5|7Page


Summary: PACN Simulation-based learning Development
• Critical thinking • Decision making • Skill proficiency
• Communication • Rare/Complicate • Teamwork
• Task trainer for practice • Standardized patient
preparation
• Simulation scenerio or • Hybrid design
What's Learning outcome?
Faculty development
Select SBL type
Optimize every step of the SBL
• SBL-COP
• Cost-effective
SBL
• Faculty training • Peer review
• Innovation &
contest
Debriefing environment
• Constructivism theory
• Safety
• Creativity
GAS technique
• Gathering data (25%) • Analysis (50%)
• Summary (25%)
• Life-long learning
Reflection technique • Socratic questioning
Pearl model technique • Identifying and close
gap
• The best thing (Plus)
• Things to improve (Delta)
• Scenario design form
• Orientation
• Pre-brief
• Run simulation
• Debrief***
• Evaluation
6|7Page


สรุปการจดั การความรู้ “แนวทางพัฒนารูปแบบการเรยี นจดั การเรยี นการสอนโดยใชส้ ถานการณ์จาํ ลอง”
1. การเลือกหัวข้อ Case scenario ทสี่ อดคล้องกับ Learning outcome และกําหนดวัตถุประสงค์
การเรยี นรูข้ องการใชส้ ถานการณ์จาํ ลอง เชน่ เตรยี มความพรอ้ มก่อนขึน้ ฝึก สอบวัดประเมินผลความรู้ ทเี่ ป็น The Must ทบทวนและเตรยี มความพรอ้ มนักศึกษาทจี่ ะจบการศึกษาตาม Qualify ของ หลักสูตรและตามความคาดหวังของผู้ใชบ้ ัณฑติ รวมถึงการฝึกประสบการณ์ Rare case เป็นเคส
วกิ ฤต ซบั ซอ้ น หรอื มีความเสี่ยงสูงตาม requirement ของรายวชิ า และเป็นบทบาทพยาบาล
2. รูปแบบ SBL ทใี่ ชไ้ ด้แก่ task trainer, standardized patient (SP), Hybrid และ simulation scenario ซงึ่ ควรเลืกใชใ้ ห้เกิดความคุ้มค่าคุ้มทนุ
3. มีขัน้ ตอนการ Debrief ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรูท้ งั้ 3 learning domain คือ attitude, knowledge, skill ทาํ ให้เกิด learning outcome และ life- long learning
4. ชว่ งเวลาการ Debrief ควรใชเ้ วลาเป็น 2 เทา่ ของเวลาที่ run simulation และเป็นบรรยากาศที่ ปลอดภัยและส่งเสรมิ การเรยี นรูท้ เี่ กิดขึน้ ในตัวผู้เรยี น โดยนําประสบการณ์ทเี่ ห็นมาเชอื่ มโยงกับ ความรู้ ความเข้าใจของตนเอง คิดวเิ คราะห์และแก้ปัญหา ซงึ่ เป็นไปตาม constructivism theory โดยผู้สอนต้องมีการประเมิน Background และะสรา้ งความมั่นใจให้ผู้เรยี น
5. เทคนิคการ Debrief ได้แก่ 1)
2)
3) การใชห้ ลัก Pearl model หรอื Plus delta เพื่อ Identifying and closing gaps สรา้ ง ความคิดในมุมบวกหรอื สิ่งทท่ี มี ทาํ ได้ดีทสี่ ุด (plus) และ บอกสิ่งทจี่ ะปรบั ให้ดีขึน้ (delta)
6. การเตรยี มความพรอ้ มของ SP ได้แก่ การ brief การ response การแสดงออก emotion ต่อ ผู้เรยี น ต้องมี script ทช่ี ดั เจน และต้องมีการทดลองใชก้ ่อนให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติ และมีข้อจาํ กัด เกี่ยวกับการตรวจรา่ งกายทต่ี ้องการผลผิดปกติ
7. การวัดและประเมินผลของ SBL สามารถได้ทงั้ รูปแบบ formative และ summative ขึน้ กับ วัตถุประสงค์การเรยี นรูข้ องรายวชิ า เชน่ ส่งเสรมิ critical thinking, clinical judgement, ethic, communication skill, nursing role and teamwork เป็นต้น
8. แบบฟอรม์ การเขียน scenario design ควรออกแบบให้กระชบั เข้าใจงา่ ย มีชอ่ งสําหรบั การเขียน วัตถุประสงค์ ข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์ อุปกรณ์ทใี่ ช้ ขัน้ ตอนต่างๆ ตั้งแต่ orientation, pre- brief, run, debrief การประเมินผลการปฏิบัติของนักศึกษา และประเมินผลทมี อาจารย์ผู้สอน
9. ส่งเสรมิ ให้มีชุมชนนักปฏิบัติ (SBL-COP) และสรา้ งทมี ผู้สอนใหม่ผ่าน on the Job training
10. ส่งเสรมิ ให้อาจารย์ได้รบั การอบรม และใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนโดยใชส้ ถานการณ์จาํ ลอง
11. การมี peer review ทงั้ ภายในและภายนอกสถาบัน โดยการทาํ COP สรา้ งนวัตกรรมการเรยี นการ
สอน หรอื การส่งประกวดภายนอก เพื่อเพิ่มความเชยี่ วชาญและแลกเปล่ียนเรยี นรู้
เทคนิค GAS model คือ Gathering data-Analysis-Summary โดยแบ่งชว่ งเวลา
เป็น 25%-50%-25%
เทคนิค Reflection โดยใชค้ ําถามปลายเปิด (Socratic questions) ทกี่ ระตุ้นให้เกิด
กระบวนการคิดด้วยตนเอง
7|7Page


Click to View FlipBook Version