รายงานสรปุ ผลการอบรม
คณะพยาบาลศาสตร์
เรอ่ ื ง ทักษะการส่ือสารและการบรหิ ารจดั การอารมณ์ ในการทาํ งานอย่างมีประสิทธภิ าพ
วทิ ยากรโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยวฒั น์ วงศ์อาษา
เลขาธกิ ารสมาคมศิษย์เก่า มหาวทิ ยาลัยมหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์
วนั จนั ทรท์ ่ี 6 มิถนุ ายน 2565 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องบีบี 201 ชัน้ 2 โรงแรมเซน็ ทรา แจง้ วฒั นะ
2
FACULTY OF NURSING เป็นเลิศเพื่อทกุ ชวี ติ Be Excellent for Lives
เ ร อ่ ื ง
ห น ้ า
1
4 14 15
ส่วนที่ 1 ข้อมูลการดําเนินงานของการจดั อบรม ส่วนท่ี 2 สรุปรายงานการอบรม
ส่วนท่ี 3 สรุปภาพรวมการดําเนินงาน
ส่วนท่ี 4 รูปภาพบรรยากาศการอบรม
สารบัญ
ก
ส่วนท่ี 1 ข้อมูลการดําเนินงานของการอบรม
ช่ือหัวข้อการอบรม
“ทักษะการส่ือสารและการบรหิ ารจัดการอารมณ์ในการ ทาํ งาน อย่างมีประสิทธภิ าพ”
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสรมิ ให้บุคลากรได้เรยี นรูท้ ักษะการส่ือสารอย่างมี ประสิทธภิ าพและนําไปประยุกต์ใชจ้ รงิ ในการทาํ งาน
2. เพ่ือให้บุคลากรได้ตระหนักถึงความสําคัญของการสื่อสาร ทมี่ ีประสิทธภิ าพภายในองค์กร
3. เพื่อทําให้บุคลากรเข้าใจการบรหิ ารจัดการอารมณ์ของ ตัวเองได้อย่างชดั เจน
4. เพื่อให้บุคลากรได้ทํากิจกรรมเพื่อสรา้ งการเรยี นรูใ้ นการ จดั การอารมณ์ของตัวเอง จะทําให้เกิดความเข้าใจได้ด้วย ตัวเองอย่างแทจ้ รงิ
ผู้เข้ารว่ มอบรม
1. บุคลากรสายสนับสนุน จาํ นวน 20 คน
2. บุคลากรสายวชิ าการ (อาจารย์) ทสี่ นใจเข้ารว่ มกิจกรรม
1
กําหนดการอบรม
2
สถานท่ีฝึกอบรม
ห้องประชุม บีบี 201 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ ราชการและคอนเวนชนั เซน็ เตอร์ แจง้ วัฒนะ
ผู้ดําเนินการจดั อบรม
หน่วยงาน : คณะพยาบาลศาสตร์ วทิ ยาลัยวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์เจา้ ฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวทิ ยาลัยจุฬาภรณ์
ผู้รบั ผิดชอบโครงการ:อาจารย์ลัดดาวัลย์ไวยสุระสิงห์ ตําแหน่งรองคณบดีฝ่ายแผนยุทธศาสตรแ์ละการพัฒนา วทิ ยากร : ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ชยั วัฒน์ วงศ์อาษา ตําแหน่ง เลขาธกิ ารสมาคมศิษย์เก่า มหาวทิ ยาลัยมหิดลฯ ผู้ประสานงานจดั อบรม:นายศาสตราชนะสาร ตําแหน่ง เจา้ หน้าทบี่ รหิ ารงานทวั่ ไป
3
ส่วนท่ี 2 สรุปรายงานการอบรม
วทิ ยากรตั้งคําถาม (ที่ดูเหมือน) ง่ายๆ คือ ถ้าซื้อปากกามา 40 บาท ขายไป 50 บาท ต่อมาซอื้ กลับคืนในราคา 60 บาท และขายออกไปอีก 70 บาท จะได้กําไร ขาดทุน หรอื เสมอตัว และถ้าได้กําไร จะได้กี่บาท คนในห้องประชุมเกือบ 30 คน สามารถแบ่งคําตอบได้เป็น 4 กลุ่มเลยทเี ดียว คือ กลุ่มทตี่ อบ ว่า กําไร 30 บาท กลุ่มท่ีตอบว่า กําไร 20 บาท และกลุ่มที่ ตอบว่า เท่าทุน และยังมีบางกลุ่มยังมีปัญหาเรอ่ื งการพูดจา สื่อสาร เพื่อโน้มน้าวให้คนอื่นเข้าใจ และคล้อยตามคําตอบ ของตน
สรุปได้ว่าการพูดจาสื่อสาร ถือเป็นเรอ่ื งสําคัญ การสื่อสาร และการคิดให้เป็นระบบ เพื่อสามารถให้ผู้รบั ฟังเข้าใจสารที่ เราจะส่ือ ฟังเพื่อจะได้รูว้ า่ เขาจะสื่ออะไรเรา
หัวข้อท่ี 1
“การเข้าใจสาเหตแุ ห่งปัญหาและธรรมชาติของมนษุ ย์”
4
“สาเหตุแห่งปัญหาของมนุษย์”
1. ปัญหาเกิดจากการที่บุคคลพยายามปรับสิ่งแวดล้อม แทนที่จะจัดการกับตัวเองหรอื แทนที่จะพึ่งตนเอง พัฒนา ต น เ อ ง ใ ห ้ ม ี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ ห ้ ม ี ว ฒุ ิ ภ า ว ะ เ พ ิ ่ ม ข ึ น้
2. ปัญหาเกิดจากการที่บุคคลขาดความยืดหยุ่นทางความคิด และการกระทาํ จนไม่ยอมรบั หรอื ไม่ยอมสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม
3. ปัญหาเกิดจากการที่บุคคลครุน่ คิดแต่สภาพการณ์ในอดีต ที่ก่อปัญหาให้แก่เขา โดยยํ้าคิดซึ่งเป็นการเปลืองพลังงาน แทนทจี่ ะใชพ้ ลังงานไปใชใ้ นทางแก้ไขปัญหา
4. ปัญหาเกิดจากการท่ีบุคคลพิจารณาตนเองแต่ลําพังด้าน เดียว (หรอื ชอบคิดแทนบุคคลอื่น)
“ลักษณะท่ีสําคัญของมนุษย์”
1.มนษุ ย์เป็นผู้มีความสามารถและมีคุณค่า
2. มนษุ ย์มีแนวโน้มทจี่ ะพัฒนาตนเอง
3. โดยพื้นฐานแล้วมนษุ ย์เป็นคนดีน่าเชอ่ื ถือ
3. มนุษย์จะมีการรบั รูเ้ ก่ียวกับตนเองและสิ่งแวดล้อมตาม ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
4. มนุษย์ต้องการความรกั ความเอาใจใส่ และการยอมรบั จากผู้อ่ืน
สรุป จากเนื้อหาดังกล่าว วทิ ยากรสื่อให้เห็นว่า มนุษย์ควร ยอมรบั ปัญหาของตนเอง และวเิ คราะห์ปัญหาสาเหตุ เพื่อ หาทางออกและวธิแีก้ไขให้ไปสู่ผลสําเรจ็
5
หัวข้อท่ี 2
“การวเิ คราะห์สไตล์การทํางานเพื่อการสื่อสารและ ทํางานรว่ มกันอย่างมีความสุข”
วทิ ยากรให้ทําแบบทดสอบทางจิตวทิ ยา เพื่อแสดงให้เห็น ลักษณะพฤติกรรมที่แสดงออกของแต่ละบุคคล และเมื่อทุก คนทําแบบทดสอบเสร็จสิ้น ผลลัพธ์ถูกแบ่งลักษณะ พฤติกรรมของแต่ละบุคคลเป็น 4 ลักษณะ ดังรูป
Amiable Style
ยืนกรานตํ่า
Analytical Style
Expressive Style
ยืนกรานสูง
ตอบสนองสูง
ตอบสนองตํ่า
Driving Style
“กราฟแสดงผลตาม ลักษณะการทํางาน แต่ละบุคคล”
6
พฤติกรรมทํางานสไตล์ที่ 1 “Amiable Style”
1. ตัดสินใจชา้ และทาํ งานชา้
2. ชอบมีความสัมพันธอ์ ย่างแน่นแฟ้น
3. ไม่ชอบความขัดแย้ง
4. ให้การสนับสนุนและฟังคนอื่นอย่างตั้งใจ
5. มีจุดอ่อนในการตั้งเป้าหมายและทศิ ทางในการทาํ งาน 6. มีความสามารถในการขอการสนับสนุนจากบุคคลอื่น 7. แสวงหาความปลอดภัยและความเป็นเจา้ ของ
“ข้อดี” เป็นผู้ฟังที่ดี เป็นคนอ่อนไหว เห็นอกเห็นใจคนอื่น และมีความสามารถในการผูกมิตรกับทุกคน ชอบทํางานเป็น ทมี และชอบมีส่วนรว่ มในการตัดสินใจต่างๆ ด้วย
“ข้อเสีย” ไม่ชอบการเผชิญหน้าเมื่อมีความขัดแย้งในท่ี ทํางาน และมักจะเป็นคนไม่มั่นใจในตนเอง จึงไม่ค่อยจะมี ความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ทําให้ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ และ ชอบคิดตามเสียงส่วนมากอยู่ตลอด
7
พฤติกรรมทํางานสไตล์ที่ 2 “Expressive Style”
1. ตัดสินใจเรว็ และลงมือทาํ ในขณะเดียวกัน
2. ชอบเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
3. ไม่ชอบอยู่ลาํ พัง
4. ชอบพูดเกินความจรงิ
5. ชอบพูดกวา้ งๆ
6. ชอบนงั่ คิดนงั่ ฝัน
7. กระโจนจากกิจกรรมหนงึ่ ไปยังกิจกรรมหนงึ่
“ข้อดี” เป็นผู้ชอบแชรไ์ อเดียของตนเองให้คนอื่นฟังและชอบ ฟังความเห็นของคนอ่ืน เป็นคนพูดเก่ง ใจกว้าง มีความคิด สรา้ งสรรค์ มีสัญชาตญาณดี และมักจะเป็นสีสันในทที่ าํ งาน
“ข้อเสีย” บุคคลลักษณะนี้ จะเป็นคนที่ทํางานไม่ค่อย ละเอียด เพราะชอบที่จะคิดมากกว่า และรอให้ผู้อื่นลงมือทํา รายละเอียดต่างๆแทน
8
พฤติกรรมทํางานสไตล์ที่ 3 “Analytic Style”
1. ปฏิบัติงานและตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
2. เน้นโครงสรา้งและจุดประสงค์ขององค์กรเป็นหลัก
3. ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับคนอื่น
4. ชอบถามเพื่อค้นหารายละเอียด
5. เน้นงานเป็นหลัก ชอบบรรยากาศในลักษณะวชิ าการ 6. เน้นความถูกต้องและเชอื่ มั่นมากในการรวบรวมข้อมูล 7. ชอบทาํ งานชา้ ๆ ลาํ พังคนเดียว
8. มีทกั ษะในการแก้ปัญหา
“ข้อดี” เป็นผู้วางแผนในหัวจนครบจบทุกขั้นตอนก่อน และ ค่อยลงมือทําทีเดียว มักเป็นคนเด็ดเดี่ยว มีระเบียบสูง รอบคอบเป็นพิเศษ และมีเหตุผลมาก
“ข้อเสีย” บุคคลลักษณะน้ี มักจะเก็บตัวอยู่คนเดียว เข้ากับ ผู้อื่นได้ยาก เป็นคนชอบวจิ ารณ์ทุกอย่างรอบตัว ถ้าต้องเจอ กับภาวะกดดัน อาจจะทําให้โลเล และหลีกเลี่ยงกับการ เผชญิ หน้า
9
พฤติกรรมทํางานสไตล์ท่ี 4 “Driving Style”
1. ปฏิบัติงานและตัดสินใจอย่างมั่นคง
2. ชอบการควบคุม ไม่ชอบความเฉื่อยชา
3. ชอบมีอิสระเต็มทใี่ นการบรหิ ารงาน
4. เย็นชาและชอบแข่งขันกับคนอ่ืน
5. ไม่มีความอดทนต่ออารมณ์ ความรูส้ ึก คําแนะนํา
6. ทาํ งานอย่างรวดเรว็ ตามลาํ พังเพียงคนเดียว
7. แสวงหาการยอมรบั และความเป็นเลิศ
“ข้อดี” เป็นผู้ชอบการแข่งขัน และตัดสินใจเด็ดขาด รูจ้ กั แบ่ง งานให้ผู้อ่ืนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ จะโฟกัสที่ความสําเรจ็ และ การทํางานให้เสรจ็ ออกมาเป็นรูปธรรม ชอบมีตัวเลือกหลายๆ ทางให้ตัดสินใจและชอบทจี่ ะได้รบั คําวจิ ารณ์แบบตรงไปตรงมา
“ข้อเสีย” บุคคลลักษณะน้ี มักจะชอบบังคับคนอื่นมากไป หน่อย และชอบตัดสินใจอะไรด้วยตนเอง โดยไม่สนความเห็น ของผู้อ่ืน
10
“เพ่ือนรว่ มงานนิสัยต่างกัน ” ทําอย่างไรให้อยู่รว่ มกันได้
การส่ือสาร เป็นหัวใจสําคัญของการทํางานเป็นทีม ดังนั้น ถ้าเรารูจ้ ักท่ีจะเลือกวธิ ีการส่ือสารให้เหมาะสมกับ สไตล์ของคนแต่ละคนได้ ก็จะเพิ่มโอกาสที่คนอ่ืนๆ จะคล้อยตามคุณได้มากขึ้น และทําให้เราสามารถทํางาน รว่ มกับคนอ่ืนได้ง่ายขึ้น โดยเราสามารถนํามาประยุกต์ใชใ้ น การทาํ งานได้ ดังน้ี
การทาํ งานรว่ มกับ กลุ่ม Amiable Style คุณจะต้องสื่อสารด้วย ความอ่อนโยน ไม่เครยี ด กระตุ้นให้พวกเขาอยากมีส่วนรว่ ม และ แสดงออกให้เห็นวา่ คุณแครค์ วามรูส้ ึกของเขา
การทาํ งานรว่ มกับ กลุ่ม Expressive Style คุณจะต้องเล่าให้เขา เห็นภาพรวมของงาน และเกิดความอยากทําขึ้นมาให้ได้ อย่าทําให้ เขารูส้ ึกกดดันหรอื ลงรายละเอียดหนักจนเกินไป และใช้วธิ ีการ ส่ือสารท่ีเป็นมิตร กระตือรอื รน้ หยืดหยุ่นและรบั ฟังความเห็นของ พวกเขาด้วย
การทํางานรว่มกับกลุ่มAnalyticStyleเน่ืองจากนักวเิคราะห์เชอื่ ถือ ในตัวเลข เหตุผลและข้อมูลเป็นหลัก ดังนั้น ถ้าคุณอยากท่ีจะเข้าถึง พวกเขา คุณจะต้องมีการเตรยี มตัวมาอย่างดี ข้อมูลต้องแม่นยํา เป็นเหตุเป็นผล มีความถูกต้อง และต้องลงรายละเอียดการทํางาน ทกุ อย่างทงั้ หมด
การทาํ งานรว่ มกับกลุ่ม Driving Style ถ้าอยากให้เขาฟังคุณ คุณจะต้อง ส่ือสารด้วยความชดั เจน ตรงประเด็น กระชบั เด็ดขาด และหลีกเลี่ยงการ นอกประเด็นในชว่ งเวลาท่ีประชุมงานกันด้วย เพราะคนกลุ่มน้ีจะชอบให้ คุณบอก เป้าหมาย และวธิ กี ารทํางานที่ชดั เจนมากกว่าท่ีจะต้องมานั่งฟัง คําอธบิ ายอ้อมค้อมยืดยาว
11
หัวข้อท่ี 3
“การสื่อสารและการฟังอย่างมีประสิทธภิ าพ”
ในกิจกรรมช่วงบ่าย วทิ ยากรให้จับกลุ่มเป็น 2 กลุ่มใหญ่ โดยให้แต่ละคนเล่าประสบการณ์หรอื เรอ่ื งราวท่ีประทับใจ ท่ีสุดในชวี ติ มา 1 เรอ่ื ง คนละประมาณ 3-4 นาทีและให้ทุกคน ในกลุ่มนั่งฟังและจาํ เรอ่ื งราวของทุกคนไว้ หลังจากนั้น ให้แต่ ละคน เลือกเรอ่ื งราวของเพื่อนท่ีฟังมาและชอบมากท่ีสุด จาํ นวน 5 คน และให้บอกเหตุผลวา่ ชอบเพราะเหตุใด
สรุปกิจกรรมดังกลา่ ว
ทาํ ให้เห็นวา่ การฟังเป็นเรอ่ ื งทสี่ ําคัญ มากในการทํางานและการดํารงชีวติ เพราะเม่ือเราหยุดฟัง ผู้อ่ืน จะทําให้เราเห็นมุมมองและเข้าใจสารของผู้ที่สื่อสารนั้น ออกมา และทาํ ให้เราเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรวมถึงเรอ่ื ง ของการสื่อสาร เม่ือเราส่ือสารเรอ่ื งราวของเราให้ผู้อื่นฟัง เรา จะมีวธิ ีการพูดอย่างไร เพ่ือให้ผู้ฟังเข้าใจและรบั ฟังอย่างมี
ประสิทธภิ าพ
12
หัวข้อท่ี 4
“มหัศจรรย์แห่งการขอบคณุ สู่ความเออื้ อาทรแห่งชีวติ ”
วทิ ยากรให้ทุกคนเขียนเรอ่ื งท่ีอยากขอบคุณ 10 เรอ่ื ง ลงใน กระดาษ A4 โดยต้องเขียนเร่มิ ต้นด้วยคําว่า “ขอบคุณ” หลังจากเขียนเสรจ็ วทิ ยากรให้แต่ละคนอ่านเรอ่ื งท่ีอยาก ขอบคุณ 10 เรอ่ ื ง ของตนเองให้ทกุ คนในกลุ่มฟัง
โดยเรอ่ ื งทที่ กุ คนเขียนมาเกี่ยวกับการขอบคุณ ล้วนเป็นเรอ่ ื งท่ี ทําให้นึกถึงภาพในอดีตที่ทําให้ตนเองประสบความสําเรจ็ ไม่ ว่าจะเป็น ครอบครัว เพ่ือน เพื่อนร่วมงาน หรอื คนรู้จัก แม้กระทั่งสัตว์เล้ียง และสิ่งของต่างๆที่ทุกคนต่างนึกถึง เมื่อ อยากกล่าวคําวา่ ขอบคุณ
ท่ีมีผลต่อความรูส้ ึก เพราะยิ่งขอบคุณสิ่งรอบตัวมากเท่าไหร่ พลังบวกในชีวติ ก็จะยิ่งมากขึ้น และรอบตัวเรามีเรอ่ื งให้ ขอบคุณได้มากมายมหาศาล มีสิ่งหนึ่งที่เป็นคําถามอยู่ในหัว ของผู้เข้าอบรม คือ “เรารูส้ ึกขอบคุณครงั้ สุดท้ายเม่ือไหร”่ ความรูส้ ึกขอบคุณนี้ไม่ใช่แค่การกล่าวขอบคุณแบบขอไปที หรอื พูดเอ่ยด้วยความเคยชนิ แต่หมายถึงความซาบซงึ้ ทกี่ ลั่น ออกมาจากใจจรงิ “มหัศจรรย์แห่งการขอบคุณ”
สรุปกิจกรรมดังกลา่ ว
ทําให้เห็นว่า คําว่า “ขอบคุณ” เพียงสองพยางค์ แต่กลับมีคุณค่ามากมายนัก ได้นําพาไปสู่ แสงสว่าง ทําให้เรามองเห็นคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่ตลอดรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ครอบครวั เพ่ือนรว่ มงาน เพ่ือนเก่า ตลอดจนสิ่ง
13
ส่วนท่ี 4 ภาพบรรยากาศการฝึกอบรม
14
15
16
17
18
19
c
c
c
2
FACULTY OF NURSING เป็นเลิศเพื่อทกุ ชวี ติ Be Excellent for Lives