ทีมวิจัย
รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลวรรณ ทองเจริญ รองศาสตราจารย์ ดร.อรพรรณ โตสิงห์ อาจารย์ ดร.ศุภามณ จันทร์สกุล
อาจารย์ ดร.อโนรัตร เจนวิถีสุข
อาจารย์ ดร.ชนินทร์ จักรภพโยธิน อาจารย์ ดร.อิศรา ผิวชัย
อาจารย์ มัตติกา ใจจันทร์ อาจารย์ ดร.รุ่งนภา เขียวชะอ่า
หัวหน้าโครงการวิจัย
รองศาสตราจารย์ ดร.ทัศนา บุญทอง
TASSANA BOONTONG
VILAIVAN THONGCHAROEN ORAPAN THOSINGHA SUPHAMON CHANSAKUL ANORUT JENWITHEESUK CHANIN CHAKKRAPOPYODHIN ISARA PHIWCHAI
MATTIKA CHAICHAN RUNGNAPHA KHIEWCHAUM
วิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ “โครงการน้ีได้รับทุนอุดหนุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)”
สารบัญ
หน้า บทนํา ....................................................................................................................1
บทที่ 1 หน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิกับ รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะ ..........................3 1.1 ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ....................................3 1.2 บริการสุขภาพปฐมภูมิ ...............................................................................5 1.3 ภารกิจของ รพ.สต.....................................................................................6 1.4 การบริการสุขภาพในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่พิเศษ ...................................7 1.5 รพ.สต. ที่ตั้งอยู่บนเกาะ .............................................................................9
บทที่ 2 ลักษณะของเกาะ วิถีชีวิต และความต้องการทางสุขภาพของประชาชน บนเกาะ ...............................................................................................................13
2.1 บริบทของเกาะที่เป็นที่ตั้งของ รพ.สต. และการคมนาคม.........................13 2.2ปัญหาจากสภาพภูมิศาสตร์และภยัพิบัติทางน้ํา.......................................17 2.3 วิถีชีวิตของประชาชนบนเกาะ และภาระหน้าที่ของ รพ.สต.....................18 2.4 ความต้องการทางสุขภาพของประชาชนบนเกาะ.....................................24
บทที่ 3 เสียงสะท้อนจากคนบนเกาะ : บทวิเคราะห์จากการลงพื้นที่...................27 3.1 เสียงสะท้อนที่ 1 อยากให้มีพยาบาลประจําเพื่อการบริการที่ครอบคลุม..27 3.3 เสียงสะท้อนที่ 3 การเดินทางต้องไม่เป็นอุปสรรค....................................31
ก
ข
3.4 เสียงสะท้อนที่ 4 ความเหลื่อมล้ําของคนบนเกาะในการเข้าถึงการรักษา .32 บทที่ 4 รพ.สต. บนเกาะ กับพันธกิจเติมเต็มความต้องการของประชาชน...........36
4.1 รพ.สต. ที่ตั้งอยู่บนเกาะกับพนั ธกิจในการรักษา ป้องกันโรค และการ ส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน ......................................................................36
4.2 รพ.สต. บนเกาะ และการร่วมแรงร่วมใจของชุมชน..................................40
4.3 การทํางานของ รพ.สต. บนเกาะ ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด 19 และการปรับตัวสู่ยุคปกติวิถีใหม่ .....................................................................41
4.4 รพสต. ครบวงจร/รพสต. ต้นแบบ ที่ประชาชนคาดหวังให้บริการในอนาคต .......................................................................................................................43
บทที่ 5 บทส่งท้าย...............................................................................................44 เอกสารอ้างอิง......................................................................................................46 ภาคผนวกภาพประกอบการลงพนื้ที่...................................................................48
บทนํา
นโยบายสุขภาพของประเทศกําหนดให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตําบล. (รพ.สต.) เป็นหน่วยบริการสุขภาพด่านหน้า ให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาโรคเบื้องต้น และฟื้นฟูสภาพ เพื่อให้ประชาชนไทยเข้าถึงระบบ บริการสาธารณสุขได้ครอบคลุมทุกช่วงวัย อย่างไรก็ตามยังมี รพ.สต. ส่วนหน่งึ ที่มี สภาพภูมิศาสตร์แตกต่างจาก รพ.สต.ทั่วไป เช่น รพ.สต. ที่ตั้งอยู่บนเกาะ ความ ต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ย่อมแตกต่างจาก รพ.สต. อื่น ๆ
ความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิเป็นฐานรากสําคัญที่ นําไปสู่ภาวะสุขภาพดีถ้วนหน้าของประชาชนทุกช่วงวัย ประเทศไทยได้กําหนด นโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติที่สําคัญและส่งเสริมความเข้มแข็งของหน่วย บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ได้แก่ การดําเนินการสาธารณสุขมูลฐานเพื่อทําให้ เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม มุ่งการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการ พัฒนาบุคลากรสุขภาพ มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และส่งเสริมความร่วมมือ จากหลายภาคส่วน อันเป็นกลยุทธ์ที่ทําให้ประชาชนเข้าถึงการมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ภายใน พ.ศ.2543 นโยบายในการปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุขให้ได้มาตรฐาน โดยยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจําตําบล
หน่วยบริการสุขภาพที่ตั้งอยู่บนเกาะเป็นหน่วยที่มีบริบทเฉพาะ มี ลักษณะการให้บริการและการจัดบริการของสถานีอนามัยในพื้นที่ห่างไกล และ อาจมีความแตกต่างจากสถานีอนามัยในเขตเมือง รพ.สต. ในพื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ สภาพทางภูมิศาสตร์ของที่ตั้งบนเกาะซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เกาะที่ ห่างไกลชายฝั่งและมีข้อจํากัดด้านการคมนาคมทําให้การส่งต่อมีความยากลําบาก ประเภทของการเจ็บป่วยมีความหลากหลายรวมถึงการเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ จาก ภัยธรรมชาติ
1
การสื่อสารระหว่างหน่วยบริการสุขภาพที่ตั้งอยู่บนเกาะกับโรงพยาบาล แม่ข่ายต้องมีประสิทธิภาพสูงเพื่อการส่งต่อและการรับผู้ป่วยกลับมาดูแลต่อเนื่อง บนเกาะอย่างมีประสิทธิภาพ บุคลากรสุขภาพบนเกาะต้องมีสมรรถนะเฉพาะ มี ความไวต่อวัฒนธรรม ความเชื่อของประชาชนในพื้นที่ และต้องมีสมรรถนะสูงใน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่
หนังสือเล่มนี้จึงนําเสนอให้ผู้สนใจได้เข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับหน่วยบริการ สุขภาพปฐมภูมิ รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะทั้งในบริบทของพื้นที่เกาะ วิถีชีวิตของ ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะที่มีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างจากรพ.สต.ที่ตั้งอยู่บน แผ่นดินใหญ่ กรณีศึกษาจากประสบการณ์ในการลงพื้นที่จริง รวมถึงบทบาท ภารกิจ และสถานการณ์ที่รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะต้องเผชิญหน้า รับมือ และแก้ไข ปัญหาต่างๆ อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมตําบลเป็นที่พึ่งทาง สุขภาพของประชาชนบนเกาะนับพัน นับหมื่นชีวิต
2
บทที่ 1 หน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิกับ รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะ
1.1 ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ
จากพระราชบัญญัติสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 ได้ให้ความหมายของ “ระบบสุขภาพปฐมภูมิ” หมายถึง เป็นกลไกและกระบวนการในการประสาน ความร่วมมือ เพื่อจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมทั้งการส่งต่อ ผู้รับบริการและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการทั้งระดับ ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ (พระราชบัญญัติสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562)
ส่วน“หน่วยบริการปฐมภูมิ” คือ หน่วยบริการที่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อ ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562
ลักษณะของหน่วยบริการที่จะขึ้นทะเบียน ต้องมีลักษณะดังนี้
1. มีอาคาร สถานที่ และสิ่งแวดล้อม ที่เอื้ออํานวยต่อการให้บริการ สุขภาพปฐมภูมิตามความเหมาะสมกับจํานวนผู้รับบริการ
2. สถานที่ตั้งหน่วยบริการอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกต่อการเข้ารับบริการ สุขภาพปฐมภูมิของผู้รับบริการในเขตพื้นที่ของหน่วยบริการนั้น
3. บุคลากรมีจํานวนเพียงพอและมีศักยภาพที่สามารถให้บริการสุขภาพ ปฐมภูมิได้อย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(ก) ดูแลสุขภาพในลักษณะองค์รวม ตั้งแต่แรก ต่อเนื่อง และผสมผสาน (ข) ดูแลสุขภาพเชิงรับในหน่วยบริการและเชิงรุกในชุมชน
3
(ค) บริการด้านข้อมูลสุขภาพและการให้คําปรึกษาแก่ประชาชน
(ง) บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในระดับบุคคลและครอบครัว โดยการให้บริการการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมโรค การป้องกันโรค การตรวจ วินิจฉยั โรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ
(จ) ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพและมีความรู้ในการจัดการสุขภาพ ของตนเองและครอบครัว
(ฉ) ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีเครือข่าย ในการส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งการป้องกันและควบคุมโรคในระดับชุมชน
4. มีเวลาทําการไม่น้อยกว่าแปดชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาห้าวันทําการต่อ สัปดาห์ โดยหากมีการให้บริการนอกเวลาทําการ ต้องจัดให้มีการแจ้งให้ผู้รับบรกิ าร ในเขตพื้นที่ทราบเป็นการทั่วไป
5. มีระบบสารสนเทศที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพในการจัดทําระบบ ข้อมูลการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและข้อมูลด้านสุขภาพตามประกาศ คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิที่ออกตามมาตรา 20 วรรคสอง และมาตรา 21
6. มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอย่างน้อยหนึ่งคน และคณะผู้ให้บริการ สุขภาพปฐมภูมิอย่างน้อยหนึ่งคณะ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ประกอบวิชาชีพการ พยาบาลหรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์จํานวนสองคนขึ้น ไป และผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน จํานวนสองคนขึ้นไป
4
1.2 บริการสุขภาพปฐมภูมิ
“บริการสุขภาพปฐมภูมิ” เป็นบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มุ่ง หมาย ดูแลสุขภาพของบุคคลในเขตพื้นที่รับผิดชอบในลักษณะองค์รวม ตั้งแต่แรก ต่อเนื่อง และผสมผสาน ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมโรค การ ป้องกันโรค การตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ โดย หน่วยบริการปฐมภูมิหรือเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่ประกอบด้วยแพทย์เวช ศาสตร์ครอบครัวและคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ รวมทั้งเชื่อมโยงกับ ครอบครัวชุมชนและบริการทางการแพทย์และสาธารณสขุระดบัทุติยภมูิและตตยิ ภูมิ (พระราชบัญญัติสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562)
ตามข้อกําหนดของกฎหมายรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ระบุว่า มาตรา 47 วรรคหนึ่ง กําหนดให้บุคคลมีสิทธิในการ ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ มาตรา 55 กําหนดให้รัฐต้องดําเนินการให้ ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่ มีประสิทธิภาพและทั่วถึง และมาตรา 258 ช. กําหนดให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ ครอบครัวดูแลประชาชน ในสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อทําให้ระบบสุขภาพปฐมภูมิของประเทศ มีความ เข้มแข็งมากขึ้น และสามารถดูแล ประชาชนให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดการเจ็บป่วยที่ ป้องกันได้ลดภาวะแทรกซ้อน ลดการนอนและเวลานอนในโรงพยาบาล ประชาชน และชุมชนพึ่งพาตนเองได้โดยท้ายที่สุด จึงมีความจําเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ที่ สนองตอบต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 258 ช. ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ พระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภมู ิ พ.ศ. 2562 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 (วิลาสิณี ฉายรัตน์ตระกลู , 2562) เพื่อให้บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิโดยแพทย์เวช ศาสตร์ครอบครัว และคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิเป็นผู้ให้บริการสุขภาพปฐม ภูมิตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ บริการสุขภาพปฐมภูมิที่บุคคลมีสิทธิได้รับ ให้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ ประกาศกําหนด
5
บริการสุขภาพปฐมภูมิตามวรรคหนึ่ง ต้องจัดให้มีการบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพตาม หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกําหนดตามมาตรา 21 (มาตรา 15)
การกําหนดหลักเกณฑ์และกลไกในการส่งเสริมและพัฒนาระบบของการ จัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ มีเป้าหมายให้มีการจัดตั้งทีมหมอครอบครัว > 6,500 ทีม เพื่อให้การดูแลคนไทยทุกคน 68 ล้านคนอย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยทีมหมอ ครอบครัว 1 ทีม ประกอบไปด้วย แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว สหสาขาวิชาชีพ และอสม. มีหน้าที่ในการดูแลสุขภาพประชาชนทุกคน ดูแลทุกอย่าง ดูแลทุกที่ ดูแลทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้ประชนชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ ลดการนอนโรงพยาบาล ลดการเจ็บป่วย และลดความพิการ
1.3 ภารกิจของ รพ.สต.
ภารกิจของ รพ.สต. แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภารกิจหลักพื้นฐาน จะ เป็นการบริการแบบผสมผสานให้แก่ประชากรทุกกลุ่มอายุ ในสถานพยาบาล ที่ บ้าน และชุมชน งานบริการดูแลเป็นกลุ่มประชากร ตามวัย และตามประเด็น ปัญหาเฉพาะของพื้นที่ รวมทั้งการจัดการเพื่อเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของชุมชน และบริการที่ต้องดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นภารกิจที่ รพ.สต. จะต้อง ดําเนินงานให้ครอบคลุม โดยเน้นตามสภาพปัญหาสุขภาพของพื้นที่ ซึ่งได้จากการ วิเคราะห์ข้อมูลประชากร กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยในชุมชนภารกิจเสริม เป็นกิจกรรมที่ รพ.สต. สามารถทําเพิ่มเนื่องจากสภาพปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และ ความต้องการของชุมชนที่สามารถพัฒนาคุณภาพบริการที่เพิ่มมากขึ้นจากภารกิจ หลัก เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม
6
ภารกิจหลักพื้นฐานในการให้บริการของ รพ.สต. ดังต่อไปนี้ การ จัดบริการแก่ประชาชนกลุ่มวัยเด็ก วัยรุ่น สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ติด ยาเสพติด ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง การจัดบริการสุขภาพช่องปาก การบริการเฝ้าระวัง สอบสวนโรค บริการการป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่สําคัญ
1.4 การบริการสุขภาพในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่พิเศษ
การบริการสุขภาพในประเทศไทยในพื้นที่พิเศษที่ห่างไกลความเจริญ พบว่า บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศมีปัญหา และความต้องการการดูแล สุขภาพที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ เช่น ในบริเวณจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อําเภอในจังหวัดสงขลา ได้แก่ จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย มีปัญหาเฉพาะในพื้นที่ซึ่งส่งผลต่อการให้บริการสุขภาพ หลายประการ เช่น บุคลากรสาธารณสุขเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติงาน การเผาอาคาร สถานบริการ และบ้านพัก การขโมยรถส่งต่อผู้ป่วยไปก่อการร้าย การยิงเข้ามาใน สถานบริการสาธารณสุข ส่งผลให้การให้บริการสุขภาพในชุมชนทําได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เฝ้าระวัง (พื้นที่สีแดง) การทํางานในชุมชนจึงลดลงทั้งปริมาณ และคุณภาพ จึงใช้วิธีให้ อสม. ที่ประจําพื้นที่นั้นทําหน้าที่แทนบุคลากร หรือให้อ สม. ประจําหมู่บ้านพื้นที่สีเหลืองและเขียว เข้าไปช่วยหมู่บ้านในพื้นที่สีแดง หรือ นัดหมายให้ผู้รับบริการมาที่ รพ.สต. (สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ, 2561)
สําหรับพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกในพื้นที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศ เมียนมาร์ พบปัญหาและความต้องการในการดูแลสุขภาพที่แตกต่างออกไป เช่น การทํางานพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานเชิงรุกในพื้นที่ติดชายแดนภาคตะวันตก พบว่า ปัญหาที่สําคัญ คือ พื้นที่ในแถบชายแดนภาคตะวันตก มีลักษณะป่า มีสัตว์ ป่าอันตราย การเดินทางเพื่อเข้าไปให้บริการทางสุขภาพจําเป็นต้องอาศัยผู้ชํานาญ ทาง และต้องมีการประสานกับหลายฝ่าย ทั้งนายอําเภอ ตํารวจภูธร ตํารวจ
7
ตระเวนชายแดน ทหาร ผู้ใหญ่บ้าน บุคลากรเทศบาล บุคลากรป่าไม้ บุคลากร สาธารณสุข และตัวแทนโรงพยาบาล (สุภาพร เสือรอด และอารีย์วรรณ อ่วมตานี, 2558)
ในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือในบริเวณที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาร์ และ ประเทศลาว มีปัญหาในเรื่องของผู้รับบริการที่มีการเดินทางมาจากประเทศ พื้นบ้าน ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เพื่อเข้ามารักษายังพื้นที่ฝั่งประเทศไทย ส่งผลต่อปัญหาการแพร่ระบาดของโรคบริเวณชายแดน นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลต่อบริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดนทางภาคเหนือเช่นด้านการสื่อสารกบัผู้ ที่อพยพลี้ภัยมาจากเมียนมาร์ที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ (พิษณุรักษ์ กันทวี, ภัทรพล มากมี, ทศพลเมืองอิน และ กนกวรรณ สุวรรณรงค์, 2563; วรรณรา ชื่น วัฒนา, ชูชีพ เบียดนอก และกิรตา คงเมือง,2561) ปัญหาเรื่องการเข้าถึงสิทธิ์ ทางด้านบริการสุขภาพสําหรับผู้มีปัญหาสถานะบุคคล ซึ่งทําให้ภาครัฐต้อง รับผิดชอบการให้การดูแลสุขภาพกับบุคคลกลุ่มนี้ตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งถือเป็น ค่าใช้จ่ายจํานวนมาก (ณภัทร ประภาสุชาติ, 2016). ซึ่งปัญหาลักษณะนี้พบได้ เช่นกันในพื้นที่ที่เป็นหมู่เกาะในภาคใต้ของประเทศไทยเช่นกลุ่มชาว มอแกนที่ บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
สําหรับพื้นที่เกาะซึ่งถือเป็นพื้นที่พิเศษเช่นกัน เป็นพื้นที่ที่มี ลักษณะเฉพาะมีปัญหาและข้อจํากัดในหลายดา้นในการให้บริการทางสุขภาพเช่น ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งพื้นที่ทั้งประเทศมีลักษณะเป็นหมู่เกาะหลายพันเกาะ พบ ปัญหาการให้บริการสุขภาพเช่น อัตราตายของมารดาแรกคลอดสูงกว่าค่าความ คาดหมายที่กําหนดไว้ใน SDGs (อัตราตายของมารดา 70 ต่อมารดาที่คลอดบุตร 100,000 คน) กล่าวคือ พบว่า ในปี ค.ศ. 2016 ยังพบอัตราตายของมารดาแรก คลอดบุตร 114 คน ต่อมารดาที่คลอดบุตร 100,000 คน ทั้งนี้เพราะสภาพทาง ภูมิศาสตร์ มีผลต่อการเดินทางเพื่อการรับบริการด้านการผดุงครรภ์ กระทรวง สุขภาพของประเทศฟิลิปปินส์ และองค์การอนามัยโลก จึงได้ร่วมกันพัฒนาระบบ
8
บริการ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) ระบบการพัฒนากําลังคนด้านการผดุงครรภ์ โดยจัด หลักสูตรฝึกอบรมผดุงครรภ์เพื่อให้การดแูลสตรีตั้งแต่เริ่มตงั้ครรภ์ให้การดูแลอย่าง ใกล้ชิดในระยะตั้งครรภ์ ประเมินความเสี่ยง และให้การดูแลระหว่างการคลอด และหลังคลอด เพื่อให้มารดาและทารกแรกคลอดมีความปลอดภัย 2)ระบบการ ลําเลียงมารดาผู้คลอดด้วยเรือพยาบาล เพื่อให้ผู้คลอดได้รับการดูแลที่มี ประสิทธิภาพตามมาตรฐาน เกิดความปลอดภัยระหว่างการนําส่ง และได้รับการส่ง ต่อการรักษายังสถานบริการที่มีศักยภาพในการจัดการปัญหาเหล่านี้ 3) พัฒนา ระบบการสื่อสารที่ดี ระหว่างโรงพยาบาลปลายทางระหว่างการนําส่งเพื่อความ ปลอดภัยของมารดา (Juban, 2018)
1.5 รพ.สต. ที่ตั้งอยู่บนเกาะ
จากการสํารวจข้อมูลจากเอกสารและการลงพื้นที่ ใน 3 เขตสุขภาพ ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 6 ประกอบด้วยจังหวัดดังนี้ ระยอง จันทบุรี และตราด เขต สุขภาพที่ 11 ประกอบด้วย จังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เขตสุขภาพที่ 12 ประกอบด้วย จังหวัดตรัง และ จังหวัดสตูล รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด พบว่า ในประเทศไทยมีสถานบริการสุขภาพปฐมภูมิที่ตั้งอยู่บนเกาะท้งั สิ้น 58 แห่ง แบ่งเป็น รพ.สต.จํานวน 55 แห่ง สถานีอนามัย 1 แห่ง และสุขศาลา 2 แห่ง ดังตารางที่ 1
9
10 ตารางที่ 1 จํานวนสถานบริการสุขภาพปฐมภูมิที่ตั้งอยู่บนเกาะในประเทศไทย
หน่วยบริการสุขภาพที่ตั้งอยู่บนเกาะ (แห่ง)
เขตสขุ ภาพ จังหวัด
จันทบุรี 6 ตราด
ระยอง กระบี่ พังงา
11 ภูเก็ต ระนอง
รพ.สต. สถานีอนามัย สุขศาลา
2 - - 7 - - 1 - - 6 - - 9 - - 3 - - 5 - -
สุราษฎร์ธานี
ตรัง 3
12
รวม
13 1 - - -
สตูล 6
- 2
55 1 2 58
สําหรับลักษณะเฉพาะของ รพ.สต.ที่มีที่ตั้งอยู่บนเกาะมีความแตกต่าง จาก รพ.สต.ในเขตเมืองในพื้นที่อื่น ๆ ดังนี้
1. เกาะซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงต้องให้บริการที่ครอบคลุมกลมุ่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริการนอกพื้นที่ ความ ต้องการและความคาดหวังย่อมมีความแตกต่างจากผู้รับบริการที่อยู่ในพื้นที่
2. ประเภทของการเจ็บป่วยมีความหลากหลาย เพราะอาจเกิดเหตุภัย พิบัติต่าง ๆ จากภัยธรรมชาติ เช่น ภัยจากมรสุม และคลื่นลมแรง จึงต้องมีแผน รองรับการเกิดภัยพิบัติจากการบาดเจ็บกลุ่มชน (Mass casualty incident) ที่มี ประสิทธิภาพ
3. หากเป็นเกาะที่ห่างไกลชายฝั่งและมีข้อจํากัดด้านการคมนาคม การ ส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินย่อมมีความยากลําบาก อาจเป็นปัจจัยที่ทําให้เกิดความล่าช้าใน การรักษา จึงต้องมีแผนรองรับการคมนาคมที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4. การสื่อสารระหว่าง รพ.สต. กับโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาล ศูนย์ในเครือข่าย ต้องมีประสิทธิภาพสูง เพื่อการส่งต่อและการรับผู้ป่วยกลับเพื่อ การดูแลต่อเนื่องในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ด้วยความเฉพาะและความห่างไกลของที่ตั้ง บุคลากรสุขภาพจึงต้องมี สมรรถนะเฉพาะ มีความไวต่อวัฒนธรรมและความเชื่อของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเกาะในพื้นที่ภาคใต้ในเขตสุขภาพที่ 11 และเขตสุขภาพที่ 12 ซึ่ง ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม ซึ่งจะมีความเชื่อทาง ศาสนาที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ
6. การพัฒนาให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสุขภาพ เฝ้าระวังโรค และช่วยเหลือในระบบการดูแลต่อเนื่องเป็นปัจจัยสําคัญในการ
11
ขับเคลื่อนงานของ รพ.สต. ที่อยู่บนเกาะ ดังนั้นบุคลากรจึงต้องมีสมรรถนะสูงใน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน และประชาชนในพื้นที่
12
บทที่ 2
ลักษณะของเกาะ วิถีชีวิต และความต้องการทางสุขภาพของประชาชนบนเกาะ
2.1 บริบทของเกาะที่เป็นที่ตั้งของ รพ.สต. และการคมนาคม
เกาะต่าง ๆ ที่เป็นที่ตั้งของ รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของทะเลอ่าวไทย ได้แก่ เกาะในพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด และสุ ราษฎร์ธานี ซึ่งมีเกาะสําคัญที่เป็นที่รู้จักได้แก่ เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด เกาะ สมุย และเกาะพะงัน เป็นต้น ส่วนในทะเลฝั่งอันดามัน ได้แก่ เกาะ ในพื้นที่จังหวัดระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล ซึ่งมีเกาะที่สําคัญ เช่น เกาะ นาคา เกาะมะพร้าว เกาะยาวใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะลันตาใหญ่ เกาะจํา เกาะ หลีเป๊ะ เกาะสาหร่าย เกาะปันหยี เกาะลิบง เป็นต้น
ในด้านการคมนาคมจากเกาะไปยังแผ่นดินใหญ่มีวิธีการเดินทางแล ะ ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยในเขตสุขภาพที่ 6 เกาะ หรือพื้นที่ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งหรือแผ่นดินใหญ่ ไม่ไกลมาก คือ ระยะห่างจาก ชายฝั่งที่ใกล้ที่สุด ไม่เกิน 10 กิโลเมตร ได้แก่ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง และเกาะ ช้าง จังหวัดตราด ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที ด้วยเรือสปีดโบ๊ท หรือไม่เกิน 30-45 นาที ด้วยเรือเฟอร์รี่ หรือเรือท้องถิ่น
ส่วนเกาะหรือพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งหรือแผน่ดินใหญค่่อนข้างมาก คือ ระยะห่างจากชายฝั่งมากกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไป ได้แก่ เกาะจิก และพื้นที่ไร้ แผ่นดินบางชัน จังหวัดจันทบุรี เกาะหมาก และเกาะกูด จังหวัดตราด ใช้เวลา เดินทางมากกว่า 15 นาที ด้วยเรือสปีดโบ๊ท หรือมากกว่า 45 นาที ด้วยเรือเฟอร์รี่ เรือหางยาวหรือเรือท้องถิ่น ซึ่งมีระยะห่างที่ไกลจากชายฝั่งมาก ทําให้การเดินทาง
13
ไปยังแผ่นดินใหญ่นอกจากจะใช้เวลานานแล้ว ยังเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ในขณะที่รายได้ของประชากรบางพื้นที่มีไม่มาก เช่น การเดินทางจากเกาะจิก จังหวัดจันทบุรี ไปยังแผ่นดินใหญ่ ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย ไปกลับ ครั้งละ 500 บาท กับรายได้เฉลี่ยเพียงปีละ 30,000 บาทเท่านั้น ซึ่งหากต้องไปพบแพทย์บน ชายฝั่งทุกเดือนก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ซึ่งไม่รวมค่าเดินทางไปกลับจาก ท่าเรือบนฝั่งไปยังโรงพยาบาลที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ในเขตสุภาพที่ 11 การคมนาคมระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่แบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มเกาะที่อยู่ไม่ห่างไกลจากชายฝั่งไม่มาก ใช้เวลา เดินทางด้วยระหว่างชายฝั่งกับเกาะประมาณ 30-45 นาที ด้วยเรือท้องถิ่น หรือ ประมาณ 15-20 นาที ด้วยเรือสปีดโบ๊ท เกาะในกลุ่มนี้ ได้แก่ เกาะไม้ไผ่ เกาะคอ เขา เกาะมะพร้าว เกาะโหลน เกาะลันตา เกาะศรีบอยา เกาะจํา แม้ว่าเกาะในกลมุ่ นี้ที่อยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง และใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน แต่หากเป็นเกาะเล็กๆ การเดินทางด้วยเรือโดยสารก็อาจมีข้อจํากัด เช่น มีรอบเรือไม่มาก หรือรอบเรือไม่ มีบางช่วงเวลา ทําให้การเดินทางมีข้อจํากัด และหากในกรณีฉุกเฉิน อาจจะต้อง เหมาเรือ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูงมากกว่าปกติ และจากการลงพื้นที่ พบว่า เกาะศรีบอ ยา ซงึ่ เป็นที่ตั้งของ รพ.สต. เกาะศรีบอยา ต้องไปดูแลประชาชนในเกาะเฮ ซึ่งเป็น เกาะใกล้เคียงแต่ไม่มีเรือโดยสารที่ไปยังเกาะเฮได้ ทําให้ในการออกปฏิบัติงาน แต่ละครั้ง ต้องนั่งเรือไปที่ฝั่ง เพื่อต่อเรือมายังเกาะเฮ ซึ่งเสียเวลาในการเดินทาง ค่อนข้างมาก รวมถึงชาวบ้านบนเกาะเฮ ก็จะไม่สามารถเดินทางตรงมายังเกาะศรี บอยาได้โดยตรงเช่นกัน ทําให้ต้องไปใช้บริการบนฝั่งแทน
กลุ่มสอง คือ กลุ่มเกาะที่อยู่ห่างจากชายฝั่งมาก ต้องใช้เวลาเดินทาง ระหว่างชายฝั่งกับเกาะมากกว่า 45 นาที ด้วยเรือท้องถิ่น หรือมากกว่า 20 นาที ด้วยเรือสปีดโบ๊ท เกาะในกลุ่มนี้ ได้แก่ เกาะพยาม เกาะช้าง เกาะพะลวย เกาะ หมากน้อย เกาะพระทอง เกาะยาวใหญ่ เกาะที่ตั้งอยู่ห่างไกลในเขตสุขภาพที่
14
12 กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเกาะที่มีความจําเป็นต้องเดินทางไปฝั่งบ่อยทั้งในการเดินทางใน ชีวิตประจําวัน และการส่งต่อผู้ป่วย เพราะ ไม่มีโรงพยาบาลบนเกาะ หากเกิดเหตุ ด่วน ต้องใช้เวลานานในการเดินทางไปโรงพยาบาลที่อยู่บนฝั่ง และมีค่าใช้จ่ายสูง และเกาะเล็กๆหลายแห่ง ไม่ได้มีรอบเรือโดยสารมานัก บางแห่งมีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น เช่น เกาะพระทอง จังหวัดพังงา มีเรือโดยสารเพียงวันละ 1 รอบ และ หากจําเป็นต้องใช้ในเวลากลางคืน จ่ายราคาเหมากว่าหลักพัน และจากการลงพื้นที่ เก็บข้อมูลพบว่าในเกาะพระทองพบว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่างการส่งต่อ เพราะไม่มี รถพยาบาล และเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสม และการเดินทางไปบนฝั่งก็ใช้ เวลานาน อีกเกาะหนึ่งที่มีเรือโดยสารเพียงวันละ 1 เที่ยว คือ เกาะพะลวย จังหวัด สุราษฎร์ธานี โดยมีเรือออกจากเกาะพะลวยไปบนฝั่ง ในเวลาประมาณ 7.00 และ ออกจากฝั่งกลับมายังเกาะ เวลา 13.00 เท่านั้น
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่พบประเด็นเรื่องที่ตั้งของเกาะ กับการเดินทาง ไปรักษาของประชาชนบนเกาะยาวใหญ่ โดยชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่า แม้ว่าเกาะ ยาวใหญ่จะอยู่พื้นที่ของจังหวัดพังงา แต่ประชาชนจะเดินทางไปรักษาที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในกรณีที่เป็นเรื่องเร่งด่วน หรือเจ็บป่วยรุนแรง เพราะทําเล ที่ตั้งจากเกาะยาวใหญ่สามารถเดินทางไปทางฝั่งภูเก็ตสะดวกกว่า และอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาลบนฝั่งมีความพร้อมมากกว่าของ โรงพยาบาลเกาะยาวน้อยชัยพัฒน์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชน และการเดินทางก็ ต้องนั่งเรือข้ามไปที่เกาะยาวน้อย ซึ่งหากรักษาไม่ได้ก็ต้องถูกส่งต่ออยู่ดี และ อาจจะทําให้เสียเวลามากกว่าการไปรักษาที่วชิระภูเก็ตโดยตรง
กลุ่มสาม คือ กลุ่มเกาะสมุย พะงัน และเกาะแตน เนื่องจากเกาะสมุย และเกาะพะงันเป็นเกาะขนาดใหญ่ มีความเจริญมาก มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้ง ของรัฐ และเอกชนหลายแห่ง ทําให้ทั้ง 2 เกาะนี้ รวมถึงเกาะแตนที่อยู่ห่างจาก เกาะสมุยด้วยการเดินทางทางเรือเพียงแค่5-10นาที ดังนั้นความจําเป็นในการ
15
เดินทางไปฝั่งอาจจะมีความจําเป็นน้อยกว่าเกาะอื่นๆ ทั้งในชีวิตประจําวัน หรือใน กรณีฉุกเฉิน ก็สามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลบนเกาะได้เลย อย่างไรก็ตาม หากจะเดินทางจากเกาะสมุย หรือเกาะพะงันไปฝั่ง ยังคงใช้เวลานานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ด้วยเรือเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นเรือที่สามารถขนรถขึ้นไปยังเกาะได้ เช่นเดียวกับเกาะ ช้าง จังหวัดตราด และเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ หรือหากเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ท ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที
ในเขตสุขภาพที่ 12 การคมนาคมระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่ แบ่งได้ เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเกาะที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่ง ไม่เกิน 10 กิโลเมตร ใช้เวลา เดินทางโดยเรือท้องถิ่น หรือเรือหางยาว ประมาณ 30-45 นาที หรือใช้เรือสปีด โบ๊ทจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที เกาะในกลุ่มนี้ได้แก่ เกาะลิบง เกาะมุกต์ เกาะ สุกร เกาะยาว เกาะปูยู เกาะบากันใหญ่ (ที่ตั้ง รพ.สต. ตันหยงกลิง) และจากการ ลงพื้นที่พบว่า บางพื้นที่ของเกาะต่างๆ จะได้รับอิทธิพลจากน้ําขึ้น น้ําลงใน ช่วงเวลาเช้า และช่วงเวลาเย็นด้วย ทําให้การเดินทางต้องกําหนดช่วงเวลาของเรือที่ ชัดเจน เช่น ถ้าเดินทางจากเกาะไปฝั่งต้องออกเดินทาง 7.30 น. หากจะเดินทาง จากฝั่งมาที่เกาะต้องออกเดินทาง 12.00 น. ทําให้ใน 1 วันมีเรือรับส่งเพียงแค่ 1 รอบเท่านั้น หากฉุกเฉิน หรือเดินทางนอกเหนือเวลาดังกล่าวก็ต้องใช้วิธีเหมาเรือ ไป ซึ่งการดําเนินก็จะลําบากมากขึ้นหากเดินทางในช่วงคลื่นลมแรง และยังพบอีก ว่ามีกรณีการคลอดบนเรือหลายรายในพื้นที่เกาะสาหร่าย เนื่องจากน้ําแห้งไม่ สามารถเดินทางไปต่อได้
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มเกาะที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งมาก ใช้เวลาเดินทางด้วย เรือสปีดโบ๊ทถึง 1-2 ชั่วโมง ได้แก่ เกาะหลีเป๊ะ และบุโหลนดอนและบุโหลนเล ซึ่งเกาะบุโหลนดอนและบุโหลนเล ไม่มีเรือประจําทาง ต้องใช้วิธีการเหมาเรือไป เท่านั้น ซึ่งบุคลากรของสุขศาลาบุโหลนดอนและสุขศาลาบุโหลนเลต้องพํานักอยู่ บนเกาะด้วยระยะเวลานานกว่าเกาะอื่นๆ คือ ประมาณ 1-2 เดือน
16
2.2 ปัญหาจากสภาพภูมิศาสตร์และภัยพิบัติทางน้ํา
สภาพภูมิประเทศของเกาะต่างๆ จะมีลักษณะเป็นภูเขาอยู่บนเกาะ ทํา ให้การคมนาคมบนเกาะหลายเกาะจะค่อนข้างลําบากเพราะเป็นภูเขา หรือเนินเขา สูง เช่น เกาะช้าง เกาะพะงัน เป็นต้น ส่วนด้านข้างของเกาะจะเป็นชายหาด และ บางส่วนจะเป็นป่าโกงกาง ซึ่งยากต่อการเดินทางเข้าถึง เพราะได้รับอิทธิพลจาก ปรากฎการณ์น้ําขึ้น น้ําลงในแต่ละช่วงเวลาด้วย ยกเว้นพื้นที่ไร้แผ่นดินบางชัน จังหวัดตราด ที่ไม่มีแผ่นดิน แต่จะเป็นชุมชนที่ล้อมรอบด้วยน้ํา และมีพื้นที่ป่า โกงกางในบางส่วน
สําหรับพื้นที่ตั้งของเกาะที่เป็นที่ตั้งของ รพ.สต. ทุกแห่งทั้งฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามันจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึงพายหมุนเขตร้อน และอุบัติเหตุทางน้ํา เช่น เรืออัป ปาง เรือชนกัน เช่น เหตุการณ์เรือโดยสารศรีราชา-เกาะสีชัง ชนกับเรือบรรทุก น้ํามัน จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2535 เหตุเรือล่มในจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2561 เป็นต้น หรือภัยพิบัติทางน้ําที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เช่น พายุโซนร้อนแฮเรียตถล่มแหลม ตะลุมพุก พ.ศ. 2505 พายุโซนร้อนรูท พ.ศ. 2513 พายุไต้ฝุ่น แซลลี พ.ศ. 2515 พายุไต้ฝุ่นเกย์ พ.ศ. 2532 พายุโซนร้อนฟอร์เรสต์ พ.ศ. 2535 พายุไต้ฝุ่นลินดา พ.ศ. 2540 และเหตุการณ์สึนามิ พ.ศ. 2547 เป็นต้น
ผลกระทบจากสภาพภูมิศาสตร์ และภัยพิบัติทางน้ํา ทําให้หน่วยงานทาง สาธารณสุข รวมถึงรพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะจึงเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สําคัญในการ ช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานอื่น ในการปฏิบัติงานเพื่อให้ความ ช่วยเหลืออาจเกิดข้อจํากัดและอุปสรรคต่างๆ
17
2.3 วิถีชีวิตของประชาชนบนเกาะ และภาระหน้าที่ของ รพ.สต.
วิถีชีวิตของประชานบนเกาะมีลักษณะทางสังคม เศรษฐกิจ การประกอบ อาชีพ ความเชื่อที่มีความหลากหลาย โดยในเขตสุขภาพที่ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ในภาค ตะวันออก ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ มีความเชื่อคล้ายคลึงกัน ใช้ภาษาไทย เป็นภาษาหลักการสื่อสาร แต่ในด้านลักษณะเศรษฐกิจมีความแตกต่างกัน โดย เกาะหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ เกาะเสม็ด พื้นที่ไร้แผ่นดินบางชัน เกาะ หมาก เกาะกูด และเกาะช้างในบริเวณคลองสน บ้านคลองพร้าว และบางเบ้า ประชากรในพื้นที่นี้จะมีประชากรหลากหลายกลุ่มมาอาศัยอยู่รวมกัน ทั้งใน ลักษณะกึ่งถาวร และชั่วคราว ได้แก่ ชาวต่างชาติที่มาทําธุรกิจในประเทศไทย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่มาพักผ่อนในช่วงวันหยุดต่างๆ ซึ่ง จากการสนทนากลุ่มที่จังหวัดระยอง พบว่า โดยปกตินักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวต่างชาติจะพอๆกัน เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยครึ่งหนึ่ง และนักท่องเที่ยว ต่างชาติครึ่งหนึ่ง แต่หากเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเยอะ กว่านักท่องเที่ยวชาวไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยจากนอกพื้นที่เกาะและคนต่าง ด้าว ได้แก่ชาวเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ทั้งที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้ขึ้นทะเบียนที่เข้ามาทํางานบนเกาะ ซึ่งเมื่อรวมจํานวนคนกลุ่มต่างๆ ที่ เป็นประชากรแฝงทั้งหมดในพื้นที่ท่องเที่ยวแล้ว พบว่า มีจํานวนมากกว่าคนใน ท้องถิ่นบนเกาะหลายเท่าตัว ซึ่งทําให้ รพ.สต. ในพื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องทํางาน หนักมากกว่าพื้นที่อื่นๆ และต้องใช้ทักษะในการสื่อสารในด้านภาษาอื่นๆในการ ให้บริการอีกด้วย โดยอาชีพสําคัญที่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสําคัญของเกาะ หรือพื้นที่ท่องเที่ยว คือ การทําธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ค้าขายอาหารทะเล ธุรกิจรถเช่า การนําเที่ยว และการ กิจกรรมทางน้ําต่างๆ เช่น การดําน้ําดูประการังทั้งน้ําลึก และน้ําตื้น รวมถึง กิจกรรมบันเทิงต่างๆ บริเวณริมชายทะเล
18
ในส่วนของพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักจะอยู่ในพื้นที่ของสลัก เพชร และเจ็กแบ๊ บนเกาะช้าง ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นชุมชนชาวบ้านท้องถิ่นเก่าแก่ เป็นชุมชนแห่งแรกในเกาะช้าง ประชากรหลักคือคนในท้องถิ่น ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิต ของคนในท้องถิ่นไว้ด้วยการทําการเกษตรกรรม ปลูกยางพารา ปลูกผลไม้ต่าง ๆ ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าว เป็นต้น การทําประมง และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่พอมีใน พื้นที่นี้ได้แก่ แหล่งศึกษาธรรมชาติ ป่าชายเลน การตกปลาหมึก ที่มาจะดึงดูด นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติมาช่วยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
ในเขตสุภาพที่ 11 มีพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ได้แก่ เกาะปันหยี เกาะไม้ไผ่ เกาะหมากน้อย เกาะยาวใหญ่ (รพ.สต. เกาะยาว ใหญ่ รพ.สต. พรุใน และรพ.สต. โล๊ะโป๊ะ) ในจังหวัดพังงา เกาะศรีบอยา เกาะจํา เกาะลันตาในพื้นที่ของ รพ.สต. ศาลาด่าน รพ.สต. คลองโตนด ในจังหวัดกระบี่ และเกาะโหลน เกาะมะพร้าว ในจังหวัดภูเก็ต
พื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ได้แก่ เกาะพยาม ในจังหวัด ระนอง เกาะแตน เกาะพลวย เกาะพะงัน เกาะสมุยในพื้นที่ รพ.สต. ตลิ่งงาม รพ. สต.หน้าเมืองในจังหวัดสุราษฎ์ธานีและกลุ่มพื้นที่ที่ประชากรมีทั้งชุมชนที่นบัถือ พุทธ และชุมชนที่นับถืออิสลามอยู่ผสมผสานกัน ได้แก่ เกาะสมุย เช่น ในพื้นที่รพ. สต. มะเร็ต และบริเวณตอนบนของเกาะใกล้กับสนามบินสมุย ในจังหวัดสุราษฎร์ ธานี พื้นที่บริเวณ รพ.สต. ปากน้ํา และ รพ.สต. เกาะช้าง ในจังหวัดระนอง
ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 12 มีชาวเลหรือคนพื้นถิ่นดั้งเดิม หรือชาวอูรักลา โวยจหรือบางทีเรียกว่าคนไทยใหม่ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ บนเกาะศรีบอยา เกาะจํา เกาะลันตาบริเวณศาลาด่าน ในชุมชนโต๊ะบาหลิว ชุมชนในไร่ เป็นต้น และพบ ชาวมอแกนบริเวณเกาะพยาม เกาะช้าง และปากน้ํา จังหวัดระนอง นอกจากกลุ่ม ชาวเลแล้ว ในพื้นที่จังหวัดระนองยังพบกลุ่มคนไร้สัญชาติ ที่ไม่มีหลักฐานหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดหรืออยู่ในประเทศไทยมายาวนาน ซึ่งกลุ่มคนไร้สัญชาติ
19
เหล่านี้เป็นลูกของพ่อแม่ชาวเมียร์มาที่อพยพมาทํางานที่ประเทศไทยและเกดิใน ประเทศไทย
ในด้านเศรษฐกิจจะมีความแตกต่างกันชัดเจนระหว่างเกาะในพื้นที่ ท่องเที่ยว และเกาะชุมชนดั้งเดิม กล่าวคือ กลุ่มเกาะที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มี ชื่อเสียง ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งรายได้หลักของเกาะ มาจากธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ผับ บาร์ ห้างสรรพสินค้า บริษัททัวร์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับกับนักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่มาเยือนยังเกาะทั้ง 2 แห่งนี้จํานวนหลายพันคนต่อวัน และมากกว่า 1-2ล้านคนต่อปี ซึ่งมีทั้งการมาพํานักทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวรคือมา เพื่อทําธุรกิจ ส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายของแรงงานทั้งชาวไทย และคนต่างด้าว ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวเมียนมาร์เข้ามาทํางานในพื้นที่เกาะสมุย และพะงัน จํานวนมาก เมื่อนับรวมนักท่องเที่ยว และแรงงานที่เข้ามาในพื้นที่นี้ ทําให้ ประชากรแฝงของเกาะพะงัน และเกาะสมุย มีจํานวนมากกว่าประชากรตาม ทะเบียนราษฎร์หลายเท่านัก เช่น ในพื้นที่ รพ.สต. บ่อผุด รพ.สต. อ่างทอง รพ. สต. แม่น้ํา ที่เกาะสมุย รพ.สต. บ้านใต้ รพ.สต. เกาะพะงัน ที่เกาะพะงัน เป็นต้น ซึ่งจากจํานวนประชากรแฝงที่มหาศาล ในขณะที่อัตรากําลังของบุคลากรถูกจํากัด จากกรอบของขนาด รพ.สต. ทําให้ภาระงานและจํานวนบุคลากรไม่สมดุลกัน
เกาะที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวรองลงมาจากเกาะสมุย และเกาะ พะงัน ได้แก่ เกาะยาวใหญ่ เกาะปันหยี จังหวัดพังงา เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และเกาะพยาม จังหวัดระนอง ซึ่งมีทั้งการทําธุรกิจท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเกาะ ท่องเที่ยวอื่นๆ รายได้สําคัญมาทั้งจากการท่องเที่ยว การทําประมง การทําสวนยาง มีประชากรแฝงทั้งที่เป็นแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าว และนักท่องเที่ยวชาว ไทยและต่างชาติในพื้นที่ แต่ปริมาณประชากรแฝงอาจจะไม่ได้มากเท่ากับเกาะสมุย หรือเกาะพะงัน เช่นที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง ประมาณการจํานวนนักท่องเที่ยว
20
ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มาในเกาะพยามเฉลี่ยปีละประมาณ 1 แสนคน แต่ เกาะพยาม จะไม่มีโรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งของรัฐ หรือ เอกชนเหมือนเช่นเกาะสมุย และเกาะพะงัน ที่มีโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลรัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน ที่จะสามารถช่วยเหลือในเคสสําคัญ หรือเคสฉุกเฉินได้ ทําให้ รพ.สต. ในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาก และไม่มีโรงพยาบาลบนเกาะ หรือในพื้นที่ ใกล้เคียง ยกตัวอย่างเช่น รพ.สต. เกาะพยามต้องรับภาระหนัก และเป็นที่พึ่งทาง สุขภาพแห่งเดียวของทั้งประชาชนบนเกาะทั้งคนไทย และคนต่างด้าว คนไร้ สัญชาติ ชาวเล และนักท่องเที่ยว
กลุ่มที่ชุมชนดั้งเดิม เช่น เกาะศรีบอยา เกาะจํา ในจังหวัดกระบี่ เกาะ มะพร้าว เกาะโหลนจังหวัดภูเก็ต เกาะช้าง จังหวัดระนอง เกาะไม้ไผ่ เกาะหมาก น้อย เกาะพระทอง เกาะคอเขาจังหวัดพังงา เกาะพลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็น ต้น เกาะในกลุ่มนี้รายได้หลักสําคัญส่วนใหญ่จะมาจากการทําประมง การทําสวน ยางเป็นสําคัญ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวมีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้โดดเด่นเท่ากับเกาะอื่นๆ ในเขตสุขภาพเดียวกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากการลงพื้นที่ของเกาะที่เป็นชุมชน ดั้งเดิมในเขตสุขภาพที่ 11 ได้แก่ เกาะศรีบอยา จังหวัดกระบี่ เกาะเล็กๆที่ไม่ไดเ้ ปน็ ที่รู้จักมากนัก มีที่พักเพียงไม่กี่แห่ง (หลังโควิดเหลือที่พักเพียงแห่งเดียว) แต่ก็มี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่บ้างทั้งอยู่อาศัยระยะสั้นๆ และมาปลูกบ้าน อยู่ระยะยาวหลายปี แต่ในช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมา จํานวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่อยู่ระยะสั้นๆก็กลับประเทศไป ทําให้เหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ไม่มาก หรืออีกตัวอย่าง เช่น เกาะโหลน จังหวัดภูเก็ต เกาะเล็ก ๆ ที่มีที่พักเพียงแหง่ เดียว ประชาชนบนเกาะก็จะทําการประมง ร่วมกับการทําสวนเป็นอาชีพหลัก
ในด้านสังคมและวัฒนธรรม พบว่า ความเชื่อทางศาสนามีผลต่อ พฤติกรรมทางสุขภาพในพื้นที่ที่มีการนับถือศาสนาอิสลาม เช่น เกาะไม้ไผ่ เกาะ หมากน้อย เกาะพระทอง เกาะปันหยี เกาะยาวใหญ่ ในจังหวัดพังงา เกาะลันตา
21
เกาะศรีบอยาเกาะจําในจังหวัดกระบี่เกาะโหลนเกาะมะพร้าวในจังหวดัภเูก็ต เป็นต้น โดยเฉพาะความเชื่อว่าตามศาสนาเกี่ยวกับการห้ามคุมกําเนิด ซึ่งพบว่าใน อดีตสตรีมุสลิมจะไม่คุมกําเนิด (ปัจจุบันสตรีรุ่นนี้มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป) นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา พบว่า มีการปฏิเสธการรับวคั ซนี เนื่องจากมีความเชื่อว่าวัคซีนมาจากชาวยิว วัคซีนมีส่วนผสมของหมู วัคซีนไม่ฮา ลาล หรือบางคนเชื่อว่าชีวิตเป็นไปตามที่พระเจ้าลิขิต จะฉีดวัคซีน หรือไม่ฉีดวัคซีน จะมีชีวิตรอดหรือไม่ เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นต้น
ในเขตสุขภาพที่ 12 ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะ เกือบทั้งหมดนับถือ ศาสนาอิสลาม นิกายซุนนี ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารมีทั้งภาษาไทย ภาษายาวี ซึ่ง ประชาชนบางส่วนจะสามารถสื่อสารได้ทั้ง 2 ภาษา ยกเว้นผู้สูงอายุบางรายจะ สื่อสารได้เฉพาะภาษายาวี ทําให้เกิดปัญหาด้านการสื่อสารกับบุคลากรของ รพ.สต. ที่ไม่สามารถสื่อสารภาษายาวีได้ ต้องให้ อสม. ช่วยสื่อสาร ยกเว้นที่เกาะบุโหล นดอนและบุโหลนเล ที่ประชาชนกว่าร้อยละ 90 จะใช้ภาษามลายูเป็นภาษาหลัก ในการสื่อสาร นอกจากนี้จากการลงพื้นที่พบชาวเลที่เป็นชนพื้นเมืองที่เรียกว่า อูรัก ลาโวยจ มอแกน และมอแกลน อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง และเกาะ บุโหลนของจังหวัดสตูล ซึ่งจะมีภาษาที่ใช้พูดสื่อสารกันเรียกว่า ภาษาอูรักลาโวยจ
ในด้านเศรษฐกิจพบว่าเกาะหลีเป๊ะซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยวพื้นที่พิเศษท่มีี ชื่อเสียงของประเทศไทย มีลักษณะและจํานวนประชากรแตกต่างจากเกาะอื่นๆใน เขตสุขภาพที่ 12 มากที่สุด โดยจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูล พบว่า บนเกาะหลีเป๊ะมี ประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะตามทะเบียนราษฎร์เพียงแค่หลักพันคนเท่านั้น แต่มี ประชากรแฝงทั้งที่เป็นแรงงานชาวไทย และแรงงานต่างด้าว นักท่องเที่ยวทั้งชาว ไทย และชาวต่างประเทศนับหมื่นคน ที่เข้ามาท่องเที่ยว และพักผ่อนทั้งระยะสั้น และพํานักระยะยาวบนเกาะแห่งนี้ ทําให้บุคลากร 1 คน ต้องดูประชาชนถึง ประมาณ 1000 กว่าคน
22
ในด้านความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้มาจากการ ท่องเที่ยว ประชาชนบนเกาะประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้ง โรงแรม รีสอร์ท การนําเที่ยวหรือทัวร์ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับทางทะเลต่างๆ เช่น การดําน้ําดูประการังเจ็ดสีที่บริเวณร่องน้ําจาบัง เช่นเดียวกับเกาะท่องเที่ยวอย่าง เกาะเสม็ด เกาะช้าง ในเขตสุขภาพที่ 6 และเกาะสมุย เกาะพะงันในเขตสุขภาพที่ 11 นอกจากธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ประชาชนส่วนหนึ่งก็จะประกอบอาชีพหลัก คือการทําประมง โดยเฉพาะในเกาะใกล้เคียงที่ไม่ได้เป็นเกาะท่องเที่ยวหลัก
เกาะอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสําหรับในเขตสุขภาพที่ 12 รองลงมา จากเกาะหลีเป๊ะ ได้แก่ เกาะลิบง เกาะมุกต์ เกาะสุกร ในจังหวัดตรัง ก็ได้รับความ นิยมจากนักท่องเที่ยว อยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก ประชากรมีทั้งคนในท้องถิ่น และประชากรแฝง ที่เข้ามาทํางานและพักผ่อน ท่องเที่ยวเช่นเดียวกับเกาะหลีเป๊ะ แต่มีจํานวนน้อยกว่า อาชีพหลักๆ ก็จะเป็นทั้งการทําประมง ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และทําสวนยางพารา เป็นต้น
ในด้านสังคมและวัฒนธรรม พบว่า ผู้นําทางศาสนาและประชาชนใน ท้องถิ่นบางส่วนปฏิเสธการรับวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนา ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 นอกจากนี้ยังพบ ความเชื่อในท้องถิ่นอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น พบความเชื่อที่ว่าเมื่อเจ็บป่วยนิยม ขอยาปฏิชีวนะเกินความจําเป็นสตรีตั้งครรภ์มีความเชื่อไม่รบัประทานยาธาตเุหลก็ เพราะกลัวว่าทารกตัวโตและคลอดยาก หลังคลอดมีการใช้ยาสมุนไพรหลังคลอด งานวัคซีนเด็ก (EPI) และพบปัญหาไม่ยอมให้ลูกฉีดวัคซีนโดยมีความเชื่อตามหลัก ศาสนาว่าวัคซีนเป็นเชื้อโรค ความเชื่อเรื่องการคัดท้อง (หมุนเปลี่ยนท่าทารกใน ครรภ์) หรือความเชื่อของกลุ่มชาวเล ที่มีความเชื่อว่าทานรสจืดแล้วไม่อิ่ม ถ้า รับประทานของที่มีสีดําจะทําให้ขากรรไกรค้าง ความเชื่อในการคลอดกับหมอ ตําแยถ้าน้ําไม่ขึ้นไม่คลอด การคลอด หมอตําแยจะเป่าคาถาให้คลอดง่าย และให้
23
ดื่มน้ํามนต์เวลาที่เจ็บครรภ์ หลังคลอดหมอตําแยจะให้ดื่มน้ําสมุนไพรรากไม้ ยา กระชับมดลูก มีการให้ดื่มน้ําร้อน ใช้น้ําอุ่นค่อนข้างร้อนลวกทําความสะอาดแผล และอยู่ไฟ 44 วันหลังคลอด งดของแสลงเช่น ข้าวเหนียว ปลาต้องมีเกล็ด (ถ้าไม่มี เกล็ดห้ามรับประทาน) มีความเชื่อว่าฉีดยาคุมแล้วเลือดไม่เดิน การทําหมันมีความ เชื่อว่าผู้หญิงที่ทําหมันจะนอกใจสามี มีความต้องการทางเพศและอยากมี เพศสัมพันธ์กับชายอื่น ความเชื่อเมื่อคลอดถ้าเลือดออกมากเป็นสิ่งดี หลังคลอดมี การอยู่ไฟหลังคลอดทันที การใช้น้ําร้อนล้างแผลซึ่งทําให้เกิดปัญหาแผลแยก
2.4 ความต้องการทางสุขภาพของประชาชนบนเกาะ
ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะมีความต้องการในการได้รับบริการสุขภาพ ที่ดีขึ้น โดยหวังว่าบุคลากรที่ปฏิบัติงานในรพ.สต.จะมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อการ เข้าถึงบริการที่จําเป็น เช่น พยาบาลวิชาชีพสําหรับบริการ การรักษาโรคเบื้องต้น การบําบัดการเจ็บป่วยวิกฤติฉุกเฉินการฉีดวัคซีนให้เด็กเล็กและประชาชนทุกชว่ง วัย การทําหัตถการ เช่น เย็บแผล ผ่าฝี ฉีดยา ให้สารน้ําทางหลอดเลือดดํา เข้าเฝือก การดูแลหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ เฉพาะโรค เช่น โรคหัวใจ หรือ โรคไต เป็นต้น นอกจากนี้ประชาชนยังต้องการ บุคลากรอื่น เช่น จิตแพทย์และนักจิตวิทยา ทันตแพทย์และทันตาภิบาล จักษุ แพทย์ เป็น
การมีวัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพียงพอ และคุณภาพเท่าเทียมกับ บนฝั่งตัวอย่างวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องการเช่นเครื่องวัดความดนัโลหิต รถเข็นนั่ง เครื่องวัดระดับน้ําตาลปลายนิ้ว ชุด PPE เครื่องวัดความเข้มข้นของ ออกซิเจน เครื่องสแกนอุณหภูมิ รถเข็น เปล เป็นต้น
24
รวมถึงต้องการการบริการที่ครบวงจร รพ.สต.สามารถให้บริการแบบ ครบวงจร เช่น การบริการเจาะเลือดและการส่งตรวจห้องปฏิบัติการ การตรวจ เอกซเรย์ บริการตรวจสุขภาพประจําปี บริการกายภาพบําบัด การบริการ นักจิตวิทยาให้คําปรึกษา การมีหน่วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอุบัติเหตุ ณ ที่เกิด เหตุบนเกาะ เป็นต้น มีบริการพักค้างที่ รพสต.สําหรับผู้ป่วยในกรณีจําเป็น เช่น ผู้ป่วยที่จําเป็นต้องได้รับการดูแลจากบุคลากรอย่างใกล้ชิดนักท่องเที่ยวท่ปีระสบ อุบัติเหตุบนเกาะ และยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลบน แผ่นดินใหญ่
มีระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โดยเฉพาะสําหรับ ผู้ป่วยเมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่จําเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลบน ฝั่ง เพื่อให้การส่งต่อของผู้ป่วยมีความปลอดภัยระหว่างเดินทาง มียานพาหนะใน การนําส่งผู้ป่วย ตัวอย่างความคาดหวัง เช่น มีเรือรีเฟอร์โดยเฉพาะสําหรับการส่ง ต่อผู้ป่วยเมื่อมีเหตุฉุกเฉินต้องไปรับการรักษาในโรงพยาบาลบนฝั่ง มีรถพยาบาล หรือรถฉุกเฉินเพื่อส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.สต. ไปยังท่าเรือ มีรถบริการบนฝั่ง สําหรับ รับ-ส่ง ผู้ป่วยจากท่าเรือไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล รวมถึงมีระบบโทรคมนาคมที่ ครอบคลุมทั่วเกาะและเสถียร เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารกับบุคลากร แต่ละ รพ.สต. ได้ทันท่วงที และมีระบบไฟฟ้าที่เสถียร เนื่องจากระบบไฟฟ้าท่ผี ลิต จากโซลาเซลล์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศช่วงไหนที่ไม่มีแดดทําให้ไม่มีไฟฟ้าใช้ กระทบ ถึงการให้บริการกับผู้ป่วย เช่น การพ่นยาบรรเทาอาการหอบหืดในเด็ก
นอกจากนี้ หากขึ้นไปบนแผ่นดินใหญ่ ก็หวังอยากให้ที่พักบน แผ่นดินใหญ่ หากต้องพักค้างเพื่อรักษาตัวบนฝั่ง เช่น ในช่วงรอคลอดบุตรที่ โรงพยาบาลบนฝั่ง ผู้ป่วยที่ต้องรับยาเคมีบําบัด รังสีรักษา นอกจากนั้นสําหรับชาว พม่าและชาวมอร์แกนมีความต้องการได้รับการสนับสนุนที่พักและค่าเรือเมื่อมีการ
25
ส่งต่อขึ้นมารับบริการบนฝั่ง เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยและนายจ้างไม่ได้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้
26
บทที่ 3 เสียงสะท้อนจากคนบนเกาะ : บทวิเคราะหจ์ ากการลงพื้นที่
ประสบการณ์ที่ได้สัมภาษณ์ และสังเกตวิถีชีวิตของคนบนเกาะตลอด ระยะเวลาแปดเดือน ทีมวิจัยได้เข้าถึง เข้าใจ การเป็น “คนบนเกาะ” ที่แตกต่าง จากการใช้ชีวิตบนฝั่ง ข้อมูลที่ได้จากการตอบสอบถามของประชาชนบนเกาะ จํานวน 197 คน เป็นชาย 50 คน หญิง 147 คน มีช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี อายุ เฉลี่ย 50.25 ปี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง และ รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 48.73 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ประชาชนทุกคนและทุกช่วงวัย รวมทั้ง อสม. เรียก “โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล” ว่า “อนามัย”
ข้อมูลที่ไดจ้ากการวิเคราะห์เนื้อหาสรุปเป็นเสียงสะท้อนจากคนบน เกาะได้ ดังนี้
3.1 เสียงสะท้อนที่ 1 อยากให้มีพยาบาลประจําเพื่อการบริการที่ ครอบคลุม
ประชาชนทุกคนที่ได้สัมภาษณ์ระบุว่า การมีพยาบาลประจํา เป็นเรื่องที่ จําเป็นอย่างยิ่ง เพราะพยาบาลสามารถให้ในสิ่งที่ประชาชนบนเกาะต้องการมาก ที่สุด คือ การรักษาโรค การรับฝากท้อง การตรวจท้องเวลาตั้งครรภ์ และการเยี่ยม บ้าน ที่พยาบาล มาคนเดียว ดูได้ตั้งแต่เด็กแรกคลอด สตรีหลังคลอด เด็กเล็กที่ กําลังเริ่มเดิน คนแก่ติดเตียง คนพิการ และคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต
“พยาบาลสําคัญมากค่ะ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พี่พยาบาลไปอบรม เดือน หนึ่ง ไม่มีคนมาแทน ตอนนั้นหนูท้องได้หกเดือนกว่า ๆ หนูกลัวมาก เพราะน้ําหนัก ตัวเกิน เป็นความดันด้วย ตอนพี่พยาบาลอยู่ เขาจะคอยตรวจว่าหนูเสี่ยงครรภ์
27
เป็นพิษไหม เขาไม่อยู่ หนูเคว้งคว้างไปเดือนหนึ่งเต็ม ๆ ถามใครก็ตอบไม่ได้ ไม่ เข้าใจหนูเหมือนพี่เขา เขากลับมาหนูจึงมีที่พึ่ง.........ตอนนี้ลูกหนู สองขวบแล้ว แข็งแรงดี ก็พาไปฉีดวัคซีนกับพี่พยาบาลเขาตลอด”
“ครบเครื่องค่ะ คุณพ่อติดเตียง คุณแม่หลงลืม อยู่กันสองคน มีหนูกับ พี่สาว ผลัดกันมาดูวันเว้นวัน เทียบกันได้เลยระหว่างมีพยาบาลกับ ไม่มีพยาบาล เพราะถ้าไม่มีพยาบาล หนูจะมารับยาเอาไปเฉย ๆ หรือบางทีเขาก็ให้ อสม.เป็นคน เอายามาให้ เวลาหมอบนฝั่งมา พ่อแม่หนูไม่ได้มาหรอก เพราะมาไม่ไหว หนูกับ พี่สาวมาเอายาไปให้แล้วหนูก็บอกอาการกับหมอ ......มีปัญหาแน่ค่ะ เพราะบางที ยาเปลี่ยนไป เขาเขียนหน้าซอง แต่ไม่อธิบาย พ่อแม่หนูกินยา ผิด ๆ ถูก ๆ แต่พอ พยาบาลไปเยี่ยมเองที่บ้าน เขาจะละเอียดมาก รื้อยาออกมาดูทีละซอง ว่าอันไหน เก่า อันไหนใหม่ แล้วจัดให้เป็นชุด ๆ อธิบายแล้วเอาสติกเกอร์ปิดข้างซองไว้ด้วยว่า ยาอะไรจะต้องกินตอนไหน และเป็นยาอะไร เช่น ลดความดัน กินแล้วต้องระวัง อะไรบ้าง ลดไขมัน ลดน้ําตาล แล้วเขาจะให้กําลังใจหนูกับพี่สาวทุกครั้ง และยังจัด ให้ อสม.ที่อบรมเรื่องการดูแลคนแก่มาคอยช่วยเวลาที่หนูทําเองคนเดียวไม่ ไหว”
“พยาบาลช่วยหนูได้ดีมาก ๆ หลังคลอด เมื่อตอนที่หนูเพิ่งกลับจาก โรงพยาบาล หนูน้ํานมมาก แต่ลูกดูดไม่ค่อยเป็น แม่ผัวก็จะช่วย แต่ยิ่งช่วยลูกยิ่งไม่ ดูด แกจะเอานมชงให้ลูกหนูกิน แต่หนูตั้งใจจะเลี้ยงด้วยนมตัวเอง เพราะจะได้ สะอาด ไม่เปลืองเงิน แล้วลูกจะได้แข็งแรง หนูนั่งร้องไห้ตลอด เจ็บตรงที่คลอด น้ําคาวปลาก็ยังมี เนื้อตัวสกปรก จะทิ้งลูกไปอาบน้ํา ก็กลัว แม่ผัวแอบเอานมขวด ให้ลูกหนูกิน น้าของหนูเป็น อสม. เขาไปตามพี่พยาบาลมาให้ เรียกได้ว่า มาปฏิวัติ ชีวิตหนูเลย น้ํานมเยอะเกินไป ลูกดูดไม่ถนัด ให้ปั๊มพ์ออกบ้าง เต้านมจะได้ไม่ตึง พี่พยาบาลสอนวิธีจับหัวลูก วิธีนั่งให้ถนัด แล้วมาเยี่ยมหนูทุกวันเลยในช่วงเดือน แรก วันที่แกหยุด แกก็โทรมาหา ใช้ VDO call จนหนูดูแลลูกได้อย่างดี”
28
“แม่หนูเป็นอัมพาตมาสี่ปี เส้นเลือดสมองแตก ไม่มีแผล เนื้อตัวสะอาด พยาบาลมาสอนหนูเอง เรียกได้ว่าจับมือหนูทําเลยที่บ้าน พยาบาลที่โรงพยาบาลก็ สอนหนูค่ะ แต่มันไม่เหมือนกัน เพราะที่โรงพยาบาล อะไร ๆ ก็มีพร้อมไปหมด ที่ บ้านเป็นอีกแบบ พยาบาลสอนให้ใช้ของในบ้าน ไม่ต้องไปซื้ออะไรเพิ่มเติมมากมาย เวลา feed อาหารก็หนุนตัวให้สูง เพราะแม่หนูนอนกับฟูก วางบนเตียงไม้ เอา หมอนหนุนพิงกับฝาบ้าน เวลาสายปัสสาวะหลุด สาย feed หลุด พยาบาลมา เปลี่ยนให้ตลอดค่ะ เรื่องแผลกดทับพยาบาลก็สอนให้หนูสังเกต ว่ามีรอยแดงไหม ไม่ใช่รอให้เกิดแผล พอเกิดรอยแดงให้รีบพลิกตัวเลย แล้วเอาโลชั่นทา”
“พยาบาลทําได้หลายอย่าง ทั้งทําที่อนามัย และมาทําต่อให้ที่บ้าน อย่าง ทําแผล เปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ เปลี่ยนสายให้อาหาร แล้วมาคอยตรวจด้วยว่า เราดูแลแม่ของเราถูกต้องไหม พวกเราวางใจพยาบาลมาก เพราะอยู่ด้วยแล้วหาย ห่วง รู้สึกปลอดภัยมาก ทําทุกอย่างเลย”
“หนูกลับมาอยู่บ้านได้เพราะพี่พยาบาลคนเก่า เขาเข้าใจหนู และเป็นคน ที่ประสานงานให้หนูไปรักษาที่หมอจิตเวช หนูมาที่อนามัยนี่แหละเพราะปวดหัว นอนไม่หลับ วันที่เกิดสึนามิ พี่สาวฝาแฝดของหนูอยู่บนเกาะ (เกาะคอเขา) หนีไม่ ทันส่วนหนูไปรายงานตัวเข้าเรียนมหาวิทยาลยัเพราะสมคัรตรงเขาเรียกตัวช่วงนั้น พี่สาวเขาได้ที่เรียนแล้ว เลยกลับมาพักอยู่บ้าน เขากับแม่ไปเยี่ยมยายที่เกาะฟาก โน้น แล้วหนีไม่ทัน ที่บ้านเหลือหนูกับพ่อ ญาติ ๆ ตายกันหมด หนูแทบไม่อยาก เรียนเลย อยากอยู่กับพ่อแต่พ่ออยากให้หนูมีงานมีการมั่นคง หนูก็เลยไปเรียนที่ สงขลา และกลับบ้านบ่อยมาก ทุกครั้งที่เป็นวันหยุดหนูกลับมาหาพ่อตลอด แต่เรา กลับมาแล้วมันเศร้าทุกครั้ง เริ่มปวดหัวบ่อยขึ้น นอนไม่หลับ ฝันร้ายทุกคืน แรก ๆ ก็ซื้อยาแก้ปวดกินเอง พอดีหนูตามพ่อมารับยาที่อนามัย เห็นพี่พยาบาลเขาคุยกับ พ่อ แนะนําพ่อเรื่องพักผ่อน หนูเลยลองถามเขา เขาให้เวลาฟังหนูนานมาก โชคดี วันนั้นพ่อไปหาเป็นคนสุดท้ายเลยไมม่ ีคนรอ แค่เขาฟังหนูพูด หนูก็สบายใจขึ้น แล้ว เขาก็โทรศัพท์หาเพื่อนเขาที่เป็นพยาบาลที่สงขลา หนูเลยเข้าระบบการรักษา หนู
29
เป็นโรคซึมเศร้า ทุกวันนี้ก็ยังรักษาและกินยาอยู่ เวลากลับมาบ้านยังนึกถึงพี่สาว แม่ ยาย และคนอื่น ๆ แต่ก็ยังคงทํางานได้.............จริง ๆ แล้ว ในพื้นที่แบบนี้มัน สําคัญมากนะ เพราะครึ่งหนึ่งของคนบนเกาะตายไปตอนสึนามิ คนที่เหลืออยู่ก็ไม่ น่าจะต่างอะไรจากหนูมากนัก ถ้ามีพยาบาลที่เข้าใจและรับฟัง ส่งต่อเราไปแบบนั้น จะดีมากเลย”
3.2 เสียงสะท้อนที่ 2 อยากได้บริการที่ครบวงจรเพื่อความไม่ขลุกขลัก ในการเดินทางเพื่อการรักษา
การบริการสุขภาพบนเกาะ ควรเปน็ การบริการที่ครบวงจรมากกว่านี้ เช่น การเจาะเลือดเพื่อการวิเคราะห์ผลทางห้องปฏิบัติการบางอย่าง หรือ การ X- Rayทั้งนี้เพื่อลดขั้นตอนในการเดนิทาง
“จริง ๆ แล้ว แค่เจาะเลือด แล้วเอาไปตรวจที่โรงพยาบาลบนฝั่ง น่าจะมี บริการให้ เพราะการเดินทางแต่ละครั้ง เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก เจาะ เลือด ตรวจเลือดฟรี แต่เดินทางแต่ละที ต้องออกค่าเรือ ไปกลับ ต้อง มีคนไปเป็น เพื่อน เสียค่าข้าวทั้งเช้าและกลางวันด้วย การ X-Rays ก็เหมือนกัน ควรมีเครื่อง เอง เพราะคนบนเกาะจะได้พึ่งพาได้เต็มที่”
“อยากได้บริการครบวงจร เจาะเลือด ตรวจฉุกเฉิน ทําคลอดได้บนเกาะ จะได้ไม่ต้องขึ้นไปบนฝั่งบ่อยๆ”
“อยากได้อุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย เหมือนกับโรงพยาบาล เพราะชีวิต จะได้ดีกว่านี้ อยู่บนเกาะเหมือนต้องรอหมอบนฝั่งมาออกตรวจเดือนละครั้ง บาง เรื่องมันรอได้ แต่ส่วนใหญ่มันรอไม่ได้ แล้วเวลาหมอมาทีหนึ่งวันนั้นเราต้องหยุด ทํางานเพื่อพาแม่มารอตรวจ มารับยา มาทําฟัน แลดูเหมือนดีนะ แต่จริง ๆ ก็คือ เหมือนเป็นวันที่ อสม. เขามาเกณฑ์เราไปให้หมอตรวจ”
“ใจจริงอยากให้จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลไปเลยแทนที่จะเป็นสถานอีนามัย แบบนี้ เพราะรักษาไดไ้ มเ่ท่าเทียมกับโรงพยาบาล ต่างกันมาก”
30
3.3 เสียงสะท้อนที่ 3 การเดินทางต้องไม่เป็นอุปสรรค
เนื่องจาก ปัญหาสุขภาพที่ต้องการการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง ยัง ต้องมีการส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ปัญหาที่พบได้ในประชาชนทุกคนคือ การแบกรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย เรือ ซึ่งในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินต้องเป็นการเช่าเหมาลํา มีค่าใช้จ่ายอย่างต่ํา 500 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างเกาะกับฝั่ง และลักษณะของเรือที่ต้องใช้ใน สภาพอากาศและคลื่นลมขณะนั้น
“การเดินทางเพื่อรับการรักษาแต่ละครั้ง ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเอง สงสารคนที่ไม่มีเงินต้องเรี่ยไรค่าเรือค่าน้ํามันเรือกันถึงจะเป็นกรณีฉุกเฉนิยังไง ค่าเรือก็ต้องจ่ายเอง”
“การเดินทางเป็นปัญหาสําคัญที่สุดของชาวบ้านเกาะจิก ไปโรงพยาบาล ในจันทบุรี ก็ต้องวิ่งเรืออ้อมไปไกล ผ่านเกาะบางชัน เรือธรรมดาไปไม่ได้ เพราะ คลื่นลมไม่เป็นใจไปทางใกล้ที่สุดก็ร่วมๆชั่วโมงเรือไปกลับวิ่งวันละเที่ยวเดยีว นั่ง ได้ 30 คน คนละ 40 บาท ไป กลับ ก็ 80 บาท ถ้าลงเรือไปทางนี้ ไปขึ้นฝั่งที่ ตราด แล้วค่อยหารถต่อไปโรงพยาบาลในจันทบุรี เช้า เรือออก เจ็ดโมง เย็นเรือ ออกจากท่าโน้นสี่โมงครึ่งขลุกขลักเต็มที........ก็ต้องพยายามประคองสุขภาพใหด้ี เพราะป่วยทีนึง ค่าเรือ ค่ารถมันสูงมาก”
“เคยคิดเหมือนกัน ว่า ถ้าป่วยหนัก ต้องใกล้หมอ ใกล้ที่รักษาต้องไปอยู่ บนฝั่ง เพราะไปมาไม่สะดวกเลย ตอนที่ต้องให้ยาเคมี แล้ว ฉายแสงที่โรงพยาบาล จันทบุรี ต้อง ไปๆ มาๆ ไปค้างบนฝั่งช่วงรักษา แล้วกลับบ้านสองวัน หนักเข้า เดินทางไม่ไหว เพราะมันไม่ใช่ทอดเดียวถึง ช่วงนั้นเลยพักบ้านญาติบนฝั่งจนรักษา ครบ แล้วค่อยกลับมาอยู่บนเกาะ”
31
3.4 เสียงสะท้อนที่ 4 ความเหลื่อมล้ําของคนบนเกาะในการเข้าถึงการ รักษา
ประชาชนส่วนหนึ่งที่รู้สึกไม่พอใจกับระบบ ถึงแม้การบริการสุขภาพที่จัด โดย รพ.สต.บนเกาะจะดีอย่างไร เจ้าหน้าที่ใส่ใจ ดูแล แต่ข้อจํากัดทางเทคโนโลยี การรักษาโรคหรืออาการบางอย่างที่มีความซับซ้อน หรือแม้แต่งานด้านทันตกรรม ซึ่งควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ยังต้องพึ่งพาบริการจากโรงพยาบาลตติย ภูมิ ที่อยู่บนฝั่ง และต้องมีการส่งต่อการรักษาที่ใช้การเดินทางที่ยากลําบาก นอกจากนั้น ประชาชนยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยตนเองในเกือบทุก กรณี งานทันตกรรมเป็นอีกประเด็นที่เสริมความไม่เป็นธรรมให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาการเดินทางจากครอบครัว การเดินทางไป รับการรักษาบนฝั่ง ถือเป็น “ภาระที่ครอบครัวต้องแบกรับ” ส่วนนี้เป็นความ เหลื่อมล้ําในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ประชาชนสัมผัสได้อย่างชัดเจน
“ถ้าเราจะเรียกตรงนี้ ว่า เราชาวเกาะเป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จะแรงไปไหม ผมมีรายได้จากประมงน้ําลึก ผมเสียภาษีเท่ากับคนบนฝั่ง แต่ผม เกิดผิดที่ผิดทาง หรือชาวบ้านบนเกาะทั้งหมดเขาเกิดผิดที่กัน รัฐบาลประกาศว่า รักษาฟรี แต่เคยหันมามองบ้างไหมว่า จริง ๆ แล้วมันมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่มากมาย เราเป็นคนที่อยู่บนเกาะ เราช่วยสร้างสีสัน ทําให้เกาะเป็นแหล่งท่องเที่ยว หาเงิน เข้ารัฐตั้งมากมาย สุดท้ายเราก็ไม่ได้สิทธิขั้นพื้นฐานเท่าเทียมกับคนบนฝั่ง”
“น้อยใจนะ แต่ก็ทําใจ เพราะเราเลือกไม่ได้ งานของเราอยู่ที่นี่ พ่อแม่อยู่ ที่นี่ ลูกก็เกิดก็โตที่นี่ เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ อาศัยอนามัยได้ (ชาวบ้านทุกคนเรียก รพ.สต. ว่า อนามัย) แต่พอเจ็บหนัก ต้องผ่าตัด ต้องผ่ากระดูก ก็ต้องเดินทางไป รักษาที่อื่น แถมรักษาเสร็จ ก็เหมือนไม่เสร็จ ต้องเทียวไปเทียวมาให้ หมอตรวจกวา่ จะเข้าที่ ก็นาน ถ้าที่บนเกาะมีอะไร ๆ แบบโรงพยาบาลใหญ่ ๆ บนฝั่งมีได้จะเป็น บุญของคนในเกาะมากเลย”
“เท่าที่สังเกต ไม่เห็นมีใครที่อนามัยอยู่ทนสักคน อยู่นานมากสุดน่าจะ
32
ประมาณ 10 ปี แต่ที่เห็น ๆ ก็คือ อยู่ปีสองปีก็ย้ายหนีกันหมด บางคนบอกว่า ไป เอาตําแหน่งหัวหน้าที่อื่น บางคนย้ายมาเอาตําแหน่งหัวหน้า บางคนย้ายมาบรรจุ ราชการ ทําให้บางที เราก็ไม่อยากไปเริ่มเล่าเรื่องป่วยเรื่องไข้ของเราให้คนใหม่ฟัง ขนาดเจ้าหน้าที่เขายังไม่อยากอยู่ ไม่อยากทํางานในอนามัยบนเกาะเลย เพราะมัน คงลําบาก ห่างไกล กันดาร ไม่เจริญ ตรงนี้ก็สงสารเขาเหมือนกัน เพราะเขาได้ อะไรไม่เท่ากับคนอื่น ยิ่งบางคนมีลูกมีครอบครัว แล้วต้องทํางานบนเกาะ แลดู ทุลักทุเลเต็มที แบบนี้พวกเราเดากันได้เลยว่าอยู่ได้ไม่นาน เพราะใคร ๆ ก็ต้อง เลือกครอบครัว”
“การทําฟัน ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ก็ควรมีบริการบนเกาะจะได้ไม่ต้อง ขึ้นไปทําฟันบนฝั่ง ตอนนี้เวลาปวดฟันต้องซื้อยากินแก้ปวดกันเองเท่านั้น”
“เรื่องทําฟัน เป็นเรื่องสําคัญมากเลย ที่บ้านต้องรอเวลามีหน่วยแพทย์มา จากบนฝั่ง ถึงจะได้ทําฟัน ยิ่งคนอายุมาก ฟันหมดปาก ต้องใส่ฟันปลอม ลําบาก มาก เพราะกว่าจะทําสําเร็จก็หลายเที่ยว บางคนทนใช้เหงือกเคี้ยวอาหารเอา”
“ฟนั ผุ อุดฟัน ต้องขึ้นไปทําที่โรงพยาบาลบนฝั่ง เคยฟันกรามแตก ไม่มีใคร พาไป เพราะต้องทั้งออกจากบ้านไปท่าเรือ ต้องลงเรือ ต้องต่อรถจากท่าเรือฝั่งโน้น ไปโรงพยาบาล ไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน อดทนอยู่จนอักเสบเหงือกบวม เป็นหนอง ไข้ขึ้น คราวนี้ถูกส่งตัวไปรักษายาวเลย เพราะอักเสบติดเชื้อ ต้องให้ น้ําเกลือ นอนให้ยาอยู่เป็นอาทิตย์ แล้วก็ถอนฟันกรามออกไป ที่บนเกาะควรมี หมอฟันหรือมีมาอาทิตย์ละครั้งก็ยังดีชาวบ้านอย่างเราเตรียมตัวได้อยู่แล้ววา่จะ มาให้หมอตรวจวันไหน รอขึ้นบนฝั่งมันลําบาก เป็นภาระกับลูกหลาน เขาต้อง ทํางาน ไม่อยากให้เขาเสียงาน อีกอย่างเดินทางไปที ก็เสียค่ารถ ค่าเรือ ค่ากิน ภาระทั้งนั้นเลย ถ้ามีครบเราก็จะพึ่งพาตัวเองได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน”
33
3.5 บทวิพากย์
เสียงสะท้อนเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่บน พื้นที่เกาะไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาอย่างเท่าเทียมกับประชาชนที่มีถิ่น พํานักบนฝั่ง คําว่า “ครอบคลุม ทั่วถึง” เป็นเพียงข้อประกาศหรือนโยบายของ ภาครัฐ แต่ยังคงมีความจํากัดในพื้นที่เกาะ และห่างไกลคําว่า “เป็นธรรม” ด้าน การรักษา แม้นโยบาย “สร้างนําซ่อม” โดยการทํางานด้านการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคถูกประกาศมากว่าสามทศวรรษ แต่สภาพความเป็นจริงของการ เจ็บป่วยในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม (social determinants) ประชาชนไทยที่อยู่บนเกาะโดยเฉพาะเกาะท่องเที่ยว เกาะที่มี มะพร้าวเป็นพืชเศรษฐกิจ มีปลาหมึกเป็นแหล่งของโปรตีนราคาถูก ยังคงมี ข้อจํากัดในการเลือกอาหารสุขภาพ เพราะการซื้อวัตถุดิบเพื่อการปรุงอาหารกิน เองค่าใช้จ่ายสูงกว่าซื้ออาหารปรุงสุกสําเร็จรูป ในขณะที่อาหารคุณภาพดีมีราคาสูง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ประชาชนที่เคยใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ทําประมงและ ทําการเกษตร ส่วนหนึ่งทําอาชีพอื่นเสริมด้วยได้แก่รับจ้างในโรงแรม ขับรถ ขับเรือ เลือกอาหารสุขภาพไม่ได้ พักผ่อนน้อย น้ําหนักตัวเกิน ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังจึง ยังคงเป็นปัญหาหลัก ที่เปรียบเสมือนระเบิดเวลาทําให้เกิดอาการกําเริบฉุกเฉินได้ แบบภัยเงียบ
เสียงเรียกร้องที่เป็นทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาด้านการจัดบริการ สุขภาพของประชาชนบนเกาะคือ “พยาบาล” เพราะเป็นบุคลากรสุขภาพที่ ให้บริการสุขภาพได้ทุกมิติ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยที่พบได้ บ่อย การควบคุม กํากับดูแลประชาชนที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การให้การ พยาบาลและทําหัตถการต่าง ๆ ที่จําเป็นในเคหสถานสําหรับผู้ป่วยพิการหรอื ผู้ปว่ ย และผู้สูงอายุติดเตียง การดูแลสตรีหลังคลอด ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา ประเมินและกระตุ้นพัฒนาการ
34
“เกาะ” ไม่ควรเป็นสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ทําให้เกิดอุปสรรคในการได้รับ การรักษา “เกาะ” ไม่ควรเป็นพื้นที่ที่ทําให้ผู้พํานักเกิดความรู้สึกว่า ตนเป็น พลเมืองชั้นสอง “เกาะ” ควรเป็นสถานที่ ที่ประชาชนไทยพักอาศัยได้อย่างมีความ เท่าเทียม มีศักดิ์ศรี และได้รับความเป็นธรรมด้านสุขภาพ “เกาะ” ไม่ควรจะถูกนัก ลงทุนกอบโกยรายได้จากการใช้และทําลายทรัพยากร หรือเป็นแหล่งรายได้ของรัฐ ในรูปของภาษีเพียงฝ่ายเดียว “เกาะ” และประชาชนบนเกาะควรได้รับประโยชน์ และความเป็นธรรมอย่างยั่งยืนด้วย ทางออกของประชาชนเป็นภารกิจที่ผู้กําหนด นโยบายควรร่วมกันคิดจากเสียงสะท้อนของประชาชนเพื่อแสวงหาแนวทางที่ เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียง สะท้อนเป็นเพียง คลื่นกระทบฝั่งแล้วจางหายไปจากความทรงจําของทุกคน
35
บทที่ 4 รพ.สต.บนเกาะกบั พันธกิจเตมิ เต็ม ความต้องการของประชาชน
4.1 รพ.สต. ที่ตั้งอยู่บนเกาะกับพันธกิจในการรักษา ป้องกันโรค และ การส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน
ทํางํานเชือ่มระหวํา่งหนว่ยสําธํารณสขุและชมุชนเพอื่ชมุชนสขุภําพดี
ตัวอย่างการบูรณาการการทํางานที่เห็นเด่นชัดตัวอย่างหนึ่งคืองานการ จัดการโรคติดต่อเรื้อรัง รพ.สต. เป็นหน่วยงานสาธารณสุขขั้นมูลฐานที่อยู่ใกล้ชิด กับชุมชนจึงเป็นกลไกหลักในการดูแลและลดจํานวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อ้างอิงจากการสํารวจภาระงานของบุคลากร รพ.สต. บนเกาะ งานที่มีบุคลากร ปฏิบัติงานมากที่สุด คือ การรักษาโรคเบื้องต้น (ประมาณร้อยละ 86.34 ของ บุคลากรสุขภาพในหน่วยบริการ) รองลงมา คือ ด้านการจัดการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง (ร้อยละ 85.30 ของบุคลากรสุขภาพในหน่วยบริการสุขภาพ)
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพที่กําลังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุก พื้นที่ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ สาเหตุปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการ ขยายตัวของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีหลากหลายประการที่สัมพันธ์กัน ทั้งด้าน การแพทย์ สังคม พฤติกรรม สาเหตุของโรคไม่ติดตอ่ เรื้อรังมีความซับซ้อน แตกต่าง กันตามวิถีของแต่ละบุคคล แต่ละบริบทพื้นที่ จากการสัมภาษณ์บุคลากร รพ.สต. หลายแห่งให้ข้อมูลว่าอาหารของชาวบ้านมักประกอบด้วยกะทิ มีวัฒนธรรมการ รับประทานอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม และการรับประทานอาหาร 5 มื้อ ได้แก่ มื้อเช้า มื้อก่อนเที่ยง มื้อเที่ยง ขนมหวานก่อนมื้อเย็น และมื้อเย็น และบางครั้ง
36
อาจมีมื้อก่อนนอน การจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต้องมีการจัดการหลายด้าน ทั้ง การจัดการธรรมชาติการเกิดโรคไม่ติดต่อที่สะสมยาวนาน ด้านระบบ ที่ต้องบูรณา การการทํางานระหว่างระบบบริการสุขภาพและชุมชนให้เชื่อมต่อกัน รวมทั้ง ปรับปรุงพฤติกรรมของชุมชน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรค และส่งเสริมการ ป้องกันโรค
บุคลากร รพ.สต. บนเกาะให้บริการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยทํางานร่วมกับ อสม. ปฏิบัติงานที่ รพ.สต. และลงพื้นที่ให้บริการถึงบ้าน เช่น วัดความดันโลหิต เจาะเลือดตรวจน้ําตาลปลายนิ้ว ดูแลประชาชนให้รับยาอย่าง ต่อเนื่อง ให้คําแนะนําในการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับโรค เป็นต้น รพ.สต. ให้การรักษา เบื้องต้น โดยมีแพทย์จากโรงพยาบาลแม่ข่ายให้คําแนะนําผ่านทางระบบออนไลน์ บางแห่งมีแพทย์มาตรวจรักษาและจ่ายยาให้ผู้ป่วยถึงเกาะ ตัวอย่างเช่น รพ.สต. เกาะเสม็ด มีแพทย์จาก รพ.ระยอง มารักษาและจ่ายยาให้ผู้ป่วยบนเกาะเดือนละ 2 ครั้ง รพ.สต.บางแห่งมีการดูแลติดตามผู้สูงอายุเรื่องการรับประทานยา และเยี่ยม บ้านผู้ป่วยเรื้อรังที่ติดบ้าน/ติดเตียง และทํางานเชิงรุกเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อ เรื้อรัง เช่นกรณี จังหวัดภูเก็ต รพ.สต.และภาคีเครือข่ายร่วมกันกําหนดแนวทางใน การส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักในการดูแลตนเอง การถอดบทเรียน การศึกษาพฤติกรรมสุขภาพ รวมถึงปัญหาและความต้องการของคนในพื้นที่ แรงจูงใจในการเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น โครงการ 3 อ. อาหาร ออกกําลัง กาย อารมณ์ ร่วมกับโครงการ Phuket health sand box (เมืองแห่งความผูกพัน ผู้คนสู่สุขภาพโลก) นอกจากนั้นมีการพัฒนาระบบ telemedicine ตลอดจนการ แก้ปัญหาผู้ป่วยติดบ้าน/ติดเตียงจากโรคหลอดเลือดสมอง
37
บริการประชาชนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เกิดจนตาย
บุคลากรในรพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะให้บริการส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย ตั้งแต่เกิดถึงวัยชราในส่วนบริการงานอนามัยแม่และเด็กรพ.สต.รับหน้าท่ใีนการ วางแผนครอบครัว ให้คําปรึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว ตรวจเลือดค้นหาปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมและโรคติดต่อ และเตรียมความพร้อม ในการมีบุตร ประเมินภาวะเสี่ยงขณะตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ ติดตามประเมินภาวะ สุขภาพหญิงตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ภาวะโภชนาการ การเจริญเติบโตของ ทารกในครรภ์ ภาระงานดูแลส่งต่อเมื่อพบปัญหาสุขภาพขณะตั้งครรภ์ และรอ คลอด ที่พบว่าเป็นลักษณะเฉพาะของ รพ.สต.บนเกาะ คือ ในบางพื้นที่การคลอด จะขึ้นไปฝั่งเมื่อใกล้คลอด หรือเดินทางไปคลอดเมื่อเจ็บครรภ์คลอด ในกรณีนี้ บุคลากรต้องขึ้นเรือเพื่อดูแลหญิงรอคลอด บางครั้งไปไม่ทันคลอดฉุกเฉินบนเกาะ หรือในเรือ เมื่อกลับสู่เกาะ รพ.สต.ดูแลแม่และเด็กต่อเนื่อง เช่น มีบริการหลัง คลอด การตรวจเยี่ยมหลังคลอด สอนการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา และดูแล ต่อเนื่องโดยมี บริการวัคซีนเด็ก (EPI) ประเมิณพัฒนาการเด็ก การให้บริการทารก และเด็กก่อนวัยเรียน (1 เดือน ถึง 6 ปี) การให้บริการเด็กวัยเรียน (7 ปี ถึง 12 ปี) การให้บริการวัยรุ่น (13 ปี ถึง 19 ปี) งานอนามัยโรงเรียน เป็นต้น
ด้านการให้บริการกลุ่มผู้พิการ รพ.สต. มีภาระงานในส่วนนี้ เช่น คัด กรอง และประเมินผู้มีภาวะทุพลภาพ ดูแล และฟื้นฟูสุขภาพผู้พิการ ประสานงาน การเข้าถึงสิทธิ์และสวัสดิการผู้พิการ ส่งเสริมศักยภาพครอบครัวในการดูแลผู้พิการ รพ.สต.มีส่วนงานบริการผู้สูงอายุ การประเมิน และดูแลกลุ่มอาการเฉพาะใน ผู้สูงอายุ (เช่น ซึมเศร้า ข้อเข่าเสื่อม ภาวะหกล้ม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม ฯลฯ) การจัดกิจกรรมลดความเสี่ยง ส่งเสริมสุขภาพในชมรมหรือกลุ่มผู้สูงอายุ ชุมชน
38
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต รพ.สต.บนเกาะให้บริการกลุ่มผู้ป่วย ประคับประคองระยะสุดท้าย โดยมีภาระงาน ประเมิน และค้นหาปัญหา ความ ต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ประสานข้อมูลและอุปกรณ์เครื่องมือที่จําเป็นใน การดูแลผู้ป่วย ประสานงานกับ อสม. ติดตามเยี่ยมผู้ป่วยและครอบครัว หลังออก จากโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องให้ความรู้และฝึกทักษะการดแูลของผู้ดแูลและญาติ ดูแลตามปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยและญาติ บรรเทาความไม่สุขสบาย ของผู้ป่วย เช่น การไอ ท้องผูก จัดการ/ช่วยบรรเทาอาการปวด ประสานงานและ ดูแลผู้ป่วยที่เข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตแบบองค์รวมเพื่อให้จากไปอย่างสมศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ และติดตามเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิต ภายใน 30 วัน หลัง เสียชีวิต เพื่อดูแลและฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ให้สามารถเผชิญกับ ความเศร้าโศกสูญเสีย และดํารงชีวิตต่อไป
ดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต
นอกจากสุขภาพกาย รพ.สต.ยังมีบริการสุขภาพจิตและจิตเวชแก่ ประชาชนในชุมชน โดยมีบริการคัดกรองและประเมินผู้มีความผิดปกติทาง สุขภาพจิตและจิตเวช ดูแล ฟื้นฟูสุขภาพ และส่งต่อผู้ป่วย จัดยาควบคุมอาการตาม แผนการรักษา และส่งเสริมศักยภาพครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยสุขภาพจิตและจิต เวช ตัวอย่างการทํางานด้านจิตเวชเช่น ที่ รพ.สต. เกาะไม้ไผ่ จังหวัดพังงา มีการคัด กรองปัญหาสุขภาพจิตโดยบุคลากรประเมินคัดกรองด้วย 2Q, 8Q, 9Q รวมถึงการ ไปเยี่ยมบ้านและให้กําลังใจ ส่วนทีมจิตแพทย์และสุขภาพจิตลงมาตรวจปีละ 2 ครั้ง รพ.สต.เกาะหมากน้อยให้บริการคัดกรองผู้ป่วยจิตเวช ด้วยแบบประเมิน 2Q และ9Qปีละ1ครั้งเมื่อพบผู้ป่วยจิตเวชโดยครั้งแรกต้องส่งตัวไปพบจิตแพทยท์ี่ รพ.สราญรมย์ หลังจากนั้นมีทีมจิตแพทย์มาเยี่ยมปีละครั้ง จากเหตุการณ์อุบัติภัยสึ นามิ ยังคงพบปัญหา Post –traumatic stress disorder จังหวัดพังงา มีการ
39
ดําเนินงานเกี่ยวกับสุขภาพจิตโดยมีจิตแพทย์ 2 คนที่ รพ.พังงา และ รพ.ตะกั่วป่า รพ.สต.ยังมีส่วนช่วยดูแลผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด
ภาระงานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า รพ.สต.บนเกาะปฏิบัติงานครอบคลุมทุก ด้านไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพ การรักษาพยาบาล การควบคุมป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ตามหน้าที่ของ รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะ ซึ่งเป็นหน่วยบริการสุขภาพด่านหน้าและให้บริการที่ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ให้การรักษาโรคเบื้องต้นที่ไม่ซับซ้อน รักษาและให้การดูแลต่อเนื่อง สําหรับผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังเพื่อควบคุมการกําเริบของโรค การประเมิน อาการและส่งต่อผู้ป่วยที่มีการเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉินซับซ้อนและต้องการรักษาโดย ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือการรักษาเฉพาะทาง
4.2 รพ.สต. บนเกาะ และการร่วมแรงร่วมใจของชุมชน
การมีส่วนร่วมกับชุมชนเป็นลักษณะเด่นของหน่วยบริการสาธารณสุขมูล ฐานอย่าง รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะพบว่า บุคลากรมากกว่าร้อยละ 90 มีส่วนร่วม ทํางานเป็นทีมในชุมชน/อําเภอ/จังหวัด ทุกกิจกรรม บุคลากรส่วนใหญ่ได้รับความ ร่วมมือที่ดีจากประชาชน และ อสม. เช่น กรณีการกระตุ้นตรวจมะเร็งปากมดลูก ของ รพ.สต.บ้านคลองสน อสม. ช่วยลงตามบ้าน กระตุ้นการตรวจมะเร็งปาก มดลูก ประชาชนให้ความร่วมมือทําให้บรรลุตามเป้า และให้ความร่วมมือในการจัด กิจกรรม นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนในแง่อื่นจากประชาชนบนเกาะ เช่น การ ลดราคาค่าเรือ การลดราคาค่าอาหาร เป็นต้น ในกรณีต้องมีการพูดคุยเจรจาก็มัก ประสบความสําเร็จเนื่องจากประชาชนมีความรู้สึกที่ดีต่อบุคลากรซึ่งส่วนใหญ่เป็น คนในพื้นที่หรือบุคลากรอยู่ค่อนข้างนานจึงมีความผูกพันกับประชาชนดุจเครื อ ญาติ
40
รพ.สต.ที่ตั้งอยู่บนเกาะยังมีภาคีเครือค่ายในการทํางานที่เข้มแข็งในการ สนับสนุนการทํางาน ตลอดจนถึงการสนับสนุนด้านโครงสร้างอาคาร รพ.สต. ระบบไฟฟ้าและน้ําอุปโภคบริโภค และบางแห่งมีการสนับสนุนโซล่าเซลล์ หรือ เครื่องปั่นไฟ ทั้งด้านงบประมาณและกําลังคน ภาคีเครือข่าย เช่น ผู้นําชุมชน อบต. กู้ชีพจิตอาสา ตํารวจ ตํารวจน้ํา ทหารเรือ บุคลากรอุทยาน เป็นต้น นอกจากนี้ พบว่าการทํางานของบุคลากรได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก เครือข่ายหน่วยบริการ สุขภาพ ได้แก่ โรงพยาบาลแม่ข่าย ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน มีการปรึกษา แพทย์ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ ไลน์ ส่วนเรื่องในการปรึกษาแพทย์ ได้แก่ กรณี ผู้ป่วยฉุกเฉินต่าง ๆ การปรับยาผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง บางแห่งมีไลน์กลุ่มให้ คําปรึกษาในการรักษา เครือข่ายสถานบริการสุขภาพดีในโรงฯ เดียวกัน คอย ช่วยเหลือตั้งแต่การให้คําปรึกษากันและกัน การลงมาช่วยเหลือในพื้นที่เมื่อมีคลินิก หมอครอบครัว (Primary Care Cluster; PCC) หรือการลงพื้นที่ของผู้บริหาร
4.3 การทํางานของ รพ.สต. บนเกาะ ท่ามกลางการระบาดของโรคโค วิด 19 และการปรับตัวสู่ยุคปกติวิถีใหม่
เมื่อพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ส่งผ่านมายังพื้นที่เกาะ ทําให้ รพ.สต.บน เกาะมีประสบการณ์ในการรับมือกับการจัดการโรคระบาดที่เป็นโรคอุบัติใหม่ อีก ทั้งเกาะซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทําให้ รพ.สต. ซึ่งเป็นด่านหน้าในการ บริการสุขภาพแก่นักท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ใช้บริการหลากหลายประเภท และมี ประเภทของการเจ็บป่วยหลากหลาย จําเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถให้บริการ อย่างมีศักยภาพ การระบาดของโรคโควิด 19 ต่อสุขภาพของประชาชนที่อาศัยบน เกาะทั้งทางตรง และในทางอ้อม ผลโดยอ้อมทําให้บุคลากรมีภาระงานเพิ่มขึ้น จน
41
เบียดบังภาระงานปกติ เช่น ในช่วงแรกที่มีการระบาดของโควิด ต้นปี 2563 ถึง กลางปี 2564 การรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของประชากรใน จังหวัด ตราด มีความ ไม่ต่อเนื่องเพราะOPDส่วนใหญ่ปิดและเลื่อนการรักษาผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเร้อืรัง ออกไปอย่างไม่มีกําหนด ส่งผลให้ประชาชนที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีอาการกําเริบ ส่วนผลโดยตรง รพ.สต.เป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด 19 ทุก รพ.สต. บนเกาะ มีภาระงานที่เกี่ยวกับโรคโควิด 19 เพิ่มขึ้น เช่น การคัดกรอง โควิด การส่งเสริมให้ประชาชนดูแลตนเองในการป้องกันโควิด และมีการกักตัว ผู้ป่วยโควิด ตัวอย่างกรณี รพ.สต.เกาะเสม็ด มีการจัดการสถานการณ์โควิดร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด สสจ.อบต. และการท่องเที่ยวไทยโดยจัดทํารูปแบบ Sand block กักตัวนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 14 วัน มีการจัดทํามาตรฐานความ ปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration) ในช่วงโรคโควิด 19 ระบาดระลอกแรก โควิดระบาดอย่างมาก บนเกาะเสม็ดจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว ได้ดําเนินการจัดการโดยปิดแคมป์คนงาน กักตัวในศูนย์แยกโรคชุมชน (Community Isolation) ที่จัดทําร่วมกับ อบต. โดยมี บุคลากรจาก รพ.สต. อื่นๆ ในจังหวัดระยองมาช่วย ดําเนินการกักกันเพื่อเฝ้าระวัง ในท้องที่ (Local Quarantine : LQ) และตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จนผลการตรวจคัดกรองเป็นศูนย์ หลังจากนั้นมีการปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็ม ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นด่านควบคุมโรคป้องกันโรคโควิด 19 และโรค อื่น ๆ แพร่จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ (จังหวัดสตูล) มี ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศมาเลเซีย-ไทย เป็นต้น
พื้นที่เกาะมีความหลากหลายทางสังคม ศาสนา และเชื้อชาติ รพ.สต. บนเกาะจึงเป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งที่เป็นคนท้องถิ่น กลุ่มคนไร้สัญชาติ แรงงาน ต่างด้าว นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ จึงเป็นด่านหน้า และกุญแจสําคัญใน การป้องกัน และควบคุมโรคอุบัติใหม่ โรคที่มาจากต่างถิ่น และดูแลนักท่องเที่ยว ในยุคที่โลกเข้าสู่ยุคปกติวิถีใหม่ รพ.สต.ได้พบกับการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัว
42
และต้องการการพัฒนาระบบการทํางานให้มีศักยภาพสูงขึ้น เพื่อเติมเต็มความ ต้องการของประชาชน
4.4 รพสต. ครบวงจร/รพสต. ต้นแบบ ที่ประชาชนคาดหวังให้บริการ ในอนาคต
เนื่องจากปัญหาด้านภูมิประเทศที่เป็นเกาะหรือพื้นที่ห่างไกลจาก แผ่นดินใหญ่ทําให้เพิ่มปัญหาการเดินทางกลายเป็นอุปสรรคต้น ๆ ส่งผลต่อสุข ภาวะของประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะ รพสต. ที่ประชาชนต้องการคือ รพสต. ที่ ครบวงจร เช่น ให้การบริการรักษาโรคเบื้องต้นต้น การพยาบาลผดุงครรภ์ตั้งแต่ ระยะตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด การให้บริการรักษาฉุกเฉิน เป็นต้น ดังนั้นพยาบาล ที่ประจําการบนเกาะควรเป็นบุคคลที่ให้บริการตามความต้องการของประชาชนได้ อย่างครอบคลุม จึงควรเป็นพยาบาลที่ได้รับการอบรมการพยาบาลเฉพาะทาง สาขาเวชปฏิบัติหรือเวชปฏิบัติฉุกเฉิน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ทั้งนี้เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต หรือความพิการจากการ บําบัดรักษาที่ล่าช้า
43
บทที่ 5 บทส่งท้าย
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลที่ตั้งอยู่บนเกาะคือที่พึ่งของประชาชน เป็นฐานรากสําคัญที่นําไปสู่ภาวะสุขภาพดีถ้วนหน้าของประชาชนทุกช่วงวัย เป็น หน่วยงานสาธารณสุขมูลฐานที่ทําให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม หน่วยบริการสุขภาพที่ตั้งอยู่บนเกาะเป็นหน่วยที่มีบริบทเฉพาะจากสภาพทาง ภูมิศาสตร์ของที่ตั้งบนเกาะซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกาะที่ห่างไกลชายฝั่ง และมีข้อจํากัด ด้านการคมนาคม ทําให้การส่งต่อมีความยากลําบาก ประเภทของการเจ็บป่วยมี ความหลากหลาย รวมถึงการเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ จากภัยธรรมชาติ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลที่ตั้งอยู่บนเกาะจึงเป็นที่พึ่งของ ประชาชนในด้านการดูแลสุขภาพ และเป็นด่านหน้าในการป้องกันโรคอุบัติใหม่ และโรคที่มาจากต่างถิ่น นอกจากนี้พื้นที่เกาะมีความหลากหลายทางสังคม ศาสนา และเชื้อชาติ บุคลากรต้องมีสมรรถนะที่สามารถยอมรับและปรับตัวให้สามารถ ทํางานในพื้นที่ที่มีความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ ของประชาชนใน พื้นที่ และต้องมีสมรรถนะสูงในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชน อย่างไรก็ ตาม รพ.สต.บนเกาะยังคงต้องการการพัฒนาเพื่อเติมเต็มความต้องการของ ประชาชน เช่น เพิ่มจํานวนบุคลากร เป็นรพ.สต. ที่มีบริการที่ครบวงจร วัสดุ- อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพียงพอ พัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะสําหรับ ผู้ป่วยเมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่จําเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลบน ฝั่ง ระบบโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทั่วเกาะและเสถียร ระบบไฟฟ้าที่เสถียร มีที่ พักบนแผ่นดินใหญ่กรณีผู้ป่วยและญาติต้องพักค้างเพื่อรักษาตัวบนฝั่ง บริการพัก ค้างที่ รพสต.สําหรับผู้ป่วยในกรณีจําเป็น และจัดสรรงบประมาณการดูแลรักษาที่ ครอบคลุมประชากรแฝง ได้แก่ แรงงานต่างด้าว นักท่องเที่ยว และกลุ่มคนไร้
44
สัญชาติ ยกระดับสมรรถนะการรักษาให้เท่ากับโรงพยาบาลชุมชน มีการเชื่อมต่อที่ เข้มแข็งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ฉุกเฉินทางทะเล มีการนําความรู้ ด้านเวชศาสตร์การท่องเที่ยวมาใช้ ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายให้ รพ.สต.มีบริการ ครอบคลุมทุกมิติเพื่อการมีสุขภาพดีและความผาสกุ ของประชาชนทุกช่วงวัย เป็นที่ พึ่งของประชาชนทุกชนชั้น และเพิ่มความเท่าเทียมด้านการบริการสุขภาพ
ผลลัพธ์จากการศึกษาครั้งนี้ แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่า การทํา หน้าที่เป็นที่พึ่งทางสุขภาพของประชาชนในฐานะหน่วยบริการสุขภาพด่านหนา้ รพ.สต.บนเกาะต้องมีรากฐานที่เข้มแข็ง 3 ประการคือ 1) บริการสุขภาพที่ บูรณาการทุกมิติตามสัดส่วนตามความต้องการของภาคประชาชน ซึ่งต้องมี ความแตกต่างกันในแต่ละบริบท 2) การกําหนดนโยบายและแนวปฏิบัติจากทุก ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐที่เกี่ยวกับการจัดบริการสุขภาพ ภาครัฐในส่วน ของท้องถิ่น องค์กรอื่น ๆ รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่นสถานประกอบการ บนเกาะ และ 3) ความตระหนักรู้ ความใส่ใจและการเข้ามามีส่วนร่วมของ ประชาชนและชุมชน
45
เอกสารอ้างอิง
พระราชบัญญัตริ ะบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562. (2562, 30 เมษายน). ราชกิจจา นุเบกษา. เล่ม 136 ตอนที่ 56 ก. หน้า 165-185.
วิลาสณิ ี ฉายรตั น์ตระกูล. (มิถุนายน 2562). พระราชบัญญตั ิระบบสขุ ภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562. สืบค้นจาก
https://library.parliament.go.th/sites/default/files/assets/files/ works/academic%20office/radio%20scripts/pdf/2562- 06/NALT-radioscript-rr2562-jun8.pdf
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ. (2561). สาธารณสุขหว่างเขาควาย กรณีศึกษาจาก สถานการณ์ไฟใต้.วารสารสิทธิและสันติศึกษา. 3(1), 142-172.
สุภาพร เสือรอด และอารีย์วรรณ อ่วมตานี. (2558). การให้บริการสขุ ภาพเชิงรุก ของพยาบาลที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชนพื้นที่ติดชายแดนภาค ตะวันตก. วารสารพยาบาลทหารบก. 16(2), 79 -87.
พิษณุรักษ์ กันทว,ี ภัทรพล มากมี, ทศพลเมืองอิน และ กนกวรรณ สุวรรณรงค์. (2563). การจัดระบบสุขภาพชุมชนชายแดนไทย-ลาว กรณีศึกษาบรเิ วณ ชุมชนที่มีจุดผ่อนปรน อําเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย. วารสารควบคุม โรค. 46(4), 579- 594.
วรรณรา ชื่นวัฒนา, ชูชีพ เบียดนอก และกิรตา คงเมือง. (2561). การพัฒนา รูปแบบการจดัการระบบสาธารณสุขชายแดนประเทศไทยบริเวณเขต เศรษฐกิจพิเศษตาก เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลยัปทุมธานี.10(1),237-245.
ณภัทร ประภาสุชาติ. (2016). ระบบการเข้าถึงบริการสุขภาพและกลไกการ จัดบริการเพื่อการเข้าถึงสิทธิทางดา้นบริการสุขภาพสําหรับผู้ที่มีปญัหา สถานะบุคคล. MFU Connexion. 5(2),178-194.
46
Juban, N., Reyes, J, & Ongkeko. A..(2018). Inter-Island Health Service Boat Project. Social Innovation in Health Initiative Case Collection. WHO, Geneva: Social Innovation in Health Initiative. [Available from: www.socialinnovationinhealth.org/case-studies/inter-island- health-service-boat-project/
World Health Organization and the United Nations Children’s Fund . (2022). Primary health care measurement framework and indicators: monitoring health systems through a primary health care lens. Geneva. Licence: CC BY-NC-SA 3.0 IGO
47