The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pennapa Thammanam, 2022-12-25 16:19:14

6321112005 แผนการสอน_clone

6321112005 แผนการสอน

รายงาน
เรื่อง แผนการเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

เสนอ
อาจารย์ ผศ.ดร.พชั รี ภรณ์ บางเขยี ว

จัดทาโดย
นางสาวเพ็ญนภา ธรรมนาม
รหัสนกั ศึกษา 6321112005 เลขที่ 4 หมเู่ รียน D5
สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา (คบ.4ปี) คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจา้ พระยา

รายงานฉบบั นี้เปน็ หนึ่งของการศกึ ษารายวชิ า การจดั การเรียนร้แู ละการจัดการชัน้ เรียน
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

คานา

รายงายฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชา วิทยาการจัดการเรยี นรู้ ซ้ึงเน้ือหาภายในแผนการจัดการเรียนรวู้ ิชา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) รหสั ว21103 ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จดั ทาขึ้นเพอ่ื เปน็ แนวทางใน
การจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐานพุทธศกั ราช 2551

แผนจัดการเรียนรู้เล่มนี้ ประกอบด้วย แผนจัดการเรียนรู้รายปี และ แผนจัดการเรียนรู้รายหน่วย มีท้ังหมด 4
หน่วย ได้แก่ หน่วยที่ 1 เร่ือง การออกแบบและการเขียนอัลกอริทึม หน่วยที่ 2 เร่ือง การออกแบบและการเขียน
โปรแกรมเบื้องต้น หน่วยท่ี 3 เร่ือง การจัดการข้อมูลสารสนเทศ หน่วยที่ 4 เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง
ปลอดภยั

ผ้จู ดั ทาหวงั ว่า รายงานฉบับน้ีจะเป็นส่ิงที่มอบใหท้ ้ังความรู้ และ วธิ กี ารทจ่ี ะนาไปประยุกต์ใช้ได้ และ เกดิ ประโยซน์
แก่ผู้ท่ีสนใจศึกษาและผู้อ่านทุกท่าน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทาน้อมรับทุกคาติชมของผู้ที่สนใจหรื อผู้อ่าน
เพ่ือนามาปรับปรงุ ในครงั้ ต่อไป

เพ็ญนภา ธรรมนาม
2 พฤศจิกายน 2565

สารบญั ก

หน่วยท่ี
หนา้ ที่
คานา
สารบัญ
แผนจดั การเรียนรูร้ ายปี
คาอธบิ ายรายวชิ า
โครงสรา้ งรายปี
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การออกแบบและการเขยี นอัลกอริทึม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 แนวคดิ เชงิ นามธรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 อลั กอริทึมเบ้ืองต้น(1)
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 อัลกอริทึมเบอื้ งต้น(2)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบและการเขยี นโปรแกรมเบอื้ งตน้
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 การเขียนโปรแกรมเบ้ืองตน้
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 ซอฟต์แวร์ทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์จากอลั กอริทึม
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การออกแบบและการเขียนอัลกอรทิ ึม
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 ขอ้ มลู กับสารสนเทศ(1)
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 ข้อมลู กบั สารสนเทศ(2)
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 ความปลอดภยั ของระบบสานสนเทศ
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 จรยิ ธรรมในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ

แผนการจัดการเรยี นรู้รายปี

สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการ

คานวณช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

จานวน 40 ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวเพญ็ นภา ธรรมนาม

1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั

มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็น ขั้นตอนและ เป็น

ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทางานและการแก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รู้เท่า

ทนั และมีจรยิ ธรรม

ว 4.2 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแกป้ ญั หาท่ีพบในชีวติ ประจาวัน

ว 4.2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยเพอื่ แกป้ ัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ โปรแกรม

และแก้ไข

ว 4.2 ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ในการคน้ หาข้อมูลอย่างมีประสิทธภิ าพ

ว 4.2 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกันอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิ ของผู้อน่ื

แจ้งผ้เู กี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลทีไ่ ม่เหมาะสม

2.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี

1.1 นักเรียนสามารถใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาทพี่ บในชวี ิตประจาวันได้

1.2 นกั เรียนมีความรบั ผดิ ชอบในกระบวนการการทางานกลมุ่ (A)

2.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ิตประจาวัน
ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไขได้ (K)

2.2 นักเรยี นสามารถแสดงวธิ ีการออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่ายเพ่อื แก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวัน

ตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข (P)

2.3 นักเรียนเหน็ ความสาคัญในการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพือ่ แกป้ ญั หาในชวี ติ ประจาวนั

ตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข (A)

3.1 นกั เรียนสามารถอธิบายการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ในการคน้ หาข้อมลู อยา่ งมีประสิทธิภาพได้ (K)

3.2 นกั เรยี นสามารถใช้อินเตอร์เนต็ ในการคน้ หาข้อมูลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ (P)

3.3 นักเรียนเห็นประโยชน์ในการใช้อนิ เตอร์เน็ตในการคน้ หาข้อมลู อยา่ งมีประสิทธภิ าพ (A)

4.1 นักเรียนสามารถอธบิ ายการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทางานรว่ มกนั อย่างปลอดภัย เข้าใจสทิ ธิและ หนา้ ท่ี

ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกีย่ วขอ้ งเมอื่ พบข้อมูลหรอื บุคคลที่ไม่เหมาะสมได้

4.2 นกั เรยี นสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศทางานรว่ มกันอยา่ งปลอดภยั เขา้ ใจสทิ ธิและหนา้ ท่ีของตน

เคารพในสิทธขิ องผู้อ่นื แจ้งผู้เก่ยี วขอ้ งเมื่อพบข้อมลู หรือบคุ คลท่ีไมเ่ หมาะสม (P)

4.3 นกั เรียนใฝเ่ รียนร้มู ่งุ มน่ั ในการทางาน (A)

3.สาระสาคัญ
วิทยาการคอมพวิ เตอรก์ ารแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอนและเป็นระบบการใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ใน

ชวี ิตประจาวัน การบูรณาการกบั วิชาอนื่ การเขยี นโปรแกรม การคาดการณ์ผลลพั ธก์ ารตรวจหาข้อผดิ พลาด การพฒั นา
แอปพลเิ คชนั หรือพัฒนาโครงงาน อย่างสรา้ งสรรคเ์ พื่อแกป้ ัญหาในชวี ติ จริง เทคโนโลยสี ารสนเทศและการ สื่อสาร การ
รวบรวมข้อมลู การประมวลผล การประเมินผล การนาเสนอข้อมลู หรือสารสนเทศเพื่อแก้ปัญหาในชวี ิตจรงิ การคน้ หา
ข้อมูลและแสวงหา ความรบู้ นอินเทอร์เน็ต การประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมลู การเลือกใช้ ซอฟต์แวร์หรือ บริการ
บนอนิ เทอร์เนต็ ข้อตกลงและข้อกาหนดในการใชส้ ่ือหรอื แหล่งข้อมลู ต่าง ๆ หลักการ ทางาน ของคอมพวิ เตอร์และ
เทคโนโลยกี ารสื่อสาร การรูด้ ิจิทัล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารอยา่ งปลอดภยั การจดั การอัตลกั ษณ์การ
รูเ้ ท่าทันสอื่ กฎหมายเกีย่ วกบั คอมพิวเตอร์การใช้ลิขสทิ ธิ์ของผอู้ น่ื โดยชอบธรรม นวตั กรรม และผลกระทบของ
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารตอ่ การดาเนินชวี ิต อาชพี สังคม และวฒั นธรรม
4.สาระการเรียนรู้

1.1 การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นขนั้ ตอนจะช่วยใหแ้ ก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเปน็ การนากฎเกณฑ์หรือ เงื่อนไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พจิ ารณา ในการ แกป้ ัญหา
1.3 แนวคิดของการทางานแบบวนซา้ และเง่ือนไข
1.4 การพจิ ารณากระบวนการทางานทมี่ ีการทางาน แบบวนซา้ หรอื เง่ือนไขเป็นวิธกี ารที่จะชว่ ย ให้การ ออกแบบ
วธิ กี ารแกป้ ัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ
1.5 ตัวอยา่ งปัญหา เช่น การคน้ หาเลขหนา้ ทีต่ ้องการ ใหเ้ ร็วทส่ี ุด การทายเลข ๑-๑,๐๐๐,๐๐๐ โดย ตอบให้ ถูก
ภายใน ๒๐ คาถาม การคานวณเวลา ในการเดนิ ทาง โดยคานึงถึงระยะทาง เวลา จุดหยุดพกั
2.1 การออกแบบโปรแกรมสามารถทาไดโ้ ดยเขียน เป็นขอ้ ความหรือผงั งาน
2.2 การออกแบบและเขียนโปรแกรมทม่ี ีการใชต้ ัวแปร การวนซ้า การตรวจสอบเงื่อนไข
2.3 หากมี ขอ้ ผิดพลาดให้ตรวจสอบการทางานทีละ คาสงั่ เมือ่ พบจดุ ทที่ าให้ผลลัพธไ์ ม่ถูกต้อง ให้ทาการแก้ไข
จนกวา่ จะได้ ผลลพั ธ์ทถ่ี กู ต้อง
2.3 การฝึกตรวจหาขอ้ ผิดพลาดจากโปรแกรมของ ผูอ้ ่ืนจะชว่ ยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตขุ องปัญหา ได้ดี ยง่ิ ขนึ้
2.4 ตัวอยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมเกม โปรแกรม หาคา่ ค.ร.น. เกมฝึกพมิ พ์
2.5 ซอฟต์แวรท์ ี่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
3.1 การคน้ หาอย่างมปี ระสิทธิภาพ เปน็ การค้นหา ข้อมลู ท่ไี ด้ตรงตามความต้องการในเวลาทีร่ วดเร็ว จาก
แหลง่ ขอ้ มลู ทีน่ า่ เช่ือถอื หลายแหล่ง และข้อมลู มีความสอดคลอ้ งกนั
3.2 การใช้เทคนิคการค้นหาขัน้ สูง เชน่ การใชต้ วั ดาเนนิ การ การระบรุ ูปแบบของข้อมลู หรือชนิดของไฟล์
3.3 การจดั ลาดับผลลัพธจ์ ากการคน้ หาของโปรแกรม ค้นหา
3.4 การเรยี บเรยี ง สรุปสาระสาคัญ (บูรณาการกบั วิชาภาษาไทย)
4.1 อนั ตรายจากการใช้งานและอาชญากรรม ทางอนิ เทอรเ์ นต็ แนวทางในการป้องกัน
4.2 วิธีกาหนดรหัสผ่าน
4.3 การกาหนดสิทธก์ิ ารใช้งาน (สทิ ธใิ์ นการเข้าถึง)

คำอธิบำยรำยวิชำ

รำยวิชำวิทยำกำรคำนวณ รหสั วิชา ว 21103 กล่มุ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ มธั ยมศึกษำปี ที่ 1
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 จานวน 20 ช่วั โมง

ศึกษาการออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมเพ่ือแก้ปัญหาหรืออธิบายการทางานที่พบใน ชีวิตจริง การ
ออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้ตัวแปร เงื่อนไข วนซ้า การออกแบบอัลกอริทึม เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
วทิ ยาศาสตรอ์ ย่างง่าย การเขียนโปรแกรมโดยใช้ซอฟต์แวร์ Scratch, python, java และ c เปน็ ตน้ ศึกษาการรวบรวม
ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลปฐมภมู ิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย
การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ใช้ส่ือและแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและข้อตกลงได้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้
โครงงานเปน็ ฐาน (Project-based Learning) เพ่อื เนน้ ให้ผูเ้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ัติ ฝกึ ทกั ษะการคิด เผชญิ สถานการณ์การ
แกป้ ญั หาวางแผนการเรยี นรู้ ตรวจสอบการเรยี นรู้ และนาเสนอผ่านการทากิจกรรม โครงงาน เพอื่ ให้เกิดทักษะ ความรู้
ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหาจนสามารถนาเอาแนวคิดเชิงคานวณมาประยุกต์ใช้ในการสร้าง
โครงงานได้

เพอื่ ให้ผู้เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ การนาขอ้ มูลปฐมภมู เิ ข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นาเสนอข้อมูล
และสารสนเทศ ได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรม
อย่างง่าย เพ่ือช่วยในการแก้ปัญหาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างรู้เท่าทันและรับผิดชอบต่อสังคม
ตลอดจนนาความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดารงชีวิตจน
สามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการความสามารถในการ แก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสารและ
ความสามารถในการตัดสินใจและเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์

ตวั ชว้ี ดั ว. 4.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4
รวม 4 ตวั ชว้ี ดั

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวชิ า วิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว21103 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
จานวน 20 ชั่วโมง/ 0.5 หน่วยกิต
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565

หนว่ ยที่ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา
การเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด (ชวั่ โมง)
1 การออกแบบและการเขียนอลั กอรทิ ึม ว 4.2 ม.1/1ม.1/2
1.1 แนวคิดเชงิ นามธรรม 6
1.2 อัลกอรทิ ึมเบอ้ื งตน้ (1) ว 4.2 ม.1/2 2
1.3 อัลกอรทิ มึ เบอ้ื งต้น(2)
2 การออกแบบและการเขยี นโปรแกรมเบอื้ งตน้ ว 4.2 ม.1/3 2
2.1 การเขียนโปรแกรมเบื้องตน้ ว 4.2 ม.1/4 2
6
2.2 ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
2.3 การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์จากอัลกอรทิ ึม 2
3 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ
3.1 ขอ้ มลู กบั สารสนเทศ(1) 2
3.2 ข้อมูลกบั สารสนเทศ(2) 2
4 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั 4
4.1 ความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ 2
4.2 จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 2
4
2
2

รวม 20

แผนการเรยี นร้ทู ี่ 1 รายวิชา วิทยาการคานวณ
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
กลุ่มสาระการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศึกษาปี่ท่ี 1 เวลา 2 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การออกแบบและการเขียนอัลกอริทึม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง แนวคิดเชงิ นามธรรม

1.มาตรฐานการเรยี รรู้ / ตวั ช้วี ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบอัลกอรทิ ึมที่ใช้แนวคดิ นามธรรมเพื่อแกป้ ัญหาหรอื อธิบายการทางานพ่ีพบใน

ชวี ิตจรงิ
2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกบั ความหมายแนวคิดเชงิ นามธรรมได้ (K)
2. อธิบายวธิ กี ารนาแนวคิดเชิงนามธรรมไปใชใ้ นการแก้ปญั หาได้ (K)
3. ออกแบบวธิ ีแก้ปญั หาโดยการใชแ้ นวคดิ เชิงนามธรรมได้ (P)
4. เห็นคุณประโยนช์ของการเรียนวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยที ใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจาวัน (A)
3.สาระการเรียนรู้ / เน้อื หา

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
-แนวคดิ เชงิ นามธรรม เป็นการประเมนิ ความสาคญั ของรายละเอียดของปญั หา แยกแยะสว่ นทเ่ี ป็นสาระสาคัญ

ออกจากส่วนท่ไี มใ่ ช่สาระสาคัญ
-ตวั อยา่ งปัญหา เช่น ตอ้ งการปหู ญ้าในสนาม ตามพ้ืนที่ที่กาหนด โดยหญา้ หน่ึงผนื มีความกว้าง 50 เซนติเมตร

ยาว 50 เซนติเมตร จะใชห้ ญา้ ทง้ั หมดกีผ่ ืน
สาระการเรียนรท็ ้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

4.สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด
แนวคิดเชงิ นามธรรมนาม (abstraction) เปน็ องค์ประกอบหนงึ่ ของแนวคิดเชิงคานวณ(computational

thinking) ซึ่งใช้กระบวนการคัดแยกคุณลักษณะท่ีสาคัญออกจากรายละเอียดปลีกย่อยในปัญหาหรืองานที่กาลัง
พจิ ารณา เพื่อใหไ้ ด้ข้อมลู ท่ีจาเป็นและเพียงพอสาหรับการคดิ ในการแก้ปญั หา

5.สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร

2. ความสามารถในการคดิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณธรรมจริยธรรมที่สอดแทรก

ให้นักเรียนมีความขยันและซื่อสัตย์ คือ ผู้ที่มีความตั้งใจเพียรพยายามทาหน้าท่ีการงานอย่างจริงจังแล ะ

ต่อเน่ือง ในเรอ่ื งที่ถูกทคี่ วรสู้งาน มคี วามพยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชญิ อปุ สรรค รกั งานท่ที า ต้ังใจทาหน้าท่อี ยา่ งจริงจัง

ไมค่ ดโกง ไมเ่ อาเปรยี บผ้อู ืน่ ซือ่ สัตย์ต่อทุกส่ิงทกุ อย่างเพอ่ื ใหเ้ ปน็ แบบอย่างของสงั คม

6.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  2. ซื่อสตั ยส์ จุ รติ

 3. มวี ินัย  4. ใฝ่เรียนรู้

 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง  6. มุ่งมั่นในการทางาน

 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

7.ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ( 3R+8C ) สู้การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น

 Reading-อ่านออก

 Riting-เขียนได้

 Rithmatic-มที กั ษะในการคานวณ

 Critical Thinking and Problem Solving : มที ักษะในการคดิ วิเคราะห์ การคิดอย่างมี

วิจารณญาณและแกไ้ ขปัญหาได้

 Creativity and Innovation : คดิ อย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู า

 Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการสือ่ สารและการรเู้ ท่าทันสื่อ

 Cross-cultural Understanding : ความเขา้ ใจความแตกต่างทางวฒั นธรรมกระบวนการคดิ ข้ามวฒั นธรรม

 Computing and ICT Literacy : ทักษะการใชค้ อมพวิ เตอร์ และการรูเ้ ทา่ ทนั เทคโนโลยี

 Career and Learning Skills : ทกั ษะทางอาชีพ และการเรียนรู้

 Compassion : มคี ณุ ธรรม มีเมตตา กรุณา มรี ะเบยี บวินัย

8. กระบวนการที่ใชส้ อน (ระบเุ ฉพาะที่ใชใ้ นช่ัวโมงหรือคาบสอน และระบไุ ดม้ ากกวา่ ๑ ข้อ)

 กระบวนการเรียนความรคู้ วามเขา้ ใจ  กระบวนการปฏิบัติ  กระบวนการกล่มุ

 กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด  กระบวนการสรา้ งคา่ นิยม  กระบวนการแก้ปัญหา

 กระบวนการสร้างความตระหนัก  กระบวนการเรียนภาษา  กระบวนการสร้างเจตคติ

 กระบวนการคณติ ศาสตร์  ทักษะกระบวนการ 9 ข้นั อ่ืนๆ………………………………

 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์  กระบวนการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ

 กระบวนการอา่ น  กระบวนการวิเคราะห์

9. วธิ กี ารสอนที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ (ระบเุ ฉพาะที่ใชใ้ นช่ัวโมงหรอื คาบสอน และระบไุ ดม้ ากกว่า ๑ ขอ้ )

 การบรรยาย (Lecture)  การสาธิต (Demonstration)  การทดลอง (Experiment)

 แบบนริ นัย (Deduction)  แบบอุปนยั (Induction)  แบบทัศนศกึ ษา (Field Trip)

 การอภปิ รายรายกลมุ่ ยอ่ ย (Small Group Discussion) การแสดงละคร (Dramatization)

 แบบศูนย์การเรยี น (Learning Center)  กรณีตัวอย่าง (Case study)

 การใช้สถานการณจ์ าลอง (Simulation)  การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)

 การบทเรียนโปรแกรม (Programmed Instruction)  การใชเ้ กม (Game)

 อน่ื ๆ (ระบุเพิม่ เตมิ )……………………………………………………………………………………………………………………………………..

10.กิจกรรมการเรยี นรู้

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning)

11.การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การออกแบบและการเขยี นอลั กอริทมึ จานวน 2 ช่ัวโมง
ใชร้ ูปแบบกระบวนการเรียนการสอนแบบ การใชป้ ญั หาเป็นฐาน (Problem – based Learning)
ชวั่ โมงที่ 1

1.ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน
1.1 ครูเปิดประเด็นและชักชวนนักเรียนใหร้ ่วมกันอภิปราย โดยใช้คาถามเกี่ยวกับปัญหาในชีวติ ประจาวันของ

นักเรียนท่ีไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เช่น ปัญหาการเดินทางมาโรงเรียนสายของนักเรียน ซึ่งครูให้นักเรียนพิจารณา
ถึงคาว่า "มาสาย" ว่าหมายถึงอะไร (มาสาย หมายถึง นักเรียนที่มาไม่ทันเข้าแถวเคารพธงชาติให้ถือว่ามาสาย) และ
นกั เรยี นจะมีวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาอย่างไร

1.2 ครใู หน้ กั เรียนรว่ มแสดงความคดิ เห็นกับคาถามที่ครถู าม
1.3 ครูให้นักเรียนพิจารณาถึงรายละเอียดของปัญหา โดยวิเคราะห์ปัญหาน้ันอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ทราบ
ประเดน็ ที่สาคญั เพอื่ นาไปสู่วิธีการแกป้ ญั หาอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
1.4 ครูแจง้ ใหน้ ักเรยี นทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ยี วกบั แนวคิดเชิงนามธรรม
2. ข้ันเรียนรู้
กาหนดปญั หา
2.1 ครเู กริ่นนาใหน้ ักเรียนทาความเข้าใจในเน้อื หาเก่ยี วกับแนวคดิ เชงิ นามธรรม โดยศกึ ษาภาพหน้าหนว่ ย
การเรียนรู้ที่ 1 จากหนังสือเรียน หน้า 2 จากน้ันถามนักเรียนว่า เหตุใดมนุษย์และโลมา จึงถูกจาแนกเป็นกลุ่มหนึ่งของ
สิง่ มชี ีวิตดว้ ยแนวคิดเชงิ นามธรรม (abstraction)
2.2 ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ (ทิง้ ชว่ งให้นักเรียนไดค้ ดิ )
2.3 ครูอธิบายถึงความหมายของแนวคิดเชงิ นามธรรมว่า เปน็ กระบวนการคดิ แยกคุณลักษณะท่สี าคัญออกจาก
รายละเอยี ด หรอื สงิ่ ท่นี กั เรียนกาลังพิจารณา เพ่อื ให้ได้ขอ้ มลู ทจี่ าเป็น
2.4 ครูข้ีให้นักเรียนเห็นว่า เหตุที่มนุษย์และโลมา จึงถูกจาแนกเป็นกลุ่มหนึ่งของสิ่งมีชีวิตด้วยแนวคิดเชิง
นามธรรม เพราะท้ังมนุษย์และโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม ซ่ึงเป็นการแยกแยะส่วนท่ีเป็นสาระสาคัญออกส่วนท่ี
ไม่ใช่สาระสาคญั
ทาความเขา้ ใจกบั ปัญหา
1. ครูแจกใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง แนวคิดเชงิ นามธรรม
2. ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกันระดมสมองว่าจะหาคาตอบได้อยา่ งไร และโดยวธิ กี ารใด
3. ครูใหน้ กั เรียนจบั กลุม่ กลุ่มละ 34 คน เพื่อชว่ ยกนั วเิ คราะหป์ ญั หา และชว่ ยกันหาคาตอบ
ดาเนนิ การศกึ ษาค้นควา้
1. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาทาความเขา้ ใจเก่ยี วกบั แนวคดิ เชิงนามธรรมจากหนงั สอื เรียน หนา้ 3-6
2. นักเรียนดาเนินการศึกษาค้นคว้าตามประเด็น เช่น การใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพ่ือแก้ปัญหา วิธีการต่างๆ
รวมถึงประเดน็ อ่นื ๆ ท่ีนกั เรยี นต้องการศึกษา

สงั เคราะห์ความรู้
1. นักเรียนแต่ละคนแลกเปล่ียนความรู้กันภายในกลุ่มเพื่อสรุปเกี่ยวกับการใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพ่ือ

แกป้ ัญหา
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาต่อไปว่า การใช้แนวคิดเชิงนามธรรมในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

และทางวิทยาศาสตร์ จากตัวอย่างในหนังสือเรียน หน้า 5-6 การนาแนวคิดเชิงนามธรรมมาประยุกต์ใช้กับรูปทรง
เรขาคณิต และการใชแ้ นวคดิ เชิงนามธรรมของวัฎจักรน้า ซง่ึ จะพิจารณาเฉพาะสาระสาคญั
ชั่วโมงที่ 2

3. ขัน้ นาไปใช้
สรปุ และประเมินค่า

1. นกั เรยี นทุกกลมุ่ รว่ มกันนาเสนอโปรแกรมแก้ปัญหาท่ไี ดจ้ ากการสังเคราะห์ และรว่ มกนั อภปิ รายว่า
ขอ้ มลู ของแต่ละกลุ่มทีไ่ ดศ้ ึกษาค้นควา้ มาครบถว้ น ถูกต้อง สมบรู ณ์หรือไม่ โดยครูผ้สู อนชว่ ย
ตรวจสอบความถูกต้องและเสนอแนะเพม่ิ เติม

2. จากน้นั ครูใหน้ ักเรียนทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง แนวคดิ เชิงนามธรรม เพอื่ เปน็ การทบทวนให้มีความรู้
ความเข้าใจในเนอ้ื หายง่ิ ขน้ึ

3. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนอ้ื หาเรอื่ ง แนวคิดเชิงนามธรรม วา่ มีสว่ นไหนที่ยงั ไม่เข้าใจและให้
ความรูเ้ พมิ่ เตมิ ในส่วนนน้ั โดยท่คี รอู าจจะใช้ PowerPoint เร่อื ง แนวคิดเชิงนามธรรม ช่วยในการ
อธบิ าย

4. ครูมอบหมายให้นักเรียนสรปุ ผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) เร่อื ง แนวคดิ เชงิ นามธรรม และให้
นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวน) ม.1 สง่ เปน็
การบ้านชัว่ โมงถดั ไป
ข้ันสรปุ

นาเสนอและประเมินผลงาน
1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ออกแบบการสรปุ ผลการดาเนนิ การศึกษาคน้ คว้าของกลุ่ม เพ่ือนา

เสนอหน้าช้นั เรยี นตามรปู แบบที่นักเรียนสนใจ
2. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ หน้าชนั้ เรียน
3. นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ ทง้ั งานของกลุ่มตนเองและของเพ่ือน
4. ครูประเมนิ ผลงาน โดยการสงั เกตการตอบคาถาม การร่วมกันทาผลงาน และจากการนาเสนอผลงาน
5. ครวู ัดและประเมินจากการทาใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง แนวคดิ เชิงนามธรรม
6. ครวู ดั และประเมินผลจากการทาแบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ

คานวน) ม.1
7. ครูวดั และประเมนิ ผลจากผังมโนทัศนท์ ี่นกั เรยี นได้สร้างขึ้นเปน็ รายบุคคล

12. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยความร้)ู
ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง แนวคิดเชงิ นามธรรม

13. ส่อื / แหล่งการเรยี นรู้
วัสดุ อุปกรณ์ สงิ่ ของ สอ่ื ธรรมชาติ หรอื ส่ือเทคโนโลยี
1) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง แนวคดิ เชิงนามธรรม
2) ส่ือ Power Point ประกอบการสอน เรอื่ ง แนวคิดเชงิ นามธรรม
แหลง่ เรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมุด
3) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

14. การวดั และประเมนิ ผล
14.1 การวดั และประเมนิ ผลภาระชน้ิ งาน

ช้ินงาน/ภาระงาน วธิ กี ารวัด เครอื่ งมอื การวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ

ใบงานที่ 1.1 ตรวจใบงานท่ี 1.1 แบบประเมนิ ใบงาน 5 คะแนน=ดีมาก
เรอ่ื ง แนวคิดเชิงนามธรรม เรื่องแนวคิดเชงิ นามธรรม 4 คะแนน=ดี
3 คะแนน=พอใช้ ผ่านเกณฑอ์ ยา่ ง
2 คะแนน=ปรับปรุง น้อยในระดบั พอใช้
0 คะแนน=ไมม่ ผี ลงาน

14.2 การประเมนิ สมรรถนะของผเู้ รียน

การประเมนิ สมรรถนะ วิธีการวดั เครื่องมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ และเกณฑ์การ
-แบบประเมินความสามารถ ผ่าน
1. ความสามารถใน -ใช้แบบประเมินเป็น ในการแกป้ ญั หา 5=มีความสามารถสอื่ สารทด่ี มี าก
การสื่อสาร รายบลุ คล 4=มีความสามารถสอ่ื สารที่ดี
-แบบประเมินความสามารถ 3= มคี วามสามารถส่อื สารปานกลาง
2.ความสามารถในการคิด -ใชแ้ บบประเมนิ เปน็ ในการใชท้ ักษะชีวิต 2=มคี วามสามารส่ือสารทนี่ ้อย
รายบลุ คล 1=มคี วามสามารถส่ือสารทน่ี ้อย
-แบบประเมนิ ความสามารถ ทส่ี ดุ
2.ความสามารถในการใช้ -ใช้แบบประเมนิ เปน็ ในการใชเ้ ทคโนโลยี *** ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ ง
นอ้ ยในระดบั ปานกลาง
เทคโนโลยี รายบลุ คล 5=มคี วามสามารถส่อื สารทด่ี ีมาก
4=มคี วามสามารถสื่อสารท่ีดี
3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2=มีความสามารสือ่ สารทนี่ อ้ ย
1=มคี วามสามารถสื่อสารทนี่ ้อย
ที่สดุ
*** ผ่านเกณฑ์การประเมินอย่าง
น้อยในระดบั ปานกลาง
5=มคี วามสามารถส่ือสารทด่ี ีมาก
4=มคี วามสามารถสื่อสารทด่ี ี
3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2=มีความสามารสอ่ื สารทน่ี ้อย
1=มีความสามารถสื่อสารทน่ี อ้ ย
ท่ีสุด
*** ผา่ นเกณฑ์การประเมินอย่าง
นอ้ ยในระดับปานกลาง

14.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรียน

การประเมนิ คุณลักษณะ วธิ ีการวัด เครื่องมือท่ีใช้ เกณฑก์ ารประเมินและเกณฑก์ ารผ่าน

อนั พึงประสงค์

1. มีวินยั -ใชแ้ บบประเมินเป็น -แบบประเมนิ ความมีวินยั 5=มีความสามารถสอื่ สารทด่ี มี าก
4=มีความสามารถส่อื สารทด่ี ี
รายบุลคล 3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2 = มีความสามารส่ือสารท่ีน้อย
2. ใฝ่เรียนรู้ -ใชแ้ บบประเมินเปน็ 1=มคี วามสามารถสื่อสารที่น้อยทส่ี ดุ
รายบุลคล *** ผา่ นเกณฑ์การประเมินอย่างน้อยใน
ระดับปานกลาง

-แบบประเมินความใฝเ่ รียนรู้ 5=มคี วามสามารถสอ่ื สารที่ดมี าก
4=มีความสามารถสอ่ื สารท่ีดี
3= มคี วามสามารถสื่อสารปานกลาง
2=มีความสามารส่อื สารทีน่ อ้ ย
1=มคี วามสามารถส่ือสารทนี่ อ้ ยทีส่ ดุ
*** ผ่านเกณฑ์การประเมนิ อยา่ งนอ้ ยใน
ระดับปานกลาง

2.มุ่งมน่ั ในการทางาน -ใชแ้ บบประเมินเปน็ -แบบประเมินความมุง่ ม่ันใน 5=มคี วามสามารถสอ่ื สารที่ดมี าก
รายบุลคล
การทางาน 4=มคี วามสามารถส่อื สารที่ดี

3= มีความสามารถสอื่ สารปานกลาง

2=มีความสามารสื่อสารทนี่ อ้ ย

1=มคี วามสามารถสื่อสารที่นอ้ ยทส่ี ุด

*** ผา่ นเกณฑ์การประเมินอย่างนอ้ ยใน

ระดับปานกลาง

14.3 ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21

การประเมินทักษะของ วิธีการวดั เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ และเกณฑก์ ารผ่าน

ผูเ้ รียนในศตวรรษท่ี 21

1. ทักษะการอ่าน -ใช้แบบทดสอบเรือ่ งการ -แบบทดสอบเรอื่ งการอ่าน 5=มคี วามสามารถสื่อสารท่ดี ีมาก

อา่ น 4=มคี วามสามารถสอ่ื สารท่ีดี

3= มคี วามสามารถสื่อสารปานกลาง

2=มคี วามสามารสอ่ื สารทน่ี ้อย

1=มคี วามสามารถส่อื สารที่น้อยทีส่ ดุ

*** ผา่ นเกณฑ์การประเมินอย่างน้อยใน

ระดบั ปานกลาง

2. ทักษะการเขยี น -ใชใ้ บกจิ กรรมการเรยี นรู้ -แบบประเมนิ ใบกจิ กรรม 5=มคี วามสามารถสือ่ สารที่ดีมาก

การเรียนรู้ 4 = มีความสามารถสื่อสารท่ีดี

3= มีความสามารถส่ือสารปานกลาง

2=มคี วามสามารสอ่ื สารท่นี อ้ ย

1=มคี วามสามารถสื่อสารทน่ี ้อยทส่ี ดุ

*** ผ่านเกณฑ์การประเมินอยา่ งนอ้ ยใน

ระดบั ปานกลาง

3. ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์ -ใชใ้ บกจิ กรรมการเรยี นรู้ -แบบประเมนิ ใบกิจกรรม 5=มคี วามสามารถส่อื สารทด่ี ีมาก
การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
และแก้ไขปญั หา การเรียนรู้ 4=มีความสามารถสอ่ื สารที่ดี

3= มคี วามสามารถสอื่ สารปานกลาง

2=มคี วามสามารสื่อสารที่นอ้ ย

1=มีความสามารถสื่อสารท่ีน้อยทส่ี ดุ

*** ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อย่างนอ้ ยใน

ระดับปานกลาง

4. ทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ -ใชแ้ บบประเมินการมี -แบบประเมินการมีสว่ นรว่ ม 5=มคี วามสามารถสื่อสารที่ดีมาก
และเรียนรเู้ ท่าทันเทคโนโลยี ส่วนรว่ มในกจิ กรรม
ในกจิ กรรม 4=มคี วามสามารถสอื่ สารท่ีดี

3= มีความสามารถสื่อสารปานกลาง

2=มีความสามารส่ือสารทีน่ อ้ ย

1=มีความสามารถส่อื สารที่นอ้ ยทส่ี ดุ

*** ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งนอ้ ยใน

ระดับปานกลาง

แบบประเมินใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง แนวคดิ เชงิ นามธรรม
ชอื่ กลุ่ม________________________________________________________________________
รายชอ่ื สมาชกิ 1.___________________________________เลขที่___________________________

2.___________________________________เลขที่___________________________
3.___________________________________เลขที่___________________________
4.___________________________________เลขท่ี___________________________
5.___________________________________เลขท่ี___________________________

ลาดบั 5 4 3 2 1
ประเดน็ การประเมิน
ขอ้ ท่ี ( ดมี าก ) ( ดี ) ( พอใช้ ) ( ปรับปรงุ ) ( ไม่มี

ผลงาน )

1 มกี ารวิเคราะหเ์ นอื้ เรื่องจากบทรอ้ ย

แกว้ รอ้ ยกรองตรงตามหลกั การ

2 มกี ารใชภ้ าษาทถี่ ูกตอ้ งตามอักขระ

3 มีความสามัคคี ชว่ ยกนั ทางาน

4 มผี ลงานทส่ี รา้ งสรรค์

5 การนาเสนอท่ีน่าสนใจ

รวมคะแนน

ลงช่อื _____________________________ผู้ประเมนิ
____________/______________/___________

เกณฑก์ ารประเมินใบกิจกรรมท่ี 1.1 เรือ่ ง แนวคิดเชิงนามธรรม

5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน ( ดมี าก ) ( ดี ) ( พอใช้ ) ( ปรับปรุง ) ( ไมม่ ีผลงาน )

1.มีการวิเคราะห์เนอ้ื เรื่องแนวคดิ มกี ารเขียนนาเสนอ มีการเขยี นนาเสนอ มกี ารเขยี นนาเสนอ มกี ารเขยี น ไม่มกี าร
เชงิ นามธรรมตรงตามหลักการ
วเิ คราะห์เนอื้ เร่ือง วิเคราะหเ์ น้อื เรื่อง วเิ คราะห์เนื้อเร่ือง นาเสนอวเิ คราะห์ นาเสนอผลงาน
2.มกี ารใชภ้ าษาท่ถี กู ต้องตาม
อกั ขระ แนวคดิ เชงิ แนวคิดเชงิ แนวคิดเชงิ เนือ้ เรื่องแนวคิด ที่มอบหมายให้
3.มีความสามัคคี ชว่ ยกนั ทางาน
นามธรรมตรงตาม นามธรรมตรงตาม นามธรรมแตไ่ ม่ตรง เชงิ นามธรรมที่ผิด
4.มผี ลงานทสี่ รา้ งสรรค์
5.การนาเสนอทน่ี า่ สนใจ หลักการทกุ อย่าง หลกั การไม่ทกุ ข้อ ตามหลักการ และแก้ไข

มีการใช้ภาษาที่ มกี ารใช้ภาษาท่ี มกี ารใช้ภาษาทผี่ ิด มีการใชภ้ าษาที่ ไมม่ ีการ

ถกู ตอ้ งตามอักขระ ถูกตอ้ งตามอกั ขระ บางคา ผดิ อักขระ นาเสนอผลงาน

ทุกคา ผดิ บางตวั อกั ษร ท่ีมอบหมายให้

สมาชกิ ในกลมุ่ มี สมาชกิ ในกลุ่มมี สมาชกิ ในกลุ่มบาง สมาชิกในกลุ่มบาง ไมม่ ีการ

ความสามัคคี ความสามัคคี คนชว่ ยกนั ทางาน คนชว่ ยกนั ทางาน นาเสนอผลงาน

ชว่ ยกันทางานและ ชว่ ยกันทางาน ทม่ี อบหมายให้

มกี ารมอบงานอย่าง

ชดั เจน

มผี ลงานท่ี มผี ลงานท่ี มีผลงานทค่ี อ่ นข้าง มผี ลงานท่ีต้อง ไม่มีการ

สร้างสรรคแ์ ละ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ เพม่ิ ความคดิ นาเสนอผลงาน

นา่ สนใจ สรา้ งสรรค์ ที่มอบหมายให้

มีการนาเสนอท่ี มีการนาเสนอที่ มีการนาเสนอ มีการนาเสนอ มม่ ีการนาเสนอ

นา่ สนใจและดตู ่ืน น่าสนใจ ผลงาน ผลงานทต่ี อ้ ง ผลงานที่

ตาตืน่ ใจ ปรงั ปรงุ มอบหมายให้

เกณฑ์การประเมิน

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
8-10 ดีมาก
6-7 ดี
3-5 ปานกลาง
1-2 ปรับปรุง

15. บันทกึ ผลหลังสอน

1) ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

2) ปัญหา/อุปสรรค

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

3) ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………………….

(นางสาวเพ็ญนภา ธรรมนาม)

ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………………………....
(…………………………………..………………)

หัวหน้ากลมุ่ สาระ…………………………………….
ขอ้ เสนอแนะข้อผู้บริหาร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ …………………………………………………….
(…………………………………..………………)
รองผ้อู านวยการกลุม่ บริหารวิชาการ

ข้อเสนอแนะข้อผบู้ ริหาร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื …………………………………………………….
(…………………………………..………………)

หัวหน้ากล่มุ สาระ…………………………………….

ใบงานที่ 1.1

เรอ่ื ง แนวคิดเชงิ นามธรรม

คาชี้แจง : พจิ ารณาสถานการณ์หรือปัญหาตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคาถาม

1. สถานการณ:์ ชัยทศั น์มนี าฬกิ าเรือนหน่ึง ซึ่งบนปัดของนาฬิกามีเฉพาะตวั เลขคู่ เขาต้องการสร้างรูปหลาย
เหลยี่ มบนหน้าปดั นาฬิกา อยากทราบวา่ เขาจะสามารถสร้างรปู หลายเหล่ียมไดก้ ่รี ปู โดยใช้ตัวเลขบน
หน้าปัดเหลา่ น้ีเป็นจุดยอดมุม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จากคาวา่ "WELCOME" ต้องการขอ้ มลู ทแี่ ตกต่างกัน ดงั นี้

ㆍข้อมูลประกอบด้วยอักขระใดบา้ ง แต่ละอักขระเป็นอักษรตวั พมิ พ์เลก็ หรอื ตัวพิมพใ์ หญ่ และมสี ี
อะไร

ㆍข้อมูลประกอบด้วยอักขระใดบ้าง แต่ละอกั ขระประกอบดว้ ยสีอะไร
· ㆍข้อมูลประกอบด้วยอกั ขระใดบ้าง

ㆍข้อมลู ประกอบด้วยอกั ขระกต่ี ัว
· ㆍข้อมลู ประกอบด้วยคากีค่ า
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 1.1 เฉลย

เรื่อง แนวคิดเชงิ นามธรรม ล

คาชีแ้ จง : พิจารณาสถานการณ์ตอ่ ไปนี้ แลว้ ตอบคาถามใหน้ กั เรียนแสดงวิธีการหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์
ปญั หาอยา่ งละเอียด โดยให้แสดงวธิ กี ารหาให้ได้หลากหลายวิธมี ากทสี่ ุด พร้อมอธิบายเหตุผล

1. สถานการณ์: ชัยทศั น์มนี าฬกิ าเรือนหนึ่ง ซ่ึงบนปัดของนาฬิกามีเฉพาะตวั เลขคู่ เขาต้องการสร้างรูปหลาย
เหลีย่ มบนหน้าปดั นาฬิกา อยากทราบว่าเขาจะสามารถสรา้ งรูปหลายเหลีย่ มไดก้ ่ีรูป โดยใช้ตวั เลขบน
หนา้ ปัดเหลา่ นี้เป็นจดุ ยอดมุม

ปญั หา: สามารถสร้างรูปหลายเหลย่ี มไดก้ ร่ี ูป
เงอ่ื นไขจากโจทย์: นาฬกิ าต้องเปน็ เลขคู่
แนวคิดเชิงนามธรรมในการคานวณ: คานวณหาจานวนรูปหลายเหล่ียมบนหน้าปัดนาฬิกา

เฉลย



ใบงานท่ี 1.1

เร่อื ง แนวคดิ เชงิ นามธรรม

2. จากคาว่า "WELCOME" ตอ้ งการขอ้ มูลทีแ่ ตกตา่ งกัน ดังน้ี

ㆍขอ้ มลู ประกอบด้วยอักขระใดบ้าง แต่ละอักขระเปน็ อักษรตวั พิมพ์เล็กหรือตัวพิมพใ์ หญ่ และมีสี

อะไร

ㆍข้อมลู ประกอบด้วยอักขระใดบ้าง แต่ละอักขระประกอบดว้ ยสีอะไร

· ㆍข้อมลู ประกอบด้วยอกั ขระใดบ้าง

ㆍข้อมลู ประกอบด้วยอักขระก่ีตัว

· ㆍขอ้ มูลประกอบด้วยคาก่ีคา

คาอธิบายของคาว่า รูปแบบของคาว่า ความละเอยี ดของ

รายละเอยี ดของปญั หา WELCOME WELCOME ขอ้ มลู

ขอ้ มลู ประกอบด้วยตวั อักษร ตวั อกั ษรWELCOMEและEท่ี มาก

ใดบา้ งแตล่ ะตัวอักษรเปน็ แต่ละตวั อกั ษรมสี ีเหลืองเขยี ว

อกั ษรตัวพิมพเ์ ลก็ พิมพ์ ฟ้าแดงมว่ งชมพู และดา WELCOME

ใหญ่ และมสี อี ะไร ตามลาดับและแตล่ ะตัวอกั ษร WELCOME

เปน็ อักษรตัวพิมพ์ใหญ่

ขอ้ มูลประกอบดว้ ยตวั อักษร ตัวอักษรWELCOMEและEที่

ใดบา้ งแต่ละตวั อกั ษร แต่ละตัวอักษรมีสเี หลอื งเขียว

ประกอบดว้ ยสอี ะไร ฟ้าแดงม่วงชมพู และดา

ตามลาดบั

ขอ้ มลู ประกอบดว้ ยตัวอักษร คาภาษาองั กฤษที่ประกอบด้วย

กีต่ ัว ตัวอักษร7ตวั

ขอ้ มูลประกอบดว้ ยคากค่ี า คาภาษาองั กฤษหนง่ึ คา

น้อย

แผนการเรียนร้ทู ่ี 2 รายวิชา วทิ ยาการคานวณ
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
กลุม่ สาระการเรยี นวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาป่ที ่ี 1 เวลา 2 ช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การออกแบบและการเขียนอัลกอริทึม
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง อลั กอริทึมเบ้ืองต้น

1.มาตรฐานการเรียรรู้ / ตวั ชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบอลั กอริทึมทีใ่ ช้แนวคดิ นามธรรมเพ่อื แกป้ ัญหาหรืออธบิ ายการทางานพี่พบใน

ชวี ติ จริง
มาตรฐาน ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยเพอื่ แก้ไขทางคณิตศาสตร์ หรอื วิทยาศาสตร์

2.จุดประสงค์การเรียนรู้
1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับความหมายของอลั กอริทีมและการเขยี นอลั กอรทิ ีม (K)
2. สามารถปฏิบัติการเขยี นอลั กอริทีมในรูปแบบต่าง ๆ ได้ (P)
3. เหน็ คณุ ประโยชน์ของการเรยี นวิชาเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ตระหนักในคณุ ค่าของความรู้วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยีท่ใี ชใ้ นชวี ิตประจาวนั (A)

3.สาระการเรียนรู้ / เนื้อหา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
-การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทมี่ ีการใชต้ วั แปรเงื่อนไข วนชา้
-การออกแบบอลั กอรทิ ีม เพอ่ื แก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างง่าย อาจใชแ้ นวคิดเชงิ นามธรรการ

ออกแบบเพ่อื ใหก้ ารแก้ปัญหามีประสทิ ธภิ าพ
-การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขน้ั ตอนจะชว่ ยให้แก้ปัญหาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
-ชอฟต์ แวรท์ ่ใี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c
-ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการการเคลอื่ นที่ โปรแกรมคานวณหาพ้ืนท่ี

สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

4.สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด
อลั กอริทมี (a lsorithm) เปน็ ระเบยี บวิธหี รือขัน้ ตอนวธิ ีทีด่ าเนนิ การด้วยคอมพวิ เตอร์เพื่อใช้ในการ

แก้ปัญหาต่าง ๆ อยา่ งมีระบบ มลี าดบั ข้นั ตอนตงั้ แต่ตน้ จนกระทง่ั ได้ผลลพั ธ์ ซ่ึงสามารถเขียนไดห้ ลาย
รปู แบบ การเลือกใชต้ อ้ งเลอื กใช้ขัน้ ตอนวธิ ีทเ่ี หมาะสม กระชับและรัดกุม

5.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน

1. ความสามารถในการสอื่ สาร

2. ความสามารถในการคิด

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณธรรมจรยิ ธรรมทีส่ อดแทรก

ให้นักเรียนมีความขยันและซื่อสัตย์ คือ ผู้ท่ีมีความตั้งใจเพียรพยายามทาหน้าที่การงานอย่างจริงจังแล ะ

ต่อเน่ือง ในเรอ่ื งที่ถกู ท่คี วรสู้งาน มีความพยายาม ไมท่ ้อถอย กล้าเผชิญอปุ สรรค รกั งานทท่ี า ตัง้ ใจทาหน้าทอ่ี ยา่ งจริงจัง

ไมค่ ดโกง ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ น่ื ซอ่ื สัตย์ตอ่ ทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งเพ่อื ให้เปน็ แบบอยา่ งของสังคม

6.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  2. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ

 3. มวี ินัย  4. ใฝ่เรยี นรู้

 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง  6. มงุ่ ม่นั ในการทางาน

 7. รกั ความเปน็ ไทย  8. มจี ิตสาธารณะ

7.ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ( 3R+8C ) สกู้ ารพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน

 Reading-อ่านออก

 Riting-เขียนได้

 Rithmatic-มีทกั ษะในการคานวณ

 Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวเิ คราะห์ การคิดอย่างมี

วิจารณญาณและแกไ้ ขปญั หาได้

 Creativity and Innovation : คดิ อยา่ งสร้างสรรค์ คดิ เชิงนวัตกรรม

 Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมอื การทางานเป็นทมี และภาวะผนู้ า

 Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการส่ือสารและการรูเ้ ทา่ ทนั ส่อื

 Cross-cultural Understanding : ความเขา้ ใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมกระบวนการคิดขา้ มวัฒนธรรม

 Computing and ICT Literacy : ทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์ และการรเู้ ทา่ ทันเทคโนโลยี

 Career and Learning Skills : ทกั ษะทางอาชพี และการเรยี นรู้

 Compassion : มคี ุณธรรม มีเมตตา กรุณา มรี ะเบยี บวินยั

8. กระบวนการทใ่ี ช้สอน (ระบเุ ฉพาะทีใ่ ช้ในชั่วโมงหรือคาบสอน และระบุได้มากกว่า ๑ ข้อ)

 กระบวนการเรียนความรูค้ วามเข้าใจ  กระบวนการปฏิบตั ิ  กระบวนการกลุ่ม

 กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด  กระบวนการสร้างคา่ นิยม  กระบวนการแก้ปญั หา

 กระบวนการสรา้ งความตระหนัก  กระบวนการเรียนภาษา  กระบวนการสร้างเจตคติ

 กระบวนการคณิตศาสตร์  ทกั ษะกระบวนการ 9 ข้นั อื่นๆ………………………………

 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์  กระบวนการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ

 กระบวนการอา่ น  กระบวนการวิเคราะห์

9. วธิ ีการสอนทใ่ี ช้ในการจดั การเรยี นรู้ (ระบเุ ฉพาะทใ่ี ชใ้ นชว่ั โมงหรอื คาบสอน และระบุได้มากกวา่ ๑ ข้อ)

 การบรรยาย (Lecture)  การสาธิต (Demonstration)  การทดลอง (Experiment)

 แบบนริ นยั (Deduction)  แบบอุปนยั (Induction)  แบบทัศนศึกษา (Field Trip)

 การอภิปรายรายกลุม่ ย่อย (Small Group Discussion) การแสดงละคร (Dramatization)

 แบบศนู ยก์ ารเรียน (Learning Center)  กรณตี ัวอย่าง (Case study)

 การใช้สถานการณจ์ าลอง (Simulation)  การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)

 การบทเรยี นโปรแกรม (Programmed Instruction)  การใชเ้ กม (Game)

 อื่นๆ (ระบุเพมิ่ เตมิ )……………………………………………………………………………………………………………………………………..

10.กจิ กรรมการเรยี นรู้

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ( 5Es Instructional Model )

11.การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง การออกแบบและการเขียนอัลกอรทิ มึ จานวน 2 ช่ัวโมง
ใช้รูปแบบกระบวนการเรียนการสอนแบบ การใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem – based Learning)
ชั่วโมงท่ี 1

1.ข้นั นาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันทบทวนความรู้เดมิ เกี่ยวกับ แนวคดิ เชิงนามธรรม
1.2 ครูถามคาถามเพ่อื กระตุ้นความคิดและความสนใจของนกั เรยี น โดยครูอาจกาหนดคาถามเกี่ยวกบั

ปญั หาในชวี ิตประจาวันที่นักเรยี นได้พบเจอ เช่น ปญั หาด้านการเรียน ปญั หาด้านการเงนิ หรอื ใหน้ กั เรียนกาหนดปัญหา
ของนักเรยี นเอง แล้วรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ รวมท้ังแนวทางหรอื วธิ กี ารแก้ปญั หาทน่ี กั เรียนเลือกใช้
(แนวตอบ : พิจารณาจากคาตอบของนักเรียน โดยอยู่ในคุลยฟินิจของครูผู้สอน เช่น การใช้ชอฟต์แวร์ในการยืม -คืน
หนงั สอื เพ่อื ลดการเขา้ แถวรอ เป็นต้น)

1.3 ครใู ห้นกั เรียนยกตัวอยา่ งสถานการณ์ท่ีมีการแก้ไขปญั หาในรปู แบบที่ใชก้ ระบวนการที่ทาให้ได้ผล
ลัพธห์ รอื ผลสาเร็จในการแก้ปัญหา

1.4 ครถู ามคาถามเพ่ือกระตน้ ความคดิ วา่ นักเรียนรอู้ ัลกอรทิ ีม (agorithm) หรอื ไม่ และหมายถงึ อะไรโดยท่ีครู
ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ (แนวตอบ : อัลกอริทีม (aigoithm) คือ ระเบียบวัธีหรือขั้นตอนการ
แก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งท่ีสามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนที่ชัดจน โดยจะอธิบายลาดับในแต่ละช้ันตอนฝญิง
ละเอียดว่ามีการประมวลผล นาเข้าข้อมูล นาออกข้อมูลอยา่ งไร จบกระท่งั เสรจ็ สิ้นการทางาน ซ่งึ เปน็
กระบวนการท่ีแนน่ อน ชัดเจน สาหรับการแกป้ ญั หา)

1.5 ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มแสดงความคดิ เห็นกับคาถามท่ีครถู าม
1.6 ครถู ามคาถามจากหนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโสยี (วทิ ยาการคานวน) ม.1
หน้า 7 ว่า คอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องกับอัลกอทีมอย่างไร (เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้น
ถูกผิด) เพ่ือเป็นความรู้พื้นฐานนาไปสู่การเรียนเรื่อง อัลกอริทีมเบ้ืองต้น(แนวตอบ : อัลกอริทีมหรือขั้นตอนวิธีการ
แก้ปัญหา เป็นการจัดลาดับความคิดเป็นช้ันตอนต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในชั้นตอนการเขียนโปรแกรมที่สอดคล้องกับ
ปัญหาท่ีกาหนดไว้ การเขียนอัลกอริทีมจึงเป็นการแสดงลาดับการทางานตามคุณสมบัติด้านการประมวลผลของ
คอมพิวเตอร์ ที่พร้อมจะนาไปแปลงเปน็ ลาดับคาสัง่ ให้คอมพิวเตอร์ทางาน)
1.7 ครแู จง้ ให้นกั เรยี นทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับ อลั กอรทิ มี เบอื้ งตน้ และรูปแบบของการเขยี นอัลกอริทมี
2. ขนั้ เรียนรู้
สารวจค้นหา (Explore)
2.1 ครใู หน้ กั เรียนจับค่กู บั เพื่อนรว่ มช้นั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนรว่ มกันศึกษาและสืบคันข้อมลู เกย่ี วกับรูปแบบ
ของการเขยี นอลั กอรทิ ีมวา่ สามารถมีไดก้ ่รี ปู แบบ จากหนงั สือเรยี น หนา้ 7
2.2 ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะครู่ ่วมสรุปขอ้ มูลที่สืบคันได้ลงในกระดาษ A4 แล้วนามาสง่ ครูเพื่อให้ครูตรวจสอบ
ความถูกตอ้ ง

2.3 ครูอธบิ ายให้นกั เรียนเข้าใจวา่ รปู แบบการเขยี นอลั กอริทีมสามารถแบ่งได้ 3 รปู แบบ ดงั นี้
- การเขยี นอัลกอริทีมดว้ ยภาษาธรรมชาติ (Narrative language)
- การเขยี นอลั กอรีที่มดว้ ยรหัสจาสอง (Pseuco code)
- การเขยี นอัลกอริทีมด้วยผังงาน (lowchart)

ซ่ึงในแต่ละหัวข้อนักเรยี นจะไดศ้ กึ ษาในช่วั โมงถดั ไป
2.4 ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะคู่ ร่วมกนั ศึกษาตวั อย่างการแกป้ ัญหาแบบอลั กอริทม็ เร่อื ง การตอ่ โมเดลเสโก้
(Lego) ทง้ั 2 วธิ ี ตามรายละเอยี ดจากหนงั สอื เรียน หน้า 8 จากนั้นให้แตล่ ะคกู่ าหนดปัญหาใน
ชวี ติ ประจาวันอยา่ งละ : ปญั หา พร้อมทั้งทาการวเิ คราะห์และวิธกี ารแกป้ ญั หา จนสามารถหา
ผลลัพธ์ของปัญหาได้
อธิบายความรู้
1. ครูใหน้ กั เรียนออกมาอธบิ ายความรู้เกยี่ วกับการออกแบบข้ันตอนวิธที ไ่ี ด้ศกึ ษาให้เพอ่ื นฟงั หน้าชัน้
เรยี น แล้วครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนชักถามในประเดน็ ที่สงสัย โดยครูเป็นผ้เู สริมอธบิ ายใหถ้ ูกตอ้ ง จน
นักเรียนในช้ันเรยี นทกุ คนเกดิ ความเขา้ ใจที่ถกู ตอ้ งตรงกนั
2. ครถู ามคาถามกับนกั เรยี นเพ่อื เป็นการทบทวนความเข้าใจ
- นกั เรียนมวี ธิ กี ารเลือกเคร่ืองมอื และออกแบบข้นั ตอนวธิ ีการแก้ปญั หาเพื่อใหง้ ่ายต่อการเข้าใจ
อย่างไร
(แนวตอบ : พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น โดยอยใู่ นดุลยพินืจของครผู ู้สอน โดยมแี นว
ทางการตอบ เชน่ การสรา้ งผังงาน (lowchort) หรอื รหสั จาลอง (Pseudo code) เป็นต้น)
- เครือ่ งมอื ในการแกป้ ญั หาทด่ี ีต้องมีลักษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ : ต้องเหมาะสมกับเงื่อนไขตา่ ง ๆ ของปัญหา)
3. ครูให้นกั เรยี นทา Unit Question 1 ในหนังสือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
(วิทยาการคานวน) ม.1 หน้า 25 เพื่อเปน็ การทบทวนให้มีความร้คู วามเข้าใจในเน้ือหาย่งิ ขึ้น
ช่ัวโมงที่ 2
สารวจค้นหา (Explore)
3.1 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันทบทวนความรู้เดิม โดยครนู านักเรียนอภิปรายและไดข้ อ้ สรปุ เก่ยี วกบั การ
แกป้ ัญหาแบบอัลกอรทิ มี
3.2 ครถู ามคาถามกับนักเรยี นว่า ภาษาธรรมชาตแิ ตกต่างกับภาษาคอมพิวเตอร์หรือไม่
(แนวตอบ : แตกต่างกัน เนอ่ื งจากภาษาคอมพิวเตอรเ์ ป็นภาษาที่มรี ูปแบบเป็นทางการ
(Formal Language) ต่างกบั ภาษาธรรมชาติที่มีขอบเขตกวา้ งมาก ไมม่ ีรูปแบบตายตวั ทแี่ นน่ อน)
3.3 ครใู หน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับคาถาม โดยสามารถศึกษาจากหนังสือเรียนหน้า 9-10 เพื่อ
ตอบคาถาม
3.4 ครูอาจจะสุม่ นกั เรยี นออกมาตอบคาถามหน้าชัน้ โดยครูเปน็ ผู้เสรมิ อธิบายให้ถูกต้อง
3.5 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั วพิ ากษเ์ กีย่ วกบั ภาษาธรรมชาติกับภาษาคอมพิวเตอร์เพือ่ ความเขา้ ใจตรงกนั

โดยครแู ละนักเรยี นไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกันว่า ภาษาธรรมชาติ (Natural (anguage) คือ รูปแบบภาษาท่ีมนุษยเ์ ข้าใจ หรอื เป็น
ภาษาที่มนุษย์ใช้ในการส่ือสารกัน มีรูปแบบ๊ภาษาท่ีไม่แน่นอนตายตัวและเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ตามเชื้อชาติ
ส่วนภาษาคอมพิวเตอร์ คือ ภาษาใด ๆ ท่ีผู้ใช้งานใช้ส่ือสารกับคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ด้วยกัน แล้วคอมหิวเตอร์
สามารถทางานตามคาส่ังนั้นได้ซ่ึงเป็นโปรแกรมหรือชุดคาส่ังที่โปรแกรมเมอร์เขียนเพื่อใช้ส่ังงานตามรูปแบบและ
โครงสร้างของภาษา

3.6 จากน้ันครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า 1 กัน ศึกษาเก่ียวกับภาษาคอมวเตอร์ในแต่ละยุค
ตามหัวข้อในหนังสือเรียน หน้า 9-10 จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ โดยแต่ละส่งตัวแทนกลุ่มออกมาจับฉลากเรื่องท่ีจะได้
ศึกษา ดงั น้ี

- กลมุ่ ท่ี 1 ภาษาเครอ่ื ง
-กลุ่มท่ี 2 ภาษาแอสเซมบลื
-กลมุ่ ท่ี 3 ภาษาระดับสงู
- กลมุ่ ที่ 4 ภาษาระดับสงู มาก
-กลุ่มท่ี 5ภาษาธรรมชาติ
อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครใู ห้ตัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม อกมาอธิบายความรูเ้ ก่ียวกบั รายละเอยี ดของหัวขอ้ ต่าง ๆ ท่ี
ไดไ้ ปศึกษาใหเ้ พ่อื นฟังหนา้ ช้ันเรยี น แล้วครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นไดซ้ กั ถามในประเด็นที่สงสัย
โดยที่ครูคอยแนะนาและใหค้ าตอบทถี่ ูกต้องแก่นักเรียน
2. นกั เรยี นแตล่ ะคนสรุปแตล่ ะหัวข้อท่ีเพ่ือนออกมาอธบิ ายหนา้ ชั้นเรียน บันทกี ลงลงในกระดาษ A4 สง่
ครผู ู้สอนในชั่วโมงถัดไป
3. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมว่า ภาษาธรรมชาตเิ ป็นภาษาทส่ี ามารถสัง่ งานคอมพวิ เตอรโ์ ดยใช้รปู แบบของ
ภาษามนษุ ยไ์ ดเ้ ลย คาส่ังอยใู่ นรปู แบบทีไ่ ม่แน่นอนตายตัว แต่คอมพวิ เตอรจ์ ะทาการแปลให้ออกมา
ในรูปทีค่ อมพวิ เตอร์เขา้ ใจได้
3. ขน้ั นาไปใช้
สรปุ และประเมนิ คา่
ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. ครูนานกั เรียนศกึ ษา เรื่อง การเขยี นอลั กอรทิ มี ดว้ ยภาษาธรรมชาติ
2. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันศึกษาตัวอย่าง เรื่อง การเขียนอัลกอริทีมด้วยภาษาธรรมชาติ หน้า 10และครู
อธิบายเพิ่มเติมเพ่ือความเข้าใจว่า ลักษณะของการเขียนอัลกอริทีมด้วยภาษาธรรมชาติ เป็นการแสดงข้ันตอนการ
ทางานในลักษณะการบรรยายเป็นข้อความด้วยภาษาพูตใด ๆ โดยใช้ภาษามนุษย์ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
ภาษาญ่ีปุ่น หรือภาษาจีน เป็นต้น เพื่ออธิบายถึงข้ันตอนการทางานของอัลกอริทีม ซ่ึงจะขึ้นอยู่กับความถนัดของ
ผ้เู ขยี นอลั กอริทีม มักเชียนบรรยายช้ันตอนการทางานเป็นข้อ ๆ
3. จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง อัลกอรทิ มี เบอ้ื งต้น เพื่อเป็นการทบทวนให้มีความรู้ความ
เขา้ ใจในเน้ือหายิง่ ขึ้น

4. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นสอบถามเนอ้ื หาเรอ่ื ง การเขยี นอัลกอริทีมด้วยภาษาธรรมชาติ วา่ มีสว่ นไหน
ทย่ี งั ไม่เข้าใจและใหค้ วามรู้เพิม่ เตมิ ในส่วนนัน้ โดยท่ีครอู าจจะใช้ PowerPoint เร่อื ง อลั กอรทิ มี
เบื้องต้น ชว่ ยในการอธบิ าย

5. ครมู อบหมายให้นักเรยี นสรปุ ผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping เรื่อง อลั กอรทิ ีมเบื้องต้น และให้
นกั เรียนทาแบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) ม.1 ส่งเปน็
การบา้ นชว่ั โมงถดั ไป

5.1 นกั เรยี นทกุ กลมุ่ ร่วมกันนาเสนอโปรแกรมแก้ปญั หาทไ่ี ดจ้ ากการสังเคราะห์ และรว่ มกนั อภิปรายวา่
ข้อมลู ของแต่ละกลมุ่ ทีไ่ ด้ศึกษาค้นควา้ มาครบถ้วน ถูกต้อง สมบรู ณ์หรือไม่ โดยครผู ูส้ อนช่วย
ตรวจสอบความถกู ต้องและเสนอแนะเพิม่ เตมิ

5.2 จากน้นั ครใู ห้นักเรยี นทาใบงานที่ 1.1 เร่ือง แนวคิดเชงิ นามธรรม เพอื่ เปน็ การทบทวนใหม้ ีความรู้
ความเขา้ ใจในเน้อื หายิ่งขึ้น

5.3 ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้อื หาเรื่อง แนวคิดเชงิ นามธรรม วา่ มีส่วนไหนท่ียงั ไม่เข้าใจและให้
ความรเู้ พิ่มเตมิ ในส่วนนนั้ โดยที่ครอู าจจะใช้ PowerPoint เร่อื ง แนวคิดเชงิ นามธรรม ช่วยในการ
อธบิ าย

5.4 ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนสรปุ ผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เร่อื ง แนวคดิ เชิงนามธรรม และให้
นักเรียนทาแบบฝึกทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) ม.1 ส่งเปน็
การบา้ นช่ัวโมงถดั ไป
ขัน้ สรปุ

ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูนานักเรยี นศกึ ษา เรื่อง การเขยี นอลั กอรทิ มี ด้วยภาษาธรรมชาติ
2. ครูให้นักเรยี นกลมุ่ เดมิ รว่ มกนั ศึกษาตัวอย่าง เรื่อง การเขียนอลั กอริทมี ดว้ ยภาษาธรรมชาติ หน้า 10

และครอู ธิบายเพมิ่ เติมเพื่อความเข้าใจวา่ ลกั ษณะของการเขียนอลั กอริทมี ด้วยภาษาธรรมชาติ เปน็
การแสดงข้ันตอนการทางานในลักษณะการบรรยายเปน็ ข้อความดว้ ยภาษาพตู ใด ๆ โดยใชภ้ าษา
มนษุ ย์ เชน่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญ่ีป่นุ หรอื ภาษาจีน เป็นตน้ เพื่ออธบิ ายถงึ ข้นั ตอนการ
ทางานของอลั กอรทิ ีม ซง่ึ จะขนึ้ อย่กู ับความถนัดของผู้เขียนอลั กอริทมี มกั เชียนบรรยายชัน้ ตอนการ
ทางานเปน็ ขอ้ ๆ

3. จากน้ันครูใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ 1.2 เร่อื ง อลั กอรทิ ีมเบื้องต้น เพ่ือเป็นการทบทวนใหม้ คี วามรู้ความ
เข้าใจในเนือ้ หายิ่งขึน้

4. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนอ้ื หาเรือ่ ง การเขยี นอัลกอรทิ ีมดว้ ยภาษาธรรมชาติ วา่ มสี ่วนไหน
ทย่ี งั ไม่เขา้ ใจและใหค้ วามรู้เพ่ิมเตมิ ในสว่ นนนั้ โดยทค่ี รูอาจจะใช้ PowerPoint เรอื่ ง อัลกอริทีม
เบอ้ื งต้น ช่วยในการอธบิ าย

5. ครมู อบหมายให้นักเรียนสรปุ ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping เรือ่ ง อัลกอริทมี เบื้องตน้ และให้
นกั เรยี นทาแบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวน) ม.1 ส่งเป็นการบ้านช่ัวโมงถัดไป

12. ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยความร้)ู
ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง อัลกอริทมึ เบอ้ื งต้น

13. ส่ือ/ แหลง่ การเรียนรู้
วสั ดุ อุปกรณ์ สิง่ ของ สอื่ ธรรมชาติ หรอื สือ่ เทคโนโลยี
1. ใบงานที่ 1.2 เร่ือง อลั กอริทึมเบอ้ื งตน้
2. ส่อื Power Point ประกอบการสอน เรื่อง อัลกอริทึมเบื้องตน้
แหลง่ เรยี นรู้
1.) หอ้ งเรียน
2.) หอ้ งสมดุ
3.) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

14. การวดั และประเมนิ ผล
14.1 การวดั และประเมนิ ผลภาระชิน้ งาน

ชิ้นงาน/ภาระงาน วธิ ีการวัด เครอ่ื งมอื การวดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ

ใบงานที่ 1.2 ตรวจใบงานท่ี 1.2 แบบประเมินใบงาน 5 คะแนน=ดีมาก
เรอื่ ง อลั กอริทมึ เบ้อื งตน้ เรอ่ื ง อลั กอริทมึ เบื้องตน้ 4 คะแนน=ดี
3 คะแนน=พอใช้ ผ่านเกณฑอ์ ยา่ ง
2 คะแนน=ปรับปรุง นอ้ ยในระดับพอใช้
0 คะแนน=ไม่มผี ลงาน

14.2 การประเมนิ สมรรถนะของผเู้ รียน

การประเมนิ สมรรถนะ วิธีการวดั เครื่องมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ และเกณฑก์ าร
-แบบประเมินความสามารถ ผา่ น
1. ความสามารถใน -ใช้แบบประเมินเป็น ในการแกป้ ญั หา 5=มีความสามารถสอื่ สารทด่ี มี าก
การสื่อสาร รายบลุ คล 4 = มีความสามารถส่ือสารที่ดี
-แบบประเมินความสามารถ 3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2.ความสามารถในการคิด -ใชแ้ บบประเมนิ เปน็ ในการใชท้ ักษะชีวิต 2=มคี วามสามารสือ่ สารทีน่ อ้ ย
รายบลุ คล 1=มคี วามสามารถส่อื สารทีน่ อ้ ย
-แบบประเมนิ ความสามารถ ทีส่ ดุ
2.ความสามารถในการใช้ -ใช้แบบประเมนิ เปน็ ในการใชเ้ ทคโนโลยี *** ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอยา่ ง
น้อยในระดบั ปานกลาง
เทคโนโลยี รายบลุ คล 5=มคี วามสามารถสอื่ สารทด่ี ีมาก
4=มคี วามสามารถสื่อสารทด่ี ี
3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2 = มีความสามารสื่อสารที่น้อย
1=มีความสามารถสือ่ สารทนี่ อ้ ย
ทสี่ ุด
*** ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ อย่าง
น้อยในระดับปานกลาง
5=มคี วามสามารถส่ือสารทด่ี ีมาก
4=มคี วามสามารถส่ือสารทด่ี ี
3= มคี วามสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2=มีความสามารสอื่ สารที่นอ้ ย
1=มีความสามารถสื่อสารทน่ี อ้ ย
ทส่ี ุด
*** ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ อย่าง
นอ้ ยในระดบั ปานกลาง

14.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผ้เู รียน

การประเมนิ คณุ ลกั ษณะ วิธกี ารวัด เครอื่ งมือท่ีใช้ เกณฑก์ ารประเมนิ และเกณฑ์การผา่ น

อันพึงประสงค์

1. มวี นิ ยั -ใชแ้ บบประเมินเป็น -แบบประเมินความมีวินัย 5=มีความสามารถส่ือสารท่ีดมี าก
4=มคี วามสามารถส่อื สารทด่ี ี
รายบลุ คล 3= มีความสามารถสอ่ื สารปานกลาง
2 = มีความสามารส่ือสารที่น้อย
2.ใฝ่เรยี นรู้ -ใช้แบบประเมนิ เปน็ 1=มคี วามสามารถสื่อสารท่นี อ้ ยที่สดุ
รายบุลคล *** ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ อย่างนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง

-แบบประเมนิ ความใฝเ่ รียนรู้ 5=มีความสามารถสอ่ื สารทดี่ มี าก
4=มคี วามสามารถสอื่ สารทด่ี ี
3= มคี วามสามารถสือ่ สารปานกลาง
2 = มีความสามารสื่อสารท่ีน้อย
1=มีความสามารถสอ่ื สารทน่ี อ้ ยทีส่ ดุ
*** ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง

2.มุ่งมัน่ ในการทางาน -ใชแ้ บบประเมนิ เปน็ -แบบประเมนิ ความมุ่งมัน่ ใน 5=มีความสามารถสอ่ื สารที่ดีมาก
รายบุลคล
การทางาน 4=มคี วามสามารถสอ่ื สารท่ีดี

3= มคี วามสามารถส่อื สารปานกลาง

2=มคี วามสามารสือ่ สารทนี่ ้อย

1 = มีความสามารถสื่อสารที่น้อยท่ีสดุ

*** ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอย่างนอ้ ยใน

ระดบั ปานกลาง

14.3 ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21

การประเมินทักษะของ วิธีการวดั เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมนิ และเกณฑก์ ารผ่าน

ผูเ้ รียนในศตวรรษท่ี 21

1. ทักษะการอ่าน -ใช้แบบทดสอบเรือ่ งการ -แบบทดสอบเรอื่ งการอ่าน 5=มคี วามสามารถสอ่ื สารทีด่ ีมาก

อา่ น 4=มคี วามสามารถสือ่ สารท่ีดี

3= มคี วามสามารถสอื่ สารปานกลาง

2=มคี วามสามารส่ือสารทน่ี อ้ ย

1=มคี วามสามารถสื่อสารทีน่ อ้ ยท่ีสดุ

*** ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งน้อยใน

ระดบั ปานกลาง

2. ทักษะการเขยี น -ใชใ้ บกจิ กรรมการเรยี นรู้ -แบบประเมนิ ใบกจิ กรรม 5=มคี วามสามารถสอ่ื สารทด่ี มี าก

การเรียนรู้ 4=มีความสามารถส่อื สารที่ดี

3= มีความสามารถสอ่ื สารปานกลาง

2=มคี วามสามารสอ่ื สารทน่ี อ้ ย

1=มคี วามสามารถสื่อสารท่ีน้อยท่สี ุด

*** ผ่านเกณฑ์การประเมนิ อย่างนอ้ ยใน

ระดบั ปานกลาง

3. ทกั ษะในการคิดวิเคราะห์ -ใชใ้ บกจิ กรรมการเรยี นรู้ -แบบประเมนิ ใบกิจกรรม 5=มคี วามสามารถสื่อสารท่ดี ีมาก
การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
และแก้ไขปญั หา การเรียนรู้ 4=มีความสามารถสอ่ื สารที่ดี

3= มคี วามสามารถสอื่ สารปานกลาง

2=มคี วามสามารส่อื สารทน่ี อ้ ย

1=มีความสามารถส่อื สารทน่ี ้อยท่ีสุด

*** ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งนอ้ ยใน

ระดับปานกลาง

4. ทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ -ใชแ้ บบประเมินการมี -แบบประเมินการมีสว่ นรว่ ม 5=มคี วามสามารถสื่อสารที่ดมี าก
และเรียนรเู้ ท่าทันเทคโนโลยี ส่วนรว่ มในกจิ กรรม
ในกจิ กรรม 4=มคี วามสามารถสอ่ื สารทด่ี ี

3= มีความสามารถสอ่ื สารปานกลาง

2=มีความสามารสอ่ื สารที่นอ้ ย

1=มีความสามารถสอื่ สารที่น้อยทส่ี ดุ

*** ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งน้อยใน

ระดับปานกลาง

แบบประเมินใบงานที่ 1.2 เรื่อง อัลกอริทมึ เบื้องตน้
ชอ่ื กลุ่ม________________________________________________________________________
รายชอ่ื สมาชิก1.___________________________________เลขท่ี___________________________

2.___________________________________เลขที่___________________________
3.___________________________________เลขที่___________________________
4.___________________________________เลขที่___________________________
5.___________________________________เลขท่ี___________________________

ลาดับ 5 4 3 2 1
ประเดน็ การประเมนิ
ขอ้ ท่ี ( ดมี าก ) ( ดี ) ( พอใช้ ) ( ปรบั ปรงุ ) ( ไมม่ ี

ผลงาน )

1 มีการวิเคราะห์เนอ้ื เร่อื งอลั กอรทิ ึม

เบอ้ื งต้นตรงตามหลกั การ

2 มีการใชภ้ าษาทถี่ ูกตอ้ งตามอกั ขระ

3 มีความสามัคคี ช่วยกนั ทางาน

4 มผี ลงานทส่ี ร้างสรรค์

5 การนาเสนอทน่ี า่ สนใจ

รวมคะแนน

ลงชื่อ_____________________________ผ้ปู ระเมนิ
____________/______________/___________

เกณฑก์ ารประเมนิ ใบกิจกรรมที่ 1.1 เรอ่ื ง แนวคิดเชิงนามธรรม

5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ ( ดมี าก ) ( ดี ) ( พอใช้ ) ( ปรบั ปรุง ) ( ไม่มีผลงาน )

1.มกี ารวิเคราะหเ์ นอื้ เรอื่ ง มีการเขียนนาเสนอ มีการเขยี นนาเสนอ มกี ารเขียนนาเสนอ มกี ารเขยี น ไมม่ ีการ

อัลกอริทมึ เบอื้ งต้นตรงตามหลกั การ วเิ คราะหเ์ นือ้ เรอ่ื ง วเิ คราะห์เนือ้ เร่ือง วเิ คราะหเ์ นือ้ เรือ่ ง นาเสนอวเิ คราะห์ นาเสนอผลงาน

อลั กอรทิ มึ เบื้องต้น อัลกอรทิ มึ เบ้อื งต้น อลั กอรทิ ึมเบ้อื งต้น เนอื้ เร่อื ง ท่ีมอบหมายให้

ตรงตามหลกั การ ตรงตามหลักการไม่ แต่ไม่ตรงตาม อลั กอริทมึ

ทกุ อยา่ ง ทกุ ขอ้ หลักการ เบอ้ื งตน้ ทีผ่ ิดและ

แก้ไข

2.มกี ารใชภ้ าษาท่ถี ูกต้องตาม มกี ารใช้ภาษาที่ มีการใชภ้ าษาที่ มีการใช้ภาษาทผ่ี ดิ มกี ารใช้ภาษาท่ี ไม่มีการ

อกั ขระ ถกู ตอ้ งตามอกั ขระ ถูกต้องตามอกั ขระ บางคา ผดิ อกั ขระ นาเสนอผลงาน

ทกุ คา ผิดบางตวั อักษร ทม่ี อบหมายให้

3.มีความสามัคคี ชว่ ยกันทางาน สมาชกิ ในกลุ่มมี สมาชิกในกลุม่ มี สมาชกิ ในกลุ่มบาง สมาชิกในกลุม่ บาง ไม่มีการ

ความสามัคคี ความสามคั คี คนชว่ ยกนั ทางาน คนชว่ ยกันทางาน นาเสนอผลงาน

ชว่ ยกนั ทางานและ ช่วยกนั ทางาน ที่มอบหมายให้

มกี ารมอบงานอยา่ ง

ชัดเจน

4.มีผลงานทส่ี ร้างสรรค์ มผี ลงานท่ี มผี ลงานท่ี มีผลงานท่ีค่อนขา้ ง มผี ลงานทต่ี ้อง ไม่มกี าร

สรา้ งสรรคแ์ ละ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ เพ่ิมความคดิ นาเสนอผลงาน

น่าสนใจ สรา้ งสรรค์ ทม่ี อบหมายให้

5.การนาเสนอทน่ี ่าสนใจ มกี ารนาเสนอท่ี มีการนาเสนอท่ี มกี ารนาเสนอ มีการนาเสนอ ม่มีการนาเสนอ

นา่ สนใจและดตู นื่ นา่ สนใจ ผลงาน ผลงานที่ตอ้ ง ผลงานท่ี

ตาตืน่ ใจ ปรังปรุง มอบหมายให้

เกณฑ์การประเมิน

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
8-10 ดีมาก
6-7 ดี
3-5 ปานกลาง
1-2 ปรับปรุง

15. บนั ทึกผลหลังสอน

1) ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

2) ปญั หา/อุปสรรค

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

3) ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………………….

(นางสาวเพ็ญนภา ธรรมนาม)

ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กล่มุ สาระหรอื ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………………....
(…………………………………..………………)

หัวหน้ากลมุ่ สาระ…………………………………….
ข้อเสนอแนะข้อผู้บริหาร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………………….
(…………………………………..………………)
รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ

ขอ้ เสนอแนะข้อผู้บริหาร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………………………….
(…………………………………..………………)

หัวหน้ากลมุ่ สาระ…………………………………….

ใบงานที่ 1.2

เรือ่ ง อลั กอรทิ ึมเบ้ืองตน้

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นแสดงผลลัพธก์ ารคานวณของปญั หาทกี่ าหนดให้

1. จงเขยี นอลั กอริทมี ด้วยภาษาธรรมชาติ เพ่อื คานวณหาพ้ืนท่ีสามเหล่ียมใด ๆ จากการรับข้อมูลความยาวฐาน
และความสงู และแสดงผลลัพธ์ทางจอภาพ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. จงเขยี นอัลกอริทึมดว้ ยภาษาธรรมชาติ เพอ่ื คานวณอายุและตรวจสอบเง่ือนไง ดังน้ี
ถา้ อายุน้อยกว่า 30 ใหพ้ มิ พ์ "ชือ่ " และคาว่า "เดก็ " ถ้าอายมากกว่าและเทา่ กบั 30 ให้พมิ พ์ "ชือ่ " และคาวา่ "ผู้ใหญ่"
ทงั้ นี้จะมีการรบั ข้อมูลช่อื และปี พ.ศ. ทีเ่ กิด แลว้ แสดงผลลัพธ์ทางจอภาพ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

บรรณานุกรม
อ้างอิง : ค่มู อื ครู รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.1

(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)


Click to View FlipBook Version