The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาของโครงการวิจัย คือ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดจากการร่วมในทุกภาคส่วน ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครอง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ โดยการพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และเนื่องด้วยครูพระที่สอนศีลธรรมในโรงเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการยังขาดองค์ความรู้ด้านเทคนิคและวิธีการสอนในเชิงบูรณาการ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเสริมสร้างองค์ความรู้ ด้านรูปแบบ เทคนิค วิธีการสอน และหลักสูตรให้กับครูพระสอนศีลธรรม เพื่อนำองค์ความรู้ที่ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาได้เข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MCU Books, 2022-02-28 06:31:01

การพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่

การพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาของโครงการวิจัย คือ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดจากการร่วมในทุกภาคส่วน ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครอง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ โดยการพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และเนื่องด้วยครูพระที่สอนศีลธรรมในโรงเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการยังขาดองค์ความรู้ด้านเทคนิคและวิธีการสอนในเชิงบูรณาการ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเสริมสร้างองค์ความรู้ ด้านรูปแบบ เทคนิค วิธีการสอน และหลักสูตรให้กับครูพระสอนศีลธรรม เพื่อนำองค์ความรู้ที่ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาได้เข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต

Keywords: นวัตกรรม,ศักยภาพ,ครูพระสอนศีลธรรม,เชียงใหม่,โรงเรียน

ชุดความรู้

การพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม
ในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่




THE INNOVATION DEVELOPMENT FOR POTENTIAL IMPROVEMENT OF THE BUDDHIST
MONK TEACHERS IN SCHOOLS OF CHIANG MAI PROVINCE

รศ.ดร.เทพประวิณ จันทร์แรง

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่



ชดุ ความรู้

แผนงานวิจัย เร่อื ง

การพฒั นานวัตกรรมเพอ่ื ส่งเสรมิ ศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรยี น
จงั หวัดเชยี งใหม่

THE INNOVATION DEVELOPMENT FOR POTENTIAL IMPROVEMENT OF THE
BUDDHIST MONK TEACHERS IN SCHOOLS OF CHIANG MAI PROVINCE

โดย
รศ.ดร.เทพประวิณ จันทร์แรง

มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตเชียงใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔

ไดร้ ับทนุ อุดหนุนการวิจัยจากกองทุนสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



คำนำ

การศึกษาวิจัย เร่ือง การพัฒนานวัตกรรมเพ่ือส่งเสริมศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีมาของโครงการวิจัย คือ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดจากการร่วม
ในทุกภาคส่วน ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครอง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนา
จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่
ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยการพยายามเช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด
โรงเรียน และเนื่องด้วยครูพระที่สอนศีลธรรมในโรงเรียนท่ีสมัครใจเข้าร่วมโครงการยังขาดองค์ความรู้ด้าน
เทคนิคและวิธีการสอนในเชิงบูรณาการ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการเสริมสร้างองค์ความรู้ ด้านรูปแบบ
เทคนคิ วธิ ีการสอน และหลกั สูตรให้กับครูพระสอนศลี ธรรม เพื่อนำองคค์ วามรู้ท่ีไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการ
สอนให้สอดคล้องกับยุคโลกาภาวัฒน์ เพ่ือให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาได้เข้าใจและสามารถนำไปใช้ใน
การดำเนินชีวิต คณะผู้วิจัยจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ จึงได้ทำการศึกษาวิจัยในพ้ืนที่ 25 อำเภอ คือ อำเภอ
เมืองเชียงใหม่, อำเภอสันกำแพง, อำเภอดอยสะเก็ด, อำเภอแม่ออน, อำเภอแม่ริม, อำเภอแม่แตง, อำเภอสัน
ทราย, อำเภอสะเมิง, อำเภอพร้าว, อำเภอเชียงดาว อำเภอฝาง, อำเภอแม่อาย, อำเภอไชยปราการ, อำเภอ
เวียงแหง, อำเภอหางดง, อำเภอสันป่าตอง, อำเภอสารภี, อำเภอแม่วาง, อำเภอดอยหล่อ, อำเภอฮอด, อำเภอ
ดอยเต๋า, อำเภอออมกอ๋ ย, อำเภอจอมทอง, อำเภอแม่แจ่ม และอำเภอกัลยานิวัฒนา

การพัฒนานวัตกรรมเพ่ือส่งเสรมิ ศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวดั เชียงใหม่ เพื่อให้
เป็นเอกสารสำคัญประกอบการปฏิบัตงิ านของพระสอนศีลธรรมในการพัฒนาเพ่ิมยกระดับคุณภาพการจัดการ
เรียนการสอนของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ให้มีประสิทธภิ าพ ชุดความรู้นี้จะเป็นข้อมูล
สำคัญท่ีเป็นผลจาการศึกษาวิจัย เพื่อเป็นแนวทางและขยายผลนวัตกรรมการพัฒนาศักยภาพครูสอนศีลธรรม
ในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ นำองค์ความรู้ไปพัฒนาเป็นคู่มือสำหรับครูพระสอนศีลธรรมที่สามารถนำไปใช้
หรือปรับใช้ในบริบทของพ้ืนที่วิจัย และจะนำไปสู่การดำเนินการข้ันต่อไป คือ การเผยแพร่ และการ
ประชาสมั พันธใ์ นวงกว้างต่อไป

รศ.ดร.เทพประวณิ จันทร์แรงและคณะ
๒๘ มีนาคม ๒๕๖๕

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



สารบัญ

เรอ่ื ง หน้า
คำนำ................................................................................................................................................. ก
สารบัญ.............................................................................................................................................. ข
สารบญั ภาพ................................................................................................................................ ....... ค
๑. บทนำ........................................................................................................................................... ๑
๒. ชุดความร้จู ากการวจิ ยั .................................................................................................................. ๓

๒.๑ รูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศลี ธรรมในโรงเรียนจังหวดั เชยี งใหม.่ ............. ๓
๒.๒ การพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนครูพระสอนศลี ธรรมในโรงเรียนจงั หวัดเชยี งใหม่..... ๗
๒.๓ การพัฒนาส่ือและนวัตกรรมการสอนแบบบรู ณาการครพู ระสอนศีลธรรมใน

โรงเรยี นจังหวดั เชยี งใหม่........................................................................................... ๑๐
๒.๔ การพัฒนารปู แบบการสร้างหลกั สตู รการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการในโรงเรยี น

จังหวัดเชียงใหม่........................................................................................................ ๒๖
๓. สรุป............................................................................................................................................. ๒๙

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



สารบญั ภาพ

เร่ือง หน้า
๑. ภาพท่ี ๑ องคค์ วามรู้ทีไ่ ด้รับจากการวจิ ัย..................................................................................... ๗
๒. รปู ภาพที่ ๑. บอรด์ ภาพน่ิง หรือ สตอรบี อร์ด (Storyboards).................................................... ๑๑
๓. รปู ภาพที่ ๒. การสร้างตวั ละครแบบกราฟิกแบบ ๒ มิติ.............................................................. ๑๒
๔. รปู ภาพที่ ๓. สร้างตัวละครใหเ้ ปน็ การต์ นู อนิเมชั่น...................................................................... ๑๒
๕. รูปภาพท่ี ๔. เสียงประกอบ (Sound Effects)............................................................................ ๑๓
๖. รปู ภาพท่ี ๕. จดั ทำสอ่ื อนิเมชนั่ .................................................................................................... ๑๓
๗. รูปภาพที่ ๖. จัดทำส่ืออนเิ มช่นั .................................................................................................... ๑๔
๘. รปู ภาพท่ี ๗. จดั ทำสื่ออนิเมช่นั .................................................................................................... ๑๔
๙. รูปภาพ ๘. จดั ทำสื่ออนิเมชัน่ ....................................................................................................... ๑๕
๑๐. รูปภาพ ๙. เลอื กชว่ งชัน้ การเรียนรู้............................................................................................ ๑๕
๑๑. รูปภาพ ๑๐. เลือกบทการเรยี นรู้............................................................................................... ๑๖
๑๒. รปู ภาพ ๑๑. บททดสอบประเมินผล.......................................................................................... ๑๖
๑๓. แผนภาพที่ ๑. เน้อื หาช่วงชน้ั ที่ ๑ (ป.๑-ป.๓)............................................................................ ๑๗
๑๔. รูปภาพที่ ๑. เนื้อหาแอพพลิเคชัน(Application)บนสมาร์ทโฟน (Smart Phone)................... ๑๗
๑๕. รปู ภาพที่ ๒ “ลอ็ กอินเข้าสูร่ ะบบเพื่อใชง้ าน.............................................................................. ๑๘
๑๖. รูปภาพท่ี ๓ เลอื กเนอ้ื หา *กดปุ่ม*เลน่ วีดโิ อ/YouTube (เล่าเรื่อง)พุทธประวัติ ชว่ งชัน้ ท่ี ๑

(ป.๑-๓)............................................................................................................................. ......... ๑๘
๑๗. ภาพท่ี ๔ กดปมุ่ เลน่ วดี ิโอ เพ่ือเรยี นรู้หลักธรรมสำคัญของพระพทุ ธศาสนา............................... ๑๙
๑๘. รูปภาพที่ ๕ *กดป่มุ *เลน่ วดี โิ อ เพ่อื เรียนรูห้ ลกั พุทธศาสนสภุ าษติ

“อต.ตา หิ อต.ตโน นาโถ”....................................................................................................... ๑๙

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


๑๙. แผนภาพ ๒. องคป์ ระกอบกอบของเน้ือหาชว่ งชั้นท่ี ๒ (ป.๔ - ป.๖).......................................... ๒๐
๒๐. ภาพที่ ๑ *กดเลน่ * วดี ิโอเพ่ือเรยี นรู้วิชาประวัติพระพุทธศาสนา ช่วงช้นั ท่ี ๒ (ป.๔-๖).............. ๒๑
๒๑. ภาพท่ี ๒ *กดเล่น* วดี ิโอเพ่ือเรียนรู้หลักธรรม ชว่ งชนั้ ท่ี ๒ (ม.๑-๓).......................................... ๒๑
๒๒. ภาพท่ี ๓ *กดเลน่ *วดี โิ อ เพ่อื การเรียนรสู้ ่ือพุทธศาสนสุภาษติ สขุ า สงฆฺ สสฺ สามคคฺ ี

ช่วงชั้นท่ี ๒ (ป.๔-๖)................................................................................................................... ๒๒
๒๓. แผนภาพ ๓. องค์ประกอบของส่ือบรู ณาการ พุทธประวตั ิ หลักธรรมและสภุ าษติ

ชว่ งช้นั ท่ี ๓ (ม.๑-ม.๓)................................................................................................................ ๒๓
๒๔. ภาพที่ ๑ *กดเล่น* วีดิโอ เพ่ือเรยี นรู้พุทธประวตั ิ ชว่ งช้ันท่ี ๓ (ม.๑-๓)...................................... ๒๔
๒๕. ภาพท่ี ๔ *กดเล่น* วดี ิโอ เพื่อเรยี นรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ชว่ งชน้ั ที่ ๓ (ม.๑-๓)......... ๒๔
๒๖. รปู ภาพที่ ๕ กดเล่นวีดิโอ เพื่อเรียนรู้พุทธศาสนสภุ าษิต ชว่ งชน้ั ที่ (ม.๑-๓)................................ ๒๔
๒๗. แผ่นภาพที่ ๑ องคค์ วามรู้จากการพฒั นารูปแบบการสร้างหลกั สูตรการสอนศลี ธรรม

แบบบูรณาการในโรงเรยี นจังหวัดเชยี งใหม่............................................................................... ๒๘
๒๘. รูปภาพกิจกรรมดำเนินการวจิ ยั ................................................................................................... ๓๑

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



๑. บทนำ

สมัยปัจจุบันน้ีเป็นยุคโลกาภิวัตน์ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง แบบก้าวกระโดด เนื่องจากมีการติดต่อส่ือสารแลกเปล่ียน
ข้อมูลข่าวสารในทุกประเทศทั่วโลกอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยเฉพาะสังคมไทยท่ีได้รับการเปลี่ยนแปลง
อย่างชัดเจน ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรมใหม่จากต่างประเทศของกลุ่มเยาวชนไทย ท่ีกำลังประสบปัญหาด้าน
คุณธรรม จริยธรรม และทวีความรุนแรงมากย่ิงข้ึน ขาดการพัฒนาทางด้านจิตใจในเร่ืองคุณธรรม จริยธรรม
ของคนในสังคมเบี่ยงเบนออกจากคำสอนของศาสนาพุทธ อีกทั้งสภาพแวดล้อมสังคมและเศรษฐกิจที่ต้อง
แขง่ ขนั กนั ทำให้บิดา มารดา ผปู้ กครอง ไม่มเี วลาให้บุตรหลาน จงึ เป็นผลกระทบต่อพฤติกรรมการใชช้ ีวิตและ
ค่านิยมของเด็กและเยาวชนปัจจุบัน ที่มีพฤตติกรรมบริโภคสูง เห็นเงินเป็นส่ิงสำคัญ นิยมใช้ความรุนแรง มี
พฤตกิ รรมไม่เหมาะสม เช่น กอ่ เหตทุ ะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน ใช้อาวุธทำรา้ ยกัน หนเี รียน ตดิ ยาเสพตดิ เท่ยี ว
กลางคืน มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และปัญหาการลักทรัพย์ เป็นต้น จากสภาพปัญหา
สังคมของเยาวชนในปัจจุบันดังกล่าว ส่งผลทำให้เยาวชนไทยเป็นคนท่ีไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงควรส่งเสริม
คุณธรรมจรยิ ธรรมเยาวชนไทยโดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เขา้ มาใช้ในการอบรมคุณธรรมให้เยาวชน
ไทยเปน็ คนดีของสังคม

การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Core Competencies) ในยุคของการเปล่ียนแปลงที่รวดเร็ว
และสภาวะที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในสังคมโลกปัจจุบัน (Competitiveness) ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องหัน
กลับมาทบทวนตนเอง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเชิงกลยุทธ์(Strategic HRD) มาก
ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการมุ่งเน้นท่ีจะสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital Building ) และการจัดการความรู้
(Knowledge Management) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเป็นผู้นำในการปรับตัวให้ทันกับกระแสการ
เปล่ียนแปลงดังกล่าวดังคำกล่าวท่ีว่า องค์กรท่ีอยู่รอดได้ คือ องค์กรที่สามารถปรับตัวตามกระแสการ
เปลีย่ นแปลงได้ แต่องค์กรท่ีจะประสบความสำเร็จไดจ้ ะตอ้ งสามารถคาดคะเนความเปลย่ี นแปลงล่วงหน้าและ
ปรับตวั ได้กอ่ นและการทจ่ี ะเปน็ องค์กรแหง่ ความเปน็ เลิศได้ตลอดกาล ดังนั้น องค์กรจะต้องสามารถตอบสนอง
การเปลี่ยนแปลง การคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงและสามารถกำหนดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงได้ ตลอดจนมี
ความสามารถในการเปน็ ผนู้ ำในการเปลีย่ นแปลงไดใ้ นท่ีสดุ

โครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนมีวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะให้พระสงฆ์ท่ีมีความรู้ความสามารถ
ในด้านปริยัติและปฏิบัติเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อให้มีความรู้ความ

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



เข้าใจในด้านหลักธรรมของพระพุทธศาสนา และสามารถนำความรู้ไปบูรณาการในพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมและมคี วามสุข พระสอนศีลธรรมเป็นบุคลากรทีม่ ีความสำคญั ของโครงการ เพราะจะมีบทบาทในการ
เผยแผ่ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน นักศึกษา อีกท้ังเป็นผู้ที่สร้างให้นักเรียน นักศึกษาเป็นคนดี มี
ศีลธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นงานท่ีย่ิงใหญ่ในการสร้างคน ท่ามกลางสังคมที่มีปัญหานานัปการในสังคมปัจจุบัน
จึงเป็นภาวะจำยอมท่ีต้องรับเอาค่านิยมและวัฒนธรรมตามกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เปล่ียนแปลงไปตามความ
สลับซับซอ้ นของพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ จึงทำให้การดำเนินชีวติ ได้เหนิ ห่างจากศีลธรรมและจริยธรรม มผี ลทำให้
เยาวชนไทยมีพฤติกรรมการแสดงออกและใช้เสรีภาพด้านต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาในสังคมไทย การที่พระ
สอนศีลธรรมได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างเยาวชนให้มศี ีลธรรมและจริยธรรม จึงเปน็ งานสำคญั และยงิ่ ใหญ่ใน
การสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมชาวพุทธอย่างแท้จริง เพื่อให้โครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนประสบ
ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกเข้ามาทำหน้าท่ีเป็นพระสอนศีลธรรม ซึ่งทำ
หนา้ ที่บรกิ ารวชิ าการดา้ นพระพทุ ธศาสนาใหแ้ ก่นักเรยี น นักศกึ ษา

แม้พระสอนศีลธรรมในโรงเรียนมีความรู้ด้านพระพุทธศาสนา แต่ยังขาดองค์ความรู้ในด้านเรียนการ
สอน การถ่ายทอด และการสรา้ งศรัทธาให้นำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าไปใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้คนเป็น
ผู้มีมีศีลธรรม จริยธรรม ซ่ึงเป็นงานท่ีต้องใช้จิตวิทยาระดับสูง มีข้อจำกัดท้ังด้านงบประมาณ อัตรากำลัง
โดยเฉพาะงบประมาณที่ได้รับมาใช้ในโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ส่วนใหญ่จะเป็นค่านิต ยภัต
(ค่าตอบแทนรายเดอื น) ส่วนงบประมาณด้านการบรหิ ารได้รับจำนวนน้อยไม่เพียงพอ จงึ ทำใหม้ หาวทิ ยาลัยสงฆ์
ใช้เงินรายได้ทมี่ ีขอ้ จำกัดอยู่แล้วมาใชใ้ นการบรหิ ารและการประสานงานกบั ผสู้ นับสนนุ โครงการ ในระดับจงั หวัด
มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาและสถานท่ี จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการเสนอข้อมูลและการขอความร่วมมือ
พระสงฆ์ที่ไดร้ ับแต่งต้ังให้เป็นพระสอนศีลธรรมท่มี ีฐานะทางครอบครวั แตกต่างกนั ค่านิตยภัต (ค่าตอบแทนราย
เดือน) ที่ถวายเดือนละ ๒,๕๐๐ บาทนัน้ ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของพระสอนศีลธรรม เช่น ค่าเดินทาง
ค่าวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการเรียนการสอน เป็นต้น พระสอนศีลธรรมในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมี
คุณวุฒิแตกต่างจากครปู ระจำการท่ีทำการสอนในโรงเรียน ส่วนใหญ่จะมีคุณวุฒิระดับปริญญาตรีและได้รับการ
รับรองการเป็นครูจากคุรุสภา ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างพระสอนศีลธรรมกับข้าราชการครูในสังกัด
กระทรวงศึกษาธิการ พระสอนศีลธรรมในสถานศึกษาจะต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสังคมท้ังโรงเรียนและ
ชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกลจากภูมิลำเนาเดิม การสร้างศรัทธาปสาทะให้สังคมยอมรับ
น้นั จะตอ้ งใช้เวลาและศลิ ปะผู้นำ หากเกดิ บกพรอ่ งจะทำให้ภาพพจน์เสียได้

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ความสำคัญของพัฒนาครูพระสอนศีลธรรม เพ่ือนำองค์ความรู้ท่ีได้รับจากการพัฒนาเข้าไปมีส่วน
ร่วมในการจัดการเรยี น การสอนใหแ้ กน่ กั เรียน โครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรยี นจะประสบความสำเรจ็ ได้
นนั้ จะต้องได้รับความร่วมมอื จากหน่วยงานทุกภาคส่วนในการร่วมดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
หากไม่มกี ารดำเนินกิจกรรมโครงการครพู ระสอนศลี ธรรม ดงั กล่าว อาจทำให้นกั เรยี นและนักศึกษา เปน็ ผู้ขาด
ศลี ธรรม ทอี่ าจนำมาซึง่ ความไม่สงบสุขในสงั คมและประเทศชาตทิ ขี่ าดหลักในการยึดเหนี่ยวจติ ใจ

ดังน้ัน ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาวิจัยโครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มี
วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย ดังนี้ ๑) เพื่อวิจัยรูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัด
เชยี งใหม่ ๒) เพ่ือพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชยี งใหม่ ๓) เพ่ือพัฒนา
สื่อและนวัตกรรมการสอนแบบบูรณาการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ๔) เพ่ือวิจัยและ
พัฒนารปู แบบการสรา้ งหลกั สูตรการสอนศีลธรรมแบบบรู ณาการในโรงเรียนจงั หวัดเชียงใหม่

๒. ชุดความรจู้ ากการวิจยั

๒.๑ รูปแบบการพฒั นาศกั ยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรยี นจงั หวดั เชียงใหม่
ผลจากการศึกษารูปแบบหลักการและแนวคิดในการดำเนินงานโครงการครูพระสอนศีลธรรมใน
โรงเรียนของเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พบว่า การดำเนินงานเพ่ือการพัฒนารูปแบบโครงการครูพระสอน
ศีลธรรมในโรงเรียนนั้น มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ มีความมุ่งมั่นที่จะ
บริหารจัดการโดยใช้แนวการบูรณาการแบบมีส่วนร่วม โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรสงฆ์ สำนักงานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษา สำนักงานวัฒนธรรม องค์กรท้องถ่ิน ตลอดจนความร่วมมือจากชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการ
จัดการศึกษาและพัฒนาคน โดยใช้รูปแบบจากแนวคิดและหลักการในการทำงานของครูพระสอนศีลธรรมใน
จงั หวัดเชียงใหม่ ดังน้ี
๑. รูปแบบการปรับปรุงโครงสร้างในการบริหาร ประกอบด้วยกรรมการ ๒ ชุด คือคณะกรรมการ
ดำเนินงาน และคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุน ดังน้ี คณะกรรมการดำเนินงาน มีหน้าท่ีขับเคลื่อนงานพระสอน
ศลี ธรรมในโรงเรียนให้ดำเนินตามทิศทางสภาพความสำเรจ็ ของโครงการ และคณะกรรมการสง่ เสริมและสนับสนุน
มีหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือให้การดำเนินงานพระสอนศีลธรรมของศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด ด้านกระบวนการบริหาร
กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกระบวนการนิเทศ ให้สามารถขบั เคล่ือนได้ตามกลยุทธห์ ลักของโครงการ
๒. รูปแบบแนวคิดการดำเนินโครงการพ้นื ฐานรปู แบบแนวคดิ ใหมใ่ นการดำเนนิ งานโครงการพระ
สอนศีลธรรมในโรงเรียนจงั หวัดเชียงใหม่ มดี งั นี้

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



รูปแบบท่ี ๑ การกระจายโอกาสแก่เด็กและเยาวชนให้ได้เรียนรู้กับพระภิกษุสงฆ์ใน
พระพุทธศาสนาที่รู้จักกันในนามของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ยอมรับและศรัทธาของนักเรียน
ผู้ปกครองและชุมชน เพ่ือร่วมผลักดันสร้างการเปล่ียนแปลงสังคมท้องถิ่นให้เป็นสังคมอุดมธรรม ด้วยการ
พยายามเชอ่ื มโยงความสัมพนั ธร์ ะหว่าง บ้าน – วัด – โรงเรยี น โดยผา่ นกระบวนการเรยี นรู้รว่ มกัน

รูปแบบท่ี ๒ การกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนตระหนักในความสำคัญของวิถีปฏิบัติในการดำเนิน
ชีวิตตามหลกั ธรรมทางศาสนา โดยการสอดแทรกลงในการปฏิบตั ิกจิ กรรมร่วมระหว่างโรงเรียนกับชุมชน

รูปแบบที่ ๓ การพัฒนาพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนให้เป็นผู้นำในการเปล่ียนแปลง ในลักษณะ
ของการเสรมิ สร้างความเขม้ แขง็ ทางวชิ าการ โดยเนน้ การมีส่วนรว่ มของผมู้ สี ่วนเก่ียวข้อง และสถานศกึ ษา การ
ใชแ้ หล่งเรยี นร้ใู นทอ้ งถ่ินในรปู แบบของเครอื ข่ายอุปถัมภ์

รปู แบบท่ี ๔ การบรหิ ารจัดการเชิงระบบโดยใชพ้ ื้นท่ีเป็นฐาน ท่มี ีพระผู้ทำหน้าท่ปี ระสานงานระดับ
อำเภอปฏิบัติหนา้ ทร่ี ว่ มกับศูนย์ประสานงานโครงการพระสอนศลี ธรรม มจร. เชยี งใหม่ ตามภาระงานท่ีกำหนด

รูปแบบท่ี ๕ การพัฒนาบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่คณะทำงานประจำกลยุทธ์ เพื่อให้มีศักยภาพใน
การขับเคล่ือนกิจกรรมต่างๆของศูนย์อำนวยการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ให้บรรลุ ผลสำเร็จและสนอง
นโยบายอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

รูปแบบท่ี ๖ การระดมทรพั ยากรเพือ่ การส่งเสรมิ และสนับสนุนการปฏบิ ตั งิ านโครงการ
๓. รูปแบบการจัดการแบบมีส่วนร่วมกับการสร้างทีมงาน มีลักษณะร่วมของ ความรู้สึก ๓
ประการ ประการแรก ทมี งานจะต้องกา้ วเดินไปอยา่ งมีทิศทาง โดยสมาชิกจะต้องมีความร้สู กึ แห่งการมีทศิ ทาง
ร่วมกัน (Sense of Direction) ประการท่ีสอง ลักษณะสำคญั ของทมี งาน คอื สมาชิกทุกคนจะต้องมีความรสู้ ึก
ร่วมของการเป็นเจ้าของ ร่วมกัน (Sense of Belonging) และประการท่ีสาม ลักษณะสำคัญของทีมงาน คือ
สมาชกิ ทกึ คนจะตอ้ งมคี วามร้สู กึ ร่วมในความเป็นปกึ แผ่น (Sense of Identity)
๔. รูปแบบการกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือ (Mobilizing Commitment) การที่จะนำองค์กรให้
เกิดการเปล่ียนแปลงน้ัน การสนับสนุน ความช่วยเหลือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีส่วนสำคัญย่ิง บุคลากรใน
องค์กรต้องยอมรับและให้ความร่วมมือในการเปล่ียนแปลง ท้ังนี้การนำองค์กรต้องการ “แนวร่วม” และช่วย
ทำอย่างเต็มท่ีเป็นแรงสนบั สนนุ จากผ้ทู ่ีมีความสำคัญตอ่ ความสำเรจ็ ของงาน ดังน้ันผู้นำตอ้ งชนะใจคนสว่ นใหญ่
ในองค์กร ขณะเดียวกนั ต้องค้นหาวธิ กี ารทท่ี ำใหท้ ุกฝ่ายตระหนักในบทบาทและหนา้ ทขี่ องตนเองดว้ ย
๕. รูปแบบการเปล่ียนแปลงวิสัยทัศน์เป็นการกระทำ (Shaping a Vision) กำหนดภาพฉายเป็น
วิสัยทัศน์ว่า “พระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุคลากรผู้มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้นำ

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ท้ังด้านปริยัติและปฏิบัติ จัดการเรียนรู้โดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา พัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจของ
เยาวชน” ซ่ึงนำไปสู่พันธกิจ ท่ีจะต้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. การมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ให้แก่เยาวชนใน
สถานศึกษา ๒. การจัดกิจกรรมคุณธรรมนำความรู้ ๓. การนำหลักธรรมสัปปุริสธรรมสู่การปฏิบัติใน
ชีวิตประจำวัน โดยมรี ปู แบบวธิ ีการท่เี ปน็ กลยุทธ์หลกั ๕ ประการ ไดแ้ ก่

๑. กลยุทธ์การสร้างพลังขับเคลื่อนให้ศูนย์อำนวยการพระสอนศีลธรรม มจร. เชียงใหม่ มีระบบ
บริหารจัดการทีด่ ี คล่องตัว มีประสทิ ธิภาพ

๒. กลยุทธ์การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงบูรณาการ ให้พระสอนศีลธรรม
ไดพ้ ฒั นาความรู้ ความสามารถ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์และทักษะ การนำหลักธรรมสูก่ ารปฏิบัติในรปู แบบของ
โครงงานและโครงการ

๓. กลยุทธ์การสร้างเสริมศักยภาพของบุคลากรทุกระดับให้เป็นมืออาชีพ มีทักษะในการ
ปฏบิ ัตงิ าน สามารถจดั กระบวนการเรยี นรู้ และพัฒนาคณุ ภาพ การจดั การศึกษา

๔. กลยุทธ์การเพิ่มสมรรถนะของพระสอนศีลธรรมและบุคลากรของโครงการ ในการใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพ่ือจดั กระบวนการเรียนรู้และบรหิ ารจัดการ ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดแก่
โรงเรยี นและชุมชน

๕. กลยุทธ์การระดมสรรพกำลังสร้างภาคีเครือข่ายอุปถัมภ์ ที่เข้มแข็งอันเกิดจากพลังการมีส่วน
รว่ มของชุมชน องคก์ ร ประชาสงั คม ในรปู แบบของผอู้ ปุ ถัมภแ์ ละผรู้ ว่ มคิด ร่วมปฏิบตั ิ รว่ มพฒั นา

ผลการศึกษารูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจงั หวดั เชยี งใหม่ พบว่า
ระดับความพึงพอใจในด้านการสร้างองค์ความรู้และวิเคราะห์รูปแบบพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม มี
ความพึงพอใจรวมในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย ๔.๑๔ คือ ด้านองค์ความรู้ด้านรูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระ
สอนศีลธรรมในโรงเรียน (๔.๓๔) มีรูปแบบการสอนในการถ่ายทอดความรู้ และเทคนิคการสอนของท่านตรง
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (๔.๓๐) มีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสุด ส่วนการนำรูปแบบ
การสอนมาบูรณาการสอนศีลธรรมในโรงเรียนมีความจำเป็น มากน้อยเพียงใด (๓.๙๕) รูปแบบการสอนทาง
ศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม มีความสำคัญมากน้อยเพียงใดกับนักเรียนในโรงเรียนให้เกิดความสนใจ และ
การอบรมเชิงปฏิบัติการในด้านรูปแบบการสอนเพ่ือพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมมีประโยชน์ (๔.๐๕)
การอบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว สามารถนำรูปแบบการสอนไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอน (๔.๑๐) มีความ
พึงพอใจรวมในระดับมาก

ระดับความพึงพอใจในด้านองค์ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการของครูพระ
สอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มีความพึงพอใจรวมในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ีย ๔.๒๒ ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานอยู่ท่ี ๐.๗๐ คือ ด้านความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวธิ ีการสอนศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (๔.๐๘) การนำ

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการใช้ในโรงเรียน (๔.๐๐) การพัฒนาศักยภาพการสอนแบบ
บูรณาการจะต้องการสอดคล้องกับระดับช่วงชั้นของนักเรียน (๔.๐๙) และการอบรมเชิงปฏิบัติการในด้านการ
พัฒนาศักยภาพการสอนเพื่อพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมมีประโยชน์ (๔.๑๐) มีความพึงพอใจในระดับ
มาก ส่วนการให้ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการในโรงเรียนได้ประโยชน์ (๔.๒๒) การ
พัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการเด็กให้ความสนใจ (๔.๒๑) การพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการท่ี
ใช้ในการสอนควรมีการพัฒนา (๔.๒๒) และเมื่ออบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว สามารถนำการพัฒนาศักยภาพการสอน
ไปใชใ้ นกระบวนการเรียนการสอนได้ (๔.๒๑) มีความพงึ พอใจรวมในระดับมากท่ีสุด

ความพึงพอใจในด้านการสร้างองค์ความรู้และวิเคราะห์รูปแบบพัฒนาศักยภาพครูพระสอน
ศีลธรรม มีความพึงพอใจรวมในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย ๔.๑๔ คือ ด้านองค์ความรู้ด้านรูปแบบการพัฒนา
ศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน (๔.๓๔) มีรูปแบบการสอนในการถ่ายทอดความรู้ และเทคนิคการ
สอนของท่านตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน (๔.๓๐) มีความพึงพอใจในระดับมากทส่ี ุด ส่วน
การนำรูปแบบการสอนมาบูรณาการ สอนศลี ธรรมในโรงเรียนมีความจำเป็น มากนอ้ ยเพยี งใด (๓.๙๕) รูปแบบ
การสอน ทางศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม มีความสำคัญมากน้อยเพียงใดกับนักเรียนในโรงเรียนให้เกิด
ความสนใจ และการอบรมเชิงปฏิบัติการในด้านรูปแบบการสอนเพ่ือพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมมี
ประโยชน์ (๔.๐๕) การอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารแล้ว สามารถนำรปู แบบการสอนไปใชใ้ นกระบวนการเรียนการสอน
(๔.๑๐) มีความพงึ พอใจรวมในระดบั มาก

ความพึงพอใจในด้านองค์ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการของครูพระสอน
ศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มีความพึงพอใจรวมในระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉล่ีย ๔.๒๒ ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานอยู่ท่ี ๐.๗๐ คือ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับวธิ ีการสอนศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม (๔.๐๘) การ
นำความรดู้ ้านการพัฒนาศกั ยภาพการสอนแบบบรู ณาการใช้ในโรงเรียน (๔.๐๐) การพัฒนาศักยภาพการสอน
แบบบรู ณาการจะต้องการสอดคล้องกบั ระดับช่วงชั้นของนักเรียน (๔.๐๙) และการอบรมเชิงปฏบิ ัติการในดา้ น
การพัฒนาศักยภาพการสอนเพื่อพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมมีประโยชน์ (๔.๑๐) มีความพึงพอใจใน
ระดับมาก สว่ นการให้ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการในโรงเรียนไดป้ ระโยชน์ (๔.๒๒)
การพัฒนาศักยภาพการสอนแบบบูรณาการเด็กให้ความสนใจ (๔.๒๑) การพัฒนาศักยภาพการสอนแบบ
บูรณาการที่ใช้ในการสอนควรมีการพัฒนา (๔.๒๒) และเม่ืออบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว สามารถนำการพัฒนา
ศกั ยภาพการสอนไปใชใ้ นกระบวนการเรยี นการสอนได้ (๔.๒๑) มีความพงึ พอใจรวมในระดบั มากที่สดุ

รปู แบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มีประเด็นที่น่าสนใจ
ให้ศึกษา คือ เพื่อต้องการจะทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบศักยภาพของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


จังหวัดเชียงใหม่ว่าเป็นอย่างไร เพ่ือต้องการทราบความคิดเห็นในด้านวิธีการในการถ่ายทอด ในการจัด
กิจกรรมว่ามีความเหมาะเพียงไร และต้องการศกึ ษาถงึ ความเหมาะสมของหลกั สตู ร ตามความคิดเห็นของพระ
ท่ีสอนศีลธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ท้ัง ๒๕ อำเภอ ว่ามีความเหมาะสมเพียงไรกับวุฒิภาวะของนักเรียน โดยมี
ประเด็นในการสัมภาษณ์เชิงลึกในการจัดอบรม และการลงพื้นท่ีในแต่ละอำเภอ เพื่อจัดทำเป็นแนวทาง
เก่ียวกับรูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม ได้วิเคราะห์ออกมาใน ๘ ประเด็น คือ ประเด็นท่ี ๑
ความคุ้นเคยกับนักเรียน ประเด็นที่ ๒ กิจกรรมการเรียนการสอนมีความเหมาะสมกับผู้เรียนประเด็นท่ี ๓
แนวทางในการพัฒนาด้านการเรียนรู้หรือด้านทักษะของผู้เรียน ประเด็นที่ ๔ วิธีการสอนท่ีทำให้นักเรียนมี
ความสนใจต่อการเรียนการสอน ประเด็นท่ี ๕ วิธีการในการจัดระบบการปกครองในชั้นเรียนให้เรียบร้อย
ประเดน็ ท่ี ๖ การสร้างบรรยากาศในช้ันเรียน ประเด็นท่ี ๗ วธิ ีการประเมินผลการเรียน ประเดน็ ท่ี ๘ การปรับ
บุคลกิ ภาพให้เหมาะสมกบั สถานศึกษาและผู้เรียน

ภาพที่ ๑ รปู แบบการพัฒนาเทคนิคและวธิ ีการสอนครูพระสอนศลี ธรรมในโรงเรยี นจงั หวัดเชียงใหม่

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ผลการวิจัยค้นพบความรู้ใหม่ที่เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบหลัก ๔ องค์ประกอบ
คือ ๑. รูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม ๒. แนวทางและหลักการในการทำงานของครูพระ
สอนศีลธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ๓. วิธีการที่เป็นกลยุทธ์การสอนในโรงเรียน ๔. การพัฒนาศักยภาพครูพระ
สอนศีลธรรม

๒.๒ การพฒั นาเทคนคิ และวธิ ีการสอนครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวดั เชียงใหม่
การพฒั นาเทคนิคและวธิ ีการสอนครพู ระสอนศลี ธรรมในโรงเรยี นจังหวดั เชียงใหม่ สรุปไดว้ ่า
๑. ด้านเทคนิคการสอนแบบบูรณาการของครูพระสอนศีลธรรม มีองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ
เทคนิคการสอนศาสนา ศีลธรรม จริยธรรมท่ีมาก สามารถนำมาใช้สอนตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน จะตอ้ งมคี วามรู้ด้านเทคนิคการสอนในปจั จุบันสอดคล้องกับนักเรียน และมีความจำเป็นมากในการ
นำเทคนิคการสอนมาบูรณาการสอนศีลธรรมในโรงเรียน จะทำให้นกั เรียนในโรงเรียนให้เกดิ ความสนใจมากขึ้น
ดังนั้น การอบรมเชิงปฏิบัติการในด้านเทคนิคการสอนมีประโยชน์มาก เพื่อพัฒนาศักยภาพครูพระสอน
ศีลธรรม และเม่ืออบรมเชิงปฏิบัติการแล้ว สามารถนำเทคนิคการสอนไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอน
ได้มาก
๒. ด้านวิธีการสอนแบบบูรณาการของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มีความรู้
ความเขา้ ใจเก่ียวกับวิธีการสอนศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม และได้นำความรดู้ ้านวิธีการสอนแบบบูรณาการใช้
ในโรงเรียนได้มาก และคิดว่าวิธีการสอนแบบบูรณาจะต้องการสอดคล้องกับระดับช่วงชั้นของนักเรียนได้มาก
จะทำให้เด็กมีความสนใจมาก และควรมกี ารพฒั นาวิธกี ารสอนแบบบรู ณาการให้มีประโยชน์มาก ทั้งนี้เพ่ือเป็น
การพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ควรมีการอบรมเชิงปฏิบตั ิการในด้านวิธีการสอน และเม่ือ
อบรมเชิงปฏิบัตกิ ารแล้ว สามารถนำวธิ กี ารสอนไปใชใ้ นกระบวนการเรียนการสอนไดม้ าก
ข้อเสนอแนะในการพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนครูพระสอนศีลธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ สรุปได้
ว่า การพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนครูพระสอนศีลธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ควรมีการอบรมเทคนิคการสอน
มกี ารพัฒนาพระสอนศีลธรรมในด้านเทคนิคการสอน เน้ือหาสาระ หลักสูตร Active leaning วิธีการสอนต้อง
ใช้วิวัฒนาการประยุกต์ให้ทันสมัย และควรมีหลักการในการสอนที่มี การบูรณาการ มีคู่มือการสอนของพระ
สอนศีลธรรมไปในทางทศิ เดยี วกัน ครูพระตอ้ งตระหนกั ถึงองค์ความรขู้ องตนเอง ทบทวนในสิ่งที่ขาด มกี ำลงั ใจ
มิติที่ต้องใช้สอน พัฒนาตนเองให้เท่าทันสถานการณ์ สม่ำเสมอๆ และต้องมีสื่อการสอนท่ีเหมาะสมกับ
สถานการณป์ จั จบุ ัน

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



ขอ้ เสนอแนะการสร้างเทคนิคและวิธีการสอนของครูพระสอนศลี ธรรมในโรงเรยี นจังหวัดเชียงใหม่
สรุปได้ว่า ควรมีอบรมพัฒนาศักยภาพพระสอนศีลธรรมเก่ียวกับเทคนิคและวิธีการสอน ให้มีการจัดอบรมเชิง
ปฏบิ ัติการโดยการเชญิ ตัวแทนผู้เรียนบางช่วงชน้ั และครูพระสอนศีลธรรมมาเรียนและปฏิบัติรว่ มกัน เม่ือมีการ
อบรม ด้านการเรียนการสอนเสร็จแล้ว ควรให้ผู้เข้ารับการอบรม นำไปสู่สนามจริง ๆ เพ่ือการประเมินผลอีก
คร้ังหนึ่ง กอ่ นจะจบการอบรม มีการสร้างบรรยากาศในหอ้ งเรียนและมเี นื้อหาท่ีเดก็ สนใจในการเรยี นการสอน
ของครูสอนแบบไม่เครียดแต่อยู่ในกรอบปฏิบัติที่ดี เช่น การสอนแบบอิงนิยาย หรือนิทานอิงธรรม สอนถาม
แบบปุจฉา-วิสัชนา แบบมีเนื้อหาสาระ และหลักธรรมคือคุณธรรม มีการเรียนรู้จากส่ือทางออนไลน์มาปรับ
ประยุกต์เข้ากบั ปัจจุบัน และมีการสรา้ งเครือ่ งมอื การเรียนการสอบแบบใหม่

การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเทคนิคและวิธีการสอนศีลธรรม ของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
จงั หวัดเชยี งใหม่ โดยจัดทำหลักสตู รการอบรม ทม่ี ีขัน้ ตอนดังต่อไปน้ี

๑. การศึกษาข้อมูลเบ้ืองต้น เป็นการสำรวจข้อมลเบ้ืองต้นเกี่ยวกับองค์ความรู้เก่ียวกับเทคนิคและ
วิธกี ารสอนของครพู ระสอนศลี ธรรมในโรงเรียน จงั หวดั เชยี งใหม่ ท้ังหมด ๒๕ อำเภอ จำนวน ๒๐๗ รปู

๒. การสรา้ งหลักสูตรการฝึกอบรม การสรา้ งหลกั สตู รการฝึกอบรมในการพฒั นาเทคนิคและวิธกี าร
สอนของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน จังหวัดเชียงใหม่ ในการจัดหลักสูตรการอบรมเป็นระยะระยะเวลา ๒
วัน เพื่อนำไปสู่การจัดทำชุดอบรมในจัดการอบรมแบบภาคสนาม ในเร่ืองเทคนิคและวิธีการสอนครูพระสอน
ศีลธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นท่ี ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
จำนวน ๔๐ รูป ๒) ครใู นโรงเรียน ๒๕ อำเภอๆ ละ ๑ คน จำนวน ๒๕ คน ๓) นักเรยี นในโรงเรียน ๒๕ อำเภอ
จำนวน ๔๐ คน รวมเป็นทั้งหมด ๙๐ รปู /คน และหลังจากอบรมเสรจ็ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนท้ัง ๔๐
รูป พร้อมกับครูสอนในโรงเรียนท้ัง ๒๕ คน ร่วมกันนำไปทดลองใช้เทคนิคและวิธีการสอนให้แก่นักเรียน
จำนวน ๒๕ คน โดยใช้แบบประเมินผลก่อน-หลงั ในการอบรม และนำผลประเมินมาวิเคราะห์เชิงพรรณนาเป็น
ชดุ องค์ความรู้ในเร่อื งเทคนคิ และวธิ ีการสอน เพื่อนำไปสู่การจัดทำคู่มอื เทคนคิ และวิธีการสอนของครพู ระสอน
ศีลธรรมในโรงเรียนจงั หวดั เชียงใหม่ในเครอื ข่าย ๒๕ อำเภอ จำนวน ๑ เร่อื ง

หลักสูตรการฝึกอบรมในการพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนของพระสอนศีลธรรม ในการจัดอบรม
ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน จังหวัดเชียงใหม่ จะเน้นในการพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอน เพ่ือให้เกิดการ
เรียนท่ีจะนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ให้มีความหลากหลายที่มุ่งให้เกิดประโยชน์แก่
ผู้เรียนให้มากท่ีสุด ซ่ึงในการจัดอบรมครั้งนี้ ได้จัดแบ่งแผนการอบรมเทคนิคและวิธีการสอนออกเป็น ๕ แผน
ดงั นี้

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๐

แผนการอบรมท่ี ๑ การสอนแบบอภิปราย (Teaching Discussion) เร่ือง ความสำคัญของ
พระพทุ ธศาสนา

แผนการอบรมที่ ๒ การสอนการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative learning) เร่ือง ศาสนสถาน
และการบำรงุ ศาสนสถาน

แผนการอบรมท่ี ๓ การสอนโดยการใช้เกม walk rally เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
(สตสิ ัมปชัญญะ สมาธิ และปญั ญา)

แผนการอบรมท่ี ๔ การฝกึ ปฏิบัติ (Practice) เรอื่ ง หน้าทข่ี องชาวพทุ ธและมรรยาทของชาวพทุ ธ
แผนการอบรมท่ี ๕ การใชก้ รณศี ึกษา (Case) เรือ่ ง พทุ ธสาวก ชาดก และพุทธศาสนิกชนตัวอย่าง
ในการจัดอบรมครั้งนี้ เป็นการฝึกปฏิบัติจริง เสมือนกับครูพระสอนศีลธรรมได้ทำการสอนใน
ห้องเรียน มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลการสอนครบถ้วน ทั้งนี้เพ่ือให้ครูพระสอน
ศีลธรรมมีความเข้าใจถึงเทคนิคและวิธีการสอน ท่ีจะได้ประจักษ์ถึงผลที่ได้รับ อุปสรรคและปัญหาของการนำ
วิธีการสอนในลักษณะต่าง ๆ ไปใช้สอน และสามารถนำมาปรับไปใช้ในการสอนให้มีประสิทธิภาพ ทกี่ ่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อผู้เรียนโดยตรง และผลท่ีได้รับจากการอบรมครั้งน้ี ครูพระสอนศีลธรรมยังสามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยมีเทคนิคและวิธีการในรูปแบบต่าง ๆ ให้ทันสมัยในสังคมยุค
ปจั จุบนั

การพฒั นาเทคนคิ และวธิ ีการสอนของพระสอนศีลธรรม

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๑

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๒

๒.๓ การพัฒนาส่ือและนวัตกรรมการสอนแบบบูรณาการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน
จังหวดั เชียงใหม่

จากการศึกษาองค์ความรู้ด้านส่ือและนวัตกรรมการสอนแบบบูรณาการครูพระสอนศีลธรรมใน
โรงเรียน เพื่อการพัฒนาส่ือและนวัตกรรมการสอนของครูพระท่ีมีความสอดคล้องกับเนื้อหา หลักสูตร ช่วงช้ัน
และสาระการเรียนรู้ ในการพฒั นาสือ่ และนวัตกรรมการสอน ๓ ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ ๑ องคค์ วามรู้เกี่ยวกบั ส่ือและนวัตกรรมการสอน ส่ือและนวัตกรรมการเรียนการสอน
ถอื ว่าเป็นตัวกลางทำให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นร้ตู ามจุดประสงคข์ องการเรียนการสอนท่ีกำหนดไว้ได้อย่างง่ายและ
รวดเร็วเป็นเคร่ืองมือและตัวกลางซึ่งมีความสำคัญในกระบวนการเรียนการสอนมีหน้าท่ีเป็นตัวนำความ
ต้องการของครูไปสู่ตัวนักเรียนอย่างถูกต้องและรวดเร็วเป็นผลให้นักเรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไปตาม
จุดมุ่งหมายการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น อุปกรณ์การสอน สื่อแอพพลิเคชัน เป็นต้น การ
ผลิตสื่อการเรียนการสอนเพื่อนำมาใช้ประกอบการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น
เป็นสิง่ สำคัญย่ิง โดยในการผลิตหรือออกแบบสื่อนั้น ผู้สอนจะต้องต้ังวัตถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมในการเรียนให้
แน่นอนเสียกอ่ น เพอ่ื ใช้วตั ถพุ ระสงค์นั้นเปน็ ตัวชี้นำในการเลือกส่อื การเรียนการสอนที่เหมาะสม ทั้งนี้ผ้วู ิจัยจะ
ศึกษาวัตถุประสงค์ของรูพแบบการเรียนการสอนเพื่อในการผลิตส่ือจะได้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาท่ีเรียนแก้ไข
จดุ เด่นจดุ ดอ้ ยให้ไดส้ ื่อท่ีตรงกับความต้องการและมีประสิทธภิ าพ ทัง้ นเ้ี พ่อื ให้นวัตกรรมท่ีสร้างข้นึ ส่งผลตอ่ การ
เรียนรู้ของผู้เรียนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ครูผู้สอนมีแนวทางในการนำความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างนวัตกรรม
เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี นตอ่ ไป

ประเดน็ ท่ี ๒ การพฒั นาสอื่ และนวตั กรรมแบบบูรณาการ
๑.สื่อที่จะนำมาใช้ต้องมีความสัมพันธ์กับเนื้อหาและสอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้และ
ตวั ช้วี ัด มีสอ่ื ทนี่ ่าสนใจ
๒.เน้ือหาถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นส่ือท่ีจะให้ผลต่อการเรียนการ
สอนมากท่ีสุด ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจในเน้ือหาวิชาน้ัน ๆ ได้ดีเป็นลำดับข้ันตอน เม่ือนักเรียนดูสื่อแล้วไม่งง
สามารถเขา้ ใจเนอ้ื หาได้ทันที
๓.ส่ือต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก ระดับช้ัน ความรู้ เพราะพระสบการณ์ของผู้เรียนยังน้อยเพราะ
เป็นเด็ก ถ้าเครื่องมือการสอนไม่เอื้อต่อการสอนก็จะทำให้เด็กเข้าใจในบทเรียนวิชายากโดยเฉพาะวิชา
พระพทุ ธศาสนา

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๓
๔.เคร่ืองมือในการสอนควรสะดวก ใช้งานง่ายในการใช้ มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป เพราะ
จะทำใหผ้ สู้ อนและผเู้ รยี นเสยี เวลา
๕.ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดีจากผู้เช่ียวชาญ มีการทดสอบก่อนการนำมาใช้ มี
ความชดั เจนและเปน็ จริงตามวัตถุพระสงค์ทเ่ี ราตั้งไว้
๖.ส่ือต้องมีความสอดคล้องกับราคาไม่แพงจนเกินไป เราควรใช้งบท่ีมีอยู่อย่างคุ้มค่า ให้เกิดพระ
สทิ ธิภาพสูงสดุ พร้อมใช้งาน
๗.ถ้าจะผลิตส่ือหรือเครื่องมือในการเรียนการสอน เราควรผลิตเองหรือหาผู้ท่ีมีความรู้
ความสามารถก็ควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน เพราะรู้ในบทเรียนจะทำให้ส่ือท่ีผลิตขึ้นมีความสอดคล้องไปใน
ทิศทางเดยี วกันกบั บทเรียน

ภาพขั้นตอนการผลติ สอ่ื แอพพลเิ คชัน (Application) ดังนี้

รูปภาพท่ี ๑. บอร์ดภาพนงิ่ หรือ สตอรบี อร์ด (Storyboards)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๔

รปู ภาพที่ ๒. การสรา้ งตัวละครแบบกราฟกิ แบบ ๒ มิติ

รูปภาพท่ี ๓. สรา้ งตวั ละครใหเ้ ป็นการ์ตูนอนเิ มช่ัน

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๕

รูปภาพท่ี ๔. เสยี งประกอบ (Sound Effects)

รูปภาพท่ี ๕. จดั ทำสื่ออนิเมช่ัน

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๖

รปู ภาพที่ ๖. จดั ทำสอื่ อนเิ มช่ัน

รูปภาพที่ ๗. จดั ทำส่อื อนิเมชั่น

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๗

รปู ภาพ ๘. จดั ทำสอื่ อนเิ มช่ัน

รูปภาพ ๙. เลอื กชว่ งช้ันการเรยี นรู้

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๘

รูปภาพ ๑๐. เลือกบทการเรียนรู้

รปู ภาพ ๑๑. บททดสอบประเมินผล
สรปุ ขน้ั ตอนการสร้างสอ่ื และนวตั กรรม การสอนแบบบูรณาการครพู ระสอนศีลธรรม ไดว้ างกรอบ
๓ ช่วงชั้น โดยแบ่งหมวดเน้ือหาตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัด กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน เพื่อการออกแบบส่อื แอพพลิเคชัน (Application)
ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยมีการแบ่งระดับช่วงชั้นในการวิเคราะห์ เพื่อให้เหมาะสมกับวัย

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๑๙
และสอดคล้องกับบทเรียน ท้ังน้ีเพื่อนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์ จากแบบสอบถาม การสัมภาษณ์
การจัดการอบรม เพื่อนำมาสังเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ในการพฒั นาสื่อและนวัตกรรมการสอน

ผลการพัฒนาสื่อและนวัตกรรมแอพพลิเคชนั (Application) ครพู ระสอนศลี ธรรมในโรงเรยี น
เน้ือหาแอพพิเคชัน(Application) บนสมาร์ทโฟน (Smart Phone) คือ มุ้งเน้นเป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐาน
ตัวชี้วัด บูรณาการเน้ือหา กิจกรรมรู้เร่ืองสังคม ศาสนาและวัฒนาธรรม กิจกรรมนำสู่การเรียน แนวคิด
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น และกจิ กรรมรวบยอด ๓ ช่วงชัน้ ดังนี้

๑) เนอ้ื หาช่วงช้นั ท่ี ๑ (ป.๑-ป.๓)

แผนภาพท่ี ๑. เนื้อหาช่วงช้ันที่ ๑ (ป.๑-ป.๓)

รปู ภาพที่ ๑. เนื้อหาแอพพลเิ คชัน(Application)บนสมาร์ทโฟน (Smart Phone)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๐

รปู ภาพท่ี ๒ “ล็อกอินเข้าสู่ระบบเพ่อื ใชง้ าน
รูปภาพท่ี ๓ เลือกเนื้อหา *กดปมุ่ *เลน่ วดี โิ อ/YouTube

(เล่าเรอ่ื ง)พุทธประวัติ ช่วงช้นั ที่ ๑ (ป.๑-๓)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๑

ภาพท่ี ๔ กดปมุ่ เล่นวดี โิ อ เพ่ือ
เรียนรู้หลกั ธรรมสำคัญ
ของพระพุทธศาสนา

รูปภาพที่ ๕ *กดปมุ่ *เล่นวดี ิโอ เพื่อเรียนรู้หลักพทุ ธศาสนสุภาษติ
“อต.ตา หิ อต.ตโน นาโถ”

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๒

สรุป ส่ือและนวัตกรรมแอพพลิเคชั่น(Application) การ์ตูนอนิเมชั่น 2D การ์ตูน และเสียงเพลง
เปน็ กราฟฟิกการ์ตนู สำหรบั เดก็ เล็ก มีองค์ประกอบของเนื้อหาแบบบรู ณาการ ชว่ งช้นั ท่ี ๑ (ป.๑-ป.๓) จะแสดง
เน้ือหาการ์ตูนอนิเมชั่นเล่าเร่ืองพุทธประวัติ หลักธรรมและสุภาษิต ในแอพพลิเคชัน (Application) บน
สมารท์ โฟน (Smart Phone) ท่ีได้กำหนดไว้ในจุดประสงค์การเรยี นรทู้ ก่ี ำหนดไว้ตามหลักตวั ชีว้ ดั และสาระการ
เรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศาสนา และวัฒนธรรมตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐาน ดังน้ี

๑. บอกเรือ่ งราวพทุ ธประวัติและสามารถสรปุ ไดต้ ามความเข้าใจ
๒. อธบิ ายความสำคัญของพทุ ธศาสนาไดโ้ ดยการวิเคราะห์
๓. อธบิ ายความหมายพระรตั นตรัยได้ โดยจำเข้าใจในบทเรียนที่นำเสนอ
๔. สามารถนำหลักธรรมโอวาท ๓ ไปปฏบิ ัตใิ นชีวิตประจำวันได้ โดยการนำไปใช้
๕. อธิบายพุทธสุภาษติ อต.ตา หิ อต.ตโน นาโถ ได้
๖. บอกแบบอยา่ งในการดำเนนิ ชวี ิตและขอ้ คิดตั้งแต่ ประสูติ-ปรนิ ิพาน โดยการวิเคราะห์ได้
๗. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิตนทเ่ี หมาะสมต่อศาสนวตั ถุ ศาสนสถาน ศาสนบุคคล โดยการนำไปใช้
๘. ถาม-ตอบทา้ ยเน้อื หาสือ่ และนวัตกรรมการสอน ได้
๒) องคป์ ระกอบของสอื่ และนวตั กรรมบรู ณาการเนือ้ หาช่วงชั้นท่ี ๒ (ป.๔-ป.๖)

แผนภาพ ๒. องคป์ ระกอบกอบของเนื้อหาชว่ งช้นั ท่ี ๒ (ป.๔ - ป.๖)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๓

ภาพท่ี ๑ *กดเลน่ * วีดโิ อเพื่อเรยี นรู้วิชาประวตั ิพระพทุ ธศาสนา ชว่ งชน้ั ท่ี ๒ (ป.๔-๖)
ภาพที่ ๒ *กดเล่น* วดี ิโอเพอ่ื เรยี นร้หู ลักธรรม ช่วงชน้ั ท่ี ๒ (ม.๑-๓)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๔

ภาพที่ ๓ *กดเล่น*วดี โิ อ เพ่ือการเรยี นร้สู ือ่ พุทธศาสนสภุ าษิต สขุ า สงฆฺ สสฺ สามคคฺ ี
ช่วงช้นั ท่ี ๒ (ป.๔-๖)

สรุป องค์ความรู้ส่ือและนวัตกรรมแอพพลิเคช่ัน(Application) มีองค์ประกอบของการบูรณาการ
เน้ือหาของช่วงช้ันที่ ๒ (ป.๔-๖) ส่ือการ์ตูนอนิเมชั่น Animation 2D ออดิโออธิบายภาพจริง ภาพประกอบ
เหตุการณ์จรงิ และเพลงประกอบ สรปุ พุทธประวัติ หลักธรรมและพุทธศาสนสุภาษติ ดงั นี้

๑. นักเรียนอธิบายความสำคัญของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือในฐานะเป็นศูนย์รวม
จติ ใจ

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๕

๒. สรุปพทุ ธประวัตติ ้ังแตบ่ รรลุธรรมจนถงึ ประกาศธรรม หรือประวัติศาสดาทีต่ นนบั ถอื
๓. เห็นคุณค่า และปฏิบัติตนตามแบบอย่างการดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก
เรอ่ื งเลา่ และศาสนกิ ชนตัวอย่างตามที่กำหนด
๔. แสดงความเคารพในพระรัตนตรัยปฏิบตั ิตามไตรสกิ ขา หลักธรรมโอวาท ๓ ในพระพทุ ธศาสนา
หรือหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนับถอื ตามท่ีกำหนด
๕. ชื่นชมการทำความดีของตนเอง บุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชนตามหลักศาสนาพรอ้ ม
ทง้ั บอกแนวปฏบิ ัติในการดำเนินชวี ติ
๖. เห็นคุณค่าและสวดมนต์ แผ่เมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา หรือการ
พฒั นาจติ ตามแนวทางของศาสนาทตี่ นนบั ถือตามที่กำหนด
๗. ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื เพื่อการอยูร่ ่วมกันอยา่ งสมานฉันท์
๘. อธิบายประวัตศิ าสดาของศาสนาอน่ื ๆ โดยสังเขป
๙. คำถามท้ายสอื่ เพ่อื ประเมนิ ผู้เรียน
๓) องค์ประกอบของเนื้อหาส่อื และนวตั กรรม ชว่ งช้ันท่ี ๓ (ม.๑-ม.๓)

แผนภาพ ๓. องคป์ ระกอบของส่ือบูรณาการ พทุ ธประวตั ิ หลักธรรมและสุภาษติ ช่วงชนั้ ที่ ๓ (ม.๑-ม.๓)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๖

ภาพที่ ๑ *กดเลน่ * วีดโิ อ เพ่อื เรียนรู้พุทธประวัติ ชว่ งชนั้ ที่ ๓ (ม.๑-๓)
ภาพท่ี ๔ *กดเล่น* วดี ิโอ เพือ่ เรียนรหู้ ลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ชว่ งช้นั ท่ี ๓ (ม.๑-๓)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๗

รปู ภาพที่ ๕ กดเล่นวดี โิ อ เพื่อเรียนร้พู ทุ ธศาสนสุภาษติ ช่วงช้ันที่ (ม.๑-๓)

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๘

๒.๔ การพัฒนารูปแบบการสร้างหลักสูตรการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการในโรงเรียนจังหวัด
เชียงใหม่

การสร้างหลักสูตรแบบบูรณาการนั้นผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากความรู้เดิมผสมผสานกับ
ประสบการณ์ใหม่ เพื่อสร้างความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้น โดยผ่านการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยการจัดกิจกรรมแบบ
บูรณาการประสบการณ์ทักษะในการวิเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การจินตนาการและการตัดสินใจ
ตลอดจนการทำงานร่วมกันภายในแนวทางการดำเนินเรอ่ื งท่ีต่อเนื่องกัน ซ่ึงใช้ศิลปะเป็นส่ือและผู้เรียนจะเป็น
ผู้สร้างความรู้ใหม่ด้วยตนเอง อีกท้ังเป็นการบูรณาการที่มีการรวมวิชาสังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ศิลปะ ภาษาไทย มาสอนรวมกันได้ ลักษณะของหลักสูตรบูรณาการท่ีดี ในการผสมผสานวิชาหรือสาขาวิชา
ต่างๆ เพ่ือให้ได้หลักสูตรบูรณาการนั้น ถ้าจะให้ดีจริงๆนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องพยายามให้เกิดบูรณาการใน
ลักษณะต่อไปน้ีโดยครบถ้วนคือ ๑. บูรณาการระหว่างความรู้และกระบวนการเรียนรู้ ๒. บูรณาการระหว่าง
พัฒนาการทางความรู้และพัฒนาการทางจิตใจ ๓. บูรณาการระหว่างความรู้และการกระทำ การสร้าง
สหสัมพันธ์ระหว่างความรู้และการกระทำมีความสำคญั ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าระหว่างความรู้และจิตใจ ๔. บูรณา
การระหว่างส่ิงท่ีเรียนในโรงเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน ๕. บูรณาการระหว่างวิชาต่างๆ
โดยนำเอาเนื้อหาของวิชาหนึ่งมาเสริมอีกวิชาหน่ึง เพ่ือให้ผู้เรียนได้รับความรู้และเกิดเจตคติตามท่ีต้องการ
รปู แบบของบูรณาการ ในการปฏิบตั ิจริงมักจะมีการผสมกนั ระหว่างรูปแบบต่างๆ การพฒั นารูปแบบการสร้าง
หลักสูตรการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการ มีจำนวน ๒ หลักสูตร ประกอบด้วย ๑.หลักสูตรสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมในหลักสูตรโรงเรียน วัดสวนดอก พุทธศักราช ๒๕๖๔ ช้ันประถมศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) กลุ่มสาระการ
เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยได้กำหนดสาระต่างๆไว้ ดังน้ี ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม
แนวคิดพ้ืนฐานเกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ การ
นำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระทำความดี มี
ค่านิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมทั้งบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม หน้าท่ีพลเมือง
วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบันการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ ลักษณะและความสำคัญ การเป็นพลเมืองดี ความแตกต่าง
และความหลากหลายทางวฒั นธรรม คา่ นิยม ความเชอ่ื ปลกู ฝงั คา่ นิยมด้านประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์
ทรงเปน็ ประมุข สิทธิ หน้าท่ี เสรีภาพการดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข ในสงั คมไทยและสังคมโลก เศรษฐศาสตร์
การผลติ การแจกจ่าย และการบรโิ ภคสินค้าและบริการ การบริหารจัดการทรัพยากรที่มอี ยู่อยา่ งจำกัดอย่างมี

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๒๙

ประสิทธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ และการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ประวัติศาสตร์ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการของมนุษยชาติจาก
อดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ผลกระทบท่ีเกิดจากเหตุการณ์สำคัญใน
อดีต บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในอดีต ความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรมและภูมิ
ปัญญาไทย แหล่งอารยธรรมท่ีสำคัญของโลก ภูมิศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพของโลก การเปลี่ยนแปลง
ทางกายภาพ ปัญหาทางกายภาพและภัยพิบัติ ความสัมพันธ์ ของสรรพส่ิงซ่ึงมีผลต่อกัน แผนที่และเคร่ืองมือ
ทางภูมิศาสตร์ การใช้ภูมิสารสนเทศ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ สิง่ แวดล้อมทางกายภาพกับการสร้างสรรค์
วิถีการดำเนินชีวิต กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ความร่วมมือ ด้านทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมในประเทศ
และระหว่างประเทศ และการจัดการทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๒.หลักสูตรหน่วยการ
เรียนรู้บูรณาการเรื่องหลักธรรมเพ่ือพัฒนาชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านโป่งน้อย
อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หลักการของหลักสูตรบูรณาการ หน่วยการเรียนรู้เร่ืองหลักธรรมเพื่อ
พัฒนาชีวิต รายวิชาพระพุทธศาสนา เป็นหลักสูตรที่พัฒนาข้ึน โดยการปรับกิจกรรมการรู้ สื่อการเรียนรู้และ
การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ใหม้ ีความเหมาะกับการแก้ปัญหาและการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตนักเรยี น ซึ่ง
มีความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นเชียงใหม่ในปัจจุบัน เป็นหลักสูตรบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้
สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ จำนวน ๓ สาระ ดังนี้ สาระท่ี ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (พระพุทธศาสนา) สาระท่ี
๒ หน้าทีพ่ ลเมือง วฒั นธรรมและการดำรงชีวิต สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์

การพัฒนารูปแบบในการสอนพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนคำนึงถึงผู้เรียนเป็นสำคัญ ผลการวิจัย
คน้ พบความรูใ้ หมท่ ่ีเป็นรปู แบบความสัมพันธข์ ององค์ประกอบหลัก ๔ องค์ประกอบ คอื ๑. ตัวชว้ี ัดองค์ความรู้
ของหลักสูตรการสอนศีลธรรมในโรงเรยี นจากการอบรมเชงิ ปฏิบตั ิการ ๒. การสร้างหลักสูตรการสอนศีลธรรม
แบบบูรณาการท่ีทันสมัย ๓. การนำสื่อการสอนพัฒนาเป็นไปตามหลักสูตรประยุกต์กับหลักธรรม ๔. การ
ขยายผลรูปแบบการพฒั นาหลกั สูตรการสอนศีลธรรมแบบบรู ณาการยุคดิจิทัล

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๐

แผน่ ภาพท่ี ๑ องคค์ วามรจู้ ากการพฒั นารูปแบบการสร้างหลักสตู รการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๑

๓. สรุป

การศึกษาวิจัยนี้ เป็นการวิจัยผสานวิธีทั้งการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) โดยใช้การ
วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) กับเครือข่าย
ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ โดยการลงพื้นท่ีสำรวจ จำนวน ๒๕ อำเภอ เป็นไปตามมี
วัตถุประสงค์ คือ รปู แบบการพัฒนาศักยภาพครพู ระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ ด้านวิธีการใน
การถ่ายทอด ในการจัดกิจกรรม ความเหมาะสมของหลักสูตร จัดทำเป็นแนวทางเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนา
ศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม แนวทางและขยายผลรูปแบบศักยภาพครูพระสอนศีลธรรมแบบบูรณาการใน
โรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ มีแนวทางการพัฒนารูปแบบศักยภาพ ๒ แนวทาง ดังน้ี ๑) แนวทางการพัฒนา
รูปแบบศักยภาพการศึกษาของพระสอนศีลธรรม ๒) แนวทางการพัฒนาศักยภาพรูปแบบการอบรมเชิง
ปฏิบัติการ การพัฒนาเทคนิคและวิธกี ารสอนของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการ
จัดทำหลักสูตรการอบรมในด้านเทคนิคการและวิธีการสอนที่มี ๒ ขั้นตอน คือ ๑. การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
และนำมาวิเคราะห์ความต้องการ ออกแบบสร้างชุดความรู้ด้านเทคนิคและวิธีการสอนตามความต้องการของ
ครูพระสอนศีลธรรม และ ๒. การสร้างหลักสูตรการฝึกอบรม จัดเป็นระยะเวลา ๒ วัน (ออนไลน์ -ตาม
สถานการณ์การระบาดของโรควิด ๑๙) เกิดการพัฒนาและส่งเสริม ๒ ด้าน ได้แก่ ๑) พัฒนาและส่งเสริม
ครูผู้สอนมีศักยภาพในการสอน มีทักษะและความชำนาญในการจัดการเรียนการสอน ๒) พัฒนาและส่งเสริม
ผู้เรียนเกิดประสิทธผิ ลในการเรียนรู้ ทำใหก้ ารเรยี นการสอนมีประสทิ ธภิ าพและบรรลตุ ามเป้าหมาย

การพัฒนาสื่อและนวัตกรรมการสอนแบบบูรณาการของครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนจังหวัด
เชียงใหม่ โดยการศึกษารูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูพระสอนศีลธรรม ด้านรูปแบบการพัฒนาสื่อและ
นวัตกรรมแอพพลิเคชัน (Application) บนสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ได้บูรณาการองค์ความรู้ด้านเนื้อหา
และสาระการเรียนรู้แต่ละชั้น คือ (ป.๑-๒-๓) มารวมเป็นช่วงช้ันที่ ๑ (ป.๔-๕-๖) มารวมเป็นช่วงช้ันที่ ๒ และ
(ม.๑-๒-๓) มารวมเป็นช่วงช้ันท่ี ๓ โดยมีองค์ประกอบของพัฒนาสื่อและนวัตกรรม ได้แก่ ๑.หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒.ไดต้ ัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางควรรู้และต้องรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมพัฒนารูปแบบการสร้างหลักสูตรการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการใน
โรงเรียนจงั หวดั เชียงใหม่

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๒
การสร้างหลักสูตรแบบบูรณาการนั้นผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากความรู้เดิมผสมผสานกับ
ประสบการณ์ใหม่ เพ่ือสร้างความรู้ใหม่ให้เกิดข้ึน โดยผ่านการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยการจัดกิจกรรมแบบ
บูรณาการประสบการณ์ทักษะในการวิเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การจินตนาการและการตัดสินใจ การ
พัฒนารูปแบบการสร้างหลักสูตรการสอนศีลธรรมแบบบูรณาการ มีจำนวน ๒ หลักสูตร ประกอบด้วย ๑.
หลักสูตรสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมในหลักสูตรโรงเรียน วัดสวนดอก พุทธศักราช
๒๕๖๔ ชั้นประถมศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. ๒๕๖๐) กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๒.หลักสตู รหนว่ ยการเรยี นร้บู ูรณาการ
เรื่องหลักธรรมเพ่ือพัฒนาชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนบ้านโป่งน้อย อำเภอเมือง
เชียงใหม่ จังหวดั เชียงใหม่

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๑

รปู ภาพกจิ กรรมดำเนินการวจิ ัย

๓๒

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๓

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

๓๔

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


Click to View FlipBook Version