[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat 8. บรรณานุกรม [1] Thongsom, P. (2014). The Development of Indicators of Happiness in Learning of students in Nursing Science Undergraduate Program under The Ministry of Public Health. Journal of Nursing and Education, 4(1), 88-110. [2] Beamukda, P. (2015). The Innovative Design Education System Sustainability by The Principles of Buddhism: A Case Study Concept and Vision of Steve Jobs. Journal of MCU Peace Studies, 3(2), 133-145. [3] ปิยะวรรณ ปานโต. (2563). การจัดการเรียนการสอน ของไทยภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19). กรุงเทพมหานคร: สำ นักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร. [4] Thongsom, P. (2014). The Development of Indicators of Happiness in Learning of students in Nursing Science Undergraduate Program under The Ministry of Public Health. Journal of Nursing and Education, 4(1), 88-110. [5] Dikmenli, M. (2010). Misconceptions of cell division held by student teachers in biology: A drawing analysis. Scientific Research and Essays, 5(2), 235-247. ครูสอนในเเบบของครูที่ไม่เหมือนใครมันเเบบเป็นเสน่ห์ มากเลยค่ะ สามารถดึงดูดความสนใจเด็กให้อยู่กับการ เรียนได้ เเล้วเป็นการสอนที่ควบคู่ไปกับการทำ กิจกรรม การมีส่วนร่วมของเพื่อนในห้องเเละคุณครู มันทำ ให้เด็ก เเละครูมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีมากค่ะ ห้องเรียนของครูคือ ห้องเรียนในฝันของเด็กหลายๆคนค่ะ” 6. ข้อเสนอแนะ การสอนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ Online On Life เรื่องสมบัติของสารพันธุกรรม ผู้ใช้ควรศึกษาทําความเข้า ใจลําดับขั้นตอนการจัดกิจกรรม ให้รัดกุม พร้อมทั้งจัด การลําดับขั้นตอนการสอนและเรียงลําดับเนื้อหาได้อย่าง เหมาะสม เลือกและปรับใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมให้ เหมาะสมกับบริบทและศักยภาพของผู้เรียน ในระหว่าง จัดกิจกรรม ครูผู้สอนเป็นผู้คอยสนับสนุนให้คําแนะนํา อย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้เต็มความ สามารถแต่ละบุคคล ภายใต้กระบวนการคิดบวก การ เห็นคุณค่าในตัวเอง และความสามารถในการฟื้นคืนพลัง 7. กิตติกรรมประกาศ ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ สำ นักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ได้สนับสนุนทุนวิจัยในครั้งนี้ ภายใต้โครงการพัฒนาการเรียนรู้รูปแบบ on line on life ประจำ ปี 2564 และกลุ่มครู on ซ(ส)อนที่ร่วมกัน พัฒนารูปแบบ on line on life Page 51 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat [13] วิไลภรณ์ ฤทธิคุปต์. (2561). การจัดการเรียนรู้โดย ใช้ชุมชนเป็นฐาน : กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพของครูในศตวรรษที่ 21. วารสารบัณฑิต ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. 11(3), 179-191. [14] สุมน อมรวิวัฒน์. (2549).บทบาทของสถาบันการ ศึกษาต่อการพัฒนาจิตใจ. กรุงเทพฯ: สำ นักงาน มาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ สำ นักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา. [15] ธัญญุรีย์ สมองดี. (2556). ผลการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนวิชาชีววิทยาเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมโดยใช้วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) ที่มีผล ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดวิเคราะห์และเจตคติ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสอน วิทยาศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยบูรพา. [6] Nakthong, U., Anuntasethakul, T.A. and Yutakom, N. (2007). Student conceptions on cells and cell processes in grade 10. Kasetsart Journal (Social Sciences), 28(1), 1-10. [7] Joyce, B. R., Weil, M., & Calhoun, E. (2015). Models of teaching (9th ed.). Boston, MA: Pearson. [8] ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความ รู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: สำ นักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. [9] Mezirow, J. (2003). Transformative learning as discourse. Journal of transformative Education, 1(1), 58-63. [10] องค์อร ประจันเขตต์. (2557). การเรียนรู้สู่การ เปลี่ยนแปลง : มุมมองในการศึกษาทางการพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก. 15(3), 179-184. [11] ฐานิตา ลิ่มวงศ์ และยุพาภรณ์ แสงฤทธิ์. (2562). “ห้องเรียนกลับด้าน: การเรียนรู้แนวใหม่สำ หรับ ศตวรรษที่ 21”. วารสาร Mahidol R2R e-Journal. 6(2), 9-17. [12] นนทลี พรธาดาวิทย์. การจัดการเรียนรู้แบบ Active learning. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: ทริปเพิ้ล เอ็ด ดูเคชั่น, 2559. Page 52 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย
ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้น บูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้การศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 ที่กำ ลังศึกษาในภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา อำ เภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี จำ นวน 38 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 5 ชุด 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 40 ข้อ ซึ่งมีความยากง่ายตั้งแต่ 0.20 - 0.80 ค่าอำ นาจจำ แนก ตั้งแต่ 0.20 - 0.63 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ เท่ากับ 0.90 และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ * Corresponding author e-mail : [email protected] Page 53 การพัฒพันาชุดกิจกรรมการเรียรีนรู้ทั รู้ ทักษะกระบวนการทาง วิทวิยาศาสตร์ขั้ร์นขั้บูรณาการ ชั้นชั้มัธมัยมศึกษาปีที่ปี ที่ 1 นางนวรัตน์ แจ่มจำ รัส โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา จังหวัดลพบุรี
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 54 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 15 ข้อ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ t-test แบบ Dependent ผลการ ศึกษาพบว่า 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.60/81.21 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียน รู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. = 0.13) คำ สำ คัญ: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ บูรณาการ ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ บทนำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งหวังให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มี ทักษะสำ คัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหา ที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้น ตอน มีการทำ กิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่าง หลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยกำ หนดสาระการ เรียนรู้ประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการ เรียนรู้ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งกำ หนดให้ผู้ เรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำ เป็นต้องเรียน รู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คือการนำ ความรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การคิด อย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำ คัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถ ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ [1] ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน วิทยาศาสตร์ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการ ศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ควรมุ่งเน้น ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการจัดการเรียนการสอน เพื่อผู้ เรียนจะได้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ ได้พัฒนาวิธีคิด มีทักษะ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 55 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ที่สำ คัญในการค้นคว้าหาความรู้ สร้างองค์ความรู้ มี ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และ สามารถนำ ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ วันได้ โดย บทบาทของครูผู้สอนจะเป็นเพียงผู้อำ นวยความสะดวกใน การจัดการเรียนรู้ เป็นผู้วางแผนให้คำ ปรึกษา สนับสนุน ตลอดจนเป็นผู้กระตุ้นและสร้างบรรยากาศของการเรียน ให้เกิดแก่ผู้เรียน ให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วย ตนเอง ยึดผู้เรียนเป็นสำ คัญ [2] ดังนั้น ครูผู้สอน วิทยาศาสตร์ควรเลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน ชุดกิจกรรม เป็นสื่อการสอนชนิดหนึ่งที่ช่วยให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ทำ ให้เกิดทักษะในการเรียนรู้และ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับ [3] ที่ว่า ชุดกิจกรรม เป็นนวัตกรรมการศึกษาที่มีคุณค่าเพียงพอที่ จะนำ มาสอนได้ และยังช่วยให้ผู้เรียนมีความพอใจในการ เรียน ช่วยส่งเสริมการเรียนรายบุคคล ผู้เรียนได้เรียนตาม ความสามารถ ตามความสนใจ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ชุดกิจกรรมยังช่วยให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ด้วยตนเองตามศักยภาพ ไม่เกิดความเบื่อหน่าย สนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่งเสริมความรับผิด ชอบของผู้เรียน และสอดคล้องกับ[4] ที่ว่า การสอนโดย ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เป็นการสอนที่ผู้เรียนได้ ประสบการณ์ตรง ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ได้พิสูจน์ ทดสอบ และเห็นผลประจักษ์ด้วยตนเอง จึงเกิดการเรียน รู้ได้ดี มีความเข้าใจและจดจำ การเรียนรู้นั้นได้นาน เปิด โอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะต่าง ๆ ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมมากทำ ให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียน และการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้ผู้เรียน เรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มีผลการเรียนรู้ทั้ง ด้านความรู้ และด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สูงขึ้น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนบ้านหมี่วิทยา จังหวัด ลพบุรี ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ นักเรียนยังขาดการคิด วิเคราะห์ และจากการศึกษาพบว่า ครูส่วนใหญ่จะเน้นวิธี สอนแบบบรรยาย ทำ ให้นักเรียนได้รับแค่เพียงความรู้ เท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวครูจึงต้องปรับเปลี่ยน บทบาท วิธีการถ่ายทอดความรู้เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ จัด กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจ และความ ถนัดของผู้เรียนโดยคำ นึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการจากการจัด ประสบการณ์จริงให้กับผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงต้องการที่จะพัฒนาแบบฝึก ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 56 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย สำ หรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งประกอบ ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ จำ นวน 5 ชุด ดังนี้ ชุดที่ 1 ทักษะการกำ หนดและควบคุมตัวแปร ชุดที่ 2 ทักษะการ ตั้งสมมติฐาน ชุดที่ 3 ทักษะการกำ หนดนิยามเชิงปฏิบัติ การ ชุดที่ 4 ทักษะการทดลอง และชุดที่ 5 ทักษะการ ตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป เพื่อเป็นการส่งเสริม การเรียนรู้ตามศักยภาพของผู้เรียน ซึ่งจะก่อให้ผู้เรียนเกิด ความคิดรวบยอด ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ใช้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลายอย่าง โดยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ แต่ละชุดประกอบด้วย ชื่อชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ คำ ชี้แจงในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ผลการ เรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้ กิจกรรมการ เรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้น จะเป็นแนวทางหนึ่งในการส่ง เสริมให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ความเข้าใจ ทำ ให้ผู้เรียนมีผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และมีเจตคติที่ดีต่อ วิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3. ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สมมุติฐานของการวิจัย 1.ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ใน ระดับมากที่สุด นิยามศัพท์เฉพาะ 1.ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หมาย ถึงสื่อการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เพื่อใช้ประกอบการ เรียนการสอนโดยประยุกต์เข้ากับกระบวนการทาง
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 57 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย วิทยาศาสตร์ และระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้ เรียนสามารถเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ตามขั้นตอน การเรียนจากคำ ชี้แจงในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และมีครู ให้คำ ปรึกษาหรือแนะนำ โดยนำ เสนอเนื้อหาจำ นวน 5 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 ทักษะการกำ หนดและควบคุมตัวแปร ชุดที่ 2 ทักษะการตั้งสมมติฐาน ชุดที่ 3 ทักษะการ กำ หนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ชุดที่ 4 ทักษะการทดลอง และชุดที่ 5 ทักษะการตีความหมายข้อมูลและข้อสรุป ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นแต่ละชุดประกอบด้วย ชื่อ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ คำ ชี้แจงในการใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน 2.ประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 หมายถึง ประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียน รู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 80 ตัวแรก หมายถึง ประสิทธิภาพของกระบวนการ คิด เป็นค่าร้อยละที่ได้จากการนำ คะแนนของนักเรียนที่ได้ จากการทำ แบบทดสอบหลังเรียนในชุดกิจกรรมการเรียน รู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่ละชุดได้ถูกต้อง 80 ตัวหลัง หมายถึง ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ คิดเป็น ค่าร้อยละที่ได้จากการนำ คะแนนของนักเรียนที่ได้จาก การทำ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนได้ถูกต้อง 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ความ สามารถของนักเรียนที่เกิดจากการเรียนการสอน หรือ การแสวงหาความรู้ของนักเรียนซึ่งประกอบด้วยความ สามารถทางสมอง ความรู้ที่นักเรียนได้รับซึ่งเป็นสิ่งชี้วัด ถึงการพัฒนาของนักเรียน ในการศึกษาครั้งนี้วัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนจากคะแนนของนักเรียนก่อนเรียน และหลังเรียน ที่ได้จากการทำ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้ วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำ นวน 40 ข้อ 4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หมายถึง ความคิด เห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียน รู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้วเกิดความรู้สึกที่ดีและเป็น ประโยชน์ต่อนักเรียน วัดได้จากแบบสอบถามความพึง พอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 58 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ได้แก่ 5, 4, 3, 2, 1 หมายถึง มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด ตามลำ ดับ จำ นวน 15 ข้อ ขอบเขตการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา 1.1 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ที่กำ ลังศึกษา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านหมี่ วิทยา อำ เภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำ นักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี จำ นวน 4 ห้องเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1, 1/2, 1/3 และ 1/4 จำ นวน 153 คน ซึ่งนักเรียนทั้ง 4 ห้องเป็นนักเรียนที่มี ความสามารถใกล้เคียงกัน 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 ที่กำ ลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านหมี่วิทยา อำ เภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี จำ นวน 38 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) 2. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา 2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีลักษณะเป็นชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ แต่ละชุดประกอบด้วย ชื่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ คำ ชี้แจงในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ การเรียนรู้ ใบความรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบ ทดสอบหลังเรียน 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ระยะเวลาในการศึกษา ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้เวลาในการทดลองสอนกับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการ ศึกษา 2563 มีระยะเวลาการสอน รวม 40 ชั่วโมง 4. เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษา เนื้อหาที่นำ มาใช้ในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 59 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีดังนี้ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อ การดำ รงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมี ความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำ นึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ครั้งนี้ ประกอบด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ จำ นวน 5 ชุด ดังนี้ ชุดที่ 1 ทักษะการกำ หนดและควบคุมตัวแปร ชุดที่ 2 ทักษะการตั้งสมมติฐาน ชุดที่ 3 ทักษะการกำ หนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ชุดที่ 4 ทักษะการทดลอง ชุดที่ 5 ทักษะการตีความหมายข้อมูลและข้อสรุป วิธีดำ เนินการวิจัย แบบแผนของการวิจัยในการนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ รูปแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังทดลอง (One group pretest posttest design) [5] ดังตารางที่ 1 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 5 ชุด 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 40 ข้อ 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการ เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำ นวน 15 ข้อ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 60 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 มีวิธีดำ เนินการทดลองตามลำ ดับขั้น ตอนดังนี้ 1. ผู้วิจัยชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับชุดกิจกรรมการเรียน รู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำ นวน 38 คน 2. ทำ การเก็บข้อมูลก่อนการทดลอง โดยให้นักเรียน กลุ่มตัวอย่าง ทำ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อนำ คะแนนที่ได้เป็นคะแนนทดสอบก่อนเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ทำ การสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำ นวน 38 คน โดยใช้เวลาสอนรวมทั้งสิ้น 40 ชั่วโมง ทดลองสอนใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 4. ในการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่ละชุดให้นักเรียนทำ แบบทดสอบ ก่อนเรียน ทำ กิจกรรมการเรียนรู้ และทำ แบบทดสอบ หลังเรียน 5. เมื่อนักเรียนเรียนครบทุกชุด ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ทำ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 และแบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 6. นำ คะแนนที่ได้จากการทดสอบก่อนเรียน ทดสอบ ระหว่างเรียน และทดสอบหลังเรียน มาทำ การวิเคราะห์ ข้อมูลทางสถิติ เพื่อทดสอบสมมติฐานต่อไป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล/ การวิเคราะห์ข้อมูล 1. การวิเคราะห์หาคุณภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้ค่าเฉลี่ย ( ) แล้วนำ คะแนนเฉลี่ย มาเทียบเกณฑ์ 2. การวิเคราะห์หาความเที่ยงตรงของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และแบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ค่าดัชนีความ สอดคล้อง (IOC)
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 61 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 3. การวิเคราะห์ค่าความยากง่าย (p) และค่าอำ นาจ จำ แนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 4. การวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้สูตร KR-20 5. การวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความ พึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีหาสัมประสิทธิ์อัลฟา (- Coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach) 6. การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80 7. การวิเคราะห์คะแนนจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้น บูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t – test แบบ Dependent 8. การวิเคราะห์คะแนนแบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ) แล้วนำ ค่าคะแนน เฉลี่ยมาเทียบกับเกณฑ์ ผลการวิจัย 1) ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ E1 / E2 (80 / 80) ตารางที่ 2 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากการทดลองกับนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง ตามเกณฑ์ E1/ E2 (80 / 80)
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 62 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ผู้วิจัยนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ไป ทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำ นวน 38 คน ปรากฏผลประสิทธิภาพ E1/ E2 ดังตารางที่ 2 จากตารางที่ 2 แสดง ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากการทดลองกับนักเรียนกลุ่ม ตัวอย่าง พบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากับ 81.77/81.21 ซึ่ง มีประสิทธิภาพสูงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน ผู้วิจัยได้วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน ปรากฏผลดัง ตารางที่ 3 ตารางที่ 3 การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียน และหลังเรียน
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 63 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย จากตารางที่ 3 แสดงการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียน ( = 32.49, S.D. = 1.66) สูงกว่าก่อนเรียน ( = 10.31, S.D. = 3.92) อย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ผลการวิเคราะห์คะแนนความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยได้ทำ การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปรากฏผลดังตารางที่ 4 ตารางที่ 4 คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 64 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ตารางที่ 4 คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ต่อ)
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 65 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย จากตารางที่ 4 แสดงคะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวน การ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณา การ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. = 0.13) และเมื่อพิจารณาในรายข้อย่อย พบว่า มีข้อ ย่อยที่มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดจำ นวน 12 ข้อ และมีข้อย่อยที่มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก จำ นวน 3 ข้อ ข้อย่อยที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ ข้อ 8 นักเรียนสามารถนำ ความรู้ที่ได้เรียน ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำ วันได้ ( = 4.86, S.D. = 0.36) รองลงมาคือ ข้อ 14 การเรียนชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ได้ดีกว่าครูสาธิต ( = 4.80, S.D. = 0.41) ส่วนข้อย่อยที่ มีคะแนนเฉลี่ยต่ำ สุด คือข้อ 12 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ส่งเสริม ให้นักเรียนเป็นคนละเอียดรอบคอบ ( = 4.43, S.D. = 0.50) สรุปและอภิปรายผลการวิจัย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.77/81.21 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 โดยเป็นไปตามสมมติฐานของ การศึกษาข้อที่ 1 ทั้งนี้อาจเป็นผลเนื่องมาจาก ผู้วิจัยได้ พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลัก ในการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างมี ระบบ โดยมีการศึกษาเอกสาร และงานวิจัยต่างๆ เพื่อ วิเคราะห์และกำ หนดเนื้อหา กำ หนดจุดประสงค์การเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับหลักสูตร มีการวางแผนกำ หนดราย ละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ตามขั้นตอนและให้มีความ เหมาะสมกับผู้เรียน นอกจากนี้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ยังได้ผ่านการตรวจสอบจาก ผู้เชี่ยวชาญและนำ ไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่ม ตัวอย่าง เพื่อหาประสิทธิภาพแบบเดี่ยว (1 : 1) หาประสิทธิภาพกลุ่มเล็ก (1 : 10) และหาประสิทธิภาพ ภาคสนาม (1 : 100) ก่อนที่จะนำ มาทดลองใช้จริงกับกลุ่ม ตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการดังกล่าว ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นตามขั้นตอนการสร้างชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ โดยสอดคล้องกับคำ กล่าวของ จันทร์จิรา รัตนไพบูลย์ [6] ได้กล่าวไว้ว่า ขั้นตอนในการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มี 4 ขั้นคือ ขั้นที่ 1 วิเคราะห์เนื้อหา ได้แก่ การกำ หนด หน่วยหัวเรื่อง และมโนมติ ขั้นที่ 2 การวางแผน วางแผน ล่วงหน้า กำ หนดรายละเอียด ขั้นที่ 3
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 66 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย การผลิตสื่อการเรียนเป็นการผลิตสื่อประเภทต่าง ๆ ที่ กำ หนดไว้ในแผน ขั้นที่ 4 หาประสิทธิภาพเป็นการ ประเมินคุณภาพของสื่อที่ผลิตขึ้นโดยนำ ไปทดลองใช้ ปรับปรุง ให้มีคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำ หนดไว้ จากเหตุผล ดังกล่าว จึงทำ ให้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.77/81.21 ซึ่งมี ประสิทธิภาพสูงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำ คัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไป ตามสมมติฐานของการศึกษาข้อที่ 2 ทั้งนี้อาจเป็นผล เนื่องมาจาก การเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 นักเรียนได้เรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ที่มีความแปลกใหม่ หลากหลาย เนื้อหาไม่ ง่ายและไม่ยากเกินไป มีความทันสมัย ผู้สอนได้ให้โอกาส นักเรียน มีอิสระในการคิด เปิดโอกาสให้นักเรียนใช้ความ สามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ และลงมือปฏิบัติ กิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง ทำ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งที่ แปลกใหม่ ไม่จำ เจ ส่งผลให้กิจกรรมการเรียนการสอนมี ประสิทธิภาพ จากเหตุผลดังกล่าว จึงทำ ให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้น บูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่ง เป็นไปตามสมมติฐานของการศึกษาข้อที่ 3 ทั้งนี้อาจเป็น ผลเนื่องมาจากชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวน การ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีลักษณะและองค์ประกอบที่เรียนรู้ได้ง่าย เหมาะสมกับวัย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ช่วยสร้างนิสัยรักการ ค้นคว้า นักเรียนสามารถแสวงหาความรู้เพิ่มเติมด้วย ตนเอง กิจกรรมในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการเหมาะสมกับ เนื้อหา และการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ทำ ให้นักเรียน เกิดความรู้สึกตื่นเต้นอยากที่จะเรียน นักเรียนได้รับความรู้ จากการปฏิบัติจริง อีกทั้งการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีกว่าครูสาธิต นักเรียน เกิดองค์ความรู้ ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นคนละเอียด รอบคอบ ทำ ให้นักเรียน มีความสุขและสนใจการเรียน มากขึ้น จากเหตุผลดังกล่าว จึงทำ ให้ความพึงพอใจ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 67 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับมากที่สุด ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะทั่วไป 1.1 ครูสามารถนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ไปใช้ในการเรียนการสอนได้เพื่อ อำ นวยความสะดวกแก่ครู และสามารถใช้ในกรณีที่เวลา เรียนของนักเรียนมีน้อยเกินไป จัดการเรียนการสอน ไม่ทันกับเวลาที่กำ หนด 1.2 นักเรียนอาจเกิดปัญหาในการทำ กิจกรรมในชุด กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นบูรณาการ หรือมีข้อสงสัยในขั้นตอนปฏิบัติการทดลอง ดังนั้นครูต้องเป็นผู้ที่อำ นวยความสะดวกและให้คำ ปรึกษากับนักเรียน 1.3 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ควรมีการ ยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครู หากกิจกรรมใด นักเรียนทำ ไม่ทันก็ควรเปิดโอกาสให้ไปทำ ต่อนอกเวลาจน เสร็จ 1.4 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในแต่ละ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ครูจะต้องคอยกระตุ้นแนะนำ และสนับสนุนให้นักเรียนเก่งช่วยเหลือนักเรียนอ่อน ภายในกลุ่มของตนเอง 1.5 ในการทำ กิจกรรมควรกำ หนดระยะเวลาในการส่ง งานให้แน่นอน และกิจกรรมบางอย่างครูต้องเตรียม อุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นจะทำ ให้การเรียนการสอนไม่ สามารถดำ เนินไปได้ตามขั้นตอนที่วางไว้ 2. ข้อเสนอแนะเพื่อการศึกษาครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการศึกษาโดยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร่วมกับ กลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มอื่นๆ 2.2 ควรสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ใน รายวิชาอื่น ๆ เพื่อช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน 2.3 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนจากวิธีสอนอื่นๆ เช่น การใช้ชุดการสอน การใช้บทเรียนสำ เร็จรูป การสอนโดย โครงงาน 2.4 ควรมีการศึกษาและประเมินเกี่ยวกับ จิตวิทยา ศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แรงจูงใจใน การเรียน ความคงทนในการเรียนรู้ และความคิด สร้างสรรค์ ของนักเรียนหลังจากใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 68 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย เอกสารอ้างอิง [1] สำ นักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกน กลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทยจำ กัด. [2] สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. (2543). ข้อเสนอนโยบาย การปฏิรูปวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่ง ชาติ. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช สำ ราญราษฎร์. [3] ทิศนา แขมมณี. (2550). 14 วิธีสอน สำ หรับครูมือ อาชีพ. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. [4] ธานินทร์ ปัญญาวัฒนากุล. (2546). แนวทางการ พัฒนาชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์จากแห่งเรียนรู้ใน โครงการสัมมนาปฏิบัติการจัดการเรียนการสอน วิทยาศาสตร์แบบบูรณาการ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. [5] พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีวิจัยทางพฤติกรรม ศาสตร์และสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สำ นักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. [6] จันทร์จิรา รัตนไพบูลย์. (2549). การพัฒนาชุด กิจกรรมค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เรื่อง การอนุรักษ์สิ่ง แวดล้อมสำ หรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุด กิจกรรมค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบเป็นกลุ่ม. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต (การ มัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย บทคัดย่อ การจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อการเรียนการสอน Coding For STEM Maker กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบรบือ อำ เภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยมี วัตถุประสงค์ (1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (2) ศึกษาผลของทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker (3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และ (4) ศึกษา ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ Coding For STEM Maker ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 จำ นวน 20 ชั่วโมง (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (3) แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะ ปฏิบัติกิจกรรม (4) แบบวัดความพึงพอใจ ผลการศึกษาพบว่า (1) พัฒนาการของความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียน เพิ่มขึ้น (2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติ (3) นักเรียนร้อยละ 85.5 มี ความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมในระดับมากที่สุด คำ สำ คัญ Coding, STEM, การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ * Corresponding author e-mail : [email protected] Page 69 การพัฒพันาทักษะการแก้ปัญหาอย่า ย่ งสร้า ร้ งสรรค์ โดยใช้สื่ ช้ สื่อสื่ CODING FOR STEM MAKER นายภานุวัฒน์ เกียรตินฤมล โรงเรียนบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 70 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย บทนำ ความสามารถในการคิดมีความสำ คัญยิ่งสำ หรับการ ศึกษาในปัจจุบัน และเป็นจุดหมายหนึ่งของหลักสูตรแกน กลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 รวมทั้งเป็น สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียนเพื่อนำ ไปสู่การสร้างองค์ความ รู้เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม ทักษะทางปัญญาเป็นกระบวนการทางสมองของ มนุษย์ถือว่าเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่สำ คัญ เนื่องจาก เป็นกระบวนการคิดที่ส่งผลไปสู่ทักษะและศักยภาพของ บุคคล โดยกระบวนการคิดของมนุษย์มีความแตกต่างกัน ไปตามวัยและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นผลมาจาก กระบวนการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ที่ เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยทักษะทางปัญญามีความ สัมพันธ์กับกระบวนการคิดตามแนวคิดและทฤษฎีที่หลาก หลาย ประกอบด้วย ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการ แก้ปัญหา และทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creative Problem Solving Thinking) เป็นกระบวนการทางความคิดที่ช่วยในการ ออกแบบและพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ อย่างหลากหลาย ประกอบด้วยการคิดเอกนัย (Convergent Thinking) ที่ อาศัยความรู้และประสบการณ์เดิม และความคิดอเนกนัย (Divergent Thinking) จากความคิดสร้างสรรค์ทั้งในด้านการคิดคล่อง ริเริ่ม ยืดหยุ่น และละเอียดลออ ที่ส่งเสริมกันอย่างเหมาะสม แล้วนำ ไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยใน กระบวนการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนต้องใช้ทักษะการ คิดขั้นสูง ทั้งการคิดเอกนัยและการคิดอเนกนัยร่วมกัน อย่างกลมกลืนเพื่อให้การแก้ไขปัญหานั้นประสบความ สำ เร็จ [1] พรสวรรค์ วงค์ตาธรรม [2] รายงานว่า การ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คือ การเชื่อมโยงปัญหาและ เป็นกระบวนการที่ถูกกำ หนดไว้ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถ กำ หนดปัญหาจนสามารถนำ วิธีการแก้ปัญหาไปใช้งานได้ โดยความคิดสร้างสรรค์มักเป็นผลมาจากการพยายาม แก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจง การแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์จึงเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจำ แนก ปัญหาเพื่อทำ ความเข้าใจ สร้างความคิด แก้ปัญหา และ ประเมินแนวคิดเหล่านั้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้มี ประสิทธิภาพสูงสุด การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถือเป็น องค์ประกอบหนึ่งของทักษะชีวิตที่มีความสำ คัญที่จะเพิ่ม ภูมิคุ้มกันให้กับผู้เรียน [3] และ [4] จากสภาพปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาการคำ นวณ พบว่านักเรียนยังไม่สามารถแก้ปัญหา สถานการณ์ที่ครูกำ หนดให้ได้อย่างถูกต้อง และยังขาด ความคิดสร้างสรรค์ในการหาวิธีในการแก้ปัญหาที่หลาก หลายเนื่องจากนักเรียนทำ ตามแบบตัวอย่างที่ครูกำ หนด
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 71 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย พัฒนาแผนจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดทักษะการ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker ศึกษาผลของทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยสื่อ Coding For STEM Maker ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยสื่อ Coding For STEM Maker ให้จนไม่สามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้ต่างๆได้ จาก ปัญหาดังกล่าวจึงได้นําสื่อ Coding For STEM Maker ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาการค้นคว้า อิสระ (IS) กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ และกิจกรรม ชุมนุม เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และช่วยให้นักเรียน ได้เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี ในการเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งงาน บอร์ดสมองกลฝังตัวในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ อย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิง คำ นวณในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำ วัน และการบูรณา การกับวิชาอื่นเพื่อพัฒนาโครงงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ ปัญหาในชีวิตจริง วัตถุประสงค์ 1. 2. 3. 4. ตัวแปรที่ทำ การศึกษา 1. ตัวแปรต้น คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 2. ตัวแปรตาม คือ ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คะแนนผลสัมฤทธิ์ และความพึงพอใจโดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทบทวนวรรณกรรม กวินนาฏ พลอยกระจ่าง [5] วิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ในหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง เซลล์และการทำ งานของเซลล์ โดยการจัดการเรียนรู้ตาม แนวสะเต็มศึกษา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการใน ชั้นเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ระบุแนวปฏิบัติที่ดีในการ จัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา และ 2) พัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน โดยใช้การ จัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ผลการวิจัยพบว่าแนว ปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ได้แก่ 1) การใช้สถานการณ์ปัญหาที่มีความใกล้ตัวและเชื่อมโยง กับชีวิตประจำ วันของนักเรียน 2) ขั้นประยุกต์ของการ รูปที่ 1 ตัวแปรที่ทำ การศึกษา
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 72 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย จัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ควรกำ หนดระยะ เวลาที่เหมาะสมเพียงพอและจัดสมาชิกภายในกลุ่มของ นักเรียนให้มีความคุ้นเคยกัน และ 3) การใช้ข้อคำ ถามใน ใบกิจกรรมที่ละเอียดและครอบคลุมสถานการณ์ปัญหา วนัสนันท์ ชูรัตน์ [6] วิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์โดยใช้รูปแบบการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับอินโฟกราฟิกสำ หรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องกรด-เบส การวิจัยครั้ง นี้มีจุดมุ่งหมายคือ 1) เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการเรียน รู้โดยใช้รูปแบบการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับอิน โฟกราฟิกในการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง กรด-เบส 2) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์โดยใช้รูปแบบการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ร่วมกับอินโฟกราฟิก ผลวิจัยพบว่า แนวทาง การจัดแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับอินโฟกราฟิกนั้น ใน ระหว่างกิจกรรมจะต้องกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยใช้คลิปวิดีโอ ใช้คำ ถามกระตุ้นให้นักเรียนคิดหาวิธี การแก้ปัญหาได้หลากหลายและแปลกใหม่ เน้นย้ำ ให้ เขียนวิธีการแก้ปัญหาออกมาได้ครอบคลุมและสอดคล้อง กับสถานการณ์ วิธีดำ เนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบรบือ อำ เภอบรบือ จังหวัด มหาสารคาม สังกัดสำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษามหาสารคาม มีนักเรียนทั้งหมด จำ นวน 300 คน โดยนักเรียนแต่ละห้องมีความสามารถใกล้เคียงกัน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนบรบือ อำ เภอบรบือ จังหวัด มหาสารคาม สังกัดสำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษามหาสารคาม มีนักเรียนทั้งหมด จำ นวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล มี 4 ชนิด ประกอบ ด้วย 1. แผนการจัดการเรียนรู้ Coding For STEM Maker ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำ นวน 20 ชั่วโมง ใช้กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ของสสวท. - หน่วยที่ 1 เรื่องวิทยาการคำ นวณ (2 ชั่วโมง) - หน่วยที่ 2 เรื่องพื้นฐานบอร์ดสมองกลฝังตัว (3 ชั่วโมง) - หน่วยที่ 3 เรื่องพื้นฐานการเขียนโปรแกรมและการใช้ งาน sensor (5 ชั่วโมง) - หน่วยที่ 4 เรื่องการแก้ปัญหาสถานการณ์ในชีวิต ประจำ วัน “Mission for STEM” (5 ชั่วโมง)
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 73 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย - หน่วยที่ 5 เรื่องการนำ เสนอผลงาน (5 ชั่วโมง) 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน Coding For STEM Maker ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำ นวน 20 ข้อ โดยทดสอบก่อนเรียนและหลัง เรียน 3. แบบวัดความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยสื่อ Coding For STEM Maker และแผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จำ นวน 15 ข้อ โดยมีการวัดความ พึงพอใจของนักเรียนหลังเรียน 4. แบบวัดทักษะการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จำ นวน 10 ข้อ โดยมีการบันทึกและเก็บ ข้อมูลการทำ กิจกรรมของนักเรียนทุกหน่วยการเรียนรู้ เพื่อสังเกตพัฒนาการการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของ นักเรียน โดยแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบ แบบวัดความ พึงพอใจ และแบบวัดทักษะการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ที่สร้างขึ้น เสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบ ความถูกต้องของสาระการเรียนรู้ ให้คำ แนะนำ และ ประเมินความเหมาะสม โดยใช้แบบประเมินชนิด มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ของลิเคอร์ท (Likert) แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ เหมาะสมมากที่สุด เหมาะ สมมาก เหมาะสมปานกลาง เหมาะสมน้อย และ เหมาะสมน้อยที่สุด การศึกษาครั้งนี้เป็นการทดลองสอนตามแผนการ จัดการเรียนรู้ Coding For STEM Maker ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ผู้วิจัยดำ เนินการสอนด้วยตนเอง โดยมีวิธีการเก็บ รวบรวมข้อมูลดังนี้ 1. จัดเตรียมสถานที่ สื่อ Coding For STEM Maker วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือในการทดลองให้พร้อม เพื่อให้ มีบรรยากาศที่ดีต่อการเรียนรู้ 2. ทำ การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) ด้วยแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้รายงานสร้างขึ้น จำ นวน 20 ข้อ ตรวจและบันทึกคะแนนไว้ 3. การดำ เนินการในขั้นการสอน มีการบันทึกและเก็บ ข้อมูลการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนทุกหน่วย การเรียนรู้ โดยนำ หลักการกระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมของ สสวท. ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 6 ขั้นตอน ได้แก่ รูปที่ 2 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 74 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 3.1.ระบุปัญหา โดยตั้งปัญหา ซึ่งจะเป็นปัญหาใกล้ตัว นักเรียน หรือจากข่าวสารในชีวิตประจำ วัน 3.2. รวบรวมข้อมูล นักเรียนได้รวบรวมข้อมูลและ แนวคิดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต youtube และเว็บไซต์ต่างๆ 3.3 ออกแบบ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นการออกแบบอุปกรณ์ และ ซอฟต์แวร์ (Software) โดยใช้บอร์ดสมองกลฝังตัว และโปรแกรมใน การสร้างคำ สั่ง 3.4 วางแผน นักเรียนได้ทำ การประกอบส่วนประกอบ หลักๆเข้าด้วยกัน มีการวางแผนและดำ เนินการแก้ปัญหา 3.5 ทดสอบ และประเมินผล ทดสอบการทำ งานของ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ต่างๆ 3.6 นำ เสนอ นักเรียนได้นำ เสนอชิ้นงานที่ได้จัดทำ ขึ้น โดยให้นำ เสนอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆเช่น facebook youtube เป็นต้น 4. ขณะทำ การเรียนการสอน ผู้วิจัยได้บันทึกทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน 5. หลังจากการเรียนการสอนสิ้นสุดลง ผู้วิจัยได้นำ แบบ ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปทดสอบหลังการ ทดลอง (Posttest) 6. เมื่อการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ Coding For STEM Maker ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จบลง ได้ให้ผู้เรียนตอบแบบ วัดความพึงพอใจของตนเอง โดยใช้แบบวัดความพึงพอใจ หลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำ ผลมาวิเคราะห์ 7.นำ ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการทดลองทั้งหมดมา วิเคราะห์ โดยวิธีการทางสถิติ 8. สรุป และรายงานผลการทดลอง ผลการวิจัย 1. พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดทักษะการ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยพัฒนาการ ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของ นักเรียน เกิดจากการจัดกิจกรรมภายในชั้นเรียนผ่าน กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งมีคะแนนความ สามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ในแต่ละแผนการ จัดการเรียนรู้ ดังกราฟ รูปที่ 3 การทำ กิจกรรมของนักเรียน
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 75 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย จากกราฟพบว่า นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหา เพิ่มมากขึ้นตามแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้ใช้รูปแบบการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ร่วม กับโดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker สามารถพัฒนา ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนให้สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากผลการบันทึกแบบวัดทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ จากสถานการณ์ที่ครูกำ หนดให้ใน แต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ เช่น กิจกรรมรถเดินตามเส้น DIY หรือ ไม้กั้นรถอัตโนมัติ นักเรียนสามารถแก้ปัญหา อธิบายขั้นตอนได้ละเอียด ครอบคลุมกับสถานการณ์ที่ กำ หนด และออกแบบรถเดินตามเส้น DIY ได้อย่างหลาก หลาย ดังรูปที่ 4 และ 5 รูปที่ 4 กิจกรรมรถเดินตามเส้น DIY รูปที่ 5 กิจกรรมไม้กั้นรถอัตโนมัติ คะแนนเฉลี่ย การแก้ปัญหา ของนักเรียน กราฟที่ 1 คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหา
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 76 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 2. ศึกษาผลของทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยใช้สื่อ Coding For STEM Maker จากผลการบันทึกแบบวัดทักษะการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ พบว่านักเรียนมีการระบุวิธีการแก้ปัญหาได้ มากขึ้น มีคำ ตอบที่หลากหลาย และครอบคลุม สถานการณ์ปัญหามากยิ่งขึ้น นักเรียนมีความพยายามใน การหาวิธีการที่แปลกใหม่และหลากหลายไม่ซ้ำ กันในชั้น เรียน รวมทั้งสามารถระบุวิธีแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม จากนั้นมีการให้ความรู้ในบทเรียนและร่วมกันอภิปรายว่า จะนำ ความรู้มาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างไร ซึ่งเป็นการ ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน รวมทั้งเป็นการ กระตุ้นให้นักเรียนนำ ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำ วัน รูปที่ 6 นักเรียนร่วมกันแก้ปัญหาจากสถานการณ์ ที่ครูกำ หนด 3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและ หลังเรียนด้วยสื่อ Coding For STEM Maker ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่ 1 แสดงคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน จากการทำ แบบทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนด้วยสื่อ Coding For STEM Maker ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากตารางพบว่า ค่าดัชนีประสิทธิผล ( ) ของแผนการ จัดการเรียนรู้ด้วยสื่อ Coding For STEM Maker ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6475 หรือ คิดเป็นร้อยละ 64.75 นั่นคือการจัดการเรียนเรียนรู้ด้วย สื่อ Coding For STEM Maker มีประสิทธิผลทำ ให้ นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนเพิ่มขึ้น 4. ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วย สื่อ Coding For STEM Maker ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 77 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย จากแผนภูมิ (กราฟที่ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มี ต่อการเรียนด้วยสื่อ Coding For STEM Maker นักเรียน มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 85.5 ระดับ มากร้อยละ 10.5 และระดับปานกลางร้อยละ 4 สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ จากการศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์จากสื่อการเรียนการสอน Coding For STEM Maker ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์หลังเรียนมีแนวโน้มที่ สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์จากสื่อการเรียนการสอน Coding For STEM Maker ได้พัฒนาทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนให้สูงขึ้น และค่าดัชนี ประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 64.75 นั่นคือการจัดการเรียนเรียนรู้ด้วยสื่อ Coding For กราฟที่ 2 แผนภูมิความพึงพอใจของนักเรียน STEM Maker มีประสิทธิผลทำ ให้นักเรียนมีความ ก้าวหน้าในการเรียนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นักเรียนมีระดับ ความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนการสอนมากที่สุด เฉลี่ยร้อยละ 85.5 โดยในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ครูควรเน้นย้ำ ให้ นักเรียนคำ นึงถึงวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสม ที่สุดกระตุ้นให้นักเรียนคิดหาวิธีแก้ปัญหาจาก สถานการณ์ที่กำ หนด โดยคำ นึงสาเหตุและสภาพของ ปัญหา เพื่อมองเห็นปัญหาได้ครอบคลุมและชัดเจน จาก นั้น นักเรียนได้มีการระดมความคิด เพื่อการแลกเปลี่ยน มุมมองที่แตกต่างจนสามารถคิดหาวิธีการแก้ปัญหาที่ หลากหลาย แปลกใหม่ และสามารถเลือกใช้วิธีการที่ เหมาะสมที่สุดมาใช้ในการแก้ปัญหา สอดคล้องกับ De Bono [7] ที่เชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่ต้องการมุมมองที่แตก ต่างจึงจะแก้ไขได้สำ เร็จ การแก้ปัญหาโดยประยุกต์
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 78 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ใช้วิธีการคิดแบบนอกกรอบ การแยกปัญหาเป็นส่วนๆ แล้วนำ กลับมารวมกลุ่มเข้าด้วยกันในลักษณะที่แตกต่าง ไปจากเดิม ทั้งนี้ครูควรเน้นย้ำ การนำ เสนอวิธีการแก้ ปัญหาให้มีความชัดเจนและถูกต้อง ข้อเสนอแนะ ครูควรจัดเตรียมสถานที่ สื่อวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการทดลองให้พร้อม เพื่อให้มี บรรยากาศที่ดีต่อการจัดการเรียนรู้ และมีการศึกษา สถานการณ์ปัญหาที่น่าสนใจ ทันสมัย เพื่อให้นักเรียนได้มี ส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เอกสารอ้างอิง [1] ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตร์การสอน : องค์ความ รู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์. [2] พรสวรรค์ วงค์ตาธรรม. (2558). การคิดแก้ปัญหาเชิง สร้างสรรค์ทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21. วารสารศึกษา ศาสตร์ ม หาวิทยาลัยขอนแก่น, 11(2), 111-121. [3] Jeffrey Baumgartner. (2020). The Basics of Creative Problem Solving – CPS. Retrieved November 18, 2020, from https://shorturl.asia/ZGXlk. [4] Treffinger, D.J ., Isaksen, S.G. (2005). Creative problem solving: the history, development, and implications for gifted education and talent development. Gifted child quarterly. 49(4), 342-53 [5] กวินนาฏ พลอยกระจ่าง. (2564). การพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ในหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง เซลล์และการทำ งานของเซลล์ โดยการจัดการเรียนรู้ตาม แนวสะตีมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ คณะศึกษา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ปีที่ 36, ฉบับที่ 3 [6] วนัสนันท์ ชูรัตน์. (2564). การพัฒนาทักษะการแก้ ปัญหาอย่างสร้างสรรค์โดยใช้รูปแบบการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ร่วมกับอินโฟกราฟิกสำ หรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องกรด-เบส. วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. [7] De Bono, E. (1971). Lateral thinking for management. New York: McGraw-Hill.
ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย บทคัดย่อ การวิจัย การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนในวิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับวิธีการจัดการ เรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E และศึกษาเจตคติต่อการเรียน กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา ภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำ นวน 2 ห้องเรียน รวม 80 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำ นวน 40 คน และกลุ่มควบคุมจำ นวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) แบบประเมินเจตคติต่อการเรียนวิชาเคมีที่มีต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E สถิติ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ( ) , ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) , การทดสอบค่า t-test แบบ Independent และ แบบ Dependent พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ * Corresponding author e-mail : [email protected] Page 79 การพัฒพันาหนังสือสือิเล็กทรอนิกส์ร่ส์ว ร่ มกับการจัดจัการเรียรีนรู้ แบบสืบสืเสาะหาความรู้ 5E ที่มีต่มี ต่ อผลสัมสัฤทธิ์ทธิ์างการเรียรีน วิชวิาเคมี 1 เรื่อรื่ง ตารางธาตุ ของนักเรียรีนชั้นชั้มัธมัยมศึกษาปีที่ปี ที่4 นางสาวสาริณี ภู่ระหงษ์ โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 80 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำ คัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนเจตคติต่อการเรียนวิชาเคมีของนักเรียนที่มีต่อวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E มีเจตคติภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยระดับ เจตคติของกลุ่มทดลองเป็นรายข้อพบว่า มีเนื้อหาที่เพียงพอสำ หรับการทำ ความเข้าใจและค้นหาคำ ตอบ มีเจตคติอยู่ใน ระดับมากที่สุด คำ สำ คัญ: หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ตารางธาตุ เจตคติ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน บทนำ ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการศึกษามีความเจริญก้าวหน้า และได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การเรียนการสอนที่ ใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาได้มีบทบาทสำ คัญอย่างสูงใน สังคมการศึกษา ครูผู้สอนต้องผลิตสื่อการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดกับสภาพการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับรู้และเข้าใจในเนื้อหาวิชาของครูผู้สอน ได้เป็นอย่างดีที่สุด จากการสำ รวจและสอบถามครูผู้สอน ในรายวิชาเคมี และประสบการณ์ของผู้วิจัย พบว่า เรื่อง ตารางธาตุในรายวิชาเคมี มีเนื้อหายากต่อการจดจำ และ เข้าใจ หากมีสื่อการสอนที่สามารถทบทวนเนื้อหาในเรื่อง นั้นๆได้ตลอดเวลา ก็อาจจะทำ ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในรายวิชาเคมีสูงขึ้น เพราะผู้เรียนจะได้รับ ประสบการณ์ตรง จึงเกิดการเรียนรู้ได้ดี มีความเข้าใจ และจดจำ การเรียนรู้นั้นได้นานมากขึ้น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ถือว่าเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ มีความหลากหลายและเหมาะสมกับผู้เรียนในทุกช่วงวัย และสามารถปรับให้สอดคล้องกับทุกรายวิชา [1] เป็น นวัตกรรมทางการศึกษาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล สำ หรับการจัดการระบบการเรียนการสอน เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้ เรียนได้เรียนรู้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ ผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถนำ ความรู้ดังกล่าวมาใช้อย่าง มีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสมสำ หรับการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 81 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เป็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา ให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้ฝึก คิด ฝึกสังเกต ฝึกนำ เสนอ ฝึกวิเคราะห์ วิจารณ์ ฝึกสร้าง องค์ความรู้ [2] การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา ด้วยวิธีการฝึกให้ผู้เรียน รู้จักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดย ครูตั้งคำ ถาม กระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการทางความ คิด หาเหตุผล จนค้นพบความรู้หรือแนวทางในการแก้ไข ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเอง สรุปเป็นหลักการเกณฑ์หรือ วิธีการในการแก้ปัญหา และสามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ ประโยชน์ โดยมีครูเป็นผู้กำ กับ ควบคุม ดำ เนินการให้คำ ปรึกษา ชี้แนะ ช่วยเหลือ ให้กำ ลังใจ เป็นผู้กระตุ้น ส่ง เสริม ให้ผู้เรียนคิด รวมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยมีความต้องการการ พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (ภาพที่1) ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (ภาพที่ 2 ) วิชา เคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เนื่องจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เป็นรูปแบบการสอนที่ผู้ เรียนสามารถเข้าถึงได้ง่ายตลอดเวลาผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง สามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งและถาวร อีกทั้งการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ก็เป็นวิธีที่ช่วย ส่งเสริมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนได้ฝึกตั้งคำ ถาม ฝึกหาคำ ตอบได้ด้วยตนเอง น่าจะส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงขึ้น ที่มา : https://www.krupatom.com/education_7502 ภาพที่ 1 แสดงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เรื่อง ตารางธาตุ ภาพที่ 2 แสดง 5Es Instructional Model (การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5Es)
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 82 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนใน วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ 5E 2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังจากที่ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E 3. ศึกษาเจตคติต่อการเรียนวิชาเคมี 1 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ ที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิธีดำ เนินการวิจัย ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรง เรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำ เภอเมือง จังหวัด ฉะเชิงเทรา สังกัดสำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำ นวน 5 ห้องเรียน (สายวิทย์ – คณิต) ซึ่งมีจำ นวนรวม ทั้งสิ้น 194 คน จัดแบบคละความสามารถเก่ง ปานกลาง และอ่อน กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธรวราราม วรวิหาร อำ เภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา สังกัดสำ นักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาฉะเชิงเทรา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบ เจาะจง (Purposive Sampling) จำ นวน 2 ห้องเรียน ห้องเรียนละ 40 คน ที่ผ่านการทดสอบความรู้ (Pre-test) แล้วเลือกห้องที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน จากนั้นมา สุ่มจับฉลากเพื่อกำ หนดเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม คือ กลุ่มทดลอง ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E จำ นวน 40 คน กลุ่มควบคุม ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการสอน แบบปกติ จำ นวน 40 คน เนื้อหา เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยคือ เรื่อง ตารางธาตุ (บทที่ 2) โดย ใช้หนังสือเรียนวิชาเคมี 1 สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. นวัตกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นำ ไปหา
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 83 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย คุณภาพ โดยหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รองกลุ่มบริหารวิชาการ พิจารณาความ สอดคล้องเนื้อหากับจุดประสงค์ หา IOC ผู้สอนปรับปรุง แก้ไขตามข้อเสนอแนะก่อนนำ ไปใช้จริง 2. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชา เคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำ นวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ รวมใช้เวลา 12 ชั่วโมง นำ ไปหาคุณภาพ โดยหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองกลุ่มบริหารวิชาการ พิจารณาความสอดคล้องเนื้อหากับจุดประสงค์ หา IOC ผู้สอนปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะก่อนนำ ไปใช้จริง 3. แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ตาราง ธาตุ จำ นวน 30 ข้อ นำ ไปหาคุณภาพโดยหัวหน้ากลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองกลุ่ม บริหารวิชาการ พิจารณาความสอดคล้องเนื้อหากับจุด ประสงค์ หา IOC ผู้สอนปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ก่อนนำ ไปใช้จริง 4. แบบประเมินเจตคติวิชาเคมี 1 ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ ที่มีต่อวิธีการจัดการ เรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิธีการดำ เนินการเก็บข้อมูล 1. ศึกษาหลักสูตร ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ รายวิชา เคมี 1 (ว 31221) ภาคเรียนที่ 2/2564 กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อวางแผน ออกแบบการจัดการเรียนรู้ 2. สร้างนวัตกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แผนการ จัดการเรียนรู้ และเครื่องมือวัดประเมินผล จากนั้นนำ ไป หาคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 3. ทดสอบก่อนเรียนกับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบ ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน จำ นวน 30 ข้อ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นบันทึกผลการสอบไว้เป็นคะแนนก่อนเรียน เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล 4. ทดลองสอน โดยสอนนักเรียนกลุ่มทดลอง จำ นวน 40 คน โดยวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E ซึ่งใช้เนื้อหาเรื่อง ตารางธาตุ จำ นวน 7 แผนการจัดการเรียนรู้ รวมใช้เวลา 12 ชั่วโมง (ภาพที่ 3-6) 5. ทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ทำ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน จากนั้นบันทึก ผลการสอบไว้เป็นคะแนนหลังเรียนเพื่อการวิเคราะห์ ข้อมูล 6. ให้นักเรียนกลุ่มทดลอง ตอบแบบสอบถามเพื่อ ประเมินเจตคติ วิชาเคมี 1 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ ที่มีต่อวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ 5E
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat ภาพที่ 3 นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องตารางธาตุ จากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ภาพที่ 4 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องตารางธาตุ เป็นแผนผังมโนทัศน์ Page 84 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ผลการวิจัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัยขอเสนอผลการวิจัยเป็น 2 หัวข้อ ดังนี้ 1.ผลการนำ การจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ไปทดลองใช้ โดยมุ่งเปรียบเทียบคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 2. ผลการศึกษาระดับเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัด การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ภาพที่ 5 นักเรียนนำ เสนอความรู้เรื่องตารางธาตุ หน้าชั้นเรียน ภาพที่ 6 นักเรียนทำ ใบงาน เรื่อง ตารางธาตุ เพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 85 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 1.ผลการนำ การจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E ไปทดลองใช้ โดยมุ่งเปรียบเทียบคะแนน วัดผลสัมฤทธิ์หลังการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่ม ควบคุม 1.1 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนวัดผล สัมฤทธิ์ของนักเรียนกลุ่มทดลองก่อนเรียนและหลังเรียน ตารางที่ 1 ผลการเปรียบเทียบคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ของ นักเรียนกลุ่มทดลองก่อนเรียนและหลังเรียน ตารางที่ 2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังการ เรียนของนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จากตารางที่ 1 ผู้วิจัยทำ การวิเคราะห์เปรียบเทียบ คะแนนของนักเรียนกลุ่มทดลองก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติทดสอบ Dependent-Samples t-test ผล การวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า คะแนนก่อนเรียนและหลัง เรียนของกลุ่มทดลองมีคะแนนแตกต่างกันอย่างมีนัย สำ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 15.054 , p = 0.000) ซึ่งพบว่าวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชา เคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 1.2 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ หลังการเรียนของนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จากตารางที่ 2 ผู้วิจัยทำ การวิเคราะห์เปรียบเทียบ คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์หลังการเรียนของนักเรียนกลุ่ม ทดลองและกลุ่มควบคุม ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า คะแนนหลังการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมี คะแนนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 5.802 , p = 0.000) นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับวิธี การจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E มีคะแนนการ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมที่ ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 86 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 2. ผลการศึกษาระดับเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ 5E *หมายเหตุ ค่าเฉลี่ย ระดับเจตคติ 4.51–5.00 มากที่สุด 3.51–4.50 มาก 2.51–3.50 ปานกลาง 1.51–2.50 น้อย 1.00–1.50 น้อยที่สุด ตารางที่ 3 ระดับเจตคติของนักเรียน จากตารางที่ 3 พบว่าหัวข้อการประเมินแบบสอบถาม ทั้งหมด 10 ข้อ มีจำ นวน 7 ข้อ ที่นักเรียนมีเจตคติอยู่ใน ระดับดีมากที่สุดต่อการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 เมื่อได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E เรื่อง ตารางธาตุ โดยคะแนนเฉลี่ยจาก แบบสอบถามจากการประเมินเท่ากับ 4.56 คะแนน พบ ว่า มีเนื้อหาที่เพียงพอสำ หรับการทำ ความเข้าใจและ ค้นหาคำ ตอบ มีเจตคติอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่า เท่ากับ 4.77 มีค่า S.D. เท่ากับ 0.43 รองลงมาคือ เนื้อหามีความ กะทัดรัด ชัดเจน เป็นลำ ดับขั้น ง่ายต่อการทำ ความเข้าใจ มีค่า เท่ากับ 4.63 มีค่า S.D. เท่ากับ 0.49 ขนาดและสีตัว อักษรที่ใช้มีความเหมาะสม ชัดเจน สวยงาม อ่านง่าย และสามารถนำ กิจกรรมการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการ เรียนวิชาอื่นๆได้ดี มีค่า เท่ากับ 4.60 มีค่า S.D. เท่ากับ 0.50 การเชื่อมโยงลิงค์ในบทเรียนทำ ได้ง่ายและตรงตาม ความต้องการ มีค่าเจตคติเท่ากับกิจกรรมการเรียนรู้ช่วย สรุปความเข้าใจในเนื้อหาและลดปัญหาการนำ เสนอ ความคิดที่ยากคือมีค่า เท่ากับ 4.57 มีค่า S.D. เท่ากับ 0.57 บทเรียนมีความยืดหยุ่น สนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล และผู้เรียนสามารถควบคุมลำ ดับเนื้อหา ลำ ดับการเรียนได้ และกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยสรุปความ เข้าใจในเนื้อหาและลดปัญหาการนำ เสนอความคิดที่ยาก มีค่าเจตคติเท่ากันคือมีค่า เท่ากับ 4.57 มีค่า S.D. เท่ากับ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 87 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย 0.50 ตามลำ ดับ สรุปผลการวิจัย การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับวิธีการ จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับวิธีการ จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมี นัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. เจตคติต่อการเรียนวิชาเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ ที่มีต่อวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ 5E พบว่า เจตคติภาพรวมอยู่ในระดับมาก ที่สุด เมื่อดูค่าเฉลี่ยระดับเจตคติของกลุ่มทดลองเป็นรายข้อ พบว่า มีเนื้อหาที่เพียงพอสำ หรับการทำ ความเข้าใจและ ค้นหาคำ ตอบ มีเจตคติอยู่ในระดับมากที่สุด อภิปรายผล จากผลการวิจัยที่พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ที่ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนกลุ่มทดลองหลังจากที่ ได้รับวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E จน ครบทั้ง 7 แผนการจัดการเรียนรู้ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 19.70 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน จะเห็นว่านักเรียน กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยไม่สูงมาก อาจเป็นเพราะด้วย พื้นฐานของบริบทของโรงเรียน ไม่มีโอกาสในการคัดเลือก นักเรียนเข้าเรียน ทำ ให้โรงเรียนได้นักเรียนที่มีพื้นความรู้ เดิมไม่ค่อยดี หรือมีพื้นความรู้แตกต่างกัน นักเรียนส่วน มากชอบการทำ กิจกรรมมากกว่าการเรียนที่เน้นทฤษฎี และเนื่องจากการวิจัยนี้ใช้เวลานานในการเรียนเรื่อง ตารางธาตุ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง อาจทำ ให้ความคงทนใน การเรียนรู้ลดลง ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจส่งผลให้นักเรียน กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยหลังจากการจัดการเรียนรู้ไม่ สูงมากและวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5E เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา โดยให้ผู้เรียน
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 88 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ได้ฝึกคิด สังเกต วิเคราะห์ วิจารณ์ นำ เสนอ และสร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง เน้นการพัฒนาความสามารถในการแก้ ปัญหาด้วยวิธีการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยครูตั้งคำ ถามกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการทางความ คิด หาเหตุผลจนค้นพบความรู้หรือแนวทางในการแก้ไข ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเอง สรุปเป็นหลักการเกณฑ์หรือวิธี การในการแก้ปัญหาและสามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ ประโยชน์ โดยมีครูเป็นผู้กำ กับควบคุมดำ เนินการให้คำ ปรึกษาชี้แนะ ช่วยเหลือ ให้กำ ลังใจ เป็นผู้กระตุ้น ส่งเสริม ให้ผู้เรียนคิด รวมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยผู้เรียน สามารถศึกษาหาความรู้ได้จากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฯ ซึ่ง ผู้วิจัยเห็นว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E จะเป็นนวัตกรรมทางการศึกษา ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำ หรับการจัดการ ระบบการเรียนการสอน เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการ สอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา ตาม ต้องการ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถนำ ความรู้ดังกล่าวมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสม สำ หรับการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 ทำ ให้การเรียนการ สอนประสบผลสำ เร็จไปพร้อมๆ กัน สอดคล้องกับสุจิตรา เชื้อกุล [3] ได้ศึกษาการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์วิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบัติของสาร สำ หรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ร่วมกับการจัดกิจกรรมการสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ พบว่าผู้เรียนมีคะแนนสอบหลังเรียนสูง กว่าคะแนนสอบก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญทางสถิติที่ ระดับ .05 และสอดคล้องกับจุฬารัตน์ ต่อหิรัญพฤกษ์ [4] ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความ สามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร(ฝ่ายมัธยม) ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ บูรณาการและการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ และการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ มีผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถใน การคิดวิเคราะห์อย่างมีนัยสำ คัญ .01 สำ หรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรง เรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทราที่ได้รับวิธีการ จัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชาเคมี 1 เรื่อง ตารางธาตุ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า นักเรียนที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบปกติอย่างมี นัยสำ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 เนื่องจากวิธีการจัดการ เรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E กับวิธีการจัดการเรียนรู้ แบบปกติเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน กล่าวคือ วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E จะเป็นการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสำ คัญ
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 89 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย เป็นกลยุทธ์การสอนที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้ได้ ด้วยตนเอง สร้างทั้งความสนใจ กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และปูทางให้กับการพัฒนาทักษะโดยใช้การตั้งคำ ถาม (inquiry) เป็นพื้นฐานในการให้ผู้เรียนได้นำ ประสบการณ์ที่ เรียนรู้ หรือฝึกฝน มาทดลองปฏิบัติ หรือแสวงหาคำ ตอบ เกิดเป็นการเรียนรู้จากความเข้าใจที่ผู้เรียนค่อย ๆ สร้างสม ขึ้นมา โดยผู้สอนจะเป็นผู้ช่วยแนะนำ แก้ไขและเสริมต่อใน ส่วนที่จำ เป็น สอดคล้องกับพิมพันธ์ เดชะคุปต์ [5] และ อนรรฆพร สุทธิสาร [6] ได้ศึกษาการพัฒนาหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ สำ หรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E พบว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนมากกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำ คัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 สำ หรับเจตคติต่อการเรียนวิชาเคมีของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ตารางธาตุ ที่มีต่อวิธีการจัดการ เรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียน รู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E พบว่า เจตคติภาพรวมอยู่ใน ระดับมากที่สุด xˉ = 4.56, S.D. = 0.53 เมื่อดูค่าเฉลี่ย ระดับเจตคติของกลุ่มตัวอย่างเป็นรายข้อ พบว่า มีเนื้อหาที่ เพียงพอสำ หรับการทำ ความเข้าใจและค้นหาคำ ตอบ มี เจตคติอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่า เท่ากับ 4.77 มีค่า S.D. เท่ากับ 0.43 ซึ่งกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถสนอง ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ เป็นอย่างดี เป็นการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำ คัญส่งเสริมผู้ เรียนได้พัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบโดยการสืบค้น ข้อมูลและเสาะแสวงหาด้วยตนเอง เพื่อสามารถถ่ายโยง การเรียนรู้ ทำ ให้เกิดเป็นการจำ แบบยั่งยืน สอดคล้องกับ ชนกานต์ สุวรรณทรัพย์ [7] ได้ศึกษาการพัฒนารูปแบบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำ หรับการเรียนกลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่าผลการ ประเมินความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนที่เรียน ผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีระดับ คะแนน 4.55 อยู่ในระดับดี ข้อเสนอแนะ 1. ควรมีการศึกษาวิจัย วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้ 5E ในเรื่องอื่นๆและในระดับชั้นต่างๆ 2. ควรมีการศึกษาวิจัยตัวแปรตามอื่นๆ เช่น ความ คงทนในการเรียนรู้ ความรับผิดชอบในการเรียน ความ สนใจในการเรียน เป็นต้น กิตติกรรมประกาศ งานวิจัยฉบับนี้สำ เร็จได้โดยความอนุเคราะห์จาก ว่าที่ ร.ต. เกชา กลิ่นเพ็ง ผู้อำ นวยการโรงเรียนวัดโสธรว รารามวรวิหาร ตลอดจนคณะครูทุกท่าน ที่กรุณาให้ความ รู้ คำ ปรึกษา จนทำ ให้งานวิจัยฉบับนี้สำ เร็จลุล่วงได้อย่าง เรียบร้อยสมบูรณ์
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 90 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย คุณค่าและประโยชน์อันเกิดจากงานวิจัยฉบับนี้ เป็นผลมา จากความกรุณาของท่านดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยขอ ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ เอกสารอ้างอิง [1] เขมณัฏฐ์ มิ่งศิริธรรม. (2556). การพัฒนาชุดฝึกอบรม ออนไลน์เพื่อการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำ หรับครูใน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3. วารสาร Veridian E-Journal Silpakorn University กลุ่มมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์, กันยายน-ธันวาคม, 282-290. [2] ภพ เลาหไพบูลย์. (2556). แนวการสอนวิทยาศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สำ นักพิมพ์ไทยวัฒนาพา นิช. [3] สุจิตรา เชื้อกุล. (2559). การพัฒนาหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ วิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบัติของ สารสำ หรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ร่วมกับการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้. ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร. [4] จุฬารัตน์ ต่อหิรัญพฤกษ์. (2557). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถในการคิด วิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร(ฝ่ายมัธยม) ที่ได้ รับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการและการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้. ปริญญานิพนธ์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. [5] พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2555). การเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำ คัญ: แนวคิด วิธีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพมหานคร: เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป แมเนจเม้นท์. [6] อนรรฆพร สุทธิสาร. (2563). วารสารวิชาการและ วิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ปีที่ 11 ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2564, 244-259. [7] ชนกานต์ สุวรรณทรัพย์. (2556). การพัฒนารูปแบบ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำ หรับการเรียนกลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. ปริญญานิพนธ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
[email protected] [email protected] smtat สวคท smtat Page 91 ปีที่ 30 กันยายน - ธันวาคม 2565 วารสารออนไลน์น์ น์น์ สมาคมครูวิรูทวิยาศาสตร์คร์ณิตณิศาสตร์แร์ละเทคโนโลยีแยีห่งห่ ประเทศไทย ดร.พรรณี บุญประกอบ อ.นารี วงศ์สิโรจน์กุล อ.ปาริฉัตร พวงมณี ผศ.มาลินท์ อิทธิรส ดร.ระวี สุวรรณเดโชไชย ผศ.ดร.แจ่มจันทร์ ศรีอรุณรัศมี กองบรรณาธิกธิาร