"กลไกราคา"
market
พบกับ
ชั้นชื่อ บลูด๊อป
ชั้นชื่อ ลูดี้
บลูด๊อป : กาด้า บ๊อบบี้ วันนี้เลิกเรียนเย็น ได้เลย เจอกันหลังโรงเรียนนะ
นี้ไปหาของกินที่ตลาดกันมั้ย
ณ ตลาด...
ลูดี้: เรามาตลาดกันทั้งที จำเรื่องที่เรียมวันนี้ได้มั้ยว่า
ตลาดในระบบเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง
กาด้า :ชั้นเรียนไม่เข้าใจเลยล่ะ ฮือๆ
ลูดี้ : ระหว่างเดินเดี๋ยวชั้นอถิบายให้ฟังทั้งหมดเลย
ความหมายของตลาด
ตลาด หมายถึง ปริมาณความต้องการของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
ที่มีต่อสินค้าหรือบริการ อย่างใด อย่างหนึ่ง มีความเต็มใจซื้อ และ
มีความสามารถในการซื้อ ขายสินค้าหรือบริการตามที่ต้องการ
ประเภทของตลาด ยังไงล่ะ
จะมาทำการรู้จักกับตลาด"แข่งขันสมบูรณ์"และตลาด" แข่งขันไม่สมบูณ์"
มันคืออะไรกันน้า
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect competition market)
• มีจำนวนผู้ซือ-ผู้ขายในตลาดจำนวนมาก
• สินค้าในตลาดมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ ผู้ซื้อจึงยอมรับราคาที่ตลาด
กำหนด (Price taker)
• ผู้ผลิต-ผู้ขาย สามารถเข้าออกจากตลาดได้โดยเสรี โดยไม่มีกำไรเป็นแรงจูงใจ
• มีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรการผลิตสินค้าและบริการได้อย่างเสรี
• ผู้ซื้อ-ผู้ขายมีความรู้ และรับทราบข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะเรื่องราคาได้เป็น
อย่างดี
• ตัวอย่าง ตลาดสินค้าการเกษตร ตลาดซื้อขายหลักทรัพย์และเงินตราต่าง
ประเทศ
ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
• ด้านผู้บริโภค ราคาที่ถูกกำหนดขึ้นในสภาพการแข่งขัน เป็นราคาที่ยุติธรรมต่อ
ผู้บริโภค
• ด้านผู้ผลิต ส่งผลให้ผู้ผลิตปรับปรุงสินค้าและบริการของตน เพื่อการแข่งขัน
กับผู้ผลิตรายอื่นๆ
• ด้านสังคม ทำให้สังคมมีการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างคุ้มค่า เพื่อประสิทธิภาพ
ทางธุรกิจ
หมายเหตุ :: ในทางเศรษฐศาสตร์ ถือว่าตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นตลาดใน
อุดมคติ
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect competition market)
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect competition market) หมายถึง
ตลาดที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคา หรือปริมาณซื้อสินค้า
ขึ้นอยู่กับความไม่สมบูรณ์ของตลาดว่าไม่สมบูรณ์มากเพียงใด แบ่งเป็น 3
ประเภท คือ
ตลาดผูกขาดสมบูรณ์ (Pure Monopoly)
• ตลาดที่มีผู้ผลิตหรือผู้ขาย เพียงรายเดียว
• สินค้าหรือบริการ เป็นสินค้าที่ไม่มีสินค้าอื่นมาทดแทนได้เลย
• มีการกีดกันการเข้าสู่ตลาดสูง (เงินทุน สัปทาน ใบประกอบวิชาชีพ )
• ไม่จำเป็นต้องส่งเสริมการขายมากนัก
• ผู้ผลิตหรือผู้ขาย มีอำนาจกำหนดราคาสูง
• ตัวอย่าง ไฟฟ้า ประปา รถไฟ (มักจะเป็นของรัฐบาล)
ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
• ตลาดที่มีผู้ขายหรือผู้ผลิต เพียงไม่กี่ราย
• สินค้าหรือหรือบริการมักมีความคล้ายคลึง แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
• มีการกีดกันการเข้าสู่ตลาดพอสมควร
• การแข่งขันมักจะเน้นการส่งเสริมการขาย และโฆษณา
• ผู้ผลิตหรือผู้ขาย มีอำนาจกำหนดราคาพอสมควร
• ตัวอย่าง น้ำมัน รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)
• ตลาดที่มีผู้ขายหรือผู้ผลิตจำนวนมาก แต่ไม่มากเท่ากับตลาดแข่งขัน
สมบูรณ์
• สินค้าหรือหรือบริการ คุณภาพไม่ต่างกันมาก ใช้แทนกันได้
• ผู้ผลิตหรือผู้ขายสามารถเข้าออกจากตลาดได้อย่างเสรี
• การแข่งขันมักจะเน้นการส่งเสริมการขาย โฆษณา รวมทั้งการแข่งขัน
ราคา
• ผู้ผลิตแต่ละรายมีส่วนแบ้งในตลาดไม่มาก จึงไม่มีอำนาจในการกำหนด
ราคา
• ตัวอย่าง สบู่ แชมพู น้ำตาล ผงชูรส ลูกอม
ข้อเสียของตลาดผูกขาด
• ผลผลิตอาจไม่พอต่อความต้องการ และอาจมีราคาสูง
• ผู้ซื้อไม่มีตัวเลือกในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการมากนัก
• ยิ่งระดับการผูกขาดมาก การผลิตอาจไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่มีคู่
แข่งทางการค้า
บลูด๊อป :เดี๋ยวชั้นอถิบายต่อเอง
บ๊อบ : ต่อไปเป็นเรื่องอุปสงค์และอุปทาน
อุปสงค์และอุปทานคืออะไร ?
อุปสงค์ หมายถึง ความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการ ในปริมาณ
ที่ผู้บริโภคต้องการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในราคาต่าง ๆ ซึ่งความ
ต้องการที่สามารถซื้อสินค้าและบริการได้จริงนั้น ต้องมาจากความ
ต้องการ และมีเงินพอที่จะจ่ายได้ด้วยนั่นเอง
กฎของอุปสงค์ สินค้าราคาถูกลง —> ซื้อเพิ่มขึ้น
สินค้าราคาแพงขึ้น —> ซื้อน้อยลง
อุปทาน คือ ปริมาณความต้องการในการเสนอขายสินค้า หรือบริการ
ชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยที่ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตมีความเต็มใจที่จะ
เสนอขาย และมีความสามารถในการจัดหาสินค้า-บริการมาขายได้ใน
ช่วงเวลาหนึ่ง บนระดับราคาต่าง ๆ ที่ตลาดกำหนด
กฎของอุปทาน สินค้าราคาแพงขึ้น —> ผลิตเพิ่ม
สินค้าราคาถูกลง —> ลดการผลิต
กาด้า : ถ้าชั้นจำไม่ผิด มีการกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจด้วยใช่ม้า
อถิบายให้ชั้นฟังหน่อยสิ
บ๊อบบี้ : ใช่แล้วล่ะเดี๋ยวชั้นจะมาอถิบายให้นายเข้าใจเอง
การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ
ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น - อุปทานสูงขึ้น อุปสงค์ต่ำลง
ราคาและสินค้าบริการต่ำลง - อุปทานต่ำลง อุปสงค์ต่ำขึ้น
ราคาดุลย์ภาพ คือ ราคาที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ = ราคาที่ผู้ผลิตต้องการขาย
ปัจจัยในการกำหนดราคา
สภาวะทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจดี
-ประชาชนมีรายได้ดีปริมาณเงินในตลาดก็มากและ
คนมีกำลังซื้อมากขึ้น เท่ากับว่า ผู้ขาย=ตั้งราคา
สินค้าสูง
เศรษฐกิจตกต่ำ
⁃ ประชาชลรายได้ลดลงปริมาณในตลาดน้อย คนก็
จะมีกำลังซื้อน้อยเช่นกัน ผู้ชาย = ตั้งราคาสินค้าต่ำ
การแข่งขันของตลาด
ตลาดที่มีสินค้าประเภทเดียวกัน
-สินค้าลักษณะเหมือนกัน
-มีผู้ชายหลายคน
ผู้ขาย = กำหนดราคาสินค้าเท่าๆกัน
ตลาดที่มรผู้ขายเพียงไม่กี่เจ้า
⁃ สินค้าที่มีการลงทุนสูงเช่น ธุรกิจน้ำมัน
⁃ มีผู้ขายเพียงคนเดียว/กำหนดราคาได้
ตามความต้องการ
ผู้ขาย = กำหนดราคาสินค้าสูง
กาด้า : ชั้นเข้าใจแล้วล่ะ ง่ายกว่าที่คิดอีกนะ ขอบคุณนะทุกคน
บ๊อบบี้ ลูดี้ บลูด๊อป : ยินดีมากๆเลยล่ะ เย้ๆ
ด.ญ.ณัฎฐณิชา ตังสิริ ม.3/13 เลขที่12