รสในวรรณคดี รสในวรรณคดีไทย รสในวรรณคดีสันสกฤต ส่งคุณครูอาจารย์ อาจารย์จารุนันท์ย่องจีน รายวิชาภาษาไทยเพิ่มเติม มัธยมศึกษาปีที่ 4/3
รสในวรรณคดีไทย เสาวรจนีย์(บทชมโฉม) คือการกล่าวชมความงามของตัวละคร ในเรื่อง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งตัวละครที่เป็นมนุษย์อมนุษย์หรือสัตว์ ตัวอย่างบทประพันธ์ บทโฉมนางเงือก บทชมโฉมนางเงือกซึ่งติดตามพ่อแม่มาเพื่อพาพระอภัยมณี หนีนางผีเสื้อสมุทร จากเรื่องพระอภัยมณี พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป (พระสุนทรโวหาร (ภู่)) " เสาวรจนีย์ "
รสในวรรณคดีไทย นารีปราโมทย์(บทเกี้ยวโอ้โลม) คือ การกล่าวแสดงความรักในการ พบกันระยะแรกๆ และในตอนโอ้โลม ก่อนจะถึงบทสังวาสนั้นด้วย **ตัวอย่าง ตอน พระอภัยมณีโอ้โลมนางละเวง ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้นเกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้นเนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง เจ้าเป็นถ้าอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ตรองพิศวาสทุกชาติไป ตัวอย่างจากบทประพันธ์เรื่อง อิเหนา น้องเอยน้องรัก นวลละลองผ่องพักตร์เพียงแขไข งามองค์ทรงลักษณ์วิไล พิศไหนสารพันเป็นขวัญตา พี่หวังจากไมตรีจิต รักร่วมสนิทเสน่หา ควรฤๅดวงใจไม่เมตตา แต่จะตอบวาจาก็ไม่มี ช่างผินผันหันหลังไม่แลดู โฉมตรูขัดใจสิ่งไรพี่ เชิญชะม้ายชายตามาทางนี้ จะสะบัดเบือนหนีพี่ยาไย อิเหนา " นารีปราโมทย์ "
รสในวรรณคดีไทย พิโรธวาทัง (อารมณ์โกรธ) เป็นอารมณ์ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง ของมนุษย์ปุถุชน "เป็นความโกรธ หรือการตัดพ้อ ว่าด้วย ความขุ่นเคือง คำ ที่ใช้จึงมักจะลงเสียงหนัก เพื่อเน้นความรู้สึก โกรธ เกลียดหรือเจ็บใจ" จารีตนิยมชนิดนี้มีความแตกต่างเป็น ระดับ กล่าวคือ กล่าวเปรียบเทียบเชิงถ่อมตน - เจียมตน ตัดพ้อต่อว่า กล่าวเปรียบเปรยด่าว่า และ ถึงขั้นตัดเป็นตัดตาย " พิโรธวาทัง " ตัวอย่างบทประพันธ์จากเรื่อง อิเหนา แล้วว่าอนิจจาความรัก เพิ่งประจักษ์ดังสายน้ำไหล ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิจ โอ้ว่าเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร อิเหนา
รสในวรรณคดีไทย "สัลลาปังคพิสัย" อารมณ์โศกเศร้าที่เกิดจากความทุกข์อัน เนื่องมาจากความไม่สมหวังความผิดหวัง ความสูญเสีย ตลอด จนเรื่องของการพลัดพราก เข้าทำ นองพุทธวัจนะบทที่ว่า "ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์" โดยแท้จารีตนิยมชนิด นี้พบมากในวรรณกรรมแสดงอารมณ์ และในวรรณกรรม นิทาน-นิยาย " สัลลาปังคพิสัย " ตัวอย่างบทประพันธ์ ตอนที่สุนทรภู่คร่ำ ครวญถึงรัชกาลที่ 2 ซึ่งสวรรคตแล้ว เป็น เหตุให้สุนทรภู่ต้องตกระกำ ลำ บาก เพราะไม่เป็นที่โปรดปราน ของรัชกาลที่ 3 ต้องระเห็จเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆ ขณะ ล่องเรือผ่านพระราชวัง สุนทรภู่ซึ่งระลึกถึงความหลังก็ คร่ำ ครวญอาลัย ถึงอดีตที่เคยรุ่งเรือง จากนิราศภูเขาทอง เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ (พระสุนทรโวหาร (ภู่))
รสในวรรณคดีสันสกฤต ศฤงคารรส (รสแห่งความรัก) เป็นการพรรณวามรักระหว่าง หนุ่มสาวระหว่างสามี ภรรยา ระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย บิดา มารดากับบุตร ญาติกับญาติ ฯลฯ สามารถทำ ให้ผู้อ่าน พอใจรัก เห็นคุณค่าของความรักนึกอยากรักกับเขาบ้างเช่น รักฉันชู้สาว รักหมู่คณะ รักประเทศชาติ เป็นต้น อย่างเช่น เรื่องลิลิตพระลอ เต็มไปด้วยรสรัก(บาลี เรียกรสนี้ว่า รติรส) จะกล่าวว่าในรสนี้ อาจเทียบได้กับนารีปราโมทย์ก็ว่าได้ " ศฤงคารรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ ถึงไปก็ไม่อยู่นาน เยาวมาลย์อย่าโศกเศร้าหมอง พระจุมพิตชิดเชยปรางทอง กรประคองนฤมลขึ้นบนเพลาฯ ในบทนี้ เนื้อความจะคล้ายกับตัวอย่างที่ยกไว้ในรสนารี ปราโมทย์ คือตนก็ยังรักจินตะหราอยู่ ไม่ได้หนีหน่ายไปไหน ขอจินตะหราอย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย
รสในวรรณคดีสันสกฤต หาสยรส (รสแห่งความขบขัน)เป็นการพรรณนาที่ทำ ให้เกิด ความร่าเริง สดชื่น เสนาะ ขบขัน อาจทำ ให้ผู้อ่าน ผู้ดูยิ้มกับ หนังสือ ยิ้มกับภาพที่เห็น ถึงกับลืมทุกข์ดับกลุ้มไปชั่วขณะ เช่น เรื่องระเด่นลันได เป็นต้น (บาลีเรียกรสนี้ว่า หาสะรส) " หาสยรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ บ้างบ่าวเข้าคนละบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนด้นไปแต่ลำ พัง บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง ที่ถูกปืนป่วยขาละล้าละลัง อุตส่าห์คลานเซซังซุกไปฯ กวีตั้งใจจะให้ดูแล้วตลกขบขัน แม้ว่าเราอาจจะอ่านแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ ขำ สักเท่าไหร่คือเมื่อท้าวกะหมังกุหนิงถูกกริชแล้ว โดยปกติเมื่อแม่ทัพ ตาย ใครเล่าจะยังอยู่รบต่อ ก็ได้แต่แตกกระเจิงหนีกันหัวซุกหัวซุน บ้างก็วิ่งกันผ้าผ่อนหลุดลุ่ย หนามทิ่งแทงเกี่ยวไปเกี่ยวมา บ้างวิ่งบ้างคลาน เห็นถึงความ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
รสในวรรณคดีสันสกฤต กรุณารส (รสแห่งความเมตตากรุณาที่เกิดภายหลังความ เศร้าโศก) เป็นบทพรรณนาที่ทำ ให้ผู้อ่านหดหู่เหี่ยวแห้ง เกิด ความเห็นใจถึงกับ น้ำ ตาไหล พลอยเป็นทุกข์ เอาใจช่วยตัว ละคร เช่น เห็นใจนางสีดา เห็นใจจรกา และเห็นใจนางวันทอง เป็นต้น(บาลีเรียกรสนี้ว่า โสกะรส) " กรุณารส " ตัวอย่างบทประพันธ์ แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัปลักษณ์ จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ เมื่ออ่านตรงช่วงนี้แล้ว เราจะรู้สึกสงสารท้าวดาหาขึ้นมาจับใจ เพราะท้าวดาหาได้แต่ตัดพ้อต่อว่าน้อยใจ ว่าศึกสงครามนั้นมันไม่ น่าเกิดขึ้นหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลูกของตนนั้นหน้าตาอัปลักษณ์ ดูสิ ขนาดว่าจะแต่งงานทั้งที ผู้ชายเขายังไม่รักเลย ซึ่งเป็นการ กล่าวประชดประชัน เพราะท้าวดาหานั้นกำ ลังน้อยใจอิเหนา
รสในวรรณคดีสันสกฤต รุทรรส/เราทรรส (รสแห่งความโกรธเคือง) บทบรรยายหรือ พรรณนาที่ทำ ให้ผู้ดูผู้อ่านขัดใจฉุนเฉียว ขัดเคืองบุคคลบาง คนในเรื่อง บางทีถึงกับขว้างหนังสือทิ้ง หรือฉีกตอนนั้นก็มี เช่น โกรธขุนช้าง โกรธชูชก(บาลีเรียกรสนี้ว่า โกธะ) รสนี้ เทียบได้กับรสวรรณคดีไทยคือ พิโรธวาทัง " รุทรรส/เราทรรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงนเรนทร์สูร ได้ฟังทั้งสองทูตทูล ให้อาดูรเดือดใจดั่งไฟฟ้า จึงบัญชาตรัสด้วยขัดเคือง ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา เราอ่อนง้อขอไปในสารา แต่จะว่ารับไว้ก็ไม่มี ตอนที่ท้าวกะหมังกุหนิงก็กำ ลังโกรธยิ่งนัก เพราะตนนั้นยอมอ่อนข้อส่งคนไปขอเจรจา แต่ท้าวดาหานั้นหาได้จะรับไว้แม้แต่นิดเดียวเลย คิดแล้วก็น่าแค้นใจนัก
รสในวรรณคดีสันสกฤต วีรรส (รสแห่งความกล้าหาญ) บทบรรยายหรือ พรรณาที่ทำ ให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟังพอใจผลงานและ หน้าที่ ไม่ดูหมิ่นงาน อยากเป็นใหญ่ อยากร่ำ รวย อยากมีชื่อเสียง เลียนแบบสมเด็จพระนเรศวร ชอบ ความมีขัตติมานะของพระมหาอุปราชา จากเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย (บาลีเรียกรสนี้ว่า อุตสาหะรส) " วีรรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ จะตั้งหน้าอาสาชิงชัย มิได้ย่อท้อถอยหลัง สู้ตายไม่เสียดายชีวัง กว่าจะสิ้นชีวังของข้านี้ฯ เมื่อได้อ่านบทนี้แล้ว บางคนอาจจะเลือดรักชาติพลุ่งพล่าน เลยเทียว บนข้างต้นนี้เป็นตอนที่เจ้าเมืองในปกครองของ ท้าวกะหมังกุหนิง นั้นรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างดีว่า ตนยินดีร่วมรบร่วมต่อสู้อย่างสุดกำ ลัง พร้อมจะสู้แม้ตัวจะตายก็ยอม
รสในวรรณคดีสันสกฤต ภยานกรส (รสแห่งความกลัว ตื่นเต้นตกใจ) บท บรรยายหรือพรรณาที่ทำ ให้ผู้อ่านผู้ฟัง ผู้ดู มองเห็น ทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัยในบาปกรรมทุจริต เกิดความ สะดุ้ง กลัวโรคภัยสัตว์ร้าย ภูตผีปีศาจ บางครั้งต้อง หยุดอ่าน รู้สึกขนลุกซู่ อ่านเรื่อง ผีต่างๆ " ภยานกรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด พระกรายกริชแทงอกตลอดหลัง ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำ ลัง มอดม้วยชีวังปลดปลงฯ เมื่ออ่านแล้วคงรู้สึกอึ้ง เสียวสันหลังไปชั่วขณะ เราคงจะรู้สึกว่าโลกนี้นั้นล้วนเป็นอนิจจังจริงๆ เพราะเราได้เห็นบทสรุปของการไม่รู้จักที่ต่ำ ที่สูง บทสรุปของการลำ พองตน ตนเองนั้นเป็นดั่งแสงหิ่งห้อย จะไปแข่งกับแสงอาทิตย์ได้เช่นไร บทข้างต้นนี้บรรยายไห้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ว่าท้าวกะหมังกุหนิงนั้น เพียงแค่ก้าวเท้าผิดเพียงก้าวเดียว ก็ถูกอิเหนาแทงกริชจากอกทะลุไปถึงหลัง ล้มลงนอนดิ้นลงไปเลยทีเดียว นึกแล้วคง สยดสยองมิใช่น้อย
รสในวรรณคดีสันสกฤต พีภัตสรส (รสแห่งความชัง ความรังเกียจ) บท บรรยายหรือพรรณนาที่ทำ ให้ผู้อ่านผู้ดู ผู้ฟังชังน้ำ หน้าตัวละครบ้างตัว เพราะจิต(ของตัวละคร) บ้าง เพราะความโหดร้ายของตัวละครบ้างเช่น เกลียดนาง ผีเสื้อสมุทร ในเรื่องพระอภัยมณีที่ฆ่าพ่อเงือก เป็นต้น (บาลีเรียกรสนี้ว่า ชิคุจฉะรส) " พีภัตสรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์ เห็นนางสีดาวิลาวัณย์ ตัวสั่นวิ่งร้องไม่สมประดี พญามารแย้มยิ้มพริ้มพราย ตาหมายจะจับนางโฉมศรี ไล่ลัดสกัดทันที อสุรีคว้าไขว่ไปมา ฯ ( รามเกียรติ์ รัชกาลที่ 1 )
รสในวรรณคดีสันสกฤต อัพภูตรส (รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ) บทบรรยาย หรือพรรณนาที่ทำให้นึกแปลกใจ เอะใจ อย่างหนัก ตื่น เต้นนึกไม่ถึงว่า เป็นไปได้เช่นนั้น หรือ อัศจรรย์คาดไม่ ถึงในความสามารถ ในความคมคายของคารม ในอุบาย หรือในศิลปวิทยาคุณแปลกใจในสุปฎิบัติ(ความ ประพฤติที่ดีงาม) แห่งขันติเมตตา กตัญญูอันยากยิ่ง ที่คนธรรมดาจะทำได้(รสนี้บาลีเรียก วิมหะยะรส) " อัพภูตรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ รี้พลให้กลายเป็นโยธา ไอยราแปลงเป็นคชสาร พาชีแปลงเป็นอาชาชาญ พระพรหมานแปลงเป็นท้าวธาดา ไกรสรให้แปลงเป็นสิงหราช สกุณชาติให้แปลงเป็นปักษา พระราเมศแปลงเพศเป็นรามา พยัคฆาแปลงเป็นพยัคฆี ( อุณรุทร้อยเรื่อง คุณสุวรรณ )
รสในวรรณคดีสันสกฤต ศานติรส(รสแห่งความสงบ) อันเป็นอุดมคติของเรื่อง เช่น ความสงบสุขในแดนสุขาวดีในเรื่อง วาสิฏฐีอัน เป็นผลมุ่งหมายทางโลก และทางธรรม เป็นผลให้ผู้ อ่าน ผู้ดูผู้ฟัง เกิดความสุขสงบ ในขณะได้เห็นได้ฟัง ตอนนั้น ด้วย (บาลีเรียกรสนี้ว่า สมะรส) " ศานติรส " ตัวอย่างบทประพันธ์ คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้ ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย ( พระอภัยมณี พระสุนทรโวหาร (ภู่) )
ถ้าหากหนังสือฉบับนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ขอขอบพระคุณที่รับชม สวัสดี ครับ ค่ะ มัธยมศึกษาปีที่ 4/3