มัธนะพาธา เป็นบทละครพูดคำ ฉันท์ 5 องก์ มาฟังกันเลยดีกว่า นางสาวฌิฎชญาภรณ์ ปิ่นใจ เลขที่29
มัทนะพาธา เป็นบทละครพูดคำ ฉันท์ 5 องก์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นทั้งหมดด้วยพระองค์ เองโดยไม่ได้อิงเนื้อหามาจากที่อื่น ทรงพระ ราชนิพนธ์ทั้งเริ่มและจบลงในปี พ.ศ.2466 เล่าเรื่องว่าด้วยตำ นานเกี่ยวกับดอกกุหลาบ และความเจ็บปวดจากความรัก มัทนะพาธา
เป็นวรรณคดีที่ได้รับการ ยกย่องจากวรรณคดีสโมสร ในด้านเป็นยอดบทละครพูด คำ ฉันท์ และยังได้รับเลือกให้ เป็นหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่ม ที่คนไทยควรอ่าน ประเภท บันเทิงคดีอีกด้วย
ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้า อยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น ในปีพ.ศ. ๒๔๖๖ พระองค์ทรงกล่าวถึงที่มาของชื่อมัทนาว่า ว่ “...ก่อนได้ทราบว่า ว่ ดอกกุหลาบเรีย รี กว่า ว่ อย่างไรในภาษาสันสกฤต นั้น นั้ ข้าพเจ้าได้นึกไว้ว่ ว้ า ว่ จะให้ชื่อนางเอกในเรื่อ รื่ งนี้ตามนามแห่ง ดอกไม้
แต่เมื่อได้ทราบแล้วว่า ว่ ดอกกุหลาบ คือ “กุพชกะ” เลยต้องเปลี่ยน ความคิด เพราะถ้าแม้ว่า ว่ จะให้ชื่อนางว่า ว่ “กุพชกะ” ก็จะกลายเป็น ป็ นาง ค่อมไป ข้าพเจ้าจึงค้นหาดูศัพท์ต่างๆ ที่พอจะใช้เป็นนามสตรี ตกลง เลือกเอา “มัทนา” จากศัพท์ “มทน”
ซึ่งแปลว่า ว่ ความลุ่มหลงหรือ รื ความรัก เผอิญในขณะที่ค้น นั้น นั้ เองก็ได้พบศัพท์ “มทนพาธา” ซึ่งโมเนียร์ วิล วิ เลียมส์ แปลไว้ว่ ว้ า ว่ “the pain or disquietude of love” (ความเจ็บปวดหรือ รื เดือดร้อนแห่งความรัก” ซึ่งข้าพเจ้าได้ ฉวยเอาทันที เพราะเหมาะกับลักษณะแห่งเรื่อ รื่ งที่เดียว เรื่อ รื่ งนี้จึงได้นามว่า ว่ “มัทนะพาธาหรือ รื ตำ นานแห่งดอก กุหลาบ” ด้วยประการฉะนี้....”
ภาคสวรรค์
ภาคสวรรค์ - กล่าวถึงสุเทษณ์เทพบุตร ซึ่งใน อดีตชาตินั้น นั้ คือกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ ปัญจาล และนาง มัทนา ซึ่งในอดีตชาติเป็นราชธิดาในกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ สุราษฎร์ ซึ่งทั้ง ทั้ คู่ได้มาเกิดใหม่บนสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรใฝ่ปองรักนางฟ้า ฟ้ มัทนา
แต่ก็ไม่อาจจะสมรักด้วยกรรมที่เคยทำ มาแต่อดีต ทำ ให้ไร้ซึ่ง ความสุขอย่างยิ่ง สุเทษณ์เทพบุตร จึงได้ให้วิท วิ ยาธรนามว่า ว่ "มายาวิน วิ"
ใช้เวทมนตร์คาถาไปสะกดเอานางมัทนาเข้ามาหา ก่อนที่มายาวิน วิ จะใช้เวทมนตร์เรีย รี กนางมัทนา ได้ทูลสุเทษณ์เทพบุตรว่า ว่ การที่ พระองค์ไม่อาจจะสมรักกับมัทนาได้
เป็นเพราะเมื่อชาติปางก่อน เมื่อพระองค์เป็นกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ ปัญ ปั จาลนั้น นั้ พระองค์ได้ไปสู่ขอมัทนาจากกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ สุราษฎร์ผู้เป็นพระราชบิดา
แต่ท้าวสุราษฎร์ไม่ให้ จึงเกิดรบกันขึ้น ในที่สุด ท้าวสุเทษณ์แห่งแคว้น ว้ ปัญจาลก็ชนะ จับท้าวสุ ราษฎร์เป็น ป็ เชลย และจะประหารชีวิต วิ เสีย
เป็นเพราะเมื่อชาติปางก่อน เมื่อพระองค์เป็นกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ ปัญจาลนั้น นั้ พระองค์ได้ไปสู่ขอมัทนาจากกษัตริย์ ริย์ แคว้น ว้ สุ ราษฎร์ผู้เป็น ป็ พระราชบิดา
แต่ท้าวสุราษฎร์ไม่ให้ จึงเกิดรบกันขึ้น ในที่สุดท้าว สุเทษณ์แห่งแคว้น ว้ ปัญจาลก็ชนะ จับท้าวสุราษฎร์ เป็นเชลย และจะประหารชีวิต วิ เสีย
อย่างไรก็ตาม สุเทษณ์เทพบุตรก็ยังยืนยันจะให้มายาวิน วิ ลองวิช วิ า ดูก่อน มายาวิน วิ จึงเรีย รี กเอามัทนามาด้วยวิช วิ าอาคม เมื่อมัทนามา แล้ว ด้วยมนต์ที่ผูกไว้ ทำ ให้ไม่ว่า ว่ สุเทษณ์เทพบุตรจะถาม อย่างไร
มัทนาก็ตอบตามเป็นคำ ถามย้อนไปอย่างนั้น นั้ เหมือนไม่มีสติ สุเทษณ์ เทพบุตรขัดใจนักก็ให้มายาวิน วิ คลายมนต์ ครั้นมนต์คลายแล้ว มัทนา ก็ตกใจที่ตนล่วงเข้ามาในวิม วิ านของสุเทษณ์เทพบุตรโดยไม่รู้ตัว
สุเทษณ์เทพบุตรพยายามจะฝากรักมัทนา แต่มัทนามิรักตอบ จะอย่างไรๆก็ไม่ยอมรับรัก จนสุเทษณ์เทพบุตรกริ้ว ริ้ จัด สาป ส่งให้นางลงไปเกิดเป็น ดอกกุพชกะ คือ ดอกกุหลาบ อยู่ใน แดนมนุษย์ และจะกลับคืนเป็นคนได้ก็ต่อเมื่อวันเพ็ญ
แล้วจะกลับคืนเป็นกุหลาบดังเดิม แต่หากนางได้รักบุรุษใดแล้ว เมื่อ นั้น นั้ จึงจะคงรูปมนุษย์อยู่ได้ และ หากเมื่อใดที่นางมีทุกข์เพราะรัก ก็ จงขอประทานโทษมายังพระองค์ พระองค์จะยกโทษให้
ภาคพื้นดิน
มัทนาได้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบอยู่ในป่าหิม วัน ในป่านั้น นั้ มีพระฤๅษีนามกาละทรรศินพร้อม ด้วยศิษย์ทั้ง ทั้ หลาย
พระกาละทรรศินได้เห็นกุหลาบมัทนาก็ชอบใจ สั่ง สั่ ให้ ศิษย์ขุดเอากุหลาบมัทนาไปปลูกใหม่ไว้ใว้ กล้อาศรม
เมื่อถึงคืนวันเพ็ญ มัทนาก็กลายเป็นร่างมนุษย์มาคอย รับใช้พระกาละทรรศินและศิษย์ทั้ง ทั้ หลาย คอย ปรนนิบัติเรื่อ รื่ ยมา พระกาละทรรศินก็รักมัทนาเหมือน ลูกตัวเอง
ต่อมาวันหนึ่ง ท้าวชัยเสนผู้ครองนครหัสดิน ได้เสด็จ ประพาสป่า ผ่านมายังอาศรมพระกาละทรรศิน ประจวบกับเป็นคืนวันเพ็ญ
ก็ได้พบกับนางมัทนา ทั้ง ทั้ สองฝ่า ฝ่ ยต่างรักกัน พระกา ละทรรศินก็จัดพิธีอภิเษกให้ และนางมัทนาก็ได้เดิน ทางไปกับท้าวชัยเสน เข้าไปยังกรุงหัสดิน
โดยไม่ได้กลับเป็นดอกกุหลาบอีก ท้าวชัยเสนห ลงรักนางมัทนามาก จนกระทั่ง ทั่ ลืมมเหสีของตน คือนางจัณฑี
พระมเหสีจัณฑีหึงหวงนางมัทนา ทั้ง ทั้ อิจฉาริษ ริ ยาเป็น อันมาก ก็ทำ อุบายใส่ร้ายนางมัทนาว่า ว่ เป็นชู้กับทหาร เอกท้าวชัยเสนนามว่า ว่ ศุภางค์
และยุยงท้าวมคธพระราชบิดาให้มาตีเมืองหัสดิน ท้าว ชัยเสนออกไปรบ ครั้นเมื่อกลับมาได้ข่าวว่า ว่ มัทนาลอบ เป็นชู้กับศุภางค์ก็กริ้ว ริ้ จัด สั่ง สั่ ประหารมัทนาเสียทันที
แต่เพชฌฆาตได้ปล่อยนางหนีไปเพราะความสงสาร ส่วนศุภางค์นั้น นั้ ด้วย ความจงรักภักดีต่อท้าวชัยเสน ก็ออกสนามรบกับท้าวชัยเสนเป็น ป็ ครั้ง สุดท้ายในฐานะไพร่ทหารเลว และตายในที่รบ มัทนาหนีกลับมายังป่าหิมวัน และได้ทำ พลีกรรม์บูชาสุเทษณ์เทพบุตร
จนสุเทษณ์เทพบุตรเสด็จมา และเอ่ยปากจะช่วยให้ คืนสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรได้ขอความรักจากนาง อีก แต่มัทนามิสามารถจะรักใครได้อีกแล้ว และ ปฏิเสธไป สุเทษณ์เทพบุตรกริ้ว ริ้ นัก จึงสาปนางให้ เป็นกุหลาบไปตลอดชีวิต วิ
ฝ่ายท้าวชัยเสน ต่อมาเมื่อรบชนะท้าวมคธ และได้รู้ความจริง ริ ทั้ง ทั้ หมด ก็กริ้ว ริ้ พระมเหสีจัณฑีมาก และได้ลงอาญาไป ก่อนจะ ออกไปตามหามัทนาในป่า แต่สิ่งที่พบ ก็เพียงแต่กุหลาบกอใหม่ อันขึ้นอยู่ยังกองกูณฑ์บูชาสุเทษณ์เทพบุตรเท่านั้น นั้ ท้าวชัยเสนทำ อะไรไม่ได้อีกต่อไป แต่ด้วยความรักสุดจะรัก จึงนำ กุหลาบ มัทนากลับไปปลูกใหม่ยังสวนขวัญกรุงหัสดิน
คำ ถาม 1.ข้อใดคือผู้แต่งเรื่อ รื่ ง มัทนะพาธา ก.พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ข.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ค.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ง.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 2.มัทนะพาธามีความหมายตรงกับข้อใด ก.ความลุ่มหลง ข.ความงดงาม ค.ตำ นานแห่งดอกกุหลาบ ง.ความเจ็บปวดหรือ รื ความเดือดร้อนจากความรัก 3.ลักษณะคำ ประพันธ์เรื่อ รื่ ง มัทนะพาธา เป็น ป็ ประเภทใด ก.บทละครพูด ข.บทละครรำ ค.บทละครพูดคำ ฉันท์ ง.บทละครร้อง 4.เหตุใดเรื่อ รื่ งมัทนะพาธา จึงมีอีกชื่อว่าว่ตำ นานดอกกุหลาบ ก.กล่าวยกย่องความงามของดอกกุหลาบ ข.เปรีย รี บเทียบความงามของดอกกุหลาบกับนางมัทนะพาธา ค.กล่าวถึงที่มาของดอกกุหลาบตามจินตนาการของผู้ประพันธ์ ง.กล่าวถึงลักษณะของดอกกุหลาบที่สวยงามแต่มีหนามแหลมคม 5ข้.ข้ อใดมิใช่ข้อคิดที่ได้รับจากการอ่านเรื่อ รื่ ง มัทนะพาธา ที่นักเรีย รี น สามารถนำ ไปใช้ในการดำ เนินชีวิต วิ ก.ควรรักอย่างมีสติ ด้วยใจบริสุ ริ สุ ทธิ์ ข.การบังคับจิตใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ค.ควรมีความซื่อสัตย์ทั้ง ทั้ ต่อตนเองและผู้อื่น ง.เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ควรประพฤติตนให้มีชื่อเสียง 6.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของสุ เทษณ์เทพบุตร ก.มีความเด็ดขาด ข.มีคุณธรรมประจำ ใจ ค.รักเดียวใจเดียว ง.ใจร้อน โมโหร้าย 7.ข้อใดตรงกับแก่นของเรื่อ รื่ ง มัทนะพาธา มาก ที่สุด ก.ความแค้น ข.ความโง่เขลา ค.ความเห็นแก่ตัว ง.ความอิจฉาริษ ริ ยา 8.ข้อใดเป็นสาเหตุสำ คัญที่ให้เกิดความทุกข์ จากความรัก ก.การแก้แค้น ข.ความอาฆาตมาดร้าย ค.ความต้องการเอาชนะ ง.การใช้อารมณ์อยู่เหนือสติและเหตุผล 9.นางมัทนาถูกสาปให้เป็น ป็ ดอกไม้ที่สวยงามมีกลิ่นหอม และมีหนามต้องการจะสื่อในเรื่อ รื่ งใด ก.ดอกไม้หอมย่อมมีพิษ ข.ความรักมีทั้ง ทั้ ความสุขและความทุกข์ ค.ความงดงามมีทั้ง ทั้ กลิ่นหอมและความเจ็บปวด ง.ความรักที่บริสุ ริ สุ ทธิ์จะต้องงามพร้อมและมีพิษ 10.ข้อใดไม่ใช่คำ ที่หมายถึงหญิงสาว ก.ดนุ ข.สมร ค.วนิดา ง.อนงค์
เฉลย 1.ค. 2.ง 3.ค 4.ค 5.ง 6.ข 7.ค 8.ง 9.ข 10.ก