หนั งสื อเล่มเล็ก
สามัคคีเภทคำฉั นท์
สารบัญ ๑
๒
สามัคคีเภทคำฉั นท์ ๓
ตัวละคร
๔
เนื้ อเรื่อง(ย่อ)
๕
บทประพันธ์และ ๖
อปริหานิ ยธรรม๗ประการ ๗
ข้อคิดและ
วิเคราห์เนื้ อเรื่องด้านต่างๆ
จัดทำโดย
อ้างอิง
๑
สามัคคีเภทคำฉั นท์
ผลงานของ
นายชิตบุรทัต
ประพันธ์ขึ้ นในสมัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่๖
ใช้เค้าโครงเรื่องจาก
นิ ทานสุภาษิ ตในมหาปรินิ พพานสูตรและอรรถ
กถาสุมังคลวิลาสิ นี ทีฆนิ กายมหาวรรค
ชื่อเรื่อง:สามัคคีเภทคำฉั นท์
+สามัคคี เภท ชื่อเรื่องมาจากคำสองคำว่าสามัคคีแ ละเภท
สามัคคีหมายถึงความพร้อมเพียงกัน
พร้อมเพียง การเเตกเเยก เภทหมายถึงการเเตกเเยกขัดเเย้งกัน
สามัคคีเภทคำฉั นท์จึงเป็นคำฉั นท์ที่ว่าด้วย
= เรื่องราวการเเตกเเยก เรื่องราวเเห่งความเเตกแยกความพร้อม
อย่างพร้อมเพียง เพียงกันโดยเเต่งด้วยคำประเภทกาพย์สลับ
กับฉั นท์หลากหลายชนิ ด
๒
ตัวละคร
พระเจ้าอชาตศั ตรู
ตำแหน่ ง:กษั ตริย์แห่งกรุ งราชพฤกษ์ แคว้นมคธ
ผู้ทรงต้องการขยายพระราชอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่
วัสสการพราหมณ์
ตำแหน่ ง:ปูโลหิตราชครู เเห่งเเคว้นมคธ
ผู้มีปัญญเฉลียวฉลาดมีเล่ห์กลอุบาย
กษัตริย์ลิจฉลี๖พระองค์
ตำแหน่ ง:กษั ตริย์แห่งกรุ งเวสาลีแคว้นวัชชี
ผู้ทรงยึดมั่นในอปริหานิ ยธรรม
๓
เนื้ อเรื่อง(ย่อ)
มีกษัตริย์องค์หนึ่ งทรงพระนามว่า พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงครอบครองแคว้นมคธ มีราชคฤห์เป็น
เมืองหลวง พระองค์ทรงมีอำมาตย์ที่สนิ ทคนหนึ่ งชื่อว่า วัสสการพราหมณ์ เป็นผู้ฉลาดและรอบรู้
ศิลปศาสตร์และเป็นที่ปรึกษาราชการทั่วไป พระเจ้าอชาตศัตรูมีพระราชประสงค์จะปราบแคว้นวัช
ชีอันมีพวกกษัตริย์ลิจฉวีปกครอง แต่พระองค์ยังลังเลพระทัยเมื่อได้ทรงทราบว่ากษัตริย์ลิจฉวีทุก
ๆ พระองค์ล้วนแต่ทรงตั้งมั่นอยู่ในธรรมที่เรียกว่า"อปริหานิ ยธรรม ๗" คือธรรมอันเป็นไปเพื่อ
เหตุแห่งความเจริญฝ่ายเดียว มีทั้งหมด ๗ ประการ
ดังนั้ นพระองค์จึงปรึกษาโดยเฉพาะกับวัสสการพราหมณ์ว่าควรจะกระทำอย่างไรจึงจะ
หาอุบายทำลายเหตุแห่งความพร้อมเพรียงของพวกกษัตริย์ลิจฉวีได้ เมื่อได้ตกลงนั ดแนะกับวัส
สการพราหมณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันหนึ่ งพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จออกว่าราชการ จึงดำรัสเป็น
เชิงหารือกับพวกอำมาตย์ในเรื่องจะยกทัพไปรบกับแคว้นวัชชี มีวัสสการพราหมณ์เพียงผู้เดียวที่
กราบทูลเป็นเชิงทักท้วงและขอให้พระองค์ทรงยับยั้งรอไว้ก่อนเพื่อเห็นแก่มิตรภาพและความสงบ
ทั้งทำนายว่าถ้ารบก็จะพ่ายแพ้ด้วย
พระเจ้าอชาตศั ตรู ได้ทรงฟังวัสสการพราหมณ์ กราบทูลเป็นถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
เช่นนั้ น ก็ทรงแสร้งแสดงพระอาการพิโรธ และมีพระราชโองการสั่งเจ้าหน้ าที่ผู้ใหญ่ฝ่าย
นครบาลพร้อมด้วยราชบุรุษ ให้นำตัววัสสการพราหมณ์ไปลงโทษตามคำพิพากษาในบทพระ
อัยการ คือ เฆี่ยน โกนผม ประจาน แล้วขับไล่ไปเสียไม่ให้อยู่ในพระราชอาณาเขต
วัสสการพราหมณ์ยอมทนรับราชอาญาด้วยทุกขเวทนาแสนสาหัสถึงแก่สลบ เมื่อถูก
เนรเทศออกจากแคว้นมคธก็เดินทางมุ่งตรงไปเมืองเวสาลีอันเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชีและ
เที่ยวผูกไมตรีกับบรรดาชาวเมือง จนข่าวนี้ ทราบไปถึงกษัตริย์ลิจฉวี จึงได้ตีกลองสำคัญขึ้นเป็น
สัญญาณ เชิญกษัตริย์ทั้งปวงมาชุมนุมปรึกษาราชการ เมื่อกษัตริย์ลิจฉวีประชุมกันแล้วก็ได้ตกลง
กันว่าควรให้พราหมณ์ผู้นั้ นเข้ามาเพื่อจะได้เห็นท่าทางและฟังความดูก่อนว่าจะจริงเท็จอย่างไร
ภายหลังที่วัสสการพราหมณ์ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ลิจฉวีและกราบทูลข้อความต่าง ๆ ด้วยความ
ฉลาดลึกซึ้ง ประกอบกับมีรอยถูกโบยฟกช้ำให้เห็น กษัตริย์ลิจฉวีทุกพระองค์ต่างก็ทรงหมด
ความฉงนสนเท่ห์ว่าจะเป็นกลอุบาย จึงทรงตั้งให้เป็นครูสอนศิลปวิทยาแก่บรรดาราชกุมารและ
กระทำราชการในตำแหน่ งอำมาตย์ผู้พิจารณาพิพากษาอรรถคดีอีกตำแหน่ งหนึ่ งด้วย
วัสสการพราหมณ์ได้ปฏิบัติหน้ าที่ด้วยความเต็มใจและเอาใจใส่ จนเป็นที่ไว้ใจในหมู่กษัตริย์
ลิจฉวี เมื่อวัสสการพราหมณ์คาดคะเนว่าพวกกษัตริย์ลิจฉวีวางใจตนจนหมดความสงสัย วัสสกา
รพราหมณ์จึงได้ดำเนิ นอุบายเพื่อทำลายความพร้อมเพรียงเป็นอันเดียวกันของกษัตริย์ลิจฉวี โดย
การแต่งอุบายลับชวนให้ฉงนสนเท่ห์ต่าง ๆ ขึ้น เป็นเครื่องยั่วยุราชกุมารทั้งหลายผู้เป็นศิษย์ให้
แตกร้าวกัน และวัสสการพราหมณ์คอยส่งเสริมเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทให้บังเกิดขึ้นในหมู่ราช
กุมารอยู่เนื องนิ ตย์ จนกระทั่งที่สุดราชกุมารทุกพระองค์ก็แตกความสามัคคีกันเป็นเหตุให้วิวาท
กันขึ้น ครั้นแล้วต่างองค์ก็นำความนั้ นขึ้นกราบทูลชนกของตนตามเรื่องที่เป็นมา เมื่อเป็นเช่นนั้ น
ความแตกร้าวก็ลามไปถึงบรรดาชนกผู้ซึ่งเชื่อถ้อยคำโอรสของตนโดยปราศจากการไตร่ตรอง
จนกระทั่งเวลาล่วงไปสามปี สามัคคีธรรมในระหว่างพวกกษัตริย์ลิจฉวีก็ถูกทำลายสิ้น วัส
สการพราหมณ์เห็นว่ากษัตริย์ลิจฉวีทุกองค์แตกสามัคคีกันแล้ว ก็ให้คนลอบนำความไปกราบทูล
พระเจ้าอชาตศัตรู
พระเจ้าอชาตศัตรูก็กรีธาทัพสู่เมืองเวสาลี พวกชาวเมืองเวสาลีตกใจกลัวภัยอันเกิดแต่ข้าศึก
มุขมนตรีจึงได้ตีกลองสำคัญขึ้นเป็นอาณัติสัญญาณให้ยกทัพมาต่อสู้ แต่เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีก็หาไป
เข้าร่วมประชุมไม่ ต่างองค์ทรงเพิกเฉยเสีย แม้แต่ประตูเมืองทุกทิศก็ไม่มีใครสั่งให้ปิด พระเจ้า
อชาตศัตรูจึงได้แคว้นวัชชีโดยง่าย ไม่ต้องเปลืองแรงรี้พลเพราะการรบเลย เมื่อจัดการบ้าน
เมืองราบคาบแล้วพระเจ้าอชาตศัตรูก็ยกกองทัพเสด็จกลับกรุงราชคฤห์ดังเดิม
๔
บทประพันธ์แ ละอปริหานิยธรรม๗ประการ
บทประพันธ์ตอนพระอชาตศั ตรูแสร้งกริ้วและทรงพิพาท
"เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ก็มาเป็นฯ
ทุทาษสถุลฉนี้ ไฉน ประการใดฯ"
ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้ อยจะมากจะยากจะเย็น
บทประพันธ์ตอนวัสสการพราหมณ์ โดนโกนหัวและโดนตีเลือดท่วมตัว
"บงเนื้ อก็เนื้ อเต้น พิศเส้ รสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั้งตัว ก็ระริกระริวไหว
แลหลังละลามใจ หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งผาดอนาถใจ ระกะร่อยเพราะรอยหวาย"
อปริหานิ ยธรรม๗ประการ
๑.มั่นประชุมกันเนื องนิ ตย์
๒.พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันทำกิจที่พึงทำ
๓.ไม่บัญญัติสิ่ งที่มิได้บัญญัติเอาไว้(ขัดต่อหลักการเดิม) ไม่ล้มล้างสิ่ งที่บัญญัติไว้
๔.ให้ควาทเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่
๕.บรรดากุลสตรีกุลกุมารีทั้งหลายให้อยู่ดีมิให้ถูกข่มแหง
๖.เคารพสั กการะบูชาเจดีย์ของวัชชีทั้งหลายไม่ปล่อยให้ธรรมมิกพลีที่เคยให้
เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้ นเสื่ อมทรามไป
๗.จัดการอารักขา คุ้มครอง ป้องกัน อันชอบทำแก่เหล่าพระอรหันต์ทั้งหลาย
๕
ข้อคิดและวิเคราห์เนื้ อเรื่องด้านต่างๆ
ข้อคิด
1. โทษของการแตกสามัคคี
2. การใช้สติปัญญาเอาชนะฝ่ายศัตรู
3. การใช้วิจารณญานก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใดย่อมเป็นการดี
4. การถือความคิดของตนเป็นใหญ่และทะนงตนว่าดีกว่าผู้อื่น
ย่อมทำให้เกิดความเสี ยหายต่อส่ วนรวม
วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้ อหา
- ใช้ฉันทลักษณ์ได้อย่างงดงามเหมาะสม โดยเลือกฉันท์ชนิ ด
ต่าง ๆ มาใช้สลับกันตามความ เหมาะสมกับเนื้ อเรื่อง จึงเกิด
ความไพเราะสละสลวย
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน
วิเคราะห์คุณค่าด้านสั งคม
- เน้ นถึงหลักธรรม อปริหานิ ยธรรม ซึ่งเป็นธรรมอันไม่เป็นที่
ตั้งแห่งความเสื่ อม
- เน้ นถึงความสำคัญของการใช้สติปัญญาตริตรอง และแก้ไข
ปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลัง
วิเคราะห์คุณค่าด้านภาษา
- ใช้ภาษาที่งดงามเหมาะสม กับฉากนั้ นๆของเรื่อง
- สามารถใช้ภาษาสื่อให้เห็นอารมณ์ สีหน้ าของตัวละครนั้ นๆได้
- มีการใช้ภาษา ศัพท์ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน
๖
จัดทำโดย
นางสาว นุ่น สุดยอด
ชั้น ม.6/3 เลขที่ 12
สูง: 153 ซม. เชื้อชาติ: ไทย
น้ำหนั ก: 49 กก. สัญชาติ: ไทย
กรุ๊ปเลือด: o นั บถือศาสนา: พุทธ
คติประจำใจ
อยากจะเป็นศาลพิพากษาสั่งให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น
คนไร้ความสามารถไร้ประโยชน์ โง่และหน้ าด้านที่สุดในโลก
๗
อ้างอิง
เนื้อเรื่อง (ย่อ)
https://www.gotoknow.org
เนื้ อหาต่างๆ
youtube:DLIT Classroom ห้องเรียน DLIT
อปริหานิยธรรม ๗ ประกาศ
http://thaigoodview.com
ข้อคิดและวิเคราห์ด้านต่างๆ
https://samakkeepeatchant.blogspot.com
ขอบคุณ