6. การประกันอุบตั ิเหตุเอื้ออาทร
การประกนั อุบตั เิ หตุเออ้ื อาทรเปน็ การประกันภยั ที่จัดทาข้ึนเปน็ กรณพี ิเศษ เนอ่ื งจากรัฐบาลมี
นโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับความคุ้มครองจากการ ประกันภัย
ท่ัวทุกคน ผู้ซื้อประกันภัยจะได้รับเงินชดเชยเมื่อเกิดการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จากอุบัติเหตุ
การประกันอุบัติเหตุเอื้ออาทรนี้มีทั้งบริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต ร่วมกันเป็นผู้
รับประกัน โดยกาหนดอัตราเบ้ียประกันภัยท่ีถูกเป็นพิเศษคือปีละ 365 บาท จึงทา ให้ประชาชนทุก
คนสามารถซ้ือประกนั ภยั ได้
ประโยชน์ของการประกันภัยเอื้ออาทร การประกันอุบัติเหตุเอ้ืออาทรให้ประโยชน์แก่
ผเู้ อาประกันภัยทีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหรือตกเป็นผู้ทุพพลภาพถาวร ด้วยการจ่ายเงินค่า ทดแทน
จานวน 300,000 บาท และหากผู้เอาประกันภัยและคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายเสียชีวิต หรือตก
เป็นผทู้ ุพพลภาพถาวรทั้งสองคนในอบุ ัติเหตุคราวเดียวกัน กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ เอือ้ อาทรจะ
มอบเงินค่าทดแทนเพิ่มเปน็ พเิ ศษให้ผู้เอาประกันภัยอีก 100,000 บาท (ทุพพลภาพ ในท่นี หี้ มายความ
ว่าผู้เอาประกันภัยไม่สามารถทางาน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดๆ ได้โดยส้ินเชิง ตลอดไป หรือเม่ือผู้เอา
ประกันภัยตอ้ งสูญเสยี มอื ทั้งสองมือ เท้าท้ังสองเท้า หรอื สายตาทัง้ สองข้าง)
คุณสมบัติของผู้เอาประกันภัย ผู้ท่ีจะทาประกันอุบัติเหตุเอ้ืออาทรต้องมีอายุต้ังแต่ 15 ปี
บริบูรณ์ถึง 70 ปีบริบูรณ์ในวันที่ทาประกัน ผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ
เอ้ืออาทรคนละหน่ึงฉบับเท่านั้น โดยผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดให้กานันหรือผู้ใหญ่บ้านรวบรวมรายช่ือ
พร้อมสาเนาบัตรประชาชน และเงินค่าเบี้ยประกันภัยเพื่อนาส่งบริษัทรับประกันภัยจัดทาการ
ประกนั ภยั ต่อไป
ข้อยกเวน้ การคมุ้ ครองในกรมธรรม์ประกันอบุ ัตเิ หตเุ อื้ออาทร
1. การประทาของผู้เอาประกันภัยขณะท่ีอยู่ภายใต้ฤทธ์ิสุรา สารเสพติด หรือยาเสพติด ให้
โทษ จนไม่สามารถครองสติได้ (คาว่า “ขณะอยู่ภายใต้ฤทธ์ิสุรา” หมายถงึ ในกรณที ่ีมีการตรวจ เลือด
ใหถ้ ือเกณฑ์ระดับแอลกอฮอล์ต้ังแต่ 150 มลิ ลกิ รมั เปอรเ์ ซน็ ต์ขึน้ ไป)
2. การฆา่ ตัวตาย พยายามฆ่าตัวตาย หรือทาร้ายรา่ งกายตนเอง
3. การไดร้ บั เช้อื โรค ยกเวน้ ได้รบั เช้ือโรคจากบาดแผลท่ีเกดิ จากอบุ ัติเหตุ
4. การแทง้ ลกู ยกเว้นการแท้งลกู นัน้ เกดิ จากอุบตั ิเหตุโดยตรง
5. สงคราม การรุกราน หรือการกระทาของศัตรูต่างชาติ สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ
ทรกบฏ การที่ประชาชนกอ่ ความวุ่นวายถึงขนาดลุกฮอื ขึน้ ต่อตา้ นรฐั บาล การจลาจล การนดั หยุดงาน
การกอ่ การรา้ ย
6. อาวุธนิวเคลียร์ การแผ่รังสี หรือกัมมันตภาพรังสีจากเช่ือเพลงนวเคลียร์หรือจากกา
นวิ เคลียร์ใดๆ
7. ขณะที่ผู้เอาประกันภัยกอ่ อาชญากรรมขณะท่ีถกู จับกุมหรอื หลบหนีการจับกุมในคดี อาญา
ทีก่ ระทาโดยเจตนาเป็นองค์ ประกอบความผดิ และมโี ทษจาคุกต้งั แต่ 3 ปขี ้ึนไป
8. ขณะท่ผี เู้ อาประกนั ภยั ปฏิบัตหิ นา้ ทเ่ี ป็นทหาร ตารวจ หรืออาสาสมัครและเข้าปฏบิ ตั ิ การ
ในสงคราม หรอื ปราบปราม
ใบความรู้
รหัสวิชา 2202 – 2107 ชือ่ วิชา การประกนั ภยั
หนว่ ยท่ี 5 การประกันชวี ติ สอนครง้ั ท่ี 11-15 ชั่วโมงท่ี 41-60
ชือ่ เรื่อง การประกนั ชีวิต
จานวน 20 ชั่วโมง
1. สาระสาคัญ
การดาเนินชีวิตในปัจจุบันของมนุษย์เรา มีภัยมากมายท่ีจะทาให้เกิดความเสียหายและความ
สูญเสียกับชีวิต หรือเกิดทุพพลภาพ ซึ่งบางเหตุการณ์เป็นภัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ และภัยท่ีเกิดข้ึน
เป็นภัยที่เกิดข้ึนอย่างไม่คาดคิดท่ีไม่อยากให้เกิดข้ึน แต่มีวิธีการแบ่งเบาความเสียหายหรือความ
เดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว คือ การทาประกันชีวิต การประกันชีวิตมีประโยชน์ต่อตัวผู้เอา
ประกันภัยเองและครอบครัว ยังมีประโยชนต์ ่อประเทศชาติในการพัฒนาประเทศ ปัจจุบนั บริษัทประ
ได้พัฒนารูปแบบของการประกันชวี ิตใหก้ ับผเู้ อาประกนั ภยั เลือกไดต้ ามความเหมาะสม
2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้
2.1 จุดประสงคท์ ่วั ไป
เพื่อให้ผเู้ รียนมีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับการประกันชีวติ
2.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
2.2.1 บอกความแตกต่างของการประกันชวี ติ กบั การประกันวินาศภัยได้
2.2.2 แสดงเจตคตทิ ี่ดีและกจิ นิสัยทดี่ ตี อ่ การศกึ ษาการประกนั ภยั
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นักเรียนอธิบายความหมายของการประกันชีวิตได้
2. นกั เรยี นอธบิ ายประโยชนข์ องการประกันชวี ิตได้
3. นกั เรยี นอธิบายประเภทของการประกันชีวิตได้
4. นักเรียนอธิบายแบบของการประกันชีวติ ได้
5. นกั เรยี นอธบิ ายข้อควรปฏบิ ตั ิในการทาประกันชวี ติ ได้
6. นักเรียนอธิบายขน้ั ตอนและหลักฐานในการขอรับเงนิ ผลประโยชน์ได้
7. นกั เรียนอธิยาบลกั ษณะของการประกันชีวติ ได้
8. นกั เรียนอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่างการประกนั ชวี ติ กับการประกนั วินาศภัยได้
9. นกั เรียนอธิบายหนา้ ทข่ี องผู้รบั ประกนั ชีวติ ได้
10. นกั เรียนอธิบายหน้าท่ีของผเู้ อาประกันชวี ิตได้
11. นักเรยี นอธบิ ายวธิ กี ารบอกเลกิ สญั ญาประกันชวี ิตได้
12. นกั เรยี นอธิบายสทิ ธิของทายาทผเู้ อาประกันชีวติ ได้
4. สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายของการประกนั ชวี ิต
การประกันชีวิต หมายถึง วิธีการที่บุคคลกลุ่มหน่ึงร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย
การสูญเสีย อวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยท่ีเม่ือบุคคลใดต้องประสบกับ
ภยั เหล่า น้ันก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพ่ือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัท
ประกันชีวิตจะทาหนา้ ทเี่ ป็นแกนกลางในการนาเงนิ ก้อนดงั กล่าวไปจา่ ยใหแ้ กผ่ ู้ได้รบั ภัย
2. ประโยชนข์ องการประกันชวี ิตได้
1. มีประโยชนท์ ัง้ ตอ่ ตนเองและครอบครัวในรูปของการให้ความคุ้มครองรายได้ด้วยการ ออมทรัพย์
ซ่งึ จะทาใหค้ รอบครัวมหี ลักประกันชวี ิตท่ีมัน่ คง
2. มีประโยชน์ต่อธุรกิจในลักษณะค้าประกันการกู้ยืม ให้ความคุ้มครองรายได้ของบุคคล ที่เป็น
ผู้บริหาร
3. มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะเป็นแหล่งระดมเงินออมระยะยาวซึ่ง สามารถนา
เงนิ ไปลงทนุ เพอื่ พฒั นาประเทศ และช่วยลดภาระทางสังคมของรัฐบาล
4. ช่วยสร้างให้บุคคลเกิดอุปนิสัยการประหยัดและการเก็บออม พร้อมทั้งแบ่งเบาภาระ ทางสังคม
คือเม่ือเกิดการสูญเสียขึ้น ครอบครัวของผู้เอาประกันภัยก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทน จากการสูญเสีย
คร้งั นน้ั
3. ประเภทของการประกันชีวิตได้
การประกันชีวติ แบง่ ออกได้เป็น 3 ประเภท ดงั น้ี
1. การประกันชีวิตประเภทสามัญ เป็นการประกันชีวิตที่มีจานวนเงินเอาประกันภัย
ค่อนข้างสูง ต้ังแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสาหรับผู้มีรายได้ปานกลางข้ึนไป ในการพิจารณา
รับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่มีการตรวจสุขภาพข้ึนอยู่กับดุลยพนิ ิจของบริษัท และ
มกี ารชาระเบ้ยี ประกนั ภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรอื รายเดอื น
2. การประกันชีวิตประเภทอุตสาหกรรม เป็นการประกันชีวิตท่ีมีจานวนเงินเอาประกันภัย
ตา่ โดยทว่ั ไปต้ังแต่ 10,000 - 30,000 บาท เหมาะสาหรับผู้ที่มรี ายได้ปานกลางถงึ รายได้ตา่ การชาระ
เบี้ยประกันภัยจะชาระเป็นรายเดือนและไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะน้ันจึงมีระยะ เวลารอคอยระหว่าง
ระยะเวลาในการรอคอยหากผู้เอาประกันภยั เสียชวี ิตดว้ ยโรคภัยไขเ้ จบ็ ตาม ธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่าย
จานวนเงินเอาประกันภัยคืนให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยท่ีผู้เอาประกันภัยได้ ชาระมาแล้วท้ังหมด
แตถ่ า้ พน้ ระยะเวลารอคอยไปแลว้ บรษิ ัทจะจา่ ยคา่ สนิ ไหมทดแทนใหเ้ มอื่ ผ้เู อา ประกันภัยเสียชีวติ
3. การประกันชีวิตประเภทกลุ่ม เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หน่ึงจะมีผู้เอาประกันชีวิต
รว่ มกันต้ังแต่ 5 คนข้ึนไป ส่วนมากจะเป็นกลมุ่ ของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกัน อาจจะ
มีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตแบบ กลุ่มน้ีอัตรา
เบยี้ ประกนั ชีวิตจะตา่ กว่าประเภทสามญั และประเภทอุตสาหกรรม
1. แบบของการประกนั ชีวิตได้
การประกันชีวิตมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบจะให้ความคุ้มครองและผลประโยชน์ท่ี
แตกต่างกนั ออกไป แบบของการประกนั ชวี ติ พนื้ ฐาน มีดงั ต่อไปน้ี :
1. แบบตลอดชีพ เป็นการประกันชีวิตท่ีให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัย
เสียชีวิตเมื่อใดในขณะท่ีกรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจายจานวนเงินเอา
ประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้ เพื่อจัดหาเงินทุน
สาหรับจนเกือบคคลที่อยู่ในความอปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเพ่ือเป็นเงินทุนสาหรับ
การเจ็บป่วยครั้งสดุ ทา้ ยและค่าทาศพ ทง้ั นี้เพือ่ ไม่ใหต้ กเป็นภาระของคนอน่ื
รูปแบบของการประกันชีวิตแบบตลอดชีพ การประกันชีวิตแบบตลอดชีพมีหลาย ลักษณะ
สามารถแบง่ แยกไดโ้ ดยพจิ ารณาจากการชาระคา่ เบี้ยประกันดังนี้
1. ชนิดท่ชี าระเบ้ียประกันครัง้ เดยี ว แบบทีก่ าหนดให้ผูเ้ อาประกนั ภัยจา่ ยเบีย้ ประกัน เป็นเงิน
ก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียวเม่ือตอนที่จะออกกรมธรรม์ โดยหลังจากนั้นผู้เอาประกันภัยไม่ต้อง เสียเบี้ย
ประกันใดๆ เพ่มิ อกี
2. ชนิดท่ีจากัดเวลาการชาระเบ้ียประกัน การประกันชีวิตท่ีมีการกาหนดให้ผู้เอา ประกันภัย
จ่ายค่าเบ้ียประกันไปจนถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เม่ือถึงเวลานั้นแล้วก็หยุดจ่ายโดยหลัง จากนั้นแล้ว
ผูเ้ อาประกนั ก็ยังได้รับความคุ้มครองอยเู่ ชน่ เดิม
3. ชนิดที่ชาระเบ้ียประกันตลอดชีพ การประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่าย ค่าเบี้ย
ประกนั ตลอดชพี โดยเบย้ี ประกันนั้นจะจ่ายเปน็ อัตราท่เี ท่ากันทกุ ปี
ลักษณะของการประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือจะใช้ความตายของ ผเู้ อา
ประกนั ภยั เปน็ เหตในการจ่ายค่าสนิ ไหมทดแทน
2. แบบสะสมทรัพย์ เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจานวนเงินเอาประกันให้แก่และ
กันภัยเมือ่ มชี วี ติ อยู่ครบกาหนดสญั ญา หรือจ่ายเงนิ เอาประกันภยั ให้แกผ่ ู้รับประโยชน์ ผูเ้ อาประกนั ภัย
เสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการ
คุม้ ครองชวี ิตและการออมทรัพย์ ส่วนของการออมทรัพย์คือสว่ นท่ีผู้เอาประกันภัย ได้รับคืนเมื่อสัญญา
ครบกาหนด
รูปแบบของการประกันชีวิตแบบสะสมทรพั ย์ เราสามารถแบ่งลักษณะของประกนั ชวี ิตแบบ
สะสมทรพั ยโ์ ดยพิจารณาจากการชาระค่าเบ้ียประกนั และการครบกาหนดสัญญา ไดด้ ังนี้
1. แบบครบกาหนดหรือส้ินสุดสัญญา จะให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยจนกว่าผู้เอา
ประกันภัยจะมีอายุครบตามท่รี ะบไุ ว้ในสัญญา เชน่ 55 ปี 60 ปี 65 ปี เปน็ ต้น หากผู้เอาประกันภยั ยัง
มชี วี ติ อยู่กจ็ ะไดร้ ับเงนิ คืนตามท่ีตกลงกนั ไว้
2. แบบครบกาหนดการชาระเบ้ียประกันและครบถ้วนตามจานวนระยะเวลาความคุ้มครอง
เป็นแบบท่ีผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันเท่ากับระยะเวลาท่ีได้รับการคุ้ม ครอง เช่น
จ่ายค่าเบย้ี ประกนั 10 ปี ค้มุ ครอง 10 ปี (10/10) จา่ ยเบี้ยประกัน 15 ปี คุ้มครอง 15 ปี (15/15) เป็นตน้
3. แบบระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาชาระเบ้ียประกันต่างกัน เป็นแบบท่ีผู้เอา
ประกันภัยจะจ่ายเบ้ียประกันน้อยกว่าระยะเวลาของการคุ้มครอง เช่น ให้ความคุ้มครอง 10 ปี จ่าย
เบ้ยี ประกนั 7 ปี หรือให้ความคุม้ ครอง 15 ปี จา่ ยเบ้ยี ประกัน 10 ปี เปน็ ต้น
4. แบบจา่ ยเบี้ยประกนั คร้งั เดยี ว แตใ่ นอตั ราท่ีสงู จงึ ไมเ่ ป็นทน่ี ิยม
3. แบบชั่วระยะเวลา เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับ
ประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการ
เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบน้ีไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันจึงต่า กว่า
แบบอ่นื ๆ และไม่มเี งินเหลือคืนใหห้ ากผเู้ อาประกันภัยอยู่จนครบกาหนดสญั ญา ระยะเวลา ของสัญญา
จะมี 1 ปี, 5 ปี, 10 ปี, 20 ปี ตามความต้องการและความจาเป็นที่จะต้องใช้ ปัจจุบันเม่ือ รัฐบาลไทย
ส่งแรงงานไปทางานตา่ งประเทศมักจะให้ทาประกันชวี ติ ประเภทน้ี เพื่อเป็นหลกั ประกนั การกูย้ ืม และ
เป็นหลกั ประกันความมน่ั คงดา้ นการครองชีพและครอบครวั ของผใู้ ชแ้ รงงาน
รูปแบบของการประกนั ชวี ติ แบบช่วั ระยะเวลา มีดังน้ี
- แบบช่ัวระยะเวลาท่สี ามารถขอต่ออายุสัญญาได้ โดยจานวนเบยี้ ประกันจะเพ่ิมข้นึ เม่ือ อายุ
ของผเู้ อาประกนั สงู ขนึ้
- แบบช่ัวระยะเวลาท่ีสามารถขอเปลี่ยนเป็นการประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือแบบ สะสม
ทรัพยไ์ ด้
- แบบคุ้มครองจานวน หรือคุ้มครองจานวนเงินกู้ โดยจานวนเงินเอาประกันชวี ิตจะลด ลงทุก
ปีหรือทุกเดอื น ผนั แปรไปตามจานวนหน้สี ินที่คา้ งชาระ ระยะเวลาของกรมธรรม์จะเทา่ กบั ระยะเวลา
ของสญั ญาจานองหรอื สญั ญาเงนิ กู้
4. แบบเงินได้ประจา เป็นการประกนั ชีวิตที่บริษัทประกันชวี ิตจะจ่ายเงินจานวนหน่งึ เท่ากัน
อยา่ งส้มา่ เสมอให้แกผ่ ู้เอาประกันภยั ทุกเดือน นบั แต่ผู้เอาประกันภัยเกษยี ณอายุ หรือมีอายคุ รบ 55 ปี
หรือ 60 ปี แล้วแต่เง่ือนไขในกรมธรรม์ท่ีกาหนดไว้ สาหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ อยู่กับความ
ตอ้ งการของผูเ้ อาประกันภัยทจ่ี ะเลอื กซ้ือ
การประกนั ชวี ติ แบบเงนิ ได้ประจา แบง่ ได้ดังน้ี
1. การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจาที่ต้องจ่ายทันที หลังจากที่ผู้เอาประกันภัยได้จ่าย กัน
เป็นเงินกอ้ นหนึ่งไปแล้ว บรษิ ทั จะจ่ายเงินให้เป็นงวดๆ ตามทตี่ กลงกนั ตามสัญญา
2. การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจาที่ไม่มีการคืนเงิน เม่ือผู้รับประกันภัยและผู้เอา
ประกนั ภยั ไดต้ กลงทาสัญญากันแลว้ ฝ่ายของผู้รบั ประกนั ภยั จะจ่ายเงนิ ให้แกผ่ เู้ อาประกันภัยเป็นเดอื น
รายสามเดือน รายคร่ึงปี หรือรายปี จนกว่าผู้เอาประกนั ภยั จะเสยี ชีวิต โดยผู้รบั ประกันภยั ไม่ไดค้ านึง
ว่าผเู้ อาประกันภัยจะมีชีวติ อยู่ถึงเมอ่ื ไร เม่ือผู้เอาประกนั ภัยเสียชวี ิตก็จะหยุด จ่ายทันทโี ดยไมม่ ีการคืน
เงินท่ียงั เหลอื อยู่
3. การประกันชีวิตแบบเงินไดป้ ระจาทม่ี ีการคืนเงนิ เป็นงวดเมื่อไม่ครบ เป็นการประกันชีวิตที่
ผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยจนกว่าผู้เอาประกันภัยจะเสียชีวิต และเม่ือผู้เอา
ประกันภัยเสียชีวิตแล้วแต่เงินตามกองทุนยังคงเหลืออยู่ ผู้รับประกันภัยจะคืนให้แก่ทายาท เป็นงวดๆ
จนกวา่ จะครบ
4. การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจาโดยมีการรับประกันจานวนคร้ังที่รับเงิน การรับประกัน
แบบน้ีผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยโดยมีกาหนดเวลาที่แน่นอน เช่น 10 ปี 20 ปี
หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระหว่างสัญญาและยังมีเงินเหลืออยู่ ผู้รับประกันภัยจะคืน เงินนั้นแก่
ทายาท
5. การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจาโดยมีการคืนเงินสด การประกันแบบน้ีผู้เอาประกันภัย
จะไดร้ บั เงินปตี ลอดชีวิต หากยงั ได้รับไม่ครบตามจานวนที่ส่งไว้ ทายาทจะไดร้ บั ส่วนที่เหลือน้ันเป็นเงินสด
2. ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการทาประกันชวี ติ
การทาประกนั ชวี ติ สามารถปฏบิ ัติไดด้ ังน้ี
1. ติดต่อบริษัทประกันชวี ติ ไดโ้ ดยตรงหรอื ผ่านตวั แทน หรอื นายหน้าประกนั ภยั
2. เลือกแบบประกนั ชีวิตทีเ่ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ความต้องการ
3. วงเงินเอาประกันภัยท่ีต้องการ ให้พิจารณาประกอบกับรายได้ประจาท่ีได้รับ และกาลัง
ความสามารถในการสง่ เบี้ยประกันภัย
4. กรอกรายละเอียดส่วนตัวใบแบบคาขอเอาประกันชีวิต โดยแถลงความจริงทุกประการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการรักษาพยาบาลและคาแถลงเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะการปิดบังใน
สาระสาคญั เหล่านจ้ี ะเป็นเหตใุ หไ้ มไ่ ด้รับความคมุ้ ครองตามกรมธรรม์
5. ในกรณีท่ีตัวแทนเป็นผู้กรอกแบบคาขอเอาประกันแทนผู้เอาประกันภัย ให้ผู้เอาประกันภัย
ตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงช่ือในแบบคาขอเอาประกัน และเม่ือได้รับกรมธรรม์ควรตรวจสอบ
ความถูกต้อง หากพบข้อมูลท่ีผิด เช่น ช่ือผู้รับประโยชน์ หรือช่ือผู้เอาประกันภัยผิดพลาด ให้ทุกท้วง
บรษิ ัทเพอ่ื จะได้แกไ้ ขให้ถกู ต้อง
6. จ่ายค่าเบ้ียประกันชีวิตตามกาหนดทุกครั้ง โดยติดต่อชาระท่ีบริษัท สาขา หรือทาง ไปรษณีย์
ลงทะเบียน หรือผ่านธนาคารในกรณีชาระผ่านตัวแทนของบริษัท ให้เรียกใบเสร็จรับเงิน ตามแบบ
พิมพข์ องบริษทั เกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานทกุ ครัง้
7. แจ้งให้ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุช่ือไว้ในกรมธรรม์ หรือบุคคลในครอบครัวทราบถึง การทา
ประกันชวี ติ และสถานทเ่ี กบ็ กรมธรรม์
8. ติดต่อกรมการประกันภัย สานักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต หรือสานักงาน ประกันภัย
จงั หวดั ทุกคร้งั ทมี่ ีปัญหาข้ันตอนและหลักฐานในการขอรับเงินผลประโยชน์
3. ขน้ั ตอนและหลกั ฐานในการขอรบั เงนิ ผลประโยชน์
การขอรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือที่เข้าใจกันทั่วไปว่าเป็นการเรียกร้องค่า สินไหม
ทดแทน ใหด้ าเนินการดงั นี้
1. ติดตอ่ บรษิ ัทประกนั ภยั ใหเ้ ร็วที่สดุ
2. กรณผี ู้เอาประกันภยั เสยี ชวี ิต แยกเป็นกรณดี งั นี้
2.1 เสียชวี ติ ดว้ ยโรคภัยไขเ้ จ็บ จะต้องแจ้งให้ทราบภายใน 14 วัน และเตรียมหลักฐานประกอบ
ดงั นี้
1. กรมธรรม์ประกันชีวติ
2. ใบเสร็จรบั เงินงวดสุดทา้ ย
3. ใบมรณบตั รของผูเ้ อาประกนั ภัย
4. ทะเบียนบ้านของผรู้ ับประโยชน์
5. บตั รประจาตัวประชาชนของผรู้ บั ประโยชน์
2.2 เสียชวี ติ โดยฆ่าตัวตาย เตรียมหลักฐาน ดังน้ี
1. กรมธรรมป์ ระกนั ชวี ติ
2. ใบเสรจ็ รับเงินงวดสดุ ทา้ ย
3. ใบมรณบตั รของผ้เู อาประกันภัย
4. ทะเบยี นบ้านของผรู้ ับประโยชน์
5. บตั รประจาตัวประจาตวั ประชาชนของผู้รบั ประโยชน์
6. สาเนาบันทึกประจาวนั รับแจง้ เหตุของเจา้ หนา้ ที่ตารวจ
7. ใบชนั สตู รพลิกศพ
2.3 เสียชีวิตดว้ ยอุบตั ิเหตุ เตรียมหลักฐานดงั น้ี
1. กรมธรรมป์ ระกนั ชีวิต
2. ใบเสรจ็ รบั เงินงวดสดุ ทา้ ย
3. ใบมรณบตั รของผู้เอาประกนั ภัย
4. ทะเบยี นบ้านของผูร้ บั ประโยชน์
5. บัตรประจาตัวประชาชนของผ้รู บั ประโยชน์
6. สาเนาบันทกึ ประจาวันรับแจง้ เหตขุ องเจ้าหนา้ ทต่ี ารวจ
7. ใบชนั สตู รพลกิ ศพ
8. สาเนาบันทกึ ประจาวันหลงั จากกลับจากสถานที่เกิดเหตุของเจ้าหนา้ ท่ี ตารวจ
3. การเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และสูญเสียอวัยวะ ต้องแจ้งให้บริษัท ทราบ
ภายใน 10 วนั และเตรียมหลักฐานดงั นี้
1. กรอกแบบฟอร์มใบเรยี กรอ้ งค่าทดแทนของบริษทั
2. ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลท่ีระบุวันเริ่มต้น และวันสุดท้ายในการรักษาตัวใน
โรงพยาบาล
3. อนื่ ๆ เชน่ ฟิล์มเอกซเรย์
4. กรณีกรมธรรม์ครบกาหนด ในการประกันชีวิต ประเภทสะสมทรพั ย์ท่ีมีเงินคืนเมื่อ กรมธรรม์
ครบกาหนด ให้ดาเนนิ การและเตรียมหลกั ฐานดงั นี้
1. ตดิ ต่อบรษิ ทั ประกันภัย
2. เตรยี มกรมธรรม์ประกันชีวติ
3. เตรยี มบัตรประจาตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัย
4. ลกั ษณะของการประกันชีวิตได้
การประกนั ชวี ิตมีลักษณะดงั ต่อไปน้ี
1. เป็นสัญญาเส่ียงโชค คาว่าสัญญาเสี่ยงโชค หมายถึงสัญญาซ่ึงการชาระหน้ีตาม สัญญาน้ันจะ
กระทาก็ต่อเม่อื มีเหตุการณ์อันไม่แน่นอนเกดิ ขึ้นในอน ประกันภัยเป็นสัญญาเส่ียงโชคน้ันเน่ืองมาจาก
ข้อตกลงในสัญญาประกันภัยมีลักษณะเป็นการเส่ียง โชค โดยคู่สัญญาท้ังสองฝ่ายตระหนักดีว่า
เหตุการณ์ท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตน้ัน อาจทาให้ฝ่ายหนึ่ง ได้รับการตอบแทนไม่สมกับส่ิงที่เสียไปซ่ึง
ขนึ้ อยู่กับโอกาสและความไม่แน่นอน เช่น ผู้รับ ประกันภัยได้รับค่าเบ้ียประกันจากผูเ้ อาประกันภัยใน
จานวนเงินท่ีไม่มากนัก หากไม่มีภัยใดเกิดข้ึน คงไม่เดือดร้อน แต่หากเกิดภัยน่ันหมายถึงว่าผู้รับ
ประกันภัยจะตอ้ งจ่ายเงนิ ตามจานวนที่ระบไุ วใ้ น กรมธรรมซ์ ึง่ เปน็ เงินจานวนมาก
2. เป็นสัญญาฝา่ ยเดียว สญั ญาแบ่งออกเป็นสองประเภท คือสญั ญาฝ่ายเดยี วกบั สัญญา สองฝ่าย
สญั ญาสองฝ่ายหมายถึงสัญญาท่ีคู่สัญญาต่างให้คามั่นสัญญาต่อกนั โดยยงั มไิ ด้ปฏิบตั ติ าม คามน่ั สัญญา
เช่นนีเ้ รียกวา่ สญั ญาสองฝา่ ย ส่วนสญั ญาฝา่ ยเดยี วเปน็ สัญญาทค่ี ู่สญั ญาฝ่ายใดฝ่าย หน่งึ ไดล้ งมือปฏิบัติ
ตามสัญญาไปแล้วและมีผลตามกฎหมายที่อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องปฏิบัติตาม สัญญาด้วยแต่ฝ่ายนั้นยัง
ไมไ่ ด้ปฏบิ ตั ิ ในสัญญาประกนั ชีวติ นั้นเมอ่ื ฝ่ายของผู้เอาประกนั ภัยไดจ้ ่าย ค่าเบี้ยประกันไปแล้วถือว่าได้
ปฏิบัติตามคาม่ันสัญญาไปแล้ว จึงเป็นหน้าท่ีของอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่าย ของผู้รับประกันภัยที่จะต้อง
ปฏิบัติตามคามั่นสัญญาต่อไป เมื่อภัยยังไม่เกิดและผู้รับประกันภัยยัง ไม่ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนจึง
จัดเป็นสญั ญาฝ่ายเดียว แตถ่ า้ หากว่าภัยได้เกิดขน้ึ แลว้ ผูเ้ อาประกันภัย ยังไมไ่ ด้จา่ ยคา่ เบี้ยประกนั เช่นนี้
จดั เปน็ สญั ญาสองฝ่ายเพราะทั้งสองฝ่ายยงั ไมไ่ ดป้ ฏิบัติตาม คาม่นั สญั ญา
3 เป็นสัญญามีเง่ือนไข ข้อความที่เรียกว่าเป็นเงือ่ นไขนั้น เป็นข้อความที่กาหนดไว้ใน นิติกรรม
เป็นผลหรือส้ินผลต่อเมื่อมีหรอื ไม่มีเหตุการณ์อันใดอันหน่ึงเกิดข้ึนในอนาคตและไม่ แนน่ อน ในสัญญา
ประกันชีวิตน้ันเต็มไปด้วยเงื่อนไข เช่น เงื่อนไขเก่ียวกับการจ่ายค่าเบ้ียประกัน เง่ือนไขเก่ียวกับ
ขอ้ บงั คับก่อนที่จะทาให้สัญญาประกันชีวิตดาเนนิ ต่อไปได้ เง่ือนไขในการละเว้น การไม่จา่ ยค่าสินไหม
ทดแทน เปน็ ตน้
4. เปน็ สัญญาสาเรจ็ รูป ทกี่ ล่าวว่าสัญญาประกันชีวิตเป็นสัญญาสาเร็จรปเนื่องจากว่า ในสัญญา
ประกันชีวิตน้นั ฝ่ายของผู้รบั ประกนั ภยั เป็นฝ่ายที่รา่ งขน้ึ มาโดยกาหนดขอบเขตความ คมุ้ ครอง เงอื่ นไข
และข้อยกเวน้ ตา่ งๆ โดยฝา่ ยของผเู้ อาประกันภยั น้ันเพียงแต่ยอมรบั หรอื ไม่ยอม รบั สัญญาเท่านัน้ มไิ ด้
มีส่วนรเู้ ห็นในการร่าง หรอื เปลยี่ นแปลงแก้ไขเพอื่ ใหต้ รงกับความต้องการได้
5. เป็นสัญญาท่ีต้องจ่ายเงินตามกาหนด ในสัญญาประกันชีวิตผู้รับประกันภัยจะ ดินตาม
กาหนดเวลาท่ีตกลงกันไว้ เช่น จ่ายเม่ือผู้เอาประกันภัยหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตได้เลย คลง หรือบาง
สัญญาจะจ่ายเมอื่ ถึงกาหนดเวลาตามสัญญาแม้ยงั ไม่มกี ารเสียชีวิตกต็ าม เปน็ ตน้
6. เป็นสัญญาที่รัฐบาลควบคุมดูแล การประกอบกิจการด้านประกันชีวิตต้องได้รับ ญาตจาก
รัฐบาล รวมถึงการทาสัญญาประกันชีวิตก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลเช่นเดียว กัน กรมธรรม์
ประกันชีวิตที่ผู้รบั ประกันออกใหแ้ ก่ผู้เอาประกันชีวิตรวมท้ังเอกสารประกอบหรือ แนบท้ายกรมธรรม์
น้นั ผู้รับประกันภัยจะตอ้ งเสนอแบบและข้อความตอ่ นายทะเบยี นเพื่อขอความ เห็นชอบ และเม่ือนาย
ทะเบยี นให้ความเหน็ ชอบแล้วผรู้ ับประกันภยั กจ็ ะต้องปฏิบัติตามด้วย
5. ความแตกตา่ งระหว่างการประกันชีวติ กับการประกนั วนิ าศภัยได้
ความแตกตา่ ง การประกนั ชีวติ การประกนั วินาศภยั
1. ความมุ่งหมาย ม่งุ ช่วยเหลอื ผ็รบั ประโยชนจ์ ากการ มงุ่ ท่จี ะชดใช้หรือทดแทน
ประกันชีวิตมากกวา่ การทดแทนความ ความวินาศหรอื ความเสยี หาย
เสียหายแก่เจา้ ของชวี ิต และมุ่งช่วยให้ อนั เกิดแก่เจา้ ของทรัพย์ใน
ผเู้ อาประกันภยั ด้ออมทรัพย์ไวใ้ ช้ใน กรณีที่เกิดวินาศภยั ทาให้
อนาคต ทรพั ย์สนิ ต้องพนิ าศสูญหาย
2. การกาหนดจานวนเงนิ กาหนดจานวนเงนิ สูงสดุ ตราบเท่าทีผ่ ุ้ กาหนดได้ไมเ่ กินราราแห่ง
เอาประกนั รับประกันภยั ยอมรับ การประมูลประกันภัย
3. สว่ นได้เสยี จากการ ผเู้ อาประกนั ภยั จะได้รับประโยชน์ เม่อื ผ้เู อาประกนั ภยั ไดจ้ า่ ยคา่
ประกนั ภยั เสมอทัง้ ท่เี กิดการเสียชวี ิต หรอื ไม่มี เบ้ียประกันแลว้ หากไม่มี
การเสยี ชีวติ (กรณีการประกันชวี ติ ที่ วินาศภัยเกิดขึ้น ก็จะไม่ได้รบั
อาศัยความทรงชพี ปน็ หลัก เช่น การ ผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน
ประกนั ชีวิตแบบสะสมทรพั ย์)
4. แบบของการ ให้ประโยชน์แกผ่ ู้เอาประกันชวี ติ ซึง่ ใหป้ ระโยชน์ตอบแทนแกผ่ ู้
ประกันภัย เปน็ คู่สัญญาประกันชีวติ โดยอาศยั เอาประกนั ภยั ซง่ึ เปน็ คสู่ ญั ญา
ความทรงชพี ของผนู้ น้ั หรือผู้รบั โดยอาศยั วินาศภยั ที่เกดิ แก่
ประโยชนซ์ ง่ึ มิใชค่ สู่ ญั ญาประกนั ชีวติ ทรัพยส์ ิน
โออาศัยความตายของผูเ้ อาประกนั ภยั
หรือผู้ซ่งึ ได้ถกู เอาประกนั ชวี ิต
5. การประเมนิ ราคาส่วน ชวี ติ ของคนไม่อาจประเมนิ เป็นราคา ความเสยี หายจะต้อง
ไดเ้ สยี ของการ ได้ ประมาณเป็นจานวนเงินได้
ประกันภยั
6. หน้าท่ีของผรู้ บั ประกนั ชวี ติ ได้
ผูร้ ับประกนั ชวี ติ มหี น้าท่ีดงั ตอ่ ไปนี้
1. ใช้เงนิ ตามสัญญาประกนั ชีวติ หน้าทใ่ี ช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตเป็นหน้าท่ที ่ีสาคัญที่สุด ซ่ึง
สัญญาประกันชีวิตนี้ มี 2 แบบ คือ สัญญาท่ีอาศัยความทรงชีพของบุคคลเป็นหลักในการใช้เงิน
หมายถึงว่าแม้ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ถูกเอาชีวิตไปประกันยังมีชีวิตอยู่เม่ือครบกาหนดเวลา ผู้รับ
ประกันภัยจะต้องจ่ายเงินให้ตามสัญญา ส่วนสัญญาอีกแบบหนค่ง คือ สัญญาท่ีอาศัยความมรณะของ
บุคคลเป็นหลักในการใช้เงิน หมายถึง ว่าผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายเงินเมื่อผู้เอาประกันภัยหรือผู้ถูก
เอาประกันชวี ติ น้นั เสียชีวิต
2. หน้าท่กี าหนดเบี้ยประกนั ชีวิต ผู้รบั ประกันภยั จะตอ้ งเป็นผู้กาหนดเบ้ียประกันชวี ิต
ซ่ึงกาหนดค่าเบ้ียประกันนี้จะคานวณจากความหนักเบาของภัยที่ได้รับเส่ียงในขณะทาสัญญาจานวน
เงินท่ีจะต้องจ่ายเมื่อมีการตายหรือครบอายุสัญญา และสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอา
ประกันชีวิต การกาหนดอัตราค่าเบ้ียประกันนี้จะต้องต้ังอยู่บนความเหมาะสม ไม่เอาเปรียบผู้เอา
ประกันภยั แต่อยา่ งไรก็ตามจะตอ้ งได้รบั ความเหน็ ชอบจากนายทะเบยี นด้วย
3. หนา้ ทค่ี ืนค่าไถ่ถอนกรมธรรมป์ ระกันภยั การคืนคา่ ไถถ่ อนกรมธรรม์ประกนั ภยั จะเกิดข้ึนเมือ่ มี
การบอกเลกิ สัญญาประกนั ชีวิต หากผู้เอาประกนั ชีวิตยังมีชีวิตอย่ใู ห้คืนแก่ผเู้ อาประกนั ชีวิต หากผ้เู อา
ประกนั ชีวติ เสียชวี ิต ให้คืนแกทายาทของผเู้ อาประกันชีวติ ไม่ใชค่ ืนใหแ้ กผ่ รู้ ับประโยชน์
4. หน้าที่ที่ได้รับการยกเว้นโดยไม่ต้องรับผิด ผู้รับประกันภัยจะมีข้อยกเว้นที่ไม่ต้อง จ่ายค่า
สินไหมทดแทนแก่ผเู้ อาประกนั ภยั เมอ่ื เกดิ กรณีดงั น้ี
- บคคลผู้นั้นฆ่าตัวตายด้วยความสมัครใจภายใน 1 ปี นับจากวันทาสัญญาประกันชีวิตหากฆ่า
ตวั ตายหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปีแล้ว ผรู้ ับประกันภัยนั้นจะต้องจ่าย ท้ังนี้อาจเป็นเพราะ ผู้เอาประกัน
ชวี ิตไมไ่ ด้มคี วามตัง้ ใจจะฆา่ ตัวตายมากอ่ น
- บุคคลผู้น้ันถูกผู้รับประโยชน์ฆ่า ถ้าเป็นกรณีน้ีให้ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าไถ่ถอน กรมธรรม์
ประกันภัยแก่ทายาทของผเู้ อาประกนั ภยั
7. หน้าที่ของผ้เู อาประกนั ชีวิตได้
ผู้เอาประกันชวี ติ มีหนา้ ท่ดี ังตอ่ ไปนี้
1. หนา้ ท่ีเปิดเผยความจริง สญั ญาประกนั ชวี ติ เปน็ สญั ญาทตี่ ้องตง้ั อยู่บนพื้นฐานของ ความสจุ รติ
หมายถึงว่าผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิตจะต้องเปิดเผยความจริงเก่ียวกับตนเอง ความ
จริงที่จะต้องเปิดเผยเป็นสาคัญได้แก่ อายุและสุขภาพ หากผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ถูกเอาประกันชีวิต
ไม่เปดิ เผยความจริง เมอ่ื ทราบ ความจรงิ ภายหลงั ผู้รับประกนั ภัยมีสิทธิทีจ่ ะบอกลา้ งสญั ญาซ่งึ จะทาให้
สัญญาประกนั ชวี ติ เปน็ โมฆียะได้
2. หน้าท่ีส่งเบ้ียประกัน ผูเอาประกันภัยเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่จะต้องจ่ายค่าเบ้ียประกันให้อัตรา
ค่าเบี้ยประกันจะสูงหรือ้ต่าน้ันจะคานวณจากจานวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจะต้องจ่ายเม่ือถึง
กาหนดเวลาหรือเม่ือมีมรณภยั เกิดข้ึน นอกจากน้ีสิ่งท่ีนามาคานวณร่วมด้วย ได้แก่ ระยะเวลาที่ ผู้เอา
ประกันชีวิตจะยังมีชีวิตอยู่ และสุดท้ายจะพิจารณาจากสุขภาพของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ถูก เอา
ประกันชวี ติ ดว้ ย
วิธีการชาระค่าเบ้ียประกัน ตามหลักเกณฑ์เบ้ืองต้นน้ันให้ชาระค่าเบ้ียประกันเป็นเงินสด แต่
ปจั จบุ ันสามารถที่จะชาระเป็นเช็ค ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือต๋ัวแลกเงินก็ได้ โดยเฉพาะการชาระ ด้วยเช็ค
นัน้ แพรห่ ลายมากในปัจจบุ ัน โดยจะถอื ว่าเม่ือเช็คถงึ กาหนดจึงจะถือวา่ มกี ารชาระค่าเบ้ีย ประกันชีวิต
แล้ว ผู้ท่ผี ู้เอาประกันจะชาระค่าเบ้ียประกันได้ ได้แก่ ผู้รับประกนั ชวี ิตหรือตัวแทน ประกันชวี ติ ทไ่ี ดร้ ับ
มอบอานาจเป็นหนังสอื จากผู้รับประกันชวี ติ
การชาระค่าเบี้ยประกันตามกาหนด หากต้องการให้สัญญาประกันชีวิตนั้นมีผลอยู่ ตลอด ผู้เอา
ประกนั ชีวิตจะตอ้ งชาระค่าเบยี้ ประกนั ตามกาหนดเวลา ถ้าไมส่ ามารถชาระตาม กาหนดเวลาได้ กย็ ังมี
ระยะเวลาผ่อนผันซ่ึงในกรมธรรม์จะมีข้อความแจ้งไว้ว่าสามารถผ่อนผันได้ เป็นระยะเวลานานเท่าใด
และต้องชาระให้ทันในเวลาผ่อนผันนั้น หากมีการเสียชีวิตในช่วงระยะ เวลาของการผ่อนผัน ผู้รับ
ประกนั ชวี ิตยงั คงต้องมีความรับผดิ ตามสัญญาประกนั ภยั อยู่ เมอ่ื สิ้นสุด ระยะเวลาของการผ่อนผันแล้ว
ผเู้ อาประกันชีวติ ยังไม่ชาระกรมธรรมป์ ระกันชวี ติ จะขาดอายลุ ง
8. การบอกเลกิ สัญญาประกนั ชวี ิตได้
การบอกเลกิ สญั ญาประกันชวี ติ มหี ลกั เณฑ์ทแ่ี ตกตา่ งจากการบอกเบิกกสญั ญาประเภทอน่ื ดงั นี้
1. หลักเกณฑ์การบอกเลิกสัญญาประกันชีวิต การบอกเลิกสัญญาท่ัวๆ ไปจะต้องได้ รับความ
ยนิ ยอมจากคู่สญั ญาทง้ั สองฝา่ ย เพ่ือไม่ให้เกิดความเสียหายตอ่ ฝ่ายใดฝา่ ยหน่ึง สาหรับ สัญญาประกัน
ชีวิตกาหนดสิทธิให้ผู้เอาประกันชีวิตสามารถบอกเลิกสัญญาได้ด้วยการหยุดส่งค่า เบี้ยประกัน แม้ว่า
ฝ่ายของผู้รับประกันชีวิตไม่ประสงค์จะบอกเลิกสัญญาก็ตาม ส่วนสัญญาประกัน วินาศภัยนั้นจะบอก
เลิกสัญญาได้ในกรณีเม่ือก่อนเร่ิมเส่ียงภัยตามสัญญา หรือเม่ือผู้รับประกันภัย ต้องคาพิพากษาให้เป็น
บุคคลลม้ ละลาย
2. ผลของการบอกเลิกสัญญา สัญญาประกันชีวิตจะส้ินสุดเมื่อฝ่ายของผู้เอาประกัน “ชีวิตหยุด
ส่งค่าเบี้ยประกัน แต่ถ้าหากว่าผู้เอาประกันชีวิตได้ส่งค่าเบ้ียประกันมาเกินสามปีแล้ว ก็จะ ได้รับค่า
เวนคืนกรมธรรม์ ประกันภัยเป็นเงินสดตามจานวนในตอนท้ายของกรมธรรม์ประกันชีวิต หากไม่
ตอ้ งการได้รบั คนื เป็นเงนิ สดก็สามารถรบั คืนเป็นกรมธรรม์ใช้เงนิ สาเรจ็ ได้
9. สิทธขิ องทายาทผเู้ อาประกันชีวิตได้
ทายาทซ่ึงจะมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต ได้แก่ทายาทท่ีกาหนดไว้ใน ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1629 มีทงั้ หมด 6 ลาดบั คอื
1) ผสู้ ืบสันดาน
2) บิดามารดา
3) พน่ี ้องร่วมบิดามารดา
4) พน่ี ้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกนั
5) ปู่ ย่า ตา ยาย
6) ลุง ป้า นา้ อา วา่
(หากคสู่ มรสยงั มีชีวิตอยู่ ก็มีส่วนได้รับมรดกเสมอื นหน่งึ เปน็ ทายาทช้ันบตุ ร)
ทายาทของผู้เอาประกันชีวิตสามารถเรยี กร้องเอาได้ 2 ทาง คอื จากทงั้ ผู้ทาการละเมิด และ จากผู้
รับประกันชีวิต แม้ผู้ละเมิดจะอ้างว่าทายาทได้รับเงินจากผู้รับประกันชีวิตแล้ว เช่นนี้ก็จะไม่มี
ผลเพราะว่าเป็นคนละส่วนกนั เงินจากผู้ละเมดิ เป็นเงินทดแทนความเสียหาย แตเ่ งินจากผ้รู ับ ประกัน
ชวี ิตเป็นเงินประกันภัยสะสม ซึ่งจะแตกต่างจากสญั ญาประกันวนิ าศภัยท่ีผู้เอาประกันภัย ต้องเลือกท่ี
จะเรยี กรอ้ งเอาจากผูล้ ะเมิด หรอื จากผรู้ ับประกันภัย หากเรียกรอ้ งเอาจากผู้รับประกันภยั " แล้ว ผรู้ ับ
ประกันภัยจะรับช่วงสิทธิในการเรียกร้องเอาจากผู้ละเมิดอีกที่หนึ่ง ทั้งน้ีเพ่ือป้องกันไม่ให้ผู้เอา
ประกนั ภัยไดก้ าไรสองต่อ
สิทธขิ องเจา้ หนผ้ี ู้เอาประกันชวี ติ
ระหว่างท่ีผู้เอาประกันชีวิตยังมีชีวิตอยู่อาจเป็นลูกหน้ีของบุคคลอื่น และหากเสียชีวิตลง แล้วยัง
ชาระหนี้ไม่หมด จานวนเงินท่ีจะได้รับจากผู้รับประกันชีวิตตามสัญญา เจ้าหนี้จะมีสิทธิได้รับ หรือไม่
นั้นแยกพิจารณาไดด้ งั นี้
1. สัญญาประกันชีวิตท่ีผู้เอาประกันไม่ได้เจาะจงตัวผู้รับประโยชน์ไว้ สัญญา ประกันชีวิตท่ีผู้
เอาประกันมิได้ระบุช่ือผู้รับประโยชน์แต่ระบุว่าจะให้เงินจานวนน้ีแก่ทายาทของตน เมื่อผู้เอาประกัน
ชวี ติ ถึงแกค่ วามตายลง เงนิ จานวนนี้จะกลายเปน็ เงนิ มรดกท่ีต้องจ่ายแกท่ ายาท เชน่ นเ้ี จา้ หนี้สามารถที่
จะได้รับการใช้หน้ีจากเงินส่วนนี้ด้วย เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 1734
กาหนดไว้วา่ เจ้าหนขี้ องกองมรดกมสี ทิ ธิทจี่ ะได้รบั การชาระหนีจ้ ากทรัพย์สิน ในกองมรดกเทา่ น้นั
2. สัญญาประกันชีวติ ที่ผ้เู อาประกันได้เจาะจงตัวผู้รบั ประโยชน์ไว้ หากในสัญญา ประกันชีวิต
ได้ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ไว้ เม่ือผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายลง ผู้รับประโยชน์น้ันก็ จะได้รับเงิน
ตามที่ระบุไว้ในสัญญา แต่จะต้องส่งเงินจานวนหน่ึงเท่ากับจานวนเบ้ียประกันไปเป็น ทรัพย์สินของ
กองมรดกเพ่ือนาไปชาระหนแี้ กเ่ จา้ หน้ี
3. กรณที ่ีผู้รบั ประโยชนเ์ ป็นเจ้าหน้ีผเู้ อาประกันด้วย หากผู้เอาประกนั ชีวติ ได้ระบุ เจ้าหนี้คนใด
คนหนึง่ เปน็ ผู้รบั ประโยชน์ ให้ปฏิบัตดิ ังนี้
3.1 ตามสัญญาประกันชีวิตได้ระบุเจ้าหนี้คนใดเป็นผู้รับประโยชน์ ให้เจ้าหนี้คนนั้นมี สิทธิได้
เงินทง้ั หมด โดยไม่ต้องสง่ เงินเทา่ กับจานวนเบย้ี ประกันเขา้ ไปในกองมรดกของผู้เอาประกนั ชีวติ
3.2 หากเจ้าหนี้คนอ่ืนประสงค์จะให้เจ้าหน้ีผู้รับประโยชน์ส่งเบี้ยประกันคืนเข้ากอง มรดก
เจา้ หน้ีคนอ่นื ๆ ตอ้ งพสิ จู นใ์ ห้ไดว้ า่
- การชาระหนี้ที่ผู้เอาประกันชีวิตได้ระบุให้เจ้าหน้ีเป็นผู้รับประโยชน์น้ี เป็นการ ท่ีได้
กระทาลงไปโดยรู้อยวู่ ่าจะเปน็ ทางใหเ้ จ้าหน้ีเสียเปรียบ
- ต้องพิสจู น์ดว้ ยวา่ เบ้ียประกันชวี ิตท่ผี ู้เอาประกันชีวิตส่งไว้เป็นจานวนเงินสูง กว่ารายได้
หรอื ฐานะของผูเ้ อาประกนั ชีวติ
อายุความ
อายุความในการฟ้องร้องคดีของการประกันวินาศภัยกับการประกันชีวิตนั้นแตกต่างกัน สาหรับ
ในสัญญาประกันชีวิตการฟ้องร้องให้ผู้รับประกันชีวิตใช้เงินตามสัญญา หรือการฟ้องร้องให้ คืนบ้ีย
ประกันตามสัญญาประกันชีวิตนั้น จะฟ้องรอ้ งกันได้ในกาหนด 10 ปี ยกเว้นกรณีของการ ฟ้องร้องให้
ผู้รับประโยชน์จ่ายเบ้ียประกันชีวิตให้แก่กองมรดก จะต้องฟ้องร้องภายในหน่ึงปี นับแต่ เมื่อผู้
รับประกนั ได้รับรู้ มิฉะนน้ั คดีจะขาดอายคุ วาม
ใบความรู้
รหัสวชิ า 2202 – 2107 ชือ่ วิชา การประกนั ภัย
หน่วยที่ 6 การขายประกนั ชีวติ สอนคร้งั ท่ี 16 ช่ัวโมงที่ 61-64
ชอ่ื เรื่อง การขายประกนั ชวี ติ
จานวน 4 ช่วั โมง
1. สาระสาคัญ
ประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทบริการ ที่ผู้บริโภคไม่สามารถมองเห็นตัวผลิตภัณฑ์ได้
เหมือนผลิตภัณฑ์ประเภทอ่ืนๆ หน้าที่ของตัวแทนในการเสนอขายประกันชีวิตให้กับผู้บริโภคคือ
ต้องช้ีให้ผู้บริโภคเห็นถึงความจาเป็นและประโยชน์ของการทาประกันชีวิต ตัวแทนประกันชีวิตต้อง
เตรียมความพร้อมท้ังด้านบุคลิภาพภายในและภายนอก ความพร้อมในเร่ืองของความรู้และข้อมูลท่ี
เก่ียวกับการประกันภชีวิตประเภทต่างๆ เพื่อให้การนาเสนอแก่ผู้บริโภคได้เห็นภาพและรับรู้ถึงความ
จาเปน็ และประโยชนท์ ่ีจะไดร้ ับจากการซือ้ ประกนั ชวี ิต
ตัวแทนขายประกันชีวิตนอกจากต้องมีความรู้ในเรื่องประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆ แล้ว
ตัวแทนขายประกันชีวิตต้องปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิต ต้องศึกษาเทคนิค
วธิ ีการและกระบวนการขายเพ่อื ใหเ้ สนอขายมีประสทธภิ าพและสามารถปิดการขายได้
2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้
2.1 จุดประสงคท์ ่วั ไป
เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับการขายประกันชีวิต
2.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
2.2.1 สามารถเสนอขายประกนั ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2.2.2 แสดงเจตคติทีด่ ีและกิจนิสัยท่ีดตี อ่ การศกึ ษาการประกนั ภัย
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรียนอธบิ ายลกั ษณะของตวั แทนประกนั ชวี ิตท่ีดีได้
2. นกั เรียนอธิบายจรรยาบรรณของตัวแทนประกนั ชวี ิตได้
3. นักเรียนปฏบิ ตั ิตามกระบวนการขายประกันชวี ิตได้
4. สาระการเรยี นรู้
1. ความรู้เบื้องตน้ เก่ียวกบั การขายประกนั ชีวิต
การประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทที่ไม่แสวงซื้อ และเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีผู้ซื้อจะต้องได้
รับทราบรายละเอียดอย่างชัดเจนก่อนการตัดสินใจซ้ือ ดังนั้นช่องทางการจาหน่ายจึงควรที่จะต้องมี
พนักงานขายเข้ามาเกี่ยวข้องในการนาเสนอขายโดยตรง ซ่ึงพนักงานขายประกันชีวิตนั้นเราจะ
เรียกว่า ตัวแทนประกันชีวิต บุคคลผู้ท่ีจะเป็นตัวแทนประกันชีวิตได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามที่
กรมการประกนั ภยั กาหนดและตอ้ งมบี ัตรอนุญาตให้เป็นตัวแทนเสยี ก่อน
ผู้ที่จะสมัครเข้าเป็นตัวแทนประกันชีวิต จะต้องพิจารณาคุณสมบัติของตนเองว่ามีความ
เหมาะสมกับอาชีพน้ีหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ท่ีจะเป็นตัวแทนประกันชีวิตน้ัน จะต้องทราบถึง
หลกั การต่างๆ ทีจ่ ะต้องกระทา และจะต้องปลกู ฝงั ตนเองใหม้ ีคณุ สมบตั ดิ ังน้ี
1. ต้องมีความรู้เก่ียวกับสัญญา และกรมธรรม์ประกันภัยพอสมควร โดยจะต้องมีการ ศึกษา
และค้นคว้าเพิ่มเติมเก่ียวกับแบบต่างๆ ของการประกันภัย และความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพ่ิม เดิมอยู่
เสมอ
2. ต้องทาความเข้าใจกับธุรกิจประกันชีวติ และจะต้องมีทัศนคติที่ดีตอ่ การประกันชวี ิต ไม่ว่า
จะเป็นแบบของการประกนั หนว่ ยงานประกันภัย อาชพี ตวั แทนประกนั และมองตวั เองในทางท่ดี ี
3. ต้องพฒั นาความร้คู วามสามารถในการขายของตนเองใหม้ ปี ระสิทธิภาพเพิ่มข้นึ
4. ต้องเพ่ิมพูนประสบการณ์เก่ียวกับการขาย และฝึกนิสัยท่ีดีเก่ียวกับงานขายเพื่อให้ งาน
ขายนนั้ ได้ผลดี
ตวั แทนประกันชวี ติ และนายหนา้ ประกนั ชีวติ ตามพระราชบญั ญตั ิการประกนั ชีวติ 2535
การเป็นตัวแทนประกันชีวิตหรือนายหน้าประกันชีวิตจะต้องได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียน
โดยจะต้องขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนเสียก่อน ซ่ึงบุคคลท่ีจะขออนุญาตรับใบอนุญาต เป็นตัวแทน
ประกันชีวติ ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกนั ชวี ติ 2535 ต้องมคี ุณสมบัตดิ ังน้ี
1. บรรลุนิติภาวะ
2. มภี ูมลิ าเนาในประเทศไทย
3. ไม่เป็นคนวกิ ลจรติ หรือจิตฟันเฟือนไม่สมประกอบ
4. ไม่เคยต้องโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ กระทา
โดยทจุ รติ เวน้ แตไ่ ด้พ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกวา่ ห้าปีก่อนวนั ขอรับใบอนญุ าต
5. ไมเ่ คยเป็นบุคคลล้มละลาย
6. ไมเ่ ปน็ นายหนา้ ประกนั ชีวติ
7. ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตหรือใบอนญุ าตเป็นนายหน้า ประกัน
ชีวิตในระยะเวลาสามปกี ่อนวันขอรบั ใบอนุญาต
8. ได้รับการศึกษาวิชาประกันชีวิตจากสถาบันการศึกษาที่นายทะเบียนประกาศกาหนดหรือ
สอบความรู้เก่ียวกับการประกันชีวิตได้ตามหลักสูตรและวิธีการท่ีนายทะเบียนประกาศกาหนดผู้ท่ีมี
คุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นและประสงค์จะเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทใด ให้ย่ืน คาขอรับ
ใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทน้ันต่อนายทะเบียน พร้อมด้วยหนังสือแสดง ความ
ต้องการของบริษัทใหผ้ ู้น้ันเปน็ ตัวแทนประกนั ชวี ติ เมื่อนายทะเบียนได้พจิ ารณาคาขอเป็นที่ พอใจแล้ว
ให้ออกใบอนุญาตให้ผู้น้ันเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทที่แสดงความต้องการเม่ือได้ ออก
ใบอนุญาตแลว้ ใหแ้ จ้งให้บรษิ ทั ทราบ
ผู้ที่เป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทใดอยู่แล้ว อาจขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกัน
ชวี ติ บริษัทอื่นอีกกไ็ ด้ คาขอรับใบอนุญาตเช่นว่าน้ี ผขู้ อต้องยน่ื หนังสอื แสดงความยนิ ยอมของ บริษัทท่ี
ผู้นั้นเป็นตัวแทนประกันชีวิตอยู่แล้วพร้อมด้วยหนังสือแสดงความต้องการของบริษัทใหม่ที่ ต้องมี
ข้อความแสดงไว้ด้วยว่าบริษัทใหม่นั้นได้ทราบแล้วว่า ผู้ขอเป็นตัวแทนประกันชีวิตของ บริษัทใดอยู่
แล้ว เมื่อนายทะเบยี นไดอ้ อกใบอนุญาตแลว้ ให้แจ้งบริษัททีเ่ กย่ี วข้องทราบ
ตัวแทนประกันชีวิตอาจทาสัญญาประกันชีวิตในนามของบริษัทได้เม่ือได้รับมอบอานาจ เป็น
หนังสือจากบริษัท ตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต หรือพนักงานของบริษัทซึ่งมี หน้าท่ีท่ี
เก่ียวกับการรับเงิน อาจรับเบ้ียประกันภัยในนามของบริษัทได้เม่ือได้รับมอบอานาจเป็น หนังสือจาก
บริษัท
บุคคลธรรมดา ซึ่งจะขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิต ต้องไม่เป็นตัวแทน ประกัน
ชวี ติ หรอื เป็นกรรมการ ผ้จู ดั การ พนักงานหรอื ลกู จา้ งของบรษิ ัทใด โดยสามารถนา คุณสมบัติดงั กล่าว
ข้างตน้ ท้งั 8 ประการมายนื่ ขอรบั ใบอนุญาตได้
นิติบุคคล อาจขอรบั ใบอนญุ าตเปน็ นายหน้าประกันชวี ิตได้เมอื่
1. นิติบคุ คลนน้ั มสี านักงานใหญใ่ นประเทศไทย
2. กจิ การดงั กล่าวอย่ใู นขอบวตั ถปุ ระสงคข์ องนิตบิ ุคคลนน้ั
3. นิติบุคคลนั้นมีพนักงานหรือลูกจ้างท่ีได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตตาม
พระราชบญั ญตั ิเป็นผทู้ าการแทนนติ บิ คุ คลดังกล่าว และ
4. นิติบุคคลนั้นต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตในระยะสามปี ก่อน
วันขอรับใบอนุญาต
บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลท่ีมีคุณสมบัติตามท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น สามารถย่ืนคาขอรับ
ใบอนุญาตต่อนายทะเบียน การออกใบอนุญาตให้นิติบุคคลเป็นนายหน้าประกันชีวิต ให้เป็นไป ตาม
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่นายทะเบียนกาหนด โดยทั้งคาขอรับใบอนุญาตและใบอนุญาตให้ทา ตาม
แบบที่นายทะเบียนกาหนด การเป็นนายหน้าประกันชีวิตของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต้อง เกิบัติ
ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกนั ชีวิต 2535 มาตรา 74 - 83 ดังตอ่ ไปน้ี
1. นายหนา้ ประกนั ชีวติ ทเ่ี ป็นนิติบุคคลจะต้องมีสานักงานตามทรี่ ะบุไวใ้ นคาขอรบั ใบ อนุญาต
เปน็ นายหน้าประกันชวี ติ
2. นายหน้าประกันชีวิตต้องมีสานักงานตามที่ระบุไว้ในคาขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้า
ประกนั ชวี ติ ในกรณีย้ายสานักงานตอ้ งแจ้งตอ่ นายทะเบียนเป็นหนงั สอื ภายใน 5 วนั นับแตว่ นั ทีย่ ้าย
3. ให้นายหน้าประกันชีวิตจัดทาสมุดทะเบียน สมุดบัญชีและเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจของตน
ตามแบบและรายการทน่ี ายทะเบียนกาหนด
4. ให้นายหน้าประกนั ชีวิตเก็บรักษาสมุดทะเบยี น สมุดบญั ชี และเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจ ของ
ตน รวมท้ังเอกสารประกอบการลงสมุดทะเบียนและสมุดบัญชีไว้ที่สานักงานของตนไม่น้อยกว่า 5 ปี
นบั แต่วนั ลงรายการครง้ั สุดท้ายในสมดุ ทะเบียนหรือสมดุ บัญชีน้นั
5. ใบอนญุ าตเปน็ ตวั แทนประกันชีวิตและใบอนญุ าตเป็นนายหน้าประกันชีวิตให้มีอายุ หนง่ึ ปี
นับแตว่ ันท่ีออกใบอนญุ าต ถ้าผูร้ ับใบอนุญาตดังกล่าวประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ย่ืน 4 คาขอ
ตอ่ อายใุ บอนญุ าตตอ่ นายทะเบียนตามแบบท่ีนายทะเบยี นกาหนดภายใน 2 เดือนกอ่ นใบ
อนุญาตสิ้นอายุ ถ้าผู้รับใบอนุญาตได้ต่ออายุใบอนุญาตครบสองคราวติดต่อกันแล้ว และ
ตอ้ งการ ย่ืนคารอ้ งขอตอ่ อายใุ บอนญุ าตตอ่ ไป ให้ใบอนุญาตทอี่ อกใหใ้ นคราวตอ่ ไปน้นั มีอายุ 5 ปี
6. นายหน้าประกันชีวิตผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการ พนักงานหรือลูกจ้าง น้ี ใน
บรษิ ทั ใหใ้ บอนญุ าตเปน็ นายหนา้ ประกนั ชีวิตนนั้ สน้ิ สดุ ลง
7. นายทะเบียนมีอานาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต หรือใบอนุญาต เป็น
นายหน้าประกันชีวิต เมื่อปรากฏแก่นายทะเบียนว่าตัวแทนประกันชีวิตหรือนายหน้าประกันชีวิต มี
ลักษณะดงั นี้
7.1 กระทาการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกันชีวิต 72 ขาดคุณสมบัติการ
เป็นตัวแทน 8 ประการทกี่ ล่าวมาแล้วขา้ งตน้
7.3 ดาเนินงานทาให้เกิดหรืออาจทาให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ผู้ รับ
ประโยชนต์ ามกรมธรรมป์ ระกันภยั หรอื ประชาชน
เมือ่ นายทะเบียนได้ส่งั เพกิ ถอนใบอนุญาตแล้วให้แจ้งคาสัง่ นัน้ ไปยงั ผู้ถกู ส่ังเพิกถอนใบอนญุ าต
ผูถ้ กู ส่งั เพกิ ถอนใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณต์ ่อรฐั มนตรีภายใน 15 วัน นับแต่วันท่ีไดร้ ับคาสงั่
2. ลกั ษณะของตัวแทนประกันชวี ิตท่ีดี
ตามท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้นว่าประกันชีวิตน้ันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ผู้ที่จะตัดสินใจซ้ือ
หรือผู้เอาประกันภัยจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับทราบรายละเอียดของการประกันชีวิตอยา่ ง ชัดเจน
ได้รับทราบถึงผลประโยชน์ท่ีจะได้รับ มีทัศนคติท่ีดีต่อบริษัทประกันภัยและตัวแทนประกัน ซ่ึงสิ่ง
เหล่านี้เป็นหน้าท่ขี องตัวแทนประกันที่จะต้องเป็นผู้นาเสนอ ดังน้นั ผทู้ ี่เป็นตัวแทนประกันชีวิต จะต้อง
มคี ณุ ลักษณะดงั นี้
1. มีความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิตเป็นอย่างดี ตัวแทนประกันชีวิตก็เหมือนกับ พนักงาน
ขายสินค้าอื่นๆ ท่ีจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือเก่ียวกับสิ่งท่ีตนเองกาลังเสนอขาย เป็นอย่างดี
ปัจจุบันบริษัทประกันภัยได้คิดรูปแบบของการประกันชีวิตออกมาหลากหลายเพื่อ สนองความ
ต้องการของลูกค้า ตัวแทนประกันชีวิตจะต้องศึกษาส่ิงเหล่านั้นอย่างถ่องแท้และแม่นยา อัน จะ
ก่อให้เกิดผลดีต่อการเสนอขาย ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า ซึ่งผลดีที่เกิดขึ้นก็จะเกิดแก่ตัว แทนเอง
คอื จะประสบผลสาเร็จในการขาย
2. มีความสามารถในการขายและขยายตลาด เท่าท่ีผ่านมาการขยายตลาดของ ตัวแทนคือ
การขายให้แก่คนใกล้ชิด เช่น เพื่อนหรือญาติพี่น้อง เมื่อหมดแลว้ ก็ไม่สามารถขยาย ตลาดต่อไปได้อีก
และในทีส่ ุดกต็ ้องออกจากตลาดไป เน่ืองจากว่าตัวแทนเหล่านไ้ี ม่ไดร้ ับการอบรม ที่ดเี กย่ี วกับการขยาย
ตลาดอย่างมีประสิทธภิ าพ เกี่ยวกับความสามารถในการขายของตัวแทนน้นั ความสามารถในการขาย
จะเกิดขึ้นได้หากตวั แทนน้ันมีประสบการณ์ มีความเขา้ ใจเกย่ี วกับหลัก วชิ าการ ชนดิ และประเภทของ
การประกันชีวิตท่ีมีรูปแบบใหม่ๆ การขายได้มาก การได้เข้าพบ ลูกค้าหลายๆ ราย เป็นการเพิ่ม
ประสบการณ์และเพ่มิ ความสามารถในการขายของตัวแทนเปน็ อยา่ งดี
3. มีนิสัยการทางานที่ดี นิสัยการทางานที่จัดว่าเป็นนิสัยที่ดีได้แก่ การทางานด้วย ความมี
ระเบียบวินัย มีความขยันขันแข็ง มีการวางการทางานที่ดี ตลอดจนมีความพยายามท่ีจะ เอาชนะ
ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ นิสัยการทางานที่ดีอีกอย่างหน่ึงของตัวแทนประกันชีวิตคือการ ไม่กล่าวให้
ร้ายเพ่อื นรว่ มอาชีพเดยี วกนั อนั จะนามาซ่งึ ทศั นคตทิ ไี่ มด่ ใี นระบบธรกจิ ประกันชีวติ
4. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความรับผดิ ชอบต่อหน้าท่ีของตัวแทนขาย ประกอบ ด้วยส่ิง
ตอ่ ไปน้ี
4.1 ขายส่ิงท่ีมีคุณภาพสมบูรณ์ต่อลูกค้า หมายถึงว่าสิ่งที่จะขายแก่ลูกค้าคอ กรมธรรม์
ประกันชีวิตนั้นเป็นส่ิงที่มีความจาเป็นต่อลูกค้าหรือไม่ ลูกค้ามีอานาจซื้อและมีความ สามารถที่จะส่ง
เบี้ยประกนั ได้ตามกาหนดเวลาหรือไม่ ไม่ใชเ่ ป็นการออ้ นวอนหรือเปน็ การยัดเยียด ให้ลูกค้าซ้ือทั้งที่ไม่
มีความจาเป็นหรือไม่มีอานาจในการซอื้
4.2 ต้องรับผิดชอบเก็บเงินจากลกู ค้าให้ไดต้ ามเง่ือนไขในกรมธรรม์ การเขา้ พบ ลูกคา้ เพ่ือ
เกบ็ เงนิ ยงั มีผลพลอยไดอ้ ีกประการหน่งึ คือเปน็ การเย่ียมลกู คา้ ดว้ ย
4.3 ตอ้ งใหบ้ รกิ ารลกู คา้ อย่างส้ม่าเสมอ หลังจากทีล่ ูกค้าตดั สนิ ใจซ้ือแลว้ ตวั แทนจะ ต้องมี
บริการหลังการขายท่ีดี มีการเข้าพบและให้ความช่วยเหลือตามท่ีลูกค้าต้องการ การกระทา เช่นน้ี
นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าได้ทราบประโยชน์ของการประกันชีวิตแล้ว ตัวแทนยังได้รับความ เชื่อถือไว้
และวางใจอกี ดว้ ย
4.4 ต้องประชาสมั พันธ์ธุรกิจและตนเอง คือจะต้องพยายามเข้าพบลูกค้าเป็นประจา และ
ส้ม่าเสมอ เพ่ือเป็นการประชาสัมพนั ธ์ให้ลูกค้าได้รับทราบประโยชน์ของการประกันชีวิตและให้ เขา้ ใจ
ถงึ บทบาทและหน้าท่ีของตวั แทนประกนั ชีวิตด้วย
4.5 ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ธุรกิจประกันชีวิตจะเจริญก้าวหน้าได้ก็ต่อเม่ือ
ประชาชนเกิดความเชื่อถือศรัทธา การท่ีจะทาใหป้ ระชาชนเกิดความเชอื่ ถอื ศรทั ธาได้นั้นธุรกิจจะ ตอ้ ง
มีความสุจริตใจต่อประชาชน ตัวแทนประกันชีวิตจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจรรยาบรรณ มี ความ
จรงิ ใจ และสานึกในหน้าท่อี ยเู่ สมอ
3. จรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิตได้
จรรยาบรรณเป็นความประพฤติท่ีอาชีพต่างๆ ควรปฏิบัติเพื่อส่งเสริมและรักษาเกียรติคุณ
ชื่อเสียงของตน และเพ่ือนร่วมอาชีพเดียวกัน ตัวแทนประกันชีวิตควรปฏิบัติตามจรรยาบรรณซ่ึงมี
ดังนี้
1. มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เอาประกันภยั บริษทั และเพ่ือนร่วมอาชพี เดียวกัน และท่ีสาคัญ ท่ีสุด
ตัวแทนขายไม่ควรนาประวัติของผู้เอาประกันภัยไปเปิดเผยให้บุคคลอ่ืนทราบ ดังนั้นตัวแทน ขายจึง
ควรปฏิบตั ดิ งั น้ี
1.1 ดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยอย่างซ่อื สตั ย์ 1.2 นาเงินเบยี้ ประกนั ส่งเข้า
บริษัททันที ไม่นาไปใช้ส่วนตัว 1.3 มอบใบเสร็จรับเงินทุกครั้งเม่ือมีการจ่ายเบ้ียประกันแก่ผู้เอา
ประกันภยั
1.4 ไม่ลงนามแทนผู้เอาประกันภัยแม้ว่าจะมีเจตนาดีก็ตาม เพราะถือเป็นก ารผิด
จรรยาบรรณและผิดฎหมายดว้ ย
1.5 ไม่ปลอมแปลงเอกสารสาคัญของผู้เอาประกันภัย เพ่ือหวังสิทธิประโยชน์ของ ผู้เอา
ประกันภัยท่ีพึงได้รับ ต้ังอยู่ในความสุจริต วางตัวเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าข้างลูกค้าหรือ บริษัทเป็น
ตัวแทนสงั กดั บรษิ ทั ประกนั บริษัทใดบรษิ ทั หน่ึงเท่าน้ัน
1.6 แนะนาและดูแลให้ผเู้ อาประกนั ภยั เคลมสนิ ไหมทดแทนตามความเปน็ จริง
1.7 ตรวจสอบข้อมูลของผู้ทีจ่ ะทาประกันชวี ิตว่ามีคณุ สมบตั ิเหมาะสมทจี่ ะทาประกัน ชวี ิต
ได้หรอื ไม่ไมข่ ายประกันซา้ ซ้อนกับเพ่อื นร่วมงาน
2. ตัวแทนขายควรให้บริการท่ีดีอย่างสม่าเสมอ และต้องแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบถึง สิทธิ
ประโยชนแ์ ละหนา้ ทเ่ี พื่อรักษาสทิ ธปิ ระโยชน์ของผู้เอาประกนั ภยั ดงั น
2.1 ตวั แทนตอ้ งอธิบายถึงสิทธิประโยชน์และเง่ือนไขต่างๆ ตามกรมธรรม์ทผ่ี ู้เอา ประกันภัย
ทาไว้อยา่ งละเอียด ถูกตอ้ ง และชดั เจน
2.2 ตวั แทนขายตอ้ งให้บริการการเกบ็ เบี้ยประกนั อย่างสม่าเสมอ
2.3 เมื่อผู้เอาประกันภัยจะเคลมสินไหมทดแทน ตัวแทนขายต้องดาเนินการเรียกร้อง
ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดจากผู้เอาประกันภัย และควรแนะนาให้คาปรึกษาใน
การใชส้ ิทธิตา่ งๆ ตามกรมธรรม์อยา่ งถกู ต้อง
3. ตัวแทนขายต้องรักษาความลับอันมิควรเปิดเผยของผู้เอาประกันภัย เช่น ฐานะทาง การเงิน
ข้อมลู ในใบคาขอเอาประกัน ประวัติการเจ็บป่วย เป็นต้น ใหบ้ ุคคลภายนอกทราบ
4. ตัวแทนขายควรเปิดเผยและชแี้ จงขอ้ ความจริงของผเู้ อาประกนั ภยั ในส่วนที่เป็นสาระ สาคัญใน
ทกุ ๆ เร่ืองที่ได้ระบุไว้ในใบคาขอ เพ่ือเป็นข้อมูลให้กับบริษัทพิจารณาในการรับประกัน และเพื่อความ
สมบูรณแ์ ห่งกรมธรรม์
5. ตัวแทนขายไม่ควรเสนอแนะผู้เอาประกันภัยเกินความสามารถในการชาระเบี้ยประกัน หรือ
ตวั แทนเสนอขายนอกเหนอื เงอ่ื นไขแหง่ กรมธรรม์ ดงั นั้นตวั แทนขายควรแนะนาให้ผมู้ งุ่ หวัง ทาประกัน
แบบที่เหมาะสมโดยเฉพาะจานวนเบ้ียประกันที่ผู้มุ่งหวังสามารถชาระได้จนครบกาหนด สัญญา แต่
ก่อนที่ตัวแทนจะทาประกันใหผ้ ู้มุ่งหวัง ตัวแทนขายควรตรวจสอบข้อมูลด้านต่างๆ ของ ผู้มุ่งหวัง เช่น
อาชพี ประวัติสขุ ภาพ เปน็ ตน้ การ
6. ตัวแทนขายไม่ควรลดหรือเสนอท่ีจะลดค่าบาเหน็จในรูปแบบอื่นๆ ให้กับผู้เอาประกันภัย เช่น
ให้สร้อยคอทองคาเพ่ือเป็นแรงจูงใจให้เอาประกัน หากตัวแทนขายต้องการแสดงความ ขอบคุณกับผู้
เอาประกนั ภัยอาจใช้วิธีเลี้ยงอาหารกลางวันหรอื ใหข้ องที่ระลกึ
7. ตัวแทนขายไม่ควรแนะนาให้ผเู้ อาประกนั ภัยสะสมกรมธรรม์เดมิ เพ่อื ทาสญั ญาใหม่ หากทาให้ผู้
เอาประกันภัยเสียประโยชน์ หรือในกรณีท่ีผู้เอาประกันภัยชาระเบี้ยประกันงวดแรกแต่ กรมธรรม์ยัง
ไม่ออก ในขณะเดียวกันบริษัทได้ออกกรมธรรม์ใหม่ซ่ึงได้ประโยชน์กว่าเลิน ตัวแทน ขายอาจแนะนา
ให้ผู้เอาประกันภัยเปล่ียนกรมธรรม์ใหม่ได้เพราะกรมธรรม์เดิมที่ทางาน จึงถือว่าไม่เป็นการยกเลิก
กรมธรรม์เก่าเพื่อซอ้ื กรมธรรม์ใหม่ แตท่ ้ังนต้ี วั แทนขายควรศึกษา ผลประโยชนข์ องกรมธรรมใ์ หม่
8. ตัวแทนขายไม่ควรกล่าวให้ร้าย ทับถมตัวแทนอื่นหรือบริษัทอื่น หรือเปรียบเทียบ ฐานะทาง
การเงินและรายไดก้ บั บริษัทอนื่ ให้ผมู้ ่งุ หวังเหน็ เพ่อื ให้มน่ั ใจและเชื่อถือในฐานะของ บรษิ ทั ตน
9. ตัวแทนขายต้องหมน่ั ศึกษาหาความรู้เพอื่ พัฒนาวิชาชีพอยูเ่ สมอ เช่น เข้ารบั การ อบรมเก่ียวกับ
การประกันชีวิต หรือบริษัทจัดให้ตัวแทนขายไปดูงานด้านประกันชีวิตในต่าง ประเทศ เพื่อนาความรู้
มาปรบั ปรุงและพฒั นางานขายของตนเอง ใหเ้ ป็นตวั แทนขายทม่ี ีคุณภาพ ต่อไป
10. ควรประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมประเพณีอันดีงาม ทั้งธารงไว้ซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรีและ คุณธรรม
แหง่ อาชีวปฏิภาณ เช่น
- ไม่โกหก หลอกลวง
- ไม่นาเงนิ เบี้ยประกนั ไปใช้สว่ นตวั
- ไม่เสนอของแถมเพอ่ื จงู ใจใหเ้ อาประกันชีวิตกับตน
- ถือประโยชน์สว่ นตนเท่ากับผลประโยชน์ของผ้เู อาประกันภยั ท่จี ะไดร้ ับจากการ บรกิ ารของตน
- ไมเ่ สนอให้ผ้เู อาประกนั ภยั ทาประกนั ชีวิต หรอื ซื้อความคมุ้ ครองต่างๆ เกนิ ความจาเป็น
4. ปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการขายประกนั ชวี ติ ได้
การขายประกันชีวิตมีกระบวนการขายที่ไม่แตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ แต่จะแตกต่างกัน
ในส่วนของรายละเอียดในการนาเสนอ ซ่ึงการขายประกันชีวิตต้องมีวิธีการนาเสนอที่มีประสิทธิภาพ
เน่อื งจากเป็นผลิตภณั ฑ์ประเภทบริการที่ผูม้ งุ่ หวังไมส่ ามารถมองเห็นได้ ตวั แทนประกนั ชีวิต จะต้องใช้
ความพยายามสูงที่จะให้ผู้มุ่งหวังได้เห็นถึงความสาคัญของการประกันชีวิต และประโยชน์ ท่ีจะได้รับ
หากซอ้ื กรมธรรม์ประกนั ชวี ติ กระบวนการขายประกนั ชวี ิตกระทาเป็นข้นั ตอนดังนี้
1. การแสวงหาผู้มุ่งหวังหรอื ลกู คา้
การแสวงหาผู้มุ่งหวังหรือลูกค้า เป็นกระบวนการแรกท่ีตัวแทนขายจะต้องพิจารณา เมื่อจะ
ขายประกันตัวแทนจะต้องตัดสินใจเสียกอ่ นวา่ จะขายให้กับใคร ดงั น้ันในกระบวนการขาย ประกนั ชีวิต
ขั้นแรกตวั แทนจะตอ้ งปฏิบตั ิ ดังน้ี
1.1 แสวงหารายช่ือผู้มุ่งหวัง การแสวงหารายช่ือผู้มุ่งหวังสาหรับการขายประกันชีวิต
คือ การสืบหาผู้ที่ต้องการทาประกันชีวิตว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ใด ซึ่งผู้มุ่งหวังของการขายประกันไม่ใช้
บุคคลท่ัวๆ ไป แต่ควรเป็นผู้ท่ีตัดสินใจซ้ือได้ มีความสามารถในการหารายได้ของตนเอง เพ่ือจะได้มี
เงินพอสาหรับการจ่ายคา่ เบย้ี ประกนั แหลง่ ท่ีจะแสวงหารายชอื่ ผู้มุ่งหวงั มีดังต่อไปน้ี
- ผู้เอาประกันภัยเดิม ผู้เอาประกันภัยเดิมน้ันเป็นผู้ท่ีเห็นถึงความจาเป็นของการ
ประกันชีวิตอยู่แล้ว หากผู้เอาประกันเดิมน้ันมีหน้าท่ีการงานก้าวหน้าข้ึน มีรายได้เพิ่มข้ึน เขาอาจซื้อ
ประกันชีวิตเพิม่ อีก
- ญาติพี่น้อง ญาติพ่ีน้องนับว่าเป็นกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ดี เพราะจะทาให้การเสนอขายได้
รับความน่าเชื่อถือกว่า เนื่องจากผู้มุ่งหวังน้ันเห็นว่าเป็นญาติกัน โอกาสท่ีจะประสบผลสาเร็จจึงมี
มากกวา่
- เพ่ือนก็เป็นกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ดีไม่น้อยไปกว่าญาติพี่น้องท่ีตวแทนประกนั ชีวติ สามารถ
เข้าเสนอขายได้ เพื่อนที่ว่านี้ได้แก่ เพื่อนบ้าน เพ่ือนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนนักเรียน เพ่ือนสนิท
เพือ่ นทีท่ างานเดยี วกัน เพ่ือนทท่ี ากิจการค้าดว้ ยกัน เพื่อนทที่ างานอดเิ รกด้วยกัน ฯลฯ
- คนที่รู้จัก คนรู้จักคือคนที่เคยคบหากันแต่ไม่สนิทเหมือนกับเพื่อน คนรู้จักนี้อาจ
เปน็ ผทู้ ี่เคยร่วมงานกนั มาหรือผู้ทเ่ี ข้ามาเกยี่ วข้องกับบรษิ ัทประกนั หรืออาจเป็นบุคคลทต่ี ัวแทนเคยให้
ความช่วยเหลือด้านใดด้านหน่ึง หรืออาจเป็นคนรู้จักท่ัวไปในชีวิตประจาวัน โดยอาจไปงาน ต่างๆ
แลว้ ไดพ้ บกัน
- โซ่ไร้ปลาย เป็นวิธีการที่ให้ลูกค้าเดิมหาลูกค้าใหม่มาให้ อาจเป็นเพื่อน เป็นญาติ
ของลูกค้าเดิมน้ันไปเร่ือยๆ โดยลูกค้าเดิมอาจแนะนาลูกค้าใหม่โดยให้นามบัตร หรือเบอร์โทรศัพท์
ไปหาเพ่ือเปิดทางให้กับตัวแทน วิธีการโซ่ไร้ปลายนี้จะทาให้ตัวแทนหาลูกค้าได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด เช่น
ตัวแทนประกันชีวิตขายประกันชีวิตให้นายดา นายดาแนะนาไปยังญาติชื่อนายแดง นายแดง แนะนา
ตอ่ ไปยงั เพ่ือนชอื่ นายขาว นายขาวแนะนาต่อไปยงั นายเหลอื ง เช่นน้เี รอื่ ยๆ ไป โดยไม่ ส้ินสดุ เป็นต้น
- ศูนย์อิทธิพล เป็นผู้ท่ีมีอิทธิพลในการชักนาหรือชักจูงบุคคลอ่ืนได้ ดังนั้นผู้ที่จะเป็น
ศูนย์อิทธิพลได้ จะต้องเป็นคนท่ีมีตาแหน่งหน้าที่การงานดี มีความกว้างขวาง มีมนษยสัมพันธ์ดีเป็นผู้
ที่มีคนเคารพนับถือหรือมีบารมีในลักษณะของผู้นาอย่างไม่เป็นทางการ บคคลเหล่าน้ี เช่น ผู้จัดการ
ธนาคาร นายกสมาคมต่างๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กานัน ผู้ใหญ่บ้าน ครูใหญ่ นายอาเภอ
ปลดั อาเภอ เป็นตน้
- การสังเกตส่วนตัว ตวั แทนประกันชีวิตจะตอ้ งเป็นผู้ท่ีช่างสังเกตถึงความเคลื่อนไหว
ของกลุ่มบุคคลต่างๆ ผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคมมักจะมีข่าวลงในหน้าหนังสือพิมพ์ ตัวแทนประกันชีวิต
จะต้องรู้จักเก็บข้อมูลเหล่านี้ด้วย ซึ่งบุคคลที่น่าจะเป็นผู้มุ่งหวังและจะกลายเป็นลูกคาเน อนาคต
สาหรับการประกันชีวิต เช่น ผู้ท่ีแต่งงานใหม่ๆ ผู้ท่ีประสบผลสาเร็จด้านใดด้านหน่ึงในชีวิต ผู้ที่ได้รับ
มรดก สามีภรรยาท่ีมีบุตรคนแรก เป็นต้น บุคคลเหล่านี้อาจต้องการความม่ันคงในชีวิต อีกท้ังยังมี
อานาจในการจ่ายเบยี้ ประกันดว้ ย
การแสวงหาลูกค้าในอนาคตโดยใช้ตัวแทนขายประกันหน้าใหม่ หรือนักสืบพิเศษ ตัวแทน
หน้าใหม่คือตัวแทนที่กาลังฝึกงานหรือเพิ่งผ่านการอบรมหลักสูตรของบริษัทให้เขาเป็น ผู้ออกไป
แสวงหารายชื่อผู้มุ่งหวังมาให้ แล้วให้ตัวแทนประกันชีวิตที่มีประสบการณ์มาแล้วเข้าพบ และทาการ
เสนอขายโดยให้ตัวแทนหน้าใหม่เป็นผู้ช่วย วิธีน้ีตัวแทนขายอาวโุ สจะไม่ต้องเสยี เวลา กับการแสวงหา
รายชื่อผู้มุ่งหวังทาให้มีเวลาในการเตรียมแผนการทางานมากขึน้ แตท่ ั้งน้ีตัวแทน ขายหน้าใหมจ่ ะต้อง
ได้รับการอบรมเกีย่ วกับการแสวงหารายชอื่ ผมู้ ่งุ หวังเปน็ อย่างดี
สาหรับนักสืบพิเศษนั้น เป็นบุคคลภายนอกบริษัทที่ช่วยทาการสืบหาลูกค้าให้อีก ทอดหนึ่ง
นักสืบพิเศษจะเป็นใครก็ได้ที่สามารถหารายละเอียดของลูกค้ามาให้ได้ การใช้นักสืบ พิเศษที่ได้ผลมัก
ใชก้ บั ลูกค้ารายใหญ่ๆ ทีม่ คี วามสาคัญมาก
1.2 การจาแนกกลมุ่ ของผูม้ ุง่ หวงั หลังจากที่แสวงหาลกู คา้ จากแหล่งตา่ งๆ มาแล้ว ตัวแทน
จะต้องนารายช่ือผมู้ งุ่ หวังเหล่านน้ั มาจาแนกเปน็ 3 กลมุ่ ใหญ่ๆ ดงั นี้
- ประเภทคนโสด ซ่ึงจะแบ่งออกเป็นคนโสดที่ไม่มีภาระ คือยังไม่ได้แต่งงานและ ไม่
ต้องมีภาระท่ีจะต้องเล้ียงดูใคร และคนโสดท่ีมีภาระ คือคนที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่มีภาระท่ีจะต้อง ดูแล
บคุ คลอื่น เชน่ พน่ี อ้ ง หรอื พอ่ แม่ เป็นต้น
- ประเภทคนที่สมรสแล้ว ซ่ึงจะมีท้ังคนท่ีสมรสแล้วแต่ยังไม่มีบุตร และสมรสแล้ว
และมีบุตรแลว้
- ประเภทคนท่ีมีกิจการเป็นของตัวเอง หมายถึงบุคคลที่มีกิจการเป็นของตัวเอง ต้อง
บริหารงานและรบั ผดิ ชอบในผลของการดาเนนิ กิจการไมว่ ่าจะเป็นกาไรหรอื ขาดทนุ
1.3 วิเคราะห์และคัดเลือกรายช่ือผู้มุ่งหวัง หลังจากได้รายช่ือของผู้มุ่งหวังแล้ว ตัวแทน
จะต้องพยายามรวบรวมรายละเอียดอื่นๆ ของผู้มุ่งหวังเหล่านั้น รายละเอียดเหล่านั้น ได้แก่
ชื่อ-นามสกุล เพศ อายุ อาชีพ ท่ีอยู่ สถานท่ีทางาน สถานภาพการสมรส บุตรและบุคคลท่ีจะ ต้อง
รับผิดชอบ เวลาท่เี ข้าพบ ทศั นคติ ความสนใจ และความตอ้ งการหรือความจาเป็นท่จี ะตอ้ งชื่อ ประกัน
อย่างไรก็ดี ผมู้ งุ่ หวงั ทด่ี ตี อ้ งมคี ุณสมบตั ดิ งั ต่อไปน้ี
- มีรายได้และมีเงินเก็บพอสมควร
- มีอานาจตดั สินใจ
- มีความจาเป็นต้องทาประกนั ชีวิต
- มีสุขภาพแข็งแรง
- มอี ายอุ ยู่ในเกณฑ์ท่ีจะทาประกนั ได้
- สามารถเข้าพบได้ไม่ยากนัก
1.4 การจัดทาบัตรผู้มุ่งหวัง หลังจากรวบรวมรายละเอียดของผู้มุ่งหวังแล้วก็ควรท่ีจะ
จัดทาเป็นบัตรแสดงรายละเอียดของผู้มุ่งหวังแต่ละคน เพ่ือสะดวกในการนามาพิจารณาเพื่อเข้าพบ
โดยในบัตรนั้นจะบันทึกช่ือ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รายได้ งานอดิเรก สุขภาพ ฯลฯ ซ่ึงล้วน
แล้วแต่เป็นข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ตัวแทนจะได้นามาศึกษาก่อนการเข้าพบ และนอกจากน้ใี นบัตรผู้
มุ่งหวงั ควรมชี ่องวา่ งสาหรับบันทกึ หลังการเข้าพบด้วย
1.5 หารายชื่อผู้มุ่งหวังต่อไป เมื่อมีรายชื่อของผู้มุ่งหวังจานวนหน่ึงแล้ว และได้เข้าพบ
เสนอขายประกันจนผู้มุ่งหวังเหล่านั้นได้กลายเป็นลูกค้าไปแล้ว ตัวแทนประกันชีวิตก็ยังจะต้อง
แสวงหาผู้มงุ่ หวงั รายอ่นื ๆ ต่อไป
2. การเตรยี มตวั กอ่ นเข้าพบ
เมื่อได้พิจารณาแล้วว่าควรท่ีจะเข้าพบผู้มุ่งหวังรายใด ตัวแทนจะต้องมีการเตรียมตนเอง
ก่อนที่จะเข้าพบเพ่ือให้การเขา้ พบนั้นมีประสทิ ธิภาพ และประสบผลสาเร็จ ในขน้ั ตอนของการเข้าพบ
ตวั แทนจะต้องเตรยี มสงิ่ ตา่ งๆ ดังนี้
2.1 เตรียมบุคลิกภาพในการขาย บุคลิกภาพของนักขายเป็นส่ิงสาคัญ บุคลิกภาพที่ดีย่อม
ทาใหล้ กู คา้ เกดิ ความเชือ่ มน่ั และไว้วางใจ บคุ ลกิ ภาพทตี่ วั แทนขายจะตอ้ งเตรยี ม มีดังน้ี
- บุคลิกภาพภายนอก เป็นบุคลิกภาพท่ีสามารถมองเห็นได้ และมีส่วนช่วยในการ
สร้างความประทบั ใจ ความน่าเช่ือถือ และความไว้วางใจให้เกิดแก่ลูกค้า ส่ิงทต่ี ัวแทนจะตอ้ งพิจารณา
และปรับปรุงให้เหมาะสมเกี่ยวกับบุคลิกภาพภายนอก ได้แก่ การแต่งกาย การเดิน การ ยืน การน่ัง
การย้ิม การสนทนา การมีมารยาททางสังคม เปน็ ตน้
- บุคลิกภาพภายใน บุคลิกภาพภายในเป็นส่ิงที่ติดตัวมาตั้งแต่กาเนิด แก้ไขได้ยาก
กว่าบุคลิกภาพภายนอก ตัวแทนขายจะต้องแสดงออกเก่ียวกับบุคลิกภาพภายในให้เหมาะสม เช่น
ต้องแสดงออกถึงความเป็นคนท่ีมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น เป็นคนใจเย็น เป็น
คนซ่ือสตั ยส์ จุ ริต เป็นตน้
ตัวแทนขายจะตอ้ งเรยี นรูบ้ ุคลิกภาพทด่ี ีของพนกั งานขาย ว่าจะต้องประกอบดว้ ยส่งิ ต่อไปน้ี
1. ความกระตอื รือร้น ความกระตอื รือร้นเปน็ ปจั จัยพ้ืนฐานของพนักงานขายทุกคนต้อง พึง
มี หากพนักงานขายหรือตัวแทนขายคนใดขาดความกระตือรือร้นในการทางาน ความสาเร็จในอาชีพ
ย่อมเป็นไปไดย้ าก
2. ความจริงใจ ตัวแทนขายหรือพนักงานขายจะต้องมีความจริงใจทั้งต่อตนเองต่อกิจการ
และต่อลูกค้า คือจะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง และจะต้องช่วยเหลือแนะนาสินค้าให้ลูกค้า
ไดร้ บั ทราบข้อเท็จจรงิ อย่างจรงิ ใจ โดยคานงึ ถงึ ความพอใจของลูกค้าเปน็ สาคญั
3. ความมไี หวพริบ พนักงานขายหรือตัวแทนขายที่มีไหวพริบจะช่วยเสริมให้มีบุคลิกภาพที่
ดีอีกประการหน่ึง ตัวแทนขายท่ีมีไหวพริบจะสามารถนาเสนอ ตอบคาถาม และแก้ไขปัญหาของ
ลกู คา้ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ซ่งึ จะเปน็ เครื่องนาทางใหต้ ัวแทนขายประสบผลสาเร็จในอาชีพ
4. ความมีอัชฌาสัย หมายถึงการแสดงกิริยาที่แสดงถึงความสุภาพอ่อนโยน รู้จักกาลเทศะ
การเอาใจใส่ยินดีช่วยเหลือหรือให้บริการลูกค้าในเรื่องต่างๆ การมีอัชฌาสัยนี้จะช่วยให้ผู้พบเห็นเกิด
ความประทับใจในตัวแทนขายได้ ซ่ึงบางคร้ังลูกค้าอาจประทับใจในตัวของพนักงานขายมากกว่าตัว
สินค้าเสียอีก
5. ความย้ิมแย้มแจ่มใส ตัวแทนประกันชีวิตต้องเป็นท่ีปรึกษาและเป็นผู้ให้คาแนะนาท่ีดี
การเป็นคนย้ิมแย้มแจ่มใสจึงเป็นคุณสมบัติที่สาคัญของตัวแทนที่จะสามารถผูกใจลูกค้าผู้พบเห็นและ
ยังรวมไปถงึ เพื่อนร่วมงานดว้ ย
6. ความเป็นมิตร การตัดสินใจซื้อของลูกค้ามักจะนาเร่ืองคุณภาพของสินค้ามาประกอบ
การตัดสินใจ คือจะตัดสินใจซ้ือสินค้าท่ีมีคุณภาพมากกว่าซื้อสินค้าท่ีไม่มีคุณภาพ แต่ในบางครั้ง เป็น
การยากที่จะตัดสินว่าสินคา้ ของบริษทั ใดมีคุณภาพดีกว่ากนั ความเป็นมิตรหรือความเป็น เพื่อนกันกับ
ลูกค้าจึงถูกนามาพิจารณาเป็นส่ิงต่อไป กล่าวคือลูกค้าจะยินดีซื้อสินค้าจากพนักงาน ขายท่ีมีความ
สนิทสนมกนั มากกวา่ ท่จี ะซ้ือจากพนกั งานขายที่ไม่คนุ้ เคยกัน
7. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตัวแทนประกันชีวิตท่ีมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ย่อมจะค้นหา
วิธีในการเสนอขายได้มากกว่า จะพยายามใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ความคิดริเร่ิม
สร้างสรรค์เป็นเร่ืองของความคิด สติปัญญา และความสามารถ ซ่ึงตัวแทนขายที่มีคุณสมบัติข้อน้ีจะ
เปน็ ตวั แทนขายมืออาชีพท่ีประสบความสาเรจ็
8. ความอดทนและความพยายาม ตัวแทนขายบางคนเม่ือเสนอขายแล้วไม่ประสบความ
สาเร็จอาจทาให้เกิดความท้อแท้ รู้สึกเหนื่อยหน่ายและรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ความสามารถ เช่นน้ีก็
ย่อมจะประสบความสาเร็จในอาชีพได้ยาก ดังนั้นตัวแทนขายท่ีต้องการประสบความสาเร็จจะต้อง
เป็นผ้ทู ี่มีความอดทนและพยายาม หากเข้าพบแล้วลูกค้ายังไมต่ กลงใจซ้ือสินค้า ตัวแทนขายก็จะ ต้อง
หาทางเข้าพบอีก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปเสนอขายสินค้าโดยตรงก็เป็นการเข้าไปช่วยเสนอ ข่าวสาร
ขอ้ มูลทเ่ี ปน็ ประโยชน์ หากลกู ค้าพอใจในข่าวสารแลว้ ก็อาจตดั สินใจซอ้ื ในทสี่ ดุ
9. ความจดจา การจดจาชอ่ื -นามสกุลลกู คา้ ได้จะช่วยสร้างความประทับใจใหเ้ กิดแก่ ลูกค้า
ได้มาก หากจะให้ดีย่ิงขึ้นนอกจากชื่อและนามสกุลแล้วตัวแทนขายยังจะต้องจดจาหน้าตา อุปนิสัย
เรอื่ งราวของลกู คา้ และความพงึ พอใจใหไ้ ด้อีกด้วย
10. ความสามารถในการนาไปใช้ คณุ สมบัติต่างๆ ทีก่ ล่าวมาข้างตน้ เมอ่ื ตัวแทนขายมี ครบ
แล้ว จะไม่เกิดประโยชน์เลยหากตัวแทนขายไม่ได้แสดงออกมาหรือไม่ได้นาไปใช้ การได้ใช้ความรู้
ความสามารถ หรือการแสดงคุณสมบัติท่ีดีออกมาบ่อยๆ จะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์อันจะ ทาให้
กลายเปน็ ตวั แทนขายมืออาชพี ได้
2.2 เตรียมและฝึกบทสนทนา ตัวแทนประกันชีวิตจะต้องมีการเตรียมบทสนทนาซึ่ง
เรียกวา่ คสั ซสิ แพลน (Chassis Plan) ซ่ึงเปน็ บทสนทนาของตวั แทนประกันชีวติ สาหรบั แนะนา ตัวเอง
เช่น “สวสั ดคี ะ่ คุณสมศกั ด์ิ ดิฉันชื่อสายสณุ ียค์ ่ะ เปน็ ตวั แทนจากบริษัท ไทยประกนั ชวี ิต ขอเวลาเพียง
10 นาทที ่จี ะนาเสนอสงิ่ ทเ่ี ป็นประโยชนส์ าหรับคุณ คณุ สมศักดคิ์ งไม่รังเกียจใช่ไหมคะ”
2.3 การนัดหมายลูกค้า การประหยัดเวลาในการทางานอย่างหน่ึงของพนักงานขาย
คอื จะต้องมกี ารนดั หมายลูกคา้ ก่อนทจ่ี ะเข้าพบ เพื่อม่นั ใจวา่ ลกู คา้ จะอยู่รอ การนัดลูกค้ามี 3 วิธี ดงั นี้
- การนัดโดยโทรศัพท์ การนัดลูกค้าโดยใช้โทรศัพท์จะทาให้ตัวแทนได้ประหยัด เวลา
ได้มาก อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างกาลังใจแก่ตัวแทนอีกด้วย กล่าวคือกรณีของตัวแทนใหม่ท่ี ยังขาด
ความม่ันใจในตนเอง การสนทนาทางโทรศัพท์จะช่วยสร้างความม่ันใจในตนเองมากขึ้น โดยตัวแทน
อาจเตรียมบทสนทนาแบบคัสซสิ แพลนไว้ เมอื่ ลูกค้ารบั สายจึงสนทนาตามบททีเ่ ตรียมไว้ ซึง่ หากลูกค้า
ปฏเิ สธการนดั จะทาใหต้ ัวแทนทราบวา่ เขาอาจปฏิเสธการซอื้ กรมธรรม์ดว้ ย
- การนัดโดยจดหมาย จดหมายที่จะส่งถึงลูกค้าเพื่อการนัดหมายน้ันควรสั้น และ
กระชับ ไมอ่ อ้ มคอ้ ม และสามารถกระตุน้ ความสนใจของลกู ค้าได้
- การนัดโดยตัวแทนเอง บางคร้ังไม่สะดวกท่ีนัดหมายทางโทรศัพท์หรือทางจดหมาย
ตัวแทนประกันชีวิตควรตรงเข้าไปพบกบั เลขานุการของลูกค้า แล้วบอกจุดประสงค์ของการเข้าพบ ซ่ึง
เส่ียงต่อการบอกปฏิเสธของเลขานุการเป็นอย่างมาก เน่ืองจากว่าเขาหรือเธอไม่เห็นถึงความ จาเป็น
ของการเข้าพบน้ี ดังนั้นตัวแทนขายจึงต้องใช้ความพยายามทีค่ ่อนข้างสูง ต้องพูดจาให้ ไพเราะ แสดง
ความสุภาพ แสดงกิริยาท่ีเรียบร้อย และแสดงความจรงิ ใจออกไป สง่ิ เหล่านี้จะชว่ ย ใหต้ ัวแทนประสบ
ความสาเร็จได้
2.4 การเตรียมตัวเพอื่ สร้างความประทับใจ ส่ิงหนึ่งท่ตี ัวแทนจะประสบผลสาเรจ็ ได้คือ
จะต้องสร้างความประทับใจให้เกิดแก่ลูกค้าท่ีตัวแทนเข้าพบ ตัวแทนจะต้องมีการเตรียมตัว ก่อนการ
เข้าพบเป็นอย่างดี การเตรียมตัวเพือ่ สรา้ งความประทับใจ กระทาไดด้ ังนี้
- ต้องขายตัวเองให้ได้เสียก่อน ก่อนท่ีตัวแทนจะเสนอขายกรมธรรม์แก่ลูกค้า ตัวแทน
จะต้องขายตัวเองให้ได้เสียก่อน กล่าวคือจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูก ค้าให้ได้
เสียก่อน การจะขายตัวเองให้ได้น้ันตัวแทนจะต้องแต่งกายให้สะอาด แสดงกิริยาสุภาพ อ่อนน้อม
ใบหน้าย้ิมแย้มแสดงถึงความเป็นมิตรอยู่ตลอดเวลา เม่ือตัวแทนทาให้ลูกค้ายอมรับได้แล้วจึงมีการ
นาเสนอสงิ่ ที่ขายต่อไป
- มีความคล่องแคล่วว่องไว การแสดงความกระตือรือร้นในการเสนอขายรวมถึง การ
แสดงออกต่างๆ อย่างเช่ียวชาญและคล่องแคล่วจะเกิดข้ึนได้หากตัวแทนแต่ละคนได้มีการฝึกจน
ชานาญในไมว่ ่าด้านของการพดู การอธิบาย การชี้แจงรายละเอียดของสินค้า การฝึกฝนจน ชานาญจะ
ทาให้ตัวแทนสามารถทางานไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่วว่องไว
- สร้างความประทับใจด้วยน้าเสียงและถ้อยคา คนที่มีน้าเสียงท่ีไพเราะย่อมได้เปรียบ
อยู่แล้ว หากบุคคลนั้นรู้จักสรรหาถ้อยคามาใช้ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ อารมณแ์ ละ ความรู้สึกของ
ลกู คา้ โอกาสทจี่ ะประสบความสาเรจ็ ในการขายย่อมมีมากกวา่
- การแสดงความจริงใจ การสัมผัสมือหรือการจับมือแบบตะวันตก เป็นมารยาททาง
สังคมทน่ี ิยมใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายทั่วโลกท่ตี ัวแทนจะตอ้ งทราบและตอ้ งรู้ถงึ ความสาคญั ในเรื่องนี้ ดว้ ย
- การวางท่าทางของตัวแทน เม่ืออยู่ต่อหน้าลูกค้าตัวแทนจะต้องไม่แสดงกิริยาที่ไม่
สมควรแสดงต่อหน้าผู้อื่นออกมา เช่น การล้วง แคะ แกะ เกา การน่ังเขย่าขา มือส่ัน ฯลฯ กิริยา
เหลา่ น้จี ะทาให้บุคลกิ ภาพของตวั แทนเสยี ไป
- การแสดงความเช่ือม่ัน การแสดงออกถึงความเช่ือม่ันของตัวแทน นอกจากจะต้อง
อาศัยการฝึกฝน การเรียนรู้ จนเกิดความชานาญแล้ว อีกสง่ิ หน่ึงทจี่ ะช่วยสร้างความเชอื่ มั่นใหเ้ กิด ข้ึน
ได้อีก คือการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เน่ืองจากงานขายเป็นงานที่หนัก และเหน็ด เหน่ือย
ต้องใช้ความอดทนสูง ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงย่อมได้เปรียบในการที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีกว่า นอกจาก
การเตรยี มตัวตา่ งๆ ท่กี ลา่ วมาแล้วขา้ งต้น ตัวแทนจะต้องเตรยี มสิ่งอนื่ ๆ อีก ได้แก่
1. การวิเคราะห์หาสาเหตุในการซื้อประกันชีวิตของลูกค้าแต่ละราย โดยส่วนใหญ่สาเหตุ ใน
การซือ้ ประกันชีวติ ของบคุ คลสามารถจาแนกได้ ดงั นี้
1.1 ไว้ใช้สาหรับเป็นค่าใช้จ่ายคร้ังสุดท้ายในชีวิต นั่นคือเป็นค่าใช้จ่ายสาหรับการจัดงาน
ศพ ซง่ึ อาจตอ้ งใช้เงินจานวนมาก หากไม่มีเงินประกนั ชวี ติ นแ้ี ลว้ อาจทาให้ผทู้ อ่ี ยู่ขา้ งหลังตอ้ งเดอื ดรอ้ น
จนถึงขนาดท่ตี ้องขายทรัพยส์ มบัตเิ พ่ือใชจ้ ดั งานศพก็ได้
1.2 เพอ่ื เป็นรายไดข้ องครอบครัว ในบางครั้งผทู้ ่ีเปน็ หัวหนา้ ครอบครวั อาจเกิดความ กังวล
ว่า หากเขาเสียชวี ิตลงภรรยาและบตุ รจะต้องเดือดร้อนเน่ืองจากขาดผทู้ ่ีหารายได้หลักของ ครอบครัว
จึงคิดที่จะทาประกันชีวิตเพ่ือหวังว่าเงินที่จะได้รับเม่ือเขาเสียชีวิตนั้นจะช่วยทาให้ ครอบครัวไม่
เดือดรอ้ น
1.3 เพื่อเป็นเงินสารองจ่ายในยามฉุกเฉิน ในบางคร้ังบุคคลอาจต้องมีความจาเป็นท่ี
จะต้องใช้เงินอย่างฉุกเฉิน เมื่อถึงยามฉุกเฉินนั้นจริงๆ กรมธรรม์ประกันชีวิตจะเข้ามามีบทบาท ด้วย
การนากรมธรรม์นนั้ มาเปน็ หลกั ประกันในการขอก้เู งินจากบริษทั ได้
1.4 เพอื่ เปน็ ค่าใช้จา่ ยในการศึกษาของบตุ ร การประกันชีวิตบางรูปแบบอย่างการ ประกัน
ชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือการประกันชีวิตแบบสงเคราะห์ชวดและสงเคราะห์ชีวิตและการศึกษาของ
บาง สถาบันการเงิน สามารถช่วยเหลือในด้านค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตรได้เป็นอย่างดี บิดา
มารดาท่ีมีความรักและห่วงใยในอนาคตด้านการศึกษาของบุตรสามารถแสดงความรักต่อบุตรได้ ด้วย
การทาประกันชีวติ เพ่อื จดุ ประสงคด์ ังกล่าว
1.5 เพ่ือเป็นเงินใช้หนี้ เม่ือเร่ิมสร้างชีวิตครอบครัวใหม่ มักมีการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือ
ผ่อนเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้าน หากผู้ที่หารายได้หลักของครอบครัวต้องเสียชีวิต กลางคัน
ผู้ที่อยู่เบ้ืองหลังต้องประสบปัญหาด้านการเงินที่ไม่สามารถหาเงินมาชาระหนในการผ่อน บ้านหรือ
สินค้าต่างๆ หากลูกหน้ีมีการทาประกันชีวิตไว้เมื่อเสียชีวิตผู้ที่อยู่ข้างหลังสามารถนาเงิน ค่าสินไหม
ทดแทนมาชาระหนี้ดงั กล่าวได้
1.6 เพื่อเป็นบาเหน็จบานาญ สาหรับคนชราท่ีเกรงว่าจะไม่มีเงินใช้ในบั้นปลายของ ชีวิต
อาจเลือกทาประกันชีวิตแบบบานาญ เพื่อจะได้รับเงินจากผู้รับประกันในยามท่ีไม่สามารถหา รายได้
ด้วยตนเองได้แล้ว จึงเปรยี บเสมือนเป็นบาเหน็จบานาญทม่ี ไี วใ้ ชใ้ นยามชรา
2. การเตรียมรายละเอียดในกรมธรรมป์ ระเภทต่างๆ ใหแ้ ม่นยา เพือ่ จะไดส้ ามารถนาเสนอต่อ
ลูกคา้ ได้อยา่ งคล่องแคล่ว ซง่ึ จะสรา้ งความประทับใจใหเ้ กิดแกล่ ูกค้าได้
3. เตรียมเอกสารต่างๆ ที่จาเป็น เช่น ปากกา กระดาษ เคร่ืองคิดเลข ปฏิทิน และเครื่องมือ
อปุ กรณ์ต่าง ๆ ไวใ้ นกระเป๋าเสมอ
3. การเขา้ พบเพอื่ เสนอขาย
หลังจากท่ีตัวแทนได้มีการเตรียมการหลายๆ ด้าน ก็จะเข้ามาถึงข้ันตอนของการ เข้าพบซ่ึง
จัดเป็นขั้นตอนท่ีสาคัญอีกขั้นตอนหน่ึง. ดังน้ันตัวแทนจะต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี เพื่อจะสร้าง
ความประทบั ใจและนาไปสู่ขั้นตอนอ่ืนต่อไป
ในการเข้าพบน้ีตัวแทนจะต้องสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเองก่อนจะเข้าสู่การขาย หลักปฏิบัติ
ในการเข้าพบลูกคา้ มีดงั ต่อไปน้ี
- ตัวแทนควรมีการพิจารณาว่าจะเข้าพบลูกค้าที่บ้าน หรือที่ทางาน โดยหลักการพิจารณา
ตัดสนิ ใจนั้นคอื จะต้องเลือกสถานทท่ี ่ีจะสามารถสนทนากับลกู ค้าเปน็ การสว่ นตวั ไดเ้ ปน็ อย่างดี
- ตัวแทนจะต้องสร้างบรรยากาศแห่งความเป็นมิตรในระหว่างการสนทนาเพื่อให้ได้รับ การ
ยอมรบั จากลูกคา้ จากนน้ั จึงคอ่ ยๆ กลา่ วถึงแนวความคิดทลี ะนอ้ ย
- ตัวแทนจะต้องพยายามเสนอแนะและชี้ให้เห็นว่าหากในวันข้างหน้าลูกค้าต้องประสบภัย
หรอื ประสบปญั หาด้านการเงิน การประกันชวี ิตเทา่ นน้ั ทจี่ ะชว่ ยแกป้ ญั หาเหลา่ น้ีได้เป็นอย่างดี
- ตวั แทนจะตอ้ งจูงใจใหล้ ูกค้าตัดสนิ ใจซื้อประกันชีวติ
3.1 กลยุทธ์การเสนอขาย
หลังจากได้มีการเตรียมตัวเกี่ยวกับการเข้าพบเป็นอย่างดีแล้ว ก็มาถึงข้ันตอนของการ
สัมภาษณ์หรือเรียกง่ายๆ ว่าการเข้าสนทนากับลูกค้าเพื่อประโยชน์ด้านการเสนอขายนั่นเอง การท่ี
ลูกค้าจะตัดสินใจซ้ือสินค้าหรือบริการสักอย่างหนึ่งสิ่งนั้นจะต้องสามารถแก้ปัญหาที่เขามีอยู่ได้ เม่ือ
ทราบดังน้ีแล้วตัวแทนขายจะต้องวางแผนการขายให้สอดคล้องกับวงจรการซื้อของลูกค้า กลยุทธ์ ใน
การสมั ภาษณ์ลูกค้าน้ันมขี น้ั ตอนดังต่อไปน้ี
- สร้างความพอใจให้เกิดแก่ลูกค้า การสร้างความพอใจให้เกิดข้ึนแก่ลูกค้านั้นจะต้อง เริ่ม
ตั้งแต่ก้าวแรกของการเข้าพบ กล่าวคือตัวแทนจะต้องเข้าพบลกู ค้าด้วยความมัน่ ใจ กลา่ วคา “สวัสดี”
พรอ้ มยกมือไหวอ้ ย่างสวยงาม สายตาที่จับจ้องลกู ค้าตอ้ งแสดงถึงความเปิดเผยและจรงิ ใจ การสนทนา
กับลูกค้านั้นจะต้องมีศิลปะ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคา ไม่ค่อยหรือดังเกินไป ใช้ภาษาท่ี เข้าใจง่าย ตัว
แทนที่ประสบผลสาเร็จน้ันไม่ต้องเป็นคนพูดเก่ง แต่ต้องเป็นคนท่ีพูดดี มีหลักเกณฑ์ และมีเหตุผลท่ี
น่าเช่ือถือ มหี ลักฐานอ้างอิงประกอบการพูด และจะตอ้ งยอมรับความเห็นของผู้อื่นด้วย นอกจากน้ียัง
มีส่ิงท่ีไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหน่ึงคือเรื่องของบุคลิกภาพ ระหว่างการสนทนากับ ลูกค้า ตัวแทน
จะต้องไม่สูบบุหร่ี นั่งไขว่ห้าง หรือนั่งเขย่าขา สิ่งเหล่านี้เป็นบุคลิกภาพท่ีไม่สง่างาม และไม่สามารถ
สรา้ งความประทบั ใจให้เกิดแกล่ ูกค้าไดเ้ ลย
- กระตุ้นเตือน การเข้าพบครั้งแรกแม้จะสร้างความพอใจให้เกิดแก่ลูกค้าได้แล้ว แต่ เม่ือ
เร่ิมท่ีจะเสนอขายลูกค้าบางคนก็ยังปฏิเสธอยู่โดยอาจมีเหตุผลต่างๆ เช่น ยังไม่มีเงิน มีเพื่อนขาย
ประกันอยู่แล้ว นาเงินไปฝากธนาคารดีกว่า เป็นต้น เช่นนี้ตัวแทนจะต้องอธิบายชี้แจงบาง ประเด็นที่
เห็นว่าสาคัญเท่าที่จาเป็นก่อน แล้วเปิดช่องให้ลูกค้าพูดในเรื่องท่ีสนใจเพ่ือสร้างสัมพันธภาพ ระหว่าง
ลูกคา้ และตัวแทนใหเ้ กิดขนึ้ เมื่อสัมพันธภาพเกิดข้นึ แล้วการเสนอขายก็จะกระทาไดง้ ่ายข้นึ ในขนั้ ตอน
น้ีตัวแทนขายจะต้องพยายามสร้างความกลัวให้เกิดข้ึนว่า หากวันใดวันหน่ึงหัวหน้า ครอบครัวไม่อยู่
ครอบครวั จะระสา่ ระสาย เดือดร้อน ภรรยาจะขาดเงินสาหรบั ใช้จา่ ย บุตรท่ีหวงั ว่า จะเรยี นจบและรับ
พระราชทานปริญญาบตั ร จะไปถึงจุดหมายไดอ้ ย่างไร
- แนะวิธีทางออก จากข้ันตอนท่ีแล้วตัวแทนพยายามสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นแล้วพอมา
ในขน้ั ตอนน้ี ตัวแทนจะชว่ ยหาทางออกของปัญหาน้นั ให้ โดยชี้ใหเ้ ห็นวา่ การประกันชีวิต
- เป็นทางออกทางเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหานั้นได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเก็บเงิน
วิธีอ่ืนอาจ ไม่ได้ผล เช่น หากนาเงินไปฝากธนาคารเวลาผ่านไปก็จะถอนออกมาใช้ เก็บเป็นเพชรเป็น
ทองก็ อาจถูกนาไปขายได้ เป็นต้น ตรงข้ามกับการประกันชีวิตซึ่งเป็นหลักของการสะสมทรัพย์ เม่ือ
เสีย ชวี ิตระหวา่ งสัญญาก็จะไดเ้ งินกอ้ นทาให้ผู้ท่อี ยู่ขา้ งหลงั ไม่เดือดรอ้ น หรือหากหมดอายุสัญญาแล้ว
ยังไมเ่ สียชีวติ ก็ยงั ไดร้ บั คืนเงนิ กอ้ นหนง่ึ อีกด้วย
- ปิดการขาย หลังจากท่ีโน้มน้าวจนลูกค้าเห็นด้วยกับเหตุผลต่างๆ นานา ทยกขึ้นมาซึ่ง
แลว้ ตัวแทนขายก็ไม่ควรท่ีจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปอกี จะต้องรีบปดิ การขายทันที เทคนิคการ
ปดิ การขายน้ันจะกลา่ วถงึ ในหวั ขอ้ ต่อไป
3.2 ยุทธวิธีเปิดหัวใจลูกค้าการขายประกันชีวิตจะประสบผลสาเร็จเม่ือทาให้ลูกค้า เกิดความ
ต้องการได้ ตัวแทนขายจะต้องเปิดหัวใจลูกค้าเพ่ือให้ทราบให้ได้ว่าลูกค้ามคี วามต้องการ อย่างไร เพ่ือ
จะได้หาวิธีการเพ่ือตอบสนองความต้องการใหไ้ ด้อย่างถูกต้อง ก่อนอนตวแทนจะต้อง เปิดหัวใจลูกค้า
ให้ได้เสียกอ่ นซ่งึ ยุทธวธิ ีการเปดิ ใจลูกคา้ มีดงั น้ี
- โยงธุรกิจของลูกค้าให้เข้ากับการประกันชีวิต เมื่อตัวแทนขายเข้าพบลูกค้าซ่ึงเป็น
นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต้องทาให้ลูกค้าเห็นว่าหากธุรกิจของเขานั้นเกิดความผิดพลาดหรือไม่
ประสบความสาเร็จขึ้นมา ตัวเขาและครอบครัวอาจต้องประสบปัญหาและได้รับความเดือดร้อนจะมี
วิธีการแก้ไขอย่างไร ตัวอย่างเช่น “คุณสมบัติคะ วันน้ีคุณอาจไม่เห็นถึงความจาเป็นของการทา
ประกันชีวิต เพราะคุณคิดว่าเป็นเร่ืองท่ีไกลตัว แต่ถ้าวันข้างหน้าธุรกิจของคุณจะต้องประสบกับ
ปญั หาต่างๆ ไมว่ ่าจะเป็นคู่แข่ง เศรษฐกิจ หรือความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคเปลี่ยนแปลงไปรายได้ท่ีคุณ
เคยได้ก็ต้องเปลยี่ นแปลงไปดว้ ย คณุ จะตอ้ งเดือดรอ้ นแน่นอน การทาประกนั ชวี ิตเป็นการสะสมเงินวิธี
หน่งึ ท่จี ะชว่ ยแกป้ ัญหาของคุณได้เมื่อถึงเวลา”
- การขายด้วยภาพ การอธิบายเพียงอย่างเดียว อาจต้องใช้เวลานาน ถ้าตัวแทนไม่มี
ความสามารถมากพอก็จะทาใหล้ ูกคา้ เกิดความเบ่ือหน่าย การใช้รูปภาพจะทาให้ลกู ค้าได้เห็นภาพพจน์
และคล้อยตามได้งา่ ย ภาพท่ีจะนามาประกอบ เช่น ภาพอุบัตเิ หตุ ภาพแผนผังวงจรชวี ิต มนุษย์ เปน็ ต้น
พรอ้ มทัง้ ตัวแทนจะต้องมคี าอธบิ ายประกอบภาพใหส้ อดคล้องกันด้วย
- การขายด้วยหลักการ ลูกค้าบางคนชอบฟังเร่ืองวิชาการมากกว่าเร่ืองอื่นๆ หากพบ
ลูกค้าประเภทนี้จัดว่าเป็นเรื่องท่ีง่ายมาก ตัวแทนจะต้องเตรียมตัวเองในเรื่องของเน้ือหาให้ แม่นยา
เพื่อการเสนอขายที่คล่องแคล่ว เน้ือหาในกานาเสนอนั้นให้เรียงต้ังแต่การเฉล่ียภัย กฏจานวนมาก
เหตุผลที่ต้องทาประกันชีวิต และปิดท้ายดว้ ยการเปรียบเทียบระหว่างการทา ประกันชีวิตกับการฝาก
ธนาคาร ลูกค้าบางคนยังไม่เข้าใจเร่ืองของการประกันชีวติ มากนัก ยังคิดว่า เหมอื นกับฌาปนกิจ หรือ
คิดว่าเบี้ยประกันท่ีส่งไปนั้นเป็นเงินสูญเปล่าท่ีไม่ได้กลับคืนมา จึงเป็นหน้า ท่ีของตัวแทนที่จะต้อง
อธิบายให้ลูกค้าเขา้ ใจ
- การขายโดยยกตัวอยา่ งเรือ่ งจรงิ ตัวแทนอาจยกตัวอย่างเรอ่ื งท่เี กิดขนึ้ จริงกับ ลกู ค้าราย
อ่ืนๆ ที่ผ่านมาให้ลูกค้าใหม่ผู้นี้ได้ฟัง เพ่ือให้เกิดการคล้อยตาม ตัวอย่างเช่น “อเสมชัย ครับ คุณรู้จัก
เจ้าของโรงงานแป้งมันสาปะหลังตรามังกรแดง ท่ีชื่อคุณอุเทนไหมครับ ช่วงท่ีกิจการ รุ่งเรืองคณอเท
นมีความเป็นอยู่สุขสบาย มีตัวแทนเข้าไปเสนอขายประกันชีวิตคุณอเทนก็ไม่สนใจ คิดว่าคงไม่มี
ประโยชน์ แต่ก็ตัดสินใจซื้อด้วยความเกรงใจ ช่วงหลังเศรษฐกิจผันผวนและยังต้อง เผชิญกับปัญหา
คูแ่ ขง่ ขัน กจิ การประสบปัญหาคณุ อเทนเกือบหมดตวั โชคดีท่ีสามารถขอกเู้ งินจาก บริษัทประกันชีวิต
มาใช้เปน็ ทุนในการในสร้างฐานะขน้ึ มาใหม่ เหน็ ไหมละ่ ครับว่าในยามอบั จน การประกันชีวิตก็สามารถ
ช่วยเราได้จริงๆ”
- การขายแบบประกัน การขายแบบประกันได้แก่การแสดงคุณประโยชน์ของสินค้าด้วย
การหยิบกระดาษ แล้วใช้ปากกาวาดและบรรยายผลตอบแทนท่ีลูกค้าจะได้รับเมื่อทาประกันชีวิต
รูปหรอื แผนผงั ทวี่ าดควรเป็นส่อื ที่งา่ ยต่อการทาความเข้าใจเพือ่ ลูกคา้ จะได้ไมเ่ กิดการสบั สน
3.3 ตวั อยา่ งการเสนอขายประกันชวี ติ สาหรบั บคุ คลประเภทต่างๆ
• การเสนอขายสาหรับคนมีครอบครัว คนที่มีครอบครัวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ดังนน้ั ประเด็นในการขายจึงแตกตา่ งกัน ดงั น้ี
- การคุ้มครองรายได้หลักของครอบครัว มีจุดขายที่ว่า หัวหน้าครอบครัวมีหน้าท่ีใน
การหารายได้หลกั มาจุนเจือครอบครวั หากวนั หนงึ่ หัวหน้าครอบครวั เกดิ เสียชวี ิตขึน้ มาอยา่ งกะทนั หัน
รายได้ทเ่ี คยมยี ่อมหายไป คนข้างหลังจะตอ้ ง ประสบปัญหาหรอื จะดาเนินชีวิตอย่างไร
- ทุนการศึกษา มจี ุดขายท่ีวา่ บดิ ามารดาทุกคนย่อมต้องการใหบ้ ุตรได้มีการ ศึกษาที่ดี
การศึกษานั้นเปรียบเสมือนทรัพย์สมบัติท่ีจะมอบให้บุตรได้ติดตัวไป อย่างถาวร แต่กว่าบุตรจะจบ
การศึกษาตามท่ีต้องการน้ันต้องใช้เวลานานนับ สิบปี หากบิดามารดาเสียชีวิตไปแล้วบุตรจะทา
อย่างไร บิดามารดาจึงควรทา ประกันชีวิตเพ่ือสะสมเงินไว้ก้อนหนึ่งให้บุตรใช้เป็นทุนในการเรียนต่อ
หาก บดิ ามารดาต้องเสียชวี ิตอยา่ งกะทันหัน
- ภาระความรับผิดชอบ มีจุดขายที่ว่า หนุ่มสาวที่เพ่ิงแต่งงานกันและเริ่มสร้าง
ครอบครัว บางคนฝ่ายชายเริ่มผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หญิงสาวบางคนลาออกจาก งานเพื่อมาเป็นแม่บ้าน
หากจู่ๆ ฝ่ายชายมาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ฝ่ายหญิงจะ หันหน้าไปพึ่งใคร หากได้ทาประกันชีวิตไว้ก็
จะทาใหม้ ีเงนิ กอ้ นหนงึ่ สาหรบั การ ลงทนุ คา้ ขายเล็กๆ นอ้ ยๆ โดยไมต่ ้องพ่งึ พาใคร
• การเสนอขายสาหรับคนโสด คนโสดน้ันสามารถแยกออกได้เป็นสองกลุ่ม คือ คนโสด
ที่ไม่มีภาระและคนโสดที่มีภาระ ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกัน ตัวแทนขายจะต้องเปิดประเด็น
การขายทท่ี าให้ลูกคา้ คล้อยตามได้มากทสี่ ดุ ดงั น้ี
- ภาระความรบั ผิดชอบ เกี่ยวกับภาระความรบั ผิดชอบน้ีมีจดุ สาคัญสาหรับคน โสดท่ีมี
ภาระ ซ่งึ อาจตอ้ งเลีย้ งดบู ุคคลอืน่ ๆ ในครอบครัว เชน่ พอ่ แม่ พี่ นอ้ ง หรือหลาน ซง่ึ คนใดคนหน่ึงอาจ
เป็นคนพิการ หากตนเองตอ้ งเสียชวี ิตบคุ คลที่ ตอ้ งรบั ผิดชอบอยู่น้ันจะพงึ่ ใครและแกป้ ญั หาอย่างไร
- การเก็บเงินเพ่ือใช้ในยามฉุกเฉิน มีประเด็นสาคัญสาหรับคนโสดท่ีไม่มีภาระ หากวัน
หนึ่งประสบอุบัติเหตุ หรือถึงขนาดต้องพิการ ส่ิงที่ตามมาคือความยุ่ง ยากด้านการเงิน หากคนโสด
เหลา่ นม้ี กี ารออมเงนิ ดว้ ยวิธกี ารทาประกนั ชวี ิต ความรุนแรงของปัญหาย่อมนอ้ ยลง
- การเก็บเงนิ เพื่อใช้ยามชรา จุดสาคญั อยู่ท่ีคนโสดที่ไมม่ ีภาระทใ่ี ชเ้ งินตามสบาย จนลืม
นึกถึงการเก็บเงินส่วนหน่ึงไว้ใช้ในอนาคต บางคนอาจบอกว่าเขาได้ออม เงินไว้ในธนาคารส่วนหน่ึง
แล้ว ตัวแทนต้องบอกวา่ การกระทาของเขาน้ันดอี ยู่ แล้ว หากจะให้ดียิ่งขน้ึ เขาควรจะออมเงินส่วนหนึ่ง
ไว้กับการประกันชีวิต หรือ บางคนอาจบอกว่าเขาได้ลงทุนทาธุรกิจแล้ว ตัวแทนต้องชี้ให้เห็นถึงผลที่
เขาจะ ได้รับจากธุรกิจ ซ่ึงอาจได้กาไร เสมอตัว หรือขาดทุน ท่ีไม่มีใครสามารถให้ คาตอบได้ แต่
สาหรับการทาประกันชีวิตน้มี ีคาตอบท่ีแน่นอนอยูแ่ ลว้ ว่าจะมีเงนิ ไว้ใชจ้ า่ ยในยามชรา
- ภาระความรับผิดชอบต่อตนเอง จุดสาคัญอยู่ที่ว่าคนโสดนั้นไม่ว่าจะเป็นคนโสด ท่ีมี
ภาระหรือไม่มภี าระ ต้องรับผิดชอบตนเอง ซงึ่ เป็นสิง่ ทนี่ ่าภาคภูมใิ จหากเขา สามารถยืนไดด้ ้วยขาของ
ตนเอง อนาคตเป็นสิ่งท่ีไม่แน่นอนหากเขาเกิดเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุหรือพิการเขาก็ยังเล้ียง
ตัวเองได้หากไดท้ าประกันชีวติ ไว้
• การเสนอขายสาหรับเจ้าของกิจการ มีจุดสาคัญอยู่ท่ีการคุ้มครองธุรกิจ โดยเน้นถึง
ธุรกิจที่เขาสร้างขน้ึ มาดว้ ยความเหนื่อยยากลาบาก หากวันใดที่เขา ล้มลงกิจการทั้งหมดต้องให้ภรรยา
เข้ามาดูแลแทน แต่ความสามารถในการ บริหาร ความเช่ือถือจากธนาคาร และประสบการณ์ของ
ภรรยาคงจะสู้ตัวเขาไม่ ได้ เม่ือเป็นเช่นนี้กิจการจะคงอยู่ได้อย่างไร หากซ้ือประกันชีวิตไว้เม่ือยามท่ี
เขาล้มลงจะทาให้ได้เงินมาก้อนหน่ึงเพื่อใช้หนี้สินที่เป็นภาระอยู่ ทาให้ภรรยา สามารถมีชีวิตอยู่ได้
อยา่ งสบายโดยไม่ตอ้ งกงั วลกบั ธุรกจิ ทจ่ี ะตอ้ งมารับช่วงต่อ
4. การปฏิบัตติ ่อข้อโต้แย้ง
โดยท่ัวไปของคนเรามกั จะตาหนสิ ินค้าที่จะซ้ือ ในเร่ืองของการขายประกันชีวิตก็เช่น กนั ลูกค้า
มักมีเหตุผล หรือข้อตาหนิอยู่เสมอ ลูกค้าตาหนิหรือการโต้แย้งเกี่ยวกับการประกันชีวิต นั้นโดยส่วน
ใหญ่มี 3 ประเภท คอื
- โต้แย้งเพื่อบ่ายเบี่ยงท่ีจะซ้ือประกันชีวิต เช่น “ขอปรึกษาภรรยาก่อน” ปกติผมเป็น
คนสุขภาพดี” “ผมไม่เห็นด้วยกับการประกันชีวติ ” เปน็ ตน้
- โต้แย้งเพราะไม่แน่ใจ เน่ืองจากว่าตัวแทนยังไม่มีประสบการณ์หรือความสามารถ เพียง
พอท่ีจะชักจูงใจลูกค้าให้เกิดการคล้อยตามได้ ลูกค้าจึงยังลังเล และมีคาตอบว่า “ผมขอคิดดู อีกที
แล้วจะติดตอ่ กลบั ”
- โตแ้ ย้งเพ่ือใหไ้ ดโ้ ต้แยง้ ลกู ค้าบางคนอาจมีนสิ ัยเคยชินกับการทไี่ ด้ตาหนหิ รือโตแ้ ย้ง เม่อื มีการ
เสนอขายเพ่ือให้ผู้ขายได้หาสินค้าที่ดีท่ีสุดมาเสนอขาย ในการขายประกันชีวิตก็เช่นเดียว กันลูกค้า
มักจะหาข้อตาหนิหรือโต้แย้งเพ่ือให้แน่ใจว่าตนจะได้รับสิ่งท่ีดีที่สุด เช่นน้ีตัวแทนควร เตรียมข้อมูล
ด้านการประกันชีวิตไว้ให้พร้อมเพ่ืออธิบายให้ลูกค้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงส่ิงที่จะได้รับ จากการทา
ประกันชวี ิต
เทคนคิ ในการปฏิบัตติ ่อข้อโต้แยง้
1. เทคนิคในการตอบข้อโต้แย้งแบบนัยเดียว เป็นเทคนิคการตอบข้อโต้แย้งโดยใช้หลัก การ “ใช่
ครับ...แต่” (Yes...but) ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของลูกค้าใหม่โดย การอธิบาย
เช่น ลูกค้าอาจมีข้อโต้แย้งว่า “ผมเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า” ตัวแทนอาจตอบว่า “ใช่ครับ หาก
จะเปรียบเทียบการนาเงินไปลงทุนอย่างอื่นกับการทาประกันชีวิต การลงทุนยอ่ มให้ ประโยชน์เป็นตัว
เงินที่มองเห็นได้ แต่การใช้จ่ายเงินในปัจจุบันไม่ใช่ว่าจะเพื่อการลงทุนเพียงอย่าง เดียวมิใช่หรือครับ
การประกันชีวิตไมใ่ ช่การลงทุนแต่เป็นการออมเงินเพ่ือเปน็ รากฐานความมัน่ คง ให้กับชีวติ ของคนท่ีเรา
รัก เม่ือทาประกันชีวิตแล้วจะสามารถพูดกับภรรยาหรือลูกได้อย่างเต็มปาก กว่าไม่ว่าพ่อจะเป็นอะไร
ไป ลูกและแม่จะมคี วามสบายใจวา่ ลกู ๆ จะสามารถเรียนจบได้สูงตามท่ี หวังไว้ ซง่ึ จะทาใหภ้ รรยาและ
ลูกของคุณรูส้ กึ ภาคภูมใิ จในตวั คณุ ด้วย”
2. การตอบขอ้ โตแ้ ย้งแบบหลายนยั เปน็ การตอบขอ้ โต้แยง้ เพ่ือต้องการเปลย่ี นแปลง ความคิดเห็น
ของลูกค้าเพ่ือให้เกิดความคิดใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น ลูกค้าอาจบอกว่า “ผมยังไม่สนใจทา ประกันชีวิต
หรอกครับ” ตัวแทนอาจตอบว่า “คุณครับ ในวันนี้คุณยังไม่สนใจทาประกันชีวิต เพราะ เหตุการณ์
บางอยา่ งยังมาไม่ถึง คุณยังไมไ่ ด้รับความเดือดร้อน แต่ถ้าในวันขา้ งหน้าเงินทองท่ีมอี ยู่ ของคุณมนั อาจ
ไม่อยู่กับคุณแล้วด้วยสาเหตุประการใดก็ตาม คุณจะหันหน้าไปพึ่งใคร การทา ประกันชีวิตมีให้เลือก
หลายแบบมที ัง้ แบบทจี่ ะได้เงนิ เมอื่ เสยี ชีวติ และแบสะสมทรพั ยท์ ีไ่ ม่ต้องรอให้
3. การตอบข้อโต้แย้งโดยการโยนคาถามกลับไป เป็นการตอบข้อโต้แย้งให้ลูกค้าเกิด ความคิดใน
มุมมองใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ลูกค้าอาจโต้แย้งว่า “ถ้าผมจะทาประกัน ผมทา กับเพื่อนของ
ผมดีกว่า” ตัวแทนอาจตอบวา่ “คุณคงไมไ่ ดห้ มายความว่าคุณไดม้ พนธะในการ ประกันชวี ิตทงั้ หมดชั่ว
ชีวิตจากเพ่ือนของคุณคนเดียว โดยไมไ่ ด้คานึงว่าคนอื่นอาจจะมประ" แบบอื่นท่ีจะให้ผลประโยชน์แก่
คุณไดม้ ากกวา่ ใชไ่ หมครับ”
4. การตอบข้อโตแ้ ย้งโดยการไมต่ อบ เปน็ การตอบขอ้ โตแ้ ย้งของตัวแทนโดยการเงยี บ หรือเปลย่ี น
เรื่องพูด เพื่อให้เวลาลูกค้าในการตัดสินใจ เช่น ลูกค้าบอกว่า “ผมคงไม่มีเงินสงเบีย ประกันหรอก
ครับ” ตัวแทนอาจตอบวา่ “แหมถ้าคนอยา่ งคุณเรยี กว่าไม่มเี งนิ อย่างผมคงเข้าขา่ ย ยาจกละครบั ”
5. การตอบข้อโต้แย้งโดยวิธีชดเชย เป็นการตอบข้อโต้แย้งโดยเอาส่วนดีของส่ิงท่ีกาลัง เสนอขาย
มาลบสว่ นเสียหรอื คาตาหนขิ องลูกค้า เชน่ ลูกค้าบอกว่า “รายจ่ายที่ผมมีอย่กู ็หนกั พอ แล้ว อยา่ ใหผ้ ม
ต้องมีรายจ่ายอีกเลยครับ” ตัวแทนอาจตอบว่า “ที่ผมมาที่น่ีก็เพ่ือมาช่วยคุณทาให้ ภาระหนี้สินของ
คณุ เบาบางลงไปตา่ งหาก”
5. การปิดการขาย
การปิดการขาย คือกลวธิ ีท่ีจะทาใหล้ ูกค้าลงชื่อในใบคาขอเอาประกัน จา่ ยเบีย้ ประกัน และนัด
ตรวจสขุ ภาพ โดยไม่มีการบบี บงั คบั กลวธิ ใี นการปิดการขายน้ันมีอย่มู ากมาย มีทงั้ การ พลิกแพลงหรือ
การใช้ศิลปะของแต่ละคน
อยา่ งไรกด็ ี เทคนคิ การปิดการขายทีส่ าคญั มอี ยู่ 5 ประการ ได้แก่
1. ใหล้ ูกค้าซื้อประกันโดยไม่รตู้ ัว หากตวั แทนสามารถทาให้ลูกค้าเกิดอารมณ์อยากทา ประกัน
ชีวิตแล้ว ตัวแทนควรหยิบใบคาขอเอาประกันออกมา แล้วเริ่มกรอกจนครบถ้วน ส่งให้ ลูกค้าลงช่ือ
หากไม่มีข้อโต้แย้งใด นั่นหมายถึงว่าการขายของตัวแทนน้ันประสบผลสาเร็จแล้ว แต่ถ้าลูกค้ารีบแย้ง
ว่าเขายังไม่ได้ตกลงจะทาประกันเลย ให้ตัวแทนกล่าวบ่ายเบี่ยงว่าเป็นเพียง การกรอกรายละเอียด
เพอื่ ใหท้ ่านพิจารณาเทา่ นน้ั แลว้ ค่อยหาเทคนคิ การปดิ การขายอืน่ ตอ่ ไป
2. ให้ลูกค้าตดั สินใจในเรอื่ งต่างๆ โดยตัวแทนต้งั คาถามเล็กๆ น้อยๆ ใหล้ ูกค้าตอบเพอ่ื นาไปสู่
ความสาเร็จด้านการขาย ตัวแทนจะต้องเข้าใจต้ังคาถามเก่ียวกับการประกัน เป็นคาถาม ย่อยๆ
หลายๆ ข้อเพ่อื ใหล้ ูกคา้ เขา้ ใจเกีย่ วกบั การทาประกนั ชีวติ ได้มากขนึ้ ตัวอยา่ งคาถาม เช่น
- คุณอยากมมี รดกเพื่อทย่ี กให้ลกู จะไดส้ บายเมื่อไม่มีคณุ ไหม - คุณอยากมีเงินกอ้ นเกบ็ ไวใ้ ช้
ในยามชราไหม - คุณพอท่ีจะเก็บเงินได้สักวันละ 20 บาทไหม - คุณเห็นด้วยกับการเตรียม
ทุนการศึกษาสาหรับบุตรไหม - คุณอยากจะสร้างมรดกสัก 200,000 บาท หรือ 300,000 บาทครับ
ฯลฯ
3. ชี้ให้เห็นผลเสียของการไม่ทาประกันชีวิต ในยามปกติคนเรามักไม่เห็นถึงความสาคัญ ของ
การประกันชวี ติ แต่หากว่ามเี หตกุ ารณใ์ ดๆ เกิดขึน้ จะนึกถึงขึ้นมา เชน่ เมอ่ื ใครคนหนงึ่ เสีย ชีวติ แล้วมี
คนถามว่าได้มีการทาประกันชีวิตไว้หรือไม่ ถ้าบอกว่าเปล่าแล้วอาจมีความรู้สึกเสียดายขึ้น มา ท่ีไม่ได้
รับเงินมาผ่อนคลายภาระต่างๆ ได้ ตัวแทนจะต้องพยายามชี้ให้เห็นถึงความสาคัญส่วน นี้ ด้วยการใช้
คาพดู เพ่ือกระตุ้นให้ลูกคา้ ตัดสินใจเสยี โดยเร็ว คาพูดกระตนุ้ นี้ เช่น “ผมทราบว่าวนั นี้ สุขภาพของคุณ
ยังแข็งแรงอยู่ แต่ถ้าเป็นเดือนหน้าหรือปีหน้าล่ะครับ อย่าให้เหมือนกับคุณโสภา เลยนะครับ ที่เธอ
ปฏิเสธการทาประกันชีวิตตั้งแต่แรก พอสองเดือนถัดมาเธอไปตรวจสุขภาพ พบ ว่าเธอเป็นโรคหัวใจ
ตอนหลังกลบั มาขอทาประกัน บริษทั ไมไ่ ดร้ ับเพราะสุขภาพไม่สมบูรณ์ เปน็ ตน้
4. เล่าเร่ืองท่ีเร้าใจ ตัวแทนอาจหาเรื่องของบุคคลอ่ืนตามหน้าหนังสือพิมพ์เพ่ือเป็น อุทาหรณ์
ให้ลูกค้าเกิดความหวาดกลัวว่าจะเป็นบุคคลต่อไปที่ต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นการ กระตุ้นให้
ลูกค้าตัดสนิ ใจซอ้ื เรว็ ขึ้น
5. กลวิธีการเงียบ หลังจากท่ีได้ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าเพ่ือกระตุ้นให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซ้ือโดย เร็ว
แล้ว ลูกค้าอาจจะเงียบเพอ่ื ทบทวนและตัดสนิ ใจ ตัวแทนท่ีฉลาดต้องปล่อยบรรยากาศใหเ้ งียบ โดยไม่
เคลื่อนไหวร่างกายใดๆ จนกว่าลูกค้าจะเอ่ยปากขึ้นมาก่อน กลวิธีน้ีเหมาะกับลูกค้าที่เป็นคน เงียบๆ
เท่าน้นั ไมเ่ หมาะกับลกู ค้าทเี่ ป็นคนชา่ งพูด
6. การปฏบิ ตั ิเพ่อื บริการหลังการขาย
การท่ีตัวแทนขายได้มีการบริการหลงั การขายแก่ลูกค้านับเป็นโอกาสดที ่ีตัวแทนขาย จะได้พบ
กับลูกค้ารายใหม่สืบเนื่องมาจากการให้บริการที่ดี การบริการหลังการขายของตัวแทน ขายท่ีควร
กระทามีดงั ต่อไปน้ี
การส่งมอบกรมธรรม์ หลังจากผู้เอาประกันภัยได้ตกลงทาประกันกับตัวแทน และได้ กรอก
ข้อความลงในใบคาขอเอาประกันแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะได้รับกรมธรรม์จากตัวแทน วิธีการ ส่งมอบ
กรมธรรม์ให้กับผู้เอาประกันภัยนั้นอาจใช้วิธีการส่งทางไปรษณีย์ หรือฝากคนรู้จัก ญาติ พี่ น้องของผู้
เอาประกนั ภัยไปให้ แต่วธิ กี ารดังกล่าวจะไม่สามารถสร้างความประทบั ใจ หรอื สร้าง ความรู้สึกอันดแี ก่
ผู้เอาประกันภัยได้เลย ผู้เอาประกันภัยอาจพูดได้ว่าเม่ือยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ บริการดี แต่พอตัดสินใจ
แล้วก็ไม่มาดแล ดังน้ันวิธีการส่งมอบกรมธรรม์ท่ีดีที่สุดคือการไปส่งมอบ ด้วยตนเอง ซึ่งการส่งมอบ
กรมธรรม์ด้วยตนเองมีประโยชน์ดงั นี้
1. ทาให้ตัวแทนได้้ย้าถึงความจาเป็นของการทาประกันชีวิต หลังจากที่ตัวแทนได้อธิบาย
ประโยชน์ของการทาประกันชีวิตจนผู้เอาประกันภัยเกิดการคล้อยตามและลงชื่อในเบคาขอเอา
ประกันแล้ว หลังจากนั้นผู้เอาประกันภัยอาจมีเวลาทบทวน หรือได้พูดคุยกับคนอื่นที่ไม่เห็นด้วย กับ
การทาประกันชีวิต อาจทาให้ผู้เอาประกันภัยเกิดการลังเลขึ้นมาอีก ดังน้ันการส่งมอบกรมธรรม์ ด้วย
ตนเองทาให้ตัวแทนไดม้ ีโอกาส้ย้าถึงประโยชน์ของการทาประกันชีวิตอกี คร้ังหนึ่ง เพอ่ื ขจัด ปัญหาการ
บอกยกเลกิ การทาประกนั จากผเู้ อาประกนั ภยั
2. ทาให้ตัวแทนมีโอกาสกระตุ้นให้ผู้เอาประกันภัยซ้ือกรมธรรม์ฉบับต่อไป หากตัวแทน ส่ง
มอบกรมธรรม์ทางไปรษณีย์หรือฝากให้ผู้อ่ืนนาไปให้ ผ่านไปอีกสองสามปี ผเู้ อาประกันภัยมี บตุ รเพิ่ม
หรือได้เล่ือนตาแหน่งใหม่ ตัวแทนจึงเข้าไปพบเพ่ือขายกรมธรรม์เพิ่ม เช่นนี้ผู้เอา ประกันภัยอาจไม่
ยินดีท่ีจะซื้อกรมธรรม์เพ่ิมจากตัวแทนคนเดิม ในกรณีตรงกันข้าม หากตัวแทน นากรมธรรม์เข้าไป
มอบด้วยตนเอง และมีการพูดคุยถึงอนาคตข้างหน้าเมื่อผู้เอาประกันภัยมีบุตร เพ่ิมขึ้น หรือได้รับ
ตาแหนง่ ใหม่ ยงั มกี รมธรรมแ์ บบอื่นท่ีเหมาะสมอกี เช่นนจ้ี ดั เปน็ การเปิดทางใน
การขายล่วงหน้าเม่ือเวลาน้ันมาถงึ ซ่ึงมีโอกาสท่ีจะประสบผลสาเรจ็ ได้มากกวา่
3. ทาให้ตัวแทนมีโอกาสได้ลูกค้าเพ่ิม หากตัวแทนให้บริการหลังการขายที่ดีย่อมทาให้ ผู้เอา
ประกันภัยเกิดความประทับใจและอาจบอกกล่าวไปยังญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงต่อไป ทาให้ ตัวแทน
ได้มโี อกาสได้ลกู คา้ เพ่มิ
4. ทาให้ลูกค้าส่งเบ้ียประกันอย่างส้ม่าเสมอ การบริการท่ีดีของตัวแทนลูกค้าย่อมเกิด ความ
เชื่อมนั่ ว่าหากเขาประสบภัยเขาจะได้รบั ความคุม้ ครองจากบริษัทรับประกันภยั อยา่ งแน่นอน โอกาสใน
การหยุดส่งเบี้ยประกันหรือยกเลิกกรมธรรม์ย่อมไม่เกิดขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทรับประกันภัย ไม่ต้อง
ประสบภาวการณข์ าดทนุ ตวั แทนเองก็มีกาลงั ใจปฏบิ ตั หิ นา้ ทีเ่ พอ่ื รายไดข้ องตนเองดว้ ย
5. ทาให้ประเทศชาติมีเสถียรภาพท่ีมั่นคง เม่ือผู้เอาประกันภัยประทับใจในการบริการ ของ
ตัวแทน สัญญาประกันภัยย่อมดาเนินต่อไป ผู้เอาประกันภัยส่งเบี้ยประกันส้ม่าเสมอทาให้ บริษัท
รับประกันภัยมีรายได้ และนารายได้ส่วนหน่ึงมาลงทุน ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมได้
ทางหน่งึ
การเตรียมตัวก่อนส่งมอบกรมธรรม์ กอ่ นการส่งมอบกรมธรรม์ตัวแทนจะต้องเตรียม พร้อม
ตามขั้นตอนตอ่ ไปนี้
1. ตรวจสอบข้อความในกรมธรรม์ ความถูกตอ้ งของข้อความในกรมธรรม์มคี วามสาคญั อยา่ ง
ย่งิ ต่อช่ือเสียงของบริษัท ดังนัน้ ก่อนส่งมอบกรมธรรม์ตัวแทนจะต้องตรวจข้อความใน กรมธรรม์อย่าง
ละเอียด ข้อความที่จะต้องตรวจสอบ ได้แก่ ช่ือ-นามสกุลของผู้เอาประกันภัย และ ผู้รับประโยชน์
แบบประกนั ทุนประกัน อัตราเบย้ี ประกัน ตารางมูลคา่ เงินสด อายขุ องผเู้ อา ประกนั ภัย ฯลฯ หากพบ
ข้อผิดพลาดจะต้องรบี แกไ้ ขโดยดว่ น
2. บันทึกรายละเอียดของกรมธรรม์ลงสมุด ตัวแทนจะต้องมีสมุดสาหรับบันทึก รายละเอียด
ในกรมธรรม์ของผู้เอาประกันภัยท่ีเปิดการขายแล้ว ส่ิงท่ีควรบันทึกอย่างย่ิงได้แก่ เลขที่ กรมธรรม์
วันที่ออกกรมธรรม์ ระยะเวลาคุ้มครอง วันส่งเบ้ียประกัน แบบประกัน และรายละเอียด ต่างๆ ของผู้
เอาประกนั ภัย
3. จัดทาบัตรสรุปรายละเอียดประโยชน์และเงื่อนไขในการทาประกันของผู้เอาประกันภัย
หลังจากตัวแทนได้อธิบายรายละเอียดของการทาประกันแก่ผู้เอาประกันภัย จนผู้เอาประกันภัย
ตัดสินใจทาประกันแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปผู้เอาประกันภัยอาจหลงลืมเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ
ภัยท่ีจะได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ นอกจากน้ีการจัดทาบัตรสรุปรายละเอียดน้ียังมี
ประโยชนโ์ ดยใชใ้ นการประกอบคาอธิบายเมื่อสง่ มอบกรมธรรม์ด้วย
4. เตรียมแผนการในอนาคตให้ผู้เอาประกันภัย ตัวแทนควรมีความรู้เก่ียวกับภูมิหลังของ ผู้
เอาประกนั ภัยเป็นอย่างดี เพื่อจะได้มีการเตรียมข้อมลู ในการบอกกล่าวแก่ผู้เอาประกันภัยในการ ทีจ่ ะ
ทาประกันเพ่มิ ซ่งึ ขอ้ มลู ท่ีเตรียมไว้นีอ้ าจออกมาในรปู ของกราฟก็ได้
5. โทรศัพท์นัดหมาย หากตัวแทนต้องการจะพบผู้เอาประกันภัยด้วยตนเองจะต้องมีการ นัด
หมายกับผู้เอาประกันภัยเสียก่อน หากผู้เอาประกันภัยแจ้งว่าไม่ว่างให้นากรมธรรม์ไปทิ้งไว้ที่ บ้าน
ตัวแทนจะต้องพยายามขอเวลาผู้เอาประกันภัยเพื่อจะให้ได้พบด้วยตนเองให้ได้ โดยอาจอ้าง ว่า
กรมธรรม์ก็เหมือนกับสินค้าชนิดอื่นๆ ที่เมื่อลูกค้าได้รับก็จะต้องทราบถึงประโยชน์ของสินค้าว่า ทา
อะไรไดบ้ า้ ง
การเข้าพบเพ่ือส่งมอบกรมธรรม์ ในการเข้าพบผู้เอาประกันภัยเพ่ือส่งมอบกรมธรรม์ มีข้อ
ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี
1. แสดงความยินดกี ับผู้เอาประกนั ภยั วา่ ไดต้ ดั สินใจถกู ต้องแล้ว
2. อธิบายบัตรสรุปผลประโยชน์และเง่ือนไขให้ผู้เอาประกันภัยเข้าใจ และหากมีโอกาส ควร
เชิญบุคคลอ่ืนในครอบครัวรว่ มฟังด้วย เผ่ือว่าเมอื่ เกิดเหตกุ ารณ์ขึ้นจะได้ชว่ ยกันทบทวนวิธีการ ปฏิบัติ
ตามเงอื่ นไขดังกล่าว
3. การเริ่มกรมธรรม์ฉบับต่อไป การขายประกันชีวิตก็เหมือนกับการขายสินค้าอ่ืน ท่ีเมื่อ
ลูกค้าซื้อสินค้าชนิดหน่ึงแล้วพนักงานขายจะถามว่าต้องการสินค้าอ่ืนเพิ่มอีกหรือไม่ เม่ือผู้เอา
ประกันภัยตัดสินใจซ้ือกรมธรรม์ชนิดหน่ึงแล้ว ตัวแทนอาจเสนอกรมธรรม์อ่ืนเพ่ิมเข้าไปให้ผู้เอา
ประกันภัยพิจารณาในโอกาสต่อไป
4. ขอรายช่ือผูม้ ุ่งหวัง หลังการส่งมอบกรมธรรมต์ ัวแทนอาจขอรายชอื่ ญาติพน่ี ้อง หรือ เพื่อน
ฝูงของผู้เอาประกันกันภัย หรือรบกวนให้ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้แนะนาเพื่อเปิดทางให้ตัวแทน ได้เข้า
พบ
5. ขายบริการ ตัวแทนจะต้องปวารณาตัวว่ายินดีที่จะให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัยทุก เวลาที่
ผู้เอาประกันภัยต้องการ ขอเพียงแต่ให้ผู้เอาประกันภัยแจ้งให้ตัวแทนรับทราบตัวแทนยนดท จะ
ให้บริการอยา่ งเตม็ ท่ี
6. แสดงความยินดีอีกคร้ัง ก่อนจะลาจากตัวแทนควรแสดงความยินดกี ับผู้เอาประกันภัย อีก
ครั้ง ทเ่ี ขาไดต้ ัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการเลือกทาประกัน และหากมีการนดั พบกับผู้เอา ประกนั ภัย
อกี ครั้งตวั แทนตอ้ ง้ยา้ วัน เวลา ในการพบกนั ด้วย
การบริการเมื่อลูกคา้ ประสบภยั เม่ือทราบว่าลูกค้าประสบภยั ให้ตัวแทนเปิดสมดุ บันทกึ ของ
ตัวแทนว่าผู้เอาประกันภัยรายน้ีซ้ือกรมธรรม์วงเงินเท่าใด เบี้ยประกันเท่าใด มีผลบังคับอะไร บ้าง
จากน้ันจึงนาใบแจ้งเหตุตามแบบฟอร์มของบริษัทแล้วไปพบผู้เอาประกันภัยเพื่อกรอก ข้อความลงไป
แล้วให้ผู้เอาประกันภัยลงชื่อ จากนั้นให้แพทย์ที่ทาการรักษาลงช่ือรับรองว่าผู้เอา ประกันภัยมารักษา
ตัวต้ังแต่วันท่ีเท่าไร รวมท้ังสาเหตุของการเกิดเหตุ การรักษา และการวินิจฉัย ตามวัน เวลา ที่ผู้เอา
ประกันภัยจะหายจากการบาดเจ็บ แล้วส่งแบบฟอร์มให้บริษัท กรณีท่ีผู้เอา ประกันภัยเสียชีวิต
ตัวแทนจะต้องบริการช่วยเหลอื ดังน้ี
1. แจ้งเร่ืองมรณกรรมแกบ่ ริษัท พรอ้ มท้ังสง่ เอกสารการพิสูจนก์ ารมรณกรรมดว้ ย
2. ชว่ ยดาเนนิ การเรื่องในมรณกรรม
3. เตือนให้ผรู้ ับประโยชนด์ าเนินการเรอื่ งกฎหมาย
4. แนะนาผรู้ บั ประโยชนใ์ หร้ วบรวมเอกสารสาคญั ของตวั ผูร้ บั ประโยชนเ์ อง
5. อธิบายวธิ กี ารขอรบั ค่าสินไหมทดแทนจากบรษิ ัทประกนั ชวี ิต
6. ชว่ ยในการตดิ ตามเรือ่ งคา่ สนิ ไหมทดแทนให้กับผรู้ บั ประโยชน์
ใบความรู้
รหัสวิชา 2202 – 2107 ช่ือวิชา การประกันภัย
หน่วยที่ 7 กิจการประกันภัย สอนครง้ั ท่ี 17 ชัว่ โมงที่ 65-68
ช่ือเรือ่ ง กจิ การประกนั ภยั
จานวน 4 ช่วั โมง
1. สาระสาคญั
ปัจจุบันการประกันภัยได้เข้ามาเก่ียวข้องกับมนุษย์เป็นอย่างมาก ท้ังในด้านการดารงชีวิต
และการดาเนินธุรกิจ เน่ืองจากมนุษย์เริ่มมองเห็นความสาคัญและประโยชน์ของการทาประกัน
ท้งั ประกนั ชวี ิตและการประกันวนิ าศภัย เปน็ เหตุผลให้ธุรกิจการประกนั ภยั ในปจั จุบันเกดิ ข้ึนมากมาย
จึงจาเป็นต้องมีพระราชบัญญัติ และประมวลกาหมายแพ่งและพาณิชย์เข้ามากาหนด
หลักเกณฑ์ในการกากับดูแลท้ังในด้านความม่ันของของบริษัทประกันภัยและการคุ้มครองผู้บริโภค
อกี ท้ังยงั กาหนดให้บุคคลท่จี ะเป็นตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยจะต้องได้รับอนุญาตจาก
นายทะเบยี น โดยต้องทาการสอบเปน็ ตวั แทนของกระทรวงพาณิชย์เสียก่อนถึงจะสามารถเป็นตวั แทน
ประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยได้ ทาให้ผู้เอาประกันภัยเกิดความมั่นใจในการทาประกันภัยมาก
ขึ้น โดยผู้เอาประกันภัยควรพิจารณาทาประกันภัยจากความจาเป็นและเหมาะสมกับความต้องการ
ถงึ จะได้ประโยชนค์ ้มุ ค่ากับเงินทตี่ อ้ งจา่ ยเปน็ ค่าเบย้ี ประกันให้กบั กิจการประกนั ภัย
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
2.1 จุดประสงค์ท่วั ไป
เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนมีความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับกิจการประกันภยั
2.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
2.2.1 อธิบายรายละเอียดของตามพระราช บัญญัติการประกันชีวิต 2535/
พระราชบัญญตั ิการประกันวนิ าศภยั 2535 ได้
2.2.2 บอกโครงสรา้ งของกจิ การประกนั ภยั ได้
2.2.3 บอกประเภทของกจิ การประกันภยั ได้
2.2.4 บอกชนดิ ของกิจการที่ควรเอาประกนั ได้
2.2.5 อธิบายการเลอื กบริษัทรับประกนั ได้
2.2.6 อธิบายวธิ ีการเอาประกันภยั ได้
3. สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้
1. สามารถขอเป็นตวั แทนประกนั ภัยไดอ้ ย่างถกู ตอ้
2. แสดงเจตคตทิ ีด่ ีและกจิ นิสัยทดี่ ตี อ่ การศึกษาการประกันภยั
4. สาระการเรยี นรู้
1. ขอ้ กาหนดตามพระราชบัญญตั ิการประกันชีวติ 2535/พระราชบัญญัติการประกันวินาศภัย 2535
การจดั ตงั้ บรษิ ทั ประกันภยั
การประกอบธุรกิจการประกันภัยต้องตั้งข้ึนในรูปของบริษัทจากัดตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์หรือบริษัทมหาชนจากัดว่าด้วยบริษัทมหาชนจากัด โดยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
การประกันภัยจากรัฐมนตรีโดยอนุมตั ิคณะรฐั มนตรี ซึง่ เงอื่ นไขในการปฏิบตั ิของบริษัท ประกันภยั น้ัน
จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน เม่ือได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจากัด หรือบริษัท
มหาชนจากัดและได้มีการวางหลักทรัพย์ไว้กับนายทะเบียนซ่ึงเป็นหลักทรัพย์ประกัน ตามประเภท
ของการประกันภัยแล้ว จึงให้ย่ืนคาขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจการประกันภัยต่อ รัฐมนตรีภายใน
ระยะเวลาท่ีกาหนด แต่ทั้งน้ีต้องไม่เกินหกเดือนนับแต่วนั ที่ได้จดทะเบียนเป็น บริษัทจากัดหรือบริษัท
มหาชนจากัดแล้ว การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยและการ ออกใบอนุญาตประกอบ
ธุรกิจการประกนั ภยั ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารที่กาหนดในกฎ กระทรวง และในการอนุญาต
รฐั มนตรจี ะกาหนดเงือ่ นไขไวด้ ว้ ยก็ได้
การต้งั สาขา
สาขา หมายถึง สานักงานที่แยกออกจากสานักงานใหญ่ของบริษัทไม่ว่าจะเรียกช่ืออย่างใด
และได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากบริษัทไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงสถานท่ีท่ีได้รับความ
เห็นชอบจากนายทะเบียนให้ใช้เป็นที่ต้ังหน่วยปฏิบัติการข้อมูล สถานท่ีเก็บเอกสารและสถานท่ี
ฝึกอบรมทีเ่ กย่ี วกับกจิ การของบรษิ ัท
บริษัทประกันภัยของต่างประเทศที่ต้องการต้ังสาขาในประเทศไทยต้องได้รับอนุญาตจาก
รัฐมนตรีหรือโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะอนุญาตโดยมีเง่ือนไขก็ได้ สาขาของ บริษัท
ประกันภัยต่างประเทศน้ีจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดไว้ในกฎกระทรวง ทุก
ประการ โดยรวมถึงจานวนของทรัพย์สินที่ต้องดารงไว้ตามท่ีรัฐมนตรีกาหนด และเม่ือได้ต้ัง สาขาใน
ประเทศไทยแล้วจะตง้ั เปน็ สาขาอกี ไม่ได้
การควบบรษิ ทั
บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการประกันภัยแล้วจะควบบริษัทกับกิจการอื่นที่มิใช่
กิจการประกันภัยด้วยกันไม่ได้ เม่ือได้จดทะเบียนควบบริษัทเข้ากันตามกฎหมายแล้วบริษัทใหม่ที่
ควบเข้ากันจะต้องขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยตามที่รัฐมนตรีกาหนด โดยจะต้อง
กระทาไม่เกินสามเดอื นนับแต่วันจดทะเบยี นบริษัทใหมน่ ั้น ระหว่างขอรับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ
ประกันภัยไปพลางได้ หากไม่ดาเนินการขอรับใบอนุญาตตามเวลาที่กาหนดให้ถือว่าใบ อนุญาตให้
ควบบริษัทนน้ั สิน้ อายุ
การจ่ายค่าธรรมเนยี ม
นอกจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยแล้ว บริษัทจะต้องเสียค่าธรรม
เนียมรายปีสาหรับการประกอบกิจการทุกปี เว้นแต่ปีที่ออกใบอนุญาต หากบริษัทไม่ชาระค่าธรรม
เนียมภายในสามเดือนนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน ให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยนั้นสิ้น อายุ
และจะส่งผลให้บรษิ ทั ถกู ส่งั เพิกถอนใบอนญุ าตประกอบกจิ การด้วย
อตั ราคา่ ธรรมเนียมการประกอบธรุ กจิ ประกนั ชีวติ
1. คาขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกนั ชีวิต 100,000 บาท
2. ใบอนุญาตประกอบธรุ กิจการประกนั ชวี ติ 1,000,000 บาท
3. ใบอนุญาตใหเ้ ปิดสาขาของบริษัท 20,000 บาท
4. การอนญุ าตให้ย้ายสานักงานใหญห่ รอื สาขา 5,000 บาท
5. ค่าสมัครสอบความรเู้ พอื่ ขอรับใบอนุญาตเปน็ ตัวแทนหรือนายหน้าประกันชีวติ 200 บาท
6. ใบอนญุ าตเป็นตัวแทนประกนั ชีวิต 400 บาท
7. ใบอนญุ าตให้นิตบิ ุคคลเปน็ นายหนา้ ประกนั ชวี ติ 20,000 บาท
8. ใบอนญุ าตให้บคุ คลธรรมดาเปน็ นายหนา้ ประกันชวี ิต 400 บาท
9. ใบแทนใบอนญุ าตทุกชนิด 200 บาท
10. ค่าธรรมเนยี มรายปีสาหรบั การประกอบธุรกิจประกนั ชีวติ 50,000 บาท
11. การให้ตอ่ อายุใบอนุญาตเปน็ ตวั แทนประกันชีวิตประเภท 1 ปี 200 บาท
12. การใหต้ ่ออายุใบอนุญาตเป็นตวั แทนประกันชวี ิตประเภท 5 ปี 1,000 บาท
13. การใหต้ อ่ อายุใบอนุญาตให้นติ ิบคุ คลเป็นนายหน้าประกันชีวติ ประเภท 1 ปี 6,000 บาท
14. การให้ตอ่ อายุใบอนุญาตให้นติ บิ ุคคลเป็นนายหนา้ ประกันชีวติ ประเภท 5 ปี 30,000 บาท
15. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้บุคคลธรรมดาเป็นนายหน้าประกันชีวิตประเภท 1 ปี 200
บาท
16. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้บุคคลธรรมดาเป็นนายหน้าประกันชีวิตประเภท 5 ปี 1,000
บาท
17. การขอตรวจดูเอกสาร ครั้งละ 50 บาท 18. การคัดหรือรับรองสาเนาเอกสาร หนา้ ละ 50
บาท
19. คาขอรับความเห็นชอบในแบบและข้อความแห่งกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารประกอบ
หรือแนบท้ายกรมธรรมป์ ระกันภยั แบบละ 1,000 บาท ราคา
20. คาขอรับความเห็นชอบการกาหนดอตั ราเบย้ี ประกนั ภัยแบบละ 1,000 บาท
อตั ราค่าธรรมเนียมการประกอบธรุ กิจการประกันวินาศภัย
1. คาขอรบั ใบอนญุ าตประกอบธุรกิจประกนั วินาศภยั 50,000 บาท
2. ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ ประกนั วนิ าศภัยทกุ ประเภท 500,000 บาท
3. ใบอนญุ าตประกอบธรุ กิจประกนั วนิ าศภัยไม่ครบทุกประเภท 400,000 บาท
4. ใบอนญุ าตให้เปิดสาขาของบรษิ ทั 6,000 บาท
5. การอนญุ าตใหย้ า้ ยสานกั งานใหญห่ รือสาขา 500 บาท
6. ค่าสมัครสอบความรู้เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันวินาศภัย 200
บาท
7. ใบอนญุ าตใหเ้ ปน็ ตัวแทนประกันวนิ าศภยั 300 บาท
8. ใบอนญุ าตให้นติ บิ คุ คลเปน็ นายหนา้ ประกันวินาศภัย 10,000 บาท
9. ใบอนุญาตใหบ้ ุคคลธรรมดาเปน็ นายหนา้ ประกนั วนิ าศภัย 300 บาท
10. ใบแทนใบอนญุ าตทกุ ชนดิ 200 บาท
11. ค่าธรรมเนียมรายปสี าหรับการประกอบธรุ กจิ ประกันวนิ าศภยั ทุกประเภท 20,000 บาท
12. ค่าธรรมเนียมรายปีสาหรับการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไม่ครบทุกประเภท
16,000 บาท
13. การให้ตอ่ อายุใบอนญุ าตเป็นตวั แทนประกันวินาศภยั ประเภท 1 ปี 200 บาท 14. การให้
ต่ออายใุ บอนุญาตเป็นตัวแทนประกันวินาศภยั ประเภท 5 ปี 800 บาท
15. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้นิติบุคคลเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยประเภท 1 ปี 5,000
บาท
16. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้นติ ิบุคคลเป็นนายหน้าประกนั วินาศภัยประเภท 5 ปี 20,000
บาท
17. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้บุคคลธรรมดาเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยประเภท 1 ปี
200 บาท
18. การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้บุคคลธรรมดาเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยประเภท 5 ปี
800 บาท
19. การขอตรวจดูเอกสาร ครง้ั ละ 30 บาท 20. การคัดหรือรับรองสาเนาเอกสาร หน้าละ 50
บาท
21. คาขอรับความเห็นชอบในแบบและข้อความแห่งกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารประกอบ
หรอื แนบทา้ ยกรมธรรม์ประกนั ภยั แบบละ 200 บาท
22. คาขอรบั ความเหน็ ชอบการกาหนดอตั ราเบีย้ ประกนั ภัยแบบละ 200 บาท
การดาเนินธรุ กจิ ประกันภยั
การดาเนินธุรกิจประกันภัย จะต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ และประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ ซง่ึ เขา้ มากาหนดหลกั เกณฑใ์ นการกากับดูแลธุรกิจประกนั ภัย พอสรุปได้ดงั น้ี
1. กากบั ดแู ลความมั่นคงของบรษิ ัทประกันภัย
1.1 กากับดูแลโดยการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย/ประกันชีวิต ซึ่ง
กจิ การประกันภัยจะต้องต้ังข้ึนในรูปบริษัทจากัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรอื บริษัท
มหาชนจากัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจากัด และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ประกัน
ชวี ิต/ประกันวนิ าศภยั จากรฐั มนตรโี ดยอนมุ ัตคิ ณะรฐั มนตรี
1.2 การกากับดูแลด้านข้อจากัดเรื่องหุ้น โดยหุ้นของบริษัทจะต้องเป็นหุ้นสามัญชนิดระบุ
ชื่อผู้ถือหุ้น มูลค่าหุ้นไม่เกินหุ้นละ 100 บาท ในจานวนของผู้ถือหุ้นต้องเป็นผู้ถือสัญชาติไทยอยู่ไม่ต่า
กว่าสามในสี่ของจานวนหุ้นที่จาหน่ายแล้วทั้งหมด และคณะกรรมการบริหารบริษัทจะต้องเป็นบุคคล
ท่ีมีสัญชาติไทยไม่ต่ากว่าสามในส่ีของจานวนคณะกรรมการท้ังหมด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับต้ังแต่สอง
หม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
1.3 การกาหนดให้บริษัทต้องมีหลักทรัพย์ บริษัทต้องมีหลักทรัพย์วางไว้กับนายทะเบียน
ตามมลู ค่าที่กาหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงปัจจุบันกาหนดไวใ้ ห้บรษิ ัทวางหลกั ทรัพย์ไว้กับ นายทะเบียนมี
มูลค่าไม่น้อยกว่ายี่สิบล้านบาท ซึ่งหลักทรัพย์จานวนน้ีมีไว้เพ่ือชดใช้แก่เจ้าหน้ีท่ีเกิดจากการเอา
ประกันภัยเมอ่ื บริษัทเลกิ กิจการ หรือลม้ ละลาย
1.4 การกาหนดให้บริษัทต้องจัดสรรเบี้ยประกันไว้เป็นเงินสารองประกันภัยบริษัทต้อง
จัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงินสารองประกันภัยสาหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีความผูกพันอยู่
รอ้ ยละ 25 ของเงนิ ประกันภยั ท่บี ริษัทจดั สรรได้ทั้งหมดไว้กับนายทะเบยี น เงนิ สารองนอี้ าจเป็นเงินสด
พนั ธบตั รรัฐบาล หรือทรัพยส์ ินอน่ื ๆ ตามท่ีรัฐมนตรีกาหนด
1.5 การดารงไว้ซ่ึงกองทุน เงินกองทุน หมายถึงทรัพย์สินส่วนท่ีเกินกว่าหนี้สินตามราคา
ประเมินทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทท่ีนายทะเบียนกาหนดวิธีประเมินโดยออกเป็นประกาศนาย
ทะเบียน บริษทั ต้องดารงไวซ้ ง่ึ กองทุนตลอดเวลาทีป่ ระกอบธุรกิจไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 2 ของ เงินสารอง
ประกันภัย แต่ท้ังน้ีต้องไม่ต่ากว่า 50 ล้านบาทสาหรับการประกันชีวิต และไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10
ของเบีย้ ประกันภัยสุทธิที่ไดร้ ับท้งั หมดสาหรับปีปฏทิ ินทีล่ ว่ งแลว้ แตไ่ ม่ต่ากวา่ 30 ลา้ นบาทสาหรับการ
ประกันวินาศภัย การบังคับให้บริษัทต้องมีเงินกองทุนนี้เพื่อความม่ันคงและ เพ่ือสร้างเครดิตความ
น่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ ดังนั้นหากทราบว่าบริษัทใดไม่ได้มีการสารอง เงินทุนไว้ตามระเบียบจะ
ไม่อนุญาตให้ดาเนินกจิ การต่อไปได้
2. เพอ่ื การคุ้มครองผบู้ ริโภค
2.1 คุ้มครองผู้บริโภคก่อนเกิดสัญญาประกันชีวิต/สัญญาประกันวินาศภัย สัญญาประกัน
ชีวิต/สัญญาประกันวินาศภัยเป็นสินค้าที่มีความแตกต่างจากสินค้าอื่น จึงต้องอาศัยผู้ท่ีมี 1 ความรู้
ความเข้าใจในรายละเอียดเปน็ ผ้ชู แี้ นะหรอื แนะนาให้ผู้บริโภคหรอื ผเู้ อาประกันภัยมีความ
เข้าใจอย่างชัดเจน บุคคลท่ีเป็นคนกลางที่มีบทบาทในการชี้แนะหรือแนะนาน้ี ตาม
พระราชบัญญัติ ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ได้ให้
ความหมายไว้ ดังตอ่ ไปนี้
“ตัวแทนประกันชีวิต” หมายถึง ผู้ซ่ึงบริษัทมอบหมายให้ทาการชักชวนให้บุคคลทาสัญญา
เอ ประกันชวี ิตกบั บริษัท
“นายหน้าประกันชีวิต” หมายถึง ผู้ช้ีช่องหรือจัดการให้บุคคลทาสัญญาประกันชีวิตกับ
ของ บริษัทโดยกระทาเพื่อบาเหน็จเน่ืองจากการน้ัน 6. “ตัวแทนประกันวินาศภัย” หมายถึง ผู้ซ่ึง
บริษัทมอบหมายให้ทาการชักชวนใหบ้ คุ คลทา สญั ญาประกันวนิ าศภยั กบั บริษัท
“นายหน้าประกันวินาศภัย” หมายถึง ผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลทาสัญญาประกันวินาศ
ภัย " กับบริษัทโดยกระทาเพื่อบาเหนจ็ เน่ืองจากการน้นั
บุคคลท่ีจะมาเป็นตัวแทนประกันภัย หรือนายหน้าประกันภัยน้ันจะต้องได้รับอนุญาตจาก
นายทะเบียน โดยจะต้องมีการสมัครเพื่อทาการสอบเป็นตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์เสียก่อน
หลังจากทส่ี อบผ่านแล้วตวั แทนหรอื นายหนา้ ต้องปฏิบัตติ ามกฎระเบียบท่ีกระทรวงกาหนด
2.2 คุ้มครองผู้บริโภคเมื่อเกิดสัญญาประกันชีวิต/สัญญาประกันวินาศภัย สัญญาประกัน
ชวี ิตและสัญญาประกันวนิ าศภยั จดั เปน็ สญั ญาต่างตอบแทนทไ่ี มเ่ ท่าเทียมกัน กลา่ วคอื เปน็
สัญญาสาเร็จที่ฝ่ายของบริษัทผู้รับประกันเป็นผู้เขียนดังน้ันอาจจะเกิดความไม่เท่าเทียม
หรือฝ่าย ของผู้เอาประกันภัยอาจเสียเปรียบ ดังน้ันเพ่ือเป็นการคมุ้ ครองผู้บริโภคพระราชบัญญัติการ
ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 จึงบัญญัติให้แบบและ
ข้อความแห่งกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยท่ีจะเสนอขายแก่ประชาชนได้น้ันจะต้อง
เปน็ แบบและข้อความที่ไดร้ ับความเหน็ ชอบจากนายทะเบียน
2.3 คุ้มครองผู้บริโภคภายหลังเกิดสัญญาประกันชีวิต/สัญญาประกันวินาศภัย หลัง จาก
การทาสัญญาประกันภัยแล้ว และหากเกิดภัยขึ้นแก่ผู้เอาประกันภัย ตามพระราชบัญญัติ กาหนดให้
บริษัทผ้รู ับประกันปฏบิ ัตดิ ังน้ี
- การประวิงการใช้เงินตามสัญญาประกันภัย กรณีของการประกันชีวิตห้ามมิให้
บริษัทประวังการใช้เงินแก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยขน์ตามกรมธรรม์หรือประวิงการคืนเบ้ีย
ประกันภัยท่ีต้องจ่ายคืนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือกระทาไปด้วยความทุจริต ในกรณีของการ
ประกันวินาศภัยก็เช่นเดียวกัน ห้ามมิให้บริษัทประกันวินาศภัยประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือ
ประวิงการคืนเบ้ียประกันท่ีจะต้องจ่ายคืนแก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์โดยไม่มีเหตุผลอัน
สมควรหรือกระทาไปโดยไมส่ ุจรติ
- กาหนดให้มีหน่วยงานรับเร่ืองรอ้ งเรียนที่มีหลักเกณฑ์ขั้นตอนการพจิ ารณาเปน็ ลาดับ
หากผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ถูกประวิงเวลาในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน สามารถแจ้ง
ร้องเรียนได้ที่กรมการประกันภัยโดยเจ้าหน้าที่ของกรมการประกันภัยจะต้องรับเรื่อง โดยไม่สามารถ
ปฏิเสธได้
การเพกิ ถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย
รัฐมนตรีมีอานาจส่ังเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการธุรกิจประกันภัยเมื่อปร ากฏว่าบริษัท
มลี ักษณะดังน้ี
1. มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สินหรือมีฐานะทางการเงินไม่มั่นคงอันอาจเกิดความเสียหายแก่
ผเู้ อาประกันภัยหรือประชาชน
2. ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติหรือกฎกระทรวง เง่ือนไขท่ีรัฐมนตรีกาหนดหรือ
ประกาศท่ีออกหรือกาหนดตามความในพระราชบัญญัติหรือไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของรัฐมนตรี
นายทะเบียน หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีซึ่งส่ังการตามพระราชบัญญัติ ท้ังน้ีในเมื่ออาจทาให้เกิดความ
เสียหายแก่ผู้เอาประกันภยั หรือประชาชน
3. หยดุ ประกอบกิจการโดยไม่มเี หตอุ ันควร
4. ประวงิ การจ่ายเงินท่ีต้องใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือประวิงเวลาการคืนเบีย ประกันที่
ตอ้ งจา่ ยหรือคืนโดยไม่มีเหตอุ นั สมควร หรอื จา่ ยหรอื คืนโดยไมส่ จุ รติ
5. หากประกอบกิจการต่อไปจะทาให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
บริษัทใดท่ีถกู ส่งั เพิกถอนใบอนญุ าตประกอบธุรกิจประกันภัยแลว้ ให้บริษัทน้นั เลิกนบั ต้งั แต่วันท่ถี ูกสั่ง
เพิกถอนและให้มีการชาระบัญชี ในการชาระบัญชีนั้นให้รัฐมนตรีแต่งต้ังผู้ชาระบัญชีการใดที่เป็น
อานาจหน้าทข่ี องที่ประชมุ ใหญ่ ผถู้ อื ห้นุ ใหเ้ ป็นอานาจหนา้ ทีข่ องนายทะเบยี น
1. โครงสร้างของกจิ การประกันภยั
กิจการประกันภัยมักมีการกาหนดหน่วยงานที่จาเป็น เพื่อเป็นองค์ประกอบให้การทางาน
ของหน่วยงานเป็นไปดว้ ยความราบร่นื ฝ่ายต่างๆ ท่ีจาเปน็ ต่อหนว่ ยงานประกนั ภยั มดี งั ต่อไปนี้
1. ฝ่ายขาย บุคลากรในฝ่ายขายมีหน้าที่เป็นพี่เล้ียงของตัวแทนท่ีผ่านการทดสอบการเป็น
ตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะได้พบกับตัวแทนและถูกตัวแทน
ชักชวนให้ทาประกัน บุคลากรในฝ่ายขายจะมีหน้าท่ีในการดูแลในเร่ืองของการอบรมให้ความรู้แก่
ตัวแทน รวบรวมใบสมัคร ติดตามผลการสอบ ออกบัตรการเป็นตัวแทน ตลอดจนควบคุมจรรยา
บรรณของตวั แทนไมใ่ หป้ ฏิบัตติ นนอกลนู่ อกทาง
2. ฝ่ายการตลาด ทาหน้าที่ในการวิจัยค้นหาความต้องการของผู้บริโภค เพื่อจะได้นาข้อมูล
เหล่าน้ันมากาหนดเป็นแบบของการประกันภัยให้สอดคล้องกับความต้องการ นอกจากน้ีแล้วหน้าท่ี
ของฝ่ายการตลาดยงั เกย่ี วข้องกับการโฆษณา การประชาสัมพันธ์อีกด้วย ดังนัน้ บุคลากรฝา่ ยการตลาด
จะตอ้ งมีความรูด้ า้ นการตลาดเปน็ อยา่ งดี
3 ฝ่ายบคุ ลากร มีหน้าที่หลักในการคัดเลือกบุคคลเข้าทางาน จัดหลักสตู รอบรมแก่ พนักงาน
จัดสวัสดิการให้พนักงาน ฝ่ายบุคลากรจะต้องมีความรู้ด้านกฎหมาย การบริหารบุคคล และการ
บรหิ ารธรุ กจิ
4. ฝ่ายบริการสินไหมทดแทน มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของการให้บริการชดใช้
ค่าสินไหมทดแทน เหตุแห่งการชดใช้สินไหมทดแทน การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอา
ประกนั ภัย บคุ ลากรฝา่ ยนีจ้ ะตอ้ งมคี วามร้ดู า้ นกฎหมายและบัญชี
5. ฝ่ายคัดเลือกการประกันภัย มีหน้าท่ีพิจารณาใบคาขอเอาประกันและกล่ันกรองว่าควร
รบั ประกันหรอื ไม่
6. ฝ่ายบัญชี ทาหน้าที่ตรวจสอบฐานะการเงิน ทางบบัญชีรายรับ รายจ่าย งบดุล งบ แสดง
ฐานะทางการเงิน ย่ืนแบบการเสียภาษี และงานอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับบัญชี บุคลากรฝ่ายนี้จะ ต้องมี
ความรดู้ า้ นบญั ชีและการเงินการธนาคาร
7. ฝ่ายกฎหมาย มีหน้าท่ีประสานงานด้านคดีต่างๆ เช่น การเรียกร้องความเสียหาย
การฟ้องรอ้ ง การตคี วามตามกรมธรรม์ การแก้ไขเพิ่มเติมในกรมธรรม์ การเสนอข้อความหรือ เง่ือนไข
ที่เป็นประโยชน์ต่อการประกันภยั ตอ่ กรมการประกนั ภัย
นอกจากท่ีกล่าวมาแล้วยังมีบุคลากรฝ่ายต่างๆ อีกหลายฝ่ายท่ีทางกิจการประกันภัยตั้งขึ้น
เพื่อให้มีหน้าท่ีรับผิดชอบส่วนงานบางส่วน ที่จะอานวยความสะดวกท้ังระบบการทางานภายใน
กิจการเองและเพ่อื ดแู ลและประสานงานกบั บคุ คลหรือหน่วยงานภายนอก
2. ประเภทของกิจการประกนั ภยั
ประเภทของกิจการประกนั ภัยในประเทศไทย แบง่ ออกไดด้ ังนี้
1. กิจการประกันวินาศภัย ในปัจจุบันการดาเนินชีวิตของมนุษย์ตลอดจนการดาเนินธุรกิจ
ของผู้ประกอบการท้ังหลายมีความเส่ียงต่อภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นโดยท่ีเราไม่ได้คาดคิดหรือ โดยที่เรา
ไม่ได้ต้ังตัว เช่น เหตุการณ์คลื่นสึนามิ เหตุการณ์ไฟไหม้ หรือเหตุการณ์อุบัติเหตุต่างๆ ล้วนแล้วแต่
สร้างความเสียหายและเดอื ดรอ้ นทัง้ แก่บคุ คลทวั่ ไปและผู้ประกอบการทม่ี สี ว่ นไดเ้ สีย กับความเสียหาย
น้ัน กิจการประกันวนิ าศภยั จงึ เข้ามามีบทบาทในการบรรเทาความเดอื ดร้อนใหผ้ ู้ ทไี่ ด้รับความเสยี หาย
ได้มีเงินก้อนหน่ึงที่จะทาให้ชีวิตหรือกิจการสามารถดาเนินต่อไปได้ กิจการ ประกันวินาศภัยใน
ประเทศไทยแบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท ดังน้ี
1.1 กิจการประกันอัคคภี ยั กจิ การประกนั อคั คีภัยเกดิ ขึ้นครง้ั แรกทกี่ รุงลอนดอน ประเทศ
อังกฤษ เมื่อเกิดไฟไหม้อาคารบ้านเรือนในกรุงลอนดอนจนเกิดความเสยี หายประมาณสาม ในส่ี ดร.นิ
โคลาส บาร์บอน จึงได้จัดตั้งสานักงานประกันอัคคีภัยขึ้น เรียกว่า “The Fire (Office” ซ่ึง ต่อมา
ภายหลังก็มีผู้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับ ดร.บาร์บอนหลายราย หลังจากนั้นประมาณสามปีก็มีคู่ แข่งด้าน
การประกันอัคคีภัยเกิดข้ึนอีกแห่งหน่ึงชื่อ “The Friendly Society” ซ่ึงท้ังสองแห่งนี้ได้ออก
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย และจัดพนักงานไว้สาหรับดับเพลิงที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินท่ีเอาประกัน แต่
กจิ การประกันอัคคภี ยั ในสมยั นัน้ ยังไม่อยู่ในรูปของบรษิ ทั
สาหรับการประกันอัคคีภัยในประเทศไทยไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในสมัยใด
ทราบแต่เพียงว่าเร่ิมเข้ามาโดยพ่อค้าชาวต่างประเทศ ได้มีการประกาศกฎหมายท่ีเก่ียวกับการ
ประกันภัยครั้งแรกคือ “พระราชบัญญัติ ลักษณะเข้าหุ้นส่วนและบริษัท ร.ศ. 130” และต่อมาก็ได้มี
การตราพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขาย อันจะกระทบถึงความปลอดภัย หรือความผาสุกของ
สาธารณชนขึ้น กาหนดให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจประกันภัยต้องได้รับพระบรมราชานุญาต ก่อน
ซงึ่ ในปี พ.ศ. 2472 มบี ริษัทต่างประเทศได้รบั อนุญาตให้ประกอบกิจการประกันอัคคีภัยถึง 26 บริษัท
ธุรกิจประกันอัคคีภัยที่ต้ังข้ึนน้ันมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัย มีส่วนได้เสีย
และนามาทาประกันเกิดความเสียหายโดยมีสาเหตุมาจากไฟไหม้ และฟ้าผ่า โดยรวม ไปถึงการให้
ความคุ้มครองความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากระเบิด และเหตุอ่ืนท่ีคล้ายคลึงกันและยัง คุ้มครองถึงภัย
เพิม่ เติมพเิ ศษท่กี ว้างออกไปอีก เชน่ ความเสียหายทีเ่ กิดจากน้าทนี่ ามาใชด้ บั เพลิง น้าท่วม การล้นของ
น้าในถงั เกบ็ เปน็ ตน้ การ
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยจะมีอายุการคุ้มครองเพียงหน่ึงปีหรือน้อยกว่านั้น ทั้งน้ีผู้เอา
ประกันภัยจะต้องชาระค่าเบี้ยประกันให้แก่ผู้รับประกันภัยซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นข้ึนอยู่กับลักษณะ
ของสิ่งปลูกสร้าง สถานที่ตั้ง สภาพแวดลอ้ ม และการมีอุปกรณ์ดบั เพลิง เงนิ คา่ สนิ ไหมทดแทนที่ ผู้เอา
ประกนั ภยั จะได้รับน้นั จะไดร้ ับตามทเ่ี สียหายจรงิ และไม่เกินวงเงินทีเ่ อาประกนั
1.2 กิจการประกันภัยทางทะเล กิจการประกันภัยทางทะเลเกิดขึ้นท่ีประเทศ อังกฤษ
เช่นเดียวกัน จัดว่าเป็นการประกันภัยที่เก่าแก่ที่สุด วิธีการประกันภัยสมัยน้ัน คือเจ้าของ เรือหรือ
พ่อค้าท่ีต้องการซื้อประกันภัยทางทะเลจะทาบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่างๆ ที่บรรทุก ลงเรือ
จากน้ันนายธนาคารหรือบุคคลอ่ืนที่ต้องการรับประกันทรัพย์สิน จะร่วมกันลงนามรับประกัน พร้อม
ท้ังระบุจานวนเงินที่ตนต้องการรับเสี่ยง ส่ิงตอบแทนที่ได้จากการร่วมรับเสี่ยงภัยนี้คือค่าเบ้ีย ประกัน
ขอบเขตของการคุ้มครองจากคมุ้ ครองทรัพย์สินในระยะแรก ก็เร่ิมขยายขอบเขตออกมา คุ้มครองชีวิต
นายเรือ ลูกเรือ พ่อค้าที่คุมสินค้าไปกบั เรือ และให้ความคุ้มครองจานวนเงนิ ท่ีจะเป็น ค่าไถ่เมื่อถูกโจร
สลดั จบั ตวั ด้วย
การประกันภัยทางทะเลในประเทศไทยนั้นเป็นท่ีรู้จักคร้ังแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาเนื่อง
จากว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศมาก ประกอบ กับ
การขนส่งสนิ คา้ ในการค้าระหว่างประเทศนั้นส่วนใหญเ่ ป็นการขนส่งทางเรือ การประกนั ภัย ทางทะเล
จึงเข้ามามีบทบาทสาคัญมากขึ้น การประกันภัยทางทะเลในประเทศไทยท่ีเกิดขึ้นครั้ง แรกเป็นของ
ชาวตา่ งประเทศ ซึ่งเป็นการดาเนนิ กจิ การโดยมิได้มีการจดทะเบียนหรอื ขออนุญาต ใดๆ ตอ่ มาในสมัย
กรุงรัตนโกสินทร์มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศมากข้ึน การประกันภัย ทางทะเลก็มี
ความสาคัญมากข้ึน มีตัวแทนของบริษัทต่างประเทศเข้ามาดาเนินกิจการในประเทศ ไทยโดยต้องขอ
อนญุ าตจัดตง้ั ตามทีก่ ฎหมายไทยกาหนด
ปจั จุบันการประกันภัยทางทะเลมคี วามสาคัญมากในการทาการค้าระหวา่ งประเทศที่ต้อง
อาศัยการขนส่งทางเรือ กล่าวคือเมื่อมีการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ธนาคารจะเข้ามาเกี่ยวข้อง
โดยเข้ามาสารองเงินทุนให้ก่อน คือเมื่อผู้ซ้ือส่ังซื้อสินค้า จะขอให้ธนาคารเปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิต
ให้แก่ผขู้ าย ซึง่ การทาเช่นน้ีจะทาใหผ้ ู้ขายม่ันใจและจัดส่งสินค้าให้แกผ่ ู้ซื้อโดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้ รับ
เงินค่าสินค้าหรือไม่ เมื่อส่งสินค้าลงเรือผู้ขายสามารถนาหลักฐานต่างๆ ไปขอรับเงินจาก ธนาคารที่
เกย่ี วขอ้ งในการเปดิ เลต็ เตอรอ์ อฟเครดิตไดเ้ ลย ซง่ึ หลักฐานต่างๆ ทจี่ ะนาไปขอรับเงนิ นัน้ ไดแ้ ก่
- ตว๋ั แลกเงนิ ทผี่ ขู้ ายสินคา้ สง่ ไปให้แก่ผู้ซ้ือทาการจ่ายเงินใหแ้ กต่ น
- ใบตราส่งสินค้า เป็นหลักฐานสาคัญในการรับส่งสินค้าระหว่างบริษัทเรือและผู้ส่งสินค้า
ท่ีบริษัทเรือได้รับสินค้าลงเรือแล้วและสัญญาว่าจะจัดส่งสินค้าให้ถึงปลายทางให้ทัน ตามเวลาที่
กาหนด
- ใบกากับสนิ ค้าขาออก หรอื ใบขออนุญาตตอ่ กรมศลุ กากรเพื่อขออนุญาตส่งสินค้าออก
- เปน็ เอกสารทแี่ สดงปรมิ าณ ชนดิ และราคาของสินค้า
- กรมธรรมป์ ระกันภัยทางทะเล
จะเห็นว่ากรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลเป็นเอกสารสาคัญอย่างหน่ึงท่ีผู้ขายสินค้าจะต้อง
นามาเป็นหลักฐานเพื่อขอรับเงินค่าสินค้าจากธนาคารท่ีเก่ียวข้องในการเปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิต
เนื่องจากว่าเม่ือผู้ขายสินค้ามาขอรับเงินและธนาคารได้จ่ายสารองให้ไปแลว้ ระหว่างการขนสง่ หากมี
ภยั เกดิ ขนึ้ ธนาคารจะเป็นผรู้ ับชว่ งรบั คา่ สนิ ไหมทดแทนจากผ้รู ับประกันภัย
1.3 กิจการประกันภัยรถยนต์ ปัจจุบนั ประเทศเรามีความเจริญก้าวหน้าท้ังทาง ดา้ นวัตถุ
และทางด้านเทคโนโลยี มีการสร้างถนนและขยายเส้นทางการขนส่งเพื่อรองรับจานวน รถยนต์ท่ี
เพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว เม่ือมีจานวนผู้ใช้รถเพ่ิมขึ้นอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เกิดเพิ่มขึ้นเป็น เงาตามตัว ใน
การเกิดอุบัติเหตุแตล่ ะครั้งสรา้ งความเสียหายแก่ทรัพย์สินและเกิดการบาดเจ็บต่อ ร่างกายทั้งต่อผู้ขับ
ข่ีรถยนต์และบุคคลภายนอก วิธีหนึ่งท่ีจะช่วยลดความเสียหายหรือความเดือด ร้อนด้านการเงินจาก
การประสบอุบัติเหตุดังกล่าวคือการทาประกันภัยรถยนต์ไว้กับบริษัท ประกันภัย โดยการประกันภัย
รถยนตน์ ้ันมลี ักษณะเปน็ การประกันภัยค้าจุน ทบี่ ริษัทผู้รับประกัน จะรับผิดชอบในความเสียหายของ
บุคคลภายนอกด้วย ดังน้ันการประกันภัยรถยนต์จึงให้ความ สะดวกต่อผู้เอาประกันภัยที่ไม่ต้อง
เสียเวลากับการโต้เถียงกับคู่กรณี อุบัติเหตุแก่ผู้ใช้รถเป็นภาระ ที่หนักมาก กิจการประกันภัยรถยนต์
จึงเข้ามามีบทบาทสาคัญในการแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบ ในหน้ีสินท่มี ีต่อยวดยานทีเ่ สียหาย และ
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก จากสถิติการประกันภัย รถยนต์ท่ีผ่านมากิจการประเภทน้ีมักประสบ
ปัญหาการขาดทุน ซง่ึ จะต้องหาทางแกไ้ ข
1.4 กิจการประกันภัยเบ็ดเตล็ด การประกันภัยเบ็ดเตล็ด จัดเป็นการประกันวินาศ ภัย
ประเภทหนึ่งท่ีมุ่งให้ความคุ้มครองผู้เสียหายอันเนื่องมาจากภัยต่างๆ ที่นอกเหนือจากการ ประกัน
อัคคีภัย การประกันภัยทางทะเล การประกันภัยรถยนต์ และการประกันชีวิต การ ประกันภัย
เบ็ดเตล็ดเริ่มขึ้นด้วยการประกันปศุสัตว์ แต่ไม่ประสบผลสาเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากผู้เอา ประกันส่วน
ใหญ่เปน็ กสิกรท่ีม่งุ เอาประโยชน์กันเฉพาะกลุ่มกสกิ รดว้ ยกนั เทา่ นน้ั ในปี ค.ศ. 1787 นายวิลเลยี่ ม เวล
เลอร์ ได้ก่อต้ังบริษัทประกันช่ือว่า “The General Insurance Office” รับประกัน ความเสียหาย
เนื่องจากการถกู โจรกรรมแต่ก็ไม่ประสบผลสาเร็จเชน่ กัน หลังจากการปฏวิ ัติ อุตสาหกรรมในประเทศ
องั กฤษ การประกันอุบตั ิเหตเุ ข้ามามีบทบาทมากข้ึนเนื่องจากมนุษยไ์ ด้ทา การติดต่อซ้ือขายกัน มีการ
ขนส่งสินค้ากันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางเรือ รถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน ซ่ึงการขนส่งแต่ละทางล้วน
แต่มีความเสี่ยงภยั ต่อการเกิดอุบตั ิเหตุไดท้ ั้งส้ิน ซ่งึ บอ่ ยคร้ังได้มีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นสรา้ งความเสียหายแก่
ชีวิตและทรัพย์สินเป็นจานวนมาก กรมธรรม์ประกันภัยเบ็ดเตล็ดชนิด แรกที่เริ่มให้บริการคือ
กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุผู้โดยสารรถไฟ ต่อมาจึงเร่ิมมีกรมธรรม์ประกัน อุบัติเหตุอื่นๆ เกิดขึ้นอีก
เช่น การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลทางอากาศ การประกันอุบัติเหตุ ส่วนบุคคลและความเจ็บป่วย
สว่ นบุคคล
2. กิจการประกันชีวิต เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าชีวิตเป็นส่ิงท่ีไม่แน่นอน ความตาย หรือ
ทุพพลภาพจะเกิดขึ้นเม่ือใดก็ได้ ซึ่งหากเกิดกับหัวหน้าครอบครัวก็จะทาให้ผู้ท่ีอยู่ข้างหลังต้อง
เดือดร้อน การประกนั ชีวิตเข้ามามีบทบาทสาคัญอนั ทาใหผ้ ู้เอาประกันชีวิตเกดิ ความม่ันใจว่าเมอ่ื ต้อง
เสียชีวิตหรือเกิดทุพพลภาพก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอ่ืนในครอบครัว หรือหาก ผู้เอา
ประกันมอี ายอุ ยู่จนถึงครบอายสุ ญั ญากจ็ ะได้รับเงนิ ก้อนสาหรบั ไว้ใชส้ อยต่อไป
การประกันชีวิตเป็นการชดใช้ความสูญเสียอันเกิดจากการสูญเสียทางด้านรายได้ กรณีที่
หัวหน้าครอบครัวต้องเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ บุคคลอื่นในครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อน การ
ประกนั ชวี ิตจะช่วยให้บคุ คลเหล่านน้ั ได้รบั การชดใชใ้ นรูปของเงินจานวนหนึ่ง การประกนั ชีวิต กระทา
กันในรูปของสัญญาท่ีองค์กร สถาบันและมนุษย์ร่วมกันจัดทาข้ึนเพื่อแบ่งเบาภาระที่เกิดจาก ความ
สูญเสียน้ันให้สามารถเผชิญกับภัยต่างๆ ได้ จึงสรุปได้ว่าการประกันชีวิตเป็นวิธีการแบ่งเบา ความ
เดือดร้อนที่เกิดแก่ผู้เอาประกันหรือผู้รับประโยชน์ เนื่องมาจากการขาดรายได้เพราะมีความ ตาย
เกิดข้ึนก่อนเวลาอนั สมควร แต่หากไมต่ ายผู้เอาประกันภัยก็จะได้รบั เงินจานวนหน่ึงสาหรับ การยังชีพ
ต่อไป
การประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่บริษัทประกันภัยรับเป็นคนกลางในการเรียกเก็บเงินจากผู้ท่ี ตก
ลงจะร่วมประกันชีวิตกัน โดยเงินท่ีเรียกเก็บนั้นเรียกว่า “เบี้ยประกัน” และเม่ือบุคคลน้ันเสียชีวิต
บริษัทก็จะจ่ายเงินจานวนหน่ึงตามที่ตกลงกันไว้แก่ครอบครัวของผู้เอาประกัน ส่วนทางด้านของ
กฎหมายนั้น สัญญาประกันชีวิตคือสัญญาท่ีจัดทาข้ึนระหว่างผู้เอาประกันภัยท่ีหวังจะได้รับเงิน ตอบ
แทนเมอ่ื ได้รับความเสียหายจากภยั ตา่ งๆ กับผู้รับประกนั ภัยที่สัญญาว่าจะจ่ายเงินจานวน หนึ่งให้แก่ผู้
เอาประกันภยั ตามสัญญา โดยไดร้ บั ค่าเบ้ยี ประกนั เปน็ ส่งิ ตอบแทน
การประกันชีวิตทาหน้าท่ีชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากการเสียชีวิต โดยการเสียชีวิตแบ่ง
ออกไดด้ งั น้ี
1. เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นการเสียชีวิตท่ียังไม่ถึงวัยนั่นเอง อาจเสียชีวิตด้วยอบัติเหตุ
หรือเจ็บป่วยตั้งแต่อายุยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ย่ิงหากเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยแล้วจะทาให้บตร หรือ
ภรรยาไดร้ ับความกระทบกระเทอื นดา้ นการเงนิ เปน็ อยา่ งมาก
2. เสียชีวิตในขณะท่ียังมีชีวิตอยู่ คือผู้ที่ทุพพลภาพไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรือ แขน
ขาด ขาขาด ไม่สามารถประกอบอาชพี เลี้ยงตัวเองได้ เท่ากับตายท้ังเป็น บุคคลเหล่าน้ีย่อม เป็นภาระ
หนกั ของคนในครอบครวั
3. เสียชีวิตทางเศรษฐกิจหรือความชราภาพ เม่ือสูงอายุกจ็ ะไม่สามารถหาเลี้ยงดูตนเอง และ
ครอบครัวได้ ตอ้ งอาศยั ให้ผู้อนื่ เลี้ยงดู ทาให้เปน็ ภาระแก่ญาตพิ ่ีนอ้ งและบตุ รหลาน
3. ชนิดของกิจการท่คี วรเอาประกัน
การดาเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องพบกับภาวะการเส่ียงมากข้ึนกว่าในอดีตท่ีผ่านมาเนื่องจาก
ประเทศเรามีความเจริญก้าวหน้ามากข้ึน มีการนาเทคโนโลยีท่ีมีความทันสมัยเข้ามาใช้มากข้ึนมีการ
ขยายถนนหนทางใหม้ ีการคมนาคมท่ีสะดวกมากขึ้น ความเจริญก้าวหน้าดังกล่าวมีผลดตี ่อการดาเนิน
ชีวิตของผู้คนและมีความสะดวกต่อการดาเนินธุรกิจต่างๆ ในขณะเดียวกันหากดาเนินชีวิตหรือธุรกิจ
อย่างไม่ระมัดระวังย่อมอาจทาให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนได้ ซ่ึงส่งผลให้เกิดความเสียหายมากมาย
ต่อธุรกิจ เมื่อเป็นเช่นน้ีทุกๆ กิจการก็ควรที่จะมีการทาประกันไว้เพ่ือให้ผู้รับประกันภัยช่วยแบ่งเบา
ภาระความเสียหายท่ีเกิดข้ึน การทาประกันของธุรกิจจะออกมาในรูปของการประกันวินาศภัยโดย
กอ่ นทาประกันวนิ าศภัยกิจการจะตอ้ งพจิ ารณาเกยี่ วกับส่ิงตอ่ ไปนี้
1. มีความจาเป็นที่จะต้องทาประกันวินาศภัยมากน้อยเพียงใด โดยพิจารณารวมไปถึง
ลักษณะของกิจการที่ดาเนินอยู่น้ันมีความเส่ียงหรือความน่าจะเกิดภัยข้ึนมากน้อยเพียงใดจะคุ้ม
หรอื ไม่กบั การที่จะต้องจ่ายค่าเบ้ยี ประกนั เพอ่ื ให้บริษทั ประกนั ภยั เขา้ มาช่วยรบั ภาระในการเสย่ี งน้ี
2. ภัยที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นถ้าเกิดแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใดหากคาด ว่า
ภัยท่ีจะเกิดข้ึนน้ันไม่ได้ทาให้กิจการได้รับความเสียหายมากนัก หรือเป็นความเสียหายท่ีกิจการ
พอที่จะรบั ภาระเองได้ กจิ การอาจไมต่ ้องทาประกันวินาศภัยนนั้ เพยี งแต่จะตอ้ งเพ่ิมความ ระมัดระวัง
เพ่อื ไม่ให้เกดิ ภยั ขึ้น
3. ต้องพิจารณาทรัพย์ที่เอาประกันกับจานวนเงินที่เอาประกันซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์กับ
เบี้ยประกนั ดว้ ย
4. การติดตามทวงถามเอากรมธรรม์จากผู้รับประกันภัย เน่ืองจากว่ากรมธรรม์ประกันภัย
เป็นเอกสารสาคัญที่ผู้รับประกันภัยทาขึ้นเพ่ือแสดงการยอมรับเง่ือนไขของผู้เอาประกันภัย
ใน กรมธรรม์ประกันภัยจะมีลายมือช่ือของผู้รับประกันภัย หากผู้รับประกันภัยไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ผเู้ อาประกันภัยจะใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้
5. การพิจารณาตัวกรมธรรม์ให้ถูกต้องและครบถ้วนตามสัญญาและเป้าหมายของการเอา
ประกันวนิ าศภัยซึ่งการตรวจความถูกต้องของกรมธรรม์นี้เป็นหนา้ ที่หลกั ของผู้เอาประกันภยั ท่จี ะ ตอ้ ง
กระทา กรมธรรม์เป็นส่ิงที่เกิดขึ้นภายหลังจากท่ีผู้รับประกันภัยและผู้เอาประกันภัยได้ตกลง กันด้วย
วาจาเปน็ ท่ีเรียบร้อยแล้ว ดังน้ันกรมธรรม์ทไ่ี ด้รับจะต้องตรงกับคาเสนอของผู้เอาประกนั ภัย ท่ไี ด้เสนอ
ไว้แตแ่ รก
4. การเลอื กบริษทั รับประกนั
ปัจจุบันมนุษย์เร่ิมให้ความสาคัญกับการประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการประกันชีวิต หรือการ
ประกันวินาศภัย สาเหตุหลักน้ันมาจากการที่มนุษย์ต้องการสร้างความม่ันคงให้แก่ตนเอง ครอบครัว
และกจิ การ ตลอดจนมนุษย์เรม่ิ มคี วามรแู้ ละความเข้าใจเกย่ี วกับการประกันภัยมากขึน้ ความ ต้องการ
ในการทาประกนั จึงมีมากขึน้ ตามสาเหตตุ ่างๆ ทก่ี ลา่ วมาแล้ว
หลกั พิจารณาในการทาประกันภยั
ก่อนที่จะตัดสินใจทาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเพราะถูกชักชวนจากตัวแทน
ตัดสินใจจากการรับรู้ถึงความจาเป็นด้วยตนเอง หรือตัดสินใจเน่ืองจากต้องการสร้างหลักประกัน
ให้ชีวติ ผ้ทู จี่ ะทาประกนั ภยั มกั มีหลกั พิจารณาในการตดั สนิ ใจดงั ต่อไปน้ี
1. หลักของความมีส่วนได้ส่วนเสีย ก่อนตัดสินใจทาประกัน ผู้เอาประกันภัยจะต้อง
พิจารณาว่าตนเองนั้นมีส่วนได้เสียต่อสิ่งที่นาไปทาประกันน้ันแน่นอน และเม่ือเกิดภัยขึ้นจะได้รับ
การทดแทนอย่างคมุ้ คา่
2. หลักของความจาเป็น การประกันภัยแต่ละประเภทมีสาเหตุความจาเป็นในการทาท่ี
แตกต่างกันออกไป เช่น การประกันสุขภาพ การประกันอุบัติเหตุ จัดเป็นการประกันภัยที่มีความ
จาเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ท่ีควรทาไว้ การประกันอัคคีภัย อาจมีความจาเป็นต่อการทาสัญญากู้ยืม
ซึ่งหากผู้เอาประกันไม่ทาประกันอัคคีภัยให้ทรัพย์สินแล้วจะไม่ได้รับการอนุมัติการขอสินเชื่อ จาก
สถาบนั การเงิน เปน็ ต้น
3. มูลเหตุของความคุ้มครอง การประกันภัยมีผลต่อความคุ้มครองในทรัพย์สินหรือ ชีวิตท่ี
นาไปทาประกัน กล่าวคือหากเกิดภัยขึ้นต่อส่ิงที่นาไปทาประกันผู้รับประกันภัยจะคุ้มครอง ในรูปของ
การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ดังน้ันผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชีวิตหรือทรัพย์สินจึงตัดสินใจทา ประกันเพื่อ
ตอ้ งการไดร้ ับความคุ้มครองดังกล่าว
4. การได้รับการบริการ การได้รับบริการด้านข้อมูลให้ทราบถึงความจาเป็นของการ ประกัน
จากบริษัทประกันภัยหรือจากตัวแทน จะช่วยกระตุ้นให้มีความกระตือรือร้นและตัดสินใจทา ประกัน
ไดเ้ รว็ ขน้ึ
5. หลักของความเป็นกันเอง บางคร้ังผู้เอาประกันภัยตัดสินใจทาประกันเนื่องมาจาก ว่ามี
ความคุ้นเคยและสนิทสนมกับตัวแทน ทาให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกนั ตลอดจนมีความเช่ือ ม่ันว่าจะ
ได้รบั บริการทดี่ ี มคี วามคลอ่ งตัว และไดร้ ับความสะดวกสบายเมื่อตอ้ งการติดต่อในเรื่องตา่ งๆ
6. หลักของการออม มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการออมเงินส่วนหน่ึงเพ่ือความม่ันคง ใน
การดารงชีวติ ซึง่ การทาประกันภัยก็เป็นวธิ กี ารหนึ่งท่จี ะทาใหบ้ ุคคลไดม้ ีเงินออมสาหรับอนาคต
7. หลักของการเวนคืน ผู้เอาประกันภัยเห็นคุณค่าของการเวนคืนกรมธรรม์ที่จะได้รับ
ประโยชน์ และได้รับผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว ทาใหต้ ดั สนิ ใจทาประกันงา่ ยขน้ึ
8. การให้โอกาสกู้ยืมและการจ่ายเงินทดแทน ปัจจุบนั บริษัทประกันภัยไดส้ ร้างความ มน่ั ใจ
และให้รายละเอียดแก่ผู้เอาประกันภัยจนได้รับความพอใจ รายละเอียดเร่ืองหนึ่งท่ีผู้เอา ประกันภัย
ได้รับคือการให้บรกิ ารกยู้ ืมเงินตามระเบยี บของการประกนั จ่ายเงนิ ทดแทนโดยรัฐบาล
9. การขยายสาขาการบริการ ปัจจุบันบริษัทประกันภัยได้มีการขยายสาขาเพ่ือให้ บริการ
เป็นไปอย่างทั่วถึงทาให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความสะดวกสบายมากข้ึน และนอกจากน้ีการ ขยาย
สาขาของบริษัทแสดงถึงความมั่นคงของกิจการอันจะสร้างความเช่ือมั่นให้แก่ผู้เอาประกันภัย ได้ การ
ได้รับความสะดวกสบายในการบริการและความเชื่อมั่นในกิจการเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการ ตัดสินใจ
ทาประกันภยั ได้เปน็ อยา่ งดี
หลกั เกณฑใ์ นการเลอื กบรษิ ทั ประกนั ภยั
ปัจจุบันมีธุรกิจทด่ี าเนินกจิ การด้านการ ประกันภยั เป็นจานวนมาก แต่ละกิจการล้วนแลว้ แต่
สื่อสารให้ผู้เอาประกันภัยรับทราบถึงความมั่นคงของกิจการและความสามารถในการดูแลผู้เอา
ประกันภัยเมื่อเกิดภัยข้ึน ผู้เอาประกันภัยจะต้องตัดสินใจเลือกตามความเหมาะสมซ่ึงสิ่งท่ีจะต้อง นา
พิจารณาในการตัดสินใจเลอื กบรษิ ทั ประกนั ภัย มีดงั ตอ่ ไปนี้
1. ความเช่ือมั่นต่อกิจการ เป็นส่ิงหนึ่งท่ีผู้เอาประกันจะต้องนามาพิจารณาเพ่ือจะแน่ใจ ว่า
เมื่อเกิดภัยขึ้น บริษัทผู้รับประกันภยั จะสามารถร่วมรับผิดชอบในความเสียหายนั้นได้ ปัจจุบนั บริษัท
รับประกันภัยได้ตระหนักถึงความสาคัญในด้านนี้จึงได้มีการสื่อสารถึงผู้เอาประกันภัยใน เร่ืองของ
ความมีชื่อเสียงของกิจการ การดาเนินธุรกิจมานาน และความมั่นคงด้านฐานะการเงิน เช่น บริษัท
ไทยประกันภัย จากัด (มหาชน) มีการส่ือสารให้ประชาชนได้ทราบว่าสานักงานจัดการ ทรัพย์สินส่วน
พระองค์ และสานักงานพระคลังข้างที่ คือผถู้ ือหุน้ หลักของกจิ การ เปน็ ตน้
2. เงื่อนไขของกรมธรรม์ แต่ละบริษัทมีเง่ือนไขของกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่เหมือน กัน ไม่
ว่าจะเป็นผลตอบแทนการให้กู้ยืม ค่าเวนคืน และข้อยกเว้นต่างๆ ผู้เอาประกันจะต้อง พิจารณา
เปรยี บเทยี บหลายๆ กิจการเพอื่ หากจิ การทีใ่ หผ้ ลประโยชน์มากทสี่ ุด
3. ความสัมพันธ์ระหว่างเบี้ยประกันและความคุ้มครอง อัตราค่าเบี้ยประกันในความ
คุ้มครองเดียวกันของแต่ละบริษัทอาจไม่เท่ากัน เหล่าน้ีผู้เอาประกันจะต้องหาข้อมูลเพื่อการเปรียบ
เทียบจากหลายๆ กจิ การ เพอื่ จะไดท้ าประกันกับกจิ การท่เี รยี กเก็บคา่ เบยี้ ประกนั ที่ยุติธรรมทส่ี ุด
4. ความจาเป็นและความสามารถในการชาระเบี้ยประกัน ก่อนการทาประกันวินาศภัย ผู้
เอาประกันต้องพิจารณาถึงความจาเป็นที่จะต้องทาการประกันภัยทรัพย์สินน้ันว่ามีมากน้อยเพียง ใด
และจะคุ้มกบั ค่าเบี้ยประกนั ท่ีตอ้ งจ่ายหรือไม่ หากเป็นการประกันชีวิตก็ต้องพิจารณาใหเ้ หมาะ สมกับ
อายุความคุ้มครอง และความสามารถในการชาระค่าเบี้ยประกันตามที่บริษัทกาหนดไว้ใน เงื่อนไข
กรมธรรมป์ ระกนั ภัย
5. จานวนเบี้ยประกันและจานวนผู้เอาประกันภัยของกิจการ กิจการที่มีจานวนผู้เอา
ประกนั ภยั มาก หรอื มีจานวนรายรับจากเงนิ เบ้ยี ประกันจานวนมาก ยอ่ มมคี วามมั่นคงมากกวา่ กิจการ
ทีม่ จี านวนผเู้ อาประกันภัยน้อยหรือมรี ายรับจากการเก็บคา่ เบย้ี ประกนั น้อย
6. ผลการดาเนินกิจการ การพิจารณาผลการดาเนินงานของกิจการนั้นพิจารณาได้จาก งบ
กาไรขาดทุนของกิจการ ตลอดจนงบดุลของกิจการด้วย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ผู้เอาประกันภัย
สามารถดูได้จากการแสดงผลการดาเนินกิจการที่บริษัทเสนอต่อสาธารณชน และรายงานต่อ
กระทรวงพาณิชย์ ซ่งึ โดยปกติผ้เู อาประกนั ภัยมักเลือกทาประกนั กับบรษิ ทั ทีม่ ผี ลกาไรดี
7. การกาหนดความเสี่ยงภัยของบริษัท การกาหนดความเส่ียงภัยของบริษัทจะต้อง
ให้สัมพันธ์กับการกาหนดค่าเบี้ยประกัน หากไม่สัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น กิจการได้กาหนดภัยที่มี
ความเส่ียงสูงให้เก็บค่าเบี้ยประกัน้ต่า เช่นน้ีจะมีผลต่อผลการดาเนินงานของกิจการซ่ึงเป็นส่ิงที่ผู้
เอาประกันภยั จะตอ้ งพจิ ารณาดว้ ย
8. สถานภาพของบรษิ ัทประกนั ภัย การดาเนินกิจการประกนั ภยั จะต้องเปน็ ไปตาม ระเบียบ
ข้อบังคับตามที่ราชการกาหนด กิจการจะต้องมีความมั่นคง กล่าวคือมีจานวนทรัพย์สินมาก กว่า
จานวนหนส้ี นิ หากกิจการใดทฝี่ ่าฝนื บทบัญญัติ หยุดประกอบการโดยไมม่ เี หตุอันควร ประวงิ การจา่ ย
คา่ ทดแทนหรือการคืนเบยี้ ประกัน จะถูกเพกิ ถอนใบอนุญาต
9. การให้บริการของบริษัท ผู้เอาประกันภัยควรเลือกเอาประกันจากบริษัทผู้รับ ประกันภัย
ท่มี ีการให้บรกิ ารท่ีดี ไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งของการให้บริการขอ้ มูลข่าวสาร การให้ความ ชว่ ยเหลือด้านการ
รับส่งเอกสาร การบริการตอบข้อซักถาม การประเมินราคาทรัพย์ เป็นต้น ซ่ึง ข้อมูลเหล่าน้ีผู้เอา
ประกันภัยหาได้จากการสอบถามผู้เอาประกันภัยเดิม และการสังเกตจากความ กระตือรือร้นในการ
ให้บรกิ ารของตวั แทน
10. การหาผลประโยชน์ของบริษัท บริษัทผู้รับประกันซ่ึงมีรายได้จากการเก็บเบ้ีย ประกัน
จะต้องนาเงินส่วนหนึ่งส่งเป็นทุนสารองเข้ากองทุนตามกฎหมาย และอีกส่วนหนึ่งจะนาไป ลงทุนหา
ผลประโยชน์ ผู้เอาประกันภยั จะต้องเลือกพิจารณาเอาประกันจากบริษัทท่ีนาเงนิ ไปลงทุน ในลักษณะ
ท่ีไม่เสี่ยงจนเกินไป เพื่อความปลอดภัยและม่ันใจเมื่อถึงเวลาได้รับค่าสินไหมทดแทน หรือได้เงินคืน
เมอ่ื ครบอายสุ ญั ญา
แหล่งขอ้ มลู เกี่ยวกบั บริษทั ประกนั ภัย
การที่ผู้เอาประกันจะพิจารณาเลือกบริษัทผู้รับประกันน้ัน ผู้เอาประกันภัยจะต้องหาข้อมูล
เพือ่ ใหแ้ น่ใจว่าไดท้ าประกันกับบรษิ ัทประกันภยั ท่ีเหมาะสม แหลง่ ขอ้ มูลทีผ่ เู้ อาประกนั ภัยจะหาได้ น้ัน
มีดังน้ี
1. กรมการประกันภัย เป็นแหล่งข้อมูลท่ีเช่ือถือได้ ผู้เอาประกันภัยสามารถสอบถาม
รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยได้จากกรมการประกันภัยหรืออาจขอรับเอกสารเพ่ือนาไป
ศึกษารายละเอยี ดดว้ ยตนเอง
2. ตัวแทนขายประกัน ตัวแทนขายประกันเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบความรู้ จากกรมการ
ประกันภัย และผ่านการอบรมจากบริษัทประกันภัยมาแล้ว จึงจัดว่าเป็นแหล่งข้อมูลท่ีดีแหล่งหน่ึงท่ี
ผเู้ อาประกันภัยสามารถสอบถามเพอื่ การพิจารณาตัดสินใจได้
3. นายหน้าประกันภัย เป็นอีกแหล่งหนึ่งท่ีผู้เอาประกันสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท
ประกันภัยได้ แต่ต้องรับฟังข้อมูลด้วยความระมัดระวังเพราะบริษัทนายหน้าประกันภัยมักจะเป็น
บริษทั ในเครอื เสียมากกวา่ การรับฟงั ข้อมลู จากนายหน้าประกันภยั จงึ ไมเ่ ปน็ ทนี่ ิยมมากนัก
5. วธิ กี ารเอาประกันภยั
เมื่อตกลงว่าจะทาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีวิธีการขอเอาประกันต่อผู้รับประกันภัย โดย
แยกออกเป็นการขอประกันวินาศภัยและการขอประกันชวี ติ ดังนี้
การขอประกันวินาศภยั การขอเอาประกันวินาศภัยต่อบริษทั ผู้รับประกัน มีดงั นี้
1. แสดงความจานงขอเอาประกันภัยจากบริษัทผู้รับประกันภัย โดยอาจแสดงความจานง
โดยผา่ นตวั แทนประกันภยั
2. กรอกรายละเอียดของวัตถทุ เี่ อาประกนั ในแบบคาขอเอาประกนั จนครบถว้ น
3. กาหนดวงเงนิ ที่เอาประกนั และระยะเวลาของการประกันใหช้ ดั เจน
4. ระบบุ ุคคลผ้รู ับประโยชนใ์ ห้ชัดเจน
5. ระบแุ บบของการเอาประกันภยั พรอ้ มทง้ั เงื่อนไขตามท่ผี รู้ บั ประกนั ภัยกาหนด
6. หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับการประกันวินาศภัยจะต้องรีบแจ้งให้บริษัทผู้รับ
ประกันทราบโดยเรว็ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่น การเปล่ียนชื่อผ้รู ับประโยชน์ การเปล่ยี นชื่อ ท่ีอยู่
ของผู้เอาประกันภัย การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของส่ิงที่เอาประกัน การเปล่ียนแปลงรายการ ทรัพย์สิน
หรือการเปล่ียนแปลงที่อยู่ของทรัพย์สิน เป็นตน้
การขอประกนั ชีวิต การขอเอาประกนั ชีวติ มดี งั นี้
1. ติดต่อตัวแทนของบริษัทประกันภัย โดยต้องเป็นตัวแทนที่ผ่านการทดสอบของ กระทรวง
พาณิชยอ์ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. ฟังการอธิบายรายละเอียดต่างๆ จากตัวแทน พร้อมท้ังอ่านเง่ือนไขของผู้รับประกันที่
เสนอต่อลูกค้าให้เข้าใจ นอกจากน้ียังต้องศึกษาเก่ียวกับการแถลงความจริงต่างๆ เช่น สุขภาพของ ผู้
เอาประกันภยั ประวัติการเจบ็ ป่วย การแจ้งอายทุ ี่แทจ้ ริง การมีโรคประจาตวั เปน็ ต้น
3. ศึกษาข้อยกเว้นของผู้รับประกันภัยท่ีจะไม่ให้ความคุ้มครอง เช่น ภัยจากสงคราม ภัย
จลาจล ภัยจากกบฏปฏิวัติรัฐประหาร ซ่ึงหากความเสียหายหรือเสียชีวิตเกิดข้ึนจากภัยดังกล่าวจะ
ไมไ่ ดร้ ับคา่ สินไหมทดแทนแตจ่ ะไดร้ บั เบ้ยี ประกนั ที่สง่ ไปคืนเทา่ นัน้
4. กรณีของการเปลีย่ นตัวผู้รบั ประโยชน์ หากเป็นผู้สืบสันดาน สามี หรอื ภรรยาเพียงแต่ แจ้ง
ผู้รับประกันภัยก็เพียงพอแล้ว หากผู้รับประโยชน์เป็นบุคคลอื่นท่ีไม่ได้กล่าวข้างต้นต้องให้ผู้รับ
ประกนั ภยั เหน็ ชอบดว้ ย
5. เม่อื ตดั สินใจทาประกันชีวิต ส่ิงสาคญั ที่สดุ ที่จะต้องนามาพิจารณาคือความสามารถใน การ
ส่งเบี้ยประกัน ระยะเวลาเอาประกัน ความคุ้มครอง เง่ือนไขการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน และ
ผลตอบแทนคา่ เวนคืน
วิธกี ารเรียกรอ้ งเอาประกนั ภยั ตามสัญญา
เม่ือได้ทาประกันวินาศภัยหรือประกันชีวิตแล้ว หากเกิดความเสียหาย ทุพพลภาพหรือ
เสียชวี ิตข้ึนมา ผรู้ ับประโยชนห์ รือผเู้ อาประกันภัยจะต้องรบี แจ้งเหตุให้ผู้รับประกนั ภยั ทราบภายใน 15
วนั เพือ่ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หากผู้รบั ประกันภัยไมจ่ ่ายเงินให้ตามสญั ญา ผู้รับ ประโยชน์หรือผู้
เอาประกันภยั สามารถฟอ้ งร้องได้ แตต่ ้องกระทาภายใน 2 ปี นบั แตว่ ันเกดิ เหตุ
กรณีของการเรียกร้องสิทธิของผู้เสียหายซ่ึงเป็นบุคคลภายนอกที่เสียหาย โดยผู้เอา ประกันภัย
เป็นเหตุ บุคคลภายนอกน้ันสามารถเรียกร้องเอาจากผู้รับประกันภัยแต่จะเป็นจานวน เท่ากับท่ีผู้รับ
ประโยชนร์ บั ผดิ ชอบ หากความเสียหายนนั้ มมี ูลค่าเกินความรบั ผดิ ชอบของผูร้ ับ ประกันภัย ผู้เสยี หาย
ตอ้ งเรียกผู้เอาประกันภยั เขา้ มาในคดีด้วย