โคลงโลกนิติ * อ่านว่า โคลง - โลก-กะ-นิด หมายถึง ระเบียบเเบบแผนของโลก
โคลงโลกนิติ โคลงโลกนิติเป็นสุภาษิต เก่าเเก่ที่มีมาเเต่สมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ผู้ทรงให้ชำ ระตรวจสอบ ความถูกต้องของโคลงโลกนิติใหม่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศรเป็นผู้ชำ ระตรวจสอบ เเละเเต่งโคลงโลกนิติเพิ่มเติม
ประวัติผู้เเต่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ * กรมพระยาเดชาดิศร ประสูติเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖ เป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยกับเจ้าจอมมารดานิ่ม พระองค์ เป็นผู้รวบรวมโคลงโลกนิติ ของเก่าที่มีถ้อยคำ ผิดพลาด เเละทรงชำ ระเเก้ไขให้ถูกต้อง เเละพระองค์ก็ยังทรงนิพนธ์เพิ่มเติมด้วย
* วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สถานที่จารึกโคลงโลกนิติ อ่านว่า วัด-พระ-เชด-ตุ-พน-วิ-มน-มัง-คะ-ลา-ราม
ลักษณะคำ ประพันธ์ โคลงสี่สุภาพ
ลักษณะคำ ประพันธ์ โคลงสี่สุภาพ
บทนำ คำ ศัพท์ อัญขยม = ข้า, ข้าพเจ้า บรมนเรศร์ = ผู้เป็นใหญ่ กษัตริย์ รามวงศ์ = เชื้อสายหรือเผ่าพันธุ์ของพระราม ไผท = แผ่นดิน ไท้ = ผู้เป็นใหญ่ อัญขยมบรมนเรศร์เรื้อง รามวงศ์ พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้ แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำ โคลง ถอดความ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร เป็นผู้หนึ่ง ในราชวงศ์รามอันเจริญ (ราชวงศ์จักรี) พระผ่านเเผ่นไผท หมายถึง รัชกาลที่ ๓ มีพระราชประสงค์ เเสดงคำ สอนเหล่านี้ไว้เป็นพระเกียรติเเก่รัชกาลของพระองค์ มีเจตนาให้ประชาชนได้ทราบเรื่องราวทางโลกเเละทางธรรม
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง เป็นสุภษิตสาร สอนจิต กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ คำ ศัพท์ ครรโลง = แผลงมาจาก โคลง พร้อง = พูด , กล่าว , ร้อง สุภษิต = คติสอนใจ กลดั่งสร้อยสอดคล้อง = โคลงดังกล่าวมีค่าควรฟัง เวี่ยไว้ในกรรณ = เปรียบได้กับอาภรณ์หรือเครื่องประดับหู กรรณ = หู ถอดความ โคลงโลกนิตินี้เป็นของเก่าที่มาเเต่โบราณ เป็นคติสอนใจ โคลงดังกล่าวมีค่าควรฟังไว้ เปรียบเสมือนเครื่องประดับตกเเต่งร่างกายเเละหู
บทที่ ๓ คำ ศัพท์ พงศ์ = เชื้อสาย ถอดความ ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วย เช่นกันกับผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง พลอยมีเรื่องเดือดร้อนเสียหายไปด้วย ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา ได้แต่รายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ ใบคา
บทที่ ๔ คำ ศัพท์ เพริศ = งาม นักปราชญ์ = ผู้มีปัญญา ถอดความ ใบพ้อที่ห่อหุ้มด้วยไม้กฤษณาย่อมจะติดกลิ่นหอมของไม้กฤษณาไปด้วย เช่นเดียวกันกับการคบคนดีย่อมนำ ซึ่งความสุข ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา หอมระรวยรสพา เพริศด้วย คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์ ความสุขซาบฤๅม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม ใบพ้อ ไม้กฤษณา
บทที่ ๙ คนพาลผู้บาปแท้ ทุรจิต ไปสู่หาบัณทิต ค่ำ เช้า ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ บ่ซาบ ใจนา คือจวักตักข้าว ห่อนรู้รสแกง คำ ศัพท์ ทุรจิต = จิตใจชั่ว บัณฑิต = ผู้มีปัญญา เนืองนิตย์ = เสมอ ๆ ถอดความ คนเลวที่แม้คบคนดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ยังไม่สามารถปรับปรุงตัวได้ เป็นเสมือนจวักตักแกงที่แม้จะอยู่ในหม้อแกงแต่ไม่อาจรู้รสของแกงได้
บทที่ ๑๑ หมูเห็นสีหราชท้า ชวนรบ กูสี่ตีนกูพบ ท่านไซร้ อย่ากลัวท่านอย่าหลบ หลีกจาก กูนา ท่านสี่ตีนอย่าได้ วากเว้วางหนี คำ ศัพท์ สีหราช = พญาราชสีห์ วากเว้ = หลบหายไป ถอดความ หมูพบเจอราชสีห์แล้วไม่คิดกลัว กลับท้าให้มาสู้กัน เพราะมีสี่เท้าเหมือนกัน อย่าคิดหนี
บทที่ ๑๒ คำ ศัพท์ ทรชาติ = ผู้ที่มีกำ เนิดไม่ดี ดนู = ข้าพเจ้า นาศ = ความเสื่อม , การทำ ลาย ถอดความ ราชสีห์จึงว่าเจ้าหมูชาติชั่ว คิดจะมาสู้กับตนทั้งที่ตัวหมูนั่นแหละที่ จะต้องตาย แต่ตนจะยอมให้หมูชนะเพราะรังเกียจความสกปรกต่ำ ช้าของ หมูจนไม่อยากเข้าใกล้ สีหราชร้องว่าโอ้ พาลหมู ทรชาติครั้นเห็นกู เกลียดใกล้ ฤๅมึงใคร่รบดนู มึงนาศ เองนา กูเกลียดมึงกูให้ พ่ายแพ้ภัยตัว
บทที่ ๑๓ กบเกิดในสระใต้ บัวบาน ฤๅห่อนรู้รสมาลย์ หนึ่งน้อย ภุมราอยู่ไกลสถาน นับโยชน์ ก็ดี บินโบกมาค้อยค้อย เกลือกเคล้าเสาวคนธ์ คำ ศัพท์ มาลย์ = ดอกไม้ ุ ภุมรา = ภมร, แมลงผึ้ง, แมลงภู่ เสาวคนธ์ = กลิ่นหอม ถอดความ กบเกิดมาใต้ใบบัวบานในสระน้ำ ไม่เคยได้ลิ้มรสดอกบัวแม้สักนิดหนึ่ง แมลงภู่อาศัยในถิ่นไกลนับโยชน์ ค่อยๆบินมาได้เชยชมรสหอมหวาน ของดอกบัว
บทที่ ๑๕ ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม คือสัปปุรุษสอนตาม ง่ายแท้ ไม้ผุดั่งคนทราม สอนยาก ดัดก็หักแหลกแล้ ห่อนรื้อโดยตาม คำ ศัพท์ ไม้ค้อม = ต้นไม้ที่มีกิ่งน้อมลงมา สัปปุรุษ = คนที่มีความเห็นชอบตามทำ นองคลองธรรม ่ ห่อน = เคย ถอดความ ต้นไม้ที่น้อมกิ่งลงก็มีลูกผลน้อมลงตามจนดูงามด้วย เหมือนคนดีย่อม สอนให้ดีตามได้ง่าย ผิดกับคนไม่ดีที่สอนยากเหมือนไม้ผุ ถ้าจะตัดก็มีแต่จะหักไป ไม่โอนอ่อนตาม
* บทที่ ๒๒ นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย เลื้อยบ่ทำ เดโช แช่มช้า พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี คำ ศัพท์ นาคี = งู สุริโย = พระอาทิตย์ เดโช = อำ นาจ ฤทธี = เเรงอำ นาจ ถอดความ งูใหญ่มีพิษร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์ แต่กลับเลื้อยช้า ๆ ไม่อวดความยิ่งใหญ่ แมงป่องมีพิษน้อยนิดกว่าแต่กลับอวดเบ่งวางท่าว่าตนนั้นร้ายนักเปรียบเหมือน คนมีดีจริงย่อมไม่อวดตัว แต่คนไม่เก่งมักชอบวางตัวโอ้อวด
บทที่ ๒๓ คำ ศัพท์ ทั่ง = แท่งเหล็ก ซึ่งช่างใช้รองรับการตีโลหะบางชนิด อุทก = น้ำ ถอดความ คนที่มีความหมั่นเพียรแม้ทำ กิจการใดที่ยากก็ย่อมสำ เร็จ แต่คนเกียจคร้านทำ สิ่งใดไม่สำ เร็จเหมือนกับการตักน้ำ ในตะกร้า ความรู้ผู้ปราชญ์นั้น รักเรียน ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร ผ่ายหน้า คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน วนจิต กลอุทกในตระกร้า เปี่ยมล้นฤๅมี ทั่ง
บทที่ ๒๕ คำ ศัพท์ สาธุชน = คนดี ทุรชน = คนชั่ว ทรชน = คนชั่ว ถอดความ คนดีย่อม รักษาคำ พูดของตน พูดอย่างไรทำ อย่างนั้น ส่วนคนชั่ว จะไม่รักษาคำ พูด พูดอย่างหนึ่งทำ อีกอย่างหนึ่ง นักปราชญ์เปรียบวาจาของคนดีเหมือนงาช้าง ส่วนวาจาของคนชั่วเหมือน หัวเต่าที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ เชื่อถือไม่ได้ งาสารฤๅห่อนเหี้ยน หดคืน คำ กล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น ทุรชนกล่าวคำ ฝืน คำ เล่า หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน
บทที่ ๒๗ มิตรพาลอย่าคบให้ สนิทนัก พาลใช่มิตรอย่ามัก กล่าวใกล้ ครั้นคราวเคียดคุมชัก เอาโทษ ใส่นา รู้เหตุสิ่งใดไซร้ ส่อสิ้นกลางสนาม คำ ศัพท์ เคียด = เคือง, โกรธ ถอดความ อย่าคลุกคลีชิดใกล้กับเพื่อนที่เป็นคนเลวให้มากนัก เพราะคนเลวจะ ไม่มีความเป็นเพื่อน นึกเคืองโกรธเราเมื่อใดก็จะหาเรื่องเรา รู้ความลับใดของเราก็จะเอาไปเปิดเผยให้คนอื่นๆรู้หมด
บทที่ ๔๐ คำ ศัพท์ สุริย = พระอาทิตย์ เพลิง = ไฟ ถอดความ ห้ามไฟไม่ให้มีควันออกมา ห้ามพระอาทิตย์และพระจันทร์ ไม่ให้ส่อง แสง ห้ามอายุให้ย้อนกลับคืนใหม่ ห้ามให้สิ่งเหล่านี้ได้แล้ว จึงสามารถ ห้ามคนไม่ให้นินทา ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้ ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา
บทที่ ๕๕ เว้นวิจารณ์ว่างเว้น สดับฟัง เว้นที่ถามอันยัง ไป่รู้ เว้นเล่าลิขิตสัง- เกตว่าง เว้นนา เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ ปราชญ์ได้ฤๅมี คำ ศัพท์ สดับ = ตั้งใจฟัง ลิขิต = เขียน, กำ หนด ไป่ = ไม่ ถอดความ ผู้ที่ละเลยไม่ "ฟัง " ไม่ " คิด " ไม่ " ถาม " ไม่ " เขียน " (หัวใจนักปราชญ์ ๔ คือ สุตะ จินตะ ปุจฉา ลิขิต) ก็มิอาจเรียกได้ว่าเป็นปราชญ์ผู้มีปัญญา รอบรู้
บทที่ ๕๗ คำ ศัพท์ ไป่ = ไม่ ชเล = ทะเล, ในนํ้า สมุทร = ทะเลลึก ถอดความ คนที่ตำ หนิคนอื่นว่ามีความรู้น้อย แต่หลงตัวเองว่ามีความรู้มาก เหมือนกับกบที่อยู่ในบ่อน้ำ ไม่เคยออกไปดูมหาสมุทร ก็หลงระเริงว่าน้ำ ในบ่อนี้มีปริมาณมาก รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร ชมว่าน้ำ บ่อน้อย มากล้ำ ลึกเหลือ
* บทที่ ๖๘ เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้ เสียรู้เร่งดำ รง ความสัตย์ ไว้นา เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา คำ ศัพท์ ศักดิ์ = อำ นาจ, ความสามารถ,ฐานะ วงศ์ = เชื้อสาย ความสัตย์ = ความจริง มรณา = ตาย ถอดความ ถ้าจะต้องเสียเงินเพื่อรักษาซึ่งศักดิ์ศรีแห่งวงศ์ตระกูลก็นับว่าสมควร และถ้าจะเสียศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ความรู้ก็สมควรเช่นกัน และถ้าจะต้องเสียความรู้เพื่อความซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม แต่ถ้าต้องเสียความซื่อสัตย์ ควรจะยอมตายไปเลยดีกว่า
* บทที่ ๗๖ คำ ศัพท์ คณนา = นับ หยั่ง = วัดดูเพื่อให้รู้ตื้นลึก ถอดความ มหาสมุทรที่ลึกและกว้างใหญ่เกินจะประมาณ โดยหากนำ สายวัด ทิ้งลง ไปเพื่อวัดความลึกของทะเล นั้นสามารถที่จะวัดได้ ภูเขาที่สูงมาก สามารถมีวิธีวัด แต่จิตใจของคน ไม่สามารถวัดหรือหยั่งรู้ ได้ พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้ เขาสูงอาจวัดวา กำ หนด จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง คน-นะ-นา
บทที่ ๘๗ รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง คำ ศัพท์ ชง = กลียด ถอดความ คนรักกันแม้จะอยู่ไกลกันมาก แต่ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กันหรือเข้าใจ กันได้ ส่วนคนที่ เกลียดกันแม้จะอยู่เผชิญหน้ากัน แต่ก็เหมือนอยู่ไกลกัน หรือมีสิ่งใดมาขวางกั้นให้ไม่เข้าใจความรู้สึกกัน
บทที่ ๘๘ ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง นบท่านท่านจักปอง นอบไหว้ รักท่านท่านควรครอง ความรัก เรานา สามสิ่งนี้เว้นไว้ แต่ผู้ทรชน คำ ศัพท์ ทรชน = คนชั่ว ถอดความ สำ หรับคนดีนั้น... เมื่อใครเคยให้อะไรแก่เขา คนดีนั้นจะหาโอกาสตอบแทนเสมอ เมื่อใครไหว้เขา คนดีนั้นจะไหว้ตอบเสมอ เมื่อใครรักเขา คนดีนั้นจะรักตอบเสมอ เเต่ทั้งสามสิ่งนี้คนที่ไม่ดีจะไม่ทำ
บทที่ ๑๐๓ ผจญคนมักโกรธด้วย ไมตรี ผจญหมู่ทรชนดี ต่อตั้ง ผจญคนจิตโลภมี ทรัพย์เผื่อ แผ่นา ผจญอสัตย์ให้ยั้ง หยุดด้วยสัตยา คำ ศัพท์ ผจญ = พยายามต่อสู้, พยายามเอาชนะ ยั้ง = หยุด สัตยา = ความจริง อสัตย์ = ไม่ซื่อสัตย์ ถอดความ พยายามเอาชนะผู้ที่มีอารมณ์โกรธด้วยการผูกไมตรี เอาชนะความชั่วด้วย การทำ ความดีตอบ เอาชนะคนที่มีจิตเห็นแก่ตัวด้วยการเผื่อแผ่ทรัพย์ให้ และเอาชนะความไม่ซื่อสัตย์ด้วยความซื่อสัตย์
บทที่ ๑๑๖ ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์ คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้ เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต- มานา โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา คำ ศัพท์ อาตมา = ตัวเอง ถอดความ ความรู้มีค่ามากกว่าทรัพย์ เพราะความรู้จะอยู่กับเราไปจนตาย โจรจะปล้นไปก็ปล้นไม่ได้ ให้หมั่นใฝ่เรียนรู้
บทที่ ๑๓๐ สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ * บาปเกิดแก่ตนคน เป็นบาป บาปย่อมทำ โทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง คำ ศัพท์ * ขร้ำ = ขร้ำ . เป็นคำ โทโทษของคำ ว่า " คร่ำ " แปลว่า เก่ามาก ถอดความ สนิมเหล็กเกิดจากการกัดกร่อนตัวเองจนเป็นสนิม ความชั่ว ความมัว หมองต่าง ๆ เกิดจากการกระทำ ของคน ทำ สิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น
บทที่ ๑๗๑ โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น โทษตนเท่าภูผา หนักยิ่ง ป้องปิดคิดซ่อนเร้น เรื่องร้ายหายสูญ คำ ศัพท์ เพี้ยง = เท่า, เสมอ, เหมือน ถอดความ ธรรมชาติของคนมักจะมองเห็นแต่ความผิดของผู้อื่น ขณะเดียวกันความ ผิดพลาดของตนแม้ใหญ่หลวงก็พยายามปกปิด
บทที่ ๑๗๘ ราชาธิราชน้อม ในสัตย์ อำ มาตย์เป็นบรรทัด ถ่องแท้ ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์ ทุกเมื่อ เมืองดั่งนี้เลิศแล้ ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์ ถอดความ สังคมใดก็ตามที่มีผู้นำ และข้าราชการอยู่ในศีลธรรม ซื่อสัตย์ ประชาชนย่อมอยู่อย่างสงบสุข คำ ศัพท์ เพี้ยง = เท่า, เสมอ, เหมือน สัตย์ = ความจริง ศรี = ความรุ่งเรือง ราชาธิราช = พระราชา สวัสดิ์ = ความดี ความงาม เปรมปรีดิ์ = อิ่มอกอิ่มใจ อำ มาตย์ = ข้าราชการ
* บทที่ ๑๘๕ นกน้อยขนน้อยเเต่ พอตัว รังเเต่งจุเมียผัว อยู่ได้ มักใหญ่ย่อมหาคนหวัว ไพเพิด ทำ เเต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน คำ ศัพท์ หยัน = เยาะ, เย้ย ถอดความ นกตัวน้อยก็มีขนน้อยพอดีกับตัว รังก็สร้างให้อยู่กันเเค่พ่อเเม่นก ถ้าทำ อะไรเเบบเกินตัวก็ไม่มีใครยกย่อง ทำ อะไรให้ทำ เเต่พอดี อย่าให้ ใครมาหัวเราะเยาะภายหลัง
บทที่ ๑๘๖ เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน อุตส่าห์พยายาม การกิจ เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำ กิน คำ ศัพท์ อุตส่าห์ = ความพยายาม, ความขยัน เยี่ยง = แบบอย่าง ถอดความ เมื่อเห็นผู้อื่นมั่งมีกว่าก็ไม่ควรอยากมีอยากได้ตามคนอื่น แม้จะยากจนก็ให้หมั่นทํา มาหากิน อย่าเกียจคร้านและท้อแท้
บทที่ ๒๑๔ คนใดละพ่อทั้ง มารดา อันทุพพลชรา- ภาพแล้ว ขับไล่ไป่มีปรา- นีเนตร คนดั่งนี้ฤๅแคล้ว คลาดพ้นภัยยัน คำ ศัพท์ ทุพพล = มีกำ ลังน้อย, อ่อนแอ เเคล้ว = คลาด, รอดไป, พ้นไป ถอดความ บุคคลใดก็ตามที่ละเลย ละทิ้งการดูแลบิดามารดา ที่ชราภาพ หรือ ทุพพลภาพ ย่อมนำ มาซึ่งภัยอันตรายสู่ตัวเอง
บทที่ ๒๓๑ คุณเเม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร คำ ศัพท์ พ่าง = เพียง ศิขรา = ยอดเขา สาคร = แม่น้ำ , ทะเล เมรุมาศ = ที่เผาศพ พสุธา = แผ่นดิน ถอดความ สอนให้ระลึกถึงพระคุณของบิดามารดาและครู โดยกล่าวเปรียบว่า พระคุณของมารดานั้นยิ่งใหญ่ เปรียบได้กับแผ่นดิน พระคุณของบิดา เล่าก็กว้างขวางเปรียบเทียบได้กับอากาศ พระคุณของพี่นั้นสูงเท่ากับ ยอดเขาพระสุเมรุ และพระคุณของครูบาอาจารย์ก็ลํ้าลึกเปรียบได้กับ แม่นํ้าในแม่นํ้าทั้งหลาย
* บทที่ ๒๘๒ ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ โฉดฉลาดเพราะคำ ขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน คำ ศัพท์ ชลธาร = สายน้ำ , ห้วงน้ำ สันดาน = นิสัยที่มีมาแต่กำ เนิด โฉด = โง่ เรื้อ = เรียกข้าวเปลือกที่ตกอยู่แล้วงอกขึ้นจนออกรวงอีก เเสลง = ไม่ถูกกับโรค ถอดความ ก้านบัวสามารถบอกความตื้นลึกของน้ำ ได้ฉันใด กิริยามารยาทของคนก็ ใช้บ่งบอกถึงการอบรมเลี้ยงดูได้ฉันนั้น คำ พูดก็สามารถบ่งบอกให้รู้ถึง ระดับสติปัญญาได้ เช่นเดียวกับหย่อมหญ้าที่เหี่ยวแห้งย่อมบอกให้รู้ว่า ดินในบริเวณนั้นไม่สมบูรณ์มีความแห้งแล้ง
บทที่ ๓๑๒ โคควายวายชีพได้ เขาหนัง เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้ คนเด็ดดับสูญสัง- ขารร่าง เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ายกับดี ถอดความ สัตว์อย่างวัวหรือควายเมื่อตายไปแล้วยังทิ้งเขา กระดูกหนังไว้ให้ทำ ประโยชน์ได้ ส่วนคนสิ่งที่จะทิ้งไว้เบื้องหลังความตายให้คนกล่าวถึง ก็คือ ความดีหรือความชั่วเท่านั้น คำ ศัพท์ สังขาร = ร่างกาย
บทที่ ๓๙๒ น้ำ ใช้ใส่ตุ่มตั้ง เต็มดี น้ำ อบอ่าอินทรีย์ อย่าผร้อง น้ำ ปูนใส่เต้ามี อย่าขาด น้ำ จิตอย่าให้ข้อง ขัดน้ำ ใจใคร คำ ศัพท์ อินทรีย์ = ร่างกายและจิตใจ ผร้อง = มาจากคำ ว่า พร่อง เเปลว่า ยุบไปหรือลดลงไปจาก เดิม เช่น น้ำ ในโอ่งพร่องไป เป็นคำ โทโทษ ถอดความ เป็นคำ แนะนำ ของคนโบราณให้เห็นความสำ คัญของน้ำ ต่างๆ ได้แก่ น้ำ ที่ใช้ กิน ใช้อาบ ควรใส่ตุ่มไว้ให้เต็ม น้ำ อบที่ใช้ลูบไล้ร่างกายก็อย่าให้พร่องขาด น้ำ ในเต้าปูนสำ หรับกินกับหมากอย่าให้ขาด และน้ำ ใจซึ่งควรมีอยู่อย่าทำ ให้ผิดใจ กับผู้อื่น
* บทที่ ๔๐๗ เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้ เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์ หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา คำ ศัพท์ อาตม์ = ตน ตัวตน ถอดความ สอนเรื่องการคบเพื่อน ให้รู้จักระมัดระวัง อย่าประมาทเพราะเพื่อนในคราที่มี ความสุขนั้นหาง่ายมาก แต่เพื่อนที่ไปมาหาสู่ในครามีทุกข์นั้นหายากยิ่ง
บทที่ ๔๑๗ อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยะส่องดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง คำ ศัพท์ ศศิ = ดวงจันทร์ ุ สุริย = พระอาทิตย์ ดารา = ดาว เกลอ = เพื่อนสนิท ดาษ = มากมาย เกลื่อนกลาด ถอดความ คนที่พูดจาอ่อนหวานย่อมมีเพื่อนมาก เหมือนกับ ดวงจันทร์ (ศศิ) ที่มี ดาวมารายรอบ ส่วนคนพูดจากระด้างหยาบคาย ย่อมไม่มีใครคบเหมือน ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ ที่ทําให้ดวงดาวลับหาย
เก็งข้อ ข้ สอบ
เก็งข้อ ข้ สอบ
เก็งข้อ ข้ สอบ