The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Pro1 (ชลธิชา ชื่นกลิ่น รหัส 210)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chonticha2942, 2021-10-07 10:21:00

210-แบบบันทึกสังเกตการสอน1

Pro1 (ชลธิชา ชื่นกลิ่น รหัส 210)

แบบบนั ทกึ การฝึกปฏบิ ัตวิ ชิ าชีพระหว่างเรยี น 1

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

ช่ือ-นามสกุล นางสาวชลธชิ า ชนื่ กลิน่
รหัสประจาตวั นักศกึ ษา 61115200210

สาขาวชิ าคณติ ศาสตร์

ชือ่ โรงเรยี น บางระจนั วิทยา
สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาเขต 5

อาเภอบางระจัน จงั หวัดสิงหบ์ รุ ี

ฝา่ ยฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู
คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเทพสตรี

คานา

เอกสารฉบบั นี้เป็นคู่มือประกอบการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 1 เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฝึก
ประสบการณ์วิชาชีพครู เพ่ือให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจวิชาชีพครู ซ่ึงได้แก่ กระบวนการการ
เรียนการสอน หลักสูตร ระบบการบริหารงานการศึกษาในโรงเรียนและได้ทางานร่วมกับผู้อ่ืน ซึ่งกิจกรรม
เหลา่ นี้จะสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถของนกั ศึกษาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 1 เป็นการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเพ่ือเตรียมความพร้อมก่อน
ออกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาโดยการสังเกตสภาพท่ัวไปของโรงเรียน พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
งานในหน้าท่ีครูผู้สอน ครูประจาช้ัน การศึกษางานด้านการบริหารและบริการ สภาพชุมชนและความสัมพันธ์
ระหว่างโรงเรยี นกบั ชมุ ชน

โดยเอกสารฉบับน้ีไดม้ ีการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดการบันทึกงานที่ต้องฝึกปฏิบัติต่าง ๆ ให้สอดคล้อง
กับบริบทสถานการณ์ปัจจุบันในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ซึ่งทาให้นักศึกษาไม่
สามารถฝึกปฏิบัติฯ ในสถานศึกษาได้ และให้ปรับมาใช้การฝึกปฏิบัติผ่านระบบออนไลน์เพ่ือทดแ ทน
กระบวนการตา่ ง ๆ

หวังว่าเอกสารฉบับน้ีคงให้ประโยชน์ในการเรียนรู้และเข้าใจในวิชาชีพครูก่อนที่จะออกฝึกปฏิบัติงาน
วิชาชีพครูในข้ันตอ่ ไป

ฝ่ายฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครู
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เทพสตรี

สารบญั หนา้

เรอื่ ง 1
2
การฝกึ ปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 1 3
จุดประสงคข์ องการฝกึ ปฏบิ ัติวิชาชีพระหวา่ งเรียน 1 4
ขอ้ เสนอแนะในการฝึกและการใช้เอกสาร 5
การประเมนิ ผลการฝกึ ปฏบิ ัติวชิ าชีพระหวา่ งเรยี น 1 6
เกณฑ์ในการประเมินผลการฝึกปฏิบตั วิ ชิ าชพี ระหว่างเรียน 1 12
ปว.1-1 แบบบันทึกการสังเกตสภาพท่ัวไปของโรงเรยี น 16
ปว.1-2 แบบบันทึกการปฏิบตั ิ 17
ปว.1-3 แบบบนั ทึกการจัดการเรยี นรู้ (สมั ภาษณ์ครูพี่เลยี้ ง) 25
ปว.1-4 แผนการจดั การเรียนรู้ 31
ปว.1-5 โครงร่างการวจิ ัยในชนั้ เรยี น 32
ปว.1-6 แบบประเมินการปฏบิ ัตติ นของนักศึกษา 33
ปว.1-7 แบบประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้ 38
ปว.1-8 แบบประเมนิ ดา้ นคุณภาพการจดั การเรียนการสอน 39
ภาคผนวก
- แบบลงเวลาฝกึ ปฏบิ ตั ิวชิ าชพี ระหวา่ งเรยี น 1

1

การฝึกปฏบิ ัติวิชาชพี ระหว่างเรียน 1

มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี เป็นมหาวิทยาลัยท่ีทาหน้าท่ีผลิตครูให้กับโรงเรียน
ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในท้องถน่ิ เขตรับผิดชอบ 3 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี และสิงห์บุรี
การผลิตครใู หม้ ีคุณภาพสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ครูได้เป็นอย่างดี และมีจิตวิญญาณของความเป็น
ครูข้ึนอยู่กับกระบวนการผลิต ซึ่งได้แก่ กระบวนการเรียนการสอนหลักสูตร การฝึกประสบการณ์
วชิ าชพี ครู และกระบวนการประเมนิ ผล

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเป็นกิจกรรมท่ีเป็นหัวใจสาคัญของการผลิตครู ในช่วงที่ฝึก
ประสบการณ์ วิชาชีพครู นักศึกษาจะมีโอกาสนาความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพครู และวิชา
เฉพาะท่ีศึกษาในมหาวิทยาลัยไปฝึกปฏิบัติในช้ันเรียน นอกจากน้ียังได้เรียนรู้เก่ียวกับระบบการ
บริหารงานการศึกษาในโรงเรียนและได้ทางาน ร่วมกับบุคคลอ่ืนกิจกรรมเหลานี้ช่วยให้นักศึกษาได้
พัฒนาตนเองให้มีทักษะในวิชาชีพ จนสามารถปฏิบัติหน้าท่ีครู ได้อย่างมั่นใจและมีเจตคติท่ีดีต่อ
วิชาชีพ งานวิจัยหลายเรื่องท้ังในและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่านักศึกษาที่ประสบความสาเร็จใน
การฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครจู ะมเี จตคตทิ ีด่ ีตอ่ วิชาชีพครแู ละแนวโน้มจะเป็นครูทด่ี ีในอนาคต

จากแผนหลักการปฏิรูปการฝึกหัดครู พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ความสาคัญ
กับการฝึก ประสบการณ์วิชาชีพครู เพราะเป็นกลไกสาคัญยิ่งในการสร้างบัณฑิตครูที่ดี มีเจตคติท่ีดี
ต่อวิชาชีพครู สถาบันฝึกหัดครูควรจะต้องปรับปรุงและพัฒนางานฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ให้
เอ้ืออานวยต่อการเรียนรู้งานครู จากครูที่เป็นแบบอย่างท่ีมีในโรงเรียนและชุมชน นอกจากนี้ควรจะ
พัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการฝึกหัดครูให้เปิดกว้างสู่ชุมชนขยายความร่วมมือระหว่าง
มหาวิทยาลัย ขยายแหล่งเรียนรู้ แหล่งวิทยากร และแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูอย่าง
กว้างขวาง

2

จดุ ประสงคข์ องการฝึกปฏิบัติวิชาชพี ระหว่างเรียน 1

1. เพ่ือใหน้ กั ศึกษามคี วามพร้อมกอ่ นออกปฏิบัติการสอนในสถานศกึ ษา
2. เพ่ือให้นักศึกษาได้ศึกษาสังเกตสภาพทั่วไปของโรงเรียนทั้งด้านการเรียนการสอน ด้าน
สถานท่แี ละดา้ นกิจกรรม
3. เพื่อให้นักศึกษาได้บูรณาการความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูใน
สถานศึกษา
4. เพื่อใหน้ ักศกึ ษาไดศ้ กึ ษาและฝกึ ปฏิบัตกิ ารวางแผนการศึกษาผู้เรียนโดยการสังเกต
5. เพอ่ื ให้นกั ศึกษาไดส้ ัมภาษณ์งานในหนา้ ที่ของครูผู้สอน งานในหนา้ ที่ของครปู ระจาช้ัน
6. เพอ่ื ให้นักศกึ ษาไดศ้ ึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ลักษณะความแตกต่างและ
พฤตกิ รรมของผเู้ รียน งานบริหารและบริการของโรงเรียน
7. เพื่อใหน้ ักศึกษาไดท้ ดลองเขยี นแผนการจดั การเรยี นรวู้ ชิ าเอก การฝึกเปน็ ผชู้ ว่ ยครูด้านการ
จัดการเรยี นรู้หรอื สนับสนนุ การจดั การเรียนรู้ งานธุรการชั้นเรียน
8. เพ่ือให้นักศึกษาได้ออกแบบการวิจัยในชั้นเรียนตามบริบทของสาขาวิชาที่ศึกษา เพื่อ
เตรยี มความพร้อมในการนาไปศกึ ษาวิจยั จริงเมื่อสามารถฝึกปฏบิ ัตวิ ชิ าชีพ ในสถานศกึ ษาได้ตามปกติ
9. เพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษาไดท้ าการทดลองสอนในสถานการณ์จาลองผ่านระบบออนไลน์ และมีครูพ่ี
เล้ยี งใหค้ าแนะนาเพ่ือปรับปรุงพัฒนาการสอนของนักศึกษา เพอ่ื เตรียมความพร้อมก่อนไปทาการสอน
จรงิ ในสถานศึกษา

3

ขอ้ เสนอแนะในการฝกึ และการใชเ้ อกสาร

การประกอบวิชาชีพให้เกิดประสิทธิผล ไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ในภาคทฤษฎีความรอบรู้ในด้าน
วชิ าการเท่าน้ัน ท่ีสาคัญยง่ิ กว่าอ่ืนใดคือการฝึกภาคปฏิบตั อิ ยา่ งจริงจงั และต่อเน่ือง

วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ครูเป็นผู้รับผิดชอบ “ชีวิต” ของมนุษย์ เช่นเดียวกับแพทย์มี
หน้าที่รักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ แต่ครูนอกจากให้ชีวิตเหล่านั้นมีความรู้ สามารถ
อยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข มีคุณธรรม เป็นพลเมืองดีของชาติแล้วยังต้องพัฒนาให้เขาเหล่าน้ันมี
คุณภาพชีวติ ดว้ ย

นกั ศกึ ษาแพทย์ทุกคนต้องฝึกในโรงพยาบาลเป็นระยะๆ อย่างต่อเน่ืองฉันใดนักศึกษาครูย่อม
ฝกึ ในโรงเรียนในสถานการณจ์ ริงฉนั นัน้ การฝึกประสบการณ์วิชาชพี ครูตามหลักสูตรนับเป็นโอกาสดีท่ี
ได้เสริมสร้างคุณภาพในวิชาชพี ของตน

ข้อเสนอแนะต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาและการพัฒนากระบวนการฝึกปฏิบัติ
วิชาชพี ระหวา่ งเรียน และการปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษาอยา่ งยงิ่ คือ

1. ศกึ ษาเอกสารโดยตลอดทาความเขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตามข้นั ตอนของสิง่ ท่ีตอ้ งจัดทาตามแบบ
รายงาน

2. เขา้ ปฐมนิเทศชีแ้ จงการดาเนินงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ที่กาหนดมอบหมายไว้
3. ปฏบิ ัตงิ านเปน็ ข้ันตอนตามกาหนดการ
4. บนั ทกึ ลงในแบบฟอรม์ ตา่ งๆ ตามลาดบั อย่างครบถ้วน
5. ให้ผู้รับผิดชอบลงชื่อในแบบบันทึกแต่ละแบบตามลาดับ (เป็นลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ได้
แตต่ อ้ งมภาพประกอบการทากิจกรรมตา่ ง ๆ กบั ครูพ่ีเลี้ยงประกอบในภาคผนวกด้วย)
6. ให้ผู้รับผิดชอบประเมินผลการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน เมื่อฝึกปฏิบัติวิชาชีพ
ระหว่างเรยี นและบนั ทึกการปฏบิ ัติงานครบถ้วนตามกาหนด
7. หลงั จากโรงเรยี นประเมินผลการฝกึ ปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียนโดยครูพ่ีเล้ียงแล้ว ฝ่ายฝึก
ประสบการณ์วิชาชีพครูและอาจารย์ผู้สอนจะประเมินผลคร้ังสุดท้ายหลังจากครบกาหนดเวลาการ
ปฏิบตั งิ านวชิ าชีพครู

4

การประเมนิ ผลการฝกึ ปฏิบัติวชิ าชพี ระหวา่ งเรียน 1

การประเมินผลการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน ประเมินตามรายวิชาท่ีฝึกทุกปีการศึกษา
นกั ศกึ ษาต้องผ่านการฝึกเป็นข้ันตอนตามลาดับ หากไม่ผ่านในข้ันตอนใดต้องซ่อมเสริมให้ “ผ่าน” จึง
ฝกึ ในข้นั ตอ่ ไปได้

การประเมินผลการปฏิบัติงานวิชาชีพครู เป็นการประเมินผลท่ีครอบคลุมท้ังคุณลักษณะ
ความเป็นครูและเทคนคิ วธิ ี โดยมีผ้ปู ระเมนิ ท้ังฝา่ ยมหาวทิ ยาลัยและโรงเรียน

ในการประเมินผลการฝึกประสบการณ์ขั้นศึกษาสังเกตและมีส่วนร่วม นับต้ังแต่ปีการศึกษา
2542 เป็นต้นไป จะเปล่ียนระบบการประเมินผลจาก ผ่านดีเยี่ยม, ผ่าน, ไม่ผ่าน เป็น
ระบบการประเมนิ แบบใหเ้ กรดคอื A, B+, B, C+, C, D+, D และ E

ประเภทของแบบประเมิน
แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน หรือ ปว. มีท้ังหมด 8 ชุด แบ่งเป็น 2

ประเภท คอื
1. สาหรบั นักศกึ ษา ปว.1-1 ถึง ปว.1-5 โดยมีรายละเอียด ดงั นี้
ปว.1-1 แบบบนั ทกึ การสังเกตสภาพทัว่ ไปของโรงเรยี น
ปว.1-2 แบบบันทกึ การปฏิบตั ิงาน
ปว.1-3 แบบสมั ภาษณก์ ารจัดการเรยี นรู้
ปว.1-4 แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน
ปว.1-5 โครงรา่ งการวิจัยในช้นั เรยี น
นกั ศึกษามหี นา้ ท่ีบันทกึ ผลการศึกษาสังเกตให้ถูกต้องตามความเป็นจริง หลังจากน้ัน

ใหค้ รพู เี่ ล้ียงและอาจารย์นเิ ทศกล์ งชอ่ื รับรอง
2. สาหรบั ครพู ่ีเลี้ยงและอาจารย์ผสู้ อน ปว.1-6 ถงึ ปว.1-8 โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี
ปว.1-6 แบบประเมินการปฏิบตั ติ นของนักศึกษา (โดยครูพเี่ ลย้ี ง)
ปว.1-7 แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ (โดยครูพเ่ี ลย้ี ง)
ปว.1-8 แบบประเมนิ ดา้ นคุณภาพการจดั การเรยี นการสอน (โดยครูพเ่ี ลยี้ ง)
ครพู เ่ี ลี้ยงทาการประเมินตามแบบฟอรม์ แลว้ สง่ ให้กับนักศึกษาเพื่อทาการรวบรวมใส่

ในเลม่ แบบบันทกึ การฝึกปฏบิ ตั วิ ชิ าชีพระหวา่ งเรยี น 1

5

เกณฑใ์ นการประเมนิ ผลการฝกึ ปฏบิ ัตวิ ิชาชีพระหวา่ งเรียน 1

1. คะแนน ปว.1-6 ถึง ปว.1-8 ซึ่งได้รับการประเมินจากครูพี่เลี้ยงประจาโรงเรียนหน่วยฝึก

ประสบการณ์วชิ าชีพครู

2. คะแนนจากการประเมินของอาจารย์ผู้สอนรายวิชาฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 1 ซึ่ง

ประกอบด้วย คะแนนจากแบบบันทึกการปฏิบัติงานของนักศึกษา แผนการจัดการเรียนรู้ งานวิจัยใน

ช้ันเรียน การมีส่วนร่วมในช้ันเรียน การนาเสนอ บุคลิกภาพ และการแต่งกาย การใช้วาจา กิริยา

ทา่ ทาง และความรบั ผดิ ชอบ

3. แนวทางการให้คะแนนรายวิชาการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน 1 กาหนดเกณฑ์การ

ใหค้ ะแนน ดังน้ี

3.1 อาจารย์ผ้สู อน รวม 60 คะแนน

3.1.1 แบบบันทึกปฏบิ ตั งิ านของนักศึกษาในภาพรวม 30 คะแนน

3.1.2 โครงรา่ งงานวิจัยในชนั้ เรยี น 10 คะแนน

3.1.3 การมสี ว่ นร่วมในการจัดการเรียนการสอน 10 คะแนน

3.1.4 พฤติกรรมการเรียนของนักศกึ ษา 10 คะแนน

3.2 ครพู เ่ี ลยี้ ง รวม 40 คะแนน

3.2.1 แบบประเมินการปฏบิ ตั ิตนของนักศกึ ษา 10 คะแนน

3.2.2 แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ 10 คะแนน

3.2.3 แบบประเมินการจัดการเรยี นรู้ 20 คะแนน

รวมทง้ั สิน้ 100 คะแนน

4. นาคะแนนจากข้อ 1 และ 2 มารวมกันแล้วประเมินเปน็ เกรดโดยมเี กณฑ์ ดงั นี้

คิดจากคะแนนเตม็ 100 คะแนน

คะแนน 90 – 100 ไดร้ ะดับ A

คะแนน 85 – 89 ได้ระดับ B+

คะแนน 80 – 84 ได้ระดับ B

คะแนน 75 – 79 ได้ระดับ C+

คะแนน 70 – 74 ไดร้ ะดับ C

คะแนน 65 – 69 ไดร้ ะดบั D+

คะแนน 60 – 64 ได้ระดับ D

คะแนน 0 – 59 ได้ระดบั E

6

ปว.1-1

แบบบันทกึ การสงั เกตสภาพทว่ั ไปของโรงเรยี น

คาช้แี จง ให้นักศกึ ษาบันทกึ ขอ้ มูลการศกึ ษาและสงั เกตสภาพทัว่ ไปตามความเป็นจริงของสถานศึกษา
ลงในช่องว่างตามหัวข้อทกี่ าหนด

1. โรงเรยี น บางระจันวทิ ยา สังกัด สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 5

ทตี่ ง้ั หมู่ 3 ตาบล สิงห์

อาเภอ บางระจัน จงั หวดั สิงหบ์ รุ ี

รหัสไปรษณยี ์ 16130 โทรศัพท์ 036591470

โทรสาร 036591470

2. คติพจน/์ ปรชั ญาของโรงเรียน/วิสยั ทัศน์ของโรงเรยี น

คติพจน์ : คติพจน์ : ปญญฺ า โลกสฺมิ ปชโฺ ชโต ปญั ญาเป็นแสงสวา่ งแหง่ โลก

ปรชั ญา : ใฝเ่ รียน ใฝร่ ู้ คู่คุณธรรม

วสิ ยั ทัศน์ : คณุ ธรรมนาความรู้ ม่งุ สูค่ ณุ ภาพผูเ้ รียน รักชาติ รกั ความเปน็ ไทย ออกกาลังกายเป็นนิจ

ดาเนนิ ชวี ิตใช้หลกั เศรษฐกิจพอเพียง ชมุ ชนมสี ่วนร่วม รวมใจพฒั นาครู กา้ วหน้าสู่เทคโนโลยี

3. ชอ่ื ผู้บริหารโรงเรียน นายวิชาญ การะเกตุ

รองผอู้ านวยการโรงเรยี น นางสาวปรัศนยี า วณิกสมั บญั

ฝ่ายวิชาการ นายสุรพล มาคลา้ ย

ฝา่ ยปกครอง รองผู้อานวยการปรศั นยี า วณกิ สัมบญั

ฝ่ายธุรการ รองผูอ้ านวยการปรศั นียา วณกิ สัมบญั

ฝา่ ยบริการ นายอนรุ ักษ์ ภักดีรกั ษ์

ฝ่ายกิจการ รองผอู้ านวยการปรัศนียา วณิกสมั บัญ

4. บุคลากร

4.1 ครอู าจารย์

ระดับการศึกษา จานวน รวม
ชาย หญงิ

ปริญญาเอก 01 1

ปริญญาโท 8 15 23

ปรญิ ญาตรี 10 23 33

ป.กศ.สูงหรือเทียบเทา่ 00 0

ครูอัตราจ้าง 11 2

ธุรการ -2 2

รวม 20 42 64

7

4.2 คนงาน มีท้ังหมด 6 คน หญิง 5 คน ชาย 1 คน

4.3 นกั เรยี น มีทัง้ หมด 1049 คน หญงิ 547 คน ชาย 502 คน

แยกตามลาดบั ขนั้ ตา่ ง ๆ ได้ดังน้ี

ระดบั ชั้น จานวนหอ้ ง จานวนนักเรียน
หญงิ ชาย รวม

1. อนุบาล 1 - ---

2. อนบุ าล 2 - ---

3. อนุบาล 3 - ---

4. ประถมศึกษาปที ่ี 1 - ---

5. ประถมศึกษาปีท่ี 2 - ---

6. ประถมศึกษาปีท่ี 3 - ---

7. ประถมศึกษาปที ี่ 4 - ---

8. ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 - ---

9. ประถมศึกษาปที ่ี 6 - ---

10. มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 6 92 121 213

11. มัธยมศึกษาปีที่ 2 5 96 92 188

12. มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 5 100 111 211

13. มธั ยมศึกษาปีที่ 4 4 99 57 156

14. มัธยมศึกษาปที ่ี 5 5 81 60 141

15. มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 4 79 61 140

รวม 29 547 502 1049

สรุปอัตราส่วนระหว่างจานวนครูอาจารย์ต่อจานวนนักเรียน โดยประมาณ คือ ครูอาจารย์ 1 คน

ต่อนักเรียน 8 คน

5. อาคารสถานที่

5.1 ห้องเรยี น มที ้ังหมด 32 ห้อง

5.2 ห้องพกั ครูอาจารย์ มที ัง้ หมด 8 ห้อง

5.3 หอ้ งสง่ เสริมวิชาการ มที ัง้ หมด 15 ห้อง คือ ห้องวิชาการ

6. สภาพแวดล้อม

6.1 สถานที่สาคญั ท่ีอยู่ใกลโ้ รงเรยี น ได้แก่

เตาเผาแม่น้าน้อย โรงงานน้าตาลสิงห์บุรี อนุสาวรีย์วีรชนชาวบ้านบางระจัน แม่น้าน้อย

ไปรษณยี ไ์ ทย อาเภอบางระจนั สถานีตารวจอาเภอบางระจัน ตลาดสดไมต้ ดั และวดั มว่ งชุม

6.2 สถานทใี่ กล้เคียงโรงเรียนที่เปน็ แหล่งวทิ ยาการสง่ เสรมิ การจัดการเรยี นการสอน

เตาเผาแม่น้านอ้ ย อนุสาวรีย์วีรชนชาวบ้านบางระจัน และวดั ม่วงชมุ

8

7. สภาพของนักเรยี น
7.1 สภาพครอบครวั (อาชพี ฐานะทางเศรษฐกจิ )
อาชีพของผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ทานา ทาไร่อ้อย ค้าขาย รับจ้าง

ฐานะทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับปานกลาง และมีผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนที่ทางานโรงงาน
อุตสาหกรรมทจ่ี งั หวัดใกล้เคยี ง
7.2 พฤติกรรมนักเรียน

นกั เรยี นสว่ นใหญ่พฤติกรรมดีและมีมารยาทเรียบร้อย แต่งกายเรียบร้อย กล้าแสดงออก
มีความสามารถหลากหลาย
8. ภาระหน้าทขี่ องครูผู้สอน

8.1 ครปู ระจาช้นั
หน้าที่ของครูผู้สอน คือ สารวจการมาโรงเรียนของนักเรียน ติดตามผลการเรียนของ

นักเรียนจากครูประจาวิชา เอาใจใส่ตรวจตราการทางานของนักเรียน เป็นท่ีปรึกษาให้กับนักเรียนใน
เรื่องการเรียน ทุกขส์ ุขสวสั ดกิ าร พรอ้ มทัง้ ให้คาแนะนาที่ดีแก่นักเรียน ส่งเสริม สนับสนุนการทาความ
ดหี รอื ตามความสามารถของนักเรียนแต่ถ้าจะทาโทษควรทาโทษอย่างมีเหตุผล และครูประจาช้ันต้อง
ติดต่อกับผู้ปกครองของนักเรยี นในเร่ืองการเรียนเพอื่ แจง้ ความประพฤติอยู่เสมอ

8.2 งานอืน่ ๆ
นอกจากทาหน้าท่ีสอนแล้วครูผู้สอนต้องทาผลงาน ทาวิจัยในชั้นเรียน ทางานฝ่าย

วิชาการตา่ งๆ และทาเอกสารเดินเร่อื งต่าง ๆ เพ่ือเป็นการพัฒนาตนเองและโรงเรยี น

9. แผนผังแสดงบริเวณและทีต่ ้งั ของโรงเรยี น

9

10. ประวตั โิ รงเรียน

โรงเรียนบางระจันวิทยา ต้ังขึ้นคร้ังแรกเม่ือ วันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ณ ตาบลไม้ตัด
อาเภอบางระจนั จงั หวดั สิงหบ์ ุรี โดยการริเริม่ ของ นายเพียรศักด์ิ นิสัยสุข ผู้แทนราษฎรจังหวัดสิงห์บุรี
ในสมยั น้นั รว่ มกับพระมหาเปือ้ น กสิ ิคโุ ณ (หลวงพ่อพระครรู ตั นาธาร) เจ้าอาวาสวัดมว่ งชุม และมีนาย
ริน ฉิมพาลี เป็นครูใหญ่คนแรก ใช้โรงน้าร้อนในวัดม่วงชุมเป็นสถานที่เรียน และดาเนินการก่อสร้าง
อาคารเรียนชั่วคราว ด้วยเงินบริจาคของผู้ปกครองนักเรียน เสร็จแล้วทาพิธีเปิดป้ายเมื่อ วันที่ 17
พฤษภาคม พ.ศ. 2500 วันท่ี 30 สิงหาคม ท.ศ. 2500 ได้ทาพิธีวางศิลาฤกษ์ สร้างอาคารเรียนถาวร
เป็นครั้งแรก โดยอาคารหลังแรกเป็นตึกสองช้ัน 10 ห้องเรียน ใช้เป็นห้องเรียน 8 ห้อง อีก 2 ห้อง ใช้
เป็นห้องครูใหญ่และห้องธุรการ อาคารเรียนหลังแรกนี้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 8 ปีโดยใช้เงินทั้งส้ิน
537,600 บาท สรา้ งเสร็จแลว้ มพี ธิ ีเปิดอาคารเรียน เมอ่ื วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2508 มนี ายสน่ัน สุมิตร
ซ่ึงเป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษาในสมัยนั้นเป็นประธ านวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2519
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยุบ โรงเรียนบางระจัน (ประถมปลาย) ซ่ึงตั้งอยู่ตาบลสิงห์ อาเภอ
บางระจัน มีนายฉลอม ขวัญเมือง เป็นครูใหญ่ และได้รวมทรัพย์สินเป็นของโรงเรียนบางระจันวิทยา
เน่ืองจากที่ตาบลสิงห์มีพ้ืนที่มากกว่าตาบลไม้ดัด ปีการศึกษา 2522 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดสอน
ในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ปีการศึกษา 2528 ได้รับอนุมัติให้เปิดหน่วยการเรียนเคล่ือนท่ี ณ ตาบลสระแจง อาเภอบางระจัน
จงั หวดั สิงหบ์ ุรจี านวน 1 แห่ง

ปกี ารศกึ ษา 2532 ได้ยา้ ยโรงเรียนทีต่ าบลไมต้ ัด และตาบลสงิ ห์รวมกนั เป็นแหง่ เตียว จนถึงปัจจุบัน
อย่ทู ตี่ าบลสิงห์ และไดร้ ับงบประมาณ 4,310,000 บาท ให้กอ่ สร้างอาคารเรียนแบบ 216 ล (ปรับปรุง
29) จานวน 1 หลัง แต่งบประมาณนอ้ ย จึงตดั ทอนอาคารเรียน เหลอื เพยี ง 12 หอ้ ง

ปีงบประมาณ 2536 ได้รับงบประมาณให้ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 216 ล (ปรับปรุง 29) จานวน
1 หลงั รวม 16 หอ้ งเรยี น

ปงี บประมาณ 2538 ไดร้ ับงบประมาณก่อสร้างหอประชุมแบบ 100/27 จานวน 1 หลัง และหอถัง
ประปา สูง 12 เมตร ความจุ 18 ลูกบาศกเ์ มตร จานวน 1 ถัง

ปงี บประมาณ 2543 ได้งบประมาณสรา้ งอาคารอุตสาหกรรมจานวน 1 หลงั
ปงี บประมาณ 2551 ไดง้ บประมาณสร้างอาคาร สปช 105/29 จานวน 1 หลัง 4 ห้อง
ปงี บประมาณ 2551 ไดง้ บประมาณสรา้ งอาคาร สพฐ 1 จานวน 1 หลัง 15 หอ้

10

11. ขอ้ มลู โรงเรียนดีเด่น
รางวลั
1. สถานศึกษาแบบอย่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ ละการบริหารจดั การตามหลักปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ประจาปกี ารศึกษา 2555 ระดบั ประเทศ
2. โรงเรยี นตน้ แบบ "การพัฒนาคณุ ธรรมนาวชิ าการ ตามหลกั ความดีพนื้ ฐานสากล" ใน

โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรยี นในฝันและโรงเรียนมาตรฐานสากล ปกี ารศกึ ษา 2556
ระดับประเทศ
3. สถานศึกษาทส่ี ่งเสริมการยกระดบั ผลสมั ฤทธข์ิ องนักเรียน ในโครงการประเมินและพัฒนา

สู่ความเปน็ เลิศทางด้านคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ (TEDET) ประจาปี 2559 ระดบั ประเทศ
4. โรงเรยี นใหก้ ารสนับสนุนการดาเนินงานปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดสงิ หบ์ รุ ี

โครงการอบรมขยายเครือข่าย ศอ.ปส.ย. และขบั เคล่อื นกจิ กรรมตน้ ไมค้ วามตีในพื้นท่ีภาค 1 ปี 2558
ระดับภาค

5. โรงเรยี นไดร้ ับรางวลั เสมา ป.ป.ส. ประเภทผลงานดเี ดน่ ระดับเงนิ โครงการสถานศึกษาสี
ขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ปีการศกึ ษา 2559 ระดับประเทศ

6. โรงเรยี นเข้าร่วมโครงการโรงเรยี นปลอดขยะ (Zero Waste School) ปี 2561 ผา่ นระดับ
ดเี ยยี่ มระดบั ภาค

7. โรงเรยี นได้รบั รางวลั ระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน ประจาปี2561 ประเภท
สถานศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนกลาง ระดับเหรยี ญทอง ระดบั ภาค

11

แผนภูมโิ ครงสรา้ งการบรหิ ารของโรงเรยี น

ลงชือ่ ผ้บู นั ทึก
(นางสาวชลธิชา ช่ืนกลนิ่ )

วนั ท่ี 20 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2564

ลงช่อื ครูพีเ่ ลี้ยง
( นายวฒุ ศิ กั ดิ์ โพธดิ์ ี )

วันที่ 20 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2564

12

ปว.1-2

แบบบันทกึ การปฏิบัติงาน

คาช้ีแจง ให้นักศึกษาบันทึกผลการปฏิบัติงานในสถานศึกษาผ่านระบบออนไลน์ทุกครั้งท่ีปฏิบัติงาน
ตามทก่ี าหนดให้

วันจันทร์ ที่ 6 เดือน กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏิบัต/ิ ทไี่ ด้ สงิ่ ทีไ่ ด้รับจากการ ลงชื่อ
เรียนรู้ ปฏบิ ตั งิ านนี้ ครูพเ่ี ล้ยี ง

1. สังเกตการณ์สอน 1.สังเกตวิธีการสอน ใน 1.เรียนรู้วิธีการสอนท่ี

ช้นั ม.5/1 และ ม.5/3 สถานการณ์ที่ยากต่อการ สามารถควบคุมความ

ควบคมุ ส น ใ จ ข อ ง นั ก เ รี ย น ใ ห้ มี

ความกระตอื รือร้น

วนั องั คาร ที่ 7 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการทป่ี ฏบิ ัติ/ท่ไี ด้ สิ่งท่ีได้รับจากการ ลงชื่อ
เรียนรู้ ปฏิบตั งิ านนี้ ครูพ่เี ล้ียง

1. สังเกตการณ์สอน 1.สั ง เ ก ต เ ท ค นิ ค ก า ร 1.เรียนรู้วิธีการนาเข้าสู่

ชนั้ ม.5/3 และ ม.5/2 นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น บทเรียนทกั ษะและวิธีการ

2.เ รี ย น รู้ ก า ร ส อ น ที่ ใ ช้

โปรแกรมตา่ งๆ

วนั พธุ ที่ 8 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการท่ีปฏบิ ตั ิ/ท่ีได้ สง่ิ ทีไ่ ดร้ บั จากการ ลงช่ือ
เรียนรู้ ปฏิบัตงิ านนี้ ครพู ี่เล้ยี ง

1. สงั เกตการณ์สอน 1.สังเกตพฤติกรรมการ 1.เ รี ย น รู้ ก า ร วิ ธี ก า ร

ชน้ั ม.5/2 ม.5/1 และ เ รี ย น อ อ น ไ ล น์ ข อ ง ควบคุมนักเรียนในช้ัน

ม.5/3 นกั เรียน เรยี น

2.สังเกตการเช่ือมโยง 2.เ รี ย น รู้ วิ ธี ก า ร ย ก

บทเรียนต่างๆให้เข้ากับ เหตุการณ์และตัวอย่างให้

เหตุการณ์ นั ก เ รี ย น เ ห็ น ภ า พ แ ล ะ

เขา้ ใจได้มากขึ้น

13

วนั พฤหสั บดี ท่ี 9 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการท่ปี ฏบิ ัต/ิ ทไี่ ด้ สง่ิ ทไ่ี ดร้ บั จากการ ลงชื่อ
เรยี นรู้ ปฏิบตั ิงานน้ี ครูพ่เี ล้ียง

1. สงั เกตการณ์สอน 1.สังเกตวิธีการสอน กับ 1.เรียนรู้การออกแบบ ลงชือ่
ครูพี่เลี้ยง
ชั้น ม.5/3 ม.6/1 และ เรอื่ งทีม่ เี นอื้ หาทย่ี าก วิ ธี ก า ร ส อ น ท่ี ท า ใ ห้

ม.5/2 นา่ สนใจ

2.เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี

ในการเรียนการสอน

3.เ รี ย น รู้ ก า ร ท บ ท ว น

บทเรียนต่างๆก่อนเร่ิม

สอน

วนั ศกุ ร์ ที่ 10 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏบิ ตั /ิ ทไ่ี ด้ ส่ิงทไ่ี ดร้ ับจากการ
เรียนรู้ ปฏิบัติงานนี้

1. สังเกตการณ์สอน 1.สังเกตการรับฟังปัญหา 1.เรียนรกู้ ารเปิดโอกาสใน

ชน้ั ม.5/1 ม.6/2 ของนักเรยี น การตอบคาถาม

2.เรียน รู้กา รใช้ คาท่ี มี

ความสุภาพและเหมาะสม

3.เรียนรู้การให้คาแนะนา

กั บ นั ก เ รี ย น ท่ี มี ปั ญ ห า

ทางดา้ นการเรียน

วันจนั ทร์ ท่ี 13 เดือน กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏิบตั /ิ ทไ่ี ด้ สง่ิ ทีไ่ ดร้ บั จากการ ลงชอ่ื
เรยี นรู้ ปฏบิ ตั ิงานนี้ ครพู เ่ี ล้ยี ง

1. สังเกตการณส์ อน 1.สังเกตการใช้คาพูดที่ 1.เรียนรู้การเปิดโอกาสใน

ชั้น ม.5/1 ม.5/3 สภุ าพและน่าฟัง การตอบคาถาม

2.เรียน รู้กา รใช้ คาที่ มี

ความสุภาพและเหมาะสม

14

วนั องั คาร ที่ 14 เดือน กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏิบัติ/ท่ีได้ สิ่งทไ่ี ด้รับจากการ ลงช่อื
เรียนรู้ ปฏบิ ัติงานนี้ ครพู ี่เลี้ยง

1.สังเกตการณส์ อนช้นั 1.สั ง เ ก ต ก า ร ใ ช้ สื่ อ ที่ 1.เรียนรู้การดูแลเอาใจใส่

ม.5/1 ม.5/3 และ ม. นา่ สนใจ นักเรยี น

5/2 2.เรียนรู้การใช้คาพูดท่ีมี

ความสภุ าพนุน่ นวล

3.เรียนรู้วิธีการสอนท่ีไม่

จ า เ จ แ ล ะ ก า ร ส ร้ า ง

กจิ กรรมต่างๆ

วนั พธุ ที่ 15 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏบิ ัต/ิ ทไี่ ด้ สิ่งท่ไี ด้รบั จากการ ลงชอื่
เรยี นรู้ ปฏิบตั งิ านนี้ ครูพเี่ ล้ยี ง

1. ทดลองสอนชั้น ม. 1.สอนเรื่องกฎของโคไซน์ 1.นกั เรียนมีความสนใจใน ลงชื่อ
ครูพ่เี ล้ยี ง
5/2ม.5/1 และ ม.5/3 และไซน์ ชว่ งเวลาท่สี นั้

2.นกั เรยี นให้ความร่วมมือ

(ตอบคาถาม)

3.นักเรียนมีข้อสงสัยแต่

ไม่กลา้ ซกั ถาม

วันพฤหัสบดี ท่ี 16 เดือน กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการที่ปฏิบตั ิ/ที่ได้ สิ่งทไ่ี ด้รบั จากการ
เรียนรู้ ปฏิบัติงานน้ี

1. สังเกตการณส์ อน 1.สั ง เ ก ต ก า ร ส อ น ท่ี 1.เรียนรู้การออกแบบ

ช้นั ม.5/3 ม.6/1 และ ก ร ะ ตุ้ น ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม กจิ กรรมในการสอน

ม.5/2 กระตอื รือร้น 2.เรียนรู้ในการสร้างเสียง

หั ว เ ร า ะ แ ล ะ เ รื่ อ ง ท่ี

น่าสนใจนอกเหนือจาก

เนือ้ หาที่เครง่ เครยี ด

15

วันศกุ ร์ ท่ี 17 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการทีป่ ฏบิ ตั ิ/ท่ีได้ ส่ิงทไ่ี ด้รบั จากการ ลงชอ่ื
เรียนรู้ ปฏบิ ัตงิ านน้ี ครูพเ่ี ล้ยี ง

1. สังเกตการณ์สอน 1.สังเกตการแก้ปัญหาใน 1.เรียนรู้การแก้ปัญหา ลงช่อื
ครพู ่ีเลย้ี ง
ช้ัน ม.5/1 ม.6/2 ช้ันเรยี น เฉพาะหน้า

2.สังเกตการเตรียมความ 2.เรียนรู้การเตรียมความ

พร้อม พรอ้ มก่อนเขา้ สอน

3.สังเกตการจัดการเวลา

ให้เหมาะสม

วนั จนั ทร์ ท่ี 20 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2564

งาน รายการทปี่ ฏิบัติ/ทไ่ี ด้ ส่งิ ท่ไี ดร้ ับจากการ
เรยี นรู้ ปฏบิ ตั งิ านนี้

1. สังเกตการณ์สอน 1.สังเกตการสอนในเรื่อง 1.เรียนรกู้ ารเปิดโอกาสใน

ช้ัน ม.5/1 ม.6/1 ม. ข อ ง ก า ร รั บ ฟั ง ค ว า ม การตอบคาถาม

5/3 และ พบครูพ่ี คดิ เห็นต่างๆ 2.เรียน รู้กา รใช้ คาท่ี มี

เลีย้ ง ความสภุ าพและเหมาะสม

ลงช่ือ ผูบ้ ันทึก
(นางสาวชลธิชา ชน่ื กล่นิ )

ลงชือ่ ครพู เ่ี ล้ยี ง
(นายวฒุ ิศกั ด์ิ โพธ์ิด)ี

16

ปว.1-3

แบบสัมภาษณก์ ารจัดการเรียนรู้ (สัมภาษณ์ครพู ่เี ลยี้ ง)
ชื่อ นายวฒุ ศิ กั ด์ิ สกุล โพธ์ิดี

โรงเรยี นบางระจนั วทิ ยา อาเภอบางระจนั จังหวัดสิงห์บุรี

คาชแ้ี จง ใหน้ กั ศกึ ษาสมั ภาษณก์ ารจัดการเรยี นรู้ของครูพ่เี ลี้ยงและบนั ทึกลงในช่องว่างท่ีกาหนด

1. ท่านสอนกีร่ ายวชิ า วิชาอะไรบ้าง จานวนก่ชี ่ัวโมงต่อสัปดาห์
ขา้ พเจา้ ทาการสอนรายวชิ าคณิตศาสตร์พืน้ ฐาน จานวน 10 ชั่วโมง/สปั ดาห์และวิชา

คณิตศาสตรเ์ พ่มิ เตมิ จานวน 7 ชว่ั โมง/สัปดาห์
2. ปญั หาท่พี บในรายวชิ าที่สอน มีอะไรบ้าง

การส่ือสารกับผู้เรียน เนื่องจากการเรียนในช่วงนี้เป็นการเรียนออนไลน์จึงเกิดปัญหาส่ือสาร
ไม่ตรงกนั ทาใหน้ กั เรียนทาให้นักเรียนเขา้ เรยี นไม่เต็มจานวนและสง่ การบา้ นไม่ครบ ไมต่ รงกาหนด
3. ท่านได้ดาเนนิ การแกไ้ ขอย่างไร/มเี ทคนิคใดในการดาเนนิ การแกไ้ ข

ข้าพเจ้าดาเนินการแก้ไขโดยศึกษาสื่อท่ีน่าสนใจและดึงดูความสนใจ รวมถึงการบรรยายกับ
ส่อื สไลด์ท่ีเหมาะสม และการส่งงานทีเ่ อื้ออานวยกับนกั เรียน
4. ท่านมขี ้อเสนอแนะอยา่ งไรในการดาเนนิ การจดั การเรยี นรู้ หรืองานดา้ นอน่ื ๆ

ขอ้ เสนอแนะในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ขา้ พเจ้าเหน็ วา่ ความพร้อมของครูเป็น
ความสาคัญอยา่ งยิง่ หากครูไมม่ ีความพรอ้ มในการเตรียมเน้อื หา ผลที่ได้กจ็ ะทาใหน้ กั เรียนไมส่ ามารถ
เรยี นร้ไู ด้ตามวตั ถุประสงค์ท่ตี ้ังไว้
5. ท่านมีการแลกเปล่ียนเรยี นรูร้ ะหว่างเพื่อนครหู รอื ไม่อย่างไร (PLC) ถา้ มที ่านดาเนินการ
อยา่ งไร และผลการดาเนนิ การเปน็ อย่างไร

ขา้ พเจา้ ไดม้ ีการแลกเปลยี่ นการเรยี นรกู้ ับเพ่ือนครู โดยดาเนินประชุมสะท้อนถึงปญั หาต่างๆ
ท่ีพบ และช่วยกันหาวิธีการแก้ปญั หา โดยใชน้ วัตกรรมเข้ามาชว่ ยซึ่งนวัตกรรมท่ีได้นนั้ ประสบ
ความสาเร็จเป็นอย่างมาก และไดน้ านวัตกรรมท่ีไดน้ ้นั ไปใชใ้ นครูท่านอ่ืน

17

ปว.1-4

แผนการจัดการเรียนรู้

รหสั วชิ า ค 32201 วชิ าคณติ ศาสตร์สาระเพิม่ เติม3 กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์

ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ปีการศึกษา 2564
แผนการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ เวลา 3 ช่ัวโมง

ผสู้ อน นางสาวชลธชิ า ชนื่ กล่นิ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1.vผลการเรียนรู้

1. อธบิ ายวธิ กี ารและหาความยาวด้านและมุมของรูปสามเหลีย่ ม ใด ๆ เม่อื กาหนดความยาว

ด้านบางดา้ นและมุมบางมมุ ให้ โดยใช้กฎของโคไซน์และไซน์

2. อธิบายวธิ กี ารและประยุกต์กฎของโคไซน์และไซน์ และแสดงวิธีในการแกป้ ัญหาใน

ชวี ติ ประจาวันได้

2. สาระสาคัญ

กฎของโคไซนแ์ ละไซน์

การใชต้ รีโกณมิติคานวณหาความยาวของด้าน และขนาดของมมุ รูปสามเหลย่ี มมุมฉาก

แล้วยังสามารถใช้ตรีโกณมติ ิคานวณหาความยาวของด้าน และขนาดของมุมของรูปสามเหล่ียมใดๆ ได้

อกี กฎทใี่ ช้ในการคานวณเรยี กวา่ กฎของโคไซน์ และ กฎของไซน์

กฎของโคไซน์

กฎของไซน์

18

การใช้กฎของโคไซน์และไซน์
1.ใชส้ าหรบั หาความยาวของด้านๆ หน่งึ ทเี่ หลือของรูปสามเหลี่ยม หลังจากที่ทราบความยาว

ของด้านสองดา้ น และทราบขนาดของมมุ ซึง่ อยู่ระหว่างดา้ นท้งั สอง
2. ใชส้ าหรบั หาขนาดของมมุ ของรปู สามเหลี่ยม หลังจากท่ีทราบความยาวของด้านทั้งสาม

ดา้ น ซึง่ สรุปเป็นสูตรไดด้ ังนี้

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ด้านคุณลักษณะ (A)
มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ีที่
หาความสัมพันธ์ของกฎของ นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ ไดร้ ับมอบหมาย มีความ
ละเอียดรอบคอบและทางาน
โคไซน์และกฎของไซน์ได้ ตีความหมาย แกป้ ญั หาและมี อยา่ งเปน็ ระบบ

ความสามารถในการสื่อสาร

4. สาระการเรียนรู้
กฎของโคไซน์และกฎของไซน์

5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้

ชัว่ โมงท่ี 1
ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และแจ้งผลการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ พร้อมทบทวนความรู้ใน

เรื่องของมุมและด้านของรูปสามเหลี่ยมและรูปหลายเหลี่ยมเพื่อทดสอบความรู้พื้นฐานก่อนข้ึน
บทเรียน

2. ครเู ปิดโอกาสถามความสมัครใจในการออกมาวาดรูปสามเหล่ียมมุมฉากบนกระดาน 1 รูป
โดยกาหนดมมุ ของสามเหล่ยี มเปน็ ABC (นกั เรยี นออกมาวาดรูปสามเหลยี่ ม)

19

3. ครเู ร่มิ แนะการหาดา้ นตางขา้ มของมมุ ทีก่ าหนด จากนน้ั ครเู รม่ิ สมมติให้ดา้ นตรงขา้ มมุม A
ยาว 3 cm และด้านตรงข้ามมมุ B ยาว 5 cm แลว้ ตัง้ คาถามกับนักเรยี นว่า ดา้ นตรงขา้ มมุม C
ยาวเท่าใด ( ครูแนะให้นกั เรียนหาความยาวด้านโดยใช้ทฤษฎบี ทของปที ากอรัส และให้นกั เรียนเริ่ม
ปรึกษากนั )

ข้นั สอน
1. ครูวาดรูปสามเหล่ยี มใด ๆ ท่ไี มใ่ ช่รปู สามเหล่ียมมุมฉากแลว้ ต้ังคาถามกับนกั เรียนวา่ ถ้า
ครกู าหนดความยาวดา้ นมาให้ 2 ด้าน นักเรียนจะมวี ธิ ีการหาดา้ นที่เหลอื ไดอ้ ย่างไร
2. ครูอธิบายความแตกต่างของช่ือมุมและช่ือด้าน ช่ือมุมจะใช้อักษรภาษาอังกฤษที่เป็นพิมพ์
ใหญ่ (เช่น มุม A B C ) แต่ถ้าเป็นชื่อของด้านจะใช้อักษรภาษาอังกฤษที่เป็นตัวพิมพ์เล็ก (เช่น ด้าน a
b c) เพอื่ ให้นักเรยี นไม่เกิดความสับสนในช่วงเวลาทาโจทย์
3. ครูอธิบายกับนักเรียนว่าในการหาความยาวของด้านท่ีเหลือของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ น้ัน
สามารถใช้ความรู้ในเรอื่ งตรีโกณมิติ มาใช้หาความยาวด้านทเี่ หลอื ได้ โดยการใช้กฎของโคไซน์
4. ครูเริม่ ยกตวั อย่างโจทย์ทใี่ ช้กฎของโคไซนม์ าช่วยในการแก้ปัญหา

20

5. ครูอธิบายตามขั้นตอนอย่างละเอียดและซักถามนักเรียนว่ามีความเข้าใจมากน้อยเพียงใด
จากน้ันยกตัวอย่างโจทย์อีก 1 ข้อเพ่ือทดสอบความเข้าใจ (ครูอธิบายข้ันตอนการแก้ปัญหาอย่าง
ละเอียดอกี คร้งั )

ขัน้ สรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายความรู้ท่ีได้ และให้นักเรียนสรุปความรู้ท่ีได้ในเรื่อง กฎของ
โคไซน์ ลงสมดุ
ชวั่ โมงท่ี 2
ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และถามถึงความรู้ที่ได้จากการเรียนในครั้งที่แล้ว พร้อมกับ
ทบทวนเร่ือง กฎของโคไซน์
2. ครเู ร่มิ เช่ือมโยงกฎของไซน์
ขั้นสอน
3. ครใู หค้ วามร้กู ฎของไซน์โดยละเอียด พร้อมอธบิ ายขั้นตอนการหาค่าต่างๆ

21

4. ครยู กตวั อยา่ งโจทย์ เร่อื ง กฎของไซน์ ใหน้ ักเรียนมองเหน็ ภาพ

5. ครูอธิบายข้ันตอนการทาอย่างละเอยี ด และซักถามนักเรียนว่ามขี อ้ สงสยั หรอื ไม่อยา่ งไร
ขน้ั สรปุ

ครอู ภปิ รายร่วมกบั นักเรียน และใหน้ กั เรียนทาสรปุ เรื่อง กฎของไซนล์ งสมุด

ชว่ั โมงท่ี 3
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูกล่าวทักทายนักเรียน พร้อมท้ังยกตัวอย่างโจทย์ เรื่อง กฎของโคไซน์และไซน์ ที่เรียน

มาในคาบที่ผ่านมา และตั้งคาถามกบั นักเรยี นวา่ มีวธิ ีการหาคาตอบอยา่ งไรบ้าง
ข้ันสอน
2. ครูทบทวนความรู้ กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ อย่างละเอียดอกี คร้ัง

22

3. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม ตามความสมัครใจกลุ่มละ 4-5 คน พร้อมท้ังให้นักเรียนคัดเลือก
หวั หน้ากลุ่ม

4. ครูสร้างกิจกรรมโดยการแจกใบงานให้กับหัวหน้ากลุ่ม เพื่อให้สมาชิกภายในกลุ่มช่วยกัน
ทาใบงานทคี่ รูใหแ้ ละส่งภายในเวลาที่กาหนด

ขน้ั สรปุ
ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ผลท่ไี ดร้ บั

การประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีการ/เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
วธิ ีการประเมิน แบบฝกึ หดั นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ าร
ประเมนิ ในระดบั ดี ขึ้นไป
ด้านความรู้ (K) การตอบคาถาม
หาความสัมพันธ์ของกฎของ นักเรียนตอบคาถามได้ถกู ต้อง
โคไซน์และกฎของไซน์ได้
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) สงั เกตในช้นั เรยี น นักเรยี นผ่านเกณฑก์ าร
นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์ ประเมินในระดบั ดีขึ้นไป
ตีความหมาย แก้ปัญหาและมี
ความสามารถในการสื่อสาร

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
มคี วามรบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ท่ี
ไดร้ บั มอบหมายมีความละเอยี ด
รอบคอบและทางานอย่างเป็น
ระบบ

บันทึกหลังการสอน
นักเรยี นใหค้ วามรว่ มมือดี แลละมีความสนใจในการเรียนเป็นอย่างดี

ลงชอ่ื ........................................................................
(นางสาวชลธชิ า ช่นื กล่นิ )

23

ขอ้ เสนอแนะ/คาแนะนา
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงช่อื ........................................................
(นายวฒุ ศิ กั ดิ์ โพธ์ิด)ี

24

ใบงาน
เรอ่ื ง กฎของโคไซน์และไซน์

คาช้แี จง ให้นกั เรียนทากิจกรรมที่กาหนดให้ใหถ้ ูกต้อง

25

ปว.1-5

โครงรา่ งการวจิ ัยในชั้นเรยี น

1. ช่ือเร่ือง การใช้คอมพิวเตอรใ์ นการสอนซ่อมเสรมิ เรื่อง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์
2. ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา

คณิตศาสตร์ถือเป็นวิชาท่ีช่วยพัฒนามนุษย์ ให้คิดเป็นและคิดอย่างมีเหตุผล มีระเบียบ มี
ขั้นตอนในการคิด และยังช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะที่จาเป็นต่อการดารงชีวิตอ่ืน ๆ เช่น มีสมาธิและ
รจู้ ักแก้ปญั หาโดยมจี ุดประสงค์และความเขา้ ใจกระบวนการและการคิด จนสามารถนาไปใช้แก้ปัญหา
ในชีวิตประจาวันและการดาเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ซ่ึงธรรมชาติของวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาท่ี
เก่ียวกับความคิดรวบยอด และทักษะอีกทั้งต้องอาศัยวิธีสอนที่เหมาะสม ซ่ึงทาได้โดยเรียนจาก
ประสบการณก์ ารสอนคณิตศาสตร์ ในระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 พบวา่ บรรยากาศในการเรียน
การสอนวิชาวชิ าคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ ในหนว่ ยฟงั ก์ชนั ตรีโกณมิติ เปน็ เนื้อหาส่วน
หน่ึงและเป็นเรื่องท่ีต้องแสดงภาพการเคล่ือนไหว เช่น การวัคความยาวส่วนโค้งของวงกลม ครูต้อง
อธิบายนิยาม พร้อมกับเขียนรูปภาพบนกระดาน หรือแสดงแผนภาพท่ีครูทาข้ึนในห้องเรียนที่มี
นักเรียนจานวนมาก นักเรียนบางส่วนอาจมองเห็นการเกิดรูปภาพไม่ชัดเจน ทาให้เรียนไม่เข้าใจ ซึ่ง
เวลาและโอกาสไม่อานวยให้มีการอธิบายช้าหลายรอบได้ เม่ือมีการทดสอบนักเรียนส่วนมาก จึงสอบ
ไม่ผ่าน และไม่ทราบข้อบกพร่องของตนเอง ทาให้ต้องเรียนเน้ือหาต่อไปทั้ง ๆ ท่ียังไม่เข้าใจ ส่งผล
กระทบต่อผลการเรียนเป็นอย่างมาก อีกทั้งได้สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน พบว่า นักเรียนเข้า
ห้องเรียนช้า ไม่กล้าแสดงออก ตอบคาถามแบบไม่ม่ันใจ ความร่วมมือในการทากิจกรรมไม่เป็นไป
ตามลาดบั ขนั้ ตอน ทางานไมเ่ ป็นระเบยี บ ลอกแบบฝึกหัดเพอ่ื น สง่ งานไม่ตรงเวลา

ผวู้ ิจัยจึงสนใจที่จะทดลองสอนเร่ือง กฎของโคไซน์และไซน์ โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนซ่อม
เสริม เพราะผู้วิจัยคิดว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนน่าจะเป็นสื่อท่ีช่วยให้มองเห็นตัวอักษร ภาพที่
เคล่ือนไหวได้ชัดเจน มีเสียงช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีการต่ืนตัวในการเรียน และมีความสนใจ ตั้งใจ
ปฏิบตั ิงานตามท่ไี ด้รบั มอบหมายมคี วามเชื่อมัน่ ในตนเอง พอใจท่ีจะเรียนคณิตศาสตร์ และที่สาคัญคือ
จะช่วยใหน้ ักเรียนเขา้ ใจเนื้อตามลาคับขน้ั ตอน และสามารถสอบผ่านจุดประสงค์การเรียนได้มากที่สุด
พร้อมท้ังส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูงข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับคากล่าวของบูม (อ้างใน
เบ็ญจา โสตรโยม, 2536, หน้า1) ว่า "ถ้าโรงเรียนสามารถจัดเตรียมกิจกรรมซ่อมเสริมที่ดีท่ีสุดให้แก่
นกั เรียนได้ และให้เวลา โอกาสแล้ว เด็กทกุ คนจะเรยี นร้ไู ดใ้ นระดบั สูงเหมอื นกัน"นอกจากน้ียังเป็นการ
สนองตอบน โยบายของกรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ ทไี่ ด้กาหนดให้นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอน
ปลายเรียนวิชาความรู้เบื้องตันเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นวิชาบังดับ ทาให้นักเรียนสามารถใช้
คอมพิวเตอร์เพื่อเรียนคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างดี และยังเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันซ่ึงเป็นยุดที่
คอมพวิ เตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวนั อย่างมาก

26

3. วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัย
1. ศึกษาผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรอื่ ง กฎของโคไซน์และไซน์ ของนักเรยี นชัน้

มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โดยใช้คอมพิวเตอรเ์ ข้ามาช่วยในการสอนซอ่ มเสรมิ
2. ศึกษาพฤติกรรมในการเรียนของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในขณะทเ่ี รียนวชิ า

คณิตศาสตรเ์ รื่อง กฎของโคไซน์และไซน์
ขอบเขตของการวจิ ัย
4. ขอบเขตของการวิจัย

4.1 ประชากร
ประชากรท่ใี ช้ในการศึกษาในครง้ั น้นี กั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1

โรงเรยี นบางระจนั วิทยา จังหวดั สงิ ห์บุรี
4.2 กล่มุ ตัวอยา่ ง
กลุม่ ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการศกึ ษาครัง้ นี้คือนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5/2 โรงเรยี น

บางระจันวทิ ยา จังหวดั สงิ ห์บุรี
4.3 เนอื้ หา
เนอื้ หาวชิ าคณิตศาสตร์ เร่ือง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายของ

หลกั สูตรมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศักราช 2524 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2533) กระทรวงศกึ ษาธิการ
4.4 ตัวแปรในการศึกษา
ตัวแปรตน้ ไดแ้ ก่ วิธกี ารสอนคณิตศาสตร์
ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลการเรียนและพฤตกิ รรมในการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์

5. นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนซ่อมเสริม หมายถึง การสอนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้

คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยสอนซ่อมเสริมสาหรับนักเรียนท่ียังไม่ผ่านจุดประสงค์ และช่วยสอนเสริม
สาหรับนักเรียนท่ีผ่านจุดประสงค์ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ หมายถึง ความก้าวหน้าทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสาหรับสอนซ่อมเสริม และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเรื่อง กฎของ
โคไซน์และไซน์ พฤติกรรมในการเรียน หมายถึง ความสนใจในการเรียน ความมีวินัยในช้ันเรียน และ
ความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ท้ังในขณะที่เรียนในช้ันเรียนปกติและขณะเรียนซ่อมเสริม
จากคอมพวิ เตอร์
6. ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รบั

1. ได้บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนวิชาคณติ ศาสตร์ เรื่อง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ สาหรบั
นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย

2. ได้วิธีการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนซ่อมเสริมวิชาคณติ ศาสตร์ และเป็นแนวทาง
ในการสรา้ งเร่อื งอ่ืนต่อไป

3. ไดป้ รับปรุงรปู แบบและพัฒนาวิธีการสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้มปี ระสทิ ธภิ าพยิ่งข้นึ

27

7. สมมติฐานการวิจัย
นักเรยี นได้ที่ไดใ้ ช้คอมพิวเตอร์ช่วยซ่อมเสรมิ มผี ลการเรียนทดี่ ี และมีพฤติกรรมการเรยี นใน

วชิ าคณิตศาสตรด์ ีข้นึ
8. เอกสารงานวจิ ัยท่ีเก่ยี วข้อง

1.การสอนซ่อมเสรมิ
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
3.พฤติกรรมในการเรียน
การสอนซ่อมเสริม
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2535, หน้า 113) ได้ให้ความหมายของการสอนซ่อม
เสริมว่า การสอนซ่อมเสริม หมายถึง การให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ เพิ่มข้ึนเข้าใจข้ึนจน
สามารถบรรลุตามจดุ ประสงคท์ ีก่ าหนดไว้ การสอนซอ่ มเสรมิ เป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจาก
การสอนตามแผนการสอนโดยปกติ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องท่ีพบในตัวนักเรียนเช่ือว่านักเรียน สามารถ
จะเรียนให้บรรลุตามจุดประสงค์ได้ ถ้าผู้สอนมีการจูงใจผู้เรียน ได้ใช้วิธีการสอนหลาย ๆ วิธีได้ให้เวลา
เรยี นแต่ละคนแตกต่างกัน และการสอนการเรียนไดเ้ ป็นไปตามลาคบั ขัน้ ตอนของการเรียนรู้
พันทิพา อุทัยสุข (2524, หน้า 30) ได้ให้ความหมายของการสอนเสริมว่า การสอนเสริม
หมายถงึ การสอนเพอ่ื แก้ไขข้อบกพร่องและเสริมทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งโดยปกติจะ
จดั ข้นึ สาหรับผเู้ รียนทต่ี ้องการความชว่ ยเหลอื เปน็ พเิ ศษ แต่อยา่ งไรกต็ ามอาจจัดให้ไดส้ าหรบั ผูเ้ รียน
ท้ังหมด
สรุปได้ว่า การสอนซ่อมเสริม หมายถึง การให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้ในส่ิงที่บกพร่องและ
เสรมิ ทักษะการเรยี นรู้ใหม่ ๆ ใหแ้ ก่ผเู้ รยี น
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน
ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นเปน็ ความสามารถของนักเรยี นในด้านตา่ งๆ ซง่ึ เกิดจากนักเรียนได้รบั
ประสบการณจ์ ากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูตอ้ งศึกษาแนวทางในการวัดและ
ประเมนิ ผล การสร้างเคร่ืองมือวัดให้มคี ุณภาพนน้ั ได้มผี ูใ้ ห้ความหมายของผลสัมฤทธิท์ างการเรียนไว้
ดังน้ี
สมพร เช้อื พนั ธ์ (2547) สรุปวา่ ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ หมายถึง
ความสามารถ ความสาเร็จและสมรรถภาพดา้ นต่างๆของผ้เู รยี นทไี่ ด้จากการเรียนรู้อันเป็นผลมาจาก
การเรยี นการสอน การฝึกฝนหรอื ประสบการณข์ องแตล่ ะบุคคลซึ่งสามารถวัดไดจ้ ากการทดสอบด้วย
วธิ กี ารต่างๆ
พิมพนั ธ์ เดชะคปุ ต์ และพเยาว์ ยนิ ดสี ุข (2548) กลา่ ววา่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนหมายถงึ
ขนาดของความสาเรจ็ ท่ไี ด้จากกระบวนการเรียนการสอน
ปราณี กองจินดา (2549) กลา่ วา่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน หมายถึง ความสามารถหรอื
ผลสาเร็จทไี่ ดร้ ับจากกิจกรรมการเรยี นการสอนเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์
เรยี นรทู้ างด้านพุทธพิ ิสัย จติ พิสยั และทักษะพสิ ยั และยังได้จาแนกผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นไวต้ าม
ลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงค์ของการเรียนการสอนท่ีแตกต่างกัน

28

ดังน้นั จึงสรปุ ได้วา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น หมายถึง ผลท่เี กิดจากกระบวนการเรียนการสอน
ที่จะทาใหน้ กั เรียนเกดิ การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรม และสามารถวัดได้โดยการแสดงออกมาท้งั 3 ด้าน
คือ ด้านพุทธพิ สิ ยั ดา้ นจติ พสิ ัย และดา้ นทักษะพิสัย

พฤติกรรมในการเรยี น
ประดินันท์ อุปรมยั (2530, หน้า 262) ได้ให้ความหมายของพฤติกรรมว่า "สิง่ ทบี่ คุ คล

กระทา แสดงออก ตอบสนองหรือโต้ตอบส่ิงใดสิ่งหนึ่ง ในสภาพการณ์ใด สภาพการณ์หนึ่ง ท่ีบุคคล
ทว่ั ไปสามารถสงั เกตเห็นได้ ไดย้ ินได้ อีกทงั้ วัดได้ตรงกนั ดว้ ยเครอื่ งมอื ที่มคี วามเทย่ี ง ไมว่ า่ การกระทา
การแสดงออก การตอบสนองหรือการโต้ตอบนัน้ จะเกิดขึน้ ภายในร่างกาย (การเคน้ ของชีพจร) หรอื
ภายนอกรา่ งกาย (การอา่ นหนงั สือ)"

เอนกกุล กรแี สง (2520, หนา้ 1) ได้ใหค้ วามหมายของพฤติกรรมว่า "กิจกรรมหรือปฏิกริ ิยา
ตา่ ง ๆ ของสิ่งมีชีวติ ซงึ่ อาจจะรไู้ ดโ้ ดยการสงั เกตหรืออาจรู้ได้โดยใช้เครอ่ื งมือช่วย"

กันยา สวุ รรณแสง (2528, หน้า 88) ได้ให้ความหมายของพฤติกรรมวา่ "เปน็ การแสดงออก
แหง่ การตอบสนองตอ่ สงิ่ ตา่ ง ๆ หรือปฏิกริ ยิ าตอบสนองที่เลอื กแล้วว่าเหมาะสมท่ีสดุ ในสถานการณ์
นั้น ๆ และได้ให้ความหมายของพฤติกรรมว่า พฤติกรรม คือ กรยิ าอาการ บทบาท ลลี า ท่าที
การประพฤติปฏิบัติ การกระทาท่แี สดงออกใหป้ รากฏสัมผัสได้ดว้ ยประสาทสมั ผสั ทั้ง 5 คอื ทางตา
ปาก จมูก หู และผิวกาย พฤติกรรมทส่ี ามารถรบั รู้ไดง้ ่ายจาก รปู รส กลิ่น เสยี ง"
9. วิธีดาเนินการวจิ ัย

ประชากร
นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรียนบางระจันวิทยา อาเภอบางระจันวทิ ยา จังหวัดสงิ ห์บรุ ี

กลมุ่ ตัวอยา่ ง
กลุม่ ตวั อย่างในการวจิ ยั ครัง้ นี้ เปน็ นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรยี นบางระจนั วทิ ยา

อาเภอบางระจนั วทิ ยา จังหวัดสิงหบ์ รุ ี
เครือ่ งมือท่ใี ช้ในการวิจัย

1. แผนการสอนวิชาคณติ ศาสตร์ เร่ือง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ ผู้วจิ ยั ไดด้ าเนนิ การสร้างดงั น้ี
1.1 ศกึ ษาหลักสูตร หนังสือเรียน และขอบข่ายเนอ้ื หาวิชาคณติ ศาสตร์เรื่อง กฎของโคไซน์

และไซน์
1.2 กาหนดจดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละสาระสาคัญของเน้ือหาทใ่ี ชใ้ นการสรา้ งแผนการสอน
1.3 แบ่งเน้ือหา

2. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ เรื่อง ฟงั กช็ นั ตรโี กณมิติ เป็น
แบบทดสอบแบบอิงเกณฑผ์ ้วู ิจัยดาเนินการสรา้ งตามขั้นตอนดังน้ี

2.1 ศึกษาเน้ือหาเรอื่ ง ฟังก์ชนั ตรีโกณมิติ จากหนังสือเรยี น คู่มือครู
2.2 สรา้ งตารางวิเคราะหเ์ นอื้ หา และพฤติกรรมทีต่ ้องการวคั ตามจุดประสงค์การเรยี นรู้
2.3 สรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์แบบอิงเกณฑใ์ หส้ อดคล้องกับเนอื้ หา พฤติกรรมและ
จุดประสงค์
3.แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมในการเรียน
ผ้วู จิ ยั ได้สรา้ งแบบบันทึกการสงั เกตพฤติกรรมของผู้เรยี นโดยแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน คือ

29

ความสนใจในการเรียน ความมีวนิ ัยในชัน้ เรียน และความรับผิดชอบ
4. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนซอ่ มเสรมิ บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนซ่อมเสริม ประกอบดว้ ย
แบบทดสอบประจาหนว่ ยก่อนเรยี น บทเรียนคอมพวิ เตอร์สาหรับสอนซอ่ มเสรมิ และแบบทดสอบ
ประจาหน่วยหลงั เรียน ผู้วิจยั ไดด้ าเนนิ การสร้างตามขั้นตอนดงั นี้

4.1 สร้างแบบทดสอบประจาหนว่ ยกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น
4.1.1 วิเคราะหเ์ นือ้ หา และจุดประสงค์การเรยี นรขู้ องแต่ละหนว่ ย
4.1.2 สร้างแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียนเป็นแบบปรนยั ชนดิ เลือกตอบ 4

ตวั เลือก หน่วยละ 2 ชุด ซึ่งขอ้ สอบทั้ง 2 ชดุ วัดจุดประสงคก์ ารเรยี นรูเ้ ดียวกนั มีความยากงา่ ย
ใกลเ้ คียงกนั

4.2 สรา้ งบทเรียนสาหรบั สอนซ่อมเสริม
4.2.1 ศึกษาการสรา้ งบทเรยี นโปรแกรมแบบสาขาและเส้นตรง และการใชโ้ ปรแกรม
4.2.2 สร้างบทเรียนสาหรับสอนซ่อมเสริมนกั เรียนทีส่ อบไมผ่ า่ นเกณฑ์ 50% โดย

เรียงลาดบั ตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งเริม่ ตน้ ดว้ ยการเฉลยขอ้ สอบท่ีใช้วัดจุดประสงค์นั้น ในการ
เฉลยคาตอบแตล่ ะขอ้ น้นั จะมีคาอธิบายเหตุผลทเ่ี ลือกข้อถูกหรอื ขอ้ ผดิ สรปุ กฎ นยิ าม ดาถาม
เพมิ่ เติมและเกีย่ วข้องกบั ข้อสอบในแต่ละข้อ บทเรียนมีลักษณะเปน็ บทเรยี นโปรแกรมแบบเส้นตรง
และสาขาผสมผสานกัน คอื ถ้าตอบถูกก็ไปกรอบต่อไป ถา้ ตอบผิดก็กลบั มาท่เี ดิม

4.3 ปอ้ นข้อมลู เขา้ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรม MATHCAI ไดแ้ ก่ แบบทดสอบ
ประจาหน่วยกอ่ นเรียน บทเรียนสาหรับสอนซอ่ มเสรมิ แบบทดสอบประจาหน่วยหลังเรียน
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น

4.4 นาบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนซ่อมเสริมทบี่ นั ทึกในแผน่ บนั ทึกข้อมลู ไปให้
ผเู้ ชีย่ วชาญตรวจสอบขอ้ บกพรอ่ งต่าง ๆ ผูเ้ ช่ยี วชาญไดแ้ นะนาเรอื่ งการใช้หน้าจอเข้มเกนิ ไป ปรับ
ภาษาให้เหมาะสม ขนาดของตัวอักษร บางข้อความใชเ้ วลาถว่ งมากเกินไป ผู้วจิ ยั ไดน้ ามาปรับปรงุ
แก้ไขตามคาแนะนา

4.5 นาบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนซ่อมเสริมท่ีปรับปรงุ แก้ไขแล้วไปทดลองใชก้ ับ
นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นบางระจันวิทยา อาเภอบางระจนั วิทยา จังหวดั สิงห์บุรี ที่
ไม่ใช่กล่มุ ทดลองและไดเ้ รียนเรอื่ ง กฎของโคไซน์และไซน์มาแล้ว โดยดาเนนิ การดังน้ี

4.5.1 ทดลองคร้ังท่ี 1 ทดลองกับนักเรยี นปานกลางในกลุ่มเกง่ และกลุ่มอ่อน กลมุ่ ละ
1 คน เพ่ือตรวจสอบการทางานของโปรแกรม พบวา่ เวลาที่ตั้งไว้ 90 วนิ าที น้อยเกนิ ไป ตัวหนังสอื
ในบางส่วนสีจางเกินไปจนมองไมค่ ่อยชดั เจน ทาขอ้ สอบไม่ทนั หรอื ไม่ตอบ เครื่องจะตอบให้เอง จงึ
นาขอ้ มูลดังกล่าวมาปรับปรงุ สใี นสว่ นท่ไี ม่ชัดเจน และเพ่มิ เวลาเปน็ 180 วนิ าที

4.5.2 ทดลองครัง้ ท่ี 2 ทดลองกับนักเรยี นปานกลางในกลมุ่ เก่งและกลุ่มออ่ น กลมุ่ ละ
3 คน พบวา่ คาช้ีแนะในบทเรียนสาหรับซอ่ มเสรมิ หนว่ ยท่ี 1 ยังมบี างกรอบที่มคี าแนะนาให้ศึกษา
กรอบต่อไปนัน้ ยงั ไมช่ ัดเจน ซึง่ ผวู้ ิจัยได้นาข้อมลู มาปรับปรงุ แก้ไข
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู

ผู้วจิ ัยได้ดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยดาเนินการดงั นี้
1. ช้แี จงวธิ กี ารเรยี นการสอน อธบิ ายใหน้ ักเรยี นทราบถึงวธิ ีการเรยี นวา่ ครูจัดการเรยี น

30

การสอนตามเนอ้ื หาวิชา โดยในแต่ละหน่วยมีลาดับข้นั ตอน ดงั นี้
1.1 ครสู อนในช้ันเรยี นปกติ ตามแผนการสอนทค่ี รสู ร้างข้นึ
1.2 ใหน้ กั เรียนเรียนบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนซ่อมเสริม หลังจากเรยี นในช้นั

เรยี นจบเนอ้ื หาในแต่ละหน่วยตามลาดบั ข้นั ตอน
2. ดาเนินการสอนตามวิธกี ารเรียนที่ได้ชแ้ี จงไวใ้ นข้อ 1
3. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน หลังจากท่นี ักเรยี นเรยี นจบ
4. ครสู ังเกตและจดบนั ทกึ พฤติกรรมในการเรียนของนักเรยี น ท้ังในขณะเรียนในชั้นเรยี น

ปกติ และขณะเรยี นซ่อมเสริมจากคอมพิวเตอร์
การวิเคราะหข์ ้อมูล

ในการวิจยั คร้ังน้ี ผู้วจิ ัยวิเคราะห์ผลการเรยี นและพฤติกรรมในการเรยี นของนักเรยี นใน
ขณะทเ่ี รยี นวิชาคณติ ศาสตร์ เร่อื ง กฎของโคไซน์และไซน์ ดังนี้

1. นาผลการทดสอบประจาหน่วยก่อนเรียน และหลังเรียน มาหาคา่ เฉล่ยี เลขคณติ และ
ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เพ่ือดูความกา้ วหนา้ ในการเรียน แล้วนาเสนอโดยใชต้ ารางและกราฟประกอบ

2. นาคะแนนจากแบบทดสอบวัคผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น มาคานวณหาคา่ ร้อยละของ
นักเรยี นท่ีผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 50 ของแตล่ ะจุดประสงค์ แล้วนาเสนอ
ผลการวจิ ัย

1. นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ท่ีเรยี นวชิ าคณิตศาสตร์ เร่ือง กฎของโคไซนแ์ ละไซน์ โดยใช้
คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนซ่อมเสริม มีผลการเรยี นดขี ึ้น โดยนักเรยี นส่วนใหญม่ ีความก้าวหน้าทางการ
เรียนและมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวา่ เกณฑ์ ร้อยละ 50 เกือบทุกจุดประสงค์

2. นักเรยี นส่วนใหญม่ ีความสนใจในการเรียนและมวี ินยั ในช้นั เรียนดีมาก มคี วามรบั ผิดชอบ
ในการเรยี นและงานที่ไดร้ บั มอบหมายสงู
เอกสารอ้างองิ
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2524). ค่มู อื การบรหิ ารการใชห้ ลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย

พุทธศักราช 2524. กรุงเทพฯ: จงเจรญิ การพิมพ์.
(2535). คูม่ อื ครู การประเมินผลการเรียนระดบั มัธยมศึกษา ตามหลกั สตู รฉบบั ปรบั ปรุง
พ.ศ.2533. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพรา้ ว.
กรองกาญจน์ อรุณรัตน.์ (2530). บทเรียนโปรแกรม. เชยี งใหม:่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่.

31

ปว.1-6

แบบประเมินการปฏิบตั ิตนของนกั ศึกษา

ชือ่ นางสาวชลธิชา ชืน่ กล่นิ สาขาวิชา คณติ ศาสตร์
รหสั ประจาตัว 61115200210 ชื่อโรงเรียน บางระจันวทิ ยา

คาชแี้ จง ขอให้ครูพเี่ ล้ยี งของโรงเรยี นประเมินการปฏิบตั ิงานของนักศึกษาตามรายการท่ีกาหนด โดย

พจิ ารณารายการประเมนิ แลว้ ทาเครอื่ งหมาย  ลงในช่องผลการประเมิน

ผลการประเมิน

รายการประเมิน ดมี าก พอใช้ ควรปรับปรุง

210

1.แต่งกายสะอาด สภุ าพเรยี บรอ้ ย 

2.แสดงกิรยิ ามารยาทเหมาะสมกับความเปน็ ครู 

3.ใชว้ าจาสภุ าพ 

4.มีมนุษยสมั พันธท์ ด่ี ี 

5.ทางานเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย 

6.มคี วามรบั ผิดชอบต่องานทร่ี ับมอบหมาย 

7.มคี วามเอาใจใส่และใฝร่ ู้ในงานครู 

8.มีความรู้ความสามารถปฏบิ ัติงานทไ่ี ดร้ บั 

มอบหมาย

9.มคี วามตัง้ ใจในการทางาน 

10.ปฏบิ ตั ิงานตรงเวลา 

รวม 20

รวมคะแนนท้งั หมด 20

ลงชอื่ ………………………………………….ครพู เ่ี ลยี้ ง
(นายวุฒศิ ักดิ์ โพธ์ิดี)

วันท่ี 2 เดอื น ตุลาคม พ.ศ.2564

32

ปว.1-7

แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวชิ า คณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1 ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศกึ ษา 2564

โรงเรียน บางระจันวิทยา ครผู ู้สอน นายวุฒิศักด์ิ โพธดิ์ ี

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์

คาชแี้ จง โปรดเขียนเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดับการประเมิน

ระดบั การประเมนิ 5 หมายถึง ดมี าก ระดับการประเมิน 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

ระดบั การประเมนิ 4 หมายถึง ดี ระดับการประเมิน 1 หมายถงึ ไมผ่ ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

ระดับการประเมิน 3 หมายถงึ พอใช้

รายการประเมิน ระดบั การประเมนิ

5432 1

1. กาหนดมาตรฐาน/ตวั ชี้วัด/จดั ประสงคก์ ารเรยี นรู้ครอบคลมุ พฤตกิ รรม √
การเรยี นร้ดู า้ นพทุ ธิพิสยั ทักษะพสิ ัย และจติ พสิ ยั

2. ความสอดคล้องมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /สาระสาคญั และกิจกรรม √
การเรยี นรู้

3. กิจกรรมการเรียนรู้มคี วามครอบคลมุ การพัฒนาผูเ้ รียนใหม้ ีความรู้ ทักษะ √
กระบวนการ สมรรถนะทส่ี าคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

4. กจิ กรรมการเรียนรู้ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คล √

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้หลากหลายและเน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ √

6. นาภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ และสื่อเทคโนโลยมี าประยกุ ต์ใช้ในการเรยี นการสอน √

7. สอ่ื การเรยี นรูม้ คี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกับกิจกรรมการเรยี นการสอน √

8. ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ของผู้เรยี นด้วยวิธีทีห่ ลากหลายเหมาะสมกับ √
ธรรมชาติวิชา

9. วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ แลว้ นามาใชใ้ นการสอนซ่อมเสริม √

10. วิธีวัดและเครือ่ งมือวัดสอดคลอ้ งกบั พฤตกิ รรมที่กาหนดไวใ้ นตวั ชว้ี ดั หรอื √
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

รวม/สรปุ ผล 25 20

รวม/เฉลี่ย สรปุ ผล 4.5

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
......................................

สรปุ ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้
4.50 – 5.00 หมายถงึ ดมี าก 2.50 – 3.49 หมายถึง พอใช้ ต่ากวา่ 1.50 หมายถงึ ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
3.50 – 4.49 หมายถึง ดี 1.50 – 2.49 หมายถงึ ปรบั ปรุง

33

ปว.1-8

แบบประเมนิ ดา้ นคุณภาพการจัดการเรยี นการสอน

ชอื่ -นามสกลุ นางสาวชลธชิ า ช่นื กลน่ิ
สาขาวิชา คณติ ศาสตร์ วชิ าที่สอนคณติ ศาสตร์ (เพมิ่ เตมิ ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
โรงเรียน บางระจนั วิทยา
ชือ่ ผปู้ ระเมิน นายวฒุ ิศักดิ์ โพธ์ดิ ี
ประเมนิ คร้ังที่ 1-3 วันประเมิน วันที่ 2 เดือน ตลุ าคม พ.ศ.2564

คาช้แี จง แบบประเมินต่อไปนเี้ ป็นเครื่องมอื ในการให้คะแนนทม่ี ี 2 ลกั ษณะ
1. ข้อมลู ในเชิงคุณภาพ ให้คะแนนเปน็ 4,3,2 และ 1 ตามพฤตกิ รรมทบี่ รรยายในแต่ละระดับ
2. ข้อมลู ในเชงิ ปริมาณ หากแจงนับได้ ให้ใช้ลกั ษณะของปริมาณท่ีปฏิบัติตามจานวน
ทก่ี าหนดไว้ในแตล่ ะระดบั ดังน้ี
4 ยอดเยี่ยม หมายถงึ การปฏบิ ัตมิ ีปรมิ าณ 90 - 100 %
3 ยอดเยย่ี ม หมายถึง การปฏบิ ตั มิ ีปริมาณ 75 - 89 %
2 ยอดเยยี่ ม หมายถึง การปฏิบัตมิ ีปริมาณ 60 - 74 %
1 ยอดเย่ยี ม หมายถงึ การปฏิบตั มิ ีปริมาณต่ากว่า 60 %
3. โปรดประเมินให้สอดคลอ้ งตามความเป็นจรงิ หรือตามคุณลกั ษณะของนักศึกษา
พร้อมใสร่ ะดบั คะแนนลงในช่องการประเมินตามความคดิ เห็นของทา่ น
4. โปรดสรปุ จุดเดน่ จุดด้อย และข้อเสนอแนะในทา้ ยแบบประเมนิ
5. อาจารย์ผูส้ อนและครูพเี่ ลี้ยง ประเมนิ นักศึกษาฝกึ สอน

มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั 4 (ยอดเยยี่ ม) 3 (ด)ี

90 - 100% 75 – 89%

บุคลิกลกั ษณะเหมาะสมกบั อาชพี ครู

1. การวางแผนการสอนและสามารถ มกี ารวางแผนการสอนและ มีการวางแผนการสอ

ทาแผนการสอนลว่ งหน้าตาม สามารถทาแผนการสอน สามารถทาแผนการส

กาหนดเวลา ลว่ งหน้าตามกาหนดเวลา ล่วงหนา้ ตามกาหนดเ

ไมน่ ้อยกวา่ 90% ของ 75-89% ของทั้งหมด

ท้ังหมด

2. สามารถทาแผนการสอนได้อย่าง สามารถเขียนแผนการสอน สามารถเขียนแผนกา

ถกู ต้อง และครบทกุ องค์ประกอบ ที่มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น ทมี่ ีองคป์ ระกอบถูกต

สมบูรณไ์ ม่นอ้ ยกว่า 90% ระหวา่ ง 75-89%

ของทัง้ หมด ของท้งั หมด

การเรียนการสอนโดยเนน้ ผ้เู ปน็ สาคญั

1. มกี ารจัดการชัน้ เรยี น มคี วามสามารถในการ มีความสามารถ

จัดการชน้ั เรยี นได้ดี ในการจดั การชัน้ เรียน

ไมน่ อ้ ยกวา่ 90% ของเวลา 75-89% ของเวลาที่ส

ท่สี อน

2. มีการเลอื กวิธกี ารสอน ใชว้ ธิ ีการสอนที่เหมาะสม ใชว้ ธิ ีการสอนทเี่ หมาะ

ใหส้ อดคลอ้ งกบั เนื้อหาวชิ า กับเนอื้ หาวชิ าเกอื บทกุ คร้ัง กบั เน้อื หาวชิ า 75-89

ทที่ าการสอน ของเวลาทท่ี าการสอน

3. มีการจดั กจิ กรรมหลากหลาย จดั กิจกรรมการเรยี น จดั กิจกรรมการเรียน

เหมาะสมกบั ผ้เู รยี น การสอนหลากหลาย สอนหลากหลายโดยใ

โดยใหผ้ เู้ รยี นมีสว่ นร่วม ผู้เรยี นเขา้ รว่ ม 75-89

มากกว่า 90% ของเวลา ของเวลาที่สอน

ระดับคุณภาพ 1 (ควรปรบั ปรุง) 34
ต่ากว่า 60% คะแนนประเมนิ
2 (พอใช)้
60 – 74% 4
4
อนและ มีการวางแผนการสอนและ มกี ารวางแผนการสอนและ
สอน สามารถทาแผนการสอน สามารถทาแผนการสอน 4
เวลา ล่วงหนา้ ตามกาหนดเวลา ล่วงหนา้ ตามกาหนดเวลา 3
ด 60-75% ของทั้งหมด 40% ของทงั้ หมด 3

ารสอน สามารถเขยี นแผนการสอน สามารถเขียนแผนการสอน
ตอ้ ง ทม่ี ีองค์ประกอบถูกต้อง ทม่ี อี งค์ประกอบถกู ตอ้ ง

60-74% ของท้ังหมด นอ้ ยกว่า 90%
ของทงั้ หมด

มคี วามสามารถในการ มคี วามสามารถในการ
นได้ดี จัดการช้ันเรียนไดด้ ี จดั การชัน้ เรยี นไดด้ ี
สอน 60-74% ของเวลา นอ้ ยกว่า 40% ของเวลา
ทสี่ อน
ทสี่ อน
ใชว้ ีการสอนท่เี หมาะสมกบั
ะสม ใชว้ ธิ ีการสอนท่ีเหมาะสม เน้อื หาวิชา 40% ของเวลา
9% กบั เนอื้ หาวิชา 60-74% ที่ทาการสอน
น ของเวลาทีท่ าการสอน
จดั กิจกรรมการเรียนการ
นการ จัดกิจกรรมการเรียน สอนหลากหลายโดยให้
ให้ การสอนหลากหลาย ผ้เู รยี นเข้ารว่ มน้อยกว่า
9% โดยให้ผเู้ รียนเขา้ ร่วม 40% ของเวลาทีส่ อน

60-74% ของเวลาทส่ี อน

มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั 4 (ยอดเยี่ยม) 3 (ดี)

4. การจดั กจิ กรรม 90 - 100% 75 – 89%
ที่กระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นรู้จักคดิ วเิ คราะห์
พฒั นาและสรา้ งสรรค์ ที่สอน

5. มีการหากลวิธใี หผ้ ู้เรยี นสามารถ จัดกจิ กรรมโดยกระตุ้น จดั กิจกรรมโดยกระต
แสวงหาความรู้
ดว้ ยตนเอง ใหผ้ เู้ รยี นสามารถคดิ ผเู้ รยี นสามารถคดิ

6. มกี ารใช้การประเมิน วเิ คราะห์และสงั เคราะห์ วเิ คราะห์และสังเครา
ที่หลากหลาย
ความรตู้ า่ งๆ ไดด้ ้วยตนเอง ความร้ตู า่ งๆ ไดด้ ้วยต
7. มกี ารใชส้ ื่อและหรอื ใช้ภูมิปัญญา
ท้องถิ่นไดอ้ ย่างเหมาะสม มากกว่า 90% เพยี ง 75-89%

ของนักเรยี นทงั้ หมด ของนกั เรยี นท้งั หมด

จัดกิจกรรมที่สามารถ จดั กิจกรรมท่สี ามารถ

ให้นักเรียนแสวงหาและ ใหน้ กั เรียนแสวงหาแ

สรปุ ความรไู้ ดด้ ้วยตนเอง สรุปความรไู้ ดด้ ้วยตน

มากกว่า 90% 75-89% ของนักเรยี น

ของนักเรยี นทง้ั หมด ท้งั หมด

ใชว้ ิธีการวัดผลที่ ใช้วิธีการวัดผลท่ี

หลากหลาย สอดคล้องกับ หลากหลาย สอดคล้อ

จุดประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นร

มากกว่า 90% ของ 75-89% ของแผนกา

แผนการจดั การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้

มสี อื่ การสอนท่ชี ่วยให้ มสี ่อื การสอนท่ชี ว่ ยให

ผู้เรยี นเข้าใจเร่ืองที่เรียนได้ ผ้เู รยี นเขา้ ใจเรื่องท่เี ร

มากกวา่ 90% ของ 75-89%

แผนการจดั การเรยี นรู้ ของแผนการจดั การเร

ทัง้ หมด

ระดับคณุ ภาพ 1 (ควรปรบั ปรุง) 35
ตา่ กวา่ 60% คะแนนประเมนิ
2 (พอใช้)
60 – 74% 4

ตุ้นให้ จดั กจิ กรรมโดยกระตนุ้ จัดกิจกรรมโดยกระตนุ้ 3
3
ให้ผเู้ รยี นสามารถคิด ใหผ้ ู้เรยี นสามารถคิด 3

าะห์ วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ วเิ คราะห์และสังเคราะห์

ตนเอง ความรู้ตา่ ง ๆ ไดด้ ้วย ความรู้ตา่ ง ๆ ไดด้ ว้ ย

ตนเองเพียง 60-74% ตนเองเพยี ง 40%

ของนกั เรยี นท้ังหมด ของนักเรยี นทั้งหมด

ถ จัดกิจกรรมท่สี ามารถ จัดกิจกรรมท่สี ามารถ

และ ใหน้ กั เรยี นแสวงหาและ ใหน้ ักเรยี นแสวงหาและ

นเอง สรุปความรไู้ ด้ด้วยตนเอง สรุปความรไู้ ดด้ ้วยตนเอง

น 60-74% ของนกั เรียน น้อยกวา่ 40% ของ

ทง้ั หมด นกั เรยี นท้ังหมด

ใช้วธิ กี ารวดั ผล ใชว้ ธิ กี ารวดั ผล

องกับ ทห่ี ลากหลาย สอดคลอ้ ง ทีห่ ลากหลาย สอดคลอ้ ง

รู้ กบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ กบั จุดประสงค์การเรยี นรู้

าร 60-74% ของแผน 40% ของแผน

การจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้

ห้ มีสอื่ การสอนท่ีช่วยให้ มสี ื่อการสอนท่ชี ว่ ยให้

รียนได้ ผู้เรยี นเขา้ ใจเรอ่ื งทเ่ี รียนได้ ผ้เู รยี นเข้าใจเรื่องทเ่ี รยี นได้

60-74% 40% ของแผนการจดั การ

รยี นรู้ ของแผนการจัดการเรยี นรู้ เรยี นรู้ทง้ั หมด

ทั้งหมด

มาตรฐาน/ตัวชี้วดั 4 (ยอดเย่ยี ม) 3 (ด)ี
90 - 100% 75 – 89%

8. มกี ารวเิ คราะหผ์ ้เู รยี นและจัด จัดกจิ กรรมการเรียน จดั กิจกรรมการเรียน
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน (การวจิ ยั ในชั้น การสอนโดยมกี าร สอนโดยมีการวิเคราะ
เรียน) วเิ คราะหผ์ ูเ้ รยี นและมกี าร ผเู้ รยี นและมีการพัฒน
พฒั นากจิ กรรมเพ่อื พัฒนา กิจกรรมเพ่ือพฒั นาผ
ผเู้ รยี นมากกวา่ 90% ของ 75-89% ของการจัด
การจัดการเรยี น เรียนการสอน
การสอน

ระดับคุณภาพ 1 (ควรปรบั ปรุง) 36
ต่ากวา่ 60% คะแนนประเมนิ
2 (พอใช)้
60 – 74% 3

นการ จดั กิจกรรมการเรยี น จดั กจิ กรรมการเรยี นการ

ะห์ การสอนโดยมีการ สอนโดยมีการวิเคราะห์

นา วิเคราะหผ์ ู้เรียนและมกี าร ผเู้ รยี นและมกี ารพัฒนา

ผเู้ รยี น พฒั นากิจกรรมเพ่ือพัฒนา กจิ กรรมเพื่อพัฒนาผเู้ รียน

ดการ ผู้เรยี น 60-74% ของการ 40% ของการจดั การเรียน

จดั การเรียนการสอน การสอน

37

จดุ เดน่
1. มีความรบั ผิดชอบต่องานท่ีได้รีบมอบหมาย
2. มกี ารเตรียมความพร้อมในการสอน
3. มที กั ษะการใช้สือ่ การเทคโนโลยไี ด้เปน็ อยา่ งดี
4. มีความนอบน้อม กิรยิ ามารยาทเรียบร้อย

จุดดอ้ ยและส่ิงที่ควรปรบั ปรุง
.................................................................................................................... ............................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................... .................................

ลงช่ือ.....................................................ผู้ประเมิน
(นายวฒุ ิศักด์ิ โพธิด์ ี)
ประเมนิ ในตาแหนง่ ครู

วันที่ 2 เดือน ตลุ าคม พ.ศ.2564

38

ภาคผนวก

39

วันท่ี 6 กันยายน 2564
วันท่ี 7 กันยายน 2564
วันท่ี 8 กนั ยายน 2564

40

วนั ท่ี 9 กนั ยายน 2564
วันท่ี 10 กนั ยายน 2564
วนั ท่ี 13 กนั ยายน 2564

41

วนั ที่ 14 กนั ยายน 2564

วันที่ 15 กนั ยายน 2564
วันที่ 16 กันยายน 2564

42

วันที่ 17 กันยายน 2564
วนั ที่ 20 กนั ยายน 2564
พบครพู เ่ี ล้ยี ง

43

วนั ที่ 21 กันยายน 2564
วนั ท่ี 22 กันยายน 2564
วนั ที่ 23 กันยายน 2564


Click to View FlipBook Version