The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อมรเทพ บุญกลาง, 2022-10-12 21:40:41

100 ปี โรงเรียนบ้านปรางหมู่(ศรีวิทย์ศึกษา)

เล่มร้อยปี

จากใจประธานคณะสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ฝ่ายอำนวยการจัดงาน
ในโอกาสครบ 100 ปี โรงเรียนบา้ นปรางหมู่ (ศรีวิทยศ์ ึกษา)

โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) ได้ก่อตั้งมาครบ 100 ปี เมื่อวันที่ 26
กุมภาพันธ์ 2564 ซ่งึ ชื่อในขณะน้ันว่า “โรงเรียนประจำตำบลปรางหมู่ 1” โดยอาศัย
ศาลาวัดปรางหมู่ในเป็นสถานที่เรียน ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนบ้านปรางหมู่
(ศรีวิทย์ศึกษา) ทุกคนรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถจัดงานฉลองโรงเรียนในวันครบรอบได้
เพราะเกิดโรคโควิด - 19 ระบาด แต่มาช่วงนี้การระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง
จึงได้กำหนดจัดงานฉลองครบ 100 ปี ของโรงเรียนในวนั ที่ 15 กมุ ภาพนั ธ์ 2565

โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) ได้จัดการศึกษามาจนถึงร้อยปี นอกจากได้รับ
การสนับสนนุ ด้านงบประมาณจากทางราชการแล้ว ยังได้รบั การสนับสนนุ จากชมุ ชน คณะครู
คณะกรรมการสถานศึกษา และคณะกรรมการที่ปรึกษา ตลอดจนผู้นำท้องถิ่นและศิษยเ์ กา่
ผลกั ดันให้โรงเรียนจัดการศึกษา เพอ่ื ให้ผู้ปกครองนักเรียมีความเช่อื มัน่ ศรัทธาต่อโรงเรียน
ผปู้ กครองได้รับความไว้วางใจส่งบุตรหลานมาเรียนเพม่ิ ขึ้น

ในนามของคณะกรรมการสถานศึกษา ขอขอบคุณที่ได้เสียสละและให้ความ
ช่วยเหลือโรงเรียน ทงั้ กำลงั ทรัพยก์ ำลังกายและสติปัญญามาตลอด

การจดั งาน 100 ปี โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทยศ์ ึกษา) ในครั้งนี้ได้รับความ
ร่วมมือจนประสบความสำเร็จ เพราะเกิดขึ้นจากความรัก ความสมัครสมานสามัคคี
การให้กำลังใจ การเสียสละ ร่วมให้ข้อเสนอแนะของบรรดาพี่น้อง ศิษย์เก่าโรงเรียน
บ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) และท่านผู้มีอุปการคุณ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้
เสียสละ จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ เพื่อให้โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา)
ให้เป็นสถาบันของลูกหลานชาวปรางหมู่ ตราบนานเท่านาน ขออวยพรให้มีความสุข
ความเจริญ และเดินทางกลับโดยสวสั ดิภาพ

ขอขอบคุณเป็นอยา่ งสูง

(นายเชย ทองฤกษ)์
ประธานคณะกรรมการโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทยศ์ ึกษา)

จากใจ ผอ.โรงเรียน

โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) ในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มีความพร้อม
หลาย ๆ ด้าน แต่กย็ งั มีสิง่ ที่ต้องทำและต้องการความรว่ มมือจากหลาย ๆ ฝา่ ยอีกมาก
เช่นกัน ตั้งแต่วันก่อตั้งโรงเรียนจนกระทั่งครบรอบ 100 ปีแล้ว เราจะก้าวต่อไปด้วย
ความร่วมมือของทุกคน เพราะโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) เปรียบเสมือน
บ้านของทุกคน ไม่มีใครที่จะสามารถมาดูแลได้หากไม่มีคนคอยช่วยเหลือ สนับสนนุ
เสียสละเพื่อส่วนรวม และวันนี้ก็เป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพวกเราทกุ คน ในการที่จะ
ทำให้โรงเรียนของเราก้าวหน้าต่อไปเพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา เป็น
“บ้านเรา วดั เรา โรงเรียนเรา”

ขอขอบพระคุณคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านปรางหมู่
(ศรีวิทย์ศึกษา) ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน
ที่ช่วยกันสร้างโรงเรียนแห่งนี้ จนมาถึงปัจจุบัน คิดว่านอกจากนี้ต่อไปเราจะร่วมพลัง
สานปณิธาน อาจารย์รุ่น เศียรอุ่น ในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในทุก ๆ ด้าน
และก้าวไปพร้อม ๆ กัน ด้วยความเข้มแข็งยังประโยชน์ให้โรงเรียนบ้านปรางหมู่
(ศรีวิทยศ์ ึกษา) เปน็ สถาบันการศึกษาทีม่ ีชือ่ เสียงและมีคุณภาพต่อไป

ช่นื จิตร แก้วสขุ
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทยศ์ ึกษา)

จากใจศษิ ยเ์ กา่

ขอแสดงความยินดี ชื่นชม โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) ที่ก่อตั้งมา

100 ปี ผมเป็นศิษย์เก่าคนหนึ่งของโรงเรียน ได้เรียน ป.1 ปี พ.ศ. 2504 ได้เรียน

ก.ไก่ มีคุณครูกลับ ทองหนูนุ้ย เป็นผู้สอน และได้รับโอกาสทีด่ ีมาก ๆ ที่ทางโรงเรียน

ได้ขยายการศึกษาถึง ป.7 ต้องกราบขอบพระคุณผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำให้เกิด

โรงเรียนทีด่ ี ๆ รวมถึงคุณครทู กุ ๆ ท่านต้ังแต่อดีต จนถึงปจั จบุ ัน

ผมขอนำคำกลอนของ อาจารย์รุ่น เศียรอุ่น ที่ท่านได้แต่งกลอนไว้

ตอนครบรอบ 84 ปี ของโรงเรียน

“กมุ ภาพันธ์-สีห่ กสี-่ ยี่สิบหก เถลิงศก เฉลิมฤกษ์ เบิกราศี

บ้านปรางหมู่ ระหวา่ งวัด ใกล้นที โรงเรียนมี นักเรียนมา รว่ มอาคาร

กำนันเกลีย้ ง ดำด้วง พรอ้ มปวงญาติ เจ้าอาวาส สองอาราม สามประสาน

“พระครูคล้าย” รว่ มแรง “แข้งสมภาร” บริการ บริกร ขจรไกล

สดุดี ปูชนีย์ ฆราวาส มากบทบาท พฒั นา ผลอาสิน

อุปถมั ภ์ ค้ำชู ผู้ทำกิน นำท้องถิน่ สยู่ ุคล สุขสมบูรณ์

กำนนั เกลีย้ ง กำนันแก้ว ปล้ำปลุกปั้น นวนกำนนั อนุรักษ์ พิทักษ์ศูนย์

ทรพั ยากร บุคคล ต้นตระกลู เพียรเพ่มิ พนู พัฒนา ประชาชน

คุณครเู ชือน ครูกลบั ลับ เนอื่ ง น่ำ ครูผนู้ ำ แนะช้ี มีเหตมุ ีผล

ศิษยส์ ืบเสาะ ต่อสาย เป็นนายคน ยศนายพล นายพัน ชนั้ กระทรวง

ประกอบกรรม สมั มนา ภารกจิ ใช้ชวี ิต ตามครรลอง ของในหลวง

เหมอื นป้ันดิน เปน็ ดาว สกาวดวง ด้วยผลพวง ปูชนีย์ ชี้แนวทาง

การศึกษาเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุด แต่ให้ผลตอบที่สูงที่สุด ช่วยกับสนับสนนุ

สร้างโอกาสให้ลูกหลาน ชาวปรางหมู่ ได้รับการศึกษาที่ดีทุกท่าน ทุกคนในหมู่บ้านนี้

เปน็ ญาติพี่น้องกนั ท้ังนั้น

ต้องช่วยกันทำโรงเรียน ให้เป็น Smart school ที่สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม

ทาง Online ด้วยระบบ ICT (Information, Communication, Technology) อยากทราบ

อะไรก็สามารถหาข้อมูลได้จากทั่วโลก เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ซึ่งปัจจุบันทางโรงเรียนมี Internet แล้ว มี Smart TV แล้ว 10 เครื่อง (ต้องเพิ่มเติม
เครือ่ ง Computer, Notebook, โทรศพั ท์ เป็นต้น)

ศิษย์เก่าทุกท่านร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาการศึกษา เพื่อพี่น้องชาวปรางหมู่
ทุก ๆ ท่าน กราบขอบพระคณุ ครับ

คุณอำนวย กาญจโนภาส
ตัวแทนศิษยเ์ ก่าโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา)

ชีวิตผมกา้ วมาถึงจุด ๆ นี้ได้อยา่ งไร

หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว
มีเด็กชายลูกชาวนาคนหนึ่ง ต้องดั้นด้นเดินทางจาก
บ้านหลังเดียวที่ตั้งอยู่ชายหัวเขาเมือง (เขาชัยบุรี)
ข้ามคลอง ข้ามทุ่งนา ลุยน้ำ ลยุ โคลน มาด้วยความ
มุ่งม่ัน เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน จำได้ว่า
วนั แรก ๆ ทีเ่ ข้าชนั้ ป.1 ครูคล้อย เทพรักษ์ ซ่ึงเป็น
ครูประจำชั้น ยังจับมือให้เขียนตัวอักษร ก.ไก่
อยู่เลย ถงึ แมว้ า่ บ้านจะอยูห่ า่ งไกลและมีอปุ สรรคใน
การเดินทาง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความ
รับผิดชอบ กระผมก็มาเข้าแถวเคารพธงชาติได้
ทันเวลาทุกวัน และด้วยความมีวิสัยทัศน์ของพ่อกับแม่ที่ไม่อยากให้ลูก ๆ ลำบาก
ในภายภาคหน้า จึงต้ังใจทำงานเพื่อส่งเสียลูกชายคนนีใ้ ห้ได้เรียนหนังสือ เผ่ือว่าสักวัน
หนึ่งจะได้เป็น “เจ้าคน นายคน” แต่เนื่องด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ได้คิดเรื่องผลการ
เรียนอะไรมาก เพราะต้องชว่ ยพอ่ แม่ไถนา เก่ยี วข้าว จนกระท่งั ขนึ้ ชนั้ ป.6, ป.7 ก็เริ่ม
คดิ ถึงอนาคต จึงได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ผลการเรียนจึงค่อย ๆ ดีขนึ้ จนสอบแข่งขันเข้า
ชนั้ ม.ศ.1 ของโรงเรียนพทั ลงุ ได้

ตลอดระยะเวลา 7 ปี (ป.1-ป.7) ที่อยู่ในโรงเรียนบ้านปรางหมู่ กระผม
มีความภาคภูมิใจและประทับใจเป็นอย่างมากที่ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน คอยดูแล
เอาใจใสเ่ ด็กนักเรียนเป็นอยา่ งดีเหมือนลกู เหมือนหลาน ความสำเรจ็ ในวันนี้ จะเกิดขึ้น
ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีจุดเริ่มต้นที่ดี คือ โรงเรียนดี ครูดีที่ช่วยส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทุกคน
ประสบความสำเร็จได้ตามความฝันของตนเอง

ต้องขอขอบคุณโรงเรียนบ้านปรางหมู่และครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้อบรม
สง่ั สอน ให้ศิษย์คนนไี้ ด้มีที่ยืนในสังคมอย่างมีเกียรติและศักดิศ์ รี ดงั คำที่ว่า “เกียรติยศ
ไม่ได้มาด้วยชาติกำเนิด แต่เกิดจากการกระทำ” ความสำเร็จของกระผมคงไม่ใช่
แค่ความภาคภมู ิใจของตัวกระผมและวงศ์ตระกูลเท่านั้น แตม่ ันยังเป็นความภาคภูมิใจ

ของทางโรงเรียน ครูบาอาจารย์และชาวปรางหมู่เช่นกัน ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้
กำลังใจกระผมตลอดมา

พล.ท. อทุ ศิ อนนั ตนานนท์
แม่ทัพน้อยที่ 4

ประวัติโรงเรียนบา้ นปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา)

โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลปรางหมู่
อำเภอเมอื ง จังหวดั พัทลุง เปดิ เรียนครั้งแรกเมือ่ วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ 2464 โดยนาย
บุญเลี่ยง เวชรงั สี ธรรมการอำเภอคูหาสวรรค์ เปน็ ผู้ทำพธิ ีเปดิ จดั การเรียนการสอน
แบบสหศึกษาในระดับประถมศึกษา โรงเรียนตั้งอยู่ ณ วดั ปรางหมูใ่ น โดยอาศัยศาลา
วัดเปน็ สถานที่เรียน ชือ่ ว่าโรงเรียนประจำตำบลปรางหมู่ 1

พ.ศ. 2464-2468 อาศยั ศาลาวัด ณ วัดปรางหม่ใู น
พ.ศ. 2468 นายเกลี้ยง ดำด้วง กำนันตำบลปรางหมู่ พร้อมด้วยราษฏร
ได้ปลูกสร้างอาคารเรียนขนาด 3 ห้องเรียน 1 หลัง ในที่ดินของตนเองและได้บริจาค
ให้เป็นสมบัติของโรงเรียน และนายรอด ปานเพชร ได้บริจาคที่ดินให้กับโรงเรียน
1 แปลง
พ.ศ. 2477 อาคารเรียนชั่วคราวชำรุด จึงย้ายนักเรียนไปเรียนที่วัดปรางหมู่
นอกและวัดปรางหมใู่ น
พ.ศ. 2483 ทางราชการได้ซื้อที่ดินให้โรงเรียน 1 แปลง และได้จัดสรร
งบประมาณให้ปลูกสร้างอาคารเรียน แบบ ป.1 ก ขนาด 3 ห้องเรียน จำนวน 1 หลัง
เป็นเงนิ 1,400 บาท และเปดิ ใช้เป็นสถานทีเ่ รียน เมือ่ พ.ศ. 2484
พ.ศ. 2493 นายเชือน เพชรสวุ รรณ ครใู หญพ่ ร้อมคณะครแู ละราษฏรจัดหา
ทุนตอ่ เติมอาคารเรียน 2 ห้องเรียน
พ.ศ. 2505 นายสุแกล้ว แกล้วทนงค์ เจ้าของโรงเรียนศรีวิทย์ศึกษา ซึ่งเป็น
โรงเรียนเอกชน เปดิ สอนชนั้ มัธยมศึกษาตอนต้น ซง่ึ อยู่ติดกันกับโรงเรียนบ้านปรางหมู่
เลิกล้มกิจการโรงเรียน ได้มอบที่ดินพร้อมสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ คิดเป็นเงิน
ประมาณ 45,000 บาท ให้กับกระทรวงศึกษาธิการและได้มอบให้กับโรงเรียน
บ้านปรางหมู่ และให้วงเลบ็ “ศรีวิทย์ศึกษา” หลงั ชือ่ โรงเรียนบ้านปรางหมู่ โรงเรียนจึง
ได้ชื่อใหมว่ ่า “โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา)”
12 กรกฎาคม 2505 ได้เปิดเรียนชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย

พ.ศ. 2506 คณะครูพร้อมด้วยกรรมการศึกษาโรงเรียนได้บริจาคเงินสร้าง
เสาธงชาติเหล็กสูง 12 เมตร และในปีนี้โรงเรียนได้รับเงนิ งบประมาณก่อสร้างอาคาร
เรียนแบบ 008 ขนาด 3 ห้องเรียน 1 หลัง เป็นเงิน 115,000 บาท และพระ
ปัญญาวรคุณ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสได้มอบเครื่องพิมพ์ดีดให้โรงเรียน 1 เครื่อง
พร้อมอุปกรณ์การศึกษาเป็นเงิน 5,000 บาท คณะครูและผู้ปกครองนักเรียนหาเงิน
ซ้อื เครื่องโรเนียว ราคา 3,750 บาท มอบโรงเรียน

พ.ศ. 2510 ได้รับงบประมาณก่อสร้างโรงฝึกงานแบบ 302 จำนวน 1 หลัง
เป็นเงนิ 45,000 บาท

พ.ศ. 2511 ได้รบั งบประมาณต่อเติมอาคารเรียนแบบ 008 อีก 2 ห้องเรียน
กับ 1 มุขกลาง เปน็ เงนิ 150,000 บาท

พ.ศ. 2514 กรมทรัพยากรธรณี ได้เจาะบาดาลให้ 1 บ่อ และปีนี้นายรุ่น
เศียรอุ่น รักษาการแทนครูใหญ่ ได้ร่วมกับคณะครูและราษฏรสร้างอาคารเรียน 1
หลงั เป็นเงนิ 9,500 บาท พระปัญญาวรคุณ พระมหารมย์ อ่นุ ฤกษ์ พระอธิการเคยี ง
ธมมธโร พระมหากลีบ วรปัญญา ได้บริจาคเงินเพื่อก่อตั้งทุนส่งเสริมการศึกษา ชื่อ
ทนุ “ปญั ญาวุฒิธรรม”

พ.ศ. 2515 พระประโชตสิริธรรม ได้มอบเงินจำนวน 500 บาท เพื่อสมทบ
ทุนซื้อที่ดินให้โรงเรียนและโรงเรียนได้รับงบประมาณทางราชการตอ่ เติมอาคารเรียน
แบบ 008 จำนวน 5 ห้องเรียน เปน็ เงิน 275,000 บาท

พ.ศ. 2516 คณะครู และกรรมการศึกษา จัดหาทุนติดตั้งไฟฟ้าภายใน เป็น
เงิน 32,757 บาท

พ.ศ. 2518 ได้รับงบประมาณช่วยเหลืออุทกภัยภาคใต้ สร้างอาคารเรียน
ช่วั คราวแบบสามัญ 002 ขนาด 5 ห้องเรียน 1 หลัง

พ.ศ. 2520 โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 004 ขนาด
4 ห้องเรียน เปน็ เงิน 326,600 บาท

พ.ศ. 2527 ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 1 หลัง เป็นเงิน
316,000 บาท และ พล ต.ต.พนม ฤทธิ์เลื่อน หาเงินสมทบ 100,000 บาท เพื่อ

ติดตั้งประตูเหล็กโดยรอบและติดตั้งไฟฟ้าภายใน และในปีนี้โรงเรียนได้จัดทอดผ้าป่า
สามคั คีได้เงนิ 100,000 บาท

พ.ศ. 2553 ได้รับการสนับสนุนจากคุณอำนวย กาญจโนภาส จำนวน
300,000 บาท จัดสร้างห้องประชุม โดยจัดซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ติดแอร์ ได้ใช้ชื่อว่าห้อง
ประชมุ กาญจโนภาส

พ.ศ. 2558 เกิดวิกฤติกับโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) จำนวน
นักเรียนลดลงเหลือเพียง 16 คน แต่มีทีมชาวปรางหมู่ที่รักโรงเรียน ซึ่งนำโดยคณุ ครู
รุ่น เศียรอุ่น พ.ต.อ.เอื้อน อ้นดำ และชาวปรางหมู่ ช่วยกอบกู้วิกฤติ จนได้นักเรียน
ท้ังหมด 28 คน

พ.ศ. 2558 นางนิษฐกานต์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วย
คณะครูและบุคลากรได้ออกเยี่ยมบ้านนักเรียนทุกคนที่อายุครบถึงเ กณฑ์เข้าเรียนใน
ชนั้ อนุบาล 1 ตามโครงการรณรงค์การเข้าเรียนในปีการศึกษา 2559 ทำให้มีนกั เรียน
ในวันเปิดเรียนจำนวน 67 คน และในปีนี้คณะศิษย์เก่านำโดยคุณอำนวย กาญจโน
ภาส ได้บริจาคเงินสำหรับโรงเรียนดีประจำตำบล สำหรับปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร
อเนกประสงค์จำนวน 400,000 บาท และจัดซื้อครุภัณฑ์ประจำห้องเรียน จำนวน
200,000 บาท

พ.ศ. 2560 นายสุริยศักดิ์ วรกาญจนานนท์ ผอู้ ำนวยการโรงเรียน ได้เสนอขอ
งบประมาณจาก สพฐ. และได้รับงบประมาณจำนวน 3,600,000 บาท การปรับปรุง
ดงั นี้

- ปรบั ปรุงอาคารเรียน แบบ 008 เปลีย่ นหลงั คา ทาสี เปลี่ยนเพดาน
- ปรับปรุงโรงอาหาร อาคารอเนกประสงค์
- ปรับปรงุ ถนนและสร้างเพ่มิ รอบสนามกีฬา
- สร้างคูระบายน้ำฝาเหล็กบริเวณหน้าอาคารเรียน และรอบสนามกีฬา
ศิษย์เก่าภายใต้การนำของนายอำนวย กาญจโนภาส ก่อสร้างป้ายโรงเรียน
ราคา 360,000 บาท และปรับรุงอาคารอเนกประสงคใ์ ช้เปน็ ห้องเรียนอนุบาล
พ.ศ. 2561 ได้รับเงินจากกองทุนส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน และได้รับจัดสรร
สร้างโรงไฟฟ้าโซลา่ เซลล์ กำลงั การผลิต 7.5 กิโลวัตต์ ราคา 2,320,000 บาท

พ.ศ. 2563 ได้รับจัดสรรงบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ สปช.104/86
จำนวน 1 หลงั 4 ห้องเรียน ราคา 2,632,000 บาท

พ.ศ. ๒๕๖๔ โรงเรียนบ้านแหลมยาง เลิกสถานศึกษา มีนักเรียนมาเรียนที่
โรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทย์ศึกษา) จำนวน 7 คน และให้ดแู ลเอกสารด้วย และทาง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1 จัดสรรรถยนต์ให้ 1 คัน
หมายเลขทะเบยี น บต 7107 พัทลงุ เพ่อื ใชร้ บั -สง่ นักเรียน

โรงเรียนรบั การสนบั สนุนจากสำนกั งานสหกรณจ์ งั หวดั ยะลา สนบั สนุนรถยนต์
กระบะ จำนวน 1 คัน หมายเลขทะเบยี น นข 2120 พทั ลงุ

พ.ศ.2564 นางชื่นจิตร แก้วสขุ ดำรงตำแหนง่ ปัจจุบัน
พ.ศ. 2565 โรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุลบาล 2 - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
มีนักเรียน 139 คน ผู้บริหาร จำนวน 1 คน ข้าราชการครู จำนวน 8 คน ครูอัตรา
จ้าง จำนวน 3 คน บุคลากรวิทยาศาสตร์ จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่ธรุการ 1 คน
นักการภารโรง จำนวน 1 คน

ทำเนียบผบู้ ริหารโรงเรียนบ้านปรางหมู่ (ศรีวิทยศ์ ึกษา)

ที่ ชือ่ ผู้บริหาร ปีดำรงตำแหนง่ ตำแหนง่

1 นายแจ้ง พทิ ักษ์เผา่ 2464-2466 ครใู หญ่

2 นายนำ เพชรสังข์ 2466-2468 ครูใหญ่

3 นายเนื่อง เขมะวนิช 2468-2469 ครูใหญ่

4 นายเพิ่ม ศิวราธร 2469-2470 ครใู หญ่

5 นายเพีย้ น มสุ ิกะนเุ คราะห์ 2469-2470 ครใู หญ่

6 นายเชือน เพชรสุวรรณ 2470-2476 ครูใหญ่

7 นายบุญให้ พฤทธิพันธ์ 2476-2477 ครใู หญ่

8 นายเชือน เพชรสุวรรณ 2477-2480 ครใู หญ่

9 นายเนือ่ ง เขมะวนิช 2480-2482 ครใู หญ่

10 นายเชือน เพชรสุวรรณ 2482-2508 ครูใหญ่

11 นายเคลือน เพชรพิสิฐ 2508-2514 อาจารย์ใหญ่

12 นายร่นุ เศียรอุน่ 2514-2529 อาจารยใ์ หญ่

13 นายประเทือง จรุ พุ นั ธ์ 2529-2530 อาจารย์ใหญ่

14 นายเวยี น ชมุ ขวญั 2530-2535 อาจารย์ใหญ่

15 นายแกล้ว ชรู ตั น์ 2535-2537 อาจารยใ์ หญ่

16 นายสมั พนั ธ์ เส้งนุ้ย 2537-2539 อาจารยใ์ หญ่

17 นายมีเพยี ร ฤทธิไชยนิตย์ 2539-2541 อาจารยใ์ หญ่

18 นายถาวร วรี ะกิติคุณ 2541-2543 อาจารย์ใหญ่

19 นายจรญู ทับชุม 2543-2551 ผอู้ ำนวยการ

20 นายกร สุวรรณมณี 2551-2557 ผอู้ ำนวยการ

21 นายพูนผล เกตสุ วุ รรณ 2557-2558 รักษาการผู้อำนวยการ

22 นางนิษฐกานต์ สวุ รรณคีรี 2558-2559 ผอู้ ำนวยการ

23 นายสุริยศักดิ์ วรกาญจนานนท์ 2559-2564 ผอู้ ำนวยการ

24 นางชืน่ จิตร แก้วสุข 2564-ปจั จบุ นั ผอู้ ำนวยการ

สักวาบชู าครู

สกั วาเอ๋ยสักวาบทแรกนี้ ขอทวยเทพอปั สรศรีจากสวรรค์
ท่ัวสกลจักวาลชมุ นมุ พลัน น้อมดวงมานอภิวนั ทน์บูชาครู
ใช้อกั ขราแทนมาลามาร้อยรดั นบพระคณุ การุณย์ภักดิช์ อ่ งามหรู
สิ่งศกั ดิ์สิทธิ์ท้ังไตรรตั น์ชว่ ยเชิดชู ศิษย์วอนโปรดดลให้ครสู ขุ สมเอย
เริ่มบทสองครเู ปน็ ครูเชิดชศู รี
สักวาเอ๋ยสักวาท่วงทำนอง ปรางหมู่มีครรู ุน่ อุ่นไผท
ศกเกา้ ศนู ยจ์ ุดเริ่มต้นยอดคนดี ครอู ทุ ศิ ใจกายไม่หวัน่ ไหว
จุดเริ่มต้นทา่ มกลางและบ้ันปลาย ต่อแตน่ คี้ รูจากไปเสียแล้วเอ๋ย
ฝกึ สอนศิษย์พัฒนาก้าวหน้าไกล ศกสามศนู ยด์ วงกมลครหู ม่นหมอง
พฤษภเข้ามาครองจะลาจร
สักวาเอ๋ยสกั วาสามเริม่ ต้น ซ้งึ ประจักษ์ในคณุ ครไู ม่รู้ถอน
ชอ่ โศกรว่ งไปตามครรลอง มืดกส็ ว่างเพราะครสู อน สอนเราเอย
แสนอาลยั โศกเศร้าใจอาลัยรกั มวลศิษย์ประดามีของครผู อง
สรรพวิชาทีไ่ ด้รู้ครูพร่ำวอน แด่ครรู ุ่นผคู้ รองอยูก่ ลางใจ
แสนแจ่มชัดไม่พะวงสิ้นสงสัย
สกั วาเอ๋ยสักวาบทที่สี่ ครมู อบไมตรีไวจ้ ับใจเอ๋ย
บรรจงเรียงน้ำคำร่ำรอ้ ยกรอง พรมิ้ เพริศแพร้วสีขาวสกาวใส
ศิษยท์ ว่ั ถ้วนล้วนซ้ึงในกิจวตั ร น้ันมอบให้มิรงั เกยี จเดียดฉนั ท์กัน
รกั หวังดีไม่ว่าศิษย์ใดใด ครรู ว่ มราษฏรพ์ ัฒนาพาสขุ สนั ต์
ชอ่ ดอกแกว้ จะรว่ งพลันอาลยั เอย
สกั วาเอ๋ยสักวาบทห้ามอบดอกแก้ว นำคำร้อยเรียบเรียงอักษรศรี
พรหมวิหารสีค่ รมู ตี ่อใครใคร หนึง่ พฤษภฤกษ์ดีทีม่ าครบ
บ้านปรางหมู่น้ันเจริญด้วยความสามารถ เทพช่วยประสิทธิป์ ระสาทอย่ารู้จบ
เปน็ ดุจศูนยร์ วมใจไปนิรนั ดร์ ขอนอบนบพรไว้ให้ครูเอย

สกั วาเอ๋ยสกั วาปนดอกสร้อย
มอบแดค่ รรู นุ่ เศียรอนุ่ ทวี
ร้อยกรองจากหัวใจศิษย์และญาติ
ศรีครูศรีปรางหม่รู ู้เลิศลบ

สกั วาเอ๋ยสกั วาจะลาแล้ว เอือ้ นเสียงแผ่วเพลงลามากลอ่ งขวัญ
มนตเ์ พลงพณิ เทวาหาคนธรรพ์ ขบั กล่อมเมือ่ ศรีวันศรีครไู ทย
สายหนึ่งน้ันพ้อลาคราจากเจ้า สายสองสามเรง่ เร้าจบั จิตไฉน
เสียงสายพณิ ดจุ ดงั ศิษยส์ ง่ พลงั ใจ มอบรักไวแ้ ดค่ รมู ั่นนิรันดรเ์ อย

ประวิชญา เพชรรกั ษ์ แต่งมอบ
อาจารยร์ ่นุ เศียรอ่นุ

เนื่องในงานกตัญญคู รรู ุ่น 25 เมษายน 2530

ปรางหมู่ที่รกั

รุ่น เศียรอนุ่ ปรางหมู่ ครเู กษียณ

ประจงจด บทแบบ ให้แนบเนียน ด้วยความเพียร พยายาม ตามปัญญา

รำลึกบญุ คุณถิ่น แผ่นดินเกิด ทีท่ นู เทดิ พระพทุ ธ ศาสนา

แหลง่ ชุมนมุ ขมุ ทรัพย์ นับนานา พชื ผกั ปลา เนืองนอง ท้องท่งุ งาม

บ้านปรางหมู่ ติดอำเภอ ถงึ สองแหง่ ตำบลแบ่ง ท้องที่ มีถึงสาม

ปรางหมู่ “เมือง” เรืองรอง “สองอาราม” “ควนหนุน” นาม “แพรกหา-พนมวงั ก”์

อาคารเดี่ยว เรียงราย ท้ังซ้ายขวา อูข่ ้าวปลา ริมคลอง สองฟากฝงั่

มะม่วง ปราง ปริง ประ กระท้อน ทัง แมกไมบ้ งั ป่าปก วหิ คบิน

ธรรมชาติ ประสาทสุข ทุกระบบ ภาคพืน้ ภพ เขาปา่ พนาสินธุ์

ลมแดดดล ฝนฟา้ ชะโลมดิน ผลอาสิน ซ้อื ขาย ไมข่ าดแคลน

ต้นรากศพั ท์ ระดับฐาน บา้ นปรางหมู่ ตามผรู้ ู้ เล่าไว้ ไม่หวงแหน

“ปราง” ใช่ ปรางค์ ปราสาท มาศเมอื งแมน หรือ “ปราง” แทน แก้มน้อง ผอ่ งผวิ พรรณ

“ปราง” ไม้ผล สุกสด รสเปรีย้ วหวาน เขียวไสว ใบก้าน สมานฉันท์

“หม”ู่ คือกลมุ่ ปราง-ปริง กิง่ เก่ียวกัน เถาวัลย์พนั เกาะกอด ตลอดใบ

“บ้านปรางหม”ู่ หมู่มะปราง สัญลักษณ์ บอกความรัก สามคั คี ที่โปร่งใส

“วิสาสะ กตัญญ”ู คู่กายใจ สืบสายใย รักแท้ แต่โบราณ

กลัวจนหลกั จกั หล่น ตน้ ลำบาก จึงเขียนฝาก ลำนำ เชงิ คำสาร

หายากยิ่ง อิงอ้าง ทางพยาน ขาดหลักฐาน ค้นคว้า อาจอภัย

กรองกลอนนำ ตำนาน อา่ นสนุก เรือ่ งย้อนยคุ ย้อนกาล นานสมัย

แดนคนเดน่ คนดี มนี ้ำใจ เบกิ มา่ นไม ตรีมน่ั นิรันดรก์ าล

สองศนู ยร์ วม ศาสนา สถาปตั ย์ คอื สองวดั ปูชนีย์ สถาน

สองฝั่งคลอง สองโรงเรียน ประชาบาล บริการ บุตรา ธิดาดวง

“ปรางหมู่ใน” กอ่ ต้ัง คร้ังกรงุ ศรี อยธุ ยา ธานี เป็นเมอื งหลวง

ด้วยศรทั ธา ประชาชน เป็นผลพวง แข่มโชติช่วง จำรสั พฒั นา

ศก“สองหนึ่ง เก้าสี่”ศิลาฤกษ์ ปีบกุ เบกิ อาวาส ศาสนา

ศก“สองสอง ศูนยส์ ี่”มีบัญชา วสิ งุ คาม สีมา โปรดประทาน
หลวงพอ่ เจ้าอาวาส ฉลาดหลาย ขยบั ขยาย กุฏิ โบสถ์วิหาร
หลายสิบองค์ เกนิ อ้าง ทางผลงาน วางรากฐาน ศาสนา สถาวร
“ปรางหม่นู อก”เดิมเปน็ ปา่ ผลาหาร เหมาะแก่การ วปิ ัสนา นา่ พกั ผ่อน
ถนนหลวง ผ่านกลาง หนทางจร เปน็ ข้ันตอน บอกแบ่ง ตำแหน่งดิน
พระลกู วดั ไปอยู่ ดูแลที่ ตั้งกุฏิ รกั ษา ผลอาสิน
แบ่งเปน็ สอง อาวาส ทงั้ บาตรบณิ ฑ์ ปฏิทิน “สองสอง ศูนย์หนึง่ ”ปลาย
แยกทีฉ่ ัน ถึงวัน “สำคญั ศาสน”์ ต้องรวมญาติ รวมมิตร ศิษยส์ หาย
“ปรางหมู่ใน”ศนู ยร์ วม ร่วมใจกาย ทรงค่าไว้ สามคั คี ยตุ ิธรรม
ถึงสองวัด สองสมภาร งานเปน็ หนึ่ง คนซาบซ้งึ ศาสนา อุปถมั ภ์
ตา่ งรว่ มใจ ใยดี พิธีกรรม ท้ังผนู้ ำ ผตู้ าม งามน้ำใจ
“ห้าสี่สาม ตุลา คมมาส” ทรงพระราช ทานที่ ขจีใส
วิสุงคาม สีมา อ้าอำไพ ซาบซ้งึ ใน พระมหา กรณุ าธิคณุ
ฤกษ์ที่ “แปด กุมภา มาฆะมาส” จาตุรงคสันนิบาต ประสาทสุนทร์
ประชมุ อคั รสาวก ได้ปกปณุ ณ์ โปรดคำ้ จุน ปรางหมู่ อยู่ถาวร
“องค์”อคั รศาสนู ปถมั ภก ทรงยอยก ศาสนา อดิศร
“สมเด็จ” พระราชัน เบกิ บญั ชร ชนนิกร รม่ เยน็ เปน็ มงคล
“ภูมิพล” ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ราษฎรพ์ รง่ั พร้อม ถวายพระพร ขจรผล
“มหาราช” ประกาศก้อง ซร้องสกล ประสงคใ์ ด สฤษฏด์ ล พระทยั ปวง

รนุ่ เศียรอนุ่ 41

บ้าน-วัด-โรงเรียน
เปน็ สมบัติของเรา

บ้านปรางหมู่ คนปรางหมู่ อยอู่ าศัย
ใต้ธงไทย กษัตริยช์ าติ ศาสนา
วดั ศนู ย์รวม ศิลป์-ศาสตร์ ปราชญป์ รีชา
พฒั นา พาเจริญ นบั เนิ่นนาน
โรงเรียนสร้าง คนดี มีประวัติ
ทกุ สังกดั ภาคสว่ น ล้วนกลา่ วขาน
สามเสาหลกั ปกั ในหิน แผ่นดินดาน
โรงเรียนบ้าน กับวัด สมบัติเรา
ณ วาระดิถี ขึ้นปใี หม่
รวมดวงใจ ชาวปรางหมู่ ทกุ หมเู่ หล่า
เปน็ หนึ่งเดียว เกี่ยวกัน กลน่ั กลึงเกลา
สร้างภูเขา ศรัทธา สามัคคี
กอปรเก้ือหนนุ คณุ ดิน ถิ่นสถาน
รกั วดั บ้าน โรงเรียน ไม่เปลีย่ นสี
มิง่ มงคล มนตช์ ยั ไตรภาคี
สดุดี ปรางหมู่ บา้ นคู่บุญ.

รุ่น เศียรอนุ่ 51

บ้านเรา วัดเรา โรงเรียนเรา

ทีน่ ี่ ไมใ่ ช่เหอ ไอ้เกลอรกั คอื สำนกั อา่ นเขียน เรียนหนังสือจำอีกา

ตาดี ตีกระบือ ตาโถ ถอื โถหู ดูตานา

จำตาหวงั หลงั โกง ทีโ่ รงหมู จำคุณครู บอกงาน การศึกษา

มือเปือ้ นชอลค์ เช้าคำ จำติดตา ไกลสุดดิน สนิ้ สดุ ฟา้ ยังตราตรึง

จำโรงธรรม หลงั เกา่ เสาแปดเหลีย่ ม เรียนชน้ั เตรียม ก.ข. จน ป.หนึง่

โรงธรรมเกา่ เสาฝงั ข้างต้นทึง เคยได้พึ่ง พกั กาย สบายใจ

จำต้นขัน ลานวัด หัดพละ ใต้กุฎิพระ ริมคลอง ห้อง ป.ไหน

จำโรงพกั ริมทาง ข้างต้นไทร โรงเกบ็ ไม้ ข้างกอกำ จำไหมเกลอ

คอื สถาน ลานวัด ประวตั ิศาสตร์ ไมส่ นิ้ ชาติ รำลึก นึกเสมอ

แมค่ วามหวัง ครั้งเก่า คราวเพอ่ื นเกลอ ฉนั และเธอ จะไม่เหน็ เปน็ พยาน

แต่ภาพพจน์ ตราตรึง รัดตรึงจิต รอยลิขิต แหง่ รกั สมัครสมาน

ถึงแผน่ ดิน กลบหน้า ขอสาบาน โรงเรียน บา้ นปรางหมู่ คู่แผ่นดิน

คราโรงเรียน บา้ นปรางหมู่ สู่วิกฤต เหมอื นมลพษิ โรคา มหาหิน

ชมรมเขย ปรางหมู่ รู้คณุ ดิน สถานถิ่น สถาบนั ขอสัญญา

จะปกป้อง ประชาบาล บ้านปรางหมู่ ให้ยืนอยู่ ค่ชู าติ ศาสนา

บ้านโรงเรียน กบั วดั ด้วยศรทั ธา พฒั นา ร่วมกนั วนั บวร

มาร่วมฝัง ร่วมปลกู ฝากลกู หลาน ประชาบาล ปรางหมู่ มีครูสอน

คนเกา่ แก่ แม่พ่อ ขออ้อนวอน นำลกู อ่อน มาอา่ นเขียน โรงเรียนเรา

เขยกบั ศิษย์ มติ รญาติ ประกาศกล้า จะเข้ามา รว่ มวง ลงฐานเสา

ขอปกปกั นกั สู้ ไมด่ เู บา บ้านวัด โรงเรียนเรา อยเู่ นานาน.

จาก อาจารย์รุ่น เศียรอนุ่

ปรางหมู่ทีร่ กั

รุ่น เศียรอนุ่ ปรางหมู่ ครูเกษียณ

ประจงจด บทแบบ ให้แนบเนียน ด้วยความเพียร พยายาม ตามปัญญา

ราํ ลึกบุญ คุณถิน่ แผ่นดินเกิด ประเดิมเปดิ ประเดน็ ไว้ ได้ศึกษา

แหลง่ ชุมชน ขุมทรัพย์ นับนานา พชื ผกั ปลา เนืองนอง ทอ้ งทุ่งงาม

ปรางหมตู่ ิด อำเภอ ถงึ สองแห่ง ตำบลแบ่ง ท้องที่ มีถึงสาม

ปรางหมู่อำ เภอเมือง เรืองอาราม ควนหนุนนาม แพรกหา พนมวงั ก์

อาคารเคยี ง เรียงราย ทงั้ ซา้ ยขวา อ่ขู ้าวปลา ริมคลอง สองฟากฝั่ง

มะม่วงปราง ปริงประ กระท้อนทัง แมกไมบ้ ัง ป่าปก วหิ คบิน

ธรรมชาติ ประสาทสุข ทุกระบบ ภาคพนื้ ภพ ป่าเขา ลำเนาถิน่

ลมแดดดล ฝนฟา้ มาโลมดิน ผลอาสิน ซ้อื ขาย ไม่ขาดแคลน

ต้นรากศัพท์ ระดบั ฐาน บ้านปรางหมู่ ตามผรู้ ู้ เล่าล่วง ไม่หวงแหน

“ปราง” ใช่ปรางค์ ปราสาท มาศเมอื งแมน หรือปรางแทน แก้มน้อง ผ่องผวิ พรรณ

“ปราง” ไมผ้ ล สกุ สด รสเปรีย้ วหวาน เขียวไสว ใบก้าน สมานฉนั ท์

“หม”ู่ คอื กลุ่ม พมุ่ ปราง ต่างเกี่ยวกนั เถาวลั ยพ์ ัน เกาะกอด ตลอดใบ

“บ้านปรางหมู่” หมู่ปรางนั้น สญั ลักษณ์ บอกความรกั สามัคคี ทีโ่ ปร่งใส

วิสาสะ กตัญญู คู่จติ ใจ สืบสายใย รักแท้ แตโ่ บราณ

กลัว “จนหลัก จกั หล่น” คน้ ลําบาก จึงเขียนฝาก ลำนำ คำบอกขาน

ยากหาสิง่ อิงอ้าง ทางพยาน ขาดหลักฐาน ค้นคว้า หาที่ใด

กรองกลอนนำ ตำนาน อา่ นสนกุ เรื่องย้อนยคุ ย้อนกาล นานสมยั

แดนสร้างคน ผลงาน ประสานใจ เป็นโชคชัย ตำบล คนใจงาม

วันทีห่ า้ ธันวา มหาราช พทุ ธศาสน์ ลว่ งปี ห้าสีส่ าม

ฤกษ์สี่สญู พลู ผล มงคลยาม เข้าอาราม คารวะ พระชินวรณ์

กราบองค์พระ ปฏิมา ประจำถิ่น ต้นโกสนิ ทร์ มหินทรา อนสุ รณ์

พระกรรณเกศ เนตรขนง อลงกรณ์ องคเ์ อวออ่ น โอษฐย์ ิม้ พริ้มเพริศเพรา

ลวดลายทอง ลอ่ งชาด ฉลาดฉลุ เหมอื นองคอ์ ิศวร์ วษิ ณุ ผหู้ ลอ่ เหลา

อธิษฐาน ประสานหัตถ์ ช่วยขดั เกลา ให้เชิงเชาว์ กลอนดล เหมือนมนตรา

จากวัดนอก ออกประตู สปู่ จั ฉิม เปย่ี มเปรมปริ่ม แรงบญุ อุ่นเกศา

ปรางหมใู่ น โบสถ์อาราม อรา่ มตา น้อมบชู า เขือ่ นคู่ คณุ าคุณ

คนเคารพ นบไหว้ ทั้งชายหญิง ศักดิ์สิทธิ์สิง่ ประดบั แสง เป็นแรงหนนุ

อัฐสิ อง เจ้าอาวาส อำนาจบญุ ความการุณย์ คุ้มเกล้า ชาวประชา

โนราหนัง ต้ังเครือ่ ง ประโคมก้อง คชาร้อง หมอบราบ กราบไหว้หา

จดุ ธูปน้อม คอ้ มกาย หมายบูชา ขอพรลา เข้าโบสถ์ โอษฐ์สกั การ

กราบพระพทุ ธ กฏุ ิน้อย ถ้อยคาถา ด้วยศรัทธา อิทธิ ปาฏิหาริย์

อ้างองค์พระ ปฏิมา เป็นปราการ อภิบาล คุ้มเกล้า ทุกเช้าเย็น

เปน็ ศิลปะ สุโขทัย อันไพจิตร เคยพชิ ติ ขจัดทุกข์ ปราบยุคเข็ญ

คุณครูถัด รัฐมนตรี ท่บี ำเพญ็ อญั เชญิ เป็น พระประธาน มานานนม

กราบรูปเหมือน “อปุ ชั ฌาย์ทา่ นกาเดิม” ผสู้ ง่ เสริม ทางปัญญา เปน็ ปฐม

เมตตาธรรม นำทางดี ผู้มีพรหม กราบบงั คม ท่านพระครู น้อมบชู า

ถึงสะพาน ผา่ นเข้า เขตควนหนนุ เคยทำบุญ ร่วมกัน ไร้ปัญหา

บ้านชายวดั ถดั ล้วน สวนหญ้าคา รำลึกป้า ชื่อหมุน เคยจนุ เจือ

ออกถนน สายใหญ่ เลยี้ วไปซ้าย บ้านเรียงราย ญาติมิตร สนิทเหลือ

เสียงเรียกก้อง ร้องขาน เปน็ วา่ นเครือ เคยเอือ้ เฟ้อื เผอ่ื แผ่ ให้แก่กัน

ถึงโรงเรียน ท่งุ ยางเปล เวลาสาย มองขวาซ้าย ไมม่ ียาง อย่างกลา่ วขวญั

อนสุ รณ์ “ขนุ เทพบาล” ท่านกำนัน สายสัมพันธ์ อุทิศไว้ ให้สงั คม

เดิมป่าปก รกร้าง กลางท่งุ ใหญ่ “ศึกษาไทย” (ไทย=ช่ือ) เปิดขึ้น ชน้ั ประถม

เป็นตัวอยา่ ง สร้างเสก เอกอุดม ปั้นโคลนตม เปน็ เพชร เกลด็ แพรวพราย

ศิษย์ร้อยพัน ชน้ั ดี มีระดับ โลกยอมรับ ความสามารถ สมคาดหมาย

ขอวิญญาณ ทา่ นขนุ พ้นวนุ่ วาย ชนหญิงชาย เชดิ ชู เฝา้ บชู า

ทั้งวิญญาณ อาจารย์ไทย ใสสงบ ในภูมิภพ สรวงสวรรค์ ชั้นเวหา

กราบเทพไท ยางเปล ทกุ เวลา บ้านข้างหน้า นาพอื ชอ่ื พิกล

นาทีใ่ ด ไหนหรือ กระพอื ปีก โผบนิ หลีก ทงุ่ กว้าง ไปกลางหน

บ้านท่งุ ขา่ ข่าตะไคร้ ใช่ขาคน อย่าดนิ้ รน ค้นหา ตน้ ขานาง

เปน็ ชมุ ชน สนใจ ไม้ประดบั ดอกระยับ เหลืองเข้ม เตม็ กระถาง

กระดังงา ผกากรอง สองข้างทาง ปักรม่ กาง เรียงราย ขายมาลยั

ทำไร่นา ค้าขาย ขยายผล ทุกผคู้ น ล้วนขยนั ทนั สมยั

ริมถนน ทศิ อุดร บ่อนชนไก่ คนหย่อนใจ หย่อนกาย คล้ายบอ่ นมวย

ถึงทุ่งปรือ คือกก ยกชอ่ื บ้าน ถามหลานหลาน พนั พรอื ชอ่ื จึงสวย

แมไ่ มใ่ ช่ เศรษฐี ทีร่ ่ำรวย แตเ่ พียบด้วย ความขยัน ไม่พันพรือ

ทำนาสวน ล้วนหา อาชพี หลกั งานเบาหนัก ทำกันมา นา่ นับถือ

จำปะดะ มะปริง ขิงกะทือ ผลัดเปลี่ยนมือ ซ้อื ขาย สบายดี

งานช่างไม้ จกั สาน งานสลกั งานเย็บปัก ลวดลาย หลายหลากสี

สุขสรวลเส เฮฮา เอือ้ อารี เปน็ น้องพ่ี ญาติมิตร ไม่ปิดบัง

ท้องทงุ่ กว้าง สุดกู่ เหนือหม่บู ้าน งามตระการ รวงทอง ท่ีปองหวัง

โขดเขาคู่ ดเู ด่น เป็นฉากบงั พนมวังก์ ต้ังติด ชิดนมนาง

คล้ายประทุม พมุ่ พวง บนทรวงสาว งดงามราว บัวสวรรค์ ตะวันสาง

ตึงต้ังเตง่ เปลง่ ปลง่ั บงั บางบาง คดิ หาทาง ดึงเสอื้ ดูเนือ้ น้อง

แตส่ งั ขาร ผา่ นมา ชราภาพ สิน้ แล้วลาภ ผู้เฒ่า เปน็ เจ้าของ

ให้หนมุ่ น้อย หน่มุ ใหญ่ เขียนใบจอง ลุงจงึ ต้อง ทำใจ ไมเ่ หลียวแล

โคชรา คราอด ครดหญ้าแห้ง เพราะเรี่ยวแรง ปรกเปรี้ย นอนเลียแผล

หดเหี่ยวหู หูหวั เปน็ ตัวแปร จบลงแค่ อนิจจัง สังขารา

ลัดทุ่งทอง มองข้างหน้า ป่ารายรอบ เข้าเขตขอบ เนนิ เขา ลำเนาผา

เขานางชี เขารนุ เขาบ่อลา ศรีธรรมา ชัยบุรี ท่ตี ั้งเมอื ง

ตำนานเกา่ ผู้เฒา่ เล่าแถลง เรื่องนายแรง ไล่แลน แลน่ ลงเหมือง

ใช้พรา้ โต้ ซัดตาม ด้วยความเคือง แลนตัวเขื่อง เข้ารูตรง ดงลำแพน

นายแรงเม่อื ย เหนื่อยหอบ เอาจอบขดุ ศอกสะดุด เขาเขียว เสียวถึงแขน

โกรธหนั หุน รนุ เขา จับเอาแลน ฟัดกบั แผ่น ศิลา เลือดกระจาย

คลองอ้ายโต รอยพร้าโต้ นายแรงขว้าง กลายเป็นทาง น้ำไหล ไปเปน็ สาย

เขาทีน่ าย แรงรนุ ตอนว่นุ วาย ช่อื กลับกลาย เรียกหา วา่ เขารนุ

ดินขี้จอบ นายแรง โกยไปทิง้ เขาวดั ลิง เขาบอ่ ลา ป่าสมุน

รอยคมจอบ หน้าหลาก ถากดินดุน เป็นรพู รนุ สำเหนียก เรียกรแู ลน

เขานายแรง ฟัดแลน จนเลือดสาด เป็นสีชาด ชื่อเขาแดง ด้วยแรงแขน

ตำนานเขา เอามา อยา่ ดูแคลน เขตดนิ แดน เขาเมือง เรือ่ งเล่ามา

แดนดงเงียบ เลียบเขา ลำเนาถ้ำ เง้อื มชะงำ้ ชะโงก เปน็ โตรกผา

เปน็ ทิวเขียว เปลี่ยวเปลา่ เงาพนา เขาข้างหน้า ซากเมืองเกา่ เรียกเขาพลู

เนินสูงต่ำ กําแพงหิน อิฐดินเผา อูต่ ะเภา ชื่อบอกชดั ถนัดหู

เสาหลักเมอื ง บอ่ พิพฒั น์ กตญั ญู มีคันคู ประวัติ เห็นชดั เจน

ถ้วยชามฐาน ตีนช้าง กระถางโถ หวั นอโม มีตรา คล้ายเขมร

ดินริมคลอง มองเดน่ เป็นลาดเลน พกิ ดั เกณฑ์ ทส่ี งวน สว่ นราชการ

คนบุกรกุ ปลูกยาง สร้างบ้านช่อง บ้างจบั จอง ได้เลข เอกสาร

ออกทงุ่ กว้าง หว่างเขา ชื่อเนานาน มีหมู่บ้าน หน้าถ้ำ จำได้ดี

บ้านตีนวัด ชิดใกล้ ชายคลองฝงั่ พนมวงั ก์ สังกดั อยู่ ในหมู่สี่

ไม่พบคน วนซา้ ย ชายนที เขตหมู่ที่ เจ็ดบ้าน อาจารยเ์ ชือน

บ้านป่ายาง ข้างคงุ้ ทุ่งหมอใหญ่ เลียบเลาะไป ริมเขา ลำเนาเถอ่ื น

ถ้ำคลุ า ชาวลงั กา เคยมาเยอื น ของในเรือน บรรจุอาสน์ ธาตเุ จดีย์

เจ้าอโศก โลกลือเลี่ยง เรือ่ งพุทธ์ศาสน์ สร้างพระธาตุ ชินวร นครศรี

ไปไม่ทัน บรรจถุ ้ำ ทำพธิ ี ตำนานนี้ ถูกผดิ อย่าติดใจ

ชะง่อนหิน พยคั ฆา หมาทนู ห่อ คล้ายใครกอ่ รปู ศิลป์ กอ้ นหินใหญ่

เสือนอนขวาง ทางหมา ไม่กล้าไป คนรุน่ ใหม่ ตนื่ ข่าว เขาเลา่ ลือ

มีศักดิ์สิทธิ์ สิงเขา ลำเนาถ้ำ ตาขนุ ดำ ปวงชน บนนับถือ

ของสญู หาย ได้กลบั มากบั มือ เครื่องเซน่ สื่อ แก้ปม หนมขาวแดง

ขอเดชะ ตาขนุ ดำ ประจำเขา ให้พวกเรา ใฝก่ ศุ ล ทกุ หนแห่ง

เปน็ ผู้ไม่ ประมาท หวาดระแวง เปย่ี มด้วยแรง สามคั คี มีศีลทาน

จากชายเขา เลีย้ วขวา มาตามหนน ผ่านบ้านคน รายเรียง เคียงขนาน

ถึงยางโพรง ผู้คน เขาบนบาน ยางบนั ดาล ถกู หวย รวยไมจ่ น

นุ่งห่มผา้ หลากสี มีกระถาง ธปู เทียนวาง บชู า หาลาภผล

แป้งโรยคลุก ปลกุ เสก เลขล่างบน บ้างเวียนวน ค้นคว้า หาเลขลอย

เบ้ียบาทหนึง่ อย่าพง่ึ ล่อ ต่อเงนิ แสน ไมแ้ คแ่ ขน สอยฟ้า อยา่ เอือ้ มสอย

เรือ่ งตณั หา ตาหนั ผันเลื่อนลอย เงินเลก็ น้อย พอมีกิน จะสิ้นตาม

ตนพ่งึ ตน จนรวย ด้วยลำแข้ง อยา่ ขอแรง เทวา มาช่วยหาม

ลืมจดุ ธูป เทยี นวาง ต้นยางงาม เดินถงึ สาม แยกกว้าง วดั ปรางคช์ ัย

หลังศาลา อาราม บ่อน้ำแร่ พระหนุ่มแก่ เสกสวด หาขวดใส่

รักษาโรค โชคดี ไมม่ ีภยั กําลงั ใจ สขุ สบาย กายสมบูรณ์

กราบลาท่าน พระครู เคยรู้จกั พระเป็นหลัก สร้างสรรค์ เหมือนจนั ทรส์ รู ย์

ทางทิศใต้ ไม่ผา่ น สะพานปนู ญาติประยูร เหลา่ กอ กพ็ อมี

กลบั หลงั หัน ดั้นด้น ทางหนนหลวง พอเลยลว่ ง ยางโพรง ผา่ นโรงสี

หลาปา่ ขวาง ทางข้าม บอ่ น้ำดี แตว่ ันนี้ บ่อร้าง ชา่ งโรยรา

ดื่มน้ำขวด น้ำโค้ก กลัวโรคนิว่ คนเคยนวิ้ หาบหาม น้ำบอ่ หลา

ชมุ่ ชน่ื ใจ เยน็ กาย ไร้โรคา อนิจจา ค่านิยม สังคมไทย

ใช้ประปา บาดาล สารปูนเกาะ จนขดู เคาะ สารละลาย ออกไมไ่ หว

นำ้ มันรถ นำ้ ดืม่ คน ไมส่ นใจ ผลกาํ ไร มอบให้ พวกนายทุน

ถึงปา่ ยาง ทางเหนือ เชือ้ ป่าขวาง เรียกปา่ ยาง ออกสุด จุดเก้ือหนุน

ชันทำไต้ ใช้ยาเรือ คอยเจือจนุ ลดตน้ ทนุ เลีย้ งครอบครวั ไม่กลวั อาย

ยางถูกตดั จัดขาย ตายหมดสนิ้ พ้นื ผิวดิน ขาดน้ำ ยามกระหาย

เคยอยู่เยน็ เป็นสุข กันทกุ ราย มากลับกลาย ฝนแล้ง แห้งท่วั ไป

บ้านตีนนา ปา่ ยาง ล้วนปรางหมู่ ทงุ่ ไสครู ติดตอ่ ทุ่งหมอใหญ่

หัวนอนหลา ออกเหมือง เลือ่ งลอื ไกล เรือ่ งสายใน วงศ์ญาติ ชาติเผา่ พันธุ์

ริมถนน สองฝงั่ ต้ังบ้านช่อง ขายข้าวของ หลายอยา่ ง ต่างแขง่ ขัน

หวั สะพาน บา้ นนายพล คนสำคัญ ปัจจุบนั สนิ้ บุญ “คุณพนม”

ประมุขบา้ น ประธานใหญ่ โรงเรียนวัด รู้ริเริม่ เรง่ รัด ประหยัดสม

มีประชมุ ร่วมงาน การอบรม สร้างสังคม ปรางหมู่ อยู่พอเพยี ง

สิน้ ผกู้ าร สิน้ สูญ ประยรู ญาติ ไมส่ ามารถ ไม่ปรากฎ รสกลิ่นเสียง

ช่อื พนม มอื ประนม รม่ รายเรียง เกยี รติเกริกเกรียง ก้องหล้า ช่ัวฟา้ ดิน

ถึงคลองเหมือง เงือ่ งหงอย คอ่ นซาสรา่ ง ร่องน้ำกว้าง ไหลเชีย่ ว เปน็ เกลียวสินธุ์

น้ำเออ่ คลอง นองล้น เพราะฝนริน เม็ดฝนสิน้ น้ำแห้ง ไมแ่ ล้งใจ

ข้ามคลองขวาง ปรางหมู่ สตู่ กเหมอื ง สีเขียวเหลือง แดงอรา่ ม งามไสว

กล้วยอ้อยอ้อ กอกอด ตลอดใบ ขา่ เล็กใหญ่ เกาะกลุม่ ชอมุ่ งาม

สองข้างทาง ไมด้ อก ออกสะพรั่ง กระถางตั้ง รายรอบ ขอบสนาม

มะลิลา กาหลง ปริกปรงปาล์ม ดอกสีคราม งามเงา เถาอัญชนั

มาลัยห้อย ยอ้ ยสาย ขายลูกคา้ จอดรถรา รับซ้อื มอื ไม้สน่ั

หัวถนน ชลประทาน ฐานสำคญั ตลอดวนั ตลาดมี บริการ

ผลผลิตหลกั ผักสด รสเข้มขม ลางสาดส้ม หมากพร้าว ของคาวหวาน

ท้ังผักดอง ของแกง แป้งน้ำตาล แผงอาหาร ตามสัง่ คนน่งั รอ

ตลาดนดั ริมถนน ชนบท ของแห้งสด ขายได้ ไม่เหลือหลอ

เดก็ หน่มุ สาว เฒา่ แก่ แมล่ ูกรอ บ้างหยอกล้อ เริงรืน่ นา่ ช่นื ชม

ถึงบ้านทง เดิมต้นทง ตรงกลางบ้าน เวลาผา่ น ทงดับ ตายทับถม

ช่อื ต้นไม้ กลายเป็นบ้าน ยา่ นอดุ ม ประชาคม บ้านทง สืบวงศว์ าน

หัวนอนลา ใชศ่ าลา อาศัยพกั ดินลุ่มลกั ษณ์ แบบอย่าง ทางน้ำผ่าน

ด้านทิศเหนือ เปน็ ทางลา มาชา้ นาน ใต้เปน็ บ้าน เรียกกันทั่ว หวั นอนลา

กลุ่มบ้านใหญ่ ใจสวาท ญาติผู้ใหญ่ เคยอาศยั บุญหนัก เลยี้ งรักษา

ท่านหมดรูป สนิ้ นาม ความชรา เหลือป้าน้า น้องพ่ี มหี ลายคน

อาชพี หลัก ปักดำ ทำเกษตร อาณาเขต ราบล่มุ ชุม่ น้ำฝน

ปลูกพชื ผกั สวนครัว ไม่กลวั จน ทั้งไมผ้ ล ไม้ไผ่ ไหวขจี

คนร่วมมือ ซ่อื สัตย์ สงดั สงบ รู้จกั จบ ไมพ่ ะวง หลงแสงสี

ประชาชน ทุกผู้ อยู่กินดี เงินทองมี จบั จ่าย ไม่ขาดมอื

ถึงบ้านโด ประคู่ดอก บอกชื่อบ้าน คาํ เรียกขาน คมขลัง กว่าหนงั สือ

ดู่เป็นโด ซ้ือเป็นเซ้อ เชอ่ เปน็ ชอ่ื เมอ้ เป็นมือ้ มีไมน่ ้อย นบั ร้อยพัน

บ้านเกาะขัน ขนั ชะเนาะ หัวเราะรา่ เดิมเป็นป่า เรียงราย ล้วยไมข้ นั

ยางขแี้ ร้ง แร้งกา มาร่วมกัน สืบสัมพันธ์ พร่ำพรอด บนยอดยาง

บ้านพานโด ประดู่เดน่ เปน็ ทีต่ ั้ง สองฝากฝ่ัง คลองผา่ น สะพานขวาง

ถนนสาย เอเชยี ลดั แนวทาง บ้านสองข้าง เปลีย่ นแปลง แรงสงั คม

เคยเดินดนิ ถวิลหวง ปวงมิตรญาติ เดีย๋ วนขี้ าด ต่อติด สนิทสนม

นงั่ รถยนต์ มอเตอรไ์ ซด์ สมยั นิยม เคยพักร่ม ชายคา กลบั ราโรย

ตะวันย่ำ ยินสําเนียง เสียงนกร้อง ดังกึกก้อง ไมม่ ี ชะนีโหย

สัตว์นานา หากิน นกบินโบย หมดไปโดย ปริยาย ใกล้สูญพนั ธุ์

เลียบริมน้ำ ตามเวลา กลบั มาบ้าน กินอาหาร ตามมี มิเลือกสรร

ด้วยเหนือ่ ยเหน็ด เข็ดหลัง มาทั้งวนั หยดุ รำพัน ชว่ั คราว เข้ามุ้งนอน

ตะวนั รุ่ง พรงุ่ นี้ ยงั มีกิจ ต้องเกาะติด ชะเลงลักษณ์ เปน็ อักษร

กราบไตรรงค์ องค์ไตรรตั น์ ฉตั รบวร หวั ถึงหมอน หลับกรน จนรุง่ รา

หกธนั วา รบั ประทาน อาหารเชา้ อนุ่ กบั ข้าว สำรอง ไม่ต้องหา

อนั คนแก่ ก่อนตาย ไร้ภรรยา ทรกา ไร้มารดร ยอ่ มออ่ นแอ

สิง่ สำหรับ กบั ข้าว ทงั้ คาวหวาน ลกู และหลาน เออื้ เฟ้อื จัดเผือ่ แผ่

เสรจ็ เรือ่ งปาก เรื่องท้อง ของคนแก่ เดินเดียวแด ดนั้ ดน้ โดยเดียวดาย

ข้ามถนน เอเชยี กําลงั สร้าง จดั ลาดยาง เลนมี เป็นสีส่ าย

นครตรัง สงขลา มามากมาย สะดวกกาย สุขใจ ไปนานปี

พทั ลงุ อาภัพ ปรับถนน ทั้งที่คน ไร้ปัญหา อ้างภาษี

ผแู้ ทนพรรค รัฐบาล ทำงานดี พองบมี กระจาย “ไส้หนมโค”

ใช่ใชค้ ำ รุนแรง แกล้งประชด แตส่ ลด หดหู อยทู่ ีโ่ หล่

เราลืมได้ ไม่เป็นไร ใชใ่ หญโ่ ต ไม่ตอบโต้ ติเตียน คิดเปลี่ยนใจ

วิสัยชน คนใต้ รกั เมืองใต้ ยงั เลือกใช้ บริการ ให้ท่านใหญ่

เป็นคนไทย เลือดสาด ลาดดนิ ไทย คนปกั ษใ์ ต้ เลือกคนใต้ ไมข่ ายตัว

หวั นอนคลอง พานโด โพขีก้ า รู้จักหน้า ทกั ทาย เป็นรายหัว

บ้านในทอน ใสขาม เคยล่ามวัว กรามชา้ งทว่ั หนองปอฟาน บา้ นนาเตียน

หนองตาหนอ ใครหนอ ต้ังช่อื หนอง ปวดสมอง “เวียนหัว”เหมือน “วัวเหียน”

บ้านหนองโอน ออ่ นละเอียด ไมเ่ บยี ดเบยี น หนองม่วงเอน ไมเ่ ปลี่ยน จนเอนเกนิ

บ้านหารหมดิ ตำนาน สถานสถิต พระสำริด ประดิษฐาน คนสรรเสริญ

ตรงวันออก พรรษา พระดำเนิน ชนอญั เชญิ พนมพระ น้อมสการ

ถึงสถาน หารนี้ ทส่ี มโภช เปรมปราโมทย์ พระลง สรงสนาน

องคพ์ ระพทุ ธ หลดุ หลน่ กน้ ลำธาร พวกชาวบ้าน งมหา ระอาใจ

ประชุมยุด ฉดุ กระชาก ลากขึ้นฝั่ง เป็นหลายครั้ง เชอื กขาด ไม่หวาดไหว

ตั้งป้องวิด น้ำลด เกือบหมดไป ฝนหา่ ใหญ่ เทมา ฟ้าคำราม

เกดิ น้ำท่วม ฉบั พลัน ฝนั สลาย พอฝนหาย วดิ ป้อง คร้ังสองสาม

ฝนกระหน่ำ ซำ้ ซอ้ น ต้องผอ่ นตาม พระองคง์ าม จมหาย หลายร้อยปี

จงึ ได้ชื่อ กลมุ่ บ้าน วา่ หารหมดิ สังกดั ติด ตั้งอยู่ หมู่ที่สี่

งานสมโภช จดั เปน็ ประเพณี ของดีดี กลับกลาย เลือนหายไป

ถึงควนมา่ ทพั พม่า เคยมาพกั ไมป่ ระจกั ษ์ รอยจารึก ศึกคร้ังไหน

ช่อื ปรากฏ จดไว้ ได้เตือนใจ คนรุ่นใหม่ ได้จำ เปน็ ตำนาน

โคกมาบปรัง โคกม่วง ล่วงโคกวัด เรียงถัดถดั ชิดใกล้ บ้านชายหาร

โคกวดั ชอ่ื คอื ประวัติ วัดโบราณ ขาดหลักฐาน ตำรา มาอ้างองิ

อาศยั ความ ตามชอ่ื ถือว่าชัด บ้านโคกวดั กบั วดั ร้าง ทั้งสองสิ่ง

ไสในเปรว หว่างเปรว ชอ่ื เปรวจริง เคยแยง่ ชงิ มุดม่วง ยารว่ งกัน

วงั หลมุ พอ บ่อทราย สายน้ำไหล หารน้ำใส เลน่ สนุก สบสขุ สันต์

วดั กับเปรว เอกลกั ษณ์ หลักสำคญั สิ่งผกู พัน ควบคู่ ต่างรดู้ ี

ไรค่ วนคอื สสุ าน ตั้งสามส้าง ชดิ วัดร้าง เดิมต้ัง ทฝ่ี งั ผี

บ้านหนองชี “ทองคง” เป็นองค์ชี บอกชื่อช้ี ออกจากวดั พลดั หนองตาย

หนองชหี าย กลายเปน็ นา อย่าสบั สน ยากจะค้น หาหนอง ร่องรอยหาย

ข้ามคลองเขต ควนหนนุ ไม่วนุ่ วาย บ้านมากมาย ชื่อสวนปราง ชิดข้างคลอง

สวนแตงขาว สาวไหน ใครเจ้าสวน อยากชมนวล เนือ้ สาว ผู้เจ้าของ

หวั นอนบอ่ บอ่ ใด อย่าใฝป่ อง ลงบอ่ ทอง ชบุ ตัว หวงั ยวั่ กาม

ให้ “คนหลง คงหล่น” ไมพ่ ้นบาป เหมอื นถูกสาป ให้หลง เข้าพงหนาม

คนรปู สวย รวยใจดี วจีงาม จึงต้องตาม ตำรา วา่ สวยจริง

ผา่ นตกวดั ลัดไป ไสตน้ หาด ใช่ทางลาด เนินทราย ชายตลิง่

ไมม้ ะหาด สงู ตระหง่าน ทงั้ ก้านกิ่ง เป็นไม้สิ่ง ปลกู สร้าง อย่างแขง็ แรง

บ้านมว่ งเตีย้ บ้านไมเ่ ตยี้ ไปตามต้น ทกุ ผคู้ น ใจเตม็ กายเข้มแข็ง

บ้านทอนเลียบ ไสหลมุ พอ ต่อหนองแกง ทงุ่ ตราบแห้ง หารย่า มาชดเชย

สะพานท้อน ชายถนน คนแนน่ หนา พัฒนา หารกว้าง อย่างเปิดเผย

ชมุ ชนชาว หารย่า นา่ ชมเชย เหมอื นปลกู เตย แมลงตอม ให้หอมไกล

ถึงบ้านหนอง แก้เปลือย เริ่มเมื่อยล้า แวะเข้าหา รม่ รัก พักอาศยั

พบผคู้ น สนทนา ด้วยอาลัย เขาเปลือยใจ เปดิ กว้าง อยา่ งกันเอง

จึงทราบแจ้ง คํา “เปลือย” จนประจกั ษ์ เปดิ ใจรกั ชืน่ ชม ไม่ขม่ เหง

นกั กีฬา กล้าทัก แบบนกั เลง อย่าได้เกรง ใจน้อง หนองแกเ้ ปลือย

ยื่นน้ำใส ในขัน บรรจงจับ สองมือรบั ด้วยกระหาย ดืม่ คลายเหนื่อย

ซ้งึ น้ำคำ สาํ เนียง เสียงแจ้วเจือ้ ย เดินเรอื่ ยเรือ่ ย ตามสบาย รบั สายลม

ทุ่งสามบาท กวาดสายตา ทงุ่ นากว้าง เหมือนใครสร้าง ทงุ่ สาม ให้งามสม

ฟงั ช่อื บา้ น ควานหา คา่ นิยม หรือโง่งม เกิดขนาด ขาด “ไอคิว”

ราคาบ้าน สามบาท ขาดทนุ แน่ ต้องย่ำแย่ สับสน ทนความหิว

หรือ “บว่ งบาศ” มัดคล้อง จนน่องกิ่ว ลา่ มในทิว ปา่ กว้าง ช้างตกมัน

จะจริงจงั ดังคาด หรือพลาดผดิ เขาพงั อิฐ หลกั ฐาน เหมือนสานฝนั

เมอ่ื ช้างพงั สีอิฐ มาติดพัน จนถึงขั้น จับล่าม “บาศสามบ่วง”

ชา้ งพงั เผอื ก ปล่อยกาย จนได้เสีย ตกเป็นเมีย พลายงาม ด้วยความหวง

ติดบ่วงรกั ชกั ซ้ำ ระกำทรวง เรือ่ งเลยลว่ ง มานาน ปว่ ยการเดา

เรือ่ ง “พังอฐิ ” กับ “สามบาศ” อนาถหนา เปน็ เพยี งคา่ สนั นิษฐาน บา้ นกบั เขา

เปรียบความรกั บริสุทธิ์ มนุษยเ์ รา เสมือนเงา ตามตัว ชัว่ นิรนั ดร์

บทวิเคราะห์ วจิ ารณ์ บ้านสามบาท มงุ่ หมายมาด ในทาง ที่สร้างสรรค์

รวบร้อยรดั จดั คํา เพอ้ รําพนั ผดิ “สำคัญ” ผู้ “สรรคํา” พร่ำอภัย

ไทรหัวชา้ ง อ้างชือ่ คอื กล่มุ บ้าน ใชช่ ้างสาร หลงป่า มาแตไ่ หน

ไทรสาขาระย้าย้อย ห้อยกิง่ ใบ พมุ่ สงู ใหญ่ คล้ายคชา งวงงางาม

ช่อื เป็นมิง่ มงคล ตำบลนี้ บางคนช้ี “ชยั ชา้ ง” ชา่ งนา่ ขาม

“ไทร” หรือ “ชยั ” ใครแกล้ง เปลีย่ นแปลงนาม อยา่ ซกั ถาม ถกู ผดิ ให้บิดเบอื น

ถึงหูนบ พบมิตร ท่คี ดิ ถึง หวนคาํ นึง ความหลงั ครั้งเท่ยี วเถ่อื น

คนทำนา กันทัว่ ทุกครวั เรือน สุดสะเทอื น คันนาพงั หลงั ปกั ดำ

พอฝนสิน้ ดินแยก แตกระแหง กอข้าวแห้ง เฉาตาย ท่ชี ายหนำ
พระครคู ล้าย วดั ปรางหมู่ เปน็ ผนู้ ํา นัดคนทำ นบเหนือ เพอ่ื ชาวนา
ขุดคลองคู ดอู ยา่ ง สร้างเหมืองฝาย ชนหญิงชาย ยกพระครู ผู้ปรึกษา
ตา่ งเคารพ นบครู มากบชู า แม้นท่านลา โลกยงั รักฝงั ใจ
คําเล่าลือ ว่ามะมุด สดุ โตใหญ่
ถึงสวนมุด ต้นมะมดุ จดุ ต้ังช่อื กิง่ ก้านใบ เขียวขจี คลี่กระจาย
ผลสุกงอม หอมหวน ป่วนทรวงใน มีคนนบั พีน่ ้อง ทป่ี องหมาย
บ้านไสหนุน ต้นขนุน บุญรองรบั ชนหญิงชาย ชิมซุม่ นมุ่ ลำคอ
ขนุนงาม หนามหนา ไมน่ า่ อาย สิ่งเสพตดิ อย่านึก ให้สึกหรอ
เคยติดต่อ พ่งึ พา อาศยั กัน
ถึงไสเมา ชือ่ ต้นไม้ ใช่สารพิษ ตอบสนอง ชน่ื ชอบ เฝา้ ปลอบขวัญ
บ้านไสหยี ในสวน ล้วนเหลา่ กอ ถึงกดั กนั ฝงั ซาก ในปากเดียว
มากด้วยรัก ภกั ดี เพราะพน่ี ้อง ยังมีโคก ต้นไม้ ไม่เฉาเหี่ยว
การทบทั้ง เคยได้ยิน ลิน้ กบั ฟนั กอดเกาะเก่ยี ว กง่ิ ใบ กระจายบาน
ตกเป็นพวง สกุ สด รสหอมหวาน
ถึงโคกยาง ยางสิ้น ไมเ่ ศร้าโศก ทุกกลมุ่ บ้าน ตกหล่นบ้าง แต่บางเบา
ไมย้ ืนต้น ผลดอก ออกเปน็ เกลียว ตะวนั คล้อย ลอยหาย พอคลายเหงา
เงาะทุเรียน มังคดุ ละมุดมว่ ง ขจัดเขลา ด้วยธรรม พระสมั มา
เดินไมจ่ บ พบกัน แต่วนั วาน รงั สีพราย ส่องลอด ยอดพฤกษา
ด้วยความรกั หว่ งใย ใจเต็มร้อย ฝงู นกกา กลับหลัง คนื รงั นอน
อ้างคณุ งามความดี เปน็ สีเงา เออื้ นเอย่ ปาก ทงั้ รัก ขอพักผ่อน
ราํ ลึกย้อน ชีวิต อดีตกาล
ตะวันรอน ตอนเยน็ เหน็ แสงฉาย รว่ มเปน็ อยู่ อบอนุ่ หนุนลูกหลาน
เยน็ ยะเยยี บ เงียบสงดั สัตว์นานา โรงเรียนบ้าน วัดด้วย ชว่ ยสังคม
กระซิบมิตร สนิทหน้า จําลาจาก ญาติสนิท มติ รสนุก สบสุขสม
ย่าสญั ญา สายัณห์ ตะวันรอน พญายม ลงทณั ฑ์ คือวนั ลา
คร่าชวี าตม์ ยอดหญิง มิ่งเมยี ข้า
ทวนความหลงั คร้ังมี ชีวิตคู่
ชว่ ยพวกพอ้ ง น้องพ่ี บริการ
บริการ ประสานสาย อยา่ งใกล้ชิด
กลางสีส่ ญู สญู เสีย เมียจบจม
เสมือนสาย อสนี แกล้งพฆิ าต

อันทกุ ขัง อนิจจัง อนตั ตา เป็นสจั จา พทุ ธพจน์ คือกฏกรรม
เหตุโฉน ไยเป็น เช่นจาํ เพาะ ประจวบเหมาะ ครัวเรา เศร้าระส่ำ
อยากจะนํา คําพระ ชโลมใจ
ท้ังประจกั ษ์ หนักแน่น ในแกน่ ธรรม อดตายกัน อบั จน เธอทนไหว
เธอคอื เมีย มติ รแม่ มแิ ปรผัน ด่วนจากไกล ไมก่ ลับ หลับนิรนั ดร์
เปน็ แบบอยา่ ง สร้างสรรค์ ไม่ทันไร ประจบจดุ แดนกศุ ล บนสวรรค์
ขอวิญญาณ ศานติ บริสุทธิ์ ขอให้ฉนั อยู่เรียง คเู่ คยี งเธอ
ขอผลบุญ หนุนชาติหน้า มาพบกนั ใคร่เปิดอก เขียนคํา นําเสนอ
พรำ่ เพ้อเจ้อ เกินจริง อวดยิ่งยง
จดจารึก ภารกจิ ก่อนปิดปก ผเู้ สกสวด เลือ่ มใส ในกิจสงฆ์
ไม่ใชห่ ลบั กลางวัน ฝันละเมอ รักร่วมวง พฒั นา เปน็ อาจิณ
ด้วยชมุ ชน ปรางหมู่ คู่นกั บวช เสกสร้างศิษย์ สมหวัง ทั้งศาสตร์ศิลป์
บ้านโรงเรียน กบั วัด เป็นฉตั รธง สลักช้ิน วัสดุ ฉลลุ าย
แหลง่ ชุมชน นักปราชญ์ ประสาทวิทย์ โอสถะ เวชศิลป์ สิน้ ทั้งหลาย
อักษรไสย โหรา ฤกษ์ฟา้ ดิน ศิษยส์ ืบสาย ประสานฝัน หลายพันคน
สถาปัตย์ ประทัดตรวด นวดโยคะ เจนจบศาสตร์ หลากสาขา ปฏิสนธิ์
ปาติโมกข์ ปริยตั ิ ตดั อบาย ผคู้ ดิ คน้ ทาํ นาย ทายสรู ยจ์ นั ทร์
บุญฤทธิ์ เพยี งเทพ เสพสวรรค์
รวมคณุ ครู ปูชนีย์ ทส่ี ามารถ เปดิ สอนชน้ั มูลบท พากย์พจนไ์ ทย
ทวดสงโหร มิ่งขวัญ บรรพชน สกณุ ชาติ เกาะตัก พักอาศยั
พระครอู ินทร์ ไมลี วจีสิทธิ์ พชิ ติ ชยั โรคา ประชาชน
พระครูคล้าย พฒั นา สถาบนั ศิลปะ สถาปตั ย์ ท้าวัดผล
พระครูกาเดิม บริสุทธิ์ พทุ ธศาสน์ ประชาชน บรรพชติ ศิษยศ์ รัทธา
อาจารย์ทอง เจ้าของยา ตาํ ราไทย พระเกจิ ควบคู่ พระศาสนา
อาจารยแ์ กว้ เกจิ อจั ฉริยะ เมอื งสงขลา พระครูพุทธ จดุ ประกาย
อาจารยเ์ รือง มากเมตตา เตม็ กมล สงเคราะหศ์ ิษย์ มติ รญาติ ไม่ขาดสาย
อาจารย์เซน็ อาจารยด์ ิษฐ์ ศิษยป์ รางหมู่ ขอถวาย ผลบุญ แทนคณุ ดิน
ท้ังพระราช พรหมาภรณ์ เมอื งนรา
พระครูประโชต ปฏิบตั ิ วัตรกจิ
สู่พมิ าน พรหมา ดาราราย

สดดุ ี ปูชนีย์ ฆราวาส มากบทบาท พฒั นา ผลอาสิน
อุปถมั ภ์ ค้ำชู ผู้ทํากิน นาํ ท้องถิ่น สู่ยคุ สุขสมบูรณ์
กาํ นันเกลยี้ ง กาํ นนั แก้ว ปล้ำปลุกป้ัน นวนกํานนั อนุรกั ษ์ พิทกั ษศ์ ูนย์
ทรัพยากรบคุ คล ต้นตระกูล เพียรเพ่มิ พูน พฒั นา ประชาชน
คณุ ครูเชือน ครกู ลบั ลบั เนอื่ ง , น้ำ ครูผนู้ าํ แนะช้ี มีเหตผุ ล
ศิษยส์ ืบเสาะ ตอ่ สาย เปน็ นายคน ยศนายพล นายพนั ชนั้ กระทรวง
ประกอบกรรม สัมมา ภารกจิ ใช้ชวี ิต ตามครรลอง ของในหลวง
เหมอื นป้ันดิน เป็นดาว สกาวดวง ด้วยผลพวง ปชู นีย์ ชี้แนวทาง
บํารุงศาสน์ ประกาศธรรม นําสวา่ ง
บรรพชิต เปรียญเกา้ เจ้าอาวาส สูโ่ ลกกว้าง อเมริกา สวิเดน็
ทั่วทกั ษิณ ถ่นิ อดุ ร อีสานกลาง ประกาศนาม ภูมิปัญญา ฟ้าดินเหน็
ลูกปรางหมู่ คทู่ ักษิณ ดินด้ามขวาน เราผเู้ ปน็ น้องพ่ี รว่ มดีใจ
สืบสายพนั ธ์ เผา่ พงศ์ จงอยเู่ ยน็ ปากประกาศ มอื โบก โลกหวัน่ ไหว
ดว้ ยพันผูก ลูกชาวบ้าน ทำงานชาติ หล่อหลอมใจ ประชมุ ขวัญ อย่างมน่ั คง
พร้อมความรัก ศรัทธา สุดอาลัย บรรพชิต บรรพชน กศุ ลสง่
เทดิ ธํารง ม่งิ มงคล กมลมาลย์
รวบรวมบุญ หนนุ นาํ พร่ำอทุ ศิ เทพเทวา อรหนั ต์ น้ันประสาน
เสวยทิพย์ เสวยธรรม ดังจํานง ให้วิญญาณ ทวดปู่ สูส่ ขุ เทอญ.
อ้างอทิ ธิ อำนาจ พระศาสนา
ประชมุ สวด ทักษิณา นุปาทาน

อยา่ ลืม

โอมศรีสิทธิ์จติ พอ่ ขอพันผกู เขียนถึงลกู พทั ลุงในกรุงศรี
จากบ้านนอกคอกนามาหลายปี ฟงั วจีจากพ่อขอบรรยาย
ไอ้ตวั เอียดอีตวั นุ้ยมันคุยจ้าน มาตั้งนานไมก่ ลับจนลบั หาย
ลืมบ้านนอกคอกนานา่ อบั อาย ลืมปลกั ควายเคยเกลือกจนเมลือกตม
เจ้าลืมพอ่ ลืมแม่ไมแ่ ลหลงั ลืมกระทง่ั ของหรอยแกงหอยขม
ลืมพน่ี ้องญาติมิตรเคยชดิ ชม ลืมยอดอมกุ้งนาหาจากบึง
ลืมรสแกงปลาค่วั ยอดหวั ครก ลืมบวั บกมอบปูหอมหูผงึ
ลืมน้ำชุบโหมง้ โดนเคยโหนดึง ลืมมันทึงแกงไทยใสหวั ทือ
ลืมบ่าวนว่ มลงุ เสนลืมเณรเอียด ลืมกบเขียดร้องแซ่แนแ่ ล้วหรือ
ลืมเท่นาจำหนำคดิ ทำปรือ ลืมความดือ้ เจ้ามาหาเสือ้ เนฯ
ลืมจู้จขี้ ี้ววั คว่ั ใสเกลือ ลืมลูกเขอื ปลายนาข้างปา่ เหมร
ลืมหนำไร่ชายควนเสาซวนเซ ลืมแกงเท่หอยโหล้โอ้กรรมใด
ลืมไอ้แดงอีโหนดโคตรวัวเฒา่ ลืมอีขาวไอ้โพวัวโคไ่ ถ
ลืมดีปลีขีห้ มิ่นสนิ้ กอไคร ลืมปกุ ใสเคยปลาใต้ผลาครวั
ลืมครกเบอื เสือบากสากถมิ้ หยวก ลืมโลกคลอกในปลักเท่ยี วปักหัว
ลืมโลกตอเนียงปรางข้างคอกวัว ลืมส้มมั้วชายคาบรรดามี
ลืมเชงเลงเผล้งสารขวานถาเหี้ยน ลืมรม่ เนียนเคยน่ังต้ังครกสี
ลืมหอยโขงโพงไมไ้ ผวิดในพลี ลืมโลกหยีม่วงมุดหนอปดุ นา
ขอเตือนลกู อย่าลืมด้านการศึกษา
โอมศรีสิทธิ์จติ พ่อขอพกั ผูก ปริญญาคอื ความหวัง พอ่ น่ังรอ ฯ
ให้สมหวังดงั จิตคิดมงุ่ มา

“จากครูรุน่ ”

ประมวลภาพ


































Click to View FlipBook Version