หนว่ ยที่ 2 เศรษฐกจิ พอเพยี ง
“หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง” คืออะไร ?
ความเปน็ มาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
คำว่ำ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญำที่พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช
มีพระรำชดำรัส ช้ีแนะแนวทำงกำรดำเนินชีวิตของพสกนิกรชำวไทยมำโดยตลอดเป็นระยะเวลำนำนกว่ำ
30 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตกำรณ์ทำงเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 ภำยหลังเม่ือได้ทรงเน้นย้ำแนวทำงกำร
แก้ไขเพื่อให้ประชำชนรอดพ้น และสำมำรถอยู่ได้อย่ำงม่ันคงและยั่งยืนภำยใต้กระแสโลกำภิวัตน์
จำกพระรำชดำรัสของพระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรภมู ิพลอดลุ ยเดช ในวนั ท่ี 18 กรกฎำคม พ.ศ. 2517 วำ่
“…การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับข้ัน ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน
พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เบ้ืองต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้อง
ตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานจากความม่ันคงพร้อมสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อย
สร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขนั้ ทีส่ ูงขึน้ โดยลาดับต่อไป…”
ความเปน็ มาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ใน พ.ศ. 2540 เกิดปญั หำวิกฤตกำรณ์เศรษฐกิจ พระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดลุ ยเดช
พระรำชทำนพระรำชดำรสั เนือ่ งในโอกำสวันเฉลมิ พระชนมพรรษำวนั ท่ี 4 ธันวำคม พ.ศ. 2540 ณ
ศำลำดุสิดำลัย สวนจติ รลดำ เร่ืองเศรษฐกิจพอเพยี งเพ่ือเป็นแนวทำงแกป้ ัญหำให้กบั ประเทศ
“…การเป็นเสือนนั้ ไมส่ าคัญ สาคญั อยทู่ ีเ่ รามเี ศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมี
พอกินนนั้ หมายความวา่ อมุ้ ชูตนเองไดใ้ ห้มีพอเพียงกบั ตนเอง อนั นี้ก็เคยบอกว่า
ความพอเพียงไม่ไดห้ มายความว่า ทกุ ครอบครัวจะตอ้ งผลิตอาหารของตัว จะตอ้ ง
ทอผา้ ใสเ่ อง อย่างนน้ั มันเกินไป แตว่ ่าในหมู่บา้ นหรือในอาเภอจะตอ้ งมีความ
พอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างทีผ่ ลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้ แต่
ขายในทีไ่ มห่ า่ งไกลเท่าไรไมต่ ้องเสยี ค่าขนสง่ มากนัก…”
คำว่ำ “พอเพียง” พระรำชดำรสั ของพระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภมู พิ ลอดุลยเดช เนอ่ื งใน
โอกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ วันท่ี 4 ธนั วำคม พ.ศ. 2541 ณ ศำลำดุสดิ ำลยั สวนจติ รลดำ
พระรำชทำนควำมหมำยของคำว่ำ “พอเพยี ง” ไวว้ ่ำ
“...คำว่ำพอเพยี งมคี วำมหมำยอกี อยำ่ งหน่ึง มคี วำมหมำยกว้ำงออกไปอีก ไมไ่ ด้หมำยถึงกำรมีพอ
สำหรับใช้เองเทำ่ นั้น แต่มีควำมหมำยวำ่ พอมีพอกนิ พอมพี อกินนกี้ ็แปลว่ำเศรษฐกิจพอเพียงนัน่ เอง...”
“…ใหพ้ อเพียงน้ีหมำยควำมว่ำมีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือยไม่หรูหรำก็ได้แต่ว่ำพอ แม้บำงอย่ำงอำจจะดู
ฟุ่มเฟอื ยแตก่ ท็ ำให้มคี วำมสุข ถำ้ ทำไดก้ ็สมควรจะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ...”
“...Self-sufficiency น้ันหมำยควำมว่ำ ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอ่ืนอยู่ได้ด้วย
ตนเอง...”
พระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
จากวารสารชยั พัฒนา ฉบบั ประจาเดือนสงิ หาคม ๒๕๔๒
หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หลักกำรต่อไปนี้เป็นหลักกำรที่พัฒนำขึ้นโดยสำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชำติ (สศช.) ในฐำนะหน่วยงำนหลักในกำรวำงแผนประเทศได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ
จำกสำขำต่ำง ๆ มำร่วมกันพิจำรณำกลั่นกรอง พระรำชดำรัสของพระบำทสมเด็จพระปรมินทร-
มหำภูมิพลอดุลยเดชในโอกำสต่ำง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง จำกนั้นได้นำข้ึนทูลเกล้ำ ฯ
ขอพระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตนำไปเผยแพร่ส่งเสริมให้ประชำชนทุกระดับได้มีควำมเข้ำใจ
และสำมำรถใชเ้ ปน็ พน้ื ฐำนในกำรดำเนินชีวติ ง่ำยขึน้
หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ซง่ึ ทรงพระกรณุ ำปรบั ปรุงแกไ้ ขและโปรดเกล้ำ ฯ พระรำชทำนพระบรมรำชำนญุ ำตตำมทข่ี อ
พระกรณุ ำ เมื่อวนั ท่ี 29 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2542
สศช. ได้อัญเชญิ “ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” มำเปน็ ปรัชญำนำทำงในกำรจัดทำ
แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตฉิ บับท่ี ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙) และฉบับที่ ๑๐
(พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) รวมทัง้ ไดเ้ สรมิ สรำ้ งควำมเขำ้ ใจ ไปยังภำคส่วนต่ำง ๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ควำม
เขำ้ ใจ เห็นคุณคำ่ และน้อมนำไปประยกุ ต์ใช้ในวิถชี วี ติ ต่อไป
หลกั การ และแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพียง
ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทำง กำรดำเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติท่ี
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวมีพระรำชดำรัสช้ีแนะแก่พสกนิกร ชำวไทยมำโดยตลอดนำนกว่ำ
๓๐ ปี และได้ทรงเน้นย้ำ แนวทางพัฒนาท่ีตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความ
ไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
ตลอดจน ใช้ความรู้ และคุณธรรม เป็นพื้นฐำนในกำรดำรงชีวิต กำรป้องกันให้รอดพ้นจำก
วิกฤต และให้สำมำรถ ดำรงอยู่ได้อย่ำงมั่นคงและยั่งยืนภำยใต้กระแสโลกำภิวัตน์และควำม
เปลีย่ นแปลงต่ำง ๆ
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มีหลกั พิจารณาดงั นี้
1. กรอบแนวคดิ
เปน็ ปรัชญำท่ชี แ้ี นะแนวทำงกำรดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทำงที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐำน
จำกวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สำมำรถนำมำประยุกต์ใช่ได้ตลอดเวลำ และเป็นกำรมองโลก
เชิงระบบท่ีมีกำรเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลำ มุ่งเน้นกำรรอดพ้นจำกภัย และวิกฤต เพ่ือควำม
มั่นคงและควำมยง่ั ยืนของกำรพัฒนำ
2. คณุ ลกั ษณะ
เศรษฐกิจพอเพียงสำมำรถนำนำมำประยุกต์ใช้กับกำรปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น
กำรปฏิบัติบนทำงสำยกลำง และกำรพฒั นำอยำ่ งเป็นขัน้ ตอน
3. คานิยาม ควำมพอเพยี งจะต้องประกอบด้วย คุณลักษณะพรอ้ ม ๆ กัน ดงั นี้
หลักการ เง่ือนไข
ความพอเพียงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คณุ ลักษณะ ดงั น้ี การตัดสินใจและการดาเนนิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ให้อยู่
• ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทไ่ี ม่นอ้ ย ในระดับพอเพียงน้นั ตอ้ งอาศยั ความรูแ้ ละคุณธรรมเปน็
เกินไป และไม่มากเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเอง พื้นฐาน กลา่ วคือ
และผูอ้ น่ื เชน่ การผลิตและการบริโภคทีอ่ ยู่ในระดับ • เง่อื นไขความรู้
พอประมาณ - ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ
• ความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ทเ่ี ก่ยี วข้องอยา่ งรอบดา้ น
ของความพอเพียงนัน้ จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมเี หตุผล - ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรูเ้ หลา่ นนั้ มา
โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยทเี่ กี่ยวขอ้ งตลอดจน พิจารณาใหเ้ ช่อื มโยงกนั เพ่อื ประกอบการวางแผน
คานึงถึงผลทคี่ าดว่าจะเกดิ ข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ - ความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏบิ ัติ
• เง่ือนไขคณุ ธรรม ที่จะตอ้ งเสริมสรา้ งคนทมี่ ีความรู้
อย่างรอบคอบ
• มีภมู คิ ุม้ กันในตวั ทีด่ ี หมายถงึ การเตรียมตวั ให้
ประกอบคณุ ธรรมดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้
พร้อมรบั ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดา้ นตา่ ง ๆ - มีความตระหนกั ในคุณธรรม
ทจ่ี ะเกิดข้ึน โดยคานงึ ถงึ ความเป็นไปได้ของ - มคี วามซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
สถานการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีคาดว่าจะเกดิ ข้ึนในอนาคตทัง้ - มีความอดทน ความเพียร
ใกลแ้ ละไกล - ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนินชวี ิต
เปา้ หมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เศรษฐกิจพอเพียงคำนึงถึง “ความสุข” ของผู้ปฏิบัติเป็นสำคัญ เป็นควำมสุข
ท้ังทำงกำยและทำงใจ เพรำะเม่ือเรำมีควำมพอดี พอเพียงในกำรปฏิบัติ ก็จะทำให้มี
ควำมรสู้ ึกวำ่ ไม่มคี ำว่ำ “เกนิ ไป” มำใหข้ ่นุ ขอ้ งหมองใจ ควำมสุขกจ็ ะบงั เกดิ
ดังน้ัน เป้ำหมำยที่เป็นภำพรวมของเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นสังคมที่ “อยู่ดีมีสุข”
หมำยถึง กำรท่ีคนในสังคมมีสุขภำพกำยท่ีดี สุขภำพจิตท่ีดี มีเศรษฐกิจที่พออยู่พอกิน
มีกำรใช้ทรัพยำกรท้องถ่ินเท่ำท่ีจำเป็นและต้ังอยู่บนรำกฐำนทำงวัฒนธรรมในสังคม
ของตนเอง ซ่ึงท้งั หมดน้ีเกิดจำกกำรปฏิบัตติ ำมหลกั กำรและเงื่อนไขเศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมท่ี 2.1
การนาความรเู้ รอื่ งปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน
คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นนำหลักปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั โดยกำรปฏิบัติ
กิจกรรมต่ำง ๆ ที่เป็นกำรสง่ เสริมควำมพอเพยี งในกำรดำเนินชวี ติ และบอกผลที่ไดจ้ ำกกำร
นำไปปฏิบัติ โดยใชภ้ ำพกจิ กรรมของนกั เรียนพรอ้ มกำรบรรยำย (บนั ทกึ เปน็ ไฟล์ PDF สง่ งำน
ลงในโน๊ตกลมุ่ Line)
ภาพประกอบการบรรยาย
……………………………
……………………………
……………………………
วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ความสาคัญ และประโยชน์ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
คุณค่า ความสาคัญ และประโยชน์ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ตอ่ ตนเอง ต่อประเทศชาติ
• ทาให้เราคดิ เป็น จงึ คิดทจี่ ะรู้จักพอและกระทาจริง • ด้านการเมือง เกิดการเมอื งทีโ่ ปร่งใสมีธรรมาภิบาลปราศจากการฉอ้ ราษฎร์-
• ทาใหเ้ รามสี ตติ ่อการกระทาต่าง ๆ วา่ มคี วามพอเพยี งหรือทาให้ บงั หลวง มีการบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอยา่ งแทจ้ รงิ
ตนเองและผ้อู ื่นเดือดร้อนหรือไม่ เกิดการยอมรับในหลกั เสยี งขา้ งมาก เคารพในสิทธิเสรีภาพระหวา่ งกนั
• ทาใหเ้ ราเป็นคนที่รจู้ ักแบง่ ปัน เอาใจเขามาใสใ่ จเรา • ด้านเศรษฐกจิ เกดิ ภาวะ “อยรู่ อด” ทางเศรษฐกิจดว้ ยพืน้ ฐานทีม่ ่ันคง แม้
• ทาให้เราเปน็ คนมีเหตุมผี ลในการกระทา รู้คุณค่าและผลทีเ่ กิดจาก
สภาวะเศรษฐกจิ โลกจะผนั ผวนเพยี งใดกต็ าม เราก็ยังอยไู่ ด้
การกระทาตา่ ง ๆ ของเรา • ด้านสังคม เกิดการพฒั นาโดยเรมิ่ จากคนในสงั คมท่มี ีความแข็งแกร่งทง้ั
• ทาใหเ้ รารู้จกั จดั การบรหิ ารทรัพยากรตา่ ง ๆ ทม่ี ีอยา่ งจากัด มา
ร่างกาย จติ ใจ ปญั ญา อารมณ์ นาไปสกู่ ารพฒั นาชุมชนท่เี ขม้ แขง็ เป็น
ตอบสนองความต้องการของตนเองไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ลและมคี ุณธรรม
• ทาใหเ้ รารกั ษาความเป็นตวั ของตวั เอง ส่งิ เรา้ ภายนอกกระทบต่อเรา “สงั คมสขี าว” ถึงสงั คมแหง่ สมานฉันท์ เออ้ื อาทร และมคี ณุ ธรรม
• ดา้ นส่ิงแวดล้อม เกิดการใชท้ รพั ยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัด ใหค้ ุม้ ค่าและ
นอ้ ยลง
• ทาให้เราสามารถยืนอยไู่ ด้ดว้ ยตวั ของเราเอง รู้จักพึ่งตนเองมากกวา่ เกดิ ประโยชน์สูงสุด และรกั ษาสิ่งแวดลอ้ ม ซงึ่ เปน็ “ทรพั ยากรสาธารณะ”
พึง่ พาผู้อนื่ เพราะมีแต่ตวั เราเทา่ นนั้ ท่ีจะอยกู่ บั เราไปตลอด ของทุกคนบนโลกไวใ้ หด้ ี และยั่งยืน
• ทาใหเ้ ราอยูใ่ นสงั คมแหง่ ความพอเพยี งนไ้ี ด้อย่างมคี วามสขุ
การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนนิ ชวี ิต
กำรประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคล คือ ความสามารถในการ
ดารงชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน มคี วามเปน็ อยอู่ ย่างประมาณตนตามฐานะ ตามอัตภาพ
ท่ีสาคัญไม่หลงใหลไปตามกระแสของวัตถุนิยม มีอิสรภาพ เสรีภาพ ไม่พันธนาการอยู่
กบั ส่ิงใด
หลกั กำรพง่ึ ตนเอง อำจจะแยกแยะโดยยดึ หลักสำคญั อยู่ 5 ประกำร คือ
1 ดา้ นจติ ใจ ทำตนให้เปน็ ทีพ่ งึ่ ตนเอง มจี ิตสำนึกทดี่ ี สร้ำงสรรคใ์ ห้ตนเองและชำติ
โดยรวมมจี ิตใจเอือ้ อำทร ประนปี ระนอม เหน็ ประโยชน์ส่วนรวมเป็นท่ตี ง้ั
2 ดา้ นสังคม แต่ละชมุ ชนตอ้ งชว่ ยเหลือเกือ้ กลู กัน เช่ือมโยงกันเป็นเครอื ขำ่ ยชมุ ชน
ที่แข็งแรงเปน็ อิสระ
การประยกุ ตใ์ ช้เศรษฐกจิ พอเพียงในการดาเนนิ ชีวติ
3 ด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ให้ใชแ้ ละจัดกำรอยำ่ งฉลำด พร้อมท้ังหำทำง
เพิ่มมูลคำ่ โดยยดึ อยบู่ นหลกั กำรของควำมยง่ั ยืน
4 ด้านเทคโนโลยี จำกสภำพแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เทคโนโลยีที่เข้ำมำใหม่มีท้ังดี
และไม่ดี จึงต้องแยกแยะบนพืน้ ฐำนของภูมิปัญญำชำวบ้ำนและเลือกใช้เฉพำะท่ีสอดคล้องกับ
ควำมตอ้ งกำรตำมสภำพแวดลอ้ มและควรพัฒนำเทคโนโลยจี ำกภมู ปิ ญั ญำของเรำเอง
5 ดา้ นเศรษฐกิจ แต่เดมิ นกั พฒั นำมักม่งุ ทกี่ ำรเพิม่ รำยได้ และไมม่ ีกำรม่งุ ท่ีกำรลดรำยจ่ำย
ในภำวะที่เศรษฐกิจวิกฤต จึงต้องปรับทิศทำงกำรพัฒนำใหม่ คือ ต้องมุ่งลดรำยจ่ำยก่อน
เปน็ สำคญั โดยยึดหลกั พออยู่ พอกิน พอใช้
การประยุกตใ์ ช้เศรษฐกจิ พอพียงในการดาเนินชีวติ ในระดบั บคุ คล สามารถแบง่ ได้เป็น 4 ระดบั คอื
ระดับตนเอง
เริ่มต้นจากการเสริมสร้างตนเองให้มีการเรียนรู้ วิชาการ และทักษะต่าง ๆ ท่ีจาเป็น
เพ่ือให้สามารถรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงในด้านต่าง ๆ พร้อมท้ังเสริมสร้างคุณธรรม จนมีความ
เข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม เป็นผู้ให้เก้ือกูล แบ่งปัน มีสติคิด
พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจหรือการกระทาใด ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี
ในการดารงชีวิต โดยสามารถคิดและกระทาบนพืน้ ฐานของความมเี หตมุ ีผล พอเหมาะ พอประมาณ
กับ ส ถ า น ภ า พ บ ท บ า ท แ ละ ห น้ า ที่ ข อ ง แ ต่ ล ะ บุ ค ค ล ใ น แ ต่ ละ ส ถ า น ก า รณ์ แ ล้ว เ พี ย ร
ปฏิบตั เิ ช่นนจ้ี นสามารถทาตนเองให้เปน็ ทพ่ี ึ่งของตนเองได้ และเปน็ ทีพ่ ึ่งของผู้อ่นื ไดใ้ นทสี่ ุด
การประยุกต์ใชเ้ ศรษฐกจิ พอพยี งในการดาเนินชีวติ ในระดบั บุคคล
ระดับครอบครวั
สมาชิกในครอบครัวมีความเป็นอยู่ในลักษณะท่ีพ่ึงพาตนเองได้อย่างมีความสุข ทั้งทางกาย
และทางใจ สามารถดาเนินชีวิตได้โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืน รวมท้ังไม่เป็นหนี้หรือมีภาระด้าน
หน้ีสนิ ของตนเองและครอบครวั แต่สามารถหาปัจจยั 4 มาเลี้ยงตนเองได้โดยทย่ี ังมีเหลือเป็นส่วนออม
ของครอบครวั
การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอพียงในการดาเนินชวี ิตในระดับบุคคล
ระดับชุมชน
ชุมชนพอเพียงคือชุมชนที่ใฝ่หาความก้าวหน้าบนพื้นฐานของปรัชญาแห่งความพอเพียง บุคคล
เหล่านี้มารวมกลุ่มกันทากิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องเหมาะสมกับสถานภาพภูมิสังคมของแต่ละชุมชน
โดยพยายามใช้ทรพั ยากรตา่ ง ๆ ท่ีมีอยู่ในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านการร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมคิด
ร่วมทาและแลกเปล่ียนความรู้ในส่ิงที่จะสร้างประโยชน์สุขของคนส่วนรวมและความก้าวหน้าของชุมชน
อย่างมีเหตุผล โดยอาศัยสติปัญญา ความสามารถของทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องและบนพ้ืนฐานของความ
ซ่ือสัตย์สุจรติ อดกล้นั ตอ่ การกระทบกระท่ัง และมีความเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ ระหว่างสมาชิกชุมชนจนนาไปสู่
ความสามัคคีของคนในชุมชน ซ่ึงเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของชุมชน จนนาไปสู่การพัฒนาของชุมชนที่สมดุล
และพร้อมรบั ต่อการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ จนกระท่งั สามารถพัฒนาไปสู่เครอื ข่ายระหว่างชมุ ชนตา่ ง ๆ
การประยุกต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอพียงในการดาเนนิ ชีวิตในระดับบคุ คล
ระดับประเทศ
เริ่มจากการวางรากฐานของประเทศให้มีความพอเพียง โดยส่งเสริมให้ประชาชนส่วนใหญ่
สามารถอยู่อย่างพอมีพอกิน และพึ่งตนเองได้มีความรู้และทักษะที่จาเป็นในการดารงชีวิตอย่างเท่าทัน
ต่อการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ และมีคุณธรรม ซ่ือสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร เอื้อเฟ้ือแบ่งปัน และใช้
สตปิ ญั ญาในการตัดสินใจและดาเนินชวี ติ พร้อมกับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มคนต่าง ๆ
จากหลากหลายภูมสิ ังคม หลากหลายอาชพี หลากหลายความคิด ประสบการณ์ เพ่ือสร้างความเข้าใจ
และรู้ความเป็นจรงิ ระหวา่ งกนั ของคนในประเทศจนนาไปสู่ความสามัคคี และจิตสานึกที่ร่วมแรงร่วมใจ
กนั พัฒนาประเทศให้เจรญิ ก้าวหน้า
การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพียง
ในภาคเกษตร อตุ สาหกรรม การคา้ และบรกิ าร
การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในภาคเกษตร
ระบบเกษตรแบบยง่ั ยนื
ระบบเกษตรแบบยั่งยืน (Sustainable Agriculture) หรือระบบเกษตรกรรมทำงเลือก
(Alternative Agriculture) หรือระบบเกษตรถำวร (Permanent Agriculture หรือ
Permaculture) ล้วนเป็นระบบเกษตรกรรมท่ีมีหลักกำรใหญ่ ๆ คล้ำยคลึงกัน มีผู้ให้คำจำกัด
ควำมและควำมหมำยของแนวทำงเกษตรกรรมทำงเลือก – เกษตรกรรมยั่งยืนไว้มำกมำย
แต่โดยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกัน โดยให้ควำมสำคัญกับสมดุลของระบบนิเวศ ผลผลิต คุณภำพ
ทดี่ ี และเพียงพอตอ่ เกษตรกรและผู้บริโภค
การประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งในภาคเกษตร
กำรพ่ึงพำตนเอง รวมท้ังให้ควำมสำคัญกับชุมชนท้องถิ่น หลักกำรสำคัญที่สุดที่มีร่วมกัน
ของเกษตรกรรมทำงเลือก – เกษตรกรรมยั่งยืน คือ มีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตอาหารและ
ปจั จัยทจี่ าเปน็ ตอ่ การดารงชวี ิตมากกว่าผลิตเพื่อการส่งออก มีการใช้ทรัพยากรในท้องถ่ิน
มีความสมดุล อาหารท่ีผลิตมีคุณภาพปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง เปิดโอกาสให้สมาชิก
ในครอบครัวสามารถทางานร่วมกันได้อย่างมีความสุข สามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ
ได้อย่างกลมกลืน ทาให้ระบบเกษตรกรรมเหล่าน้ีดาเนินต่อเน่ืองไปได้นานที่สุด โดยไม่มี
ผลกระทบดา้ นลบตอ่ ระบบนเิ วศวทิ ยา และไม่เกดิ ปญั หาทงั้ ด้านสขุ ภาพ สงั คมและเศรษฐกิจ
ความหมายของเกษตรกรรมแบบย่งั ยนื
องค์กำรสหประชำชำติได้ใหควำมหมำยของเกษตรกรรมแบบย่ังยืนว่ำ เป็นระบบเกษตรกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับ
กำรผสมผสำนและเช่ือมโยงระหว่ำงดิน กำรเพำะปลูก และกำรเลี้ยงสัตว์ กำรเลิกหรือลดใช้ทรัพยำกรจำกภำยนอก
ระบบที่อำจเป็นอันตรำยต่อสิ่งแวดล้อมและ/หรือสุขภำพของเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนเน้นกำรใช้เทคนิคที่เป็น
หรือปรบั ให้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนกำรธรรมชำติของทอ้ งถิ่นน้นั ๆ ซ่ึงมหี ลกั ำรพืน้ ฐำน 3 ประกำร คอื
1. ความย่ังยืนด้านเศรษฐกิจ ด้วยกำรพัฒนำกำรจัดกำรดินและกำรหมุนเวียนกำรปลูกพืชที่ช่วยเพิ่มผลผลิต
ลดกำรพึง่ พำเครอ่ื งจักรและสำรเคมีเพือ่ กำรเกษตร ท้ังปุ๋ยและสำรปอ้ งกนั กำจัดวชั พืชและศัตรูพืช
2. ความย่ังยืนด้านส่ิงแวดล้อม ด้วยกำรปกป้องและรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและหำสิ่งทดแทน ตลอดจนนำ
ทรัพยำกรธรรมชำติกลบั มำใช้ใหม่ เช่น ท่ีดนิ (ดนิ ) น้ำ
3. ความยั่งยืนด้านสังคม ด้วยกำรใช้แรงงำนท่ีมีอยู่ให้มำกข้ึนด้วยกำรใช้แรงงำนที่มีอยู่ให้มำกขึ้น อย่ำงน้อย
สำหรบั เทคนิคกำรเกษตรบำงประเภท เพื่อใหเ้ กดิ ควำมยุติธรรมและควำมเปน็ ปึกแผ่นในสังคม
รปู แบบการทาเกษตรกรรมยัง่ ยนื ไดแ้ ก่
1. ระบบไรห่ มุนเวยี น
2. ระบบเกษตรผสมผสำน (Integrated farming)
3. ระบบไรน่ ำสวนผสม (Mixed/Diversefied/Polyculture Farming)
4. ระบบไร่นำป่ำผสมหรือวนเกษตร (Agro Forestry)
5. เกษตรธรรมชำติ (Natural farming)
6. เกษตรทฤษฏีใหม่
7. เกษตรกรรมประณตี
8. เกษตรอินทรีย์ (Organic farming)
9. เกษตรกรรมที่เปน็ มำกกวำ่ เกษตรอินทรยี ์ (Beyond Organic farming)
เศรษฐกิจพอเพยี งกับทฤษฎใี หมต่ ามแนวพระราชดาริ
แนวพระราชดาริ “ทฤษฎใี หม”่
แนวพระรำชดำริ “ทฤษฎีใหม่” เป็นกำร
ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งกับภำคเกษตรโดยเฉพำะ อยำ่ งเปน็
ขน้ั เป็นตอน เพือ่ ใหเ้ กษตรกรสำมำรถพ่ึงตนเองได้ ลดกำรพ่ึงพิง
จำกภำยนอก ซ่ึงนอกจำกจะทำให้เกษตรกรสำมำรถดำรงชีวิต
อยู่รอดได้ด้วยอำหำรท่ีเพียงพอต่อกำรยังชีพแล้ว ยังมีผลผลิต
เหลอื ออกไปขำยจนสรำ้ งรำยไดง้ อกเงยใหแ้ ก่เกษตรกรตลอดปีได้
อีกด้วย
ทฤษฎใี หม่ข้ันที่ 1
เ ป็ น ก า ร จั ด ก า ร บ ริ ห า ร ที่ ดิ น แ ล ะ น้ า เ พื่ อ
การเกษตรในพ้ืนที่ขนำดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด ท้ังน้ี
เน่ืองมำจำกเกษตรกรมักประสบปัญหำในกำรเพำะปลูก
โดยเฉพำะเรื่องกำรขำดแคลนน้ำ “น้ำ”จึงถือว่ำเป็น
“หัวใจ” ของทฤษฎีใหม่
กำรบรหิ ำรจดั กำรทด่ี นิ และน้ำนั้นให้จัดสรรพ้ืนที่
อยอู่ ำศัยและที่ทำกินออกเป็น 4 ส่วน ตำมอัตรำส่วน 30
: 30 : 30 : 10 โดยมีโครงกำรพัฒนำพื้นท่ีวัดมงคลชัย
พัฒนำอันเน่ืองมำจำกพระรำชดำริ อำเภอเฉลิมพระ
เกียรติ จังหวัดสระบุรี เป็น “ต้นแบบทฤษฎีใหม่” เม่ือวันท่ี
25 มกรำคม พ.ศ. 2536
ทฤษฎีใหมข่ ้ันก้าวหน้า
ทฤษฎใี หมข่ ้ันท่สี อง ทฤษฎใี หม่ข้นั ที่สาม
ทฤษฎใี หม่ข้นั ที่สอง เม่อื เกษตรกรเขำ้ ใจในหลกั กำรและไดป้ ฏิบัตใิ นที่ดินของตนจน
ได้ผลแลว้ กต็ อ้ งเรม่ิ ข้นั ท่สี อง คือให้เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลมุ่
หรือสหกรณ์ รว่ มแรงรว่ มใจกันดำเนนิ กำรในดำ้ น
ทฤษฎใี หม่ข้นั ที่สาม เม่ือดำเนินกำรผ่ำนพ้นขั้นท่ีสองแล้วเกษตรกร หรือกลุ่ม
เกษตรกรก็ควรพัฒนำควำมก้ำวหน้ำไปสู่ข้ันท่ีสำมต่อไป คือ ติดต่อ
ประสำนงำน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนำคำรหรือบริษัท ห้ำงร้ำนเอกชน
มำช่วยในกำรลงทุนและพัฒนำคุณภำพชีวิต ทั้งน้ี ทั้งฝ่ำยเกษตรกร
ฝำ่ ยธนำคำร หรือบริษทั เอกชนจะได้รับประโยชน์ร่วมกนั กลำ่ วคือ
➢ เกษตรกรขายขา้ วได้ราคาสูง (ไม่ถกู กดราคา)
➢ ธนาคาร/บรษิ ัทเอกชนสามารถซ้อื ข้าวบรโิ ภคในราคาต่า
(ซ้ือข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง)
➢ เกษตรกรซอ้ื เคร่ืองอุปโภคบริโภคได้ในราคาตา่ เพราะ
รวมกนั ซ้อื เป็นจานวนมาก (เป็นรา้ นสหกรณ์ราคาขายส่ง)
➢ ธนาคารหรือบรษิ ทั เอกชน จะสามารถกระจายบคุ ลากร
เพื่อไปดาเนินการในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ให้เกิดผลดยี ่งิ ข้ึน
ตัวอยำ่ งแนวทำงเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับภาคเกษตร
- ความพอประมาณ : ปลกู ขา้ วเพื่อกินเหลอื จงึ ขาย กลุม่ แมบ่ า้ นผลติ สนิ คา้
เพอื่ สร้างรายได้เสรมิ กลมุ่ ผูผ้ ลิตปุ๋ยอนิ ทรีย์ทาใช้เองภายในชมุ ชน เล้ยี งไหม
- ความมเี หตุผล : การจัดงานตา่ ง ๆ เชน่ งานเล้ียงแต่งงาน งานบุญต่าง ๆ
ควรมกี ารทาบัญชรี ายรับ-รายจา่ ย
- ความมีภูมิคุ้มกนั : ปลกู พืชเสริมหลังเก็บเกย่ี วขา้ ว เลี้ยงสตั วห์ ลายชนดิ
มกี ลมุ่ ออมทรัพย์จัดร้านค้าชุมชน มีย้งุ ฉางข้าวสว่ นรวม กองทนุ สวสั ดิการชุมชน
- เงื่อนไขความรู้ : มีแกนนาชุมชนผลัดเปล่ียนไปดูงานและกระจายความรู้
ให้คนในชุมชน
- เง่อื นไขคณุ ธรรม : จดั กิจกรรมสาหรับคุณธรรมของคนในพ้นื ที่ ยึดมนั่
ในประเพณที ี่ดีงาม
ตวั อยำ่ งแนวทำงเศรษฐกจิ พอเพยี งสำหรับภาคธรุ กจิ เอกชน
ความพอประมาณ
- พอประมาณในด้านการผลิต ไมผ่ ลิตสินคา้ มากเกนิ ไป ไมผ่ ลิตสนิ ค้าท่ีใชท้ รพั ยากรอยา่ งสิ้นเปลือง
หาวิธกี ารใชท้ รพั ยากรให้เกิดประโยชน์สูงสดุ
- พอประมาณในการรับทรพั ยากรบุคคล การบริหารค่าจา้ งและสวสั ดกิ าร
- จดั โครงการ “โรงงานสเี ขยี ว” (Green Factory) เพอ่ื ไม่ให้เกดิ ปญั หาสิง่ แวดลอ้ มต่อชมุ ชนขา้ งเคียง
ความมเี หตผุ ล
ทงั้ ในเรื่องของการสรรหาคดั เลือกบคุ ลากรท่มี ที ้ัง “คณุ ภาพและคุณธรรม” (Quality and
Fairness) ความมีเหตผุ ลในการบริหารจัดการงาน จัดสวัสดิการใหเ้ หมาะสมกับประโยชนแ์ ละความจาเปน็
ของพนักงานสว่ นใหญ่ มีเหตุผลในการผลิตเพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ตอ่ สังคม
ตวั อยำ่ งแนวทำงเศรษฐกิจพอเพยี งสำหรับภาคธรุ กิจเอกชน
การมีภมู ิคุ้มกัน
มีเงนิ ออมเพอ่ื ใช้เป็นทุนหมนุ เวียนหรือเปน็ การสะสมทนุ เพื่อไปลงทนุ เพิม่ เตมิ หากเห็นว่าเหมาะสม
และไมไ่ ดเ้ ป็นภาระมากเกินไป สรรหาหรือคดั เลือกคนเกง่ และคนดใี หเ้ ป็นบุคลากรทม่ี คี ณุ ภาพ
ในงาน ส่งเสรมิ กาลังใจและสวสั ดกิ ารให้แก่พนักงาน
เงื่อนไขความรคู้ ่คู ณุ ธรรม
มีการจดั อบรมทง้ั แนวคดิ เทคนคิ วิธใี นการบรหิ าร การบริการ งานการตลาด ใหแ้ ก่พนักงาน
บุคลากรตา่ ง ๆ นอกจากนี้อาจยังมีโครงการอบรมคณุ ธรรมโครงการวปิ ัสสนากรรมฐาน เพ่ือให้พนกั งาน
และบคุ ลากรมีการพฒั นาดา้ นจติ ใจและคุณธรรม