หนังสือบันทึกรักการอ่าน โรงเรียนสตูลวิทยา ด.ช.กอบชนม์ แกล้วทนงค์ เลขที่ 2 ชั้น ม.1/9
สมุนไพรไทย (ขิง) ขิง สมุนไพรไทยคู่ครัวคนไทยมาช้านาน เป็นพืชสมุนไพรล้มลุก มีล าต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า หรือ แง่ง แตกเป็นกอขึ้นมาจากใต้ดิน ขิงถูกจัดให้เป็นทั้งเครื่องเทศ และสมุนไพรที่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ขิงที่นิยมปลูกในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ ขิงใหญ่หรือขิงหยวกหรือขิงขาว เป็นขิงที่มีแง่งใหญ่ ข้อห่าง เนื้อละเอียด เสี้ยน น้อย รสไม่เผ็ดจัด ลอกปลอกเปลือกเห็นเนื้อสีเหลืองเรื่อ ๆ เหมาะส าหรับท าเป็น ขิงดองหรือกินเป็นขิงอ่อน ขิงเล็กหรือขิงเผ็ด บางพื้นที่เรียกขิงด า เป็นขิงแง่งเล็ก สั้น ข้อถี่ เนื้อมีเสี้ยนมาก รสเผ็ด ลอกเปลือกออก เนื้อเป็นสีน้ าเงิน หรือน้ าเงินปนเขียว นิยมน ามาท าเป็น ยาสมุนไพร ขิงแห้ง ขิงผง ต้มเป็นเครื่องดื่มน้ าขิง แง่งขิงแก่สดจะมีปริมาณ สารส าคัญจ าพวก โอลีโอเรซิน (oleoresin) สูง ซึ่งเป็นสารที่ท าให้ขิงมีรสชาติเผ็ด ร้อนและมีกลิ่นหอมจากน้ ามันหอมระเหยมากกว่าขิงอ่อน ในกลุ่มสารโอลีโอเรซิน (oleoresin) ยังมีสาร Aromatic ketone, Zingerone, Shogaol และสามารถ สกัดสารส าคัญจากขิงชื่อ HMP-33 ใช้เป็นยาแก้ปวดข้อได้อีกด้วย
สมุนไพรไทย (ข่า) ข่า รากข่า Alpinia officinarum รากของพืชหลายชนิดในวงศ์ Zingiberaceae เป็นเครื่องเทศพื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับขิงและ ขมิ้น และถูกน ามาใช้ในการแพทย์อายุรเวทและแพทย์แผนจีนมานานหลาย ศตวรรษ เช่นเดียวกับขิงและขมิ้น และข่าก็เป็นพืชสมุนไพรคู่บ้านคู่วิถีชีวิตคนไทยมาช้านานแล้วเช่นกัน ข่าเป็นทั้ง เครื่องเทศและสมุนไพร สามารถรับประทานสดได้ มีกลิ่นหอม ฉุน รสเผ็ดร้อน แต่ เป็นที่นิยมในอาหารจีน ชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ข่ายังเป็นพืชสมุนไพรที่ มีส่วนช่วยบรรเทาอาการในผู้ป่วยบางราย เนื่องจากเชื่อกันว่า ข่าเป็นสมุนไพรไทย ที่มีส่วนช่วยรักษาโรคติดเชื้อ ลดการอักเสบ เสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย และมีส่วนช่วยในการต่อสู้กับโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ข่าที่พบอยู่ในประเทศไทยมี 6 พันธุ์ คือ ข่าลิง ข่าเหลือง ข่าหลวง ข่าแกง ข่าด่าง ข่าคน จากการศึกษาในหลอด ทดลอง พบว่าเหง้าข่ามีน้ ามันหอมระเหยที่สารส าคัญหลายชนิดน้ ามันหอมระเหย ในข่าที่มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด
สมุนไพรไทย (ขมิ้น) ขมิ้น (Turmeric) พืชสมุนไพรที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Curcuma longa L. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) เป็นพืชสมุนไพรล้มลุกที่มีรากหรือเหง้า อยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่เนื้อในสี เหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัด ขมิ้นเป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นก าเนิดอยู่ในแถบเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ และมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น ขมิ้นชัน ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้น หัว ขี้มิ้น หมิ้น ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นแต่ละภาคและของจังหวัดนั้น ๆ โดยนิยมน า ขมิ้นไปใช้ในการแต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ และใช้เป็น ส่วนผสมในแกงไก่ขมิ้น ปลาทอดขมิ้น โยเกิร์ตขมิ้น โดนัทขมิ้นชัน น้ าต้มขมิ้น เป็นต้น เมื่อพืชสมุนไพรอย่างขมิ้นอยู่ในเมนูอาหาร นอกจากจะช่วยชูรสให้ อาหารมีความอร่อยชวนรับประทานแล้ว ขมิ้นยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่าง ๆ รวมไป ถึงเส้นใย Fiber คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นต้น โดยเฉพาะ วิตามินเอ วิตามินซี เหล็ก มีส่วนในการท าหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งขมิ้น ยังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่มีส่วนช่วยรักษาและบรรเทาอาการของ โรคต่าง ๆ ได้
สมุนไพรไทย (ฟ้าทะลายโจร) ฟ้าทะลายโจรในระบบการแพทย์อายุรเวทแบบดั้งเดิมของอินเดีย ใบและยอดแห้ง ของฟ้าทะลายโจรใช้ส าหรับรักษาโรคหลอดลมอักเสบ ไอ ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย เป็นไข้ อักเสบ และโรคผิวหนัง ในการแพทย์แผนจีน พืชสมุนไพรชนิดนี้ใช้รักษา อาการในโรคล าไส้ใหญ่อักเสบ อาการไอ โรคบิด ไข้ ไข้หวัดใหญ่ เจ็บคอ แผลใน ปาก หรือบนลิ้น อาการไอเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ล าไส้อักเสบ โรคบิด ติดเชื้อ ในทางเดินปัสสาวะ และอาการปวดเวลาปัสสาวะ การศึกษาสมัยใหม่ได้มุ่งเน้นไปที่ ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของยาแคปซูลสมุนไพร ฟ้าทะลายโจรส าหรับสภาวะทางเดิน หายใจและการย่อยอาหารส่งเสริมและพัฒนายาจากสมุนไพรไทยอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถสร้างความมั่นคงทางยา โดยมีรายการยาที่ใช้ในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพ มีหลักฐานที่สนับสนุนการใช้ตามสรรพคุณ (Health Benefits) หรือบ่งใช้ (Clinical Indication) มีประสบการณ์การใช้ใน ประเทศไทยอย่างเพียงพอ และในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร
สมุนไพรไทย (พริกไทยด า) พริกไทยเป็นสมุนไพรไทย มีน้ ามันหอมระเหยที่ได้จากการน าพริกไทย ด ามากลั่นด้วยไอน้ า จะได้น้ ามันหอมระเหยร้อยละ 2 ถึง 4 และมีชัน น้ ามัน (Oleoresin) ที่ได้จากการน าพริกไทยด ามาสกัดด้วยตัวท าลายที่ ระเหยได้ แล้วน าสิ่งสกัดนั้นมาระเหยตัวท าลายออกให้หมด ส่วนที่ เหลือคือชันน้ ามัน เป็นสารที่ท าให้พริกไทยมีรสเผ็ด พริกไทยด า เป็นสมุนไพรไทยที่มีน้ ามันหอมระเหยอยู่ร้อยละ 2-4 มีอัล คาลอยด์หลักคือ Piperidne, Piperettine และอัลคาลอยด์ที่พบใน ปริมาณน้อยอีก 3-4 ชนิด ได้แก่ Piperyline, Piperolein A, Piperolein B และ Piperanine, Piperine และ Piperanine เป็นอัล คาลอยด์ที่ท าให้เกิดกลิ่นฉุนและรสเผ็ด
สมุนไพรไทย (กะเพรา) กะเพรา เป็นสมุนไพรไทยที่มีกลิ่นหอมฉุนและรสเผ็ดร้อน มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ กะเพราขาวและกะเพราแดง ส่วนใหญ่แทบทุก ครัวเรือนนิยมใช้กะเพราขาวในการประกอบอาหารเพื่อเสริมรสชาติ และกลิ่น พร้อมอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ทั้งช่วยใน การขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยลดระดับน้ าตาลในเลือด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปากและแบคทีเรีย ที่ท าให้ท้องเสีย และนิยมในในส่วนของใบและยอด (ทั้งสดและแห้ง) ของกะเพราแดงมาท าเป็นยาสมุนไพร