The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 6 บัสบาร์และบริภัณ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Anne Wipada, 2024-01-13 11:24:15

บทที่ 6 บัสบาร์และบริภัณ

บทที่ 6 บัสบาร์และบริภัณ

1. 6 บัสบาร์และบริภัณฑ์


1. บัสบาร์ (Busbar) บัสบาร์ท ามาจากแผ่นทองแดง (Copper ; Cu) มีความบริสุทธิ์ของ ทองแดงไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 ส าหรับบัสบาร์อะลูมิเนียมก็ไม่ต ่ากว่าร้อย ละ 98 เช่นกัน ในตู้ควบคุมไฟฟ้าจะนิยมใช้บัสบาร์แทนการใช้สายไฟ เนื่องจากติดตั้งง่ายและรับกระแสได้มากกว่านิยาม ค าว่า แท่ง (Bar) หมายถึง เส้นที่มีภาคตัดขวางสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความหนาตั้งแต่ 0.5 มิลลิเมตร ขึ้นไป และมีความกว้าง ไม่เกิน 160 มิลลิเมตร 1. รายละเอียดและโครงสร้างของบัสบาร์ ค่าว่า บัสบาร์ (Busbar) ทางวิศวกรรมไฟฟ้า ค าว่า บัส (BUS) ใช้ เพื่ออธิบายจุดรวมของวงจรจ านวนมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะหมายถึงจุดรวม ที่มีวงจรไฟฟ้าจ่ายเข้าจ านวนน้อยและมีวงจรไฟฟ้าจ่ายออกจ านวนมาก สถานีไฟฟ้าหรือแผงสวิตซ์จ่ายไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าปัจจุบันจะต้อง สามารถรับและจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ปริมาณมาก กระแสไฟฟ้าปริมาณมากนี้ จะท าให้เกิดแรงแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Force) ขึ้นอย่าง มหาศาล บัสบาร์ก็เหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆจะต้องสามารถทนต่อแรง เหล่านี้ได้ ดังนั้นโลหะที่จะใช้เป็นบัสบาร์จะต้องมีคุณสมบัติ ทางไฟฟ้าทางกล ที่ดี และสามารถท างานได้ที่อุณหภูมิที่ก าหนด ในการติดตั้งบัสบาร์เข้ากับเซอร์กิตเบรกเกอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ขนาดหรือพื้นที่หน้าตัดจะขึ้นอยู่กับการออกแบบ บนเส้นตัวน าบัสบาร์จะถูก เจาะให้เป็นรูเพื่อให้สามารถจับยึดสายไฟฟ้าได้อย่างมั่นคงแข็งแรง โดยทั่วไป จะเข้าปลายสายด้วยหางปลา เพื่อเพิ่มพื้นที่การสัมผัสกับตัวน าบัสบาร์


ส าหรับการจับยึดบัสบาร์เข้ากับตู้ควบคุมจะใช้ลูกถ้วยบัสบาร์ Epoxy Insulator Polyesterมีทั้งแบบกลมและแบน ขนาดกระแสของบัสบาร์จะ พิจารณาความสามารถในการน ากระแสตามขนาดพื้นที่หน้าตัดเช่นเดียวกับ สายไฟฟ้า แต่จะมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม และตามมาตรฐาน DIN ได้ ก าหนดขนาดกระแสส าหรับบัสบาร์ทองแดง และบัสบาร์อะลูมิเนียม นิยาม ค าว่า แท่ง (Bar) หมายถึง เส้นที่มีภาคตัดขวางสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความหนาตั้งแต่ 0.5 มิลลิเมตร ขึ้นไป และมีความกว้าง ไม่เกิน 160 มิลลิเมตร 1. ประเภทของทองแดงแท่ง ทองแดงแท่งตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แบ่ง ออกเป็น 3 ประเภท 1. ประเภทอบอ่อน (Annealed) ลักษณะ เส้นกลม เส้น สี่เหลี่ยมจัตุรัสเส้นหกเหลี่ยมด้านเท่า แท่ง 2. ประเภทกึ่งแข็ง (Half-hard) ลักษณะ เส้นกลม เส้น สี่เหลี่ยมจัตุรัสเส้นหกเหลี่ยมด้านเท่า แท่ง 3. ประเภทแข็ง (Hard) ลักษณะ เส้นกลม เส้นสี่เหลี่ยม จัตุรัส เส้นหกเหลี่ยมด้านเท่า แท่ง 2. ชนิดและส่วนประกอบทางเคมีของบัสบาร์


ทองแดงแท่งและทองแดงเส้นต้องท ามาจากทองแดง สภาพน าไฟฟ้าสูง (High conductivity copper) ชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งมี ส่วนประกอบทางเคมีตามตาราง ดังต่อไปนี้ 1. ชนิดอิเล็กโตรลิติก ทัช พิตช์ (Electrtolytic touch pitch) 2. ชนิดไฟร์-รีไฟร์ ทัช พิตช์ (Fire-refined touch pitch) 3. ชนิดปราศจากออกซิเจน (Oxygen-free) 4. ชนิดปราศจากออกซิเจนส าหรับการใช้งานพิเศษ (Oxygen-free for special applications) หมายเหตุ 1. ขีดจ ากัดขั้นสูงของออกซิเจน คือ ร้อยละ 0.06 ของน ้าหนักการ หล่อในแนวดิ่งและขีดจ ากัดขั้นสูง ส าหรับสิ่งเจือปนอื่น ๆ ให้เป็นที่ตก ลงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ท า 2. ทองแดงที่มีเงินปนอยู่ (Silver-bearing copper) ตามปกติเงิน อาจจะมีปริมาณอยู่ระหว่างร้อยละ 0.03 - 0.2 ของน ้าหนัก ถ้า ต้องการให้เงินเป็นโลหะเจือ (Alloy element) ผู้ซื้อควรระบุปริมาณ เงินที่ต้องการด้วย 3. สารโวลาไทด์ ได้แก่ อาร์เซนิก พลวง บิสมัท คัดเมี่ยม มังกานีส เซเร เนียม แคลลูเรียม และสังกะสี ซึ่งจะต้องไม่มีปริมาณของสารใดสาร หนึ่งเกินร้อยละ 0.0025 ของน ้าหนัก นอกจากว่าจะได้ตกลงกันเป็น อย่างอื่นระหว่างผู้ซื้อกับผู้ท า


3. คุณลักษณะที่ดีของทองแดงแท่ง (Characteritics of copper Busbar) 1. ลักษณะภายนอก ต้องสะอาด ผิวเรียบ และปราศจาก ข้อบกพร่องที่มองเห็นได้ หมายเหตุ สภาพไฟฟ้านี้คิดเทียบเป็นร้อยละของทองแดงอบอ่อนมาตรฐาน ซึ่ง ก าหนดโดยคณะกรรมาธิการ เทคนิคไฟฟ้าระหว่างประเทศ (Internation Electrotechnical Commission) ว่าทองแดงมีสภาพ ต้านทานไฟฟ้าทาง ปริมาตรที่ 20 องศาเซลเซียส เท่ากับ 0.017241 โอห์ม/ตารางมิลลิเมตร ถือ ว่ามีสภาพ น าไฟฟ้าร้อยละ 100 (IEC 28) ทองแดงที่ใช้ในงานไฟฟ้าควรเป็นชนิดที่มีความบริสุทธิ์ (Purity) สูง เนื่องจากความไม่บริสุทธิ์ในทองแดงจะมี ผลอย่างมากตอ่ คุณสมบัติทาง กลและทางไฟฟ้าความไม่บริสุทธิ์ที่มีผลต่อการน าไฟฟ้าขึ้นอยู่กับปริมาณ และชนิดของธาตุ ที่เจือปนอยู่ในทองแดง เช่น การมีฟอสฟอรัสเพียง 0.04% ของน ้าหนักในทองแดงจะลดความน าไฟฟ้าลงเหลือเพียง 80% ICAS ระดับความไม่บริสุทธิ์ทั้งหมดซึ่งรวมทั้งออกซิเจนด้วยไม่ควรเกิน 0.1% ทองแดงที่มีความบริสุทธิ์ขนาดนี้คือ ทองแดง ความน าไฟฟ้าสูง (High Conductivity Copper หรือ HC Copper) 6.1.1.4 ผลของกระแสสลับในบัสบาร์ ความต้านทานปรากฏของตัวน าส าหรับไฟฟ้ากระแสสลับ จะมี ค่ามากกว่าไฟฟ้ากระแสตรงเสมอ สนามแม่เหล็ก สลับที่เกิดขึ้นจากไฟฟ้า กระแสสลับ จะท าให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวน า ซึ่งจะท าให้การน ากระแส


ไฟฟ้าในตัวน าลดลง ในส่วนตรงของตัวน า จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากสนามแม่เหล็กมีค่าสูง และค่าสนามแม่เหล็กจะลดลงเมื่อเข้าใกล้ผิว แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวน าที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะแปรค่าทั้งขนาดและเฟสตลอด พื้นที่หน้าตัดของตัวน าโดยมีค่ามากที่สุดที่บริเวณ ตรงกลางตัวน า และ ลดลงเมื่อเข้าใกล้ผิว ดังนั้นกระแสไฟฟ้าจึงมีค่ามากบริเวณที่ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวน ามีค่าน้อย คือที่บริเวณผิวของตัวน า ท าให้เรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า Skin Effect หรือ Edge Effect ผลของความหนาแน่น กระแสที่ไม่สม ่าเสมอในตัวน าท าให้ค่าความต้านทานปรากฏเพิ่มขึ้น อัตราส่วนระหว่างความต้านทานไฟฟ้ากระแสสลับต่อความ ต้านทานกระแสตรงเรียกว่า Skin Effect Ratio นั่นคือ ขนาดและความส าคัญของ Skin Efect จะเพิ่มขึ้นตามความถี่ ขนาดรูปร่าง และความหนาของตัวน า แต่จะไม่ขึ้นกับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ ไหลผ่าน เมื่ออุณหภูมิของตัวน าเพิ่มขึ้น ผลของ Skin Effect จะลดลง ท า ให้การเพิ่มขึ้นของความต้านทานไฟฟ้ากระแสสลับน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ผล ของ Skin Effect ในทองแดง จะปรากฏชัดกว่าในอะลูมิเนียมที่มี พื้นที่หน้าตัดเท่ากัน เนื่องจากทองแดงมีค่าความต้านทานจ าเพาะต ่ากว่า ท่อ ทองแดงSkin Effect ในท่อตัวน าทองแดง เป็นฟังก์ชั่นของความหนาของ


ผนังท่อ และอัตราส่วนระหว่างความหนากับเส้นผ่านศูนย์กลาง ส าหรับ พื้นที่หน้าตัดที่ก าหนดให้ Skin Effect สามารถลดลงได้โดยการเพิ่มขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางและลดความหนาลง หมายเหตุ บัสบาร์ทองแดงสี่เหลี่ยม Skin Effect ในบัสบาร์ทองแดงสี่เหลี่ยม เป็นฟังก์ชั่นของความหนาและความกว้างของบาร์ ส าหรับพื้นที่หน้าตัดที่ เท่ากันของบาร์ขนาดใหญ่ Skin Effect ในบาร์ทองแดงสี่เหลี่ยมบาง ๆ จะ มีค่าน้อยกว่าในลวดตัวน าทองแดง แต่จะมีค่ามากกว่าในท่อทองแดงบาง เนื่องจาก Skin Effect ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนความกว้างต่อความหนา ของบาร์ ค่า Skin Effect จะมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อความหนาเพิ่มขึ้น ดังนั้นแถบ ตัวน าทองแดงบาง ๆ จึงมีประสิทธิภาพในการน ากระแสไฟฟ้าสลับดีกว่า ตัวน าที่หนากว่านั้นเอง 2. ข้อก าหนดในการใช้งานขนาดกระแสส าหรับบัสบาร์ทองแดง ตาม มาตรฐาน DIN 43 671 3. การใช้งานบัสบาร์ 1. บัสบาร์ (busbar) ส่วนใหญ่เป็นบัสทองแดง แต่ละบัสจะท า เป็นโค๊ดสี “เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจเช็ค หรือการซ่อมแซม ระบบ” ตามรายละเอียด ดังนี้ สีแดง แทนเฟส R (Red), สี เหลือง แทนเฟส Y (Yellow), สีน ้าเงิน แทนเฟส T (Blue) 2. การต่อที่บัสบาร์ทองแดง สามารถท าได้โดยการใช้น็อต (Bolting) การจับยึด(Clamping) การใช้หมุด (Riveting) การบัดกรี


(Soldering) หรือการเชื่อม (Welding) แล้วแต่ความเหมาะสมและ ความถนัดของ ผู้ปฏิบัติ 3. การต่อจุดต่อด้วยการเชื่อม บัสบาร์ทองแดง มีข้อดี คือ กระแสไฟฟ้าไหลสม ่าเสมอความสามารถในการน ากระแสไม่ เปลี่ยนแปลง เนื่องจากจุดต่อเป็นตัวน าทองแดง 4. การใช้น็อต เป็นวิธีที่กระชับและเชื่อถือได้ แต่มีข้อเสียคือต้อง เจาะรูลงไปในบาร์เพื่อใส่น็อต จะท าให้เกิดความผิดเพี้ยนใน เส้นทางการน ากระแส จุดต่อแบบนี้จะท าให้เกิดแรงที่จุดสัมผัส ไม่สม ่าเสมอ มากกว่าการใช้แผ่นจับยึด 5. การใช้ตัวจับยึด สามารถท าได้ง่ายโดยพื้นที่หน้าตัดไม่เสียหาย มวลที่เพิ่มขึ้นจะช่วยในการระบายความร้อนที่จุดต่อ และการ ออกแบบตัวจับยึดที่ดีจะท าให้เกิดแรงแบบสม ่าเสมอที่จุด สัมผัส ข้อดีอื่น ๆ คือง่ายต่อการติดตั้ง ส่วนข้อเสียคือราคา แพง 6. การใช้หมุดยึด มีประสิทธิภาพสูง แต่มีข้อเสียคือถอดหรือท า ให้แน่นได้ยากและการติดตั้งท าไม่สะดวก 7. การบัดกรีมีใช้น้อยมากส าหรับบัสบาร์ นอกจากต้องเสริม ด้วยน็อตหรือตัวจับยึดเนื่องจากความร้อนจากการ ลัดวงจรจะท าให้เกิดสภาพทางไฟฟ้าและทางกลไม่ดี 2. บริภัณฑ์ (Equipment)


บริภัณฑ์ (Equipment) หมายความว่า สิ่งที่รวมวัสดุ เครื่อง ประกอบ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและสิ่งอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ใช้เป็น ส่วนประกอบในการติดตั้งระบบไฟฟ้า หรือต่อเข้ากับระบบไฟฟ้า เช่น ตู้แผง สวิตช์ ตู้แผงเซอร์กิตเบรกเกอร์ กล่องต่อสาย แบ่งตามระดับแรงดันไฟฟ้า ได้เป็น 1. ชนิดของบริภัณฑ์ (Equipment Electrical) บริภัณฑ์ไฟฟ้า (Equipment) แบ่งตามระดับแรงดันไฟฟ้าได้ เป็น 1. บริภัณฑ์ชนิดไฟฟ้าแรงสูง (High Volt Equipment) คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับแรงดันสูงกว่า 36 kV 2. บริภัณฑ์ไฟฟ้าชนิดแรงดันปานกลาง (Middle Volt Equipment) คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับแรงดัน 1 kV - 36 kV 3. บริภัณฑ์ไฟฟ้าชนิดแรงดันต ่า (Low Volt Equipment) คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับแรงดันต ่ากว่า 1 kV 2. โครงสร้างของบริภัณฑ์ระบบไฟฟ้าก าลัง ในระบบโครงสร้างไฟฟ้าภายในอาคาร ประกอบด้วยบริภัณฑ์ ไฟฟ้าชนิดแรงดันปานกลาง (Middle Volt Equipment) คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับ แรงดัน 1 kV - 36 kV และบริภัณฑ์ไฟฟ้าชนิดแรงดันต ่า (Low Volt Equipment) คือ อุปกรณ์ที่ใช้กับแรงดันต ่ากว่า 1 kV 1. บริภัณฑ์ไฟฟ้าแรงดันระดับปานกลาง (Middle Volt Equipment) ประกอบด้วย


1. ริงเมนยูนิต (RMU : Ring main Unit) จัดเป็นบริภัณฑ์ประธานเป็น สวิตช์ตัด - ต่อ สายป้อนไฟฟ้าแรงดันต ่า ก่อนจ่ายไฟฟ้าให้กับหม้อ แปลง ภายใน Load break Switch ซึ่งเป็นสวิตช์ที่สามารถปลด วงจรได้ ขณะที่มี Load อยู่ โดยอาศัยก๊าซซัลเฟอร์เฮกฟลูโอไรด์ (SF6) เป็นตัวกลางช่วยดับอาร์ก (ARC) แทนอากาศหรือน ้ามัน 2. หม้อแปลงไฟฟ้า (Electrical Transformer) หม้อแปลงที่ใช้ใน ระบบจ าหน่ายไฟฟ้า เรียกว่า หม้อแปลงจ าหน่าย (Distribution Transformers) 1.เป็นอุปกรณ์ที่รับแรงดันไฟฟ้าจากริงเมนยูนิต แล้วแปลง แรงดันไฟฟ้าเพื่อส่งไปยังตู้ MDB 2. มีพิกัดแรงดันถึง 2,000 kVA แต่ในบางกรณีอาจมีพิกัดแรงดัน สูงถึง 3,150 kVA มี 2 แบบคือ 1. หม้อแปลงใช้ของเหลว (Liquid-immersed Transformers) 1. น ้ามันหม้อแปลง (Mineral Oil) เหมาะกับการติดตั้งนอกอาคาร ใช้งานได้ดี มีราคาถูก และนิยมใช้กันมาก 2. ของเหลวที่ติดไฟฟ้ายาก (Less Flammable Liquid) 2. หม้อแปลงแห้ง (Dry-Type Transformers) มีฉนวนเป็นของแข็ง โดยทั่วไปนิยมใช้สารเรซิ่น (Resin) เรียกว่า Cast Resin Transformers จุดไฟติดที่อุณภูมิ 350 องศาเซลเซียส มีความ แข็งแรงทนทาน นิยมใช้ติดตั้งภายในอาคาร (ถ้าใช้หม้อแปลงน ้ามัน ต้องใช้พื้นที่มาก และอาจมีปัญหาท าให้เกิดไฟฟ้าไหม้ได้) หากมีการ


ติดตั้งพัดลมระบายความร้อนจะช่วยให้หม้อแปลงจ่ายโหลดได้ เพิ่มขึ้น 30-40 % สามารถติดตั้งได้ 2 แบบ 1. ติดตั้งไว้ด้านบน (Cover Mounted Fan : CME) 2. ติดตั้งไว้ด้านล่าง (Cross Flow Fan : CCF) 2. บริภัณฑ์ไฟฟ้าแรงดันระดับต ่า (Low Volt Equipment) ประกอบด้วย 1. บัสไทร์ (Bus Tie) มีไว้เพื่อแบ่งจ่ายโหลดไฟฟ้า ในกรณีที่มี แหล่งจ่ายไฟฟ้า ด้วยการใช้ CB จ านวน 3 ตัว ควบคุมแบบ Manual โดยมี CB 2 ตัวแรกเอาไว้ป้องกันแหล่งจ่าย และ CB ตัวที่ 3 ใช้เชื่อมระหว่างแหล่งจ่าย 2 แหล่ง (* Cb ทั้ง 3 ตัวต้อง ไม่ปิดวงจรพร้อมกัน) 2. แผงจ่ายไฟหลัก (Main Distribution Boards : MDB) เรียกอีก อย่างว่าแผงสวิตช์บอร์ด (Switch boards) คือ ตู้ควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นแผงจ่ายไฟขนาดใหญ่ที่รับไฟจากการไฟฟ้า หรือจากด้าน แรงดันต ่าของหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อไปจ่ายให้โหลดต่าง ๆ เช่น แผงจ่ายไฟย่อย (Panel Boards), มอเตอร์ (Motor) เป็นต้น 3. ฟิวส์แรงต ่า (LV Fuses) ตามมาตรฐาน IEC ฟิวส์แรงต ่ามี 3 แบบ คือ 1. D-Fuse Link (Diazed) ออกแบบให้ใช้ทั้งในอาคาร และงาน อุตสาหกรรม 2. Do-Fuse Link (Neozed) มีขนาดให้เลือกใช้มากมาย


3. NH (HRC) Fuse ออกแบบให้ใช้ในงาน อุตสาหกรรม 3. บริภัณฑ์เครื่องวัด (Measuring Instrument) ค่าทางไฟฟ้าจะช่วย ให้เราทราบสภาพการท างานของระบบไฟฟ้า ซึ่งติดตั้งไว้ที่แผงจ่ายไฟหลัก สามารถแบ่งได้ดังนี้ 1. Ammeter ใช้วัดกระแสไฟฟ้า (A) โดยทั่วไปจะวัดกระแสได้ 5 A ถ้าต้องการวัดกระแสสูงขึ้นกว่านี้ต้องต่อหม้อแปลงกระแส (CT) ร่วมกันแบบอนุกรม แล้วต่อ เข้ามาที่ Ammeter เพื่อแปลง เป็นค่าไม่เกิน 5 A เช่น จาก 1000/5 A เป็นต้น จ านวน CT ขึ้นอยู่ กับสายไฟฟ้าที่จะวัด เช่น ระบบ 3 เฟส 4 สาย จะมี CT จ านวน 3 ตัว สามารถวัดทีละครั้งได้โดยการใช้ Ammeter Selector เข้ามาช่วย 2. Voltmeter ใช้วัดแรงดันไฟฟ้า (V) สามารถทนแรงดันได้ 500 V ต่อโดยผ่าน Voltage Selector เลือกวัดได้ระหว่าง L-N หรือ L1-L2, L2-L3, L3-L1 3. Freqeuncy Meter (Hz) ใช้วัดความถี่ทางไฟฟ้าในประเทศไทย ใช้ค่าความถี่ทางไฟฟ้า เท่ากับ 50 Hz 4. Power Factor Meter (PF.) ใช้วัดตัวประกอบก าลังของระบบ ไฟฟ้า / 0.5 Leading - 0.5 Lagging 5. Kilo Watt Meter ใช้วัดก าลังไฟฟ้า มีให้เลือกใช้ทั้งแบบ 1 เฟส 2 สายและ 3 เฟส 4 สาย


6. Kilowatt Hours ใช้วัดค่าพลังงานไฟฟ้า สามารถวัดได้ทั้งแบบ 1 เฟส 2 สาย และ 3 เฟส 4 สาย 7. Current Transformers (CT) คือหม้อแปลงที่ใช้แปลงกระแส ให้มีค่าต ่าลง เพื่อให้เหมาะสมกับการวัดและการท างานของ บริภัณฑ์ป้องกัน 8. Universal Measuring Device คือ การใช้ Microprocessor ส าหรับวัดค่าทางไฟฟ้าทั้งหมด เช่น Current (A), Voltage (V), Apparane Power (kVA), Real Power (kW.), Frequency (Hz) และ Total Harmonic Distortion (THD) เป็นต้น 9. แผงจ่ายไฟย่อย (Panel Boards) รับไฟฟ้าจากสายป้อน หรือสายประธาน แล้วแยกเป็นวงจรย่อยเพื่อจ่ายไฟฟ้า ให้กับโหลดต่อไป ส่วนประกอบ 1. เครื่องห่อหุ้ม (Enclosures) 2. บัสบาร์ (Busbars) 3. เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) แผงย่อยส าหรับที่อยู่อาศัย (Consumer Units) 1. ใช้กับไฟ 1 เฟส 2 สาย


2. มีขนาด 2, 4, 6, 8, 12 และ 16 วงจรย่อย 3. ค่า IC ของ Main CB จะมีค่า 10 kA. * แผงย่อยส าหรับใช้งานทั่ว ๆ ไป (Panel Boards) นิยมเรียกว่า Load Centers 10. แท่งตัวน าไฟฟ้า (Busduct OR Busway) คือ ทางเดินไฟฟ้าส าหรับ ส่ง – จ่าย ระบบไฟฟ้า ท าหน้าที่คล้ายสายไฟฟ้า มีลักษณะเป็นแท่งตัวน า ท า ด้วยทองแดง หรืออะลูมิเนียม โดยทั่วไปจะรวมเข้าด้วยกันเป็นแท่ง ภายใน ตัวน าจะแยกจากกันด้วยฉนวนไฟฟ้า การแยกวงจรของ Busduct ท าได้ โดยใช้ตัวแยกคือ Plug-In แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. Busduct Feeder ท่อนตรง : จะไม่มีช่องส าหรับ เสียบ Plug In 2. Busduct Plug In ท่อนตรง : จะมีช่องส าหรับ เสียบ Plug In


Click to View FlipBook Version