The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปปฎิบัติในการทำต่อไปให้ดีที่สุด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nn.natthathida2545, 2022-01-25 02:27:51

การขยายพันธุ์พืช

เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปปฎิบัติในการทำต่อไปให้ดีที่สุด

เสนอ
ครูจรรยา เขื่อนหมั้น




ผู้จัดทำ
นายณัฎฐพล วิจิตต์ ม.3 เลขที่8

คำนำ

หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการงานอาชีพชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ การขยายพันธุ์
พืช และเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติในการทำต่อไปให้ดีที่สุด
ผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ที่กำลัง
ศึกษาความรู้เรื่องนี้อยู่ หากมีข้อเเนะนำหรือผิดพลาดประการใด

ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้ า
1
เรื่อง 2
3
ความหมายของการขยายพันธุ์พืช 4-24
25
การเลือกคัดพันธุ์พืช

ความสำคัญของการขยายพันธุ์พืช
วิธีการขยายพันธุ์พืชโดยวิธีต่างๆ
อ้างอิง

การขยายพันธุ์พืช

การขยายพันธุ์พืช หมายถึง การเพิ่มจำนวนหรือการทวีจำนวนต้นพืชที่มีอยู่ให้มี
จำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิม“แต่มิได้หมายถึงการเพิ่มจำนวนต้นพืชด้วยวิธีนำ
ต้นพืชด้วยวิธีนำต้นพืชมาจากที่อื่น”อาจจะใช้วิธีต่างๆ ในการเพิ่มจำนวน เช่น การ
เพาะเมล็ด การตัดชำ การตอน การติดตา การทาบกิ่ง และการเสียบยอดเสียบข้าง
การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่

1. การขยายพันธุ์พืชโดยอาศัยเพศ ( Seed or Sexual propagation)
2. การขยายพันธุ์พืชโดยไม่อาศัยเพศ หรือใช้ส่วนต่างๆของต้น (Asexual
propagation)

หลักการขยายพันธุ์พืช

การขยายพันธุ์พืชให้ประสบผลสำเร็จต้องมีความรู้ ดังนี้
1. ต้องมีทักษะในการขยายพันธุ์พืช ผู้ที่จะทำการขยายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตอนกิ่ง

การต่อกิ่ง ติดตา และทาบกิ่ง จำเป็นที่จะต้องฝึก ปฏิบัติหัดเพื่อให้เกิดความชำนาญ
2. ต้องรู้จักโครงสร้างภายในต้นพืชและนิสัยการเจริญเติบโตของพืชและควรมีความรู้

พื้นฐานทาง ด้านพฤกษศาสตร์ พืชสวน พันธุ ศาสตร์ และสรีรวิทยาของพืช ความรู้พื้นฐาน
เหล่านี้มีส่วนช่วยให้การขยายพันธุ์ประสบผลสำเร็จอย่างมาก

3. ต้องรู้จักชนิดของพืชและวิธีการขยายพันธุ์ที่ให้ผลแน่นอน ซึ่งพืชแต่ละชนิดมีความ
ยากง่ายในการขยายพันธุ์แตกต่างกัน ดังนั้น จึงจำ เป็น ที่จะต้องทราบถึงเทคนิคต่างๆ ใน
พืชแต่ละชนิด ซึ่งความรู้อาจได้จากการศึกษาจากเอกสารทางวิชาการหรือจากผู้ที่มีประสบ
การณ์ หรืออาจทำการศึกษาทดลองค้นคว้าด้วยตนเอง

ความสำคัญของการขยายพันธุ์พืช

1. ความสำคัญต่อการดำรงพันธุ์ของพืช การขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศมักทำให้เกิดการ กลาย
พันธุ์ ดังนั้นการที่จะคงพันธุ์พืชที่ดี ไว้จึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีการขยายพันธุ์โดยวิธีการอื่นที่
ไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ โดยการขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศเช่น ตัดชำ ตอนกิ่ง ต่อกิ่ง
และทาบกิ่งเป็ นต้น
2. เพื่อหาพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าเดิม เช่น การขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศ หรือใช้เมล็ดเพาะปลูก ถึง
แม้จะทำให้ มีโอกาสกลายพันธุ์ได้มาก แต่การกลายพันธุ์อาจได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะที่ดีกว่า
เดิม เช่น ลำไยพันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกในภาคเหนือ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นำมาจากประเทศจีน ต่อมามี
การกลายพันธุ์เกิดขึ้นทำให้ได้ลักษณะพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าพันธุ์เดิม
3. ความสำคัญต่ออาชีพเกษตร อาชีพเกษตรมีความผูกพันธ์กับการขยายพันธุ์พืชอยู่ตลอด
เวลา โดยเฉพาะสาขาพืช ไม่ว่าจะมีอาชีพ ปลูกพืชชนิดใด จะต้องเกี่ยวข้องกับการขยาย
พันธุ์เพื่อเพิ่มปริมาณอยู่ตลอดเวลา จึงควรอย่างยิ่งที่เกษตรกรสาขาพืชจะเรียนรู้หลักการ
และวิธีการขยายพันธุ์พืชที่ถูกต้อง และเหมาะสมเพื่อช่วยการประกอบอาชีพการเกษตรให้
ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วิธีการขยายพันธุ์พืชโดยวิธีต่างๆ

1.การต่อกิ่ง เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชโดยไม่ใช้เพศที่สามารถ
ทำได้โดย การนำกิ่งพันธุ์ดีที่มีตามากกว่า 1 ตา มาต่อบนต้นตอ
เพื่ อให้เนื้ อเยื่ อเจริญทั้งสองเชื่ อมประสานเป็ นต้นเดียวกันการขยาย
พันธุ์ด้วยวิธีต่อกิ่งจะดีกว่าการติดตามาก เพราะจะได้รอยต่อที่แข็ง
แรงกว่ามาก การต่อกิ่งนิยมใช้อย่างแพร่หลาย และได้ผลดีกับพืช
บางชนิด เช่น เฟื่ องฟ้ า ชบา โกสน เล็บครุฑ มะม่วง พุทรา ขนุน

องุ่น ฯลฯ

ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการต่อกิ่ง
1) พืชที่นำมาเสียบเข้าด้วยกันต้องเป็นพืชตระกูลเดียวกัน แต่อาจต่างพันธุ์กันได้
2) กิ่งพันธุ์ดีจะต้องมีความสดอยู่เสมอ ซึ่งควรเก็บรักษาไว้ในห้องเย็น
3)รอยแผลที่ทำการเสียบจะต้องแนบกันสนิทให้เนื้ อเยื่ อเจริญของพืชทั้งสองส่วนสัมผัสกันมากที่สุด
เพื่อจะได้เชื่อมประสานกันได้รวดเร็ว

4) เลือกตาพันธุ์ที่กำลังพักตัว คือ พร้อมที่จะแตกยอดใหม่
5) ใช้แถบพลาสติกพันทับรอยเชื่อม ไม่ให้น้ำและเชื้อโรคเข้าได้
6) รอยแผลจะต้องรักษาความสะอาดให้มากที่สุด ระวังอย่าให้สัมผัสน้ำหรือความชื้น
มากเกินไป
7) ลิดใบพันธุ์ดีทิ้ง และใช้พลาสติกคลุม ป้ องกันการคายน้ำ และรักษาความชื้น

วิธีการต่อกิ่ง

1) การต่อกิ่งแบบเสียบลิ่ม พันธุ์ไม้ที่นิยม เช่น เฟื่ องฟ้ า โกสน น้ อยหน่า ทับทิม มีขั้นตอน ดังนี้
(1) ตัดยอดต้นตอที่แตกใหม่ ให้เหลือยาวประมาณ 4 นิ้ว แล้วผ่ากลางกิ่งพืชที่ต้องการเสียบยอด

ให้ลึกประมาณ 2 นิ้ว
(2) เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่ม ยาวประมาณ 2 นิ้ว
(3) เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ ให้รอยแผลทั้งสองตรงกัน แล้วใช้เชือกมัดด้านบนและ

ล่างรอยแผลต้นตอให้แน่น
(4) คลุมต้นที่เสียบยอดแล้วด้วยถุงพลาสติกหรือนำไปเก็บในโรงอบพลาสติก (ถ้าต้นพืชที่ทำการ

เสียบยอดอยู่กลางแจ้งควรใช้ถุงกระดาษเล็กหุ้มก่อน เพื่อป้ องกันความร้อน)
(5) ประมาณ 5-7 สัปดาห์รอยแผลจะประสานกันดีแล้วให้นำออกมาพักไว้ในโรงเรือนที่รอการ

ปลูกต่อไป

ภาพวิธีการต่อกิ่งแบบเสียบลิ่ม

2.การต่อกิ่งเสียบข้าง พืชที่นิยมทำได้แก่ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น โกสน เล็บครุฑ สนชนิด
ต่าง ๆ โป๊ ยเซียน ฯลฯ และไม้ผล เช่น ขนุน กระท้อน ฯลฯ มีขั้นตอน ดังนี้
(1) เฉือนต้นตอจากปลายไปสู่โคน โดยเฉือนลึกเข้าไปในเนื้อไม้เล็กน้ อย ให้แผลยาว
ประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว
(2) ตัดยอดกิ่งพันธุ์ดี ยาวประมาณ 2 – 3 นิ้ว เฉือนให้เป็นรูปปากฉลาม รอยแผลยาว
ประมาณ 1.5 – 2 นิ้ว เฉือนด้านหลังของรอยแผล เพื่อให้แผลมีลักษณะเป็นรูปลิ่ม
(3) นำยอดกิ่งพันธุ์ดี เสียบเข้ารอยแผลของต้นตอ จัดให้รอยแผลแนบสนิทกัน โดยจัดให้
ส่วนของเนื้ อเยื่ อเจริญของกิ่งพันธุ์ดีและต้นตอตรงกัน
(4) พันด้วยพลาสติก หุ้มรอยแผลให้แน่น โดนพันจากล่างขึ้นบน
(5) ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จึงแกะพลาสติกออก แล้วพันใหม่ โดยเว้นส่วนของยอดกิ่ง
พันธุ์ดีไว้ เพื่อให้ตาแตกยอดใหม่ออกมาได้
(6) หลังจากกิ่งใหม่เจริญดีแล้ว จึงตัดยอดเดิมของต้นตอทิ้งไป เพื่อให้ยอดใหม่เจริญได้เต็ม
ที่

ภาพวิธีการต่อกิ่งแบบเสียบข้าง

2.การตอนกิ่ง

เป็นวิธีขยายพันธุ์ ที่ใช้กับพืชได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง มะเฟือง
มะนาว เลมอน ส้ม ลิ้นจี่ มะเดื่อฝรั่ง ทับทิม ชมพู่ มะม่วง นิยมทำบาดแผลด้วย
การควั่นกิ่งจะออกรากได้ง่ายที่สุด นิยมทำในฤดูฝน เพราะไม่ต้องคอยรดน้ำ
โดยเลือกตอนกิ่งแก่ที่เจริญในปีที่แล้วหรือในปีเดียวกันก็ได้ แต่ต้องเป็นกิ่งที่
แข็งแรง ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป เลือกกิ่งที่เจริญตั้งขึ้นจะออกรากดีกว่ากิ่งที่ทอด
เอียงในแนวระนาบหรือกิ่งที่ห้อยลง แล้วทำแผลบนกิ่งให้ชิดใต้ข้อ

ปั จจัยที่มีอิทธิพลต่อการตอนกิ่ง
1) การทำให้เกิดการสะสมอาหารและสารบางชนิดที่จำเป็นต่อการงอกราก ในบริเวณที่ทำการตอน
โดยวิธีการทำให้กิ่งเกิดแผล เพื่อตัดท่อลำเลียงอาหารของพืชในส่วนอื่นๆ จึงเกิดการสะสมอาหารและ
สารบางอย่างขึ้นเหนือแผลที่ทำการตอน
2) การสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการงอกรากของพืช เช่น ความชื้น อุณหภูมิ และแสงสว่าง
3) การดูแลรักษา ควบคุมความชื้นหรือการป้ องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย อันเกิดจากศัตรูอื่นๆ เช่น
มด แมลง สัตว์เลี้ยง

วิธีการตอนกิ่ง

1. เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์ปราศจากโรคและแมลง
2. ควั่นกิ่ง ลอกเอาเปลือกออก แล้วขูดเยื่อเจริญที่เป็นเมือกลื่น ๆ ออก
3. นำตุ้มตอน (ขุยมะพร้าวที่แช่น้ำ แล้วบีบหมาด ๆ อัดลงในถุงพลาสติก ผูกปากถุงให้แน่น)
มาผ่าตามความยาวแล้วนำไปหุ้มบนรอยแผลของกิ่งตอน มัดด้วยเชือกทั้งบนและล่างรอยแผล
4. เมื่อกิ่งตอนมีรากงอกแทงผ่านวัสดุ และเริ่มแก่เป็นสีเหลือง สีน้ำตาล ปลายรากมีสีขาว และ
มีจำนวนมากพอจึงตัดกิ่งตอนได้
5. นำกิ่งตอนไปชำในภาชนะ กระถางหรือถุงพลาสติก เพื่อรอการปลูกต่อไป

ภาพวิธีการตอนกิ่ง

3.การติดตา

การเชื่อมประสานส่วนของต้นพืชเข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเป็นพืช
ต้น เดียวกัน โดยการนำแผ่นตาจากกิ่งพันธุ์ดี ไปติดบนต้นตอ การ
ติดตาจะมีวิธีการทำ 2 วิธี คือ วิธีการติดตาแบบลอกเนื้อไม้ และ
แบบไม่ลอกเนื้อไม้ ซึ่งในทีนี้จะแนะนำเฉพาะขั้นตอน การติดตา
แบบลอกเนื้ อไม้

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการติดตา

การเลือกพันธุ์พืชสำหรับใช้เป็น กิ่งพันธุ์ดี ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
(1) เป็นกิ่งที่มีตาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นตายอดหรือตาข้าง
(2) ควรเลือกจากกิ่งกระโดง หรือกิ่งน้ำค้าง
(3) เป็นกิ่งที่มีความสมบูรณ์ปานกลาง โดยสังเกตจากข้อ ที่ไม่ถี่หรือห่างเกินไป
(4) ตาของกิ่งพอเหมาะ คือ มีขนาดพอประมาณเท่าดินสอดำ
(5) เป็นกิ่งที่ได้จากต้นแม่ที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไม่มีโรค
(6) ถ้าเป็นกิ่งแก่ ควรมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพราะถ้าอายุมากเกินไป ตาที่ติดจะไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร

วิธีการติดตา

1. เลือกต้นตอในส่วนที่เป็นสีเขียวปนน้ำตาล แล้วกรีดต้นตอจากบนลงล่าง 2 รอย ห่างกัน
ประมาณ 1 ใน 3 ของเส้นรอบวงของต้นตอ ความยาวประมาณ 6 - 7 เซนติเมตร
2. ตัดขวางรอยกรีดด้านบน แล้วลอกเปลือกออกจากด้านบนลงด้านล่าง ตัดเปลือก ที่ลอกออก
ให้เหลือด้านล่างยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
3. เฉือนแผ่นตายาวประมาณ 7 - 10 เซนติเมตร ลอกเนื้อไม้ออกแล้วตัดแผ่นตา ด้านล่างทิ้ง
4. สอดแผ่นตาลงไปในเปลือกต้นตอ โดยให้ตาตั้งขึ้น แล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่น
5. ประมาณ 7 - 10 วัน จึงเปิดพลาสติกออก แล้วพันใหม่ โดยเว้นช่องให้ตาโผล่ ออกมา ทิ้งไว้
ประัมาณ 2 - 3 สัปดาห์ จึงตัดยอดต้นเดิมแล้วกรีดพลาสติกออก

ภาพวิธีการติดตา

4.การทาบกิ่ง

การนำพืชสองต้นมาทำการต่อเชื่อมให้เป็นต้นเดียวกัน โดยมีเซลล์เนื้อเยื่อ
เป็นตัวเชื่อมติดกัน การทาบกิ่งประกอบส่วนที่เป็นต้นตอ (Stock) ทำหน้ าที่
เป็นระบบรากของต้นพืชใหม่ และส่วนของกิ่งพันธุ์ดี (Scion) อยู่เหนือรอย
ต่อ ทำหน้ าที่เป็นส่วนยอดหรือกิ่งก้านลำต้นของพืชต้นใหม่

ปั จจัยที่เกี่ยวข้องกับการทาบกิ่ง
1. ความเหมาะสมของต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี พืชที่จะนำมาทาบกิ่งจะต้องเป็นพืชในตระกูลเดียวกัน มี
ขนาดของกิ่งใกล้เคียงกัน
2. ความสามารถของผู้ปฏิบัติ ผู้ที่จะทำการทาบกิ่งต้องมีความชำนาญพอสมควร เพราะถ้าปฏิบัติ
อย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้รอยแผลที่เฉือนไว้แห้ง โอกาสกิ่งทาบติดก็มีมาก
3. เวลาและสถานที่ การทาบกิ่งในเวลาที่ต้นพืชสะสมอาหาร และในสถานที่ๆดูแลรักษาได้ดีโอกาสกิ่ง
ทาบติดก็มีมาก
4. การดูแลรักษา การดูแลรักษาให้กิ่งที่ทาบปราศจากโรคและแมลง รักษาความชื้นให้เหมาะสม
โอกาสที่กิ่งทาบจะติดก็มีมาก

วิธีการทาบกิ่ง

1. เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์เพศปราศจากโรคและแมลง
2. เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นรูปโล่ยาวประมาณ 1 - 2 นิ้ว
3. เฉือนต้นตอเป็นรูปปากฉลาม
4. ประกบแผลต้นตอเข้ากับกิ่งพันธุ์ดี พันพลาสติกให้แน่น แล้วมัดต้นตอ
กับกิ่งพันธุ์ด้วยเชือกหรือลวด 5. ประมาณ 6 - 7 สัปดาห์ แผลจะติดกันดี
รากตุ้มต้นตอจะงอกแทงผ่านวัสดุ และเริ่มมีสีน้ำตาล ปลายรากมีสีขาว และ
มีจำนวนมากพอ จึงจะตัดได้
6. นำลงถุงเพาะชำ พร้อมปักหลังค้ำยัน ต้นเพื่อป้ องกันต้นล้ม

ภาพวิธีการทาบกิ่ง

5.การเสียบยอด

การเชื่อมประสานเนื้อเยื่อของต้นพืช 2 ต้น
เข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเติบโต เป็นต้นเดียวกัน

ปั จจัยที่เกี่ยวข้องกับการเสียบยอด
1. กิ่งพันธุ์ดีและต้นตอต้องอยู่ในตระกูลเดียวกัน
2. ขณะเสียบยอดจะต้องให้เนื้อเยื่อเจริญของกิ่งพันธุ์ดีสัมผัสกับเนื้อเยื่อเจริญของต้นตออย่างแนบ
แน่น จะทำให้เนื้อเยื่อติดดียิ่งขึ้น
3. ควรทำในฤดูเหมาะสม และอยู่ในระยะเวลาที่ตาของกิ่งพันธุ์ดีกำลังพักตัว

4. ต้องหุ้มหรือพันรอยต่อให้เรียบร้อย เพื่อป้ องกันกิ่งพันธุ์ดีแห้งก่อนที่จะเชื่อมติดกัน
5. ต้องคอยดูแลรักษาต้นตอและกิ่งที่เสียบให้อยู่ในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคและ
แมลง

วิธีการเสียบยอด

1. ตัดยอดต้นตอให้สูงจากพื้นดิน ประมาณ 10 เซนติเมตร แล้ว
ผ่ากลางลำต้นของ ต้นตอให้ลึกประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร
2. เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร
3. เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ ให้รอยแผลตรงกัน แล้ว
ใช้เชือกมัดด้านบน และล่างรอยแผลต้นตอให้แน่น

4. คลุมต้นที่เสียบยอดแล้วด้วยถุงพลาสติก หร
ือนำไปเก็บไว้ใน

โรงอบพลาสติก
5. ประมาณ 5 - 7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานกันดี
และนำออกมาพักไว้ในโรง เรือนเพื่อรอการปลูกต่อไป

ภาพวิธีการเสียบยอด

6.การปักชำ

การนำส่วนต่าง ๆ ของพืชพันธุ์ดี เช่น ใบ และ ราก มาตัดและ
ปักชำในวัสดุเพาะชำ เพื่อให้ได้พืชต้นใหม่จากสวนที่นำมาตัดชำ

แต่ในที่นี้จะขอแนะนำขั้นตอนการตัดชำกิ่งซึ่ง

ปั จจัยที่เกี่ยวข้องกับการปั กชำ
1. อายุและสภาพของต้นแม่ กิ่งที่นำมาจากต้นกล้าหรือต้นอ่อนจะออกรากง่ายกว่ากิ่งที่นำมาจาก
ต้นที่มีอายุมากหรือกิ่งแก่ กิ่งที่นำมาจากพืชที่ปลูกในเรือนกระจกจะออกรากง่ายกว่ากิ่งที่ปลูกใน
ที่กลางแจ้ง
2. เวลาที่ทำการตัดชำ พืชจำพวกไม้ผลัดใบจะใช้กิ่งที่ตัดมาจากช่วงระยะพักตัว ซึ่งจะมีอาหาร
สะสมอยู่มากจะออกรากได้ดีขึ้น สำหรับไม้เนื้อแข็งที่มีใบเขียวตลอดปี ระยะเวลาที่เหมาะสม
ที่สุดที่จะนำกิ่งมาตัดชำคือหลังจากเนื้อไม้ของกิ่งเริ่มแก่ ในพืชบางชนิดกิ่งที่จะนำมาตัดชำจะ
ต้องเป็ นกิ่งที่อยู่ในระยะการเจริญเติบโตจึงจะออกรากได้ดี
3. ตำแหน่งของฐานรอยตัด กิ่งตัดชำจะออกรากได้ดีเมื่อตัดให้ฐานชิดข้อ
4. การมีใบบนกิ่งชำ ใบช่วยให้กิ่งชำออกรากได้มากขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องจากกิ่งได้รับอาหารและ
ออกซิเจนที่ปรุงขึ้นจากใบพืช ที่ติดอยู่กับกิ่ง

5. วัสดุปักชำ การออกรากของกิ่งชำจะดีที่สุดถ้าวัสดุปักชำดูดน้ำได้มาก มีการระบายน้ำ
และการถ่ายเทอากาศดี วัสดุปักชำที่ดีต้องปราศจากเชื้อรา แบคทีเรีย และวัสดุเน่าเปื่ อยต่างๆ
6. การเร่งรากด้วยสารเคมี สารเคมีและฮอร์โมนบางชนิดสามารถช่วยในการเกิดรากในพืชหลาย
ชนิด แต่ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของพืช
7. ความชื้นของอากาศ สำหรับกิ่งชำที่มีใบติดมีความจำเป็นต้องรักษาระดับความชื้นในอากาศให้
สูงสม่ำเสมอ เพื่อลดการคายน้ำจากใบพืช และเพื่อป้ องกันการสูญเสียน้ำ ซึ่งจะช่วยให้กิ่งชำออก
รากได้ดี
8. อุณหภูมิ อุณหภูมิของแปลงปักชำในเวลากลางวันควรประมาณ 70-80 องศา ฟาเรนไฮด์ กลาง
คืนประมาณ 60-70 องศาฟาเรนไฮด์ ควรรักษาระดับอุณหภูมิที่โคนกิ่งตัดชำให้สูงกว่าอุณหภูมิ
เหนือระดับวัสดุปักชำ ประมาณ 10 องศาฟาเรนไฮด์ เพื่อให้กิ่งปักชำเกิดรากก่อนที่ตาบนจะเกิด
ยอด
9. ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำที่ใช้รด จะช่วยให้กิ่งตัดชำออกรากได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการปักชำ

1. ตัดโคนกิ่งให้ชิดข้อยาวประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร โดยตัดเฉียงเป็นรูปปากฉลาม
และตัดปลายบนให้เหนือตาประมาณ 1 เซนติเมตร
2. ใช้มีดปลายแหลมกรีดบริเวณรอบโคนยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร ประมาณ 2 - 3 รอย
3. ปักกิ่งชำลงในวัสดุเพาะชำ ลึกประมาณ 2.5 - 5 เซนติเมตร
4. นำเข้าโรงอบพลาสติก หรือถุงพลาสติกขนาดใหญ่
5. ประมาณ 25 - 30 วัน กิ่งตัดชำจะแตกยอกอ่อน พร้อมออกราก เมื่อมีจำนวนมากพอ
จึงย้ายปลูกต่อไป

ภาพวิธีการปักชำ

ข้อมูลอ้างอิง เรื่อง การขยายพันธุ์พืช
https://docs.google.com/document/prev

iew?
hgd=1&id=1KdvjBqVidhw_zTl8vy30A3

Xucyllyj3CwpMudwxwXY0.



https://sites.google.com/site/krukingkan
jana/neuxha-bth-reiyn?

tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplate
s%2Fprint%2F&showPrintDialog=1.



THANK YOU


Click to View FlipBook Version