The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปลาปู่ทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางที่ถูกกล่าวถึงกันมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เรื่องราวสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอุปนิสัยของคนในสังคม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Meena Khikhi, 2022-11-11 09:37:12

นิทานปลาบู่ทอง

ปลาปู่ทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางที่ถูกกล่าวถึงกันมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เรื่องราวสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอุปนิสัยของคนในสังคม

ปลาบู่ทอง

คำนำ

ปลาปู่ทอง เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางที่ถูกกล่าวถึงกันมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เรื่องราวสะท้อนให้เห็น
ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และอุปนิสัยของคนในสังคม ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ลักษณะนิสัยของคนเราก็มีทั้ง
ด้านดีและร้ายนิทานปลาปู่ทองเป็นเรื่องราวของเด็กสาวสองพี่น้องที่มีเพียงหน้าตาเท่านั้นที่เหมือนกัน แต่ส่วน
ลึกของจิตใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เอื้อย คือตัวแทนของความดีงาม หญิงสาวผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มี
น้ำใจ และสิ่งสำคัญคือ กตัญญูรู้คุณบิดามารดาส่วนอ้าย ผู้มีความสวยงามเพียงแค่หน้าตา แต่จิตใจนั้นคอย
อิจฉาริษยาผู้อื่นเพราะไม่ต้องการเห็นผู้อื่นได้ดีกว่า และสุดท้ายก็ได้รับผลกรรมที่ตนเองก่อไว้เรื่องราวของเอื้อย
ไม่ได้จบเพียงแค่การที่พระเจ้าพรหมทัตรับเอื้อยเข้าไปเป็นพระชายา แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ
ซึ่งต้องใช้ความอดทนในการฝ่าพันอุปสรรคนานับการกว่าจะได้รับความสุขสมหวังนั้นย่อมต้องแลกกับน้ำตาและ
ความสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แนะนำตัวละคร

เอื้อย

นางขนิษฐา แม่ปลาบู่ พระเจ้าพรหมทัต

ทารก (เมียหลวง)

อ้าย อี่


นกแขกเต้า พระฤาษี

นางขนิษฐี

(เมียน้อย)

ณ เมืองพาราณสี มีพระเจ้าพรหมทัตเป็นกษัตริย์กครองบ้านเมืองด้วยความสงลสุข
เรื่อยมา ห่างออกไปแถบชนบทมีบ้านเศรษฐีหลังหนึ่งปลูกอยู่ริมน้ำ ชื่อทารกมีอาชีพจับ
ปลา มีภรรยา 2 คน เมียหลวงชื่อนางขนิษฐา มีลูกสาวชื่อเอื้อย เมียน้อยชื่อนาง
ขนิษฐี มีลูกสาว 2 คน คนโตชื่อ อ้าย คนเล็ก ชื่ออี่ นางขนิษฐีเมียน้อยมีจิตริษยา
เมียหลวง จึงใช้เล่ห์กลมารยาพูดยุแหย่สามีอยู่ตลอดเวลา

เช้าวันหนึ่งทารกออกหาปลาพร้อมกับนางขนิษฐา จนกระทั่ง
สายทอดแหได้ปลาบู่ทองขึ้นมาเพียงตัวเดียว พอนาง
ขนิษฐาขอปลาบู่ทองเพื่อจะให้ลูกสาวเลี้ยงเอาไว้

ทารกโมโหจึงคว้าพายขึ้นมา ตีนางขนิษฐาด้วยความโกรธ จนนางขนิษฐาสลบ และผลัก
นางขนิษฐาตกน้ำไปเอื้อยเมื่อขาดแม่แล้ว ก็ถูกนางขนิษฐีพร้อมทั้งลูกสาวทั้งสองรุม
กลั่นแกล้งต่างๆนาๆ และใช้เอื้อยทำงานหนักตลอดเวลา เย็นวันหนึ่งหลังจากที่เอื้อย
ทำงานบ้านเสร็จแล้วได้มานั่งเล่นที่ท่าน้ำและร้องไห้ด้วยความคิดถึงแม่ นางขนิษฐามี
ความห่วงใยลูกสาว

เมื่อตายไปก็มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำที่เอื้อยนั่งอยู่พร้อมกับ
ร้องเรียกเอื้อย เอื้อยจำเสียงแม่ได้จึงมองหาเสียงนั้นก็เห็นปลาบู่ทอง จึงรู้ว่า
แม่มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง แม่จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง

นางขนิษฐีสืบได้ว่านางขนิษฐามาเกิดเป็นปลาบู่ทอง จึงให้อ้ายไปจับปลาบู่ทองมา ทำเป็นอาหาร เมื่อได้ปลามาก็ขอดเกล็ด เอื้อย
รีบนำข้าวคลุกรำไปที่ท่าน้ำร้องเรียกหาแม่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของแม่ปลาบู่ทองเลย เอื้อยก็เอะใจแม่จะต้องได้รับ
อันตรายแน่นอน เอื้อยเดินกลับบ้านด้วยความเสียใจ เป็ดซึ่งเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆ กับที่เอื้อยนั่งทอดอาลัยอยู่ เป็ดได้พูดขึ้นว่า
แม่ปลาบู่ทองของเอื้อยตายเสียแล้ว พร้อมทั้งคลายเกล็ดปลาบู่ทองให้เอื้อย เอื้อยจึงเอาเกล็ดปลาบู่ทองมาอธิษฐาน ขอให้แม่
เกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ

นางขนิษฐีสืบได้ว่านางขนิษฐามาเกิดเป็นปลาบู่ทอง จึงให้อ้ายไปจับปลาบู่ทองมา ทำเป็นอาหาร เมื่อได้ปลามาก็ขอดเกล็ด
เอื้อยรีบนำข้าวคลุกรำไปที่ท่าน้ำร้องเรียกหาแม่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของแม่ปลาบู่ทองเลย เอื้อยก็เอะใจแม่จะ
ต้องได้รับอันตรายแน่นอน เอื้อยเดินกลับบ้านด้วยความเสียใจ เป็ดซึ่งเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆ กับที่เอื้อยนั่งทอดอาลัยอยู่
เป็ดได้พูดขึ้นว่าแม่ปลาบู่ทองของเอื้อยตายเสียแล้ว พร้อมทั้งคลายเกล็ดปลาบู่ทองให้เอื้อย เอื้อยจึงเอาเกล็ดปลาบู่ทอง
มาอธิษฐาน ขอให้แม่เกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ

และด้วยคำอธิฐานนั้นต้นมะเขือเปราะก็ได้เกิดขึ้นเอื้อยดีใจคอยเฝ้า
รดน้ำต้นมะเขือทุกวันจนงอกงามมีลูกเต็มต้น

นางขนิษฐีแม่เลี้ยงได้รู้เรื่องต้นมะเขือที่เอื้อยปลูกไว้ จึงสั่งให้อ้ายไปตัดทำลาย
เสีย เอื้อยกลับมาเห็นต้นมะเขือถูกฟันทิ้ง

เอื้อยเก็บเม็ดมะเขือที่เหลืออยู่ แอบไปอธิฐานปลูกให้เป็นต้นโพธิ์เงิน
โพธิ์ทอง ต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองงอกงามเป็นประกายระยิบระยับ ท้าวพรหม
ทัตได้เสด็จออกประพาสป่า ได้พบต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็ทรงพอพระทัย

ได้รับสั่งให้ทหารถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเพื่อที่จะนำไปปลูกในพระราชวัง
แต่ไม่สามารถถอนขึ้นได้ และทรงทราบว่าเป็นของเอื้อย

จึงรับสั่งให้เอื้อยจัดการนำเอาไปปลูกในพระราชวังได้สำเร็จ และเอื้อยก็ได้
เป็นพระมเหสีของท้าวพรหมทัต

นางขนิษฐีได้ออกอุบายให้อ้ายเข้าวังไปบอกเอื้อยให้รีบกลับมาเยี่ยมพ่อที่บ้าน พ่อป่วยหนัก เอื้อย
หลงกลจึงกลับบ้านเมื่อเดินเข้าบ้านก็เหยียบกระดานที่แม่เลี้ยงทำไว้ ตกลงไปในกระทะร้อนที่กำลัง
เดือดอยู่ ขาดใจตายในทันทีหลังจากเอื้อยตายแล้วนางขนิษฐีก็ให้อ้ายแต่งตัวเข้าไปในวังเป็นมเหสี
แทนเอื้อย

วิญญาณของเอื้อยได้ไปเกิดเป็นนกแขกเต้าและบินกลับมาที่วังได้พบกับท้าว
พรหมทัต นกแขกเต้าได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวพรหมทัตฟังทั้งหมด เมื่อท้าว
พรหมทัตทราบดังนั้นจึงได้พระราชทานกรงทองแขวนไว้อยู่หน้าเฉลียงห้อง
บรรทม วันหนึ่งท้าวพรหมทัตได้เสด็จออกนอกพระราชวัง เพื่อทรงคล้อง
ช้าง อ้ายมีจิตริษยาอยู่แล้ว เมื่อเห็นได้โอกาสเช่นนั้น จึงได้จับนกแขกเต้าออก
มาถอนขนจนหมดทั้งตัวแล้วส่งให้แม่ครัวนำไปแกงคั่ว ยังไม่ทันที่แม่ครัวจะทำ
อะไร พอแม่ครัวเผลอ

นกแขกเต้าก็หนีกระเสือกกระสนเข้าไปในรูหนู และอาศัยอยู่จน
กระทั่งขนขึ้นจนหมดตัวเหมือนเดิม นกแขกเต้าอำลาหนูแล้วบิน
ไปอาศัยอยู่กับพระฤาษี พระฤาษีล่วงรู้อดีตของนกแขกเต้าว่า
เป็นมาอย่างไร

จึงได้ชุบนกแขกเต้าให้กลับกลายร่างเป็นเอื้อยเหมือนเดิมพร้อมทั้งชุบ
ร่างกุมารน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคนเพื่อเป็นลูกของเอื้อย ชื่อ ลบกุมารลบ
กุมารอยากไปพบเสด็จพ่อท้าวพรหมทัตจึงอ้อนวอนแม่เอื้อยแม่เอื้อย
จึงอนุญาตให้ไปและมอบพวงมาลัยปริศนาให้ลบกุมารคล้องคอไปด้วย

เมื่อลบกุมารได้พบท้าวพรหมทัต และได้ทรงเห็นพวงมาลัยที่คล้องคอลบ
กุมาร ก็แจ้งในพระทัยว่าเอื้อยยังมีชีวิตอยู่ จึงจัดขบวนเสด็จไปรับเอื้อยเข้า

พระราชวัง

และเอื้อยทูลขอให้รับนางขนิษฐีแม่เลี้ยงและพ่อเข้ามาอยู่ในพระราชวังด้วย ส่วนอ้าย
นั้นกลัวถูกประหารชีวิตจึงชิงฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ท่านท้าวพรหมทัตและ
นางเอื้อย ลบกุมารก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

สมาชิกในกลุ่ม

1.นางสาวจณิสตา แนมใส 621031006
2.นางสาวจิริญา อุศมา 621031009
3.นางสาวฐิติมา ทวีทอง 621031015

4.นางสาวลลิตา รัตนโชติ 621031038


Click to View FlipBook Version