ประเพณบี ุญเบกิ ฟา
จดั ทําโดย
นายเกรยี งไกร แกวทงุ 62012110048 CM
เสนอ
ผูชว ยศาสตราจารย ดร.พนัส โพธิบัติ
คํานํา
ชุดความรู้ฉบับน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของรายวิชา
1607308 การสัมมนาการจัดการทางวัฒนธรรม โดยมี
จุดประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้ท่ีไดจ้ ากประเพณีบุญเบิกฟ้า
ซ่ึ งมีเน้ื อหาเกี่ยวกับความรู้ ความเป็ นมา ความสําคัญ
วตั ถุประสงค์ พิธีกรรมของประเพณีบุญเบิกฟ้า ซ่ึงแสดงถึงการ
จดั ประเพณีทางวฒั นธรรมของชาวบา้ นในชุมชนท่ีสืบทอดมา
อยา่ งยาวนาน
ผูจ้ ดั ทาํ ได้เลือก หัวขอ้ น้ีในการทาํ ชุดความรู้น้ี
เนื่องมาจากเป็ นเรื่องที่น่าสนใจ ในประเพณีบุญเบิกฟ้า ผูจ้ ดั ทาํ
หวงั ว่าชุดความรู้ฉบับน้ีจะให้ความรู้ และเป็ นประโยชน์แก่
ผอู้ ่านทุก ๆ ท่าน
นายเกรียงไกร แกว้ ทุ่ง
12 กมุ ภาพนั ธ์ 2565
สารบัญ
เนื้อหา หน้า
ความเป็ นมา 1-4
ความสาํ คญั 5-7
วตั ถุประสงค์ 8-9
พธิ ีกรรม 10-14
การสร้างรายได้ 15-16
การอนุรักษส์ ืบสาน 17-19
1
ความเปน มา
2
“ประเพณีบญุ เบิกฟา ”
งานประเพณขี องจังหวดั มหาสารคาม
“ประเพณีบุญเบิกฟ้า” นับเป็ นอีกหน่ึงประเพณีท่ีมี
เอกลักษณ์ ท่ีได้มีการสืบทอดและมีความเก่ียวพันกับวิถีชีวิตของ
เกษตรกรของจงั หวดั มหาสารคามมาอยา่ งยาวนาน โดยจะจดั ข้ึนช่วงวนั
ข้ึน 3 ค่าํ เดือน 3 ของทุก ๆ ปี ซ่ึงจะตรงกบั ช่วงปลายเดือนมกราคมถึง
ตน้ เดือนกมุ ภาพนั ธ์
ประเพณีบุญเบิกฟ้าเป็ นประเพณีท่ีชาวมหาสารคามได้
ถือปฏิบตั ิสืบทอดกนั มาแต่โบราณ ซ่ึงไดถ้ ูกจารึกไวใ้ นหนงั สือใบลาน
ท่ีวดั บา้ นหนองหล่ม อาํ เภอเมืองมหาสารคาม และวดั บา้ นองบงั อาํ เภอ
นาดูน จงั หวดั มหาสารคาม วา่ เม่ือถึงวนั ข้ึน 3 ค่าํ เดือน 3 ของทุก ๆ ปี
จะเป็ นวนั เทวาเปิ ดประตูน้าํ ใหฝ้ นตกลงสู่โลกมนุษย์ และจะเป็นวนั ที่มี
เสียงฟ้าร้องเป็นคร้ังแรกของปี จึงไดม้ ีการจดั พิธีบวงสรวงแม่โพสพบุญ
เบิกฟ้า เพอ่ื แสดงความกตญั �ูต่อพระแม่โพสพและทาํ นายทิศฟ้าร้อง
3
เมื่อคร้ังอดีตน้ัน เกษตรกรจะจดั พิธีบวงสรวงกันที่ยุง้
ฉางเก็บผลผลิตของตนเอง แต่เน่ืองจากโลกไดพ้ ฒั นาและวิถีชีวิตของ
เกษตรกรไดเ้ ปล่ียนไปจากเดิม เกษตรกรไม่ไดเ้ ก็บผลผลิตไวท้ ี่ยุง้ ฉาง
เหมือนอดีต อีกท้ังประเพณีเริ่มเลือนหาย นายไสว พราหมณี ผูว้ ่า
ราชการจงั หวดั มหาสารคาม จึงไดห้ าแนวทางนาํ ประเพณีโบราณของ
ทอ้ งถิ่นนาํ มารวมเขา้ กบั เรื่องความเชื่อและผนวกเขา้ กบั งานกาชาด และ
ไดจ้ ดั พิธีบวงสรวงแม่โพสพบุญเบิกฟ้าคร้ังแรก ภายใตช้ ื่องาน “งานบุญ
เบิกฟ้าและกาชาดจังหวัดมหาสารคาม” เม่ือวันท่ี 4 กุมภาพันธ์
พุทธศักราช 2532 เพื่อให้เกษตรกรทั่วท้ังสารทิศมาร่วมกันทาํ พิธี
บวงสรวงสืบทอดประเพณีอนั ดีงามท่ีมีมาต้งั แต่อดีตไม่ใหเ้ ลือนหายไป
และยงั ไดจ้ ดั เป็นงานประจาํ ปี ของจงั หวดั มหาสารคามมาจนถึงปัจจุบนั
พิธีบวงสรวงแม่โพสพบุญเบิกฟ้า จะมีการต้งั ปรัมพิธีที่
ประกอบดว้ ย กระทงใหญ่เกา้ หอ้ งใส่เครื่องบดั พลีหรือเคร่ืองถวายต่างๆ
อาทิ หมากพลู ขา้ วตอก ดอกสามปี บ่อเห่ียวหรือดอกบานไม่รู้โรย ถวั่ งา
อาหารคาวหวานวางไวบ้ นกองข้าว เพื่อบวงสรวงและแสดงความ
กตญั �ูต่อพระแม่โพสพ และจะมีการทาํ นายทิศฟ้าร้อง วา่ ฟ้าจะร้องคร้ัง
แรกที่ทิศใดจากท้งั แปดทิศ ซ่ึงในตาํ นานไดก้ ล่าวไวว้ ่า แต่ละทิศจะมี
สตั วป์ ระจาํ ทิศน้นั ๆ เช่น ทิศบูรพามีครุฑเป็นสตั วป์ ระจาํ ทิศ ทิศอาคเนย์
มีแมวเป็ นสัตว์ประจําทิศ ทิศทักษิณมีราชสีห์เป็ นสัตว์ประจําทิศ
ทิศปัจจิม มีพญานาคเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ โดยคาํ ทาํ นายของแต่ละทิศก็
จะแตกต่างกนั ออกไป
4
อีกท้งั ในวนั น้ี เกษตรกรจะถือเอาฤกษ์สําคญั น้ี นําป๋ ุย
คอกที่ได้จากมูลโค-กระบือ ที่ใช้ในการไถ ไปหว่านในไร่นาอย่าง
พร้อมเพรียงกนั เพราะเมื่อคร้ังอดีตยงั ไม่มีเทคโนโลยที ุ่นแรงเหมือนใน
ปัจจุบนั เกษตรจะใชเ้ คียวเกี่ยวขา้ วและเก็บเก่ียวผลิตผลต่างๆ ก็จะเสร็จ
สิ้นสมบูรณ์ในเดือน3 ซ่ึงจะตรงกบั ช่วงบุญเบิกฟ้าพอดี จึงใชฤ้ กษน์ ้ีนาํ
ป๋ ุยไปหว่านเพ่ือทดแทนทดแทนบุญคุณของแผ่นดินโดยมีสํานึกที่ว่า
เมื่อดินเป็ น ผูใ้ ห้อาหารหรือผลิตผลอาหารแก่มนุษย์ มนุษยจ์ ึงตอ้ งรู้จกั
ทดแทน เป็ นอีกหน่ึงกุศโลบายของผเู้ ฒ่าผูแ้ ก่ ในการบาํ รุงดินหลงั จาก
การเพาะปลูก เพ่ือเตรียมความพร้อมสําหรับการเพาะปลูกพืชผลคร้ัง
ต่อไป
ประเพณีบุญเบิกฟ้าจึงเป็ นอีกหน่ึงประเพณีที่บรรพบุรุษ
ได้สร้างไว้ ตราบใดที่ลูกหลานหลานยงั ไม่ได้ลืมเลือนวิถีชีวิตของ
บรรพบุรุษ ประเพณีเก่าแก่น้ีก็จะยงั อยู่คู่จงั หวดั มหาสารคามและให้
ผคู้ นรุ่นหลงั ไดร้ ับรู้และร่วมสืบทอดต่อไปตราบนานเท่านาน
5
ความสําคญั
6
ความสําคัญของประเพณีบญุ เบิกฟา
ความสําคญั
ประเพณี บุญเบิกฟ้า เป็นประเพณีของชาวมหาสารคามท่ีประกอบข้ึน
ตามความเชื่อวา่ เมื่อถึงวนั ข้ึน 3 ค่าํ เดือน 3 ของทุกๆ ปี ฟ้าจะเร่ิมไขประตู
ฝน โดยจะมีเสียงฟ้าร้อง และทิศท่ีฟ้าร้องเป็ นสัญญาณบ่งบอกตวั กาํ หนด
ปริมาณน้าํ ฝนท่ีจะตกลงมาหล่อเล้ียง การเกษตรในปี น้นั ๆ
ตาํ นานโบราณกล่าวถงึ ทศิ ทฟ่ี ้าร้องว่า
1. ทิศบูรพา มีครุฑเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูน้าํ ถา้ ฟ้าร้องทิศน้ี
ฝนจะดี ขา้ วกลา้ ในนาจะอุดมสมบูรณ์ คนท้งั ปวงจะไดท้ าํ บุญใหท้ านอยา่ ง
เตม็ ท่ี
2. ทิศอาคเนย์ มีแมวเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูลม ถา้ ฟ้าร้องทาง
ทิศน้ีฝนจะนอ้ ย นาแลง้ คนจะอดอยาก และเกิดโรคระบาด
3. ทิศทกั ษิณ มีราชสีห์เป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูทอง ถา้ ฟ้าร้อง
ทางทิศน้ีฝนจะมาก น้าํ จะท่วมขา้ วกลา้ ในนาเสียหายถึงสองในห้าส่วน นา
ลุ่มเสีย นาดอนดี มีปูปลาอุดมสมบูรณ์
4. ทิศหรดี มีเสือเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูตะก่ัวหรือประตูชิน
ถา้ ฟ้าร้องทางทิศน้ีฝนจะดี น้าํ งามพอเหมาะ ผลหมากรากไมอ้ ุดม ปูปลา
มีมาก ขา้ วกลา้ บริบูรณ์ ผคู้ นมีความสุข
5. ทิศปัจจิม มีนาคเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูเหล็ก ถา้ ฟ้าร้องทาง
ทิศน้ีฝนจะแลง้ น้าํ นอ้ ย ขา้ วกลา้ ในนาแหง้ ตาย เสียหายหนกั
7
ความสําคัญของประเพณบี ญุ เบิกฟา
6. ทิศพายพั มีหนูเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูหินถา้ ฟ้าร้องทางทิศน้ี
ฝนจะตกปานกลาง ขา้ วกลา้ ไดผ้ ลก่ึงหน่ึง เสียหายก่ึงหน่ึง ปูปลามีนอ้ ย คน
จกั ป่ วยไข้
7. ทิศอุดร มีชา้ งเป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูเงิน ถา้ ฟ้าร้องทางทิศน้ี
ฝนจะดี ขา้ วกลา้ ในนางอกงามดี คนมีสุขทวั่ หนา้
8. ทิศอีสาน มีงวั เป็ นสัตวป์ ระจาํ ทิศ เป็ นทิศประตูดิน ถา้ ฟ้าร้องทางทิศน้ี
ฝนจะดีตลอดปี ขา้ วกลา้ ในนาจะงอกงามสมบูรณ์ดี คนจะมีความสุขเกษม
ตลอดปี อยา่ งถว้ นหนา้
ดว้ ยความเชื่อตามตาํ นานดงั กล่าว ชาวมหาสารคามจึงมี
ประเพณีบุญเบิกฟ้า (เดิมเรียกว่าบุญเบิกบา้ น) เพื่อขอพรจากแถน (เทพผู้
เป็นใหญ่) ใหไ้ ขประตูฟ้าทางทิศท่ีเป็นมงคล
8
วตั ถปุ ระสงค
9
วตั ถุของประเพณบี ญุ เบิกฟา
วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการจดั งานบุญเบิกฟ้าฯ
1. เพือ่ อนุรักษภ์ ูมิปัญญาอีสานเกี่ยวกบั การบาํ รุงดินใหค้ งไว้
2. เพ่อื กระตุน้ เตือนใหเ้ กษตรกรรู้คุณคา่ ของการบาํ รุงดิน
3. เพื่อใหค้ วามรู้ดา้ นการเกษตรไร้สารเคมีเป็นพิษแก่ผบู้ ริโภค
4. เพ่ือแสดงถึงวิทยาการกา้ วหน้าของการผลิตเกษตรตามแนวเศรษฐกิจ
พอเพียงตามพระราชประสงค์
5. เพ่อื หารายไดส้ ่งเสริมกิจการการเกษตรแลละกาชาด
ดงั น้นั การจดั งานบุญเบิกฟ้าและกาชาดของจงั หวดั มหาสารคามจึง
มีคุณค่าต่อการอยดู่ ีกิน ดีของประชาชน ท่ีควรคา่ แก่การสืบทอด ซ่ึงสมควร
จดั ใหต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ซ่ึงเป็นเป้าหมายหลกั ของงานใหม้ ากท่ีสุดดว้ ย
10
พธิ กี รรม
11
พิธีกรรมของประเพณบี ญุ เบกิ ฟา
พธิ ีกรรมบุญเบิกฟ้า มี 4 อยา่ งคือ
1. จดั พิธีสู่ขวญั ขา้ ว ชาวอีสานเรียกวา่ ทาํ บุญตุม้ ปากเลา้
2. หาบป๋ ุยคอก (ชาวอีสานเรียกวา่ ฝ่ นุ )ไปใส่ผนื นา
3. ทาํ บุญเฮือน (ทาํ ร่วมกบั ทาํ บุญปากเลา้ )
4. นาํ ขา้ วเปลือกเตม็ กระบุงไปถวายวดั
มีลาํ ดบั ข้นั ตอนการทาํ พิธีต่าง ๆ ดงั น้ี
1.พิธีสู่ขวญั ข้าว เพื่อแสดงความกตญั �ูต่อพระแม่โพสพ เพ่ือความสบาย
ใจในการซ้ือขายขา้ ว และเพื่อให้การแบ่งปันขา้ วแก่ญาติมิตรผูม้ าร่วมพิธี
เครื่องบูชาหรือเคร่ืองคายในพิธีสู่ขวญั ขา้ ว
• ใบคูน 9 ใบ
• ใบยอ 9 ใบ
• ขนั หมากเบง็ (พานบายศรี)หา้ ช้นั 2 ขนั
• กระทงใหญ่เกา้ ห้อง ใส่เครื่องบดั พลีต่าง ๆ มีหมากพลู บุหร่ี ขา้ วตอก
ดอกสามปี บ่เห่ียว (บานไม่รู้โรย) ดอกรัก ถ่วั งา อาหารคาวหวาน
หมากไม้ เหลา้ ไห ไก่ตวั ไข่ไก่ ขา้ วตม้ มดั เผือก มนั มนั แขง็ มนั อ่อน
มนั นก ขา้ วตม้ ใส่น้าํ ออ้ ย
• ตน้ กลว้ ย
• ตน้ ออ้ ย
• ขนั 5 ขนั 8 (พานใส่ดอกไมแ้ ละเทียนจาํ นวนอยา่ งละ 5 คู่และ 8 คู่
• เทียนกิ่ง 12
• ธูป
• ประทีป
• แป้งหอม
• น้าํ หอม
• พานใส่แหวน หวี กระจก
• เคร่ืองนอน มีสาดอ่อน (เสื่อ) หมอนลาย หมอนพิง แป้งน้าํ
• ฟักแฟง ฟักทอง กลว้ ยตานี กลว้ ยอีออง (กลว้ ยน้าํ วา้ )
• เงินคาย 1 บาทกบั 1 เฟ้ื อง
การดาํ เนินพธิ ีกรรม
1. จดั เครื่องบูชาวางไวบ้ นกองขา้ ว ในยุง้ ฉางขา้ วมีผา้ ขาวปูรองรับ โยง
ดา้ ยสายสิญจน์ จากเคร่ืองบูชาน้นั โยงไปรอบยงุ้ และไปยงั เรือนเจา้ ของยงุ้
2. หมอสูตรหรือเจา้ พิธีจะนุ่งขาวห่มขาวแบบพราหมณ์ ถือหนังสือใบ
ลานก้อมเร่ืองคาํ สูตรขวญั ขา้ วข้ึนไปที่ยุง้ น่ังลงตรงหน้าเคร่ืองบูชา หัน
หน้าไปทางทิศท่ีเป็ นมงคลประจาํ วนั ไหวพ้ ระรัตนตรัย ป่ าวสัคเคชุมนุม
เทวดาแลว้ อา่ นคาํ สูตรขวญั ขา้ วจากหนงั สือกอ้ ม
3. ในขณะที่หมอสูตรกาํ ลงั ร่ายคาํ อยนู่ ้นั จะมีคน 2 คน ยนื ระวงั อยู่ 2 ขา้ ง
ประตูยุง้ ฉาง คอยส่งเสียงร้องเรียกขวญั ขา้ วเป็ นระยะ ๆ สอดคลอ้ งกบั คาํ
สูตรของหมอสูตร
4. เมื่อหมอสูตรวา่ คาํ สูตรจบลงเป็นอนั เสร็จพธิ ี แต่เคร่ืองบูชาท้งั หลายให้
วางไวท้ ี่เดิมอีก 7 วนั เวน้ แต่มีสิ่งใดท่ีเน่าบูดกเ็ กบ็ ออกได้
5. ห้ามทาํ การตกั ขา้ วออกจากยงุ้ ฉางก่อนจะครบ 7 วนั หลงั จากทาํ พิธีสู่
ขวญั ขา้ วแลว้
2. พธิ ีหาบฝ่ นุ (ป๋ ยุ คอก)ใส่ผืนนาเพื่อบํารุงดนิ 13
พธิ ีการ
ในตอนเชา้ มืดของวนั ข้ึน 3 ค่าํ เดือน 3 ชาวนาจะตอ้ งหาบป๋ ุยคอกจาก
กองมูลววั มูลควาย ซ่ึงมกั อยู่ใตถ้ ุนเรือนของตน ทยอยออกไปใส่ผืนนา
จนกระทงั่ ถึงเท่ียงวนั จึงหยดุ เป็ นการเร่ิมตน้ เอาฝ่ ุน (ป๋ ุยคอก) ใส่นาในปี
น้นั
3. พธิ ีทาํ บุญเฮือน
เพ่ือนาํ สิริมงคลจากพระรัตนตรัยมาสู่ที่อยอู่ าศยั
พธิ ีการ
ตอน เยน็ นิมนตพ์ ระภิกษุจาํ นวน 5 หรือ 9 รูป มาสวดมนตเ์ ยน็ ท่ีบา้ น
ตอนเช้าของวนั รุ่งข้ึนนิมนต์พระสงฆ์ชุดเดิมมาสวดมนต์เช้าท่ีบา้ นแลว้
ทาํ บุญ ตกั บาตรและถวายจงั หนั เชา้
4. พธิ ีนําข้าวเปลือกเตม็ กระบุงมาถวายวดั
เพื่อแสดงความเคารพศรัทธาต่อพระสงฆ์ เน่ืองจากคนอีสานโบราณ
น้นั มีศรัทธาแรงกลา้ ต่อพุทธศาสนา เมื่อไดส้ ่ิงที่ดี ๆ ตอ้ งนาํ ไปถวายพระ
ก่อน สมยั ก่อนในวดั ทุกวดั จะมียงุ้ ฉางขา้ ว (เลา้ ขา้ ว) ปลูกไวด้ ว้ ย เมื่อญาติ
โยมบริจาคขา้ วเปลือกก็นาํ มาเก็บไวใ้ นยงุ้ ฉาง เอาไวแ้ จกทานต่อผูย้ ากไร้
ในโอกาสต่อไป
พธิ ีการ
เมื่อถึงวันข้ึน 3 ค่ํา เดือน 3 ของทุกปี จะตรงกับช่วงที่ชาวนานํา
ขา้ วเปลือกมาสู่เลา้ หรือยุง้ ฉางเสร็จใหม่ ๆ ชาวอีสานมีขอ้ คะลาํ หรือขะลาํ
(ขอ้ ควรระวงั หรือขอ้ หา้ ม) เก่ียวกบั ขา้ ววา่
14
1. ถา้ ยงั ไม่ทาํ พิธีสู่ขวญั ขา้ วห้ามตกั ขา้ วออกจากยุง้ ฉาง ถา้ จาํ เป็ นตอ้ งใช้
บริโภคตอ้ งกนั จาํ นวนหน่ึงไวต้ ่างหาก
2. ห้ามตกั ขา้ วในยงุ้ ฉางในวนั ศีลน้อยใหญ่ (วนั 7-8 ค่าํ และวนั 14-15 ค่าํ
ท้งั ข้ึนและแรม)
3. ก่อนตกั ขา้ วทุกคร้ัง ตอ้ งนงั่ ลงยกมือข้ึนพนมแลว้ กล่าวคาถาวา่ "บุญขา้ ว
บุญน้าํ เอย กินอยา่ ใหบ้ ก จกอยา่ ใหล้ ง" แลว้ จึงตกั ได้
สาระ
ประเพณีบุญเบิกฟ้า มีประโยชน์ต่อวถิ ีชีวติ และจิตใจของเกษตรกรคือ
1. เป็นการเตรียมพร้อมท่ีจะลงมือทาํ การเกษตรไดท้ นั ฤดูกาล เพราะเม่ือถึง
เทศกาลบุญเบิกฟ้า พวกเขายอ่ มไดท้ าํ บุญใหเ้ กิดขวญั และกาํ ลงั ใจ ไดห้ าบ
ป๋ ุยคอกบาํ รุงดิน แลว้ เตรียมกาย เตรียมใจและเคร่ืองมือใหพ้ ร้อมที่จะทาํ นา
2. เป็ นผูม้ ีความเชื่อมน่ั ศรัทธาต่อพุทธศาสนา เพราะไดท้ าํ บุญเป็ นประจาํ
ทุกปี ทาํ ใหร้ ู้จกั เสียสละไม่ตระหน่ีถ่ีเหนียว
3. เป็ นผูม้ ีความกตญั �ูต่อผืนนา สิ่งแวดลอ้ ม ดินฟ้าอากาศ ตลอดจนเทพ
ต่าง ๆ ที่เช่ือวา่ เป็ นผบู้ นั ดาลฝนและธญั ญาหารเช่น พญาแถน และพระแม่
โพสพ เป็นตน้
4. เป็นผรู้ ู้จกั ประหยดั เช่น รู้จกั เกบ็ ขา้ วไวใ้ นยงุ้ ฉางอยา่ งมีระเบียบ แมแ้ ต่จะ
ตักออกก็ยงั มีพิธีกรรมอันศักด์ิสิทธ์ิ ช่วยเตือนสติไม่ให้ใช้ข้าวอย่าง
สุรุ่ยสุร่าย
15
การสราง
รายได
16
การสรางรายไดจ ากประเพณี
บุญเบกิ ฟา
ในประเพณีบุญเบิกฟ้านอกเหนือจากการทาํ พิธีกรรมแลว้
ยงั มีพิธีทาํ บุญเฮือน การทาํ บุญถวายพระก็เป็ นส่วนสําคญั เช่นกนั ดงั น้ัน
ชาวบา้ นในชุมชนจึงมีการจบั จ่ายสินคา้ มาถวายวดั มากมายท่ีตลาด ในทาง
ตลาดเองกจ็ ดั ร้านคา้ จาํ หน่ายซ่ึงส่วนใหญ่เป็นเมนูอาหารประจาํ ถิ่น หมาก -
พลู และชุดไหวต้ ามขนบธรรมเนียมประเพณีของคนอีสาน
ซ่ึงทางตลาดยงั คงเน้นย้าํ ในเรื่องราคาจาํ หน่ายของร้านคา้
ที่นาํ สินคา้ มาจาํ หน่ายว่าตอ้ งคงราคาเช่นเดิม โดยเฉพาะอาหารประจาํ ถ่ิน
และเมนูพ้ืนบา้ น ไม่วา่ จะเป็ นขา้ วตม้ มดั ,ปลาดุกยา่ ง,หมาก,พลู,ใบยาเส้น,
ลาบหมู,ลาบปลาดุก,หมกหน่อไม,้ หมกหวั ปลี,หมกเห็ด ,ตม้ จืด,ตม้ ยาํ ปลา,
แกงอ่อม รวมไปถึงชุดไหวแ้ บบสาํ เร็จรูป ซ่ึงตลาดไดจ้ ดั ทาํ เป็นชุดเพ่ือง่าย
ต่อการเลือกซ้ือ
ดงั น้นั ประเพณีบุญเบิกฟ้าไม่ใช่เพียงการทาํ บุญเท่าน้นั แต่ยงั
เป็ นการสร้างรายได้ในกับพ่อคา้ แม่คา้ ภายในชุมชนให้เกิดรายได้จาก
การคา้ ขายสินคา้ ประจาํ ถิ่นในช่วงประเพณีบุญเบิกฟ้า
17
การอนุรักษ
สืบสาน
18
การอนรุ กั ษประเพณบี ุญเบิกฟา
เม่ือปี พ.ศ. 2528 นายสาย โสรธร เกษตรอาํ เภอเชียงยนื ได้
ชกั ชวนชาวบา้ นแบก ตาํ บลนาทอง อาํ เภอเชียงยืน ฟ้ื นฟูประเพณีหาบฝ่ ุน
ป๋ ุยคอกไปใส่แปลงนาทุกครัวเรือนเพ่ือเป็ นการฟ้ื นฟูประเพณีบาํ รุงดิน
แบบอีสานและปรากฏวา่ ชาวบา้ นแบกไดใ้ หค้ วามร่วมมือเป็นอยา่ งดี และ
ผลปรากฏว่าผลิตผลขา้ วปี น้ันเพิ่มจาํ นวนข้ึน 50 % ทาํ ให้ชาวบา้ นพอใจ
มาก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2529 เกษตรอาํ เภอเชียงยืนไดย้ า้ ยแหล่งรณรงคเ์ พ่ิม
ผลผลิตแบบอีสาน ไปจดั ที่บา้ นหนองซอน อาํ เภอเชียงยนื ในปี น้ีนายนิคม
มากดี เกษตรจังหวดั ได้เชิญส่ือมวลชนไปทาํ ข่าว เผยแพร่ด้วย ปี น้ัน
นอกจากจะปลุกชาวบา้ นให้ช่วยหาบป๋ ุยคอกไปใส่แปลงนาแลว้ ยงั ทาํ พิธี
บูชาเทพแม่ธรณีดว้ ย เคร่ืองสงั เวยต่างๆ
มี เหลา้ ไห ไก่ตม้ ท้งั ตวั และของหวานกลว้ ยออ้ ยพร้อมมูลตาม
แบบพิธีด้งั เดิมที่คนอีสานเคยทาํ กนั มาแต่เลิก ร้างการจดั ไปหลายปี แลว้ แต่
ฟ้ื นข้ึนมาทาํ ใหม่ งานน้ีถือเป็ นการจดั ประเพณีที่สมบูรณ์แบบของชาว
อีสาน
19
คณะส่ือมวลชนจงั หวดั มหาสารคาม นาํ โดย นายประสาสน์
รัตนะปัญญา ประธานชมรมฯ เห็นวา่ เป็ นประเพณีที่ดีและน่าจะนาํ มาเป็ น
งานประจาํ ปี ของจงั หวดั มหาสารคามดว้ ย จึงไดท้ าํ โครงการ “งานบุญเบิก
ฟ้า” เสนอต่อนายไสว พราหมมณี ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ในสมยั น้นั เพ่ือให้
จดั ร่วมกบั งานกาชาดประจาํ ปี จงั หวดั ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ไดน้ าํ เร่ืองน้ีเขา้
หารือในที่ประจาํ ประจาํ เดือนของจงั หวดั โดยไดน้ ิมนต์ พระอริยานุวตั ิ เจา้
อาวาสวดั มหาชยั ซ่ึงเป็นปราชญท์ ่ีชาวอีสานยกยอ่ งใหม้ าใหค้ าํ แนะนาํ และ
ให้ความคิดเห็นดว้ ย ที่ประชุมไดอ้ ภิปรายในเรื่องน้ีอยา่ งกวา้ งขวาง ที่สุดก็
มีความเห็นสมควรที่จะจดั เป็ นงานประจาํ ปี ควบกบั งานกาชาด แต่ในปี
2530 น้ัน นายไสว พราหมณี ได้รับคาํ ส่ังให้ยา้ ยไปดาํ รงตาํ แหน่งผูว้ ่า
ราชการจงั หวดั นครราชสีมาเสียก่อน เลยไม่มีการจดั งานบุญเบิกฟ้าในปี
น้ัน เม่ือ ดร.จินต์ วิภาตะกลัต ได้มารับตาํ แหน่งผูว้ ่าราชการคนใหม่
นายประสาสน์ รัตนะปัญญา ไดน้ าํ เร่ืองน้ีเสนอผูว้ ่าคนใหม่ ซ่ึง ดร. จินต์
ก็เห็นด้วยที่จะจัดงานน้ีให้เป็ นงานประเพณี ประจําปี ของจังหวัด
มหาสารคาม
โดยการร่วมกับงานกาชาดในปี 2531 เป็ นปี แรก และจังหวดั
มหาสารคามไดก้ าํ หนดจดั งานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดประจาํ ปี 2531
รวม 7 วนั 7 คืน โดยเร่ิมงานในวนั ข้ึน 3 ค่าํ เดือน 3 เป็นตน้ มา งานบุญเบิก
ฟ้าจึงเร่ิมต้งั แต่บดั น้นั เป็นตน้ ไป
อางองิ
mgronline. (2558). ประเพณบี ุญเบกิ ฟ้า. สืบคน้ เม่ือ 12 กมุ ภาพนั ธ์
พ.ศ. 2565 จาก : https://mgronline.com/travel/detail/95800
00009518
Prapheni. (ม.ป.ป.). ประเพณสี ําคญั ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. สืบคน้
เม่ือ 12 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 จาก : https://sites.google.co
m/site/prapheni9416/prapheni-sakhay/prapheni
prapayneethai. (ม.ป.ป.). ประเพณบี ุญเบิกฟ้า. สืบคน้ เม่ือ 12 กมุ ภาพนั ธ์
พ.ศ. 2565 จาก : http://www.prapayneethai.com/
สาํ นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั มหาสารคาม. (2556). ประเพณบี ุญเบกิ ฟ้างาน
กาชาดจงั หวดั มหาสารคาม 25 มกราคม 2557 ถงึ 3
กมุ ภาพนั ธ์ 2557. สืบคน้ เม่ือ 12 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565
จาก : https://www.m-culture.go.th/mahasarakham/ewt_ne
ws.php?nid=308&filename=index
นตถฺ ิ ธฺญสม ธน.
ทรัพยเสมอดว ย
ขา วเปลือกไมมี