MPA CU 61 WELCOME TO Master of Public Administration Program in Public Administration Political Science Facluty Chulalongkorn University
ก้าวแรกสู่คณะรัฐศาสตร์ ก้าวต่อไปการเสียสละ เพื่อส่วนร่วม
สารบัญ โครงการปฐมนิเทศนิสิตรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ รุ่นที่ 61 โครงการปรับพื้นฐานและการเตรียมความพร้อม ทางวิชาการ รุ่นที่ 61 ความเป็นมาของภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายละเอียดการเรียนการสอน หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศษสตร์ รุ่นที่ 61 รอบรั้วรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 2 3 4 5
โครงการปฐมนิเทศ นิสิตรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต รุ่นที่ 61 ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2567 หลักการและเหตุผล ในการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษานั้น ผู้เรียนจะต้องมีความเข้าใจและตระหนักถึงองค์ประกอบต่างๆ ของ หลักสูตร เช่น วัตถุประสงค์แผนการศึกษา ระเบียบกฎเกณฑ์ แนวทางในการดำ เนินชีวิตสังคม ตลอดจนสถานที่ และการใช้วัสดุอุปกรณ์ และบริการต่างๆ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถตั้งความคาดหวังและปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเหมาะสม ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาประโยชน์ได้สูงสุดจากการศึกษา และทำ ให้การจัดการศึกษาเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตจึงจัดให้มีการปฐมนิเทศนิสิตรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตรุ่นที่ 61 ขึ้น เพื่อชี้แจงและแนะนำ ให้นิสิตใหม่เข้าใจถึงองค์ประกอบด้านต่างๆ ของหลักสูตรฯและ แนวทางในการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตต่อไปวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตรุ่นที่ 61 ภาคนอกเวลาราชการ (เรียนวันจันทร์ -ศุกร์) จำ นวน 54คน 1.สามารถเข้าใจถึงวัตถุประสงค์แผนการศึกษาและระเบียบปฏิบัติที่สำ คัญในการศึกษา 2. รู้จักสถานที่การให้บริการและสิ่งอำ นวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในหลักสูตร 3. เข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติตนทั้งด้านการศึกษาและด้านชีวิตสังคมในช่วงเวลาระหว่างการศึกษา ในหลักสูตรฯ 4. ทำ ความรู้จักคุ้นเคยกับผู้บริหารคณาจารย์เจ้าหน้าที่ รุ่นพี่ และนิสิตในรุ่นเดียวกัน เรียนที่คณระรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(วันจันทร์ -ศุกร์) วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลา 16.30–20.30 น. ณ ห้อง 610 อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) ชั้น 6 ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แนวทางการดำ เนินงาน การดำ เนินโครงการ จะเป็นลักษณะการประชุมสัมมนา ซึ่งประกอบด้วย การบรรยาย การอภิปรายซักถาม และการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ตามกำ หนดการที่ได้วางไว้ ผู้เข้ารับการปฐมนิเทศ เป็นผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตรุ่นที่ 61 ภาคนอกเวลาราชการ จำ นวน 54 คน พร้อมนิสิตเก่าและปัจจุบัน ผู้รับผิดชอบโครงการ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลกรณ์มหาวิทยาลัย กำ หนดการปฐมนิเทศ นิสิตรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตรุ่นที่ 61 วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลา 16.30–20.30 น. ณ ห้อง 610อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) ชั้น 6คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย -ลงทะเบียน และรับเอกสาร - ชมวีดิทัศน์ประวัติภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์และหลักสูตร รป.ม. - พิธีเปิดการปฐมนิเทศ - ผู้อำ นวยการหลักสูตรฯ กล่าวรายงานต่อคณบดี -คณบดีกล่าวเปิดการปฐมนิเทศนิสิตใหม่ -คณาจารย์ประจำ ภาควิชาฯ - ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรฯ กล่าวต้อนรับนิสิตใหม่ และแนะนำ คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ - พักรับประทานอาหารว่าง -ตัวแทนพี่ๆ นิสิตเก่า รป.ม.และนิสิตปัจจุบันอภิปรายแนะนำ แนวทางการศึกษา และการใช้ชีวิตในระหว่างการศึกษาในหลักสูตร รป.ม. - เสร็จพิธี 16.30 น. 17.00 น. 17.15 น. 17.30 น. 18.30 น. 19.00 น. 20.30 น.
โครงการปรับพื้นฐานและการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ รุ่นที่ 61 สำ หรับ ผู้ผ่านการสอบเข้าศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต(รป.ม.) รุ่นที่ 61 ประจำ ปีการศึกษา 2567 หลักการและเหตุผล หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต(รป.ม.) ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงเพื่อให้ผู้เข้ารับการศึกษาซึ่งมีพื้นฐานการศึกษา ระดับปริญญาตรีขึ้นไปจากสาขาใดก็ตาม ได้เรียนรู้เข้าถึงองค์ความรู้ทางรัฐประศาสนศาสตร์ สามารถทำ การ ศึกษาวิจัยและประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการบริหารงานและชีวิตประจำ วันได้ เนื่องจากผู้สมัครเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรนี้ มีพื้นความรู้ในระดับปริญญาตรีที่ต่างสาขากัน และบางคน อาจไม่ได้ใช้ชีวิตในการเป็นนิสิตนักศึกษามาเป็นเวลานานแล้ว หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) จึงเห็นสมควรให้มีการจัด “โครงการปรับพื้นฐานและเตรียมความพร้อมทางวิชาการ” สำ หรับผู้ผ่านขั้นตอน ทั้งหมดของกระบวนการคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) ประจำ ปีการ ศึกษา 2567 ขึ้นเพื่อเป็นการเสริมความรู้ทางวิชาการและทักษะการศึกษาค้นคว้าสำ หรับการศึกษาในระดับมหา บัณฑิตทางรัฐประศาสน-ศาสตร์ให้แก่ผู้ผ่านการสอบคัดเลือก เพื่อให้มีความพร้อมทั้งทางวิชาการและในการ ปฏิบัติตนที่จะเข้ารับการศึกษาได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งจัดให้มีการเรียนรู้เพื่อเสริมทักษะและประสบการณ์ โดย กำ หนดให้มีวิทยากรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การพัฒนาระบบราชการไทย ในปัจจุบัน โดยคุณอารีย์พันธ์ เจริญสุข (รองเลขาธิการสำ นักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มีความพร้อมฯดังนี้ 1. มีความรู้พื้นฐานที่จำ เป็นสำ หรับการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ในระดับมหาบัณฑิต 2. พัฒนาทักษะที่จำ เป็นต่อการศึกษาในหลักสูตรฯ เช่น ในการค้นคว้าและทำ รายงานการทำ การค้นคว้า ในห้องสมุดและทางอินเตอร์เน็ท 3.สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ที่จะเข้าศึกษาคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ของหลักสูตรฯอันจะเป็น ประโยชน์ต่อการศึกษา กิจกรรมและการใช้ชีวิตของนิสิตในระหว่างการศึกษาในหลักสูตร วันเวลาและสถานที่ วันที่ 12 มิถุนายน –10 กรกฎาคม 2567 (กำ หนดจัดในวันจันทร์ -ศุกร์) เวลา 17.30–20.30 น. ณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 13–14 กรกฎาคม 2567 ณ ชวาลัน รีสอร์ท จังหวัดนครปฐม คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษา เป็นผู้ผ่านการสอบคัดเลือกเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ประจำ ปีการศึกษา 2567 ผ่านการปฐมนิเทศสำ หรับหลักสูตรดังกล่าวแล้วและสามารถเข้ารับการอบรมเตรียมความพร้อมได้เป็น เวลาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80
วันพุธที่ 19 มิ.ย. 67 วันพฤหัสบดีที่ 20 มิ.ย. 67 วันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค. 67 วันอังคารที่ 9 ก.ค. 67 วันพุธที่ 10 ก.ค. 67 ตารางการบรรยายโครงการปรับพื้นฐาน และเตรียมความพร้อมทางวิชาการ วันพุธที่ 12 มิ.ย. 67 17.30–20.30 น. แนะนำ การปรับพื้นฐานและเตรียมความพร้อมทางวิชาการ โดยรองศาสตราจารย์ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ วันอังคารที่ 18 มิ.ย. 67 17.30–20.30 น. การค้นคว้าเพื่อทำ รายงานทางรัฐประศาสนศาสตร์และการจัดทำ เอกสารรายบุคคล โดยรองศาสตราจารย์ดร.ธนพันธ์ ไล่ประกอบทรัพย์ 17.30–20.30 น. ขอบข่ายและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์และการบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐไทย โดยรองศาสตราจารย์ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ 17.30–20.30 น. สถานการณ์การพัฒนาระบบราชการไทยในปัจจุบัน โดยคุณอารีย์พันธ์ เจริญสุข (รองเลขาธิการสำ นักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) วันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. 67 17.30–20.30 น. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และรัฐประศาสนศาสตร์และกฎหมายมหาชน โดยอาจารย์ดร.พิมพ์สิริ อรุณศรีและผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อัครเดช ไชยเพิ่ม วันอังคารที่ 25 มิ.ย. 67 17.30–20.30 น. ระเบียบวิธีวิจัยและการใช้สถิติในการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ภาวิน ศิริประภานุกูล วันอังคารที่ 2 ก.ค. 67 17.30–20.30 น. ทฤษฎีองค์การและการจัดการภาครัฐและเทคนิคการพัฒนาองค์การและการจัดการ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.สุธรรมา ปริพนธ์เอื้อสกุล และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา 17.30–20.30 น. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ โดยอาจารย์ดร.แววไพลิน พันธุ์ภักดี 17.30–20.30 น. การบริหารงานคลังภาครัฐ โดยอาจารย์ดร.ชฎิล โรจนานนท์ 17.30–20.30 น. การจัดทำ เอกสารทางวิชาการระดับกลุ่ม โดยรองศาสตราจารย์ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ วันเสาร์ที่ 13 ก.ค. 67* 09.00–12.00 น. สัมมนานำ เสนอผลงาน (ต่างจังหวัด) 13.00–16.00 น. กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ 18.00–22.00 น. กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และนันทนาการ (ต่อ) โดยคณาจารย์ภาควิชา รปศ. วิทยากรพิเศษ และคณะ วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 67* 09.00–12.00 น. การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางแผนและจัดระบบการดำ เนินการของรุ่น โดยคณาจารย์ภาควิชา รปศ.และรุ่นพี่ รป.ม. หมายเหตุ *คือจัดที่ ชวาลัน รีสอร์ท จังหวัดนครปฐม ตารางการบรรยายและรายชื่อผู้บรรยายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
ค่าใช้จ่ายในการศึกษา ค่าลงทะเบียนเป็นค่าใช้จ่ายตลอดโครงการคนละ 10,000.- บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยค่าลงทะเบียน รวมถึง 1. ค่าอาหารและเครื่องดื่มทุกมื้อ 2. ค่าเอกสารประกอบการฝึกอบรมตลอดโครงการ 3. ค่าตอบแทนวิทยากร 4. ค่าเดินทางค่าอาหารและค่าที่พักในการเดินทางไปสัมมนาต่างจังหวัด (โดยหากมีรายได้เหลือจ่ายจากโครงการฯ นี้ จะนำ เข้าเป็นรายได้ของหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เพื่อใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ และการเรียนการสอนของนิสิตต่อไป) การรับรองผลการศึกษา 1. ผู้ผ่านการศึกษาในการเตรียมความพร้อมเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ในการเข้ารับการศึกษาใน หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ปีการศึกษา 2567 2. ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาในหลักสูตร รป.ม. จะต้องเข้าร่วมการศึกษาอย่างสม่ำ เสมอต่อเนื่องเต็มเวลา ยกเว้นในกรณีจำ เป็น เช่น เจ็บป่วย หรือมีราชการด่วนพิเศษที่สำ คัญมาก ซึ่งต้องขอทำ การลาเป็น ลายลักษณ์อักษรแต่ทั้งนี้จะขอลาได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของเวลาทั้งหมดในการศึกษาการเตรียม ความพร้อมนี้ เพื่อประโยชน์ของว่าที่นิสิตรป.ม. ทุกคน ผู้รับผิดชอบโครงการฯ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กำ หนดการเดินทางไปเตรียมความพร้อมของนิสิต รป.ม. รุ่นที่ 61 ณ ชวาลัน รีสอร์ท จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 13 – 14 กรกฎาคม 2567 วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 06.45 น. 07.00–09.00 น. 09.00–12.00 น. 12.00–13.00 น. 13.00–17.00 น. 17.00–18.00 น. 18.00–19.00 น. 19.00– 22.00 น. พร้อมกันที่คณะรัฐศาสตร์ เพื่อเช็ครายชื่อ (บริเวณตึก 3 ชั้นล่าง หน้าร้านคาเฟ่อเมซอน) ออกเดินทางสู่ชวาลัน รีสอร์ท จ.นครปฐม ลงทะเบียนเข้าห้องสัมมนาและนำ เสนอผลงาน ณ ห้องประชุมราชาวดี รับประทานอาหารกลางวัน กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ พักผ่อนตามอัธยาศัย รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องประชุมราชาวดี กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ (ต่อ) 07.00–08.30 น. 08.30–09.00 น. 09.00–12.00 น. 12.00–13.00 น. 13.00–15.00 น. รับประทานอาหารเช้า Checkout (โดยนำ กระเป๋าไว้ที่ Lobby) การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางแผนและจัดการระบบการดำ เนินการของรุ่น ณ ห้องประชุมราชาวดี - เลือกตั้งประธานและกรรมการรุ่น - การวางแผนกิจกรรมการดำ เนินงานของรุ่น รับประทานอาหารกลางวัน เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ หมายเหตุ: กำ หนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
“โรงเรียนสำ หรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน” ณ ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรีในพระบรมมหาราชวัง ที่มา: หนังสือหนึ่งร้อยปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าเรื่องการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย ๑ ประวัติความเป็นมาของภาควิชา รัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์นับเป็นภาควิชาหนึ่ง ที่มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่และยาวนานที่สุดของ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัยหากหวนรำ ลึกถึงประวัติการณ์ของ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์จำ เป็นต้องพิจารณาถึง “คณะ รัฏฐประศาสนศาสตร์” ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ คณะแรกแห่งการ ประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยมีวิวัฒนาการมา จาก “โรงเรียนสำ หรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๔๒ ณ ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรีใน พระบรมมหาราชวัง โดยมีเจ้าพระยาพระเสด็จ สุเรนทราธิ บดี (ม.ร.ว. เปีย มาลากุล) เป็นอธิบดีโรงเรียน ด้วย พระองค์ทรงมีพระราชปรารภที่จะทรงปฏิรูปการปกครอง พระราชอาณาจักรให้ทันสมัย เพื่อให้ได้รับการยอมรับจาก นานาประเทศ โรงเรียนที่ทรงจัดตั้งขึ้นนั้นจึงเป็นไปเพื่อ ฝึกหัดนักเรียนสำ หรับรับราชการปกครองในกระทรวง มหาดไทย และนักเรียนที่ จบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้ จะได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถวายตัวเป็น มหาดเล็ก รับราชการใกล้ชิดพระองค์ แต่ด้วยประเพณี โบราณมีอยู่ว่าข้าราชการจะต้องถวายตัวเข้ารับราชการ เพื่อศึกษาลักษณะงานในกรมมหาดเล็กเสียก่อน จากนั้นจึง จะออกไปรับราชการตำ แหน่งต่างๆ ในกรมอื่นได้ ดังนั้น พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนาม โรงเรียนเป็น “โรงเรียนมหาดเล็ก” เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๔๕ เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้ ฝึกอบรม ขัดเกลา ให้ผู้เรียนมี ความรู้ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อพร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่มี คุณภาพและเป็นข้าราชการที่อุทิศตนให้เพื่อสนองพระคุณ แผ่นดิน นอกจากนี้ยังเป็นรากฐานสำ คัญของสถาบันการ ศึกษาขั้นสูงต่อไปในอนาคตซึ่งพระองค์ทรงมีแนวคิดที่จะ จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าเรียนโดยเสมอภาค กัน ดังจะเห็นได้จากกระแสพระราชดำ รัสในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้อัญเชิญมาดังความ ตอนหนึ่งว่า “...เมื่อได้กล่าวถึงโรงเรียนนี้ว่าจะเป็นการสงเคราะห์แต่ ตระกูลเจ้านายดั่งนี้ ใช่ว่าจะลืมตระกูลข้าราชการและ ราษฎรเสียเมื่อไร โรงเรียนที่มีอยู่แล้วและที่จะตั้งขึ้นต่อไป ภายหน้าโดยมาก ได้คิดจัดการโดยอุตสาห์เต็มกำ ลังที่จะ ให้เป็นการเรียบร้อยพร้อมเพรียงเหมือนอย่างโรงเรียนนี้ และจะคิดให้แพร่หลายกว้างขวางเป็นที่คนเรียนได้มาก ขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งจะมีโรงเรียนวิชาอย่างสูงขึ้นไปอีก ซึ่ง ได้กำ ลังคิดจัดอยู่บัดนี้ เจ้านายราชตระกูลตั้งแต่ลูกฉันเปน ต้นไปตลอดจนราษฎรที่ต่ำ สุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนเสมอ กัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้นจึงบอกไว้ ว่าการเล่าเรียนในบ้านเมืองเรานี้จะเปนข้อสำ คัญหนึ่งซึ่ง ฉันจะอุตสาห์จัดให้เจริญขึ้นจนได้…”
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ สวรรคตแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหา วชิราวุธได้เสด็จขึ้นผ่านพิภพเสวยราชย์เป็นพระมหา กษัตริย์พระองค์ที่ ๖ แห่งพระราชวงศ์จักรี ได้สืบสาน งานพระราชปณิธานต่อจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระ ราชกรณียกิจแรกในด้านการศึกษา พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำ ริที่จะขยายการ จัดการศึกษา เพื่อผลิตนักเรียนไปรับราชการในกระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ ไม่จำ กัดเฉพาะกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกโรงเรียนมหาดเล็กเป็น โรงเรียนข้าราชการพลเรือน โดยใช้วังวินด์เซอร์เป็นสถานที่ ประกอบการเรียนการสอน และสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๕๓ พร้อมทั้ง พระราชทานนาม โรงเรียนแห่งนี้ว่า “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เนื่องจาก เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำ ริจัดตั้งขึ้น และได้ใช้เงินคงเหลือจากการที่ ราษฎรเรี่ยไรกันเพื่อสร้างพระบรมรูปทรงม้า เป็นเงิน จำ นวน ๙๘๒,๖๗๒ บาท ๔๗ สตางค์มาใช้เป็นทุนของ โรงเรียนแห่งนี้ ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำ หนด ที่ดินพระคลังข้างที่รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น ๑,๓๐๙ ไร่ เป็นพื้นที่ โรงเรียน โดยทิศเหนือจดถนนสระประทุม ทิศใต้จดถนน หัวลำ โพง ทิศตะวันออกจดถนนสนามม้า ทิศตะวันตกจด คลองสวนหลวง และมีการจัดการศึกษาใน ๕ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนรัฎฐประศาสนศาสตร์ โรงเรียนคุรุศึกษา โรงเรียนราชแพทยาลัย โรงเรียน เนติศึกษา และ โรงเรียนยันตรศึกษา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๙ และ พระราชทานนามว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เพื่อเป็น พระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งพระบาท สมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราช ชนกของพระองค์ นับแต่บัดนั้นจึงถือกำ เนิด “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย” ในห้วงเวลานั้นการเรียนการสอนของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแบ่งเป็น ๔ คณะคือ หลังจากดำ เนินการเรียนการสอนมาได้ระยะหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำ ริ เห็นสมควรที่จะขยายการศึกษาในโรงเรียนข้าราชการพล เรือนฯ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เนื่องจาก ในยุคของโรงเรียน ข้าราชการพลเรือนฯ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าการ ศึกษาของชาวสยามถูกจำ กัดไว้เฉพาะบุคคลผู้ที่ประสงค์จะ เข้ารับราชการเท่านั้น แต่ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกล แห่งสมเด็จพระมหา ธีรราชเจ้า จึงมีพระราชดำ ริสมควร ขยายมณฑลแห่งการศึกษาไปสู่ประชาชนทุกชนชั้นที่ ปรารถนาจะเข้าศึกษาวิชาชั้นสูงทำ ให้การขัดขวางทางการ ศึกษาแต่เดิมที่ถูกจำ กัดไว้เฉพาะกลุ่มบุคคลได้ถูกขจัดสิ้น ด้วย พระปรีชาญาณอันกว้างไกลที่ทรงมองเห็นอนาคต แห่งการศึกษาของลูกหลานชาวสยาม พระองค์จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการ พลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้น เป็นมหาวิทยาลัย โดยคณะรัฐประศาสนศาสตร์ได้ทำ หน้าที่ผลิตผู้สำ เร็จ การศึกษาไปรับราชการในกระทรวงกรมต่าง ๆ เรื่อยมา จนกระทั่งปี พุทธศักราช ๒๔๗๒ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ เริ่มประสบกับปัญหาความตกต่ำ และเสื่อมความนิยมลง เนื่องมาจากในปีนั้นได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการ พลเรือน ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กำ หนดให้ผู้ที่สำ เร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรจาก คณะ รัฐประศาสนศาสตร์เข้ารับราชการในระดับตำ แหน่ง ชั้นราชบุรุษซึ่งผู้ที่สำ เร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ ๕ ก็ สามารถสมัครสอบแข่งขันเข้ารับราชการในตำ แหน่งดัง กล่าวได้ การที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์ รับผู้ที่จบชั้น มัธยมปีที่ ๖ เข้าศึกษาและต้องศึกษาต่ออีกถึง ๓ ปี จึงจะ สามารถได้รับประกาศนียบัตร เพื่อไปสอบแข่งขันเข้ารับ ราชการในตำ แหน่งชั้นราชบุรุษนั้น จึงทำ ให้คณะ รัฐประศาสนศาสตร์เสื่อมความนิยมลงจนในที่สุด ปี พุทธศักราช ๒๔๗๒ มีนักเรียนที่กำ ลังศึกษาในคณะเหลือ อยู่เพียง ๓๕ คน ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ หัวจึงมีพระบรมราชานุญาตให้เลิกคณะนี้เสียเมื่อนักเรียน ที่เหลืออยู่สำ เร็จหมดแล้วตามความเห็นที่กระทรวง ธรรมการเสนอ ๑. คณะแพทยศาสตร์ ตั้งอยู่ที่โรงเรียนแพทยาลัย (ศิริราช พยาบาล) มีพระยาเวชสิทธิ์ ศรีภิลาส (จรัส วิภาตแพทย์) เป็นคณบดี ๒. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ตึกบัญชาการหรือตึก สร้างใหม่ ถนนสนามม้า มีพระยาวิทยาปรีชามาตย์ (ศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นคณบดี ๓. คณะวิศวกรรมศาสตร์ ใช้ตึกเดียวกับคณะ รัฐประศาสนศาสตร์ มีพระยานิพัทธกุลพงศ์ (ชิน บุนนาค) เป็นคณบดี ๔. คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่ที่วังกลางทุ่ง (ปัจจุบันอยู่ในเขตกรีฑาสถานแห่งชาติ) มี ม.จ.พูนศรีเกษม เกษมศรี เป็นคณบดี
หลังจากที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยถูกยุบเลิกไปได้ก่อให้เกิดปัญหาข้าราชการ ฝ่ายปกครองและสมุหเทศาภิบาลมาร้องทุกข์เป็นอันมาก อีกทั้งกระทรวงมหาดไทยเองก็เห็นถึง การสูญเสีย ประโยชน์หากขาดนักปกครองจากคณะ รัฐประศาสนศาสตร์ จึงได้มีการประชุมหารือกันระหว่างผู้ แทนกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการดำ ริรูปการ มหาวิทยาลัย และผู้แทน ก.ร.พ.(กรรมการพระราชบัญญัติ ข้าราชการพลเรือน) ขึ้น และมีความเห็นร่วมกันว่า ควรจะ มีการสอนวิชานี้ต่อไป แต่จะต้องมีการปรับปรุงหลักสูตร การศึกษาใหม่ อีกทั้งปรับปรุงวิธีการรับนิสิตใหม่ด้วย นอกจากนี้ ยังเสนอให้เปลี่ยนชื่อคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นแผนกวิชาข้าราชการพลเรือน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระ ปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชานุญาติ ตามข้อเสนอ ของที่ประชุมและกระทรวงมหาดไทย โดยได้ออกประกาศ แจ้งความในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๔ คณะ รัฐประศาสนศาสตร์จึงแปรสภาพเป็นเพียงแผนกวิชา ข้าราชการพลเรือน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๔ เป็นต้นมา ในช่วงที่เริ่มตั้งคณะรัฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งนั้น “รัฐประศาสนศาสตร์” เป็น เพียงสาขาวิชาที่สอนอยู่ในแผนกการปกครองเท่านั้น กล่าวคือ ในปี ๒๔๙๑ คณะรัฐศาสตร์มีการสอนเพียง ๒ แผนกวิชา คือ แผนกวิชาการปกครองและแผนกวิชา นิติศาสตร์ โดยแผนกวิชาการปกครองจะประกอบด้วย ๓ สาขาวิชาคือสาขาวิชาการปกครอง (การบริหารทั่วไป) สาขาการบริหารงานคลังและสาขาต่างประเทศ ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ พระบาทสมเด็จพระ ปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการให้โอนโรงเรียน กฏหมายของกระทรวงยุติธรรมมารวมกับแผนกวิชา ข้าราชการพลเรือนแล้วตั้งเป็น คณะนิติศาสตร์และ รัฐศาสตร์ขึ้นในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๔๗๖ และในปี เดียวกันนั้นเองได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช ๒๔๗๖ อันเป็นพระราชบัญญัติก่อตั้งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น ซึ่งมาตราที่ ๕ แห่งพระราช บัญญัติฉบับดังกล่าว ได้บัญญัติให้โอนคณะนิติศาสตร์และ รัฐศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปขึ้นต่อมหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองก่อนวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๗ โดยนิสิตที่กำ ลังศึกษาอยู่สามารถ เทียบโอนวิชา เพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเมืองได้ ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการไปศึกษาที่ธรรมศาสตร์ ก็สามารถรับราชการได้ โดยกระทรวงมหาดไทยจะดำ เนิน การบรรจุให้เข้ารับราชการต่อไป ในปี พุทธศักราช ๒๔๙๑ ได้มีการเสนอกฎหมายเพื่อ ขอจัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นหนักการสอนในเรื่อง Administration มุ่งผลิตนักบริหารปกครอง ซึ่งแตกต่าง จากคณะรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เน้น หนักการสอนเรื่อง Political Science และมุ่งผลิตนักการ เมืองเป็นสำ คัญซึ่งทางสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านกฎหมายดัง กล่าวและทำ ให้มีการจัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ขึ้นใน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นต้นมา รัฐประศาสนศาสตร์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของแผนก วิชาการปกครองตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๔๙๑ เรื่อยมา แม้ว่าในปี ๒๔๙๘ จะมีการขยายแผนกวิชาในคณะ รัฐศาสตร์จากเดิม ๒ แผนกวิชาเป็น ๔ แผนกวิชา โดย เพิ่มแผนกวิชาสังคมวิทยาและยกฐานะของสาขาต่าง ประเทศ (ในแผนกวิชาการปกครอง) เป็นแผนกวิชาการ ต่างประเทศและการทูต แต่การศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในแผนกวิชาการปกครองต่อไป จน กระทั่ง ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล ได้เสนอให้มี การจัดตั้งแผนกวิชา รัฐประศาสนศาสตร์ต่อสภา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๐๘ และได้มีประกาศของมหาวิทยาลัย ตั้ง แผนกวิชารัฐประศาสนศาสตร์ขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวัน ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๐๙ พร้อมกันนี้ก็ได้ยกฐานะของสาขา วิชาบริหารงานคลังเป็นแผนกวิชาการคลังด้วยเช่นกัน ต่อมาในปี ๒๕๑๔ แผนกวิชาการคลังได้แยกไปรวม กับแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ของ คณะพาณิช ยศาสตร์และการบัญชีเพื่อตั้งเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ในวัน ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๓ หลังจากนั้นแผนกวิชา รัฐประศาสนศาสตร์ได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยมีการ สอนในแผนกวิชาถึง ๓ ด้านด้วยกันคือ การบริหารทั่วไป การบริหารงานบุคคล และการบริหารงานคลัง แผนก วิชารัฐประศาสนศาสตร์ ดำ เนินการอย่างต่อเนื่องมาจน กระทั่งปี พุทธศักราช ๒๕๒๒ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก แผนกวิชาเป็นภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์
เอกสารอ้างอิง จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. (๒๕๒๐). ประวัติจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ๒๕๑๐-๒๕๑๙ พิมพ์เป็นที่ระลึกในวันครบหกสิบปีของ การสถาปนา วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (๒๕๔๐). ๘๐ ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กรุงเทพ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เทียนฉาย กีระนันทน์ และ สุชาดา กีระนันทน์. (๒๕๖๐). หนึ่งร้อยปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าเรื่องการบริหารจัดการ มหาวิทยาลัย ๑. กรุงเทพ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธงทอง จันทรางศุ และ จิรวรรณ บุญสนอง. (๒๕๓๒). แลรูปเล่าเรื่อง. กรุงเทพมหานคร: กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร. ธงทอง จันทรางศุ และคณะ. (๒๕๕๙). พระราชพิธีก่อพระฤกษ์โรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ(จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน ปัจจุบัน). กรุงเทพมหานคร. หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (๒๕๕๑). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : หลักเฉลิมพระนครแห่งกรุงสยาม ที่ลูกหลาน จุฬาฯภูมิใจและพึงดำ รงรักษาไว้ให้ยั่งยืน. กรุงเทพฯ. ในปี พุทธศักราช ๒๕๒๖ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ได้เปิดหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร-มหา บัณฑิต (รป.ม.) และต่อมาในปี ๒๕๓๐ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ได้เล็งเห็นถึงความจำ เป็นที่จะเป็นแกนนำ ของสถาบันอุดมศึกษาในการให้บริการทางวิชาการแก่สังคม โดยกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักบริหาร ที่เป็นข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานเอกชนทั่วไปได้มีโอกาสมาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการ บริหารงานของรัฐ โดยไม่ต้องทำ เรื่องขออนุมัติลาศึกษาต่อจากต้นสังกัด และสามารถนำ เอาความรู้ที่ได้ศึกษา ไปใช้ประโยชน์ในการทำ งาน ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์จึงได้เปิดหลักสูตรปริญญาโทด้าน รัฐประศาสนศาสตร์สำ หรับนักบริหาร (Master of Public Administration for Executives) ซึ่งดำ เนินการเรียนการสอนนอกเวลาราชการ นับเป็นหลักสูตร “ภาคค่ำ ” ทางด้านบริหารงานของรัฐ หลักสูตรแรกที่เปิดสอนในประเทศไทย
พ.ศ.2442 พ.ศ.2522 วิจัยพัฒนาองค์ความรู้ ให้บริการวิชาการ ร่วมผลิต ปริญญาเอก ปริญญาโท (ภาคนักบริหาร) พ.ศ.2530 ปริญญาโท (ภาคในเวลาทำ การ) ปริญญาตรี ยินดีต้อนรับเข้าสู่หลักสูตร รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ MasterofPublic Administration Program inPublic Administration รายละเอียดการเรียนการสอน ค ณ ะ รั ฐ ศ า ส ต ร์ จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย Globalization โรงเรียนสำ หรับฝึกหัดวิชาข้าราชการพลเรือน ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การปฏิรูปประบบ บริหารราชการแผ่นดิน
แผน ข (ภายนอกเวลาทำ การ) วิชาบังคับ 7 วิชา วิชาเลือก 4 วิชา สารนิพนธ์ รายละเอียดหลักสูตร หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ได้รับการรับรองคุณภาพว่าเป็นไปตามมาตรฐานของ การประกันคุณภาพระดับอาเซียนของ "ASEAN University Network Quality Assurance" (AUN-QA) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ตารางการเรียนการสอน สำ หรับนิสิตรุ่นที่ 61 รับสมัครเข้าภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2567 (แผน ข) ปีที่ 1 ภาคต้น ปีการศึกษา 2567 ส.ค.–ธ.ค. 67 2404605ขอบข่ายและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์ 2404607 ทฤษฏีองค์การและการจัดการภาครัฐ 2404609 ระเบียบวิธีวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์ ปีที่ 1 ภาคปลาย ปีการศึกษา 2567 ม.ค.– พ.ค. 68 2404606 การบริหารงานคลังภาครัฐ 2404608 นโยบายสาธารณะ 2404611 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลทาง รัฐประศาสนศาสตร์ ปีที่ 1 ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2567 มิ.ย.– ก.ค. 68 2404637 การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ปีที่ 2 ภาคต้น ปีการศึกษา 2568 ส.ค.–ธ.ค. 68 วิชาเลือก 4 วิชา ส่งโครงร่างสารนิพนธ์ เดือน พ.ย. 68 สอบประมวลความรู้ ม.ค.– มี.ค. 69 สอบข้อเขียน สอบปากเปล่า ปีที่ 2 ภาคปลาย ปีการศึกษา 2568 ม.ค.– พ.ค. 69 สารนิพนธ์
การสอบประมวลความรู้ (สอบรวบยอด) ComprehensiveExamination สอบข้อเขียน เลือก 3 ใน 4 หมวด ความรู้พื้นฐานทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ นโยบายสาธารณะ การคลังสาธารณะ สอบปากเปล่า OralComprehensiveExamination เรียนวิชาเลือก 4 วิชา สอบประมวลความรู้ สารนิพนธ์
ขอให้ถือว่าหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรของ “เรา”และช่วยกันทำ ให้เป็นหลักสูตรที่ “พวก เรา” ทุกคนภูมิใจ 1. 2.นิสิตต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาที่กำ หนดในหลักสูตร การปฏิบัติตัวในระหว่างการศึกษาให้เป็นไปโดยสุภาพ ถูกต้องตามระเบียบวินัยของนิ สิตจุฬาฯ 3. 4.ไม่ทำ ให้เกิดความเสียหายเสื่อมเสียแก่สถาบันฯ โทษขั้นต่ำ ของการทุจริตในการสอบคือได้Fและพักการศึกษาอย่างน้อย1 ภาคการ ศึกษา 5. 6.หลักสูตรฯสนับสนุนการทำ กิจกรรมเสริมหลักสูตรของนิสิต กติกาที่สำ คัญ แผนที่อาคารในคณะ
รอบรั้วรัฐศาสตร์ สถานที่ต่าง ๆ ในรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
อาคารสำ ราญราษฎร์บริรักษ์ ชื่อย่อ POL1 เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของคณะรัฐศาสตร์ สร้างขึ้นหลังคณะรัฐศาสตร์ได้ รับการก่อตั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งในปีพ.ศ. 2491 และเปิดใช้งานในปีพ.ศ. 2495 มี 2 ชั้นโดชั้นล่างเป็นห้องเรียนและชั้นบนเป็นห้องพักอาจารย์ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ และภาควิชาการปกครอง อาคารนี้ถูกสร้างให้มีลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมไทย ห้องเรียนชั้นล่างนอกจากใช้ในการเรียนการสอนแล้วก็ยังใช้ในกิจกรรมต่างๆของคณะ เช่น กิจกรรมรับน้อง ชมรมต่างๆก็สามารถขอใช้ห้องในการจัดกิจกรรมชมรมได้ ในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างอาคารเกษม อุทยานิน (ตึก 3) นิสิตรัฐศาตร์ทุกคนจะได้มา เรียนที่ห้องบรรยายในตึกนี้ แต่ปัจจุบันมีเพียงบางวิชาเท่านั้นที่เรียนที่ตึก 1 เพราะได้ทำ การย้าย ไปเรียนที่ตึก 3 กันมากขึ้น จะมีเพียงนิสิตระดับปริญญาโทที่ยังคงใช้ตึก 1 เรียนเป็นส่วนใหญ่
อาคารวรภักดิ์พิบูลย์ อาคารหลังที่ 2 ของคณะรัฐศาสตร์ รูปร่างคล้ายกันกับตึก 1 แต่จะไม่มีโถงทางเข้า ตรงกลางตึก สามารถเดินเข้าตึกได้ทางด้านข้าง 2 ทางเท่านั้น ตั้งอยู่ถัดจากตึก 1 สามารถเดิน เชื่อมถึงกันได้ ภายในอาคารเป็นห้องบรรยายที่ส่วนใหญ่ใช้ในการเรียนการสอนระดับปริญญา โท สามารถเดินทะลุผ่านตึก 2 นี้ไปยังสถานีรถป็อพหรือไปยังอาคารเปรมบุรฉัตรของสถาบัน ภาษา (CULI) ได้
อาคารใหม่ล่าสุดของคณะรัฐศาสตร์ เรียกกันสั้นๆว่า ตึก 3 มีจำ นวนชั้นทั้งสิ้น 13 ชั้น บวกกันชั้นลอย(M)อีกหนึ่งชั้น ที่น่าสงสัยก็คือ ชั้น 13 ที่เมื่อประตูลิฟต์มาแล้วจะเจอกับป้ายชื่อ ชั้น ที่เขียนว่า 13A ทำ ให้สงสัยว่าทำ ไมต้องเป็น 13A แล้วชั้น 13B หรือ 13C อยู่ที่ไหน? ตึก 3 แต่ละชั้นประกอบด้วยห้องต่างๆดังนี้ ชั้น 1 โถงทางเข้าตึก ลิฟต์ เคาท์เตอร์รูปภ. ชั้น M ห้องประชุมสีหราช ห้องบรรยาย กลุ่มงานการศึกษาและกิจการนานาชาติ ชั้น 2 สำ นักงานคณบดี ฝ่ายบริหาร และฝ่ายวิชาการ ชั้น 3-4 ห้องสมุดรูฟุส ดี สมิธและชำ นาญ ยุวบูรณ์ ชั้น 5-6 ห้องบรรยาย ชั้น 7 ห้องคอมพิวเตอร์และ SMART CLASSROOM ชั้น 8-9 ห้องพักอาจารย์ประจำ ภาควิชาต่างๆ ชั้น 11 สมาคมนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ ชั้น 13 ห้องประชุมเกษม สุวรรณกุล (ห้องบรรยายเรียนรวม 1308) อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี)
ห้องสมุดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2491 โดยตั้งอยู่ที่อาคารสำ ราษฎร์บริรักษ์ (ตึก 1) ต่อมาในปีพ.ศ. 2494 ศาสตราจารย์รูส แดเนียล สมิธ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ช่วยเหลือกิจการห้องสมุดโดยการติดต่อขอรับบริจาคหนังสือ และวารสารทาง ด้านสังคมศาสตร์จากองค์การมูลนิธิและมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำ ให้ที่นี่ เป็นห้องสมุดแห่งแรกในประเทศไทยที่เป็นแหล่งค้นคว้าสำ คัญทางด้านสังคมศาสตร์ ต่อมาห้องสมุดถูกย้ายไป 2 ครั้ง ไปยังอาคารเกษม อุทยานินเก่า (ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยอาคาร เกษม อุทยานิน - รัฐศาสตร์ 60 ปี) และย้ายไปยังอาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ ในปีพ.ศ. 2518 ก่อนจะย้ายมายังชั้น 3 อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) และเปลี่ยนชื่อเป็น "ห้องสมุดรูส ดี สมิธ และชำ นาญ ยุวบูรณ์" ตามชื่อผู้มีอุปการคุณแก่ห้องสมุด ห้องสมุดรูฟส ดี สมิธ เปิดให้บริการเวลา 08.00-20.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ หยุดวัน อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคลากรสามารถใช้บริการได้ ฟรี บุคคลภายนอกมีค่าบริการวันละ 20 บาท โดยนิสิตจำ เป็นต้องใช้บัตรนิสิตในการสแกนเพื่อ เข้าใช้ห้องสมุด นอกจากนี้ยังห้ามนำ อาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณห้องสมุด รวมทั้งน้ำ เปล่า ยกเว้นโซนร้านกาแฟ ทางห้องสมุดมีการจัดชั้นวางของไว้บริการประตูหน้าห้องน้ำ หากนิสิต พกขวดน้ำ ติดตัวมาด้วย ภายในห้องสมุดแยกเป็นมุมต่างๆ ดังนี้ มุมกาแฟ มีร้าน CAFE AMAZON ที่มีเมนูเครื่องดื่มและขนมให้บริการ แต่จะไม่มีเมนูปั่น เนื่องจากอาจมีเสียงรบกวนผู้ใช้บริการห้องสมุด นอกจากนี้หากแสดงบัตรนิสิตจะได้รับส่วนลด 10% ด้วย สำ หรับคนที่ต้องการจิบกาแฟไป อ่านหนังสือไป บริเวณรอบๆร้านกาแฟก็มีโต๊ะอ่าน หนังสือเล็กๆ และมุมด้านหลังร้านกาแฟก็ยังมีโต๊ะเพิ่มเติมสำ หรับอ่านหนังสือเป็นกลุ่มอีกด้วย ห้องสมุดรูฟุส ดี สมิธ และชำ นาญ ยุวบูรณ์
มุมพักผ่อน ประกอบด้วยโซฟา หมอนอิง และนิตยสาร สำ หรับผู้ที่ต้องการพักสายตา หรืออ่านนิตยสารผ่อนคลาย หรือจะงีบหลับช่วงบ่ายก็ได้โซนอ่านหนังสือ เมื่อเดินผ่านเคาท์เตอร์บรรณรักษ์เข้าไปในห้องสมุดก็จะเป็นโซนที่จัดไว้ให้อ่านหนังสือ ประกอบด้วย ชั้นวางหนังสือเรียงยาว โซฟา โต๊ะรวม โต๊ะอ่านหนังสือรวมและโต๊ะเดี่ยว ซึ่งโซนนี้ เราสามารถปรึกษากันได้ แต่ต้องคุยกันด้วยเสียงที่ไม่ดังจนเกินไปเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนอื่น โต๊ะอ่านหนังสือในโซนนี้แต่ละโต๊ะยังมีปลั๊กไฟไว้ให้บริการอีกด้วย มุมไซเบอร์ ที่มุมนี้ห้องสมุดจะมีคอมพิวเตอร์และไอแพดไว้ให้บริการนิสิตต้องกรอก ข้อมูลรหัสนิสิตและหมายเลขเครื่องที่ต้องการใช้ให้กับเจ้าหน้าที่ สามารถใช้บริการได้ครั้งละ 45 นาทีแล้วระบบจะล๊อคอัตโนมัติ จากนั้นเราสามารถขอใช้บริการใหม่ได้เรื่อยๆ ห้องประชุมย่อย เป็นห้องประชุมขนาดเล็กสำ หรับนิสิตที่ต้องการติวหนังสือเป็นกลุ่ม ประชุมหรือคุยงานต่างๆ โดยนิสิตจะต้องทำ การจองห้องในเว็บไซต์ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ และทุกคนที่จะเข้าใช้งานห้องจะต้องทำ การยืนยันตนกับเจ้าหน้าที่ห้องสมุดก่อนเข้าใช้ เป็น ห้องที่สามารถใช้เสียงได้ และมีกระดานไวท์บอร์ดไว้บริการ(แต่ต้องนำ ปากกามาเอง) แต่ ห้องประชุมนี้ไม่เก็บเสียง จึงต้องใช้เสียงแต่พอประมาณ
CO-WORKING SPACE CO-WORKING SPACE คณะรัฐศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของตึกตึกเกษม อุทยานิน (อาคาร 3) ได้รับทุนสนับสนุนการปรับปรุงพื้นที่จากสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงเวลาเปิดเรียนปกติจะเปิดให้ใช้บริการในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00 - 20.00 น. แต่ในช่วงเวลาสอบจะใจดีเป็นพิเศษโดยเปิด ให้ใช้บริการในวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่เวลา 08.00 - 24.00 น. แถมยังมีสิ่งอำ นวยความสะดวกครบ ครัน โต๊ะทุกโต๊ะมีแท่นเสียบสายชาร์จ มีกระดานไวท์บอร์ดให้เขียน มีโซฟาอยู่ด้านในสุดของห้อง
ร้านกาแฟอินทนิล ร้านกาแฟอีกแห่งของคณะรัฐศาสตร์เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้กับนิสิตและบุคลากรคณะ รัฐศาสตร์เพิ่มมาจากร้านกาแฟอเมซอนที่ห้องสมุดและใต้ตึก 3 ไว้เป็นทางเลือกถ้าเห็นว่าคิวของ ร้านอเมซอนยาวเกินไปหรือสำ หรับน้องๆ ที่ชอบรสชาติของกาแฟอินทนิลมากกว่า ร้านกาแฟอินทนิลตั้งอยู่ในโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ มองเข้าไปก็เห็นเลย ไม่มีทางพลาด แน่นอนจ้า
CAFE AMAZON คณะรัฐศาสตร์ก็มีร้านกาแฟนกแก้วชื่อดังเหมือนกันนะ แถมยังมีถึง 2 จุด ก็คือใต้ตึก 3 และที่มุมกาแฟในห้องสมุดรูฟุส ดี สมิธ ชั้น 3 แต่ที่ CAFE AMAZON ในห้องสมุดเราจะไม่ สามารถสั่งเครื่องดื่มปั่นได้ เพราะเสียงเครื่องปั่นจะไปรบกวนผู้ใช้บริการห้องสมุด ส่วนร้านใต้ตึก 3 สามารถสั่งได้ตามปกติ ทั้งสองร้านถ้าเราโชว์บัตรนิสิตก็จะได้ส่วนลด 10% อีกด้วย
โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์มีร้านอาหารหลายร้าน และร้านกาแฟอินทนิล มีอาหารหลาก หลายประเภท อาหารตามสั่ง อาหารอีสาน ข้าวราดแกง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านนำ ยังมีผลไม้ นำ ปั่น ขนมปังปิ้ง ไอศกรีม เครื่องดื่มอื่นๆขายอีกด้วย ช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงคนจะค่อนข้างเยอะ เพราะนอกจากนิสิตและบุคลากรคณะ รัฐศาสตร์แล้ว ก็ยังมีนิสิตคณะอื่นๆและพนักงานบริษัทใกล้ ๆ มาใช้บริการอีกด้วย ที่น่าภูมิใจก็คือ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ของเรายังเป็นหนึ่งในโรงอาหารที่สะอาดที่สุด ในจุฬาฯอีกด้วย ต้องขอบคุณพี่ ๆ แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่โรงอาหาร รวมทั้งนิสิตผู้ใช้บริการที่คอย รักษาความสะอาด
อาคารจอดรถคณะรัฐศาสตร์ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์มีร้านอาหารหลายร้าน และร้านกาแฟอินทนิล มีอาหารหลาก หลายประเภท อาหารตามสั่ง อาหารอีสาน ข้าวราดแกง บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านนำ ยังมีผลไม้ นำ ปั่น ขนมปังปิ้ง ไอศกรีม เครื่องดื่มอื่นๆขายอีกด้วย ช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงคนจะค่อนข้างเยอะ เพราะนอกจากนิสิตและบุคลากรคณะ รัฐศาสตร์แล้ว ก็ยังมีนิสิตคณะอื่นๆและพนักงานบริษัทใกล้ ๆ มาใช้บริการอีกด้วย ที่น่าภูมิใจก็คือ โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ของเรายังเป็นหนึ่งในโรงอาหารที่สะอาดที่สุด ในจุฬาฯอีกด้วย ต้องขอบคุณพี่ ๆ แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่โรงอาหาร รวมทั้งนิสิตผู้ใช้บริการที่คอย รักษาความสะอาด
สนามฟุตบอล ตั้งอยู่หลังตึก 1 ดูแลโดยชมรมฟุตบอล เป็นสนามหญ้าจริงสีเขียวสวยงาม ที่น่าสนใจก็ คือ คณะรัฐศาสตร์เป็นหนึ่งในไม่กี่คณะในจุฬาฯที่มีสนามฟุตบอลและพื้นที่สีเขียวเป็นของตัวเอง ปกติแล้วจะใช้เป็นสถานที่ซ้อมฟุตบอลของชมรมฟุตบอลคณะปกติก็จะถูกใช้เพื่อซ้อมบอลคณะ ช่วงเย็นๆ ถึง 2-3 ทุ่ม แทบทุกวัน น้องๆ สามารถมาเล่นบอลด้วยกันได้ ไม่ต้องอยู่ชมรมนี้ก็มา เล่นได้ แต่ถ้าหากใครสนใจก็สามารถมาเล่นด้วยกันได้ บางครั้งก็ใช้จัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรรม รับน้อง หรืองานแฟร์กิจกรรมรื่นเริงของคณะ
สนามบาสเกตบอล พื้นที่บริเวณนี้แต่ก่อนเคยเป็นคลองกั้นระหว่างคณะรัฐศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ก่อนจะถมและทำ เป็นสนามบาสเกตบอลของ 2 คณะคู่กันแบบในปัจจุบัน มีเรื่องเล่าว่าสาเหตุที่ ต้องขุดคลองกั้น 2 คณะนี้ก็เพราะนิสิตของ 2 คณะมีเรื่องทะเลาะวิวาทยกพวกไปต่อยกันบ่อยใน อดีต แม้สนามบาสแห่งนี้ของเราอาจจะไม่เก่าแก่นักแต่ก็มากไปด้วยความทรงจำ ของเหล่า ชมรมบาสที่ได้ทำ กิจกรรมที่แสนอบอุ่นและร่วมใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนครอบครัวตลอดทั้งปี ในบาง ครั้งอาจจะได้เห็นปาร์ตี้ปิ้งหมูของพวกเขาซึ่งถ้าหากหิวก็สามารถที่จะเข้าไปทักทาย และร่วมวง ด้วยได้อย่างเป็นมิตร ในช่วงเย็นๆ จะมีการเล่นบาสและซ้อมบาสในบางวัน นอกจากนี้แล้วสนามบาสเกตบอลเป็นที่ซ้อมของชมรมบาสและชมรสฮอกกี้ และยังเป็นที่ จัดกิจกรรมบาสเกตบอลสานสัมพันธ์นิสิต 4 ภาควิชาอีกด้วย
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แนะนำ คณาจารย์ รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตร รป.ม. อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาวิน ศิริประภานุกูล ผู้อำ นวยการหลักสูตร รป.ม. อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร ศาสตราจารย์ ดร.ปังปอนด์รักอำ นวยกิจ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพันธ์ ไล่ประกอบทรัพย์ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แนะนำ คณาจารย์ รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริพงศ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการบริหารหลักสูตร รองศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิตจันทร์โรจนกิจ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุภัทร จิตเที่ยง คณะกรรมการบริหารหลักสูตร ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ไชยพร
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แนะนำ คณาจารย์ รองศาสตราจารย์ ดร.จุลนี เทียนไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุธรรมา ปริพนธ์เอื้อสกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัครเดช ไชยเพิ่ม
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แนะนำ คณาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชญานุช จาตุรจินดา อาจารย์ ดร.ชฎิลโรจนานนท์ อาจารย์ ดร.วิมลมาศศรีจำ เริญ อาจารย์ ดร.พิมพ์สิริอรุณศรี
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ แนะนำ คณาจารย์ อาจารย์ ดร.แววไพลิน พันธุ์ภักดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริมา ทองสว่าง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กุลพธูศักดิ์วิทย์
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ อาจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ทศพรศิริสัมพันธ์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.จรัสสุวรรณมาลา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ศุภชัยยาวะประภาษ อาจารย์ พายัพ พยอมยนต์
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ และภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ เจ้าหน้าที่ นางสาวณัฐกานต์คงถิ่น นางสาวชลธิชา นราบัว นางสาวจิราพร หินโม นางสาวณัฐณิชา ขันเงิน หัวหน้าสำ นักงาน เจ้าหน้าที่หลักสูตร เจ้าหน้าที่หลักสูตร เจ้าหน้าที่หลักสูตร เจ้าหน้าที่ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ถนนอังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ : 0 2218 7213, 4, 5, 9 และ 0 2218 7268 Web : https://mpa.polsci.chula.ac.th Email : [email protected] Facebook : MPA CHULA ข้อมูลติดต่อ