เลม่ ท่ี 4
จดั ทำโดย
ตำแหน่งครู วิทยฐำนะครชู ำนำญกำรพิเศษ
โรงเรยี นเทศบำลวัดสระทอง
สำนกั กำรศกึ ษำ เทศบำลเมืองรอ้ ยเอ็ด
กรมส่งเสรมิ กำรปกครองท้องถนิ่
กระทรวงมหำดไทย
ก
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทางปฏิรูปการศึกษา โดยใช้
เอกสารประกอบการเรียน เร่ือง การปฏิบัติการอ่านโน้ตสากลโดยใช้เกม
การละเลน่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ(ดนตรี)สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่6เป็นนวัตกรรมการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญโดยกระบวนการ
เรียนรู้แบบ Active Learning ใช้เกมการละเล่นเป็นส่ือการเรียนการสอน
(Games-based Learning) ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงสาหรับ
การเรียนวิชาดนตรี ในระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี6เพือ่ สรรสรา้ งสอื่ การสอน และ
เสริมสร้างทักษะทางดนตรีสากล การฟัง การบรรเลง การอ่านโน้ตดนตรี
เทคนคิ วธิ กี ารบรรเลงตา่ งๆท่อี านวยความสะดวกให้แกค่ รูผู้สอนและนกั เรยี นให้
เกิดทักษะทางด้านดนตรีสากลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียนได้รักและ
ชื่นชมผลงานทางดนตรี ผู้จัดทาจึงได้ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือเอกสารต่าง ๆ
และสอบถามผู้เช่ียวชาญในเร่ืองทฤษฎีโน้ตสากลเพื่อท่ีจะให้ผู้เรียนซึ่งอยู่ใน
ระดับมัธยมศึกษาเข้าใจได้ง่ายที่สุด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการ
เรียน เรื่องการปฏิบัติการอ่านโน้ตสากลโดยใช้เกมการละเล่น กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ศลิ ปะ(ดนตรี)สาหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี6เลม่ ที่4 ลลี าละเล่นเป็น
บันไดเสียงดนตรีซึ่งมีเน้ือหาเกี่ยวกับเคร่ืองหมายกากับบันไดเสียงหรือscale
ทัง้ ระบบเมเจอร์สเกลและระบบไมเนอร์สเกลอันจะเป็นประโยชน์ตอ่ นักเรียนใน
การเรียนรู้ท้ังในและนอกห้องเรียน ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และตรงตาม
มาตรฐานการเรียนที่กาหนดและปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจาวันได้จริง ๆ ซึ่ง
นักเรียนสามารถค้นควา้ หาความรูด้ ้วยตนเองไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
ชัชวาฬ เถานอ้ ย
เร่อื ง ข
คานา หน้า
สารบัญ
ผงั มโนทศั น์ ก
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด/สาระการเรยี นรู้ ข
สาระสาคัญ/จดุ ประสงค์ 1
คาชีแ้ จง 2
หนว่ ยที่ 7 บันไดเสียง 3
แบบทดสอบก่อนเรียนรู้หนว่ ยที่ 7 4
เน้อื หาการเรียนรู้ 5
เกมการละเล่นท่ี 8 6
แบบประมวลผลความรู้-ทกั ษะ 6
เกมการละเลน่ ท่ี 9 24
แบบประมวลผลความรู้-ทกั ษะ 28
แบบทดสอบหลังเรียนรหู้ น่วยที่ 7 30
ภาคผนวก 35
37
39
1
เทคนิคการ การบันทกึ บรรทดั 5เส้น
อา่ นและเขียน โน้ต และเส้น
กัน้ หอ้ ง
โนต้ สากล
เครอื่ งหมาย การอา่ น ลักษณะของ
และสัญลกั ษณ์ โน้ตสากล ตวั โน้ตและ
พิเศษต่างๆ
ตวั หยุด
บันไดเสียง
กุญแจ
ประจาหลัก
และระดบั
เสียง
เครอ่ื งหมาย เครื่องหมาย
แปลงเสยี ง กาหนด
จงั หวะ
2
มาตรฐานการเรียนรู้
ตวั ช้ีวดั /สาระการเรยี นรู้
สาระที่ ๒ ดนตรี เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์
มาตรฐาน ศ ๒.๑ วิพากษว์ จิ ารณค์ ณุ คา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก
ความคดิ ต่อดนตรีอยา่ งอสิ ระ ช่นื ชมและประยุกตใ์ ชใ้ น
มาตรฐาน ศ ๒.๒
ชวี ติ ประจาวนั
เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างดนตรี ประวัตศิ าสตร์
และวฒั นธรรมเหน็ คณุ ค่าของดนตรี ที่เป็นมรดกทาง
วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน
ตวั ช้วี ดั อ่าน เขยี นโน้ตดนตรสี ากลในอัตราจงั หวะต่างๆ
ศ 2.1 ม.4-6/4
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
เครอ่ื งหมายและสัญลักษณท์ างดนตรี
- เครอื่ งหมายกาหนดอตั ราจงั หวะ
- เครือ่ งหมายกาหนดบันไดเสียง
โนต้ บทเพลงไทยอัตราจงั หวะ ๒ ชัน้ และ ๓ ช้ัน
3
สาระสาคัญ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
สาระสาคัญ
โนต้ ดนตรเี ปน็ สญั ลักษณ์ทใี่ ช้จดบันทึกเสยี งดนตรอี อกมาในรูปแบบ
ของภาษาเขยี นเพอ่ื ประโยชน์ในการบรรเลงดนตรี โนต้ สากลเป็นระบบการ
บันทกึ ทีเ่ ปน็ มาตรฐานและแพรห่ ลายไปทว่ั โลก มีแบบแผนและทฤษฎีที่
แน่นอน การเรียนโน้ตสากลจึงเป็นส่ิงที่นักดนตรที ั่วไปควรศกึ ษาและปฏิบตั ิ
ทกั ษะการอา่ นและเขียนโนต้ ดนตรีสากลใหม้ คี วามคล่องแคล่ว
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นกั เรยี นสามารถบอกและอธิบายถงึ ทฤษฎีการบนั ทกึ โน้ตสากลได้
2. นักเรยี นสามารถปฏิบัติการอา่ น เขียนสญั ลักษณ์ต่างๆ ของการ
บนั ทกึ โนต้ สากลได้
3. นักเรียนสามารถบรู ณาการดนตรเี พอ่ื ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
4. นกั เรียนมคี วามสนุกสนานและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์
4
เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง การปฏบิ ตั กิ ารอ่านโนต้ สากลโดยใชเ้ กม
การละเล่น กลมุ่ สาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ(ดนตร)ี สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่6 จดั ทา
ข้ึนเพอื่ ประกอบการจดั กจิ กรรมเรยี นรวู้ ชิ าดนตรใี นระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที 6ี่ ซ่ึงประกอบ
ไปดว้ ยเอกสารประกอบการเรยี น จานวน 6 เล่ม ดงั ต่อไปน้ี
เล่มที่ 1 เรื่อง เรยี นดนตรีโดยเกมการละเล่น
เลม่ ท่ี 2 เรอื่ ง เกมการละเล่นเป็นตัวโน้ตสากล
เล่มที่ 3 เรื่อง หรรษากบั การเลน่ สญั ลักษณโ์ น้ตสากล
เลม่ ท่ี 4 เร่ือง ลีลาละเล่นเปน็ บนั ไดเสยี งดนตรี
เลม่ ท่ี 5 เรือ่ ง เกมการละเล่นสญั ลกั ษณ์โน้ตหรรษา
เลม่ ท่ี 6 เร่อื ง เลน่ โน้ตไดอ้ า่ นโนต้ คลอ่ ง
เอกสารประกอบการเรยี น เรื่อง การปฏิบตั ิการอา่ นโนต้ สากลโดยใช้เกมการละเลน่ กลุม่
สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ(ดนตร)ี สาหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่6 แต่ละเล่มประกอบไป
ด้วย แบบทดสอบกอ่ นเรียน แต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ เนื้อหาความรแู้ ต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้
รปู แบบเกมการละเลน่ เพ่อื ฝึกพฒั นาทกั ษะการอ่านโน้ตสากลตา่ งๆ แบบฝึกพัฒนาทักษะ
การเรียนรทู้ ีไ่ ด้จากเกมการละเล่น และแบบทดสอบหลงั เรียน ผเู้ รยี นสามารถใช้เอกสาร
ประกอบการเรยี นชดุ นฝ้ี ึกฝนทกั ษะการปฏิบตั ติ ามเนอ้ื หาการสอนของครูผูส้ อน
หวังเปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ เอกสารประกอบการเรียน เรื่องการปฏบิ ัตกิ ารอ่านโนต้ สากล
โดยใชเ้ กมการละเลน่ กล่มุ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ(ดนตร)ี สาหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี
6 นจี้ ะเกิดประโยชน์ต่อการศึกษาคน้ คว้าของท้ังนกั เรียนและผู้สอนและเปน็ สว่ นหนึ่งใน
การพัฒนาสื่อและนวตั กรรมในรูปแบบท่หี ลากหลายต่อไป
5
ข้นั ตอนการศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น
เอกสารประกอบการเรยี น เรื่อง การปฏิบตั ิการอา่ นโนต้ สากลโดยใช้เกมการละเลน่
กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ(ดนตร)ี สาหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี6 เลม่ ท่ี 4 เร่ือง ลลี า
ละเลน่ เป็นบนั ไดเสียงดนตรี เป็นส่อื การสอนใหน้ ักเรียนไดล้ งมือปฏิบัตกิ ารเรียนรู้โดยอาศยั
ทฤษฎี Active Learning ในรปู แบบของเกมการละเลน่ (Games-based Learning) ซง่ึ
นักเรียนจะต้องลองปฏบิ ตั ิและทาแบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรยี นเพอ่ื ใหเ้ กิดทกั ษะและ
กระบวนการเรียนรู้ โดยมขี ัน้ ตอนและกระบวนการในการใช้เอกสารประกอบการเรียน
ดงั ตอ่ ไปนี้
1. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. นนักักเเรรยียี นนลศอึกงษเาลขข่น้ออ้ เกมมมูลกคลูาวราคลมะรวเู้ ลทน่รฤตษราฎมู้กเี เบออ่ ้ือกงสนตา้นรเใปรนรียเะรกื่อนองทบีจ่กะาเรรเียรยีนนเล่มนี้
3.
4. ลองเล่นเกมการละเล่นหลายๆครัง้ เพ่ือใหเ้ กิดความเข้าใจและทักษะในการอา่ น
และเขยี นโน้ตสากล
5. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ แนวคิดและทักษะทีไ่ ดแ้ ลว้ เชอ่ื มโยงกบั ทฤษฎขี องการ
เรียนโนต้ สากล
6. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น
ในเอกสารประกอบการเรียนเลม่ ที่ 3 น้ีจะมเี นอ้ื หาท้ังหมด 2 หน่วยการเรยี นรู้ คือ
หนว่ ยท่ี 7 บนั ไดเสยี ง
ขอใหน้ ักเรียนสนกุ กบั กิจกรรมการเรียนการสอนในเอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้
6
แบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยที่ 7
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นทาเครื่องหมาย X ในขอ้ ท่ีนกั เรยี นเห็นวา่ ถกู ตอ้ งท่ีสดุ
1. ข้อใดไมเ่ กี่ยวขอ้ งกับ “บนั ไดเสียง” ของโนต้ ดนตรีสากล
ก. ไดอะโทนกิ สเกล
ข. โครมาตกิ สเกล
ค. เมเจอร์ สเกล
ง. ความชา้ -เร็ว
2. รูปแบบของบันไดเสียงตามประเภทสามารถแบ่งได้กร่ี ปู แบบหลกั อะไรบา้ ง
ก 2 รปู แบบหลัก คอื ไดอะโทนกิ สเกล และ โครมาตกิ สเกล
ข.2 รปู แบบหลัก คอื เมเจอร์สเกล และ ไมเนอร์ สเกล
ค. 2 รปู แบบหลกั คอื ฮารโ์ มนกิ สเกล และ เมโลดิก สเกล
ง. 2 รูปแบบหลัก คอื เมเจอร์ สเกล และ ฮารโ์ มนกิ สเกล
7
แบบทดสอบก่อนเรยี น
3. เครอื่ งหมายในข้อใดใช้บอกชื่อบันไดเสียง
ก. เคร่ืองหมายกาหนดจงั หวะ
ข. เคร่อื งหมายกุญแจประจาหลกั
ค. เครอ่ื งหมายแปลงเสยี ง
ง. เคร่ืองหมายเสน้ ก้นั หอ้ ง
4. จากภาพ เปน็ บนั ไดเสยี งประเภทได
ก. โครมาตกิ สเกล
ข. ไดอะโทนกิ เมเจอรส์ เกล
ค. ไดอะโทนกิ ไมเนอรส์ เกล
ง. ฮาร์โมนกิ สเกล
5. ขอ้ ใดเปน็ โน้ตเพลงในบนั ไดเสยี ง C major scale
ก.
ข.
ค.
ง.
8
เน้ือหาความรู้
บันไดเสยี ง (Scale)
บันไดเสียง หมายถึง กลุ่มของตวั โนต้ ท่มี ีระดับเสยี งทีต่ ่างกนั ทีเ่ รยี งกันเป็นลาดบั ขั้น
จาก เสยี งตา่ ไปหาเสยี งสูงซงึ่ เรียกวา่ ไล่เสยี งขาขึ้น (Ascending) จากเสียงสงู ลงมาเสียงตา่ ซ่ึง
เรยี กว่าไลเ่ สียง ขาลง (Descending) โดยไม่มีการข้ามขัน้ บันไดเสียงมหี ลายชนิดโดยแต่ละ
ชนิดมีระยะหา่ งของโนต้ ใน แตล่ ะขนั้ แตกต่างกนั ซงึ่ ข้ึนอยกู่ ับโครงสร้างของบนั ไดเสยี งนั้น ๆ
บันไดเสยี งทีเ่ ป็นหลกั ในตะวนั ตก มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่
1. บันไดเสยี งไดอาโทนิก (Diatonic Scale)
2. บนั ไดเสยี งโครมาตกิ (Chromatic Scale)
บันไดเสยี งไดอาโทนกิ (Diatonic Scale)
บนั ไดเสยี งไดอาโทนกิ (Diatonic Scale) ประกอบด้วยโนต้ 7 ตัวโดยโนต้ ในแตล่ ะตวั
จะเรียงตามลาดบั ตวั อกั ษรครบทง้ั เจ็ดตวั โน้ต เชน่ C D E F G A B แต่โนต้ ขั้นที่ 1 มกั ถกู ซ้าอกี
หนงึ่ เสียงในตอนท้ายเพ่ือใหค้ รบ 1 ชว่ งคูแ่ ปด บนั ไดเสียงไดอาโทนกิ ท่สี มบรู ณ์จึงประกอบไป
ด้วยโน้ต 8 ตวั คือ C D E F G A B C (ณชั ชา โสคตยิ านุรกั ษ์ 2542 : 51)
บันไดเสียงไดอาโทนกิ มี 2 ชนดิ คือ
1. บันไดเสยี งเมเจอร์ Diatonic Major Scale
2. บนั ไดเสยี งไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
2.1 บนั ไดเสียงเนเจอรไ์ มเนอร(์ Natural Minor Scale)
2.2 บันไดเสียงฮารโ์ มนกิ ไมเนอร(์ Harmonic Minor Scale)
2.3 บันไดเสียงเมโลดิกไมเนอร์ (Melodic Minor Scale)
9
เนื้อหาความรู้
บันไดเสยี ง (Scale)
1. บันไดเสยี งเมเจอร์ Diatonic Major Scale
ประกอบด้วยโนต้ 7 ตัว มีระยะหา่ งระหว่างโน้ตในแตล่ ะคเู่ ปน็ ขนั้ เตม็ เสยี ง และขัน้
ครึ่งเสียงดงั น้ี โน้ตขั้นที่ 1 – 2 มรี ะยะหา่ งเตม็ เสียง โน้ตขั้นท่ี 2 - 3 มรี ะยะห่างเตม็ เสยี ง โน้ต
ขน้ั ที่ 3 - 4 มรี ะยะหา่ ง คร่งึ เสียง โน้ตข้ันที่ 4 – 5 มรี ะยะห่างเต็มเสียง โนต้ ขนั้ ที่ 5 - 6 มี
ระยะหา่ งเต็มเสยี ง โน้ตขน้ั ท่ี 6 - 7 มรี ะยะห่างเตม็ เสียง และโน้ตขน้ั ที่ 7 – 8 มรี ะยะห่าง
ครึง่ เสยี ง
C Major Scale
จากภาพ พบว่าในบันไดเสียง C Major
1.มโี นต้ อยู่ 8 ข้ัน
2. โน้ตข้นั ท่ี 1- 2, 2 – 3, 4 – 5, 5 – 6, 6 – 7 มรี ะยะห่างเตม็ เสยี ง (2 Semitone)
3. โนต้ ขัน้ ท่ี 3 – 4 กับ 7 – 8 มรี ะยะห่างครงึ่ เสยี ง (1 Semitone)
4. โนต้ ข้นั ท่ี 1 กับ 8 เปน็ โน้ตตวั เดยี วกนั แตม่ ีระดบั เสยี งต่างกัน 1 ชว่ งคู่แปด
(Octave)
5. โครงสรา้ งบันไดเสียงเมเจอรส์ รุประยะห่างของโน้ตในแต่ละขนั้ ได้
ดงั นี้ 2 2 1 2 2 2 1
10
เนอ้ื หาความรู้
วิธีสรา้ งบันไดเสยี งเมเจอร์
แบง่ โนต้ ในบนั ไดเสียง C Major Scale ออกเปน็ 2 กลุ่ม โดยในแตล่ ะกล่มุ มตี ัวโนต้ 4
ตัว เรียกวา่ เททราคอร์ด (Tetrachord) จะได้ 2 เททราคอรด์ โดยระบุชือ่ กลุ่มตวั โน้ตที่หน่งึ ว่า
เททราคอรด์ ลา่ ง (Lower Tetrachord) หรอื T1 โดยเริม่ ตน้ ท่โี น้ตขนั้ ท่ี 1 – 4 และในกล่มุ ตวั
โน้ต 5 ทีส่ องวา่ เททราคอรด์ บน (Upper Tetrachord) หรือ T2 โดยเรม่ิ ตน้ ท่ีโนต้ ขนั้ ท่ี 5 – 8
ของบนั ไดเสยี งเสมอ
ในบนั ไดเสียงตอ่ ไป ย้ายเททราคอรด์ บนในบนั ไดเสียงเดมิ มาเปน็ เททราคอร์ดลา่ งในบนั ได
เสยี งใหม่และจัดโครงสร้างใหเ้ ปน็ รปู แบบ Major Scare โดยจาเป็นจะตอ้ งเคร่อื งหมายแปลง
เสยี งเพ่ือใหร้ ะดบั เสยี งแต่ละขน้ั เปน็ ไปตามโครงสร้าง ดงั ภาพ
11
เนื้อหาความรู้
วธิ ีสรา้ งบนั ไดเสียงเมเจอร์
การสรา้ งบันไดเสยี งทางชาร์ปให้ครบ 7 ชารป์ โดยวิธีเททราคอรด์ คอื ย้ายเททรา
คอร์ดบนของบนั ไดเสียง G เมเจอรม์ าเปน็ เททราคอรด์ ลา่ งของบันไดเสียง D เมเจอร์ ซ่ึงมี 2
ชาร์ป คือ F# กบั C# ใช้กระบวนการนี้จนได้บนั ไดเสยี ง C# เมเจอร์ซึ่งจะมีโน้ตติด
เครื่องหมาย ชารป์ 7 ตวั คอื F# C# G# D# A# E# B# ดงั ภาพ
12
เนอ้ื หาความรู้
วิธสี ร้างบันไดเสียงเมเจอร์
สาหรับ บันไดเสยี งเมเจอร์ทางแฟลต็ สามารถใช้วธิ กี ารย้ายเททราคอรด์ ได้
เชน่ เดียวกนั แต่ตรงกันขา้ มกนั คอื จะได้บันไดเสียงเมเจอร์ 7 แฟล็ต และลดไปจนไดบ้ นั ได
เสยี งเมเจอร์ 1 แฟลต็ โดยเร่ิมจากการใช้ บันไดเสียง B เมเจอร์ซงึ่ มี 5 ชาร์ปเปน็ หลัก แต่
จะตอ้ งคิดใหโ้ นต้ ทกุ ตวั ในบันไดเสยี ง B เมเจอรเ์ ปน็ โน้ตเอน็ ฮาร์โมนกิ (Enharmonic Note)
เชน่ ภาพที่ 1 บันไดเสยี ง B เมเจอร์ มโี น้ตดังน้ี คือ B C# D# E F# G# A# B คดิ เปน็ โนต้ เอน็
ฮารโ์ มนกิ ไดค้ อื Cb Db Eb Fb Gb Ab Bb Cb เม่ือได้โน้ตดงั นี้ เร่มิ สรา้ งบนั ไดเสยี ง Cb
เมเจอร์เป็นหลักในการคดิ หาบนั ไดเสียงเมเจอรท์ างแฟล็ต ทั้ง 7 แฟลต็ โดยการใช้วธิ ีย้าย
เททราคอรด์ บนมาเปน็ เททราคอรด์ ล่างเชน่ เดียวกับบันไดเสียงเมเจอร์ทางชาร์ป
การสรา้ งบันไดเสยี งทางแฟลต็ ด้วยวธิ ยี ้ายเททราคอร์ดบนของบันไดเสียง Cb เมเจอร์
มาเป็นเททราคอรด์ ลา่ งของบนั ไดเสียง Gb เมเจอร์ ตอ่ จากน้ันใหเ้ ติมโน้ตให้ครบ 8 ตัว
จากน้นั ตรวจสอบระยะขน้ั คเู่ ตม็ เสยี งและขนั้ คู่ครึง่ เสียงคือ เททราคอรด์ ลา่ งต้องมรี ะยะเต็ม
เสียง เต็มเสยี ง ครงึ่ เสียง ทาใหท้ ราบวา่ เททราคอร์ดล่างถกู ตอ้ งตามโครงสร้างบันไดเสยี ง
สาหรบั จดุ เชื่อมโน้ตข้นั ท่ี 4 – 5 ตอ้ งเปน็ ขน้ั คเู่ ตม็ เสียง โน้ตขัน้ ที่ 5 จึงตอ้ งเปน็ Db ระหว่าง
โน้ตขั้นที่ 5 – 6 ต้องเป็นข้ันคู่เตม็ เสียงเหมือนกัน โนต้ ขั้นท่ี 6 จงึ เปน็ Eb ระหวา่ งโนต้
ขนั้ ที่ 6 – 7 ตอ้ งเปน็ ขั้นคูเ่ ตม็ เสียง โนต้ ขัน้ ที่ 7 จงึ เปน็ F ซงึ่ ทาใหโ้ นต้ ข้ันที่ 7 – 8 ห่างกัน
คร่งึ เสยี งพอดตี ามโครงสร้างบนั ไดเสยี งเมเจอร์
13
เน้อื หาความรู้
วธิ สี รา้ งบันไดเสียงเมเจอร์
14
เนื้อหาความรู้
วิธสี รา้ งบันไดเสยี งเมเจอร์
จากภาพ พบว่า
1.บนั ไดเสยี งเมเจอร์มีโนต้ 8 ตวั โดยช่ือตัวโนต้ เรียงกนั ตามตวั อักษรไม่ซา้ ชอ่ื กัน
2. ระยะหา่ งโนต้ ขั้นท่ี 1 – 2 เตม็ เสยี ง โน้ตขน้ั ที่ 2 – 3 เต็มเสยี ง โนต้ ขั้นท่ี 3 – 4
ครึ่งเสียง จดุ เชอื่ มโน้ตข้ันที่ 4 – 5 เต็มเสยี ง โนต้ ข้ันที่ 5 – 6 เต็มเสียง โน้ตขัน้ ที่ 6 – 7
เตม็ เสยี ง และโนต้ ขนั้ ที่ 7 – 8 ครงึ่ เสียง
3. การสรา้ งบนั ไดเสยี งให้ครบ 7 ชารป์ 7 แฟล็ต ทาได้โดยวิธีการยา้ ยเททราคอร์ดบน
ของบนั ไดเสยี งหลกั มาเป็นเททราคอรด์ ลา่ ง และโน้ตแรกของบนั ไดเสียงจะเปน็ ชอื่ บันไดเสียง
4. โครงสรา้ งบันไดเสยี งเมเจอรส์ รปุ ระยะหา่ งของโน้ตในแต่ละขนั้ ดงั น้ี 2 2 1 2 2 2 1
15
เนือ้ หาความรู้
การบันทกึ โน้ต
การบันทึกโนต้ แต่ละบันไดเสียงจะเขียนเป็นรปู สญั ลักษณ์เครือ่ งหมายแปลงเสยี งใน
ห้องเพลง(Bar)แรกของบรรทดั 5 เสน้ ในแต่ละบรรทัดเท่านนั้
ตวั อยา่ งการบันทกึ โน้ตในบนั ไดเสยี ง
OOO
16
เนื้อหาความรู้
2. บนั ไดเสียงไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
เมื่อสรา้ งบันไดเสยี งเมเจอรไ์ ด้แล้ว เราจะสามารถนาบนั ไดเสยี งเมเจอร์ดังกล่าวมา
สรา้ งบนั ไดเสียงไมเนอรไ์ ด้ เพราะท้งั สองบันไดเสยี งมีความสัมพันธ์กนั คือเป็นเครอื ญาติกนั
(Relative) บนั ไดเสียงไมเนอร์มี 3 ชนดิ คือ
1. บนั ไดเสยี งเนเจอร์รัลไมเนอร์ (Natural Minor)
2. บันไดเสียงฮารโ์ มนกิ ไมเนอร์ (Harmonic Minor) และ
3. บันไดเสยี งเมโลดิกไมเนอร์ (Melodic Minor)
โดยมีโครงสร้างตา่ งกนั
วธิ กี ารสร้างบันไดเสียงเนเจอรร์ ลั ไมเนอร์ (Natural Minor)
สรา้ งบนั ไดเสียง C เมเจอร์ (C Major Scale) เป็นหลักขึ้นมาเพราะเปน็ บันไดเสยี งแรก โดย
เริม่ นบั จากโนต้ ตัว C ขน้ึ ไป 6 ตวั (คู่ 6 เมเจอร)์ หรือนบั จากโน้ตตัว C ลงมา 3 ตวั
(คู่ 3 ไมเนอร)์ ซึง่ จะไดโ้ น้ตตวั A ให้น าโนต้ ตัว A มาตั้งต้นเป็นบันไดเสียง A เนเจรลั ไมเนอร์
(A Natural Minor 11 Scale) แลว้ เติมโนต้ ใหค้ รบ 8 ตัวโดยโนต้ ข้นั ที่ 8 จะเป็นเสยี งเดียวกับ
โน้ตขนั้ ท่ี 1 ตามโครงสร้าง บันไดเสยี งเมเจอร์
17
เน้อื หาความรู้
บนั ไดเสียงไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
การสร้างบนั ไดเสยี งเนเจอรัลไมเนอร์ ทาไดโ้ ดย
1.จากบันไดเสยี ง C เมเจอรน์ ับขนึ้ ไป 6 ขนั้ หรอื นบั ลง 3 ขนั้ ได้โน้ตตวั A
2. นาโนต้ ตัว A มาเรมิ่ สรา้ งบันไดเสยี งเนเจอรัลไมเนอรแ์ ลว้ เติมตัวโนต้ ให้ครบ 8 ตวั
3. ตรวจสอบโครงสรา้ งเนเจอรลั ไมเนอร์ 2 1 2 2 1 2 2
บันไดเสียงเนเจอรลั ไมเนอร์มรี ะยะห่างตัวโน้ตแตล่ ะคู่เปน็ ขน้ั เตม็ เสียงและขน้ั คร่งึ เสยี ง
ดงั นี้ โน้ตขนั้ ท่ี 1 - 2 มีระยะห่างเต็มเสียง โนต้ ขน้ั ที่ 2 - 3 มรี ะยะหา่ งครึง่ เสียง โนต้ ขัน้ ท่ี 3 - 4
มี ระยะห่างเตม็ เสียง โนต้ ขนั้ ที่ 4 - 5 มีระยะหา่ งเต็มเสยี ง โนต้ ข้ันท่ี 5 - 6 มรี ะยะห่าง
ครงึ่ เสียง โนต้ ขนั้ ท่ี 6 - 7 มีระยะหา่ งเต็มเสยี ง และโน้ตขน้ั ที่ 7 - 8 มรี ะยะห่างเต็มเสยี ง
ดงั ภาพ
18
เนอ้ื หาความรู้
บันไดเสยี งไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
การสรา้ งบันไดเสียงฮารโ์ มนกิ ไมเนอร์ ทาไดโ้ ดย
บันไดเสยี งฮารโ์ มนกิ ไมเนอร์ (Harmonic Minor Scale) คอื บนั ไดเสียงไมเนอร์แบบ
เนจอรร์ ัลไมเนอรท์ ป่ี รับโน้ตขัน้ ที่ 7 สงู ขน้ึ คร่งึ เสียง (Semitone) มรี ะยะหา่ งระหวา่ งโน้ตแตล่ ะ
คูเ่ ป็นขนั้ เตม็ เสยี งคร่ึง (เทา่ กับ 3 ครึง่ เสียง) ขั้นเตม็ เสยี ง (เทา่ กับ 2 ครึง่ เสียง) ขนั้ ครงึ่ เสยี งดงั น้ี
โนต้ ข้ันท่ี 1 - 2 มรี ะยะห่างเตม็ เสียง โนต้ ข้ันที่ 2 - 3 มีระยะห่างครง่ึ เสียง โนต้ ขนั้ ที่ 3 - 4 มี
ระยะหา่ งเต็มเสยี ง โน้ตขั้นที่ 4 - 5 มรี ะยะห่างเตม็ เสยี ง โนต้ ขั้นท่ี 5 - 6 มรี ะยะหา่ งครึง่ เสยี ง
โนต้ ข้นั ที่ 6 - 7 มรี ะยะห่าง เตม็ เสียงครงึ่ และโน้ตข้ันท่ี 7 – 8 หา่ งคร่ึงเสยี ง ดงั ภาพ
19
เนือ้ หาความรู้
บนั ไดเสียงไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
การสร้างบนั ไดเสียงเมโลดิกไมเนอร์ ทาได้โดย
บนั ไดเสียงเมโลดิกไมเนอร์ (Melodic Minor Scale) คอื บันไดเสียงไมเนอร์แบบ
เนจอรลั ไมเนอรท์ ่ีปรบั โนต้ ขนั้ ท่ี 6 และ 7 สงู ขึน้ คร่งึ เสียง โดยมีระยะห่างระหว่างโนต้ แตล่ ะคู่
เป็นขน้ั เตม็ เสียง ข้ันครึง่ เสียงดังนโ้ี น้ตขนั้ ที่ 1 - 2 มรี ะยะห่างเต็มเสียง โนต้ ขน้ั ท่ี 2 - 3 มี
ระยะหา่ งครงึ่ เสยี ง โนต้ ข้ันที่ 3 - 4 มรี ะยะห่างเตม็ เสยี ง โน้ตข้นั ท่ี 4 - 5 มรี ะยะห่างเตม็ เสียง
โน้ตข้ันที่ 5 - 6 มรี ะยะห่างเตม็ เสียง โนต้ ขั้นท่ี 6 – 7 มรี ะยะห่างเต็มเสยี ง โน้ตขน้ั ที่ 7 – 8 มี
ระยะห่างคร่ึงเสียงเหมอื นในขาขึ้น สว่ นในขาลงเป็นบนั ไดเสยี งไมเนอร์แบบเนเจอรลั ไมเนอร์
ดงั ภาพ
20
เน้อื หาความรู้
บนั ไดเสยี งไมเนอร์ Diatonic Minor Scale
จากภาพพบว่า
1.บันไดเสยี งเมโลดิกไมเนอร์มาจากการปรบั โนต้ ขน้ั ที่ 6 และ 7 ของบนั ไดเสยี ง เน
เจอรลั ไมเนอรส์ งู ขึน้ ครงึ่ เสยี ง
2. โครงสร้างบนั ไดเสียงเมโลดิกไมเนอร์คอื โน้ตในแตล่ ะขนั้ มรี ะยะหา่ งเปน็ ขนั้ คู่ เตม็
เสยี ง (เทา่ กับ 2 คร่งึ เสียง) และขัน้ ครง่ึ เสยี งดังน้ี โน้ตขนั้ ท่ี 1 - 2 มีระยะห่างเตม็ เสยี ง โน้ตขั้น
ที่ 2 – 3 มรี ะยะหา่ งครึง่ เสียง โนต้ ขน้ั ท่ี 3 - 4 มีระยะห่างเตม็ เสยี ง โน้ตขั้นท่ี 4 - 5 มี
ระยะห่างเตม็ เสียง โน้ตขัน้ ท่ี 5 - 6 มรี ะยะห่างเต็มเสียง โนต้ ขัน้ ที่ 6 – 7 มีระยะหา่ งครง่ึ เสยี ง
และโน้ตขนั้ ท่ี 7 – 8 มรี ะยะหา่ งครึง่ เสียง
3. โครงสร้างบนั ไดเสียง เมโลดิกไมเนอรส์ รปุ ระยะหา่ งของโนต้ ในแต่ละขนั้
ไดด้ งั นี้ 2 1 2 2 2 2 1
บนั ไดเสียงเนเจอรลั ไมเนอรส์ บู่ ันไดเสียงเมโลดิกไมเนอร
21
เน้ือหาความรู้
บนั ไดเสยี งโครมาติก (Chromatic Scale)
บันไดเสียงโครมาตกิ (Chromatic Scale) มกี ารปรับใช้กับงานดนตรีในช่วง 3
ศตวรรษหลงั จาก ค.ศ.1600 มผี ู้สร้างสรรค์ ผลงานทางดนตรีได้นาบนั ไดเสียงโครมาตกิ มาใช้
ในบางตอนของบทเพลงเพอื่ เพมิ่ สสี ันของบทเพลงให้ มคี วามละเอียดนา่ ฟังยง่ิ ขนึ้ โดยไมม่ ี
ผลกระทบกบั บันไดเสยี งหลัก ในช่วงหลงั ศตวรรษท่ี 19 จนถงึ ศตวรรษที่ 20 ไดร้ ับความสนใจ
ไดม้ ีการนาเอาบนั ไดเสียงโครมาตกิ มาใช้สร้างสรรคง์ านเพลงเชิงศิลป์ทเ่ี รยี กขานกันวา่
“ดนตรีนามธรรม” (Atonal Music) ซึ่งเปน็ งานดนตรที ไ่ี มม่ ีขอบเขตแหง่ ความรู้สกึ คือไม่มี
เสียงของตวั โน้ตใดในบทเพลงทสี่ ะทอ้ นแสดง “พลังแห่งศนู ยเ์ สียง” (Tonic) ออกมาอยา่ ง
ชดั เจน
บันไดเสียงโครมาตกิ เป็นบนั ไดเสยี งทีป่ ระกอบดว้ ยโนต้ 12 ตัว แตม่ ักเขียนให้ครบ 13
ตัว เพือ่ ความสมบูรณ์โดยมีการซา้ ช่อื ตัวโน้ตในการไลเ่ สยี งขาขน้ึ (Ascending) จะใช้
เครือ่ งหมาย แปลงเสยี งชาร์ป (#) และไลเ่ สยี งขาลง (Descending) จะใชเ้ คร่อื งหมายแปลง
เสยี งแฟล็ต (b) โดยมโี น้ตตวั แรกเป็นชือ่ บันไดเสยี ง
บนั ไดเสยี ง C Chromatic (ขาขนึ้ )
22
เนือ้ หาความรู้
บันไดเสยี งโครมาตกิ (Chromatic Scale)
บนั ไดเสยี ง C Chromatic (ขาลง)
23
เกมการละเล่นเสริมความรู้
คาอธิบาย
เกม การละเล่น เป็นกิจกรรมท่ีสามารถส่งเสริมความรู้
และความสนกุ สนานทาให้เพลดิ เพลินกับการเรียน
เกมการละเล่นน้ถี กู ดดั แปลงมาจากการละเล่นไทย
โดยประยกุ ตใิ์ หเ้ ข้ากบั เนือ้ หาทเ่ี รยี นและสรา้ ง
อุปกรณ์การเล่นอยา่ งงา่ ยและสนุกสนาน
ข้ันตอนการเลน่
1. แบ่งกลมุ่ ผเู้ ล่นตามกตกิ าการละเล่นน้ัน
2. ชว่ ยกนั ศึกษากตกิ าของเกมและกาหนดบทบาทของผ้เู ล่น
3. ช่วยกันสร้างและจัดหาอปุ กรณ์ วาดตาราง ตามทก่ี ติกา
กาหนด
4. เล่นอย่างสนกุ สนานและเคารพกตกิ า
5. ช่วยกันสรุปความรูแ้ ละทกั ษะท่ีได้รับ
24
การละเลน่ ท่ี 8
ไต่สเกล
วตั ถุประสงค์ของการละเล่นนี้
1. เพื่อใหท้ ราบถงึ โครงสรา้ งของบนั ไดเสยี งแตล่ ะประเภท
2. เพ่อื ให้ผูเ้ ลน่ ไดป้ ฏบิ ตั กิ ารสรา้ งบันไดเสยี งในประเภทตา่ งๆได้
อย่างถกู ต้อง
3. เพ่ือสรา้ งบรรยากาศให้เกดิ ความสนกุ สนานในการเรยี น
4. เพ่อื สรา้ งความสมั พันธ์อนั ดกี บั ผู้เรียนดว้ ยกัน
จานวนผูเ้ ลน่ แบ่งเปน็ 2 ทีมทีมละ 4 คน
เวลาที่ใช้ ประมาณ 15 นาที
สถานที่ ทโี่ ล่งกวา้ ง/หอ้ งดนตรี
อุปกรณ์การเล่น
1. ชอล์กสาหรับขีดตาราง
2. แผน่ การ์ดระดับเสียง 1 ชดุ (หรือถา้ ไมม่ ีใชช้ อล์กคนละ 1
แท่งเพื่อเขยี นลงบนพน้ื )
การละเลน่ ท่ี8 25
ไต่สเกล
วิธีการเล่น/กตกิ า
1. ผ้เู ลน่ แบ่งทีมออกเปน็ 2 ทมี ทมี ละ4คน แล้วร่วมกันขดี ตารางโดย
ตกลงกนั ว่าจะเล่นในบันไดเสียงใด โดยรูปแบบตารางบันไดเสยี งมดี งั น้ี
1.1 ตารางบนั ไดเสียงเมเจอร์
1.2 ตารางบนั ไดเสียงเนเจอรัลไมเนอร์
1.3 ตารางบนั ไดเสียงฮาร์โมนคิ ไมเนอร์
1.4 ตารางบนั ไดเสียงเมโลดิกไมเนอร์
โดยสามารถเลือกตารางไดต้ ามชอบหรืออาจเลือกได้มากกว่า 1 ตาราง
ดังภาพ
2. คดั เลอื กวา่ ในทมี นน้ั จะเป็นผู้เล่นลาดบั ท่เี ท่าใด
3. ผเู้ ล่นทง้ั สองทมี ยืนท่ีจุดเริม่ ตน้ และเริม่ เปา่ ยงิ ฉุบ หรือโยนลกู เตา๋
เส่ยี งทายกไ็ ด้ หากใครชนะจะเปน็ ผเู้ ดนิ กอ่ น
4. เมื่อผูเ้ ล่นเดนิ มาถงึ ช่องแล้วทิง้ การด์ ใบแรกไว้โดยจะเลอื กทง้ิ การด์ ตัว
ใดก็ได้
การละเล่นท่ี 8 26
ไต่สเกล
วิธกี ารเล่น/กติกา
5. ทาการเป่ายงิ ฉบุ หรือทอดเต๋ากนั ตอ่ ฝา่ ยใดชนะกเ็ ดินตอ่ ไปโดยท้งิ
การ์ดต่อจากตารางชอ่ งท่ผี ่านมาตามโครงสร้างบนั ไดเสียงที่กาหนด
6.หากทง้ิ การ์ดผดิ หรือเขียนชื่อการ์ดผิด ใหห้ ยุดเดิน 1 ตา
แลว้ ให้ตาเดินกบั อกี ทีม หากผิดทัง้ คูถ่ ือว่าไมม่ ีใครไดเ้ ดิน
7. เมื่อคนแรกเข้าเส้นชยั ให้เกบ็ การ์ดในตานน้ั ข้นึ ส่วนคนแพ้ในตานั้น
ตอ้ งกลับไปตอ่ ทา้ ย
8. การเล่นจะจบลงเมอื่ สมาชกิ ทีมใดทีมหนึ่งเขา้ เส้นชยั ครบทุกคน
27
ตารางเกบ็ คะแนน
รอบท่ี ช่อื ผชู้ นะ
1
2
3
4
5
รวม
28
ประมวลผล-สรปุ ความรู้และทักษะ
ให้นกั เรียนตอบคาถามดังต่อไปนี้
ขอ้ 1 โครงสร้างของบนั ไดเสียงมกี ร่ี ปู แบบอะไรบา้ ง
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ข้อ 2 เกมการละเล่น “ไต่สเกล”นี้ทาให้นกั เรียนทราบในทฤษฎโ๊ นต้
เรื่องใดบ้าง
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
29
ประมวลผล-สรปุ ความร้แู ละทักษะ
ขอ้ 3 เมอื่ นกั เรียนไดเ้ ล่นเกมการละเล่น “ไต่สเกล”แลว้ นกั เรียน
สามารถนาความรูไ้ ปพฒั นาทกั ษะทางดนตรไี ด้อย่างไร
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ใหน้ กั เรียนลองประเมนิ ความรูโ้ ดยวาดเส้นแผนภมู ิการพัฒนา
ความรูค้ วามเข้าใจในเนื้อหาน้ี
แผนภมู กิ ารพัฒนาความรูค้ วามเข้าใจขอ้ งผเู้ รยี น
100%
90%
80%
70%
60%
50%
40%
30%
20%
10%
0%
กอ่ นเรยี น ระหวา่ งเรยี น หลงั เรยี น
30
การละเลน่ ท่ี 9
การ์ดบนั ไดเสยี ง
วัตถุประสงค์ของการละเลน่ นี้
1. เพ่อื ใหผ้ ู้เลน่ สามารถสรา้ งบนั ไดเสยี งประเภทไดอะโทนคิ
เมเจอรส์ เกลทั้งทางชาร์ปและทางแฟลท็ อย่าง๔กต้อง
2. เพอ่ื ให้ผูเ้ ล่นไดเ้ กิดองคค์ วามรู้เกยี่ วกบั บนั ไดเสยี งเมเจอร์
3. เพือ่ สร้างบรรยากาศใหเ้ กิดความสนุกสนานในการเรียน
4. เพ่อื สร้างความสัมพนั ธ์อันดีกบั ผู้เรียนดว้ ยกัน
จานวนผเู้ ลน่ 2 คน
เวลาที่ใช้ ประมาณ 10 นาที
สถานที่ หอ้ งเรยี น/หอ้ งดนตรี
อปุ กรณ์การเล่น
1. ตารางชอ่ งเมเจอร์สเกล
2. แผ่นการ์ดระดบั เสยี ง 1 ชดุ จานวน 32 ใบ
การละเลน่ ท่ี 9 31
การ์ดบนั ไดเสยี ง
วิธกี ารเลน่ /กติกา
1. ผ้เู ลน่ ทัง้ สองคนช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณโ์ ดยการวางแผน่ ตาราง
บันไดเสยี งเมเจอรส์ เกล
2. ประเภทของการ์ดมีดังนี้
2.1 การด์ ระดบั เสยี ง จะมีระดบั เสียงตามบันไดเสยี ง โครมาตดิ
จานวน 3 ชดุ = 39 ใบ
2.2 การ์ดจอง = 12 ใบ
จะใชส้ าหรบั จองกันไวใ้ นตานัน้ เพ่ือไม่ใหค้ ู่แขง่ ลงการ์ดได้แต่ถา้ จบตานั้น
แล้วตาต่อไปไม่สามารถลงแทนการ์ดจองได้ให้เอาการ์ดจองนัน้ ออก
2.3 การ์ดโจ๊กเกอร์ = 4 ใบ ใชแ้ ทนระดับเสยี งใดและจะลงชอ่ งใดกไ็ ด้
แตต่ อ้ งบอกช่ือระดับเสยี งน้ันใหถ้ กู ต้องตามตาแหนง่ ขณะทล่ี งหากบอกผิด
ให้หยิบออกไปไว้กองท่จี ว่ั แล้ว
การละเล่นท่ี 9 32
การ์ดบนั ไดเสียง
วิธกี ารเล่น/กติกา
ตวั อย่างการด์ แต่ละประเภท
3. สับการ์ดและคนแรกจ่ัวการ์ดใบแรกให้เป็นโนต้ แรกในบนั ไดเสยี ง
เมเจอร์ วางไวท้ ีต่ ารางชอ่ งแรก
4. คนท่ีเลน่ คนแรกจะลงการ์ด 1 ใบทม่ี คี วามเกย่ี วข้องกับบนั ไดเสียงน้ัน
(โน้ตในบนั ไดเสยี งเดียวกัน) จะลงช่องใดก็ได้หรอื ถา้ ได้ไพโ่ จ๊กเกอร์จะลง
แทนเสยี งนน้ั กไ็ ด้
การละเล่นท่ี 9 33
การ์ดบนั ไดเสยี ง
วิธีการเล่น/กติกา
5. แตถ่ ้าหาตัวลงไม่ได้กใ็ ห้จ่วั ในกอง หากดูแล้วยงั ไมม่ ีตัวลงอีกให้
จบตานน้ั คอื ผา่ นตานนั้ ไป ส่วนการด์ ท่ีจัว่ จะเก็บไว้กไ็ ด้แตต่ ้องทง้ิ การด์ บน
มือมาแทนหรือถา้ ไม่เอาการ์ดน้ันก็ให้ทิง้ ลงไป
6. คนตอ่ มาลงการด์ ในตาแหนง่ ใดก็ได้ เล่นวนไป หากทิ้งการ์ดผิด
ตาแหนง่ ตอ้ งเกบ็ ไพ่แลว้ ทงิ้ ออกแล้วเสยี 1 ตาเดนิ
7.หากจะนาการด์ ลงช่องตารางแบบหลายใบ การ์ดนนั้ จะตอ้ งเรียงตอ่
กนั จงึ จะทาได้ ดงั ภาพ
8. หากได้การด์ จอง สามารถลงตาแหน่งใดกไ็ ด้เพื่อกนั คู่ตอ่ สู้เกมใน
ตานั้นแต่ถ้าตาตอ่ ไปจ่ัวการ์ดแลว้ ยังไมม่ ตี วั ลงในตาแหนง่ น้นั การ์ดจองก็
จะถูกยกเลกิ แลว้ ใหค้ ่แู ขง่ ขันลงเปน็ ตาตอ่ ไป การลงการด์ จองตอ้ งลงใบ
เดยี วจะลงพร้อมกับการ์ดอ่นื ไมไ่ ด้
9. การเกม คือผ้ทู ลี่ งการ์ดเป็นคนสดุ ท้ายแลว้ ครบตามโครงสร้าง
บันไดเสยี งอย่างถูกตอ้ งกจ็ ะไดค้ ะแนนตามหมายเลขท่ีกากับในตัวการ์ด
ทงั้ หมด ฉะนัน้ แมจ้ ะลงการ์ดมาก หลายตาแหนง่ แตห่ ากคู่แข่งลงไพ่ใบ
สุดทา้ ยกต็ ้องแพ้ ดงั นน้ั จงั หวะการลงการ์ดจึงเป็นส่ิงสาคัญ
34
ตารางเก็บคะแนน
รอบท่ี ชอ่ื ผ้ชู นะ คะแนน
1
2
3
4
5
รวม
35
ประมวลผล-สรุปความรูแ้ ละทกั ษะ
ใหน้ กั เรียนตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ 4. วิธกี ารสรา้ งบนั ไดเสยี งเมเจอร์ ทางแฟลท็ และทางชารป์ มี
วธิ กี ารสร้างอย่างไร
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ขอ้ 5. เกมการละเลน่ “การด์ ระดับเสียง”นีท้ าใหน้ กั เรียนทราบใน
ทฤษฎีโน้ตเร่ืองใดบ้าง
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
36
ประมวลผล-สรปุ ความรู้และทกั ษะ
ข้อ3 เมอ่ื นกั เรยี นไดเ้ ล่นเกมการละเล่น “การ์ดระดับเสยี ง”แลว้
นักเรียนสามารถนาความร้ไู ปพัฒนาทักษะทางดนตรีไดอ้ ยา่ งไร
ตอบ................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ใหน้ ักเรยี นลองประเมินความรู้โดยวาดเส้นแผนภมู กิ ารพัฒนา
ความร้คู วามเขา้ ใจในเนอื้ หานี้
แผนภูมิการพฒั นาความรู้ความเข้าใจขอ้ งผูเ้ รยี น
100%
90%
80%
70%
60%
50%
40%
30%
20%
10%
0%
กอ่ นเรยี น ระหวา่ งเรยี น หลงั เรยี น
37
แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยที่ 7
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนทาเครอ่ื งหมาย X ในขอ้ ท่ีนกั เรยี นเห็นวา่ ถกู ตอ้ งท่ีสดุ
1. รปู แบบของบันไดเสียงตามประเภทสามารถแบ่งได้ก่ีรูปแบบหลกั อะไรบา้ ง
ก.2 รปู แบบหลกั คอื เมเจอรส์ เกล และ ไมเนอร์ สเกล
ข. 2 รูปแบบหลักคือ ฮารโ์ มนกิ สเกล และ เมโลดิก สเกล
ค. 2 รปู แบบหลกั คอื เมเจอร์ สเกล และ ฮาร์โมนกิ สเกล
ง. 2 รูปแบบหลัก คือ ไดอะโทนกิ สเกล และ โครมาตกิ สเกล
2. ข้อใดไมเ่ กีย่ วข้องกบั “บันไดเสียง” ของโน้ตดนตรสี ากล
ก. ความช้า-เร็ว
ข. โครมาติก สเกล
ค. เมเจอร์ สเกล
ง. ไดอะโทนกิ สเกล
38
แบบทดสอบหลงั เรียน
3. เคร่อื งหมายในข้อใดใช้บอกชอ่ื บนั ไดเสยี ง
ก. เครือ่ งหมายกาหนดจังหวะ
ข. เคร่อื งหมายกุญแจประจาหลกั
ค. เคร่อื งหมายเส้นกั้นหอ้ ง
ง. เครอ่ื งหมายแปลงเสียง
4. จากภาพ เปน็ บนั ไดเสยี งประเภทได
ก. โครมาติก สเกล
ข. ไดอะโทนกิ ไมเนอรส์ เกล
ค. ฮารโ์ มนกิ สเกล
ง. ไดอะโทนกิ เมเจอรส์ เกล
5. ขอ้ ใดเปน็ โน้ตเพลงในบันไดเสยี ง A major scale
ก.
ข.
ค.
ง.
39
ภาคผนวก
40
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยที่ 7
เฉลยขอ้ ท่ี 1 ง. ความชา้ -เรว็
เฉลยข้อที่ 2 ก 2 รปู แบบหลัก คือ ไดอะโทนิก สเกล และ โครมาตกิ สเกล
เฉลยข้อท่ี 3 ค. เครือ่ งหมายแปลงเสยี ง
เฉลยขอ้ ท่ี 4 ข. ไดอะโทนกิ เมเจอรส์ เกล
เฉลยขอ้ ที่ 5 ข.
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 7
เฉลยข้อท่ี 1 ง. 2 รปู แบบหลัก คอื ไดอะโทนิก สเกล และ โครมาตกิ สเกล
เฉลยขอ้ ท่ี 2 ก. ความชา้ -เรว็
เฉลยข้อที่ 3 ง. เคร่ืองหมายแปลงเสียง
เฉลยขอ้ ที่ 4 ง. ไดอะโทนกิ เมเจอรส์ เกล
เฉลยข้อที่ 5 ค.
41
แนวการตอบคาถามประมวลผล-สรุปความรู้และทกั ษะ
หน่วยท่ี 7
ใหน้ ักเรียนตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้
ข้อ1 โครงสรา้ งของบันไดเสยี งมีกี่รปู แบบอะไรบ้าง
ตอบ มี 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่
1. บนั ไดเสียงไดอาโทนิก (Diatonic Scale)
2. บันไดเสยี ..ง..โ.ค...ร..ม...า..ต...กิ....(..C..h..r.o..m...a..t..i.c...S...c..a..l.e..)...............................
ข้อ 2 เกมการละเล่น “ไต่สเกล”นี้ทาให้นกั เรยี นทราบในทฤษฎโี นต้
เร่อื งใดบา้ ง
ตอบ การใช้บนั ไดเสยี งรปู แบบตา่ งๆไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
........................................................................
42
แนวการตอบคาถามประมวลผล-สรุปความรู้และทักษะ
หนว่ ยท่ี 7
ขอ้ 3 เม่ือนักเรยี นไดเ้ ลน่ เกมการละเล่น “ไต่สเกล”แลว้ นกั เรียน
สามารถนาความรไู้ ปพฒั นาทกั ษะทางดนตรไี ดอ้ ยา่ งไร
ตอบ ทาใหเ้ กิดทกั ษะในการใช้บนั ไดเสียงประเภทตา่ งๆ
....................................................
...................................................................................
ตัวอย่างการบันทึกแผนภูมิ
แผนภูมิการพัฒนาความรู้ความเข้าใจข้องผู้เรียน
100%
90%
80%
70%
60%
50%
40%
30%
20%
10%
0%
กอ่ นเรยี น ระหวา่ งเรยี น หลงั เรยี น
43
แนวการตอบคาถามประมวลผล-สรุปความรูแ้ ละทักษะ
หน่วยท่ี 7
ให้นักเรยี นตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี
ขอ้ 4 วธิ ีการสร้างบนั ไดเสียงเมเจอร์ ทางแฟล็ทและทางชารป์ มี
วิธกี ารสรา้ งอยา่ งไร
ตอบ ยดึ บันไดเสยี ง C major เป็นหลกั ถา้ เป้นทางแฟลท็ ให้
ต้ังตัวที่ 4 ในบนั ไดเสียงตอ่ ไป ถา้ เปน็ ชารป์ ใหต้ ัง้ ตวั ท่ี 5 แล้วจดั
โนต้ ตามโครงสรา้ ง
ข้อ 5 เกมการละเลน่ “การ์ดระดับเสียง”นท้ี าใหน้ ักเรียนทราบใน
ทฤษฎโี น้ตเรอ่ื งใดบา้ ง
ตอบ ใชท้ าห้าบถึงบนั ไดเสยี งในประเภท เมเจอรท์ ้ังทาง
ชารป์ และทางแฟล็ท
ขอ้ 6. เม่อื นกั เรียนได้เล่นเกมการละเล่น “การด์ ระดบั เสยี ง”แลว้
นกั เรยี นสามารถนาความรู้ไปพัฒนาทักษะทางดนตรไี ด้อย่างไร
ตอบ สามารถนาไปใชศ้ กึ ษาเพิ่มเติมในเร่ืองบันไดเสียงและ
คอรด์ ดนตรไี ด้
44
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ:
โรงพมิ พ์องคก์ ารรับสง่ สินค้าและพสั ดุภณั ฑ,์ 2553.
เจนดุริยางค,์ พระ. (2551). การดนตรแี ละการขบั รอ้ ง.กรงุ เทพฯ:โรงพิมพก์ รมแผนทท่ี หาร,2551
. แบบเรียนวชิ าการประสานเสยี งฉบับทลู เกล้าทลู กระหม่อมถวาย,พมิ พ์ครง้ั ท่ี 6,
กรงุ เทพฯ:โรงพมิ พก์ รมแผนทท่ี หาร,2542.
. . แบบเรียนวิชาการประสานเสียงฉบับทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย(ตอนจบ),พิมพค์ รั้งท่ี 6,
กรงุ เทพฯ:โรงพมิ พก์ รมแผนท่ีทหาร,2542.
ชัยวัฒน์ เหล่าสืบสกุลไทย.เพลงเพอ่ื การสอนและการจดั กจิ กรรมนันทนาการ.พิมพค์ รง้ั ท3ี่ .กรุงเทพฯ:
โรงพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ,2549
นพพร ด่านสกลุ .ปฐมบททฤษฎดี นตรี.กรงุ เทพฯ:โอเดย้ี นสโตร,์ 2543
บรรจง ชลวิโรจน์.การประสานสียง.พมิ พค์ รั้งท่ี 1.กรุงเทพฯ:สานกั พมิ พเ์ สมาธรรม,2543
บนั เทิง ชลช่วยชีพ.กาญจนา คชแสงและวารี ขาวสะอาด.คมู่ ือทฤษฎีและปฏบิ ัติการดนตรีสากล.
กรงุ เทพฯ:จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ,2540
ส.สรุ รตั น์.ค่มู อื สอบภาคปฏิบตั ิดนตรสี ากล.พิมพ์คร้ังท่ี 2.กรงุ เทพฯ:สานักพมิ พโ์ อเด้ียนสโตร,์ 2529
สมนกึ อนุ่ แก้ว.ทฤษฎีดนตรแี นวปฏิบตั ิ.พิมพ์ครั้งท่ี 5.กรุงเทพฯ:สามคั คีสาร,2539
สชุ าติ ทวีพรปฐมกลุ .เทคนิคและทักษะเกมมลู ฐาน.พมิ พค์ รัง้ ท4่ี .กรุงเทพฯ:โรงพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั ,2551
สภุ ารตั น์ วรทอง.ร้องราทาเกม.พมิ พ์ครั้งท2ี่ .กรุงเทพฯ:บรษิ ัทคอมแพททป์ ริ๊นซ์ จากดั ,2542
สุดใจ ทศพร และคณะ.ศลิ ปะดนตรีม.4-ม.6.กรงุ เทพฯ:อักษรเจริญทัศน์,2553
วิชัย โพธทิ องคา.คมู่ อื ดนตรีคอร์ดโครงสรา้ งและแบบฝกึ หดั .พิมพ์คร้ังท่ี 1.กรงุ เทพฯ:
สานักพิมพ์โอเดยี้ นสโตร,์ 2530
Josep M.Allue.250เกมแสนสนุกรอบโลก.พมิ พ์คร้งั ท1ี่ .นุชนาฏ เนตรประเสรฐิ ศรี แปล.กรุงเทพฯ:
สานกั พมิ พน์ านมีบุ๊คส์พบั ลิเคชน่ั ส์,2550