โคลงกำสรวลชวนศึกษา
จัดทำโดย
1. นายศุภกร ราชิวงศ์ เลขที่ ๗
2. นายอาชวิน พรสุวรรณ เลขที่ ๙
3.นางสาวธนัชชา เสาเวียง เลขที่ ๒๑
4. นางสาวปรวีย์ อิ่มโค่น เลขที่ ๒๒
5.นางสาวพิมพกานต์ ประชุมรักษ์ เลขที่ ๒๔
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔/๗
เสนอ
คุณครูกรรณิการ์ พลพวก
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่ง
ของ รายวิชาภาษาไทย ท๓๑๑๐๒
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
จังหวัดอุบลราชธานี
ก
หัวข้อโครงงาน การจัดทำหนังสือส่งเสริมการอ่าน
เรื่องโคลงกำสรวลชวนศึกษา
ผู้จัดทำ ๑. นายศุภกร ราชิวงศ์ ห้อง ม.๔/๗ เลขที่ ๗
๒. นายอาชวิน พรสุวรรณ ห้อง ม.๔/๗ เลขที่๙
๓. นางสาวธนัชชา เสาเวียง ห้อง ม.๔/๗ เลขที่ ๒๑
๔. นางสาวปรวีย์ อิ่มโค่น ห้อง ม.๔/๗ เลขที่ ๒๒
๕.นางสาวพิมพกานต์ ประชุมรักษ์ ห้อง ม.๔/๗ เลขที่ ๒๔
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
ครูที่ปรึกษาโครงงาน นางกรรณิการ์ พลพวก
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
บทคัดย่อ
โครงงานเรื่องโครงกำสรวลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๗
ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จัดทำขึ้นเพื่อให้ได้ความรู้เกี่ยว
กับวัฒนธรรม สภาพสังคม และเหตุการณ์บ้านเมือง ควบคู่กันไปกับ
วิวัฒนาการของวรรณคดีในสมัยอยุธยาตอนต้น อีกทั้งช่วยเพิ่มความเข้าใจและ
ความซาบซึ้งในคุณค่าของวรรณคดี
วิธีทีใช้ในการศึกษาค้นคว้าคือ การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต และ
เว็บไซต์ต่างๆของหนังสือโคลงกำสรวล และหนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง
โคลงกำสรวลชวนศึกษาที่ได้จัดทำขึ้น
ผลการศึกษาและจัดทำโครงงานพบว่าหนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง
โคลงกำสรวลชวนศึกษาเป็นวรรณคดีไทยในยุคกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ลักษณะ
คำประพันธ์เป็นโคลงดั้นบาทกุญชร บทแรกเป็นร่ายดั้น มีร่าย ๑ บท โคลงดั้น
๑๒๙ บท แต่งในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นวรรณกรรมที่แต่งเพื่อ
แสดงความอาลัยหญิงที่ตนรัก แสดงให้เห็นถึงความวิจิตตระการของปราสาท
ราชวัง และวัดวาอารามของกรุงศรีอยุธยา ความเป็นอยู่ของประชาชนในด้าน
การแต่งกาย การเล่นรื่นเริง เละสภาพภูมิศาสตร์เส้นทางการเดินทางของกวี
ทำให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในวิชาที่เรียนได้ เช่น วิชาภาษาไทย และสา
มาถใช้เป็นแนวทางการศึกษาค้นคว้าด้านภาษาและผลการประเมินความพึง
พอใจของผู้อ่าน ๒๕ คน พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับสูงมากในทุกด้านๆ
ซึ่งตรงกับจุดมุ่งหมายของการจัดทำโครงงานในครั้งนี้
ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานภาษาไทย เรื่องการจัดทำหนังสือส่งเสริมการอ่าน
ได้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลือเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก
คุณครูกรรณิการ์ พลพวก ผู้เป็นที่ปรึกษาโครงงานที่ได้ให้คำเสนอแนะแนว
คิดต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ คณะผู้จัดโครงงานได้
ตระหนักถึงความตั้งใจและความทุ่มเทของคุณครูอย่างแท้จริงและ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้
ขอขอบพระคุณนักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๔/๗ ทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานจนทำให้โครงงานนี้สำเร็จลุล่วง
ไปได้ด้วยดี ขอขอบพระคุณคณะผู้จัดทำทุกท่านที่ได้ให้ความร่วมมือและ
ชี้แนะ พร้อมทั้งเสนอแนวคิดในการทำงานร่วมกันจนทำให้โครงงานนี้สำเร็จ
ลุล่วง
สุดท้ายนี้คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ
การศึกษาของผู้ที่สนใจหากผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขออภัยไว้ ณ ที่
นี้
คณะผู้จัดทำ
ค
สารบัญ หน้า
ก
บทคัดย่อ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบัญ ๑
บทที่ ๑ บทนำ
-ที่มาและความสำคัญ
-วัตถุประสงค์ ๒
-ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า ๑๑
บทที่๒ การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑๓
บทที่๓ การดำเนินการโครงงาน ๑๖
บทที่๔ ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา ๑๗
บทที่๕ สรุปผลการศึกษา ๑๘
บรรณนุกรม
ภาคผนวก
๑
บทที่ ๑
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
การศึกษาวิชาภาษาไทยมีประโยชน์ช่วยพัฒนาทักษะสื่อสารในชีวิตประจำ
ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตประจำวัน การศึกษา รวมถึงการ
ทำงานหลักสูตรสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรมกำหนด
มาตรฐาน เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงรวมถึงอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง
กลุ่มข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ศึกษาค้นคว้าเรื่อง โคลงกำสรวลซึ่งได้
พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่าควรนำเสนอในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(e – book) เพราะสามารถอ่านได้ทุกที่ ทุกเวลาสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
สร้างสรรค์หนังสือที่มีสีสัน ภาพ เสียงที่น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อหน่ายได้ และยังมี
ประโยชน์ ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการอ่านวรรณคดี ได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งได้ฝึกการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม รู้จักการประสานงานร่วมกันที่ดี
ฝึกทักษะการใช้ภาษา หรือการใช้คำในการแต่งเรื่อง รวมถึงฝึกทักษะการ
เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการได้เป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์
1.จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book) ประกอบการเรียน
เรื่อง วรรณคดีสมัยสุโขทัย
2.เชิญชวนผู้สนใจอ่าน อย่างน้อย ๒๐ คน
3.ผู้อ่านมีความพึงพอใจต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book)
ที่จัดทำขึ้น อยู่ในระดับดี – ดีมาก
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1.เนื้อหาของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book) เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวรรณคดี
สมัยสุโขทัย เรื่องโคลงกำสรวล
2.ระยะเวลาจัดทำ ตั้งแต่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ - ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕
เชิญชวนผู้สนใจอ่านและสรุปรายงานผลการจัดทำโครงงาน
พฤศจิกายน - ธันวาคม ๒๕๖๕
นำเสนอโครงงานภาษาไทยในชั้นเรียน ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
๒
บทที่ ๒
การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
การจัดทำหนังสือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book)
ชื่อหนังสือ :โคลงกำสรวลชวนศึกษา
ในการดำเนินการจัดทำ กลุ่มข้าพเจ้าได้ศึกษาหาความรู้ ดังนี้
1.ศึกษาวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น เรื่องโคลงกำสรวล
2.ศึกษาเรื่อง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book)
3.ศึกษาเรื่อง โปรแกรมที่ใช้จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book)
โปรแกรมAnyflip
ผู้แต่ง : เคยเชื่อกันมาแต่เดิมว่าศรีปราชญ์ผู้แต่งโคลงกำสรวลถูกเนรเทศ
ไปนครศรีธรรมราช ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และหญิงที่ศรีปราชญ์
คร่ำครวญอาลัย คือ พระสนมศรีจุฬาลักษณ์ แต่มีผู้ออกความเห็นค้านความเชื่อ
ดังกล่าวว่าเรื่องโคลงกำสรวล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวถึง
เส้นทางการเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาไปสุดแค่จังหวัดประจวบคิรีขันธ์
ทั้งไม่ได้กล่าวถึงความทุกข์ร้อนจึงแย้งว่าไม่ใช่ศรีปราชญ์ที่เป็นผู้แต่ง
แต่ พระบรมราชาธิราชเป็นผู้ประพันธ์ จากหลักฐานบางส่วน
ทำนองแต่ง : แต่งด้วยโคลงตั้งบาทกุญชร บทแรกเป็นร่ายดั้น
มีร่าย ๑ บท โคลงดั้น ๑๒๙ บท
ความมุ่งหมาย : เพื่อแสดงความอาลัยคนรัก ซึ่งผู้แต่งต้องจากไป
สมเด็จพระบรมราช
าธิราช
ผู้ประพันธ์โคลงกำสรวล
๓
เรื่องย่อ
เริ่มด้วยร่ายสดุดีกรุงศรีอยุธยาว่ารุ่งเรืองงดงาม เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธ
ศาสนา ราษฎร์สมบูรณ์พูนสุข ต่อจากนั้นกล่าวถึงการที่ต้องจากนาง แสดงความ
ห่วงใย ไม่แน่ใจว่าควรจะฝากนางไว้กับผู้ใดเดินทางผ่านตำบลหนึ่ง ๆ ก็รำพัน
เปรียบเทียบชื่อตำบลเข้ากับความอาลัยที่มีต่อนาง ตำลบที่ผ่าน เช่น บางกะจะ
เกาะเรียน ด่านขนอน บางทรนาง บางขดาน ย่านขวาง ราชคราม ทุ่งพญาเมือง
ละเท เชิงราก นอกจากนี้ได้นำบุคคลในวรรณคดีมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ใน
ชีวิตของตน เกิดความทุกข์ระทมที่ยังไม่พบได้นางอีกอย่างบุคคลในวรรณคดี
เหล่านั้น โดยกล่าวถึง พระรามกับนางสีดา พระสูตรธนู(สุธนู)กับนางจิราประภา
และ
พระสมุทรโฆษกกับนางพิษทุมดีว่าต่างได้อยู่ร่วมกันอีก ภายหลังที่ต้องจากกัน
ชั่วเวลาหนึ่ง การพรรณนาสถานที่สิ้นสุดลงโดยที่ไม่ถึงนครศรีธรรมราช
๔
ด้านบ้านเมืองในสมัยอยุธยา
ในวรรณคดีเโคลงกำสรวลจะมีชีวิตของตัวละครที่แสดงให้ เห็นถึง
ภูมิปัญญาไทยที่เกิดจากความ สัมพันธ์ระหว่างคนกับคนในเรื่องของ
วัฒนธรรม จารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นที่มี
มา อย่างต่อเนื่องว่า หลังจากกษัตริย์ทรง สร้างพระนคร หรือขึ้นครองราชย์
แล้ว จะโปรดให้สร้างศาสนวัตถุ เช่น การสร้าง วัด การสร้างพระพุทธรูป การ
บูรณะปฏิ สังขรณ์วัด เป็นจารีตประเพณีที่ถือว่าเป็น การสร้างบุญบารมีของ
พระมหากษัตริย์ ตามแบบอย่างที่เคยปฏิบัติสืบเนื่องกัน มาแต่โบราณ การ
สร้างศาสนวัตถุนี้ คือ ภูมิปัญญาของพระมหากษัตริย์ที่ทรงใช้ เพื่อเป็น
กุศโลบายยึดเหนี่ยวจิตใจสร้าง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนให้
ยึดมั่นในพุทธศาสนาเพราะพุทธศาสนาจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจของ
ประชาชนให้เป็นคนเอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ตลอดจนกระตุ้นให้ประชาชนทำความดี
มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อผู้นำ ซึ่งจะส่งผลให้สถาบันกษัตริย์มีความมั่นคง
และบ้านเมืองสงบสุข สร้างความเป็นปีกแผ่นของประเทศ
ดังปรากฎในคำประพันธ์ว่า
อยุทยายศยิ่งฟ้า ลงดิน แลฤา
อำนาถบุญเพรงพระ ก่อเกื้อ
เจดีย์ลอออินทร ปราสาท
ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรม
พรายพรายพระธาตุเจ้า จยรจนนทร แจ่มแฮ
ไตรโลกยเลงคือโลม ค่ำเช้า
พิหารรเบียงบรร รุจิเรข เรืองแฮ
ทุกแห่งห้องพระเจ้า น่งงเนือง
๕
ด้านความสัมพันธ์กับต่างชาติ
นอกจากนี้วรรณคดีเรื่องกำสรวลโคลงดันยังสะท้อนให้ เห็นถึงความสัมพันธ์
ของคนในสังคมสมัยอยุธยาตอนต้นกับคน อื่นในสังคมอีกด้วย ดังปรากฎให้
เห็นในด้านการที่ไทยนำคำบาลี สันสกฤต คำเขมร มาใช้ในภาษาและ
วรรณกรรมไทยซึ่งปรากฎ ในกำสรวลโคลงดันเป็นจำนวนมาก เป็นการสะท้อน
ให้เห็นถึงการ รับวัฒนธรรมต่างชาติ ต่างภาษาแล้วมาประยุกต์ใช้กับวีถีชีวิต
ได้อย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทยในเรื่องการ ยอมรับนับถือ การ
แลกเปลี่ยนสังสรรค์ทางวัฒนธรรมกับกลุ่ม ชนอื่น จากพื้นที่ที่ได้มีการติดต่อ
สัมพันธ์กันแล้วนำมาปรับ เปลี่ยนเพื่อสร้างประโยชน์ทางด้านการใช้ภาษาได้
อย่างผสม กลมกลืนกัน ดังปรากฎในคำประพันธ์ที่ปรากฏการใช้ภาษาเขมร คำ
ว่า โดร มาจากภาษาเขมรว่า พิโดร แปลว่า ฟุ้งไป (ใช้ สำหรับกลิ่น)
มุ่งเหนดยรดาษสร้อย แสนส่วน
แมนม่วงขนุนไรรยง รุ่นสร้อย
กทึงทองรำดวรโดร รศอ่อน พี่แม่
ปรางประเหล่แก้มช้อย ชาบพ่นน
๖
นอกจากนี้ยังมีคำเซมรและคำบาลีสันสกฤตอื่น ๆ อีกที่ ไทยรับมาแล้ว
ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เช่น บงงเหตุ เป็นภาษา โบราณ แปลว่า ประมาท
มา จากภาษาเขมรว่า ประเหส หมายถึง ทำให้เป็นเหตุ
- ช่ำงือ เป็นภาษาโบราณ แปลว่า วิตก เป็นไข้ คิด เป็นทุกข์ มาจากภาษา
เขมร แปลว่า ความเป็นไข้
- ดวงดยว ดวงเดียว ดวงเป็นภาษาเขมร แปลว่า แก้ว หมายความว่า
แม่ดวงแก้วดวงเดียว
- จำงาย เป็นภาษาโบราณ แปลว่า สาย บ่าย ห่าง ไกล มาจากภาษาเขมร
ว่า จำงาย
-เขมา ถ้ามาจากภาษาเขมร อ่านว่า ขะ-เหมา แปลว่า ดำ ถ้ามาจากภาษา
บาลีว่า เขม อ่านว่า เขมะ ยึดเสียงสระอะ เป็นสระอา เป็นเข-มา แปลว่า
สบายใจ ความพ้นภัย ในคำ ประพันธ์นี้น่าจะแปลว่าสบายใจ แต่ต้องอ่านว่า
ขะ-เหมา ตาม ลักษณะของคำประพันธ์
- บางสุ ใช้ในคำประพันธ์ แปลว่าฝุ่น ละออง (มาจาก ภาบาลีว่า ปสุ ภาษา
สันสกฤตว่า ป่าสุ)
- นารถ มาจาก นาด ด้วยการแทรก ร อาคม แปลว่า ที่พึ่ง
๗
ด้านสังคมและวัฒนธรรม
และภูมิปัญญาที่เกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีที่ถือกันอย่าง เคร่งครัดนั้นใน
กำสรวลโคลงดิ้นพบว่า มีการใช้คำประณามพจน์ ซึ่งถ่ายทอดปฏิบัติสืบเนื่องกัน
มาตั้งแต่โบราณ คือ เรื่องบทไหว้ ครู ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาในเรื่อง การ
สอนให้มีความ กตัญญูเคารพ ครูอาจารย์ การเคารพบูชาผู้มีพระคุณการ
สรรเสริญคุณแผ่นดินที่เกิด การสดุดีสรรเสริญเกียรติพระมหา กษัตริย์ผู้มีคุณต่อ
บ้านเมืองจะมีผลทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล แก่ตนเอง ซึ่งปรากฎในคำประพันธ์
ในบทเริ่มต้นผู้แต่งจะชม ความงามของกรุงศรีอยุธยาว่าเป็นเมืองที่น่าชม งามยิ่ง
กว่า พระพรหมสร้าง เป็นเมืองที่มีแต่ความรื่นรมย์ สวยงามดุจ ประดับด้วยแก้ว
เก้าประการ เป็นเมืองที่มีความเจริญ ที่พระเจ้า แผ่นดินผู้เป็นใหญ่ (พระเจ้าอู่ทอง)
ทรงสร้างกรุงศรีอยุธยาด้วย พระองค์เอง ดังคำประพันธ์ว่า
ศรีสิทธิวิวิทธบวร นครควรช
ไกรพรรงงสรรค์ สวรรค แต่งแต้ม
แย้มพื้นแผ่นพสุธา มหาดิลกภพ
นพรัตนราชธานี บูรียรมยเมืองมิ่ง แล้วแฮ
ราเมศไท้ท้าวต้งง แต่งเองฯ
๘
ด้านศาสนา
และลักษณะภูมิปัญญาที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งเหนือ
ธรรมชาติ ในด้านศาสนาที่ปรากฏในกำสรวลโคลงดั้นจะเห็นว่า พระมหากษัตริย์
ในอดีตสามารถใช้ ภูมิปัญญาในการประยุกต์หลักธรรมคำสอนมาใช้ในชีวิต
ประจำวันได้อย่างเหมาะสม และสามารถสร้างฐานทางศาสนาอย่างมี
ประสิทธิภาพ กล่าวคือ อาศัยความสนับสนุน จากสงฆ์เพื่อให้ได้รับความร่วมมือ
จากบรรดาชาวนาทั้งหลายเพื่อสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในประเทศดังที่ชาญ
วิทย์ เกษตรศิริ
(2548: 179) กล่าวว่า ความสำเร็จใน การปกครองของกษัตริย์ในสมัยกรุง
ศรีอยุธยาจะอาศัยความสนับสนุนจากวงการสงฆ์ เพราะในสมัยโบราณการติดต่อ
สื่อสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกอบกับอำนาจ รัฐยังเข้าไม่ถึงบรรดา
ชาวนาที่อยู่กระจัดกระจายวิธีที่ดีที่สุด คือ การเข้าถึงหมู่บ้านโดย ผ่านทาง
ศาสนจักร เกือบทุกหมู่บ้านชาวพุทธมักจะมีวัด วัดจะเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน
ฉะนั้นกษัตริย์สมัยอยุธยาเกือบทุกพระอค์ทรงบำรุงศาสนาพุทธให้มีความรุ่งเรือง
ไม่เพียงเพื่อจุดประสค์เกี่ยวกับเรื่องการทำความดีเท่านั้น ยังแฝงด้วยภูมิปัญญา
ใน การปกครองประเทศ เพราะคำสอนในพุทธศาสนาจะทำให้ลดความขัดแย้งระ
หว่า ชนชั้นปกครองกับชนชั้นไพรในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชในสมัยอยุธยา
ตอนต้น ตลอด จนทำให้สะดวกและง่ยในการปกครองเพราะประชาชนจะตั้ง
ถิ่นฐานรอบ ๆ วัดอันจะ มีผลทำให้ประเทศมีความมั่นคงเป็นปีกแผ่น ดังปรากฎ
ในคำประพันธ์ว่า ศาลาอเนขสร้าง แสนเสา โสดแฮ
ธรรมมาศจูงใจ เมืองสู่ฟ้า
พิหารย่อมฉลักเฉลา ฉลุแผ่น ไส่นา
พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า หล่อแสง
๙
ด้านความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ยังปรากฎภูมิปัญญาที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งเหนือ
ธรรมชาติในด้านความเชื่อเรื่องเทวดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่สิงสถิต
อยู่ใน ธรรมชาติ เช่น นางเมขลา ซึ่งเป็นเทพธิดาผู้รักษาน่านน้ำมหาสมุทร ตลอด
จนแม่พระธรณีซึ่งเป็นเทพมารดาแห่งโลกเป็นผู้มีพระคุณต่อสรรพชีวิตบนโลก
เป็นเทพผู้รักษา ดูแลธัญญาหารบนโลกให้มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งแสดงให้เห็น
ถึงภูมิปัญญาการสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติได้อย่างเด่นชัดใน
เรื่อง การยอมรับนับถือ การ ให้คนเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การให้ความสำคัญแก่
ธรรมชาติสภาพแวดล้อมและการ เคารพคุณค่าของธรรมชาติ ซึ่งเป็นการ
ขัดเกลาคนในสังคมให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันอันจะ
มีผลทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบ อีกทั้งยังช่วย รักษาความอุดมสมบูรณ์ให้แก่
ธรรมชาติ ทำให้ธรรมชาติถูกทำลายน้อยที่สุด ถือเป็น กุศโลบายที่ช่วยสั่งสอน
จริยธรรมและศิลธรรมแก่ประชาชนให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ อย่างยั่งยินและพอ
เพียง
ดังปรากฎในคำประพันธ์ที่ผู้แต่งกล่าวระลึกถึงเทวดาอารักษ์
พระเออยสระโรชท้อง ชลธี ท่านแฮ
เขอญเทพมาทับทรวง ที่ร้อน
แมนเมซลาศรี เสาวภาคย ภูเออย
มาแม่อย่างทนนข้อน ขาดใจข่นใจ
เยียมาเรือล่องใกล้ กรยนสวาย
สวายสวาสดิธรณีนาง มิงไม้
เพล็จพวงดุจดวงถวาย ทุกกิ่ง ไซ้แฮ
แม้นม่วงรศฟ้าไล้ ลูกหลาน
๑o
ความดีเด่นของวรรณคดี
๑. ด้านภาษาและสำนวนโวหาร การใช้ถ้อยคำและสำนวนโวหารของวรรณคดี
เรื่องนั้นมีความประณีต ไพเราะเช่น ร้อยราชถวายกรไหว้หว่านมาลัย เป็นต้น
ภาษาที่ใช้มีภาษาบาลีสันสกฤตปนอยู่มาก
๒. ด้านความรู้วรรณคดีเรื่องนี้ใหค้วามรู้เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์กล่าวถึง
เทพเจ้าต่าง ๆ การอวตารของพระนารายณ์ พระกฤษณะ พระพรหม พระอินทร์
พระยม เป็นต้น
๓. ด้านสังคมและวัฒนธรรม
๓.๑ สภาพชีวิตและความเป็นอยู่ โคลงทวาทศมาสชี้ให้เห็นสภาพชีวิตความเป็น
อยู่ในสมัยนั้น ได้อย่างชัดเจน ตลอดจนการทำมาหากินที่มีความผูกพันต่อดินฟ้า
อากาศ เช่น เดือนหก มีการไถนาปลูกข้าว
๓.๒ วัฒนธรรมและประเพณี โคลงทวาทศมาส ใหค้วามรู้เกี่ยวกับพระราชพิธี
๑๒ เดือนของไทยสมัยโบราณ ซึ่งสามารถค้นคว้าอ้างอิงได้เช่น เดือนอ้าย มีพิธี
ตรียมยัมปวาย
๔. ด้านอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น โคลงทวาทศมาสมีอิทธิพลต่อแนวความคิด
ของกวีสมัยหลัง
๑๑
บทที่ ๓
การดำเนินการโครงงาน
วิธีการจัดทำ
๑. ศึกษาเนื้อหาวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น เรื่องโคลงกำสรวล
๒. ศึกษาเรื่องการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book)
๓. นำเนื้อหาวรรณคดีเรื่องโคลงกำสรวล มาออกแบบการดำเนินเรื่อง
โดยกำหนดให้มีตัวละครและการดำเนินเรื่อง
๔. ออกแบบหนังสือฉบับร่างตามข้อกำหนด คือ
๔.๑ รูปเล่มหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book) ต้องมี ปกนอก ปกใน
คำนำ สารบัญ เนื้อเรื่อง (ไม่น้อยกว่า ๑๐ หน้า) และบรรณานุกรม
๔.๒ เนื้อเรื่อง (ไม่น้อยกว่า ๑๐ หน้า) ต้องมีตัวละครและการดำเนินเรื่อง
๔.๓ เนื้อเรื่องต้องให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องที่ได้รับมอบหมาย
ในด้าน ผู้แต่ง จุดประสงค์การแต่ง ลักษณะคำประพันธ์ เนื้อหา
และความดีเด่นของวรรณคดี
๕. จัดพิมพ์และออกแบบภาพประกอบ ภาพเคลื่อนไหว ให้สวยงาม น่าสนใจ
๖. สร้างช่องทางการเข้าอ่านได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
๑๒
การจัดแบ่งหน้าที่
๑.ผู้เขียนเรื่อง ออกแบบการดำเนินเรื่อง
๑.๑. น.ส.ปรวีย์ อิ่มโค่น
๑.๒.นายอาชวิน พรสุวรรณ
๒.ฝ่ายพิมพ์ ออกแบบ จัดแต่งหน้าหนังสือ ภาพ กราฟิก ต่าง ๆ ให้สวยงาม
ชวนอ่าน
๒.๑. น.ส.ธนัชชา เสาเวียง
๒.๒. นายศุภกร ราชิวงศ์
๓.ฝ่ายบรรณาธิการ อ่าน ตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสมของหนังสือ
ทั้งเล่ม
๓.๑. น.ส.ธนัชชา เสาเวียง
๓.๒. น.ส.พิมพกานต์ ประชุมรักษ์
๔.ฝ่ายเชิญผู้อ่านเข้าอ่านหนังสือที่จัดทำขึ้น และจัดทำแบบประเมินให้ผู้อ่าน
ได้ประเมินหนังสือ
๔.๑. น.ส.พิมพกานต์ ประชุมรักษ์
๔.๒. น.ส.ธนัชชา เสาเวียง
๕. ผู้รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และจัดทำเล่มรายงานโครงงานภาษาไทย
๕.๑. น.ส.ปรวีย์ อิ่มโค่น
๕.๒. น.ส.ธนัชชา เสาเวียง
๑๓
บทที่ ๔
ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา
การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย
ชื่อหนังสือ โคลงกำสรวลชวนศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์จัดทำหนังสืิเล็กทรอนิ
กส์
(e – book) ประกอบการเรียนเรื่อง วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น และเชิญชวน
ผู้สนใจอ่าน อย่างน้อย ๒๐ คน ผู้อ่านมีความพึงพอใจต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(e – book) ที่จัดทำขึ้น อยู่ในระดับดี – ดีมาก สรุปผลการจัดทำได้ ดังนี้
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e – book) เรื่อง โคลงกำสรวลชวนศึกษา
มีเนื้อหาจำนวน ๑๘ หน้า มีภาพประกอบสวยงาม
นำเสนอและเชิญชวนผู้สนใจอ่าน มีผู้อ่านจำนวน ๒๕ คน
ผู้อ่านมีความพึงพอใจ ดังนี้
ระดับปรับปรุง จำนวน o คน คิดเป็นร้อยละ o
ระดับพอใช้ จำนวน o คน คิดเป็นร้อยละ o
ระดับดี จำนวน ๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๔
ระดับดีมาก จำนวน ๒๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๖
๑๔
๑๕
๑๖
บทที่ ๕
สรุปผลการศึกษา
โครงงานการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( e–book ) ส่งเสริมการอ่าน
วรรณคดีไทย เรื่องโคลงกำสรวลชวนศึกษา
และนำเสนอ เชิญชวนผู้อ่านมีผู้สนใจร่วมอ่านหนังสือจำนวน ๒๕ คนโดยผู้
อ่านมีความพึงพอใจต่อหนังสือที่จัดทำอยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ ๘๔ และ
ระดับดี ร้อยละ ๑๖
ประโยชน์ที่ได้รับ
๑.ได้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( e–book ) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดีไทย
ประกอบการเรียนรู้เรื่องวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น
๒. ได้ฝึกการทำงานเป็นหมู่คณะ
๑.ฝึกทักษะการใช้ภาษาไทย
๒.ฝึกทักษะการใช้เทคโนโลยี
๓.ฝึกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการ
ข้อเสนอแนะ
๑.ควรอธิบายวิธีการใช้งานหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) การเข้าถึง
เนื้อหาให้มีความสะดวกและความชัดเจน
๒.ควรออกแบบเนื้อหาในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) โดยแทรกวีดีโอ
ภาพประกอบเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความสนุกสนานในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
๑๗
บรรณานุกรม
ธนิต อยู่โพธ์. (๒๕๑๑). ประวัติและโคลงกำสรวลศรีปราชญ์. พิมพ์ครั้งที่ ๓.
กรุงเทพฯ : มงคลการพิมพ์
อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว และคณะฯ. (๒๕๔๗). กำสรวลสมุทรหรือกำสรวลศรี
ปราชญ์เป็นพระราชนิพนธ์ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน
“ภูมิปัญญาไทยในกำสรวลโคลงดั้น” (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก
https://so04.tci-thaijo.org/index.php (ม.ป.ป.). สืบค้น 29 พฤษภาคม 2565.
“วรรณประทีป” (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก
https://www.bloggang.com/viewdiary.php (ม.ป.ป.). สืบค้น 29 พฤษภาคม
2565.
“โคลงกำสรวล” (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก https://human.yru.ac.th/thai_ba
(ม.ป.ป.). สืบค้น 29 พฤษภาคม 2565.
๑๘
ภาคผนวก
ภาพการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( e–book ) ส่งเสริมการอ่านวรรณคดี
ไทย
ร่วมกันศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโคลงกำสรวล
ร่วมกันจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
โดยโปรแกรม canva ประชุมผ่านMessenger