คำนำ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา(604-305)คติชนวิทยา ระดับปริญญาตรี มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาหา ความรู้ในเรื่องคติชนพื้นบ้านจังหวัดสงขลา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมพื้นบ้าน ศิลปกรรมพื้นบ้านหรือ ศิลปะชาวบ้าน หัตถกรรมพื้นบ้าน เครื่องแต่งกายพื้นบ้าน และโภชนาการพื้นบ้านของจังหวัดสงขลา ทั้งนี้ได้ศึกษา หาแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ และจากการลงพื้นที่สัมภาษณ์คนในพื้นที่โดยตรง เพื่อ ให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ถูกต้อง และครบถ้วน ทางคณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มอาจจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านหรือผู้ที่กำลังศึกษาในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย หากมีข้อแนะนำหรือผิดพลาดประการใด ทางผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ
สารบัญ เนื้อหา หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ประวัติความป็นมาจังหวัดปัตตานี ๑ หน่วยการปกครอง ๒ ประชากรและศาสนา ๓ ศาสนา ๔ สถาปัตยกรมมพื้นบ้าน ๕-๙ ศิลปกรรมพื้นบ้าน ๑๐-๑๓ หัถตกรรมพื้นบ้าน ๑๔-๑๗ ความเชื่อพื้นบ้าน ๑๘-๒๑ โภชนาการพื้นบ้าน ๒๒-๒๕
จังหวัดปัตตานี ประวัติศาสตร์จังหวัดปัตตานี หลักฐานเอกสารโบราณปรากฏนามเมืองหรือรัฐสำคัญแห่งหนึ่งบนแหลมมลายู ซึ่งออกเสียงตาม สำเนียงในแต่ละภาษา เช่น หลังยาซูว หลังยาชีเจีย (ภาษาจีน) ลังคาโศกะ อิลังคาโศกะ (ภาษาสันสกฤต ภาษา ทมิฬ) เล็งกะสุกะ (ภาษาชวา) ลังคะศุกา (ภาษาอาหรับ) ลังกะสุกะสังกาสุกะ (ภาษามลายู) โดยนักวิชาการ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นชื่อเมืองเดียวกันที่น่าจะเคยตั้งอยู่ในรัฐเคดาห์ ประเทศสหพันธรัฐมาเลเซียและจังหวัดปัตตา นี้ในปัจจุบัน นักวิชาการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเชื่อว่าปัตตานี เป็นที่แวะพักจอดเรือ เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าระหว่างพ่อค้าขาวอินเดียทางตะวันตกกับพ่อค้าชาวจีนทางตะวันออกและชนพื้นเมืองบนแผ่นดินและหมู่ เกาะใกล้เคียงต่างๆนอกจากนี้ ยังเชื่อว่าเดิมปัตตานีเป็นอาณาจักรที่เก่าแก่และมีความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เนื่องจากมีหลักฐานทางโบราณคดีว่าบริเวณอำเภอยะรัง มีซากร่องรอยของเมืองโบราณขนาดใหญ่ซ้อนทับกันถึง ๓ เมือง มีชากโบราณสถานและศาสนสถานหลายแห่ง นอกจากนี้ยังคันพบโบราณวัตถุจำนวนมาก โดยวัตถุบางชิ้นมี ตัวอักษร ซึ่งนักภาษาโบราณอ่านและแปลว่าเป็นอักษรปัลลวะ (อินเดียใต้) ภาษาสันสกฤตเขียนเป็นคาถาในพุทธ ศาสนาลัทธิมหายาน พระโพธิสัตว์สัมฤทธิ์ และเศษภาชนะดินเผาที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่๑๒-๑๓ สอดคล้องกับจดหมายเหตุจีนที่ได้กล่าวถึงไว้ นอกจากนั้นหลักฐานที่ได้ขุดค้นพบยังแสดงให้เห็นด้วยว่าบริเวณที่ตั้ง อำเภอยะรังในปัจจุบัน เป็นชุมชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในอดีตและต่อมาได้ย้ายเมืองปัตตานีมาบริเวณบ้านกรีอเซะ สันนิษฐานว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ทำให้เมืองเดิมไม่เหมาะในการเป็นเมืองท่าการค้าเมืองปัตตานี ได้ชื่อว่าเป็นหัวเมืองฝ่ายใต้ลายแหลมมลายูที่มีฐานะเป็นเมือง
หน่วยการปกครอง จังหวัดปัตตานี ได้แบ่งหน่วยการปกครองออกเป็น ๑๒ อำเภอ ๑๑๕ ตำบล ๖๔๒ หมู่บ้าน โดยมีหน่วยการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด ๑ แห่ง เทศบาลเมือง ๒ แห่ง (เทศบาลเมืองปัตตานี และเทศบาลเมืองตะลุบัน) เทศบาลตำบล ๑๕ แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล ๙๖ แห่ง อำเภอ เนื้อ (ตร.กม.) ตำบล หมู่บ้าน อบต. เทศบาล ชุมชน ร้อยละ ของ พื้นที่ จังหวัด ระยะห่าง จาก จังหวัด (กม.) ๑.เมืองปัตตานี ๙๖.๘๓๗ ๑๓ ๖๖ ๙ ๒ ๑๙ ๔.๙๙ ๐.๐๕ ๒.ยะรัง ๑๘๓.๙๕๒ ๑๒ ๗๒ ๑๒ ๑ - ๙.๔๘ ๑๕ ๓.หนองจิก ๒๓๑.๕๒๖ ๑๒ ๗๖ ๑๑ ๒ - ๑๑.๙๓ ๘ ๔.โคกโพธิ์ ๓๓๙.๔๑๔ ๑๒ ๘๒ ๑๑ ๓ - ๑๗.๔๙ ๒๖ ๕.ยะหริ่ง ๑๙๖.๘๒๙ ๑๘ ๘๑ ๑๔ ๔ - ๑๐.๑๔ ๑๔ ๖.ปะนาเระ ๑๔๔.๐๕๘ ๑๐ ๕๓ ๘ ๒ - ๗.๔๒ ๔๓ ๗.มายอ ๒๑๖.๑๓๖ ๑๓ ๕๙ ๑๐ ๑ - ๑๑.๑๔ ๒๙ ๘.สายบุรี ๑๗๘.๔๒๔ ๑๑ ๖๔ ๘ ๒ ๒๐ ๙.๒๐ ๕๐ ๙.ไม้แก่น ๕๕.๒๐๑ ๔ ๑๗ ๓ - - ๒.๘๔ ๖๕ ๑๐.ทุ่งยางแดง ๑๑๔.๙๗๐ ๔ ๒๓ ๔ - - ๕.๙๓ ๔๕ ๑๑.กะพ้อ ๙๓.๘๑๕ ๓ ๒๗ ๓ - - ๔.๘๓ ๖๘ ๑๒.แม่ลาน ๘๙.๑๙๔ ๓ ๒๒ ๓ - - ๔.๖๐ ๓๐ รวม ๑,๙๔๐.๓๕๖ ๑๑๕ ๖๔๒ ๙๖ ๑๗ ๓๙ ๑๐๐ - ที่มา : ที่ทำการปกครองจังหวัดปัตตานีณ วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙
ประชากรและศาสนา จังหวัดปัตตานี เป็นอาณาจักรที่เก่าแก่และมีความเจริญรุ่งเรือง ทำให้เป็นแหล่งศูนย์รวมของประชากร หลากหลายเชื้อชาติ ศาสนามาตั้งแตในอดีต ปัจจุบันเป็นแหล่งชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณลุ่ม น้ำปัตตานี ตารางแสดงจำนวนประชากรรายอำเภอในปี ๒๕๕๙ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙) ลำดับ ที่ อำเภอ จำนวนประชากร (คน) ครัวเรือน ชาย หญิง รวม ๑ อำเภอเมืองปัตตานี 62,075 64,654 126,729 40,830 2 อำเภอโคกโพธิ์ 32,512 34,157 66,669 19,073 3 อำเภอหนองจิก 38,407 36,575 74,982 18,392 4 อำเภอสายบุรี 32,920 34,287 67,207 15,917 5 อำเภอยะหริ่ง 41,684 42,321 84,005 18,133 6 อำเภอยะรัง 44,492 44,727 89,219 19,858 7 อำเภอปะนาเระ 22,326 22,976 45,302 11,097 8 อำเภอมายอ 28,355 29,312 57,667 12,459 9 อำเภอทุ่งยางแดง 11,012 11,503 22,515 4,970 10 อำเภอกะพ้อ 8,698 8,799 17,497 3,889 11 อำเภอแม่ลาน 7,838 8,147 15,985 3,973 12 อำเภอไม้แก่น 5,973 6,179 12,157 3,030 รวม 336,292 343,637 679,934 171,621 ที่มา : ที่ท าการปกครองจังหวัดปัตตานี ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙
ศาสนา การนับถือศาสนาของประชากรในจังหวัดปัตตานี ระหว่างปี ๒๕๕๕ – ๒๕๕๘ ปี พ.ศ. ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์/อื่นๆ จำนวน ประชากร ร้อยละ จำนวน ประชากร ร้อยละ จำนวน ประชากร ร้อยละ ๒๕๕๕ ๘๔,๑๐๗ ๑๒.๗๒ ๕๗๖,๙๑๐ ๘๗.๒๕ ๒๐๑ ๐.๐๓ ๒๕๕๖ ๙๑,๗๙๑ ๑๓.๗๐ ๕๗๗,๘๑๑ ๘๖.๒๕ ๓๕๙ ๐.๐๕ ๒๕๕๗ ๙๒,๗๒๑ ๑๓.๗๐ ๕๘๓,๗๒๕ ๘๖.๒๕ ๓๕๓ ๐.๐๕ ๒๕๕๘ ๙๖,๐๒๘ ๑๓.๗๐ ๕๙๙,๓๘๒ ๘๖.๒๕ ๓๕๗ ๐.๐๕ ภูมิศาสตร์ ที่ตั้งปัตตานีเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้สุด ติดกับทะเล จีนใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพโดยทางรถยนต์ประมาณ 1,055 กิโลเมตร หรือ 1,025 กิโลเมตรโดยทางรถไฟ (สถานี รถไฟโคกโพธิ์) สถานทที่่องเทยี่วจังหวัดปัตตานี หาดตะโละกาโปร์ เมืองโบราณยะรัง ศาลหลักเมืองปัตตานี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ปัตตานี หอนาฬิกาสามวัฒนธรรม มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มัสยิดรายอ ปัตตานี มัสยิดกรือเซะ ปัตตานี วังยะหริ่ง ปัตตานี
สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน คือ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี สถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่พบในพื้นที่ ตำบลอาเนาะรู ได้แก่ มัสยิดกลางปัตตานี มัสยิดรายอปัตตานี ปัตตานีพิรมย์ฤาดี ๓ กือดาจีนอ ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว วังจาบังตีกอ บ้านขุนพิทักษ์รายา 1 มัสยิดกลางปัตตานี เป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่ใน ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่ สวยงามมีความโดดเด่น และยังเป็นศาสนสถานศูนย์รวมจิตใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามในภาคใต้ที่สำคัญที่สุดแห่ง หนึ่ง มัสยิดกลางปัตตานีสร้างเมื่อปี พ.ศ. .๒๔๙๗ มีอายุราวประมาณ ๗๐ ปีในปัจจุบันมัสยิดกลางปัตตานีได้ ใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจสำคัญ คือการละหมาดวันละ 5 เวลา เป็นกิจวัตรประจำวัน และใช้ในการละหมด ในวันศุกร์รวมถึงการละหมาดในวันตรุษต่างๆ ซึ่งมีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ปัตตานีรวมถึงชาวมุสลิมที่มาจากพื้นที่อื่น ทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และมีการบรรยายทุกๆสัปดาห์มีผู้คนเข้ามาฟังบรรยายมากกว่า 3000กว่าคน
บันทึกข้อมูล ชื่อ เจ้าหน้าที่จิตอาสา อายุ ประมาณ ๕๘ ปี อยู่ ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ผู้รวบรวมข้อมูล อาอิซะห์ อาแว และคณะ สถานที่เก็บข้อมูล ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี วันที่เก็บข้อมูล วันที่๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗
หน้ามัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี บริเวณด้านหลังมัสยิด
ลักษณะด้านในมัสยิด ภาพที่พวกเราได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมาเที่ยวที่มัสยิดกลางปัตตานี
ได้สัมภาษณ์คนต่างชาติว่ารู้สึกอย่าไร มีความสุขไหม ที่ได้มาเที่ยวสามจังหวัด เข้าชมวิวด้านในมัสยิด
ศิลปกรรมพื้นบ้าน ศิลปะพื้นบ้าน คือ Patani Artspace ศิลปะพื้นบ้านที่พบในพื้นที่ตำบลดอนรัก ได้แก่ ปาตานี อาร์ตสเปซ สุสานบ้านดอนรัก 2.Patani Artspace ปาตานี อาร์ตสเปซ ตั้งอยู่ที่ 17/7 หมู่1 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก่อตั้งโดย ผศ.เจะอับดุลเลาะ เจ๊ะสอ เหาะ อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี เป็นพื้นที่แสดงกิจกรรมด้านศิลปะ และยังมี หอศิลป์สำหรับแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งจะมีการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะจากศิลปินต่าง ๆ หมุนเวียน เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปะสู่เยาวชนรุ่นใหม่ และประชาชนในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียง
บันทึกข้อมูล ชื่อ อาจารย์เจะอับดุลเลาะ เจะซอเฮาะ อายุ ประมาณ ๔๒ ปี ที่อยู่ ๑๗/๗ หมู่1 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ผู้รวบรวมข้อมูล อาอิซะห์ อาแว และคณะ สถานที่เก็บข้อมูล ตำบลดอนรัก อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี วันที่เก็บข้อมูล วันที่๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗
ผลงานอาจารย์ เจะอับดุลเลาะ เจะซอเฮาะ
จุดรวบรวมรูปภาพเกี่ยวกับชาวปาเลสไตน์
หัถตกรรมพื้นบ้าน หัตถกรรมพื้นบ้าน คือ กระต่ายขูดมะพร้าว หัตถกรรมในพื้นที่ ตำบลบาราโหม ได้แก่ กระต่ายขูดมะพร้าว การทำว่าวบูหลัน ที่ตั้งคำภีย์อัลกุรอ่าน ๑.กระต่ายขูดมะพร้าว กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งภาษาถิ่นเรียกว่า กอแร เป็นศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของชาวบ้านชุมชน บาราโหม ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมมลายู กับวัฒนธรรมของไทยและแตกต่างจากกระต่ายขูดมะพร้าว พื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย ก็คือ กระต่าย ขูดมะพร้าว ของบ้านปาเระ ตำบลบาราโหม อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งในปัจจุบันเป็นภูมิปัญญาที่ เกิดขึ้นโดยการคิดค้นของชาวบ้านเองในพื้นที่ นั่นก็คือ นายอาลี มาหะ อายุ 77 ปี หรือที่ชาวบ้านเรียก กันว่า ตาลี ได้เล่าว่า กระต่ายขูดมะพร้าวที่ตนได้ทำขึ้นมา ได้แนวคิดมาจากขวดน้ำตราสิงห์ที่ตนพบ จึงเกิดเป็นกระต่ายขูดมะพร้าวที่มีทุกขนาด หลายลวดลายจนถึงทุกวันนี้ โดยส่วนตัวตาลีชอบเก็บ สะสมและประดิษฐ์คิดค้นของใช้โบราณ มาตั้งแต่อายุ 25 ปี
บันทึกข้อมูล ชื่อ นายอาลี มาหะ อายุ ๗๙ ปี อยู่บ้านเลขที่ 114หมู่ที่ 2 ตำบล บาราโหม อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ผู้รวบรวมข้อมูล นางสาวอาอิซะห์ อาแว และคณะ สถานที่เก็บ บ้านเลขที่ 114หมู่ที่ 2 ตำบล บาราโหม อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี วันที่เก็บข้อมูล วันที่๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗
สัมภาษณ์ประวัติความเป็นมาของกระต่ายขูดมะพร้าว วิธีการทำกระต่ายขูดมะพร้าว
ลักษณะกระต่ายที่ทำสำเร็จ
ความเชื่อพื้นบ้าน ความเชื่อในพื้นบ้าน คือ บ่อลัยลาดุลกอดัร ความเชื่อในพื้นที่ ตำบลสะนอ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ๔. บ่อลัยลาตุลกอดัร ชาวตำบลสะนอ อำเภอยะรัง เล่าว่าบ่อน้ำแห่งศรัทธา ตำบลสะนอ อำเภอยะรัง มีอายุ มากกว่า 50 ปี โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า ในคืนที่ประเสริฐในช่วงรอมฎอน (คืนลัยละตุลก็อดร์) สุลต่านมุสตอฟาได้มาเอาน้ำละหมาด ณ บ่อน้ำแห่งนี้ ขณะกำลังจะตักน้ำได้วางผ้าเอาไว้ข้างตัวเมื่อตัก น้ำเสร็จปรากฏว่าผ้าของตนเองได้ขึ้นไปอยู่ที่ยอดของต้นมะพร้าว เชื่อกันว่าเกิดปาฏิหาริย์ต้นมะพร้าว โน้มตัวลงมาเกี่ยวผ้าขึ้นไป จากนั้นสุลต่านมุสตอฟาจึงไปบอกชาวบ้านว่าคืนนี้เป็นคืนลัยละตุลก็อดร์ และได้ขอต่ออัลลอฮ์ทรงโปรดปรานให้ลูกหลานของตนประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีการศึกษา 7 ชั่ว โคตรปัจจุบันชาวบ้านยังมีความเชื่อเรื่องบ่อน้ำแห่งศรัทธาแห่งนี้ว่า หากผู้ใดเจ็บป่วยถ้าได้ดื่มน้ำจาก บ่อน้ำแห่งนี้จะหายจากอาการไม่สบายทั้งหลาย บางกลุ่มก็เชื่อว่าหากได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำแห่งนี้ชีวิตจะ ประสบความสำเร็จ ซึ่งในขณะที่กำลังสัมภาษณ์อยู่นั้น มีชาวบ้านจากประเทศมาเลเซียมาตักน้ำยังบ่อ น้ำแห่งนี้ เพื่อนำกลับไปประเทศของตนเพราะมีความศรัทธาในบ่อน้ำแห่งนี้
บันทึกข้อมูล ชื่อ เมาะปาตีเมาะ อายุ ประมาณ ๗๘ ปี ที่อยู่ ม.1 ต าบลสะนอ อ าเภอยะรัง ปัตตานี ผู้รวบรวมข้อมูล นางสาวอาอิซะห์ อาแว และคณะ สถานที่เก็บ ม.1 ตำบลสะนอ อำเภอยะรัง ปัตตานี วันที่เก็บข้อมูล วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗
ลักษณะของบ่อลัยลาตุลกอดัร
วิธีการสาธิตการตักน้ำในบ่อ
โภชนาการพื้นบ้าน โภชนาการพื้นบ้าน คือ ไก่ฆอและ โภชนาการในพื้นที่ เมืองปัตตานี ถนนรามโกมุท ซอย 4 ๕.ไก่ฆอและ ไก่ฆอและ หรือไก่กอและ อาหารชาวมุสลิม ในพื้นที่ชายแดนใต้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่ามี รสชาติอร่อย โดยเฉพาะที่จังหวัดปัตตานี เป็นหนึ่งเมนูอาหารจานเด็ด ที่ทางเทศบาลนคร ยะลา คัดสรรมาให้ประชาชนชาวยะลา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีประชาชนแวะ เวียนมาเลือกซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยรสชาติของไก่ที่หอมกรุ่น เนื้อนุ่มของไก่ บวกกับน้ำที่ นำมาราด มีกลิ่นหอมของเครื่องแกง ความอร่อยของรสหวานนำ เค็มตาม เมื่อทานคู่กับข้าว เหนียวดำ ข้าวเหนียวขาว ยิ่งเพิ่มความอร่อยให้ผู้ที่ได้ลิ้มลอง ขณะที่ทางร้านจะมีเกียรติบัตร รางวัลชนะเลิศการประกวดไก่ฆอและ มากมาย จากเทศบาลเมืองปัตตานี มาการันตีถึง ความอร่อย 20 ปีที่ผ่านมา
บันทึกข้อมูล ชื่อ นางคอลีเยาะ เจ๊ะอาลี อายุ ประมาณ ๔๓ ปี ที่อยู่ ซอย 4 รามโกมุท จังหวัด ปัตตานี ผู้รวบรวมข้อมูล นางสาวฟิรดาว มามะ และคณะ สถานที่เก็บ ซอย 4 รามโกมุท จังหวัดปัตตานี วันที่เก็บข้อมูล วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗
ลักษณะของไก่ฆอและ
สัมภาษณ์เจ้าของร้าน
ขอบคุณค่ะ