The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MiMiie M'meew, 2022-05-02 01:42:16

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๕
เรอ่ื ง นิทานแสนสนุก

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ภาคเรียนที่ ๒

ผู้สอน นางสาวสารสิ า เสาโร

โรงเรียนวัดบ้านไพบูลย์
จานวน ๗ แผนการเรียนรู้ จานวน ๔๒๐ นาที

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖
โรงเรยี นบ้านทา่ กระเสริม ภาคเรยี นที่ ๒ / ๒๕๖๔
จานวน ๗ แผนการจดั การเรยี นรู้ เวลา ๘ คาบเรียน
ผ้สู อน นางสาวสาริสา เสาโร

๑. ช่ือหนว่ ยและสาระสาคญั ของหน่วย
ชอ่ื หน่วย : นทิ านแสนสนุก
ระดบั ชนั้ : ประถมศึกษาปีท่ี ๖
จานวน : ๗ แผนการจัดการเรียนรู้
เวลา : ๗ คาบเรยี น
สาระสาคญั :
บทเรียนเรื่อง นิทานแสนสนุก เป็นบทเรียนที่กล่าวถึงเร่ืองราวของกลุ่มหนึ่งท่ีจัดกิจกรรม

บาเพ็ญประโยชน์โดยการเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง และนักเรียนจะได้เรียนรู้คาศัพท์ในบทเรียน การอ่านออก
เสียงบทร้อยแก้ว ความหมายของคา คานาม คาสรรพนาม คากริยา การเขียนย่อความ การพูดรายงาน
การศึกษาค้นคว้าและการเล่านิทานพ้ืนบ้านแต่ละภาค นักเรียนควรเรียนบทเรียนเร่ือง นิทานแสนสนุก ด้วย
ความต้ังใจและปฏิบัติกิจกรรมด้วยความกระตือรือร้น จะทาให้นักเรียนสามารถเรียนรู้เร่ือง นิทานแสนสนุก
อย่างเขา้ ใจ ตลอดจนสามารถเรียนรูส้ าระต่าง ๆ ได้อยา่ งครบถ้วน เกิดการเรยี นรทู้ มี่ ีประสทิ ธิภาพ

๒. มาตรฐานละตัวช้ีวดั ของหนว่ ย รวมท้งั ส้นิ ๙ ตัวช้ีวดั
สาระท่ี ๑ สาระการอ่าน

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการ
ดาเนินชวี ติ และมนี ิสัยรักการอ่าน

ท ๑.๑ ป.๖/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเป็นโวหาร
ท ๑.๑ ป.๖/๙ มมี ารยาทในการอ่าน
สาระท่ี ๒ การเขยี น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่ืองราวใน
รูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ท ๒.๑ ป.๖/๕ เขยี นย่อความจากเรื่องทอ่ี ่าน
ท ๒.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการเขยี น
สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และ
ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
ท ๓.๑ ป.๖/๔ พดู รายงานเร่ืองหรอื ประเดน็ ที่ศกึ ษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการ

สนทนา

ท ๓.๑ ป.๖/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู

สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
ท ๔.๑ ป.๖/๑ วเิ คราะหช์ นิดและหน้าทีข่ องคาในประโยค

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่

และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ
ท ๕.๑ ป.๖/๒ เลา่ นทิ านพ้นื บา้ นทอ้ งถน่ิ ตนเอง และนิทานพน้ื บา้ นของท้องถ่ินอ่ืน

๓. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัด หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เร่ือง นิทานแสน
สนุก

แผนการจดั การเรียนรู้
ตวั ช้วี ดั ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ความถ่ี รวม

สาระที่ ๑ การอา่ น

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพื่อนาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รัก

การอ่าน

๑. อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้  ๑

ถกู ต้อง

๒. อธิบายความหมายของคา ประโยคและ  ๑

ข้อความทีเ่ ป็นโวหาร

๓. อา่ นเรื่องสัน้ ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจับเวลา ๐

แลว้ ถามเก่ยี วกบั เร่ืองทีอ่ า่ น

๔. แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ จากเร่ืองท่อี ่าน ๐

๕. อธบิ ายการนาความร้แู ละความคดิ จากเรอ่ื งท่ี ๐
อ่านไปตัดสินใจแก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต ๓/๙

๖. อ่านงานเขียนเชงิ อธบิ าย คาส่ัง ข้อแนะนา ๐

และปฏบิ ตั ติ าม

๗. อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากการอา่ น ๐

แผนผัง แผนท่ี แผนภูมแิ ละกราฟ

๘. อา่ นหนังสือตามความสนใจและอธิบายคุณคา่ ๐

ท่ีไดร้ ับ

๙. มีมารยาทในการอ่าน  ๑

สาระที่ ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงาน

ข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

๑. คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั และคร่ึง ๐
บรรทัด ๒/๙

ตัวชว้ี ัด ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ ๗ ความถี่ รวม
๒๓๔๕๖ ๐
๒. เขยี นสือ่ สารโดยใช้คาได้ถูกตอ้ งชดั เจนและ
 ๐
เหมาะสม 

๓. เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิด ๑

เพื่อใชพ้ ัฒนางานเขียน ๐

๔. เขียนเรียงความ ๒

๕. เขียนยอ่ ความจากเรือ่ งทีอ่ ่าน

๖. เขียนจดหมายสว่ นตัว

๗. กรอกแบบรายการต่างๆ

๘. เขียนเรื่องตามจินตนาการและสรา้ งสรรค์

๙. มมี ารยาทในการเขยี น 

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมี
วจิ ารณญาณและสร้างสรรค์

๑. พูดแสดงความรู้ ความเขา้ ใจจดุ ประสงค์ของ ๐

เร่ืองที่ฟงั และดู

๒. ต้งั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลจากเร่อื ง ๐

ที่ฟังและดู

๓. วิเคราะหค์ วามนา่ เช่อื ถือจากการฟังและดูสอื่ ๐
โฆษณาอย่างมีเหตุผล ๒/๖

๔. พดู รายงานเรื่องหรือประเด็นทีศ่ ึกษาคน้ คว้า ๑

จากการฟัง การดู และการสนทนา

๕. พูดโนม้ นา้ วอย่างมีเหตุผลและน่าเช่อื ถอื ๐

๖. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ๑

แผนการจดั การเรยี นรู้
ตัวชว้ี ดั ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ความถี่ รวม

สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา
และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ

๑. วเิ คราะหช์ นดิ และหน้าทขี่ องคาในประโยค  ๑

๒. ใช้คาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ๐

๓. รวบรวมและบอกความหมายของคา ๐

ภาษาตา่ งประเทศท่ใี ช้ในภาษาไทย ๐ ๑/๖
๔. ระบลุ ักษณะของประโยค

๕. แตง่ บทร้อยกรอง ๐

๖. วิเคราะห์และเปรียบเทยี บสานวนท่เี ป็นคา ๐

พงั เพยและสุภาษิต

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ

จรงิ

๑. แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดหี รือ ๐

วรรณกรรมท่ีอา่ น

๒. เลา่ นิทานพ้นื บ้านท้องถิ่นตนเองและนิทาน ๑

พ้ืนบา้ นของท้องถิ่นอน่ื ๐ ๑/๔
๓. อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่

อา่ นและนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ

๔. ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อย ๐

กรองทมี่ คี ุณค่าตามความสนใจ

๔. แผนภาพมโนทศั น์ของหน่วยการเรียนรู้ สาระที่ ๒ การเขยี น
K1= หลกั การเขียนย่อความ
สาระท่ี ๑ การอา่ น P1= เขยี นย่อความ
K1= หลกั การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง A1= มีมารยาทในการเขยี น
P1= อ่านออกเสียงรอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรอง
A1= มีมารยาทในการอ่าน หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕
นิทานแสนสนุก
สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
K1=บอกความหมายของคานาม สาระท่ี ๒ การฟัง การดู และการพูด
K2=บอกความหมายของคาสรรพนาม K1= หลกั การพดู รายงานการคน้ คว้าความรู้
K3=บอกความหมายของคากรยิ า P1= พดู รายงานการค้นคว้าความรู้
P1=จาแนกชนดิ ของคานาม A1= มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู
P2=จาแนกชนิดของคาสรรพนาม
P3=จาแนกชนดิ ของคากริยา
A1=เหน็ ความสาคัญของการเรียนรู้เรื่องคานาม
A2=เหน็ ความสาคัญของการเรยี นรูเ้ รื่องคาสรรพนาม
A3= เห็นความสาคัญของการเรียนรู้เรอ่ื งคากรยิ า

สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม

K1= บอกความหมายของนทิ านพน้ื บา้ น
P1= เลา่ นทิ านพืน้ บา้ น
A1= เห็นความสาคัญของนิทานพื้นบา้ นแต่ละเร่ือง

๕. ตารางการวิเคราะห์บทเรยี นตามมาตรฐานตัวชีว้ ัดและสาระการเรียนรู้

เรือ่ ง การอ่าน การเขียน การฟงั ดู หลกั และการ วรรณคดี คณุ ค่าของบทเรียน
พูด ใช้ภาษาไทย และ
วรรณกรรม

นิทานแสนสนกุ - อา่ นออก - เขยี นย่อ - พูดรายงาน - วเิ คราะห์ - เลา่ นิทาน บทเรียนเรอื่ ง นทิ านแสน
เสียงบทรอ้ ย ความ การศกึ ษา ชนดิ และ พืน้ บา้ น สนกุ เป็นบทเรียนท่ี
แกว้ และร้อย - มีมารยาท คน้ คว้า หนา้ ท่ีของคา กล่าวถึงเรอ่ื งราวของกลมุ่
กรอง ในการเขียน - มมี ารยาท ในประโยค หน่งึ ที่จดั กิจกรรมบาเพญ็
- มีมารยาท ในการฟัง ประโยชนโ์ ดยการเลา่
ในการอ่าน การดู และ นิทานใหเ้ ด็ก ๆ ฟงั และ
การพูด นักเรยี นจะไดเ้ รยี นรู้
คาศัพท์ในบทเรียน การ
อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว
ความหมายของคา คานาม
คาสรรพนาม คากรยิ า การ
เขยี นย่อความ การพดู
รายงานการศึกษาคน้ ควา้
และการเล่านิทานพนื้ บ้าน
แตล่ ะภาค นกั เรียนควร
เรยี นบทเรียนเรอ่ื ง นทิ าน
แสนสนุก ดว้ ยความตัง้ ใจ
และปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ย
ความกระตือรือร้น

๖. จดุ ประสงค์การเรียนรูแ้ ละสาระการเรยี นรรู้ ะดบั หน่วย

แผนที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้

เมื่อนกั เรียนได้เรยี นเรื่อง “อ่านรอ้ ยแกว้ ใหแ้ คลว่ คล่อง” แล้วนกั เรียน ๑. การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้

สามารถ ๒. คาศัพทใ์ นบทเรยี น

๑ ๑. บอกความหมายของคาศัพทไ์ ด้ (K)
๒. อ่านออกเสียงได้ (P)

๓. เขยี นสะกดคาได้ (P)

๔. ตระหนกั ถึงความสาคัญของการเรยี นรู้คาศพั ท์ (A)

เมื่อนักเรยี นได้เรยี นเรื่อง “คานาม จาขนึ้ ใจ” แล้วนักเรยี นสามารถ ๑. คานาม

๒ ๑. บอกความหมายของคานามได้ (K)
๒. จาแนกชนิดของคานามได้ (P)

๓. เหน็ ความสาคัญของการเรียนรู้เรอื่ งคานาม (A)

เมื่อนกั เรียนได้เรยี นเรื่อง “สรรพนาม ตามความ” แล้วนกั เรยี นสามารถ ๑. คาสรรพนาม

๓ ๑. บอกความหมายของคาสรรพนามแตล่ ะชนดิ ได้ (K)
๒. เลือกใช้คาสรรพนามได้ (P)

๓. เหน็ ความสาคัญของการเรียนรูเ้ รอ่ื งคาสรรพนาม (A)

เม่อื นกั เรียนได้เรียนเร่ือง “คากริยาพา สือ่ ความ” แลว้ นักเรียนสามารถ ๑. คากริยา

๔ ๑. บอกความหมายของคากริยาแตล่ ะชนิดได้ (K)
๒. เลอื กใช้คากรยิ าเพ่ือการสื่อสารได้อยา่ งเหมาะสม (P)

๓. เหน็ ความสาคัญของการเรียนรเู้ รื่องคากริยา (A)

เมื่อนกั เรียนไดเ้ รยี นเร่ือง “ยอ่ ความ ตามเรื่อง” แล้วนักเรียนสามารถ ๑. การเขยี นย่อความ

๕ ๑. บอกหลักการเขียนยอ่ ความได้ (K)
๒. เขยี นย่อความจากเรื่องท่ีอ่านได้ (P)

๓. มีมารยาทในการเขียน (A)

เมอ่ื นกั เรยี นได้เรยี นเรื่อง “แสดงความรู้ สปู่ ระชา” แลว้ นกั เรยี น ๑. พดู รายงานการค้นคว้าความรู้

สามารถ

๖ ๑. บอกหลักการพดู รายงานการค้นคว้าได้ (K)

๒. พูดรายงานการศึกษาคน้ ควา้ ได้ (P)

๓. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด (A)

๗ เมื่อนกั เรยี นไดเ้ รยี นเรื่อง “เล่าเฟื่อง เรื่องนิทาน” แล้วนกั เรียนสามารถ ๑. เล่านิทานพ้นื บ้าน
๑. บอกความหมายของนทิ านพื้นบา้ นได้ (K)

แผนท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้

๒. เลา่ นิทานพนื้ บ้านได้ (P)
๓. เหน็ ความสาคญั ของนทิ านพ้นื บ้านแตล่ ะเรอื่ ง (A)

๗. กิจกรรมและช้ินงานท่ีสาคัญ/ ๘. การวัดและการประเมินผล

แผน กิจกรรมและชน้ิ งานท่สี าคญั วธิ ีการวัด การวัดและประเมินผล เกณฑ์ผา่ น
ท่ี เครอื่ งมือทีใ่ ช้วัด

๑. บอกความหมายของคาศพั ท์ (K) ตรวจใบกิจกรรมบิงโก แบบตรวจใบกิจกรรม ได้คะแนนร้อยละ ๗๐

คาศัพท์ บิงโกคาศัพท์ ขึ้นไป

๒. อา่ นออกเสียง (P) สังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ได้คะแนนร้อยละ ๗๐

๑ ๓. เขยี นสะกดคา (P) อา่ น การอ่าน ขึ้นไป
ตรวจใบกจิ กรรมบงิ โก แบบตรวจการเขยี น ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐

คาศัพท์ คาศัพท์ ขนึ้ ไป

๔. ตระหนักถึงความสาคญั ของการ สังเกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี

เรียนรูค้ าศัพท์ (A) ตอบคาถาม การตอบคาถาม ขน้ึ ไป

๑. บอกความหมายของคานาม (K) สังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ได้คะแนนรอ้ ยละ ๗๐

ตอบคาถาม การตอบคาถาม ขึ้นไป

๒ ๒. จาแนกชนดิ ของคานาม (P) ตรวจแบบทดสอบเรื่อง แบบตรวจแบบทดสอบ ได้คะแนนรอ้ ยละ ๗๐

คานาม จาข้ึนใจ เรอื่ ง คานาม จาข้นึ ใจ ขนึ้ ไป

๓. เห็นความสาคัญของการเรียนรู้เรื่อง สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ในระดับ ดี

คานาม (A) ตอบคาถาม การตอบคาถาม ขึ้นไป

๑. บอกความหมายของคาสรรพนาม ตรวจแบบทดสอบเรื่อง แบบตรวจแบบทดสอบ ได้คะแนนร้อยละ ๗๐

แตล่ ะชนิด (K) คาสรรพนาม ตาม เร่อื ง คาสรรพนาม ขึ้นไป

ความ ตามความ

๓ ๒. เลือกใช้คาสรรพนาม (P) ตรวจแบบทดสอบเร่ือง แบบตรวจแบบทดสอบ ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๗๐

คาสรรพนาม ตาม เรื่อง คาสรรพนาม ขึ้นไป

ความ ตามความ

๓. เห็นความสาคญั ของการเรียนรเู้ ร่ือง สังเกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ในระดับ ดี

คาสรรพนาม (A) ตอบคาถาม การตอบคาถาม ขน้ึ ไป

๑. บอกความหมายของคากริยาแตล่ ะ ตรวจแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง แบบตรวจแบบฝึกหดั ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐

ชนิด (K) คากริยา พาสื่อความ เร่อื ง ข้ึนไป

คากริยา พาสือ่ ความ

๔ ๒. เลือกใช้คากรยิ าเพื่อการส่ือสาร (P) ตรวจแบบฝึกหดั เรอ่ื ง แบบตรวจแบบฝกึ หดั ได้คะแนนร้อยละ ๗๐

คากริยา พาสือ่ ความ เร่อื ง ขึ้นไป

คากรยิ า พาสอ่ื ความ

๓. เหน็ ความสาคัญของการเรียนรู้เรื่อง สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี

แผน กิจกรรมและชิน้ งานที่สาคญั วธิ กี ารวดั การวัดและประเมนิ ผล เกณฑผ์ ่าน
ที่ ตอบคาถาม เครอ่ื งมือทใ่ี ช้วดั ข้ึนไป
สังเกตพฤตกิ รรมการ การตอบคาถาม
คากรยิ า (A) ตอบคาถาม ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
แบบฝกึ หดั การเขยี น แบบสงั เกตพฤติกรรม ข้ึนไป
๑. บอกหลักการเขียนย่อความได้ (K) ย่อความจากนิทาน การตอบคาถาม
แบบฝกึ หดั การเขียน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
๕ ๒. เขียนย่อความจากเร่อื งที่อ่านได้ (P) ยอ่ ความจากนทิ าน แบบประเมนิ การเขียน ขึ้นไป
๓. มมี ารยาทในการเขยี น (A) สงั เกตพฤติกรรมการ ย่อความ
ตอบคาถาม ผ่านเกณฑ์ในระดับ
๑. บอกหลักการพูดรายงานการศึกษา สังเกตพฤติกรรมการ แบบประเมนิ การมี ดี ขึ้นไป
คน้ ควา้ (K) พดู รายงานการศึกษา มารยาทในการเขียน
แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
๖ ๒. พูดรายงานการศึกษาคน้ คว้า (P) คน้ คว้า ข้ึนไป
สังเกตพฤตกิ รรมการ การตอบคาถาม
๓. มีมารยาทในการฟัง การดู และการ พูดรายงานการศึกษา แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
พดู (A) ขึน้ ไป
ค้นคว้า การพดู รายงาน
๑. บอกความหมายของนิทานพืน้ บา้ น สังเกตพฤติกรรมการ การศกึ ษาค้นคว้า ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี
(K) แบบสงั เกตพฤติกรรม ขึ้นไป
๒. เลา่ นิทานพนื้ บ้าน (P) ตอบคาถาม การมมี ารยาทในการ
๗ ฟงั การดู และการพดู ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ขึ้นไป
๓. เหน็ ความสาคญั ของนทิ านพ้ืนบ้าน
แตล่ ะเร่อื ง (A) เล่านิทาน การตอบคาถาม ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐
ข้นึ ไป
สังเกตพฤตกิ รรมการ แบบประเมนิ การเล่า
ผ่านเกณฑ์ในระดับ
ตอบคาถาม นิทาน ดี ข้นึ ไป

แบบสังเกตพฤติกรรม

การตอบคาถาม

๙. สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้

แผนที่ ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
๑ ๑. ส่อื PowerPoint กิจกรรม “๑๐ วินาที ต้องตอบให้ได้กับคาถามนี้”
๒. บตั รความหมายของคาศพั ท์
๓. หนังสอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทยชดุ ภาษาเพือ่ ชีวติ ภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖
๒ ๑. บตั รคานาม
๒. สือ่ การเรียนรู้ Pop up twist เรอื่ งคานาม
๓. ส่อื PowerPoint เร่อื ง คานาม
๓ ๑. บตั รคาสรรพนาม
๒. สื่อการเรยี นรู้ Pop up twist เรอ่ื งคาสรรพนาม
๓. แถบประโยคตัวอย่างการใช้คาสรรพนามแต่ละชนิด
๔ ๑. แถบประโยคท่ีแยกคาออกเป็นสว่ น ๆ
๒. สอ่ื การเรยี นรู้ Pop up twist เรอ่ื งคากรยิ า
๕ ๑. แถบตัวอย่างการเขียนย่อความ
๒. แถบบทความทน่ี ามาเขยี นย่อความ
๓. แถบขอ้ ความหลกั การเขยี นย่อความ
๖ ๑. แถบข้อความเก่ียวกับการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้าและข้อความท่ีไม่เก่ียวกับการพูดรายงาน
การศึกษาคน้ ควา้
๒. ส่อื วีดิทศั น์ การพดู รายงาน
๓. ใบความรเู้ ร่อื งเพศศึกษา เทคนิคความสวย อาถรรพ์แมวดา และซีอุย มนุษยก์ ินคน
๗ ๑. แผ่นป้ายคาใบ้นิทานพืน้ บา้ น
๒. นิทานพ้ืนบา้ นท้งั ๔ ภาค

๑๐. แผนการจดั การเรียนรรู้ ะดบั หน่วย

แผนที่ ชอ่ื แผนการจัดการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ กจิ กรรมสาคัญ

เมื่อนักเรยี นได้เรียนเรื่อง “อา่ นรอ้ ยแกว้ ให้ ๑. กิจกรรม “๑๐ วนิ าที

“อ่านร้อยแก้วให้ แคล่วคล่อง” แลว้ นักเรียนสามารถ ตอ้ งตอบใหไ้ ด้กบั คาถามน้ี”
แคล่วคล่อง” ๒. กิจกรรม “บงิ โกคาศัพท์”
๑ ๑. บอกความหมายของคาศพั ทไ์ ด้ (K)
๒. อา่ นออกเสยี งได้ (P)

๓. เขยี นสะกดคาได้ (P)

๔. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการเรยี นรคู้ าศัพท์ (A)

เมอ่ื นักเรียนได้เรียนเรื่อง “คานาม จาขึน้ ใจ” แล้ว ๑. กจิ กรรม “จดั หมู่ ดชู อื่ ”

นกั เรยี นสามารถ ๒. กิจกรรม “คานาม
๒ “คานาม จาข้นึ ใจ” ๑. บอกความหมายของคานามได้ (K) ตามใจ”

๒. จาแนกชนิดของคานามได้ (P)

๓. เหน็ ความสาคญั ของการเรียนรเู้ รื่องคานาม (A)

เมือ่ นักเรยี นไดเ้ รียนเร่ือง “สรรพนาม ตามความ” แลว้ ๑. กจิ กรรม “จดั หมู่ ดูชื่อ”

นกั เรียนสามารถ ๒. กจิ กรรม “คาสรพนาม

๓ “สรรพนาม ตามความ” ๑. บอกความหมายของคาสรรพนามแตล่ ะชนิดได้ (K) ตามความ”
๒. เลอื กใช้คาสรรพนามได้ (P)

๓. เหน็ ความสาคญั ของการเรียนรู้เรื่องคาสรรพนาม

(A)

เมือ่ นักเรยี นได้เรียนเร่ือง “คากริยาพา สือ่ ความ” แล้ว ๑. กิจกรรม “จาแนก แยก

นกั เรยี นสามารถ กลุ่ม”

๔ “คากริยาพา สอื่ ความ” ๑. บอกความหมายของคากริยาแตล่ ะชนิดได้ (K)
๒. เลือกใช้คากริยาเพ่ือการส่ือสารได้อย่างเหมาะสม

(P)

๓. เหน็ ความสาคัญของการเรียนรู้เรื่องคากริยา (A)

เม่อื นกั เรียนไดเ้ รียนเร่ือง “ย่อความ ตามเรื่อง” แล้ว ๑. กจิ กรรม “แตกต่างอย่า

นกั เรียนสามารถ ไร”
๕ “ยอ่ ความ ตามเรื่อง” ๑. บอกหลักการเขียนย่อความได้ (K) ๒. กจิ กรรม “แถบไหน

๒. เขียนยอ่ ความจากเร่ืองทีอ่ ่านได้ (P) ไม่ใช่”

๓. มมี ารยาทในการเขยี น (A)

๖ “แสดงความรู้ ส่ปู ระชา” เมอ่ื นักเรียนไดเ้ รียนเรื่อง “แสดงความรู้ สูป่ ระชา” ๑. กจิ กรรม “ใชห่ รือไม่”

แผนท่ี ชอื่ แผนการจัดการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ กิจกรรมสาคัญ

แลว้ นักเรยี นสามารถ ๒. กจิ กรรม “ศึกษา ค้นควา้

๑. บอกหลักการพดู รายงานการค้นคว้าได้ (K) รายงาน”

๒. พดู รายงานการศึกษาค้นควา้ ได้ (P)

๓. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู (A)

เมอ่ื นกั เรียนไดเ้ รยี นเรื่อง “เล่าเฟอ่ื ง เรือ่ งนิทาน” แล้ว ๑. กจิ กรรม “เปิดแผ่นปา้ ย

นกั เรยี นสามารถ ทายเรื่อง”
๗ “เล่าเฟื่อง เรื่องนิทาน” ๑. บอกความหมายของนทิ านพน้ื บ้านได้ (K) ๒. กิจกรรม “จับเขา้ เลา่
เรื่อง”
๒. เลา่ นทิ านพ้ืนบ้านได้ (P)

๓. เห็นความสาคญั ของนิทานพ้นื บา้ นแต่ละเรอ่ื ง (A)


Click to View FlipBook Version