The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายสมาน ล้ําลอง, 2023-03-15 02:55:28

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA)

ข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ

คำนำ เอกสารข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ตามหลักเกณฑ์และ วิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ ตามหนังสือ ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว11 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ได้ดำเนินการตามตัวชี้วัด ตามคู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินและวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ ต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาให้เห็นชอบ สมาน ล้ำลอง


สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1 ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ 10


1 PA 1/ศน. แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์วิทยฐานะศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ (ทุกสังกัด) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ระหว่างวันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 30 เดือน กันยายน พ.ศ.2566 ผู้จัดทำข้อตกลง ชื่อ – สกุล นายสมาน ล้ำลอง ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์วิทยฐานะ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ ตำแหน่งเลขที่ 7 หน่วยงานการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น ส่วนราชการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รับเงินเดือนในอันดับ คศ. 3 อัตราเงินเดือน 34,490 บาท ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตำแหน่งศึกษานิเทศก์วิทยฐานะศึกษานิเทศก์ ชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้บังคับบัญชา ไว้ดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. ภาระงานจะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด เต็มเวลา ไม่เต็มเวลา ภาระงานที่รับผิดชอบในปีงบประมาณ 2566 มีดังนี้ 1.1 ปฏิบัติหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา 1.2 รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 1.3 รับผิดชอบการนิเทศ ติดตามผล รายงานผล และประสานความร่วมมือในการพัฒนาการ บริหารและการจัดการศึกษา ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาขอนแก่น ทุกโรงเรียนและนิเทศ ติดตามและประเมินผลเป็นกรณีพิเศษ ในสหวิทยาเขตพระธาตุขามแก่น จำนวน 9 โรงเรียน 1.4 รับผิดชอบโครงการ /กิจกรรม ดังนี้ 1) โครงการยกระตับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สารสนเทศ (วิทยาการคำนวณ) 2) โครงการคลังสื่ออีเล็กทรอนิกส์ (OBEC Content Center) 3) โครงการนิเทศ ติดตามการขับเคลื่อน Coding และ โรงเรียนแกนนำ DLIT 4) โครงการโรงเรียนคอนเน็กซ์อีดี (สานอนาคตการศึกษา) (CONNEXT ED) 5) โครงการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ PLC-KKsec Model


2 6) โครงการบูรณาการการเรียนรู้ภายใน/ภายนอกสถานที่ 7) โครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่าน Active Learning กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 8) โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และการจัดการเรียนการสอน 1.5 ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย 2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งศึกษานิเทศก์ (ให้ระบุรายละเอียดของงานที่จะปฏิบัติในแต่ละด้านว่า จะดำเนินการอย่างไร โดยอาจระบุระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการด้วยก็ได้) ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์(Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 1. ด้านการนิเทศการศึกษา ลักษณะงานที่เสนอให้ ครอบคลุมถึงการออกแบบ จัดทำ แผนการนิเทศการศึกษา การคัดสรร สร้าง พัฒนา สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีการ ปฏิบัติการนิเทศ การพัฒนางาน วิชาการ ประสานงานกับ หน่วยงาน สถานประกอบการ และการรายงานผลการนิเทศ 1.1 ออกแบบ จัดทำแผนการ นิเทศการศึกษา ดำเนินการออกแบบ จัดทำแผนการนิเทศการศึกษา ให้สอดคล้องกับบริบทของ สถานศึกษา หน่วยงาน การศึกษา หรือผู้รับการนิเทศ และริเริ่ม คิดค้น พัฒนา การนิเทศการศึกษาที่ส่งผล ต่อคุณภาพ ครูและผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง 1.2 คัดสรร สร้าง พัฒนา สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ริเริ่ม คิดค้น พัฒนา สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับแผนการนิเทศ การศึกษา บริบทของ สถานศึกษา หน่วยงาน การศึกษาหรือผู้รับการนิเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาการนิเทศการศึกษา - มีแผนการนิเทศการศึกษา ที่สอดคล้องกับบริบทของ สถานศึกษา หน่วยงาน การศึกษา หรือผู้รับการ นิเทศ ตลอดจนริเริ่ม คิดค้น พัฒนา รูปแบบการนิเทศ การศึกษา ที่ส่งผลต่อ คุณภาพครู และผู้เรียน และ เป็นแบบอย่าง - การพัฒนาการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) สำหรับ ครู เพื่อเสริมพลังการเรียนรู้ ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 - สถานศึกษาในสังกัด สพม. ขอนแก่น ร้อยละ 100 ได้รับการ พัฒนาด้วยแผนการนิเทศ การศึกษาที่สอดคล้องกับบริบท ของสถานศึกษา - สถานศึกษาในสังกัด สพม. ขอนแก่น ร้อยละ 100 ได้รับการ พัฒนาการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) สำหรับครู เพื่อเสริม พลังการเรียนรู้ของผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21


3 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์(Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) ให้มีผลต่อคุณภาพครู และผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง ได้ 1.3 นิเทศ ให้คำปรึกษา มีการนิเทศ ให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะเป็นพี่เลี้ยง ให้ครู สถานศึกษา และ หน่วยงานการศึกษา ตามแผนการนิเทศการศึกษา ใดยเน้นการมีส่วนร่วม และ สามารถพัฒนาการนิเทศ การศึกษา เพื่อให้ผู้รับการ นิเทศพัฒนาการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ให้มีผล ต่อคุณภาพครูและผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง 1.4 การพัฒนางานวิชาการ การพัฒนางานวิชาการ ให้ครู สถานศึกษา และ หน่วยงานการศึกษา สามารถ จัดการศึกษาได้บรรลุผล ตามแผนการนิเทศการศึกษา โดยเน้นการมีส่วนร่วม และ สามารถพัฒนาการนิเทศ การศึกษา เพื่อให้ผู้รับการ นิเทศพัฒนาการจัดการเรียนรู้ - สถานศึกษาในสังกัด สพม. ขอนแก่น ได้รับการนิเทศ ให้ คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะ - เป็นพี่เลี้ยงให้ครู สถานศึกษา และหน่วยงาน การศึกษาตามแผนการนิเทศ การศึกษา ใดยเน้นการมี ส่วนร่วม - สามารถพัฒนา การนิเทศการศึกษา เพื่อให้ ผู้รับการนิเทศ พัฒนา การจัดการเรียนรู้ หรือการ จัดการศึกษา ให้มีผลต่อ คุณภาพครูและผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง - พัฒนางานวิชาการ ให้ ครู สถานศึกษา และ หน่วยงานการศึกษา สามารถจัดการศึกษาได้ บรรลุผลตามแผนการนิเทศ การศึกษาโดยเน้นการมีส่วน ร่วม - พัฒนาการนิเทศการศึกษา เพื่อให้ผู้รับการนิเทศ - สถานศึกษาในสังกัด สพม. ขอนแก่น ร้อยละ 100 ได้รับการ นิเทศ ให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะ - เป็นพี่เลี้ยงให้ครู สถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษาตาม แผนการนิเทศการศึกษา ใดยเน้น การมีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก - สามารถพัฒนาการนิเทศ การศึกษา เพื่อให้ผู้รับการนิเทศ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ หรือการ จัดการศึกษา ให้มีผลต่อคุณภาพ ครูและผู้เรียนและเป็นแบบอย่าง อยู่ในระดับมาก - พัฒนางานวิชาการให้ครู สถานศึกษา และหน่วยงาน การศึกษา สามารถจัดการศึกษา ได้บรรลุผลตามแผนการนิเทศ การศึกษาโดยเน้นการมีส่วนร่วม อยู่ในระดับมาก - พัฒนาการนิเทศการศึกษา เพื่อให้ผู้รับการนิเทศพัฒนาการ


4 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์(Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) หรือการจัดการศึกษา ให้มีผล ต่อคุณภาพครูและผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง 1.5 ประสานงานกับ หน่วยงาน สถาน ประกอบการ ประสานงานกับหน่วยงาน สถานประกอบการและผู้มี ส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้ครู สถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา สามารถจัดการศึกษา ได้บรรลุผล ตามแผนการนิเทศ การศึกษา โดยเน้นการมีส่วน ร่วมและสามารถพัฒนา การนิเทศการศึกษา เพื่อให้ ผู้รับการนิเทศพัฒนา การจัดการเรียนรู้ หรือการจัด การศึกษา ให้มีผลต่อคุณภาพ ครูและผู้เรียนที่สอดคล้องกับ การดำเนินงานขับเคลื่อน อาชีวนวัตวิถีสู่การเรียนรู้ 1.6 ติดตามและประเมินผล การจัดการศึกษา มีการติดตามและ ประเมินผลการจัดการศึกษา ของครู สถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา ให้สามารถจัดการศึกษา พัฒนาการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ให้มี ผลต่อคุณภาพครูและผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง - ประสานงานกับหน่วยงาน สถานประกอบการและผู้มี ส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้ครู สถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา สามารถจัดการศึกษา ได้บรรลุผล ตามแผนการ นิเทศการศึกษาโดยเน้นการ มีส่วนร่วม - สามารถพัฒนาการนิเทศ การศึกษาเพื่อให้ผู้รับการ นิเทศพัฒนา การจัดการเรียนรู้ หรือการ จัดการศึกษา ให้มีผลต่อ คุณภาพครูและผู้เรียน - ติดตามและประเมินผล การจัดการศึกษา ของครู สถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา ให้สามารถจัดการศึกษา จัดการเรียนรู้ หรือการจัด การศึกษา ให้มีผลต่อคุณภาพครู และผู้เรียน และเป็นแบบอย่าง อยู่ในระดับมาก - ครู สถานศึกษาและหน่วยงาน การศึกษาสามารถประสานงานกับ หน่วยงาน สถานประกอบการและ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม สนับสนุนเพื่อจัดการศึกษาได้ บรรลุผลตามแผนการนิเทศ การศึกษา โดยเน้นการมีส่วนร่วม อยู่ในระดับมาก - ครู สถานศึกษา และหน่วยงาน การศึกษาร้อยละ 80ได้รับการ นิเทศการศึกษา เพื่อให้พัฒนา การจัดการเรียนรู้ หรือการจัด การศึกษาให้มีผลต่อคุณภาพ - ครูสถานศึกษา และหน่วยงาน การศึกษา ร้อยละ 80ได้รับการ ติดตามและประเมินผลการจัด การศึกษาตามแผนการนิเทศ การศึกษาโดยเน้นการมีส่วนร่วม


5 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์(Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) ได้บรรลุผลตามแผนการนิเทศ การศึกษา โดยเน้นการมีส่วน ร่วม และสามารถพัฒนา การนิเทศการศึกษา เพื่อให้ ผู้รับการนิเทศ พัฒนาการ จัดการเรียนรู้หรือการจัด การศึกษา ให้มีผลต่อคุณภาพ ครูและผู้เรียน และเป็น แบบอย่าง 1.7 รายงานผลการนิเทศ จัดทำรายงานผลการ นิเทศการศึกษา สอดคล้องกับ แผนการนิเทศการศึกษา โดย วิเคราะห์สังเคราะห์ สะท้อน ผลการนิเทศที่แสดงถึงการ ริเริ่ม คิดค้น และพัฒนาผู้รับ การนิเทศ หรือผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูล สารสนเทศในการพัฒนางาน วิชาการและการจัดการศึกษา และเป็นแบบอย่าง ได้บรรลุผลตามแผนการ นิเทศการศึกษาโดยเน้นการ มีส่วนร่วม - พัฒนาการนิเทศการศึกษา เพื่อให้ผู้รับการนิเทศ พัฒนาการจัดการเรียนรู้หรือ การจัดการศึกษา ให้มีผลต่อ คุณภาพครู และผู้เรียน และ เป็นแบบอย่าง - จัดทำรายงานผลการนิเทศ การศึกษา สอดคล้องกับ แผนการนิเทศการศึกษา โดยวิเคราะห์สังเคราะห์ สะท้อนผลการนิเทศที่แสดง ถึงการริเริ่ม คิดค้น - พัฒนาผู้รับการนิเทศ หรือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลสารสนเทศ ในการพัฒนางานวิชาการ และการจัดการศึกษา และเป็นแบบอย่าง - ครูและผู้เรียนร้อยละ 80 ได้รับ การนิเทศการศึกษา เพื่อ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ให้มีผลต่อ คุณภาพ - จัดทำรายงานผลการนิเทศ การศึกษาสอดคล้องกับแผนการ นิเทศการศึกษา โดยวิเคราะห์ สังเคราะห์ สะท้อนผลการนิเทศ ที่แสดงถึงการริเริ่ม คิดค้น - พัฒนาผู้รับการนิเทศ หรือผู้มี ส่วนเกี่ยวข้อง ร้อยละ 80 มีข้อมูลสารสนเทศในการพัฒนา งานวิชาการและการจัดการศึกษา และเป็นแบบอย่าง


6 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 2. ด้านการส่งเสริมและ สนับสนุนการจัดการศึกษา ลักษณะงานที่เสนอ ให้ครอบคลุมถึง การวางแผนการส่งเสริม สนับสนุนและการ พัฒนาการจัดการศึกษา การเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้กับสถานศึกษา/ หน่วยงานการศึกษา การติดตามประเมินผล การส่งเสริมสนับสนุน การจัดการศึกษาและ การจัดทำรายงาน สารสนเทศ 2.1 วางแผนการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการจัด การศึกษา วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และความต้องการจำเป็น สังเคราะห์สารสนเทศที่ เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน โดย เน้นการมีส่วนร่วมเป็น แบบอย่างในการวางแผน การ ส่งเสริม สนับสนุน เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษา 2.2 เสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้กับสถานศึกษา/หน่วยงาน การศึกษา ประสานความร่วมมือกับ หน่วยงาน องค์กรหรือ สถานประกอบการ รวมถึงภูมิ ปัญญาหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนาการจัดการศึกษา โดยเป็นแบบอย่าง ในการ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สถานศึกษา หรือหน่วยงาน การศึกษา - วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และความต้องการจำเป็น สังเคราะห์สารสนเทศที่ เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านโดย เน้นการมีส่วนร่วม - เป็นแบบอย่าง ในการ วางแผน การส่งเสริม สนับสนุนเพื่อพัฒนาการจัด การศึกษา - ประสานความร่วมมือกับ หน่วยงาน องค์กร หรือสถานประกอบการ รวมถึงภูมิปัญญา หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วน ร่วมในการพัฒนาการจัด การศึกษาโดยเป็นแบบอย่าง ในการเสริมสร้างความ เข้มแข็งให้กับสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษา - วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และความต้องการจำเป็น สังเคราะห์สารสนเทศที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน โดยเน้นการ มีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก - เป็นแบบอย่างในการวางแผน การส่งเสริม สนับสนุนเพื่อ พัฒนาการจัดการศึกษาอยู่ใน ระดับมาก - ประสานความร่วมมือกับ หน่วยงาน องค์กร หรือสถาน ประกอบการ รวมถึงภูมิปัญญา หรือผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาการจัดการศึกษาโดยเป็น แบบอย่าง ในการเสริมสร้างความ เข้มแข็งให้กับสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาอยู่ใน ระดับมาก


7 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบการ ประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับ การนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงาน การศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือ มีการพัฒนามากขึ้นหรือผู้เรียนมี ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 2.3 ติดตามประเมินผลการ ส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษา ติดตาม ประเมินผล การส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษาของสถานศึกษาหรือ หน่วยงานการศึกษา เน้นการมี ส่วนร่วมเป็นแบบอย่างและ สามารถจัดการศึกษาได้ บรรลุผลตามพันธกิจ 2.4 จัดทำรายงานสารสนเทศ วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ รายงานสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ต่อการส่งเสริมและ สนับสนุนการจัดการศึกษาต่อ สถานศึกษาและหน่วยงาน การศึกษา - ติดตาม ประเมินผล การส่งเสริม สนับสนุนการ จัดการศึกษาของ สถานศึกษาหรือหน่วยงาน การศึกษาโดยเน้นการมีส่วน ร่วม - เป็นแบบอย่างและ สามารถจัดการศึกษาได้ บรรลุผลตามพันธกิจ - วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ รายงานสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ต่อการส่งเสริม และสนับสนุนการจัด การศึกษาต่อสถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา - ติดตาม ประเมินผล การส่งเสริม สนับสนุนการจัด การศึกษาของสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาโดยเน้น การมีส่วนร่วมอยู่ในระดับมาก - เป็นแบบอย่างและสามารถจัด การศึกษาได้บรรลุผลตาม พันธกิจอยู่ในระดับมาก - วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ รายงานสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ต่อการส่งเสริมและ สนับสนุนการจัดการศึกษาต่อ สถานศึกษาและหน่วยงาน การศึกษาอยู่ในระดับมาก


8 ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบ การประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้รับการนิเทศ หรือ สถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือมีการพัฒนามากขึ้นหรือ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) 3. ด้านการพัฒนาตนเอง และวิชาชีพ ลักษณะงานที่เสนอ ให้ครอบคลุมถึงการพัฒนา ตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ การเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางวิชาชีพ เพื่อปรับประยุกต์ การจัดการเรียนรู้และการจัด การศึกษา การนำความรู้ ความสามารถ ทักษะ ที่ได้ จากการพัฒนาตนเอง และวิชาชีพมาใช้ ในการพัฒนาการจัดการ เรียนรู้การคุณภาพผู้เรียน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ที่มีผล ต่อคุณภาพครูและผู้เรียน และเผยแพร่องค์ความรู้ด้าน การนิเทศการจัดการเรียนรู้ และการจัดการศึกษา และ 3.1 พัฒนาตนเองให้มี ความรู้ ความสามารถ ทักษะ การใช้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เพื่อการ สื่อสาร การใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อการศึกษา สมรรถนะทางวิชาชีพ ศึกษานิเทศก์และความรอบ รู้ ในเนื้อหา ที่นิเทศให้สูงขึ้น เป็นแบบอย่าง 3.2 เป็นผู้นำในการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทาง วิชาชีพเพื่อพัฒนา การจัดการเรียนรู้ และ การจัดการศึกษา 3.3 นำความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้ จากการพัฒนาตนเอง และวิชาชีพมาใช้ในการ พัฒนาการนิเทศการศึกษา - พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ การใช้ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเพื่อ การสื่อสาร การใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา สมรรถนะ ทางวิชาชีพศึกษานิเทศก์ และความรอบรู้ ในเนื้อหา ที่นิเทศให้สูงขึ้น - เป็นผู้นำในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนา การจัดการเรียนรู้ และ การจัดการศึกษา - นำความรู้ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนา ตนเอง และวิชาชีพมาใช้ใน การพัฒนาการนิเทศ การศึกษา ให้มีผลต่อ - พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ การใช้ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเพื่อการ สื่อสาร การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา สมรรถนะทาง วิชาชีพศึกษานิเทศก์และความ รอบรู้ ในเนื้อหาที่นิเทศให้สูง ขึ้นอยู่ในระดับมาก - เป็นผู้นำในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนา การจัดการเรียนรู้ และ การจัดการศึกษาอยู่ในระดับมาก - นำความรู้ความสามารถ ทักษะที่ ได้จากการพัฒนาตนเอง และ วิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการ นิเทศการศึกษาให้มีผลต่อคุณภาพ ครูและผู้เรียนอยู่ในระดับมาก


9 หมายเหตุ 1. รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตามแบบ PA 1 ให้เป็นไปตามบริบท สถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษา นโยบายของส่วนราชการและกระทรวงศึกษาธิการ โดยความเห็นชอบ ร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชาและศึกษานิเทศก์ผู้จัดทำข้อตกลง 2. งาน (Tasks) ที่เสนอเป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน ต้องเป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ หลักที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ของงานตามข้อตกลงที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษา โดยจะต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และคณะกรรมการ ประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงสามารถประเมินได้ตามแบบการประเมิน PA 2 3. การพัฒนางานตามข้อตกลง ตามแบบ PA 1 ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของงาน ตามข้อตกลงที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาที่อยู่ใน ความรับผิดชอบ (Outcomes) หรือตัวชี้วัด (Indicators) ที่เป็นรูปธรรม และการประเมินของคณะกรรมการ ประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ให้คณะกรรมการดำเนินการประเมิน ตามแบบ PA 2 จากการปฏิบัติงานจริง สภาพการนิเทศการศึกษาตามบริบทสถานศึกษา หรือหน่วยงานการศึกษาที่รับผิดชอบ ที่เกิดจากการพัฒนางานตามข้อตกลงเป็นสำคัญ โดยไม้เน้นการประเมินจากเอกสาร ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานตำแหน่ง งาน (Tasks) ที่จะดำเนินการพัฒนา ตามข้อตกลงใน 1 รอบ การประเมิน (โปรดระบุ) ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงานตามข้อตกลง ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับ ผู้รับการนิเทศ หรือ สถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา (โปรดระบุ) ตัวชี้วัด (Indicators) ที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับการนิเทศ หรือสถานศึกษา หรือ หน่วยงานการศึกษา ที่แสดงให้เห็นถึงการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือมีการพัฒนามากขึ้นหรือ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น (โปรดระบุ) บริการวิชาการแก่หน่วยงาน การศึกษาหรือหน่วยงาน ต่างๆ ให้มีผลต่อคุณภาพครู และผู้เรียน เป็นแบบอย่าง 3.4 เผยแพร่องค์ความรู้ด้าน การนิเทศ การจัดการเรียนรู้ และการจัดการศึกษา และ บริการวิชาการแก่หน่วยงาน การศึกษา หรือหน่วยงาน ต่าง ๆ คุณภาพครู และผู้เรียน เป็น แบบอย่าง - เผยแพร่องค์ความรู้ด้าน การนิเทศ การจัดการเรียนรู้ และการจัดการศึกษา และ บริการวิชาการแก่หน่วยงาน การศึกษา หรือหน่วยงาน ต่าง ๆ - เผยแพร่องค์ความรู้ด้านการ นิเทศ การจัดการเรียนรู้และการ จัดการศึกษา และบริการวิชาการ แก่หน่วยงานการศึกษา หรือ หน่วยงานต่าง ๆ อยู่ในระดับมาก


10 ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษาของผู้รับการนิเทศ หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษา ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนในหน่วยงานการศึกษาที่รับผิดชอบ ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้หรือการจัดการศึกษาของผู้รับการนิเทศ หรือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาหรือหน่วยงานการศึกษา ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนในหน่วยงานการศึกษา ที่รับผิดชอบของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็น ถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้) ประเด็นท้าทายเรื่อง การพัฒนาการรู้ดิจิทัล(Digital Literacy) สำหรับครู เพื่อเสริมพลังการเรียนรู้ ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 1. สภาพปัญหาของการจัดการเรียนรู้และการจัดการศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือที่เรียกว่า ดิจิทัลเนทีฟ คือ กลุ่มเยาวชน มีความคล่องในการใช้สื่อดิจิทัลในเครือข่ายสังคม มีศักยภาพในการเรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง การรู้ดิจิทัลเป็นแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงตามกระแสของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและเป็นทักษะที่ ต้องพัฒนาให้แก่ดิจิทัลเนทีฟ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถพัฒนาและประยุกต์ ทักษะด้านเทคโนโลยีได้อย่าง เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้มีความสามารถในการตัดสินใจที่เหมาะสมรู้เท่าทันและมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ เทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อการศึกษาตลอดชีวิต รวมถึงชีวิตการทำงานในอนาคต การดำรงชีวิตที่แวดล้อม ไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะเยาวชนที่อาจต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่แฝงมาในโลกออนไลน์ ดังนั้น ความสำคัญของทักษะการรู้ดิจิทัลเพื่อให้ดิจิทัลเนทีฟสามารถเข้าถึงเรียนรู้ และได้ประโยชน์จากการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย สร้างสรรค์ มีจริยธรรม และตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม เพื่อนำไปสู่การ เป็นพลเมืองที่ดีในยุคดิจิทัลต่อไป ดังนั้น สื่อการเรียนรู้ที่ช่วยให้ครูผู้สอนจัดการเรียนการสอนได้อย่าง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัย และไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาหรือ สถานที่ในการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยใน กระบวนการสอนของครูในการเก็บรวบรวม หรือปรับปรุงสื่อการสอนได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังช่วยกำหนดทิศทาง การศึกษาของผู้เรียนโดยดิจิทัลที่ดีจะช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ช่วยเพิ่มความสนใจในการเรียนรู้ของ นักเรียน และในขณะเดียวกันช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้ (พิศทุธิภา เมธีกลุ, 2561) ในการเลือกใช้ ดิจิทัลจัดการเรียนรู้ เพื่อสร้างความรู้และสื่อสำหรับนักเรียนนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของครูและนักเรียน ที่ จะเพิ่มพูนความสามารถในการสอนและการเรียนรู้ โดยต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ 1) การบรูณาการ เทคโนโลยีเข้ากับการสอนและเนื้อหาที่จะสอน 2) วิธีการบรูณาการเทคโนโลยีเข้ากับการสอนผ่านสื่อการสอน กระบวนการสอน และทฤษฎีการเรียนรู้ 3) การบูรณาการ โดยคำนึงถึงความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ รวมทั้งการรู้เท่าทันสื่อของครูผู้สอน (Fang, 2011) อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการสร้างดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้แต่ พบว่าครูยังขาดความชัดเจนในเป้าหมายการสอน และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากลักษณะต่าง ๆ ของสื่ออย่าง เพียงพอ (Shen, 2006) แสดงให้เห็นว่า การรู้ดิจิทัลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการใช้ดิจิทัลในการจัดการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพ ถ้าครูผู้สอนขาดความชำนาญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับการสอนการนำประเทศไทย ก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 9.0 จึงเป็นเรื่องที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก นอกจากนี้การรู้ดิจิทัลยังเป็นเครื่องมือ


11 ช่วยให้บุคลากรสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้ได้รับโอกาสการทำงานที่ดีและเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ โดยการฝึกฝนทักษะการรู้ดิจิทัล ควรนำไปบูรณาการจากบริบทจริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของครูสอน และผู้เรียน มากกว่าที่จะเปิดสอนเป็นอีกหนึ่งวิชา และควรเน้นการฝึกปฏิบัติ ด้วยข้อจำกัดของเวลาในการ เรียนการสอน แรงกดดันจากหลักสูตรการสอนหรือแม้แต่ประสบการณ์ในการสอนของครู ทำให้ต้องมีการ ออกแบบเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน และลดช่องว่างของทักษะการรู้ดิจิทัลให้เหลือน้อยที่สุด (Newman, 2008) โดยทั่วไปผู้สอน พยายามส่งเสริมและกระตุ้นทักษะการรู้ดิจิทัลในเชิงปฏิบัติ ( Digital Literacy Practices) การทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถทางด้านการรู้ดิจิทัล สามารถพัฒนาตนเองไปสู่ ความก้าวหน้าทางวิชาชีพได้ ดังนั้นนักออกแบบการสอนจำเป็นต้องทำความเข้าใจวิธีการในการพัฒนาและ สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะความรู้ทางด้านนี้ (Hall; Nix, & Baker, 2013) การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 โดย Gilster (1997) และคง ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน การรู้ดิจิทัลเป็นทักษะสำคัญของชีวิตประจำวันในยุคดิจิทัล (Karpati, 20 1 1) ถึงแม้ว่าผู้เรียนในยุคนี้จะมีความรู้พื้นฐานด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผู้เรียนจะเกิดสมรรถนะทางด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับ การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นหรือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานได้เป็นอย่างดี(Jjisc, 2010) การที่จะกลายเป็นผู้ที่มีทักษะด้านการรู้ดิจิทัลควรเน้นการพัฒนาจากทักษะความรู้พื้นฐานมากกว่าการ เน้นเรียนรู้แต่ต้านเทคโนโลยี ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นมากในการให้ ผู้เรียนสร้างกระบวนการคิดและกระบวนการรับรู้ที่จะเสริมสร้างคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ผู้เรียน ต้องมี ลักษณะเป็นพลเมืองดิจิทัล แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่ผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ ใช้เทคโนโลยีเพื่อกระบวนการเรียนรู้ (Ashley; Jarman; Varga-Atkins & Hassan, 2012) นอกจากนี้ ทักษะ ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอจำเป็นต้องอาศัยความรู้ด้านการพัฒนา ความคิด ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ความคิดสร้างสรรค์ จริยธรรมและการ ใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ ในปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ความสำคัญกับการ พัฒนาการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) โดยกำหนดการรู้ดิจิทัลลงในแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในยุทธศาสตรที่ 3 สร้างสังคมคุณภาพที่ทั่วถึงเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเป้าหมาย คือ ให้ประชาชน ทุกคนมีความตระหนักความรู้ความเข้าใจทักษะในการใซเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, 2560) โดยสำหรับการเรียนในศตวรรษที่ 21 นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการเรียนในปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยอย่างเช่น แลปท็อป แท็บ เล็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่ การส่งข้อมูลผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนผ่านสื่อสังคม ออนไลน์ สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปทำให้ความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ไม่ได้มีแค่ความรู้ใน เนื้อหาเท่านั้น แต่ยังต้องรวมไปถึงทักษะด้านข้อมูลและการสื่อสาร ทักษะในการคิดและการแก้ไขปัญหา ทักษะ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และทักษะในการรู้จักใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสมัยใหม่อย่างเช่น เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง แสะ อธิป จิตตฤกษ์, 2551) หากครูมีความสามารถในการ นำความรู้สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ (Learning Motivation) ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนของครู จึงเป็นหัวใจสำคัญ ของการนำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning และการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพจำเป็นต้องอยู่ บนฐานของความปลอดภัย และวัฒนธรรมอันดีงามของโลกดิจิทัล การรู้ดิจิทัลของครูจึงมีความสำคัญที่จะ สามารถเข้าใจบทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถเลือกใช้และสร้างสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล


12 ได้เหมาะสมกับองค์ความรู้ที่ต้องการจะถ่ายทอด และเหมาะสมต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละช่วงวัย ในบริบทที่แตกต่างกัน โดยไม่ลืมที่จะสอดแทรกความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดีด้วย(สำนักงานเลขาธิการสภา การศึกษา, 2562) กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบายและจุดเน้น ที่มีความเกี่ยวข้องกับการการพัฒนาการ รู้ดิจิทัลสำหรับครูไว้ว่า การพัฒนาคุณภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มี ความรู้ทักษะด้านการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) การสอนดิจิทัล (Digital Pedagogy) ทักษะสื่อสาร ภาษาอังกฤษ ทักษะสื่อสาร ภาษาที่ 3 และให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) เป็น เครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษามีระบบโครงข่ายสื่อสาร โทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงมีระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือใน การพัฒนาทักษะด้านการรู้ดิจิทัลแก่ผู้เรียน มีการปรับปรุงพัฒนาห้องเรียนให้เป็นห้องเรียนที่ประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล ในการจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนสนับสนุนอุปกรณ์ดิจิทัล (Digital Device) สำหรับผู้เรียนทุก ระดับ ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนา การ เรียนรู้ของตนเองนำไปสู่การสร้างการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต พัฒนาการสอนทักษะดิจิทัลสำหรับครู อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ให้สถานศึกษาใช้เทคโนโลยีการเรียนการสอนทางไกล เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (Distance Learning Technology: DLT) จากสภาพปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นที่จะต้องพัฒนาการรู้ดิจิทัล(Digital Literacy) สำหรับครู เพื่อเสริมพลังการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เพราะการรู้ดิจิทัลเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาพลเมืองของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนกระตือรือร้นและ มีพฤติกรรมเป็นผู้ร่วมสร้างความรู้และแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และเป็นหัวใจสำคัญของการนำไปสู่การ เรียนรู้ตลอดชีวิต หากครูหรือผู้อำนวยการเรียนรู้ที่สำคัญยิ่งของระบบการศึกษามีการรู้ดิจิทัล และ ความสามารถในการนำไปสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนของครู จะเป็นการพัฒนาศักยภาพ ของผู้เรียนทุกช่วงวัย ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างเท่าทันการ เปลี่ยนแปลง ภาพที่ 1 การวิเคราะห์สภาพปัญหาและความจำเป็น


13 การรู้ดิจิทัล(Digital Literacy) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึง จัดการ บูรณาการ ประเมินค่า วิเคราะห์ สังเคราะห์ รวมทั้งการสร้าง ความรู้ใหม่ สามารถพัฒนาเนื้อหา สร้างสารสนเทศดิจิทัลในรูปแบบใหม่ สื่อสารและนำเสนอในสภาพแวดล้อม แบบดิจิทัลได้ อีกทั้งยังต้องมีความสามารถในด้านการพัฒนาความคิดควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี เพื่อแก้ไข ปัญหาและดำเนินชีวิตในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมการสร้างความร่วมมือเพื่อสร้าง และแบ่งปันความรู้ โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบส่วนบุคคลและ การเคารพนสิทธิ์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านจริยธรรมในการใช้สารสนเทศประกอบด้วย 6 ด้าน ดังนี้ ด้านการเข้าถึง หมายถึง ความสามารถข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ โดยการระบุแหล่ง สารสนเทศ และสืบค้นสารสนเทศ วิเคราะห์ ข้อความจากหลากหลายรูปแบบที่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน พิจารณาประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่ง และเนื้อหาเพื่อการเตรียมทรัพยากรการสอนและการจัดการเรียนรู้ ของครู 1) ทักษะด้านการเข้าถึง หมายถึง ความสามารถข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ โดย การระบุแหล่งสารสนทศ และสืบคันสารสนเทศ วิเคราะห์ ข้อความจากหลากหลายรูปแบบที่มี วัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน พิจารณาประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่ง และเนื้อหาเพื่อการเตรียม ทรัพยากรการสอนและการจัดการเรียนรู้ของครู 2) ทักษะด้านความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจบริบททางดิจิทัล เพื่อทำการตัดสินใจ โดย การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และประเมินสื่อ ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์สามารถ นำมาใช้ในการศึกษา รวมทั้งจะต้องทำความเข้าใจถึงสังคมและวัฒนธรรมแตกต่างกันผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล 3) ทักษะด้านการใช้ หมายถึง ความสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมืออย่างคล่องแคล่วทางเทคนิคที่ จำเป็นในการใช้กับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงทักษะการใช้โปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่น ต่างๆ เพื่อช่วยในการจัดการเรียนรู้และบริหารจัดการห้องเรียน 4) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถในการจินตนาการเชื่อมโยงระหว่างความคิดและ การสร้างสรรค์ผลงาน หรือเทคนิค วิธีการใหม่ หรือ สร้างสื่อและองค์ความรู้ใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อนำไปจัดการเรียนรู้ให้มีความน่าสนใจและกระตุ้นต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในยุคปัจจุบันได้ 5) ทักษะด้านการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในเลือกเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใช้ทำงาน ของตนเอง การสื่อสารที่ดี จำเป็นต้องตระหนักและพิจารณาถึงความต้องการของผู้ชมและการสื่อสาร ที่มีความคิด ซับช้อนด้วยการอธิบายให้ชัดเจน โดยสามารถเลือกรูปแบบ เครื่องมือ และสื่อที่เหมาะสม เพื่อการนำเสนอสารสนเทศอย่างมีความหมายและหลากหลาย และสร้างเครือข่ายหรือชุมชนแห่งการ เรียนรู้ทางวิชาชีพได้ 6) ทักษะด้านจริยธรรม หมายถึง ความสามารถทางการคิดอย่างมีวิจารณญาณเกี่ยวกับมารยาทและ ความปลอดภัยจากการเข้าถึง การใช้ การสร้างสรรค์ และการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยความ รับผิดชอบ โดยที่ไม่ส่งผลเสียต่อตนเอง นักเรียน เพื่อนร่วมงาน และสังคมด้วยการเคารพสิทธิเสรีภาพ ทัศนคติและมุมมองที่แตกต่างกัน


14 แนวทางการพัฒนาการรู้ดิจิทัล หมายถึง วิธีการหรือชั้นตอนในการพัฒนากระบวนการการเรียนรู้ ตลอดชีวิตของผู้ประกอบวิชาชีพครู ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็นในการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนในยุค ดิจิทัล เริ่มตั้งแต่การการเรียนรู้ด้วยตนเองและการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสู่การนำไปประยุกต์ใช้ 2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล เพื่อให้เห็นแนวทางในการดำเนินการให้บรรลุผลที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำสู่การปฏิบัติ ภาพที่ 2 กระบวนการในการดำเนินการ การพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัลของครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาขอนแก่น โดยมุ่งพัฒนาให้ 1) ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาขอนแก่น มีทักษะการใช้ดิจิทัล สามารถทำงานร่วมกัน มีเครือข่ายเพื่อแบ่งปันกัน 2) ครูผู้สอน ระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่นเข้าใจ มีทักษะคิดวิเคราะห์ ประเมิน ตระหนัก มีจริยธรรม รู้กฎหมาย สามารถป้องกันตนเองได้3) ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สามารถสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ และนำเสนอได้ โดยรูปแบบ การพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัลของครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ดังภาพที่ 3 ได้แก่ 1. กระบวนการในการพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัลของครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น ประกอบด้วย การบูรณาการทักษะการรู้ดิจิทัลกับหลักสูตรหรือรายวิชา การ จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร การสร้างทักษะและสมรรถนะ (ความรู้ทักษะ ทัศนคติ ทักษะพิสัย การรับรู้ จิตใจ อารมณ์) การพัฒนาบุคลากร วิธีการเรียนรู้แบบ Problem Based Learning 2. สื่อการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัล ประกอบด้วยบทเรียนออนไลน์ สื่อดิจิทัล คลิปวิดีโอ สื่อ ออนไลน์ Podcast 3. ช่องทางการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัล ประกอบด้วย แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการเรียนการ สอน (e-learning MOOCs Microsoft Teams) การสร้างกลุ่มเป็นพื้นที่ดิจิทัล (ให้ปรึกษาแนะนำ ตอบ คำถาม) ห้องเรียนเดิมเป็น Discussion Room เพื่อการสนทนาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ประกอบด้วย การใช้เทคโนโลยีทันสมัยการเพิ่มพื้นที่สร้างสื่อสร้างสรรค์ด้วย เทคโนโลยีหรือพื้นที่เรียนรู้ตามอัธยาศัย


15 o ใช้ทักษะ IT ทำงานร่วมกัน เครือข่าย แบ่งปัน o เข้าใจ รู้เข้าใจ คิดวิเคราะห์ ประเมิน ตระหนัก จริยธรรม กฎหมายป้องกันตัวเอง o สร้างสรรค์ นำเสนอ ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ ภาพที่ 3 รูปแบบการพัฒนาครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น 3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง 3.1 เชิงปริมาณ 1. ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น ร้อยละ 80 ได้รับการพัฒนาการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) สำหรับครู เพื่อเสริมพลังการเรียนรู้ของ ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 2. ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น ร้อยละ 80 สามารถนำความรู้การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) ไปออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริม พลังการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 3.2 เชิงคุณภาพ 1. ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น ได้รับการพัฒนาการรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) สำหรับครู เพื่อเสริมพลังการเรียนรู้ของผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21 ในระดับมาก 2. ครูผู้สอนระดับชั้นมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ขอนแก่น สามารถนำความรู้การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) ไปออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมพลังการ เรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ในระดับมาก


16 ลงชื่อ (นายสมาน ล้ำลอง) ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ผู้จัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ความเห็นของผู้บังคับบัญชา ( ) เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน ( ) ไม่เห็นชอบให้เป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยมีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปแก้ไข และเสนอเพื่อพิจารณา อีกครั้ง ดังนี้ ลงชื่อ………………………………………… (นายศักดา ชัยภัย) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น ผู้บังคับบัญชา / /


Click to View FlipBook Version