บ้านแหล่งหนูเป็นหมู่บ้านตั้งใหม่ เมื่อประมาณ ๑๐๐
กว่าปีบ้านแหล่งหนูเกิดจากการย้ายถิ่นฐานของคน
สมัยก่อนมายังบริเวณพื้นที่ บริเวณพื้นที่บ้านแหล่งหนู
เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ จึง
ทำให้ผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ตั้งรกรากทำมาหากินจึง
เกิดเป็นหมู่บ้านขึ้น บ้านแหล่งหนู แต่ก่อนชื่อว่าบ้านบ่
ส่างคำ เนื่องจากมีบั้งไฟตกลงมาบริเวณทิศใต้ของ
หมู่บ้านชาวบ้านจึงช่วยกันขุดขึ้นมา หลังจากที่พบว่า
บริเวณที่ขุดมามีน้ำซึมออกอยู่ตลอดเวลา จึงได้ทำเป็น
บ่อน้ำไว้ดื่มไว้กิน ไหว้พระประจำหมู่บ้านใช้กินตลอด
ปีน้ำในบ่อก็ไม่เคยหมด จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อหมู่บ้าน
จึงได้ชื่อหมู่บ้านว่าบ้านบ่อส่างคำ ความหมายของ
หมู่บ้าน ได้มาจากบ่อน้ำที่ไหลตลอดเวลา ต่อมาได้
เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านว่าบ้านแหล่งหนู เนื่องจากบริเวณ
รอบหมู่บ้านมีต้นแหล่งหนูขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้
เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านจากชื่อเดิมชื่อบ้านบ่อส่างคำ เปลี่ยน
มาเป็นชื่อบ้านแหล่งหนู ต้นแหล่งหนูเป็นภาษาถิ่นหรือ
ภาษาชาวบ้านที่เรียกกัน ส่วนภาษาไทยหรือภาษา
กลางจะเรียกว่า
ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง
แต่ก่อนบ้านแลงหนูได้ขึ้นอยู่กับตำบลโพน
ทันอำเภอคำเขื่อนแก้วจังหวัดอุบลราชธานี
พอมีการแยกจังหวัดออกจากจังหวัด
อุบลราชธานีแยกออกมาเป็นจังหวัดยโสธร
ตำบลโพนทันจึงย้ายมาขึ้นอยู่กับจังหวัด
ยโสธร พอได้มีการเปลี่ยนจังหวัดต่อมาได้มี
การแยกตำบลขึ้นคือตำบลดงเจริญบ้าน
แหล่งหนูจึงย้ายจากตำบลโพนทันมาขึ้นเป็น
ตำบลดงเจริญตำบลดงเจริญมีผู้ใหญ่บ้าน
คนแรกชื่อปู่ขุนโคตรคนที่ 2 ผู้ใหญ่พาคนที่ 3
ผู้ใหญ่บัวลี คนที่ 4 ผู้ใหญ่สมัย คนที่ 5
ผู้ใหญ่เที่ยงคนที่ 6 ผู้ใหญ่สกลพิมเสนต่อมา
ได้ย้ายออกมาตั้งหมู่บ้านเล็กๆแต่ยังขึ้นอยู่
ตำบลดงเจริญบ้านแหล่งหนูเป็นหมู่บ้านที่ตั้ง
ขึ้นใหม่มีแค่ 2 หมู่คือหมู่6 และหมู่ 7 ผู้ใหญ่
บ้านหมู่ 7 คนแรกผู้ใหญ่ไพบูล บัญวันคนที่
2 ผู้ใหญ่ค้ำ บุดดาแก้วและคนที่ 3 ผู้ใหญ่
ทองเปลว แสงกรี
พื้นที่ทั้งหมด 2470 ไร่ พื้นที่ทำกิน2409 ไร่
พื้นที่น่ะ 1646ไร่
ทิศเหนือ จรดบ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน
อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ทิศใต้ จรดบ้านลุมพุก ตำบลลุมพุก อำเภอ
คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ทิศตะวันออก จรดบ้านขี้เหล็ก ตำบลลุมพุก
อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ทิศตะวันตก จรดบ้านพรสุข ตำบลดงเจริญ
อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
การเป็นอยู่
เป็นอยู่แบบเรียบง่าย จะเอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ อยู่กัน
เหมือนญาติพี่น้องมีอะไรก็แบ่งกัน อาศัยกัน
และกันอยู่แบบพอเพียง
การทำเกษตรกรรม
ส่วนมากจะ ทำไร่ ทำนา ปลูกมันสำปะหลัง
เลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ วัว และจะปลูกพืช
ผักสวนครัวขาย และรายได้ส่วนมากในแต่ละปี
จะได้จากการขายข้าวขายมันสำปะหลัง มา
เลี้ยงชีพครอบครัว
การกิน
ชาวบ้านจะกินอยู่แบบเรียบง่าย หาของกิน
จากป่า จากทุ่งนา เช่น ปู ปลา เห็ด ไข่
มดแดง ส่วนใหญ่มากนิยมกินข้าวเหนียว
ตอนเช้า ตอนเย็นจะนิยมกินข้าวจ้าวเพราะ
มันย่อยง่าย จะได้หลับสบาย เมนูอาหารจะ
เป็นเมนูของภาคอีสาน เช่น แกงเห็ด ป่น
ปลา ในเทศกาลที่มีคนรวมกันมักจะกิน
ลาบวัว
การแต่งกาย
เป็นการแต่งกายแบบเรียบง่าย ผู้เฒ่าผู้แก่
จะนุ่งผ้าซิ่น ส่วนหนุ่มสาวจะใส่กระโปรง
กางเกงเสื้อธรรมดา ตอนไปวัดถึงจะนุ่งซิ่น
การสร้างบ้านเรือนสมัยแต่ก่อนจะนิยมสร้าง
บ้านด้วยไม้ยกใต้ถุนสูงอากาศถ่ายเทได้
สะดวกป้องกันน้ำท่วมปัจจุบันมีการต่อเติม
บ้านเพื่อทำให้แข็งแรงส่วนมากชาวบ้านจะต่อ
เติมบ้านแบบชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้
ดอนปู่ตา
วัดบ้านแหล่งหนู
โรงเรียนบ้านแหล่งหนู
วัดป่าก่อชัยมงคล
๑.ระบบปะปา ๒ แห่ง
๒.อ่างเก็บน้ำหนองคอม ๑ แห่ง
ปฏิบัติตามฮีตสิบสองครองสิบสี่
ประเพณีบุญเบิกบ้าน
ประเพณีบุญคูนลาน
หรือสู่ขวัญข้าว
ประเพณีบุญข้าวจี่
ประเพณีบุญผะ
เหวด
เทศนาชาดก
ประเพณีบุญบั้งไฟ
บุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่สืบทอดกัน
มาอย่างยาวนานมีความเชื่อว่า
พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝน
ตกถูกต้องตามฤดูกาลและมีความชื่น
ชอบช่องไฟเป็นอย่างมากหากผู้หาก
ผู้ใด หรือหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัด
งานบุญบั้งไฟบูชาฝนจะไม่ตกถูกต้อง
ตามฤดูกาลอาจทำให้เกิดภัยพิบัติ
หมู่บ้านได้
ประเพณีบุญ
สงกรานต์
ประเพณีบุญซำฮะ
ประเพณีบุญเข้า
พรรษา
ประเพณีบุญข้าว
ประดับดิน
ประเพณีบุญข้าวสาก
ประเพณีบุญกฐิน
บุญเลี้ยงบ้าน(เลี้ยงผีปู่ตา)
ในทุกๆปีของหมู่บ้านจะมีการเลี้ยงผีปู่ตามีความ
เชื่อเชื่อในผีบรรพบุรุษของชุมชนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ให้ความคุ้มครองดูแลรักษาบ้านให้ปลอดภัย
ร่มเย็นหากไม่เรียนบ้านจะเกิดภัยพิบัติ
อาหารประจำถิ่น
ส้มตำ
ลาบหมู
ลาบวัว
ทำบุญตักบาตรวั
นพระ
ทุกๆวันพระหรือวันสำคัญของศาสนาจะมีการ
ทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคลของตนเอง
และครอบครัว สร้างบุญกุศลทำให้ผู้ที่ล่วงลับไป
แล้วเชื่อกันว่าอาหารที่เรานำไปถวายจะส่งถึงผู้ที่
ล่วงลับ
ภาษาที่ใช้ในการส
ื่อสาร
ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารของบ้านหรือหนูจะ
เป็นภาษาถิ่นในการสื่อสารบางครั้งก็สื่อสาร
กันด้วยภาษากลาง
ดอนปู่ตา
ชาวบ้านเชื่อว่าดอนปู่ตาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็น
เครื่อง ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในหมู่บ้านเป็นที่สักกา
ระของชาวบ้านความเชื่อมีมาตั้งแต่สมัยโบราณใน
ปัจจุบันชาวบ้านยังไม่ละทิ้งความเชื่อนี้มีการสืบทอด
กันมาถึงปัจจุบันจะเลี้ยงหรือเซ่นไหว้ปีละ ๑ ครั้งใน
เดือน ๖
ศาลากลางหมู่บ้าน
ที่ทำการผู้ใหญ่
บ้าน
น้ำปะปาใส
ไฟฟ้าสว่าง
ทางห้าแพร่ง
แหล่งผลิตมันพันธุ์ดี