The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yuttana.jundang, 2023-05-18 00:29:32

งานกลุ่มที่1

IET.375

Keywords: Update

42 2.7.3 การเลือกขนาดเกลียวหนอน เมื่อเราค านวนปริมาตรของพลาสติกเหลวทั้งหมดที่ต้องใช้ในการฉีดชิ้นงานพลาสติกแต่ละครั้ง (ชิ้นงานพลาสติก+ทางน้ าพลาสติกวิ่ง) ได้แล้ว เราก็สามารถท าการทดลองเลือกขนาดเกลียวหนอนและ กระบอกฉีดที่จะใช้ โดยเมื่อทดลองเลือกได้แล้ว ปริมาตรของพลาสติกเหลวทั้งหมดที่อยู่หน้าปลายเกลียว หนอนจะต้องมีระยะความยาวในกระบอกฉีดเมื่อรวมกับระยะกันกระแทกแล้วจะต้องไม่มากหรือน้อย เกินไป ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัววัสดุพลาสติกได้เนื่องจากความร้อน ดังนั้นนระยะความยาว ดังกล่าวมีการแนะน าให้ใช้ได้ รูปที่ 2.23 ระยะความยาวของพลาสติกเหลวหน้าปลายเกลียวหนอนที่เหมาะสม • ระยะ L อยู่ช่วง 1D-3D เป็นระยะที่เหมาะสมที่สุด • ระยะ L อยู่ช่วง 3D-5D เป็นระยะที่ยอมให้ใช้ได้ในบางกรณี • ระยะ L อยู่ช่วง <1D และ >5D เป็นระยะที่น้อยและมากเกินไปไม่ควรใช้ การเลือกขนาดเกลียวหนอนและระยะกระบอกฉีดนั้น เราสามารถใช้วิธีการทดลองเลือกแล้วท า การตรวจสอบดูว่าระยะความยาวของพลาสติกเหลวในการบอกฉีดนั้นอยู่ในระยะ 1D-3D หรือไม่ ถ้าได้ ระยะที่น้อยกว่าก็ต้องลดขนาดของเกลียวหนอนลง แต่ถ้าได้ระยะที่มากเกินไปก็ต้องเพิ่มขนาดของเกลียว หนอนขึ้น วิธีนี้อาจจะต้องเสียเวลามากและค่าใช้จ่ายในโรงงานพลาสติก เราอาจใช้วิธีการค านวนเข้ามา ช่วยก็ได้ โดยใช้สูตรดังนี้ π/4.D2.L = ปริมาณของพลาสติกเหลว (ชิ้นงาน + ทางน้ าพลาสติกวิ่ง) (cm2) โดยที่ D = ขนาดความโตของเกลียวหนอน (cm) L = ระยะความยาวช่องว่างหน้าปลายเกลียวหนอน (cm) อยู่ในช่วง 1D-3D แนะน า ให้ใช้ค่าเฉลี่ย (2) ตัวอย่างที่ 3.1 ชิ้นงานฉีดพลาสติก ตะกร้าผลไม้ เม็ด HD เมื่อน าไปชั่งน้ าหนักพร้อมกับทางน้ า พลาสติกวิ่งได้ 200g อยากทราบว่าในการฉีดตะกร้าผลไม้พลาสติก HD นี้ ทางโรงงานพลาสติก


43 ควรเลือกใช้เกลียวหนอนขนาดเท่าไรเมื่อใช้ระยะกันกระแทก 3mm (HD มีค่าความหนาแน่น 1.10 g/cm3) 2.8 พลาสติกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 2.8.1เทอร์โมพลาสติก เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) หรือเรซินเป็นพลาสติกที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดใน โลก ได้รับความร้อนจะอ่อนตัว และเมื่อเย็นลงจะแข็งตัว สามารถเปลี่ยนรูปได้ พลาสติกประเภท นี้โครงสร้างโมเลกุลเป็นโซ่ยาวมีการเชื่อมต่อระหว่างโซ่พอลิเมอร์น้อยมาก จึงสามารถหลอมเหลว หรือเมื่อผ่านการอัดแรงมากจะไม่ท าลายโครงสร้างเดิม 2.8.2เทอร์โมเซตติงพลาสติก เทอร์โมเซตติงพลาสติก (Thermosetting Plastic) เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและทนปฏิกิริยาเคมีได้ดีเกิดคราบและลอยเปื้อนได้ยากคง รูปหลังการผ่านความร้อนหรือแรงดันเพียงครั้งเดียวเมื่อพลาสติกเย็นลงจะแข็งมากทนความร้อน และความดันไม่อ่อนตัวและเปลี่ยนรูปร่างไม่ได้แต่ถ้าอุณหภูมิสูงก็จะแตกและไหม้เป็นขี้เถ้าสีด า 2.9 องค์ประกอบในการฉีดพลาสติก 2.9.1 วัตถุดิบในการฉีดพลาสติก (Material) มีการเลือกชนิดและเกรดของพลาสติก เช่น เม็ดพลาสติกรีไซเคิล หรือ เม็ดพลาสติกใหม่ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งานในชิ้นงาน มีการเตรียมวัตถุดิบพลาสติกได้เหมาะสม หรือไม่ เช่น ต้องท าการอบไล่ความชื้นออกจากเม็ดพลาสติกหรือไม่ ถ้ามี ต้องใช้เวลาอบไล่ ความชื้นอย่างไรใช้อุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม สีที่ใช้สารแต่งเติมต่างๆ การผสมเม็ดพลาสติก กับสีและสารแต่งเติมควรท าอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด ไม่ควรมองที่ราคาวัตถุดิบเป็นหลัก แต่ควร มองว่าจ าเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่ประกอบด้วยอะไรบ้าง จึงจะเหมาะสมกับสภาพชิ้นงานฉีดพลาสติก รูปที่ 2.24 วัตถุดิบ (Material)


44 2.9.2 แม่พิมพ์ฉีดพลาสติก (Mold) มีการออกแบบอย่างเหมาะ เช่นลักษณะของแม่พิมพ์ต้องเป็น 2แผ่น 3แผ่น หรืออื่นๆ จ านวน คาวิตี้ (Cavity) ระบบการหล่อเย็นภายในแม่พิมพ์ ระบบคลายและปดชิ้นงาน ต าแหน่ง ของลอยประกบพิมพ์ ขนาดของทางน้ าพลาสติกวิ่ง (Runner และทางน้ าพลาสติกเข้า (Gate) การระบายอากาศออกจากแม่พิมพ์ การเลือกใช้วัสดุโลหะที่ถูกต้องเหมาะสมใสการท าแม่พิมพ์ รวมถึงกระบวนการทางความร้อน (การชุบแข็ง) ที่ใช้ปรับปรุงคุณภาพของแม่พิมพ์ด้วย รูปที่ 2.25 แม่พิมพ์ฉีดพลาสติก (Mold) 2.9.3 เครื่องฉีดพลาสติก (Machine) เลือกขนาดของเครื่องฉีดให้ถูกต้องตามขนาดของชิ้นงานพลาสติก เช่น ขนาดของแรงปิด แม่พิมพ์ ปริมาณเนื้อพลาสติกและแรงดันฉีดของเครื่องฉีดพลาสติกต้องเพียงพอต่อขนาดของ ชิ้นงานที่จะท าการฉีดความเร็วในการท างานของเครื่องฉีดสามารถท า Cycle Time ได้ตาม ต้องการ ความดันฉีด ความเร็วฉีดและความดันย้ าซึ่งมีอยู่หลายจังหวะปรับให้เหมะสมกับชิ้นงาน พลาสติกเพื่อคุณภาพที่ดี รูปที่ 2.26 เครื่องฉีดพลาสติก (Machine)


45 2.10 อุณหภูมิพลาสติกเหลว อุณหภูมิพลาสติกเป็นอุณหภูมิของพลาสติกเหลวที่ออกมาจากหัวฉีดในขณะท าการฉีด ไม่ใช่ อุณหภูมิที่แผ่นท าความร้อน (heater) แต่ในกรณีที่โรงงานพลาสติกเราไม่มีเครื่องมือวัดอุณหภูมิ เราอาจ ใช้อุณหภูมิของแผ่นความร้อนที่หัวฉีดแทนก็ได้ อุณหภูมิของพลาสติกเหลวที่ใช้ในการฉีดนั้นขึ้นอยู่กับชนิด ของพลาสติก ซึ่งโดยทั่วไปเราสามารถสอบถามได้จากผู้ผลิตเม็ดพลาสติก ส่วนมากจะบอกมาเป็น ช่วงกว้างๆ เข่น 230-280 C การที่จะเลือกใช้อุณหภูมิสูงหรือต่ าขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการท างานใน โรงงานพลาสติก การตั้งอุณหภูมิที่แผ่นความร้อนสามารถท าได้ 2 วิธีคือ 2.10.1 เริ่มจากอุณหภูมิต่ า และค่อยๆ สูงขึ้น (จากกรวยพลาสติกไปยังหัวฉีด) อุณหภูมิพลาสติก เหลวที่ต้องการ 250℃ รูปที่ 2.27 การตั้งอุณหภูมิของกระบอกฉีดจากต่ าไปสูง 2.10.2 เริ่มจากอุณหภูมิสูงและค่อยๆ ต่ าลง (จากกรวยเติมพลาสติกไปยังหัวฉีด) อุณหภูมิเหลวที่ ต้องการ 250℃ รูปที่ 2.28 การตั้งอุณหภูมิของกระบอกฉีดจากสูงไปต่ า


46 วิธีที่นิยมใช้กันมากในโรงงานฉีดพลาสติกคือใช้อุณหภูมิต่ าและค่อยๆ สูงขึ้น (จากกรวยเติม พลาสติกไปยังหัวฉีด) ทั้งนี้ก็เพื่อปูองกันพลาสติกตรงต าแหน่งใต้กรวยเติมพลาสติกอาจเกิดหลอมเหลวจน เกิดการอุดตันได้ และก็ต้องคอยระวังอย่าใช้อุณหภูมิให้สูงหรือต่ าเกินไป โดยเฉพาะที่หัวฉีด ถ้าอุณหภูมิสูง เกินไปพลาสติกเหลวอาจจะไหลออกเยิ้มที่หัวฉีดได้ แต่ถ้าอุณหภูมิต่ าเกินไปอุณหภูมิก็จะตกลงได้อีกเมื่อ เวลาที่หัวฉีดชนและค้างอยู่ที่แม่พิมพ์ พลาสติกเหลวก็ไม่ไหลออกจากหัวฉีด แต่จุดประสงค์ส าคัญในการ เลือกใช้อุณหภูมิที่แผ่นท าความร้อนต่ าและค่อยๆสูงขึ้นนั้น ก็เพื่อปูองกันไม่ให้อุณหภูมิของพลาสติกเหลว สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นซึ่งจะท าให้ตัวเนื้อวัสดุพลาสติกเสื่อมสภาพได้ เช่น ถ้าต้องการอุณหภูมิของ พลาสติกเหลว 250℃ เพระถ้าตั้งไว้เกินมากเท่าไรพลาสติกก็มีโอกาสเสื่อมสภาพได้มากขึ้นเท่านั้น (แต่ถ้า งานฉีดบางมากเราควรตั้งอุณหภูมิให้สูงหน่อยเพื่อพลาสติกเหลวจะได้วิ่งเข้าแม่พิมพ์ได้ดีขึ้น ถ้าตั้งอุณหภูมิ ต่ าไปงานฉีดพลาสติกอาจไม่เต็มได้ ส่วนเกลียวหนอนแบบมีช่วงไล่ก๊าซ เราสามารถตั้งอุณหภูมิที่แผ่นความร้อนได้โดยแบ่งตาม ชนิดของพลาสติก รูปที่ 2.29 การตั้งอุณหภูมิของการบอกฉีดของเกลียวหนอนที่มีช่วงไล่ก๊าซ


47 2.11 อุณหภูมิของแม่พิมพ์พลาสติก โรงงานพลาสติกสามารถควบคุมอุณหภูมิได้โดยใช้อุปกรณ์ควมคุมอุณหภูมิของน้ าหรือน้ ามันที่ ไหลเข้าหมุนเวียนอยู่ในแม่พิมพ์พลาสติก อุณหภูมิของแม่พิมพ์ที่จะท าการตั้งนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของ พลาสติกคือ ถ้าเป็นพวกอะมอร์พัสเทอร์โมพลาสติก (amorphous thermoplastic) เราจะใช้อุณหภูมิต่ า ส่วนพาร์เซียลคริสตัลไลน์เทอร์โมพลาสติก (partial crystalline thermoplastic) จะใช้อุณภูมิสูงกว่า ใน กรณีที่ไม่มีอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ทางโรงงานพลาสติกก็ต้องอาศัยวิธีการปรับปริมาณและความเร็วของ น้ าเข้าหรือออกจากแม่พิมพ์ ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์มากและต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะได้อุณหภูมิ ของแม่พิมพ์พลาสติกคงที่ กล่าวคือถ้าต้องการอุณหภูมิแม่พิมพ์ต่ าเราสามารถเปิดน้ าเข้าไปในแม่พิมพ์ พร้อมๆ กับการฉีดได้เลย แล้วค่อยๆ ปรับปริมาณและความเร็วของน้ าให้มากขึ้น เพื่อชดเชยอุณหภูมิที่ สูงขึ้นเนื่องจากพลาสติกเหลว จนได้อุณหภูมิคงที่ แต่ถ้าต้องการอุณหภูมิสูงเราจะปิดน้ าเอาไว้ก่อน หลังจากท าการฉีดไปได้สักระยะหนึ่งจนอุณหภูมิแม่พิมพ์พลาสติกสูงขึ้นตามที่ต้องการแล้วจึงค่อยเปิดน้ า ไหลผ่านแม่พิมพ์พลาสติก แล้วท าการปรับปริมาณและความเร็วของน้ าจนได้อุณหภูมิคงที่ อุปกรณ์ควบคุม อุณหภูมิของแม่พิมพ์ รูปที่ 2.30 อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิของแม่พิมพ์พลาสติก 2.12 ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) คืออะไร มีไว้ท าอะไร มีความส าคัญอย่างไร? ในโรงงานอุตสาหกรรมมีอุปกรณ์ที่มีความส าคัญต่อการท างานหลากหลายอย่าง ซึ่งคือ ออย คูลเลอร์ หรือ Shell and Tube Oil Cooler ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้จะมาพูดถึงออย คูลเลอร์คืออะไร ช่วยอะไรได้ มีหน้าที่อะไร มีประเภทไหนบ้าง และบอกวิธีดูแลออยคูลเลอร์ให้สามารถ ใช้ได้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน พร้อมแนะน าร้านขายออยคูลเลอร์ที่ดีมีคุณภาพ ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) คืออะไร มาท าความรู้จักกัน


48 ออยคูลเลอร์ คือ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) ที่ถูกนิยมใช้กันอย่างมากใน อุตสาหกรรมที่มีการใช้ระบบท าความเย็น (Refrigeration System) โดย Shell and Tube Oil Cooler จะเป็นตัวช่วยระบายความร้อนออกจากเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ซึ่งจ าเป็นต้องมีการระบายความร้อน ของน้ ามันเพื่อที่จะน าน้ ามันกลับไปใช้ในระบบได้อีกครั้ง ตัวของน้ ามันที่ถูกน าออกมาใช้เช่น OIL ISO VG68 , OIL ISO VG 46 , OIL ISO VG 46 และน้ ามันซึ่งมีความหนืดสูง เช่น OIL ISO VG120 , OIL ISO VG 150 , Gear Oil No 220 โดยน้ ามันเหล่านี้มีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ ามันที่มาจากคอม เพชสเซอร์ (Compreser) ที่อยู่ในระบบเครื่องท าความเย็นขนาดใหญ่ (Chiller) โดย B150SH , B100 และ BSE 170 จะเป็นน้ ามันที่มีการถูกใช้ในระบบนี้ ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ท าหน้าที่อะไร มีหลักการท างานอย่างไร หน้าที่หลัก ๆ ของ oil cooler คือช่วยระบายความร้อนออกจากน้ ามันเครื่องที่มีการหมุนเวียน อยู่ในเครื่องยนต์ให้มีอุณหภูมิที่ลดลง ข้างในท่อของออยคูลเลอร์จะมีครีบขนาดเล็กที่สามารถให้น้ านมไหล ผ่านเข้าไปได้ โดยใช้อากาศจากข้างนอกท าให้น้ ามันไหลไปกระทบกับท่อน้ ามันและจะมีครีบขนาดเล็กเป็น ตัวระบายความร้อนออกไป นอกจากนี้ประโยชน์ของออยคูลเลอร์ก็คือสามารถข่วยระบายความร้อนของ เครื่องยนต์และช่วยท าให้น้ ามันเครื่องมีอายุการใช้งานที่นานมากขึ้น ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) มีอยู่ 2 ชนิด ออยคูลเลอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ ( Air cooled oil cooler ) ออยคูลเลอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 แบบซึ่งท ามาจากทองแดง โดย แบบแรกทั้งท่อภายในและภายนอกจะท ามาจากทองแดงท าให้มีความทนทานกว่าและมีน้ าหนักมากกว่า แต่มีข้อเสียก็คือระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดีนัก ส่วนแบบที่สองท ามาจากอลูมิเนียมจะมีคุณสมบัติที่มี น้ าหนักน้อยกว่า มีความแข็งแรง ทนทานน้อย แต่สามารถระบายความร้อนได้ดีมาก ออยคูลเลอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ า ( Water cooled oil cooler ) ออยล์คูลเลอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ าส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งในโรงงาน โดยจะติดไว้ที่กรอง น้ ามันเครื่องซึ่งจะท าให้เป็นอแดปเตอร์เพื่อต่อขึ้นมา จากนั้นใช้น้ าจากหม้อน้ าที่มีการไหลผ่านมาระบาย ความร้อน หรืออาจะติดตั้งที่เสื้อสูปในเครื่องที่ถูกออกแบบมาให้อยู่ตรงจุดที่มีน้ าและ น้ ามันเครื่องไหล ผ่าน โดยออยคูลเลอร์ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ า( Water cooled oil cooler ) ส่วนใหญ่ท ามาจากส แตนเลส เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยปูองกันการกัดกร่อนของน้ าได้ แต่ว่าวัสดุจะไม่สามารถระบายความร้อน ได้ดีนัก เรื่องที่ควรรู้ก่อนใช้งาน ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) 1. ควรใช้น้ าที่มีอุณหภูมิต่ าหรือเย็นมาก เพราะจะช่วยให้ระบายความร้อนออกไปได้ดี


49 2. ไม่ควรให้ภายในท่อมีตะกรัน เพราะจะท าให้การแลกเปลี่ยนความร้อนไม่ดีและเครื่องจะท างาน หนักและเปลืองไฟมากขึ้น 3. เมื่อมีการใช้ออยคูลเลอร์ไปนาน ๆ อาจมีโอกาสที่ท่อที่อยู่ข้างในออยคูลเลอร์เกิดการช ารุดได้ซึ่ง ส่งผลให้น้ าที่อยู่ในระบบสามารถเข้าไปผสมกับน้ ามันไฮดรอลิคซึ่งท าให้สีของน้ ามันไฮดรอลิคมีสีที่ ขุ่นหรือมีสีน้ านมและท าให้ระบบเกิดเสียงดังและมีความร้อนสูงขึ้น อีกทั้งท าให้ปั๊มไฮดรอลิคพัง เสียหายและต้องเสียเงินในการซ่อมบ ารุงเป็นจ านวนมาก การซ่อมบ ารุงและการดูแล ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ส าหรับวิธีการซ่อมบ ารุงและการดูแลออยล์คูลเลอร์โดยทั่วไป หากไม่ได้มีการเกิดตะกรันมากนัก จะใช้สว่านหรืออุปกรณ์ตัวช่วยในการแยงเข้าไปที่ท่อเพื่อท าการแซะตะกรันออก หรืออีกวิธีก็คือท าการ ถอดไส้ด้านในออก น ามาล้างและแช่ในสารเคมีที่มีกรดหรือด่างแรง ๆ เพื่อตัวสารเคมีจะท าการกัดตระ กรันออกโดยท าการแช่ไว้ 1 คืนก่อนน ามาล้าง แต่ข้อควรระวังในการใช้สารเคมีคือ ไม่ควรให้เข้าตาหรือ สัมผัสโดยตรง ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ดีมีคุณภาพ เลือกซื้อได้ที่ 2pt3q 2pt3q เป็นโรงงานผลิตและจ าหน่ายออยคูลเลอร์ หรือ Shell and Tube Oil Cooler ที่ได้ มาตรฐาน โดยสินค้าของเราผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้เป็นเวลานาน ดังนั้นหากซื้อสินค้า กับเราคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะที่ 2pt3q สามารถการันตรีคุณภาพของสินค้าพร้อมทั้งมีความใส่ใจ รอบคอบ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด 2.13 ประเภทของแม่พิมพ์พลาสติก แม่พิมพ์พลาสติก หมายถึงแม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งการที่จะ สร้างแม่พิมพ์ชนิดใดจะขึ้นอยู่กับรูปร่างลักษณะของผลิตภัณฑ์ ชนิดพลาสติกและความสะดวกรวดเร็วใน การผลิต โดยทั่วไปสามารถจ าแนกประเภทแม่พิมพ์พลาสติกได้ดังต่อไปนี้ 2.13.1 แม่พิมพ์ฉีด (Injection moulding) รูปที่2.31 แม่พิมพ์ฉีดพลาสติก


50 เป็นกรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเพราะสามารถผลิตชิ้นงานที่มี รูปร่างซับซ้อนได้ดีและมีหลายลักษณะงาน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟูาและอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยาน ยนต์ เครื่องใช้ในครัวเรือน บรรจุภัณฑ์ ของเด็กเล่น เครื่องส าอาง เป็นต้น การผลิตชิ้นงานนั้นจะใช้เม็ด พลาสติกปูอนเข้าที่เครื่องฉีด เครื่องฉีดจะท าหน้าที่หลอมละลายเม็ดพลาสติกและฉีดพลาสติกเหลวเข้าสู่ แม่พิมพ์ คงความดันและอัดพลาสติกเหลวเข้าเต็มแม่พิมพ์และชิ้นงานจะถูกหล่อเย็นด้วยขณะฉีด เพื่อให้ ได้ชิ้นงานรูปร่างตามแม่พิมพ์แล้วจึงเปิดแม่พิมพ์เพื่อท าการปลดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ โดยทั่วไปถ้ามี การบ ารุงรักษาแม่พิมพ์เป็นอย่างดีจะท าให้อายุการใช้งาน 500,000-1,000,000 Shots คุณสมบัติที่ดี ส าหรับแม่พิมพ์พลาสติกที่มีคุณภาพ ประกอบด้วยความสามารถในการขัดเงาได้ดีเยี่ยม ความต้านทานต่อ การกัดกร่อนสูง ทนต่อการสึกหรอ ทนทานต่อการแตกร้าว และมีคุณสมบัติน าความร้อนดี 2.13.2 แม่พิมพ์อัดและอัดฉีด (Compression and Transfer moulding) รูปที่ 2.32 แม่พิมพ์อัดและอัดฉีด แม่พิมพ์อัดเป็นการผลิตชิ้นงานโดยใช้พลาสติกชนิดเทอร์โมเซตติ้งลงในแม่พิมพ์แล้วท าการปิด แม่พิมพ์โดยใช้ความดันสูงพร้อมกับให้ความร้อนท าให้พลาสติกหลอมละลายเข้าแทรกยังโพรงของแม่พิมพ์ จากนั้นหล่อเย็นให้พลาสติกแข็งตัวจึงปลดชิ้นงานออก ข้อแตกต่างระหว่างแม่พิมพ์อัดและแม่พิมพ์ฉีดคือ แม่พิมพ์อัดจะใช้ลูกสูบอัดพลาสติกเข้าแม่พิมพ์ ส่วนแม่พิมพ์ฉีดจะใช้การเติมพลาสติก แม่พิมพ์อัดจะถูก น ามาใช้ในงานผลิตชิ้นงานต้นแบบ ผลิตชิ้นงานเป็นจ านวนน้อย ใช้เวลาในการผลิตนาน ส่วนแม่พิมพ์อัด ฉีด เป็นการพัฒนาแม่พิมพ์อัดให้เป็นการผลิตแบบอัตโนมัติ โดย พลาสติกจะยังไม่ถูกใส่ไปในแม่พิมพ์ โดยตรง พลาสติกจะถูกท าให้ร้อนในกระบอกสูบก่อนที่จะถูกส่งไปยังแม่พิมพ์ ข้อแตกต่างระหว่างแม่พิมพ์ อัดฉีดและแม่พิมพ์อัดอยู่ที่โครงสร้างของแม่พิมพ์ โดยแม่พิมพ์อัดฉีดจะต้องมีห้องอัดซึ่งจะท าหน้าที่เชื่อม กับเบ้า (Cavity) แม่พิมพ์ด้วยรูฉีด ส าหรับแม่พิมพ์อัดและอัดฉีดจะใช้ในการผลิต เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟูาและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัวเรือน


51 2.13.3 แม่พิมพ์เป่า (Blow moulding) รูปที่ 2.33 แม่พิมพ์เป่าขึ้นรูป เป็นแม่พิมพ์ที่ใช้ในการผลิตภาชนะกลวงโดยการท าให้พลาสติกเป็นสายท่อหรือหลอดแก้ว (Parison) แล้วใช้ลมเปุาให้เกิดรูปร่างตามแม่พิมพ์ แล้วจึงท าการปลดชิ้นงาน ซึ่งวิธีการเปุาแม่พิมพ์มีอยู่ 3 วิธีหลัก คือ การเปุาแบบ Extrusion (Extrusion blow moulding) การเปุาฉีด (Injection blow moulding) การเปุาแล้วยืด (Stretch blow moulding) ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเปุา เช่น ภาชนะกลวง ขวด ถัง แกลลอน แม่พิมพ์เปุาเป็นแม่พิมพ์พลาสติกที่มีอัตราการเติบโตเร็วมาก มีความต้องการในตลาด สูง ประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิต 2.14.4 แม่พิมพ์งานรีด (Extrusion) รูปที่ 2.34 แม่พิมพ์งานรีด เพื่อผลิตชิ้นงานรูปพรรณต่างๆ ทั้งกลวงและตันยาวต่อเนื่องไม่รู้จบ เช่น ท่อสายยาง กรอบประตู หน้าต่าง เป็นต้น โดยเครื่อง Extrusion จะอัดและหลอมละลายพลาสติก จากนั้นจะถูกฉีดไปยังเครื่องมือ


52 สร้างรูปทรง (หัวฉีด) ต่างๆแล้วแต่ลักษณะงาน ในงาน Extrusion นั้นจะต้องน าเครื่องมืออื่นๆเข้ามา ประกอบด้วย เช่น เครื่องปรับขนาด เครื่องดึง เครื่องม้วน เครื่องตัด 2.15.5 แม่พิมพ์งานเทอร์โมฟอร์มมิ่ง (Thermoforming) รูปที่ 2.35 แม่พิมพ์เทอร์โมฟอร์มมิ่ง ใช้ในการผลิตชิ้นงานพลาสติกด้วยวิธีน าพลาสติกแผ่นบางมาอบให้ความร้อน จากนั้นจะใช้ สุญญากาศดูดแผ่นพลาสติกให้ยุบลงมาจนมีรูปร่างตามแม่พิมพ์ ผลิตภัณฑ์ในงานเทอร์โมฟอร์มิ่ง เช่น กล่องบรรจุไข่ ถ้วยไอศกรีม ถ้วยโยเกิร์ต


53 บทที่ 3 วิธีการด าเนินรายงาน ประชุมวางแผน วางแผนแก้ไขปัญหา ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักร ศึกษาสาเหตุการหยุดของเครื่องจักร เริ่มด าเนินตามแผน จัดท าระบบบ ารุงรักษาเชิงปูองกัน จัดท ารายงานและน าเสนอรายงาน


54 3.1 ประชุมวางแผน รูปที่ 3.1 ประชุมวาแผน ประชุมวางแผนรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร 3.2 วางแผนแก้ไขปัญหา รูปที่ 3.2 วางแผนแก้ไขปัญหา


55 เครื่องจักรเกิดการเสียหายหรือการ Breakdown ของเครื่องจักรจึงต้องด าเนินการวางแผนแก้ไข้ ปัญหาอย่างเป็นระบบเพื่อที่จะได้ด าเนินการซ่อมแซมให้เครื่องจักรกลับมาพร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ 3.3 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักร รูปที่ 3.3 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักร ช่างคุมเครื่องฉีดพลาสติกนั้นต้องมีทักษะในคุมเครื่องฉีดและต้องมีพื้นฐานในการซ่อมบ ารุง พื้นฐานเพื่อที่จะสามารถแก้ไขงานเฉพาะหน้าได้ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการคุมเครื่องหรือซ่อมบ ารุง 3.4 ศึกษาสาเหตุการหยุดของเครื่องจักร รูป 3.4 ตรวจระบบลมปั๊มไฮดรอลิค 3.4.1 การบ ารุงรักษาระบบไฮดรอลิค ในการบ ารุงรักษาระบบไฮดรอลิคโดยทั่วไปนั้นควรมีแผนการบ ารุงรักษาใน 3 ระดับ ต่อไปนี้ ตรวจสอบรายวัน: เป็นการตรวจสอบและดูแลระบบไฮดรอลิคประจ าวัน ซึ่งเป็นการ ตรวจสอบแบบง่ายๆ เพื่อเช็คความเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เช่น ควรตรวจสอบระดับ น้ ามันไฮดรอลิค ว่าอยู่ในระดับปกติ ท่อและจุดเชื่อมต่อต่างๆ ว่ามีรอยรั่วซึมหรือมีการ


56 แตกหักหรือไม่ สังเกตเสียงของปั๊มไฮดรอลิคว่าท างานปกติดีหรือมีเสียงที่ผิดปกติไปจากเดิม เป็นต้น ตรวจสอบรายสัปดาห์/รายเดือน: มีการวางแผนการบ ารุงรักษาที่สม่ าเสมอ อาจจะเป็นราย สัปดาห์ หรือรายเดือน ซึ่งเป็นการตรวจเช็คหาอาการที่อาจเกิดขึ้นบ่อยๆ และเมื่อตรวจพบ จะได้แก้ไขได้ทันการ เช่น ตรวจดูสภาพความขุ่นในของน้ ามัน สภาพการท างานของกรองมี การอุดตันหรือไม่ เป็นต้น ตรวจสอบระบบแบบสมบูรณ์: เมื่อมีการใชระบบนานๆจ าเป็นอย่างยิ่งที่ต้งตรวจเช็คระบบ ทั้งหมดซึ่งเป็นการตรวจเช็คครั้งใหญ่แบบละเอียด เพื่อหาจุดบกพร่องที่อาจจะเกิดขึ้นและ อาจมีการเปลี่ยนถ่ายน้ ามันไฮดรอลิค เปลี่ยนอะไหล่ หรือซ่อมแซม รวมไปถึงการท าความ สะอาดอุปกรณ์ และระบบการระบายความร้อนต่างๆโดยมีก าหนดแผนการตรวจเช็คเช่น เป็นราย 3 เดือน 4 เดือน หรือ รายปี 3.4.2 ข้อปฏิบัติในการบ ารุงรักษาระบบไฮดรอลิค นอกจากการวางแผนการตรวจเช็คอย่างเป็นระบบสม่ าเสมอแล้วนั้นต้องมีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้าง • ระบบไฮดรอลิคใหม่หรือหลังจากมีการถอดเปลี่ยนอะไหล่ มีการซ่อมบ ารุงรักษาระบบไฮดรอลิค อาจมีสิ่งแปลกปนตกเข้าไปในระบบเช่น สีโลหะ สนิม รวมไปถึงฝุุนผงต่างๆที่มีติดค้างอยู่ใน ระบบ ดังนั้นจึงควรมีการฟลัชล้างท าความสะอาดระบบด้วยน้ ามันไฮดรอลิค • ต้องดูแลเรื่องความสะอาดอย่างดี โดยเฉพาะในส่วนของน้ ามันไฮดรอลิกและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบปั๊มมีการใช้งานได้ดีและไม่มีสิ่งอุดตัน ระบบกรองสะอาดดีหรือไม่ ไส้กรองควรเปลี่ยน หรือยัง มีการล้างไส้กรองเพื่อดูว่ามีอะไรติดมากับไส้กรองบ้าง ถ้ามีเศษโลหะมากอาจเป็นไปได้ว่า ระบบมีการสึกหรอ ควรหาสาเหตุของการสึกหรอแล้วเปลี่ยนน้ ามันใหม่เป็นต้น • หมั่นตรวจการท างานว่าท างานได้ดี สังเกตฟังเสียงว่าปกติดีหรือไม่ 3.4.3 อะไรบ้างที่ต้องตรวจเช็ค - รักษาสภาพสารหล่อลื่นให้สะอาด แห้ง และเย็น - ใช้น้ ามันไฮดรอลิคที่มีคุณภาพและความหนืดถูกต้อง - ติดตั้งกรองน้ ามันในจุดที่ถูกต้อง - ติดตั้ง Offline Filter ที่มีประสิทธิภาพ -เปลี่ยนกรองน้ ามัน โดยขึ้นกับประสิทธิภาพการท างานของกรอง - ตรวจสอบข้อต่อต่างๆปูองกันอากาศไม่ให้รั่วเข้าสู่ระบบ - เมื่อมีการเปลี่ยนถอดประกอบหรือซ่อมบ ารุงควรมีฝาปิดปลายท่อต่างๆ - ติดตั้งต าแหน่งเก็บตัวอย่างน้ ามัน Primary และ Secondary


57 - ท า Oil analysis อย่างสม่ าเสมอ - Flush ระบบใหม่ก่อนใช้งาน - Flush ระบบน้ ามัน หลังจากการซ่อมบ ารุงครั้งใหญ่ - ถอด Servo Valves และ Actuators ออกมา Flushing เป็นครั้งคราว - ตรวจดูรอยรั่วของน้ ามัน - เช็คระดับของน้ ามัน - ติดตั้ง Air Breather หรือ Desiccant Breather - หมั่นตรวจเช็คปั๊มและมอเตอร์ ว่ามีการติดตั้งไม่เยื้องศูนย์หรือไม่ รูปที่3.5 ตรวจเช็คระดับน้ ามันไฮดรอลิค 3.4.4 การบ ารุงรักษาน้ ามันไฮดรอลิค น้ ามันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่อย่างจ ากัด และมีราคาแพง ดังนั้นควรใช้น้ ามันทุกหยดให้ คุ้มค่ามากที่สุด การบ ารุงรักษาน้ ามันไฮดรอลิคที่จะกล่าวถึงนี้จะท าให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุด จากน้ ามัน 3.4.2.1 ให้น้ ามันอยู่ในเครื่องจักร (Keep it in) หากมีการรั่วซึมของน้ ามันไฮดรอลิคออกจากเครื่องจักรแม้เพียงเล็กน้อย และช่างซ่อม บ ารุงได้ผัดวันประกันพรุ่งที่จะแก้ปัญหาจะท าให้เกิดการสูญเสียมากกว่าที่คิด หากลองคิดการ สูญเสียน้ ามันต่อวัน ต่อสัปดาห์ และต่อเดือนจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้น้ ามันที่รั่วไหล จะท าให้ปั๊มไฮดรอลิคต้องท างานหนักขึ้น มีค่าไฟฟูาเพิ่มขึ้น รอบระยะเวลาท างานช้าลง จึงได้ผล ผลิตลดลง และยังเพิ่มงานเรื่องการรักษาความสะอาด,การเติมน้ ามันทดแทน อีกด้วย


58 หากน้ ามันไฮดรอลิคมีราคาลิตรละ 50 บาท จะเสียเงินจากการรั่วไหลไปเป็นจ านวน 9,000 บาท ต่อปี นี่เป็นเพียงค่าน้ ามันที่รั่วไหลจากจุดเดียว ไม่รวมต้นทุนอย่างอื่น เช่น ค่าแรงในการเติม น้ ามัน การก าจัดน้ ามันที่รั่วไหล เวลาท างาน ปริมาณน้ ามันไฮดรอลิครั่ว 1 นาที 2 มิลลิลิตร 1 ชั่วโมง 120 มิลลิลิตร 8 ชั่วโมง x 3 กะ 2,880 มิลลิลิตร 1 เดือน 86,400 มิลลิลิตร หรือ 86.4 ลิตร 3.4.2.2 ให้น้ ามันเย็น (Keep it cool) มีเหตุผลดีๆ หลายอย่างที่ท่านควรจะรักษาอุณหภูมิการท างานของเครื่องจักรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หนึ่งในนั้นก็คือจะท าให้อายุของน้ ามันไฮดรอลิคยาวนานขึ้นมาก กฏของ Arrhenius’s กล่าวว่า ทุก ๆ 10 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น จะท าให้อัตราการเกิดปฏิกริยาอ็อกซิเดชั่นเพิ่มขึ้นสองเท่า ปฏิกิริยานี้เกิด จากการที่มีอากาศ หรือน้ า ท าปฏิกิริยากับสารอื่นในน้ ามัน ดังนั้นหากน้ ามันร้อน จะมีปฏิกริยาอ็อกซิ เดชั่นมากขึ้น และท าให้อายุของน้ ามันลดลงแบบแอ็กโพเนนเชี่ยล เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นได้ชัด ลองเอาน้ ามันท าอาหาร ใส่แก้วทิ้งไว้ มันจะใช้เวลานานมากก่อนที่จะ เปลี่ยนเป็นสีด า หากเอาน้ ามันปริมาณเท่ากันใส่ในกะทะทอด โดยให้ผิวน้ ามันสัมผัสกับอากาศ แล้วจุด เตาแก๊ส จะพบว่าน้ ามันเปลี่ยนเป็นสีด าในระยะเวลาที่สั้นมาก 3.4.2.3 ให้น้ ามันแห้ง ( Keep it dry) น้ าเป็นสารที่มีอันตรายต่อน้ ามันไฮดรอลิค เพราะจะส่งผลให้สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) เสื่อมสภาพได้ ง่าย ตัวอย่าง เช่น สารปูองกันการสึกหรอ (Anti-wear) ประเภท ZDDP มักจะขาดความเสถียรเมื่อมีน้ า ปนอยู่ในน้ ามัน 3.4.2.4 ให้น้ ามันสะอาด (Keep it clean) หากท่านท างานกับเครื่องจักรประเภทไฮดรอลิคแล้ว คงจะพอรู้ว่าความสะอาดของน้ ามันเป็นเรื่องส าคัญ อย่างมาก นอกจากผลในการเร่งการสึกหรอของเครื่องจักรแล้ว อนุภาคขนาดเล็กบางตัวที่เกิดจากการขัด ถูของชิ้นส่วนเครื่องจักรยังเป็นตัวเร่งการเกิดปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่นอีกด้วย (Catalyser) อนุภาคบางอย่างสามารถจับตัวกับสารเพิ่มคุณภาพ (Additives) ได้ ซึ่งจะท าให้สารเพิ่มคุณภาพลดลงได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วอนุภาคเหล่านี้จะถูกกรองออกจากน้ ามัน ดังนั้นการลดจ านวนอนุภาคในน้ ามันจะท า ให้สารเพิ่มคุณภาพเสียหายช้าลงและท าให้อายุการใช้งานของน้ ามันนานขึ้น


59 หากต้องการใช้น้ ามันไฮดรอลิคให้คุ้มค่า ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ ามันบ่อย ๆ และต้องการเดิน เครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องระวังทั้ง 4 ข้อที่กล่าวถึงด้านบน และจะเปลี่ยนน้ ามันก็ต่อเมื่อน้ ามันพื้นฐาน (Base Oil) เสื่อมสภาพไป หรือ สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) ถูกใช้หมดไปเท่านั้น รูป 3.6 Temp Gate Oil Cooler 3.4.5 การซ่อมบ ารุงและการดูแล ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ส าหรับวิธีการซ่อมบ ารุงและการดูแลออยล์คูลเลอร์โดยทั่วไป หากไม่ได้มีการเกิดตะกรันมากนัก จะใช้สว่านหรืออุปกรณ์ตัวช่วยในการแยงเข้าไปที่ท่อเพื่อท าการแซะตะกรันออก หรืออีกวิธีก็คือท าการ ถอดไส้ด้านในออก น ามาล้างและแช่ในสารเคมีที่มีกรดหรือด่างแรง ๆ เพื่อตัวสารเคมีจะท าการกัดตระ กรันออกโดยท าการแช่ไว้ 1 คืนก่อนน ามาล้าง แต่ข้อควรระวังในการใช้สารเคมีคือ ไม่ควรให้เข้าตาหรือ สัมผัสโดยตรง รูป 3.7 แม่พิมพ์ 3.4.6 ซ่อมบ ารุงแม่พิมพ์ฉีด เมื่อเทียบกับแม่พิมพ์อื่น ๆ แม่พิมพ์ฉีดมีความซับซ้อนและแม่นย ามากขึ้นและข้อก าหนดส าหรับ การใช้งานและบ ารุงรักษาผลิตภัณฑ์จะสูงขึ้น ดังนั้นในกระบวนการผลิตทั้งหมดการใช้วิธีแก้ปัญหาเชิงบวก


60 และการบ ารุงรักษาอย่างพิถีพิถันของแม่พิมพ์ฉีดบ ารุงการผลิตปกติขององค์กรและปรับปรุงองค์กร ประโยชน์มีความส าคัญอย่างยิ่ง 3.4.4.1 เลือกอุปกรณ์การฉีดที่ถูกต้องก าหนดเงื่อนไขกระบวนการที่เหมาะสมหากเครื่องฉีดพลาสติกมี ขนาดเล็กเกินไปไม่สามารถตอบสนองความต้องการมากเกินไปเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและจะท าให้ แม่พิมพ์หรือแม่แบบเสียหายเนื่องจากการปรับที่ไม่เหมาะสม ของแรงยึดและในเวลาเดียวกันท าให้ ประสิทธิภาพลดลง เมื่อเลือกเครื่องฉีดขึ้นรูปจ านวนการฉีดสูงสุดระยะทางที่มีประสิทธิภาพของ tie rod ขนาดการติดตั้ง แม่พิมพ์บนแม่แบบความหนาของแม่พิมพ์สูงสุดความหนาของแม่พิมพ์ต่ าสุดจังหวะแม่แบบโหมดการดีด ออก ความดันการฉีดแรงหนีบ ฯลฯ ควรจะด าเนินการ การตรวจสอบสามารถใช้งานได้หลังจากค าขอมี เพียงพอ การก าหนดเงื่อนไขที่เหมาะสมของกระบวนการยังเป็นหนึ่งในเนื้อหาของการใช้งานที่ถูกต้องของ แม่พิมพ์แรงหนีบมีขนาดใหญ่เกินไปแรงดันการฉีดสูงเกินไปอัตราการฉีดเร็วเกินไปอุณหภูมิแม่พิมพ์สูง เกินไป ฯลฯ ซึ่งจะท าให้เกิดความเสียหายต่ออายุการใช้งานของแม่พิมพ์ 3.4.4.2 หลังจาก แม่พิมพ์ฉีด ติดตั้งบนเครื่องฉีดขึ้นรูปแม่พิมพ์ที่ว่างเปล่าจะต้องด าเนินการก่อน สังเกตว่า การท างานของแต่ละส่วนนั้นมีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติจังหวะดีดออกไม่ว่าจะเป็น จังหวะเปิดอยู่หรือไม่ก็ตามพื้นผิวการแยกจะถูกจับคู่อย่างแน่นหนาเมื่อแม่พิมพ์ถูกปิดหรือไม่ 3.4.4.3 เมื่อใช้แม่พิมพ์ควรรักษาอุณหภูมิปกติและท างานที่อุณหภูมิปกติเพื่อยืดอายุการใช้งานของ แม่พิมพ์ 3.4.4.4 ส่วนเลื่อนบน แม่พิมพ์ฉีดเช่นโพสต์คู่มือ, ขากลับ, พัตเตอร์, แกน, ฯลฯ , ควรสังเกตได้ตลอดเวลา, ตรวจสอบเป็นประจ า, ขัดผิวในเวลาที่เหมาะสมและเพิ่มจาระบี, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุณหภูมิสูงในฤดู ร้อน, เพิ่มอย่างน้อยสองครั้งต่อกะ เพื่อให้แน่ใจว่าแถบเลื่อนเหล่านี้มีความยืดหยุ่นและปูองกันอาการชัก เกร็ง 3.4.4.5 ก่อนการจับยึดแม่พิมพ์แต่ละครั้งควรสังเกตว่าท าความสะอาดช่องหรือไม่ไม่อนุญาตให้มี ผลิตภัณฑ์ตกค้างหรือวัตถุแปลกปลอมอื่น ๆ ห้ามมิให้ใช้เครื่องมือที่แข็งในระหว่างการท าความสะอาดเพื่อ ปูองกันไม่ให้พื้นผิวของโพรงเกิดความเสียหาย 3.4.4.6 พื้นผิวของโพรงมีความต้องการพิเศษความหยาบของพื้นผิว Ra มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.2cm อย่างไม่สามารถเช็ดด้วยมือหรือผ้าฝูายเปุาด้วยลมอัดหรือเช็ดเบา ๆ ด้วยผ้าเช็ดปากคุณภาพสูงและผ้าฝูาย คุณภาพสูง . 3.4.4.7 ควรท าความสะอาดพื้นผิวของโพรงอย่างสม่ าเสมอ แม่พิมพ์ฉีด จะสลายสารประกอบโมเลกุลต่ า เพื่อกัดกร่อนโพรงแม่พิมพ์ในระหว่างกระบวนการขึ้นรูปเพื่อให้พื้นผิวของช่องสว่างค่อยๆกลายเป็นหมอง


61 คล้ าและลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงจ าเป็นต้องขัดผิวสม่ าเสมอและขัดผิว ใช้แอลกอฮอล์หรือคีโตน ที่เตรียมไว้ให้แห้งในเวลาที่เหมาะสมหลังจากการขัดผิว 3.4.4.8 เมื่อต้องหยุดการท างานชั่วคราวควรปิดแม่พิมพ์เพื่อปูองกันไม่ให้โพรงและแกนกลางถูกเปิดเพื่อ ปูองกันความเสียหายจากอุบัติเหตุ การหยุดท างานคาดว่าจะเกิน 24 ชั่วโมง ฉีดน้ ามันปูองกันสนิมหรือ พื้นผิวลงบนโพรงและพื้นผิวแกนกลาง ตัวแทนฉีดขึ้นรูปโดยเฉพาะในพื้นที่เปียกและฤดูฝนควรได้รับการ ปูองกันสนิมในระยะเวลาอันสั้น ความชื้นในอากาศจะลดคุณภาพพื้นผิวของโพรงและคุณภาพพื้นผิวของผลิตภัณฑ์จะลดลง เมื่อแม่พิมพ์ฉีด ถูกน ามาใช้อีกครั้งน้ ามันบนแม่พิมพ์ควรลบและเช็ดท าความสะอาดก่อนการใช้งาน อากาศอัดที่ท าความ สะอาดซึ่งต้องการโดยพื้นผิวกระจกจะแห้งและแห้งด้วยอากาศร้อน มิฉะนั้นผลิตภัณฑ์จะถูกปล่อยออกมา ในระหว่างการขึ้นรูปและผลิตภัณฑ์จะช ารุด 3.4.4.9 หลังจากปิดเครื่องชั่วคราวเครื่องจะเปิดขึ้น หลังจากเปิดแม่พิมพ์ตรวจสอบว่าขีด จ ากัด ตัวเลื่อน ถูกย้าย หากไม่พบความผิดปกติสามารถปิดแม่พิมพ์ได้ ในระยะสั้นควรระวังก่อนที่จะเริ่มเครื่องไม่ประมาท 3.4.4.10 เพื่อยืดอายุการใช้งานของช่องระบายความร้อนน้ าในช่องระบายความร้อนควรถูกลบออกโดย อากาศอัดทันทีเมื่อแม่พิมพ์ถูกปิดการใช้งาน ใส่น้ ามันจ านวนเล็กน้อยเข้าไปในปากของหัวฉีดจากนั้น อากาศที่ถูกอัดจะถูกเปุาเพื่อท าให้ท่อระบายความร้อนทั้งหมดมีชั้นของการปูองกันการเกิดสนิม ชั้นน้ ามัน 3.4.4.11 ตรวจสอบสถานะการท างานของแต่ละหน่วยควบคุมอย่างระมัดระวังระหว่างการท างานเพื่อ ปูองกันความผิดปกติในระบบเสริมการท าความร้อนและการบ ารุงรักษาระบบควบคุมเป็นสิ่งส าคัญอย่าง ยิ่งส าหรับแม่พิมพ์แบบนักวิ่งร้อน ในตอนท้ายของแต่ละวงจรการผลิตเครื่องท าความร้อนคันเครื่องท า ความร้อนเข็มขัดและเทอร์โมคัปเปิลควรวัดกับแม่สามีและเปรียบเทียบกับค าอธิบายทางเทคนิคของ แม่พิมพ์ฉีด เพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันนั้นไม่เสียหาย ในเวลาเดียวกันลูปควบคุมอาจถูกทดสอบโดย แอมป์มิเตอร์ที่ติดตั้งในลูป น้ ามันในกระบอกไฮดรอลิกส าหรับการดึงแกนจะถูกระบายออกให้มากที่สุด และหัวฉีดจะถูกปิดผนึกเพื่อปูองกันไม่ให้น้ ามันไฮดรอลิกรั่วไหลออกมาหรือก่อให้เกิดมลพิษต่อ สภาพแวดล้อมโดยรอบระหว่างการจัดเก็บและการขนส่ง 3.4.4.12 หากคุณได้ยินเสียงผิดปกติหรือมีสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ในการผลิตคุณควรหยุดการตรวจสอบทันที แม่พิมพ์ฉีด บุคลากรฝุายซ่อมบ ารุงจะต้องท าการตรวจสอบตระเวนบนแม่พิมพ์ที่ท างานปกติในการประชุม เมื่อพบปรากฏการณ์ที่ผิดปกติพวกเขาจะได้รับการจัดการในเวลา 3.4.4.13 เมื่อผู้ปฏิบัติงานอยู่ในระดับการส่งมอบนอกเหนือจากการส่งมอบการผลิตกระบวนการนั้นมี ความส าคัญอย่างยิ่งต่อการบันทึกที่ส าคัญและสถานะการใช้แม่พิมพ์ฉีดควรมีรายละเอียด 3.4.4.14 เมื่อแม่พิมพ์เสร็จสิ้นปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์เมื่อเปลี่ยนแม่พิมพ์อื่น ๆ ควรท าการเคลือบ โพรงแม่พิมพ์ด้วยสารปูองกันการเกิดสนิมควรส่งแม่พิมพ์ที่แนบมาไปยังเจ้าหน้าที่ซ่อมบ ารุงแม่พิมพ์และ


62 สามารถใช้แม่พิมพ์สุดท้ายเพื่อ ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวอย่าง ส่งไปยังเจ้าหน้าที่ซ่อมบ ารุง นอกจากนี้คุณควรส่งรายการการใช้แม่พิมพ์กรอกข้อมูลลงในเครื่องที่ใช้แม่พิมพ์จ านวนผลิตภัณฑ์ที่ผลิต จากเดือนใดเดือนหนึ่งของปีและไม่ว่าจะเป็น แม่พิมพ์ฉีด เป็นสิ่งที่ดีในขณะนี้ หากมีปัญหากับแม่พิมพ์ จ าเป็นต้องกรอก แม่พิมพ์ฉีด บนแผ่นการใช้งานเสนอข้อก าหนดเฉพาะส าหรับการแก้ไขและการปรับปรุง และส่งตัวอย่างของตัวอย่างที่ไม่ได้รับการรักษาไปยังผู้ดูแลและปล่อยให้แม่พิมพ์เพื่อท าการซ่อมแซม 3.4.4.15 ควรตั้งค่าไลบรารีราสร้างบุคลากรพิเศษควรตั้งค่าและสร้างไฟล์โมลด์ หากเป็นไปได้ควรจัดการ คอมพิวเตอร์โดยใช้แม่พิมพ์ ห้องสมุดราควรเลือกสถานที่ที่มีความชื้นต่ าและมีการระบายอากาศ อุณหภูมิ ควรต่ ากว่า 70% หากความชื้นสูงกว่า 70% แม่พิมพ์จะเกิดสนิมได้ง่าย แม่พิมพ์ฉีด ควรเก็บไว้บนหิ้งระวัง ปูองกันการกัดกร่อนและฝุุน ท าเครื่องหมายสัญญาณที่จ าเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมหรือซ่อมแซมและ บ ารุงรักษา รูป 3.8 Hopper เราจะดูในส่วนของตัวถังและตู้ควบคุมสวิตว์เปิด-ปิด ให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน รูปที่ 3.9 แขนกลจับชิ้นงานระบบลม เราจะดูในส่วนที่ระบบลมสามารถดูดและยึดจับชิ้นงานได้ดีหรือไหม


63 3.5 เริ่มด าเนินตามแผน รูปที่3.10 ด าเนินการซ่อมแซม ด าเนินการซ่อมแซมตามที่วิเคราะห์ปัญหาที่หาผลสรุปในจุดที่ท าให้เกิดการ Breakdown เพื่อที่จะแก้ไขหรือซ่อมแซมในจุดที่เสียหายให้กลับมาพร้อมใช้งานต่อไป 3.6 จัดท าระบบบ ารุงรักษาเชิงป้องกัน 3.6.1 จัดท าแผนการซ่อมบ ารุงรายปี ( PM Instruction ) จะมีการPMรายปีทุกๆ 3 , 6, 12 เดือน ของแต่ละปี รูปที่ 3.11 ตารางแสดงแผนการซ่อมบ ารุงรายปีไลน์การผลิต


64 3.6.2 จัดท าแผนการตรวจเช็ครายวัน ( Check list Daily ) รูปที่ 3.12 ตารางแสดงแผนการตรวจเช็คเครื่องจักรรายวัน 3.6.3 จัดท าใบแจ้งซ่อม รูปที่3.13 ภาพแสดงตัวอย่างใบแจ้งซ่อม


65 3.6.4 จัดท าใบบันทึกการซ่อมบ ารุง รูปที่3.14 ภาพแสดงใบบันทึกการซ่อมบ ารุง 3.7 การด าเนินการติดตามผลก่อนการทดลอง รูปที่3.15 ตารางการหยุดท างานของเครื่องจักร 50 45 55 60 กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ช่ัวโมงการหยุดทา งานของเครื่องจักร ( ชม. ) ตารางชั่วโมงการหยุดท างานของเครื่องจักร ( ชม. )


66 3.8 จัดท ารายงานและน าเสนอรายงาน รูปที่3.16 จัดท ารายงานและน าเสนอรายงาน เริ่มจัดท ารายงานรูปเล่มข้อมูลที่ได้ท าการศึกษาของเครื่องจักรและปัญหาการบ ารุงรักษาลดการ เกิด Breakdown ของเครื่องจักร


67 บทที่ 4 ผลการเพิ่มประสิทธิภาพ การท าโครงงานในครั้งนี้ปัญหาที่พบ จากการส ารวจและศึกษาการท างานของเครื่องจักร (Injection Machine) ในกระบวนการผลิตนั้นไม่ว่าจะเป็นการหยุดการท างานของเครื่อง และ เกิด เหตุขัดข้อง (Break Down) หรือ เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ทางผู้จัดท าโครงงานได้วิเคราะห์สาเหตุการ ขัดข้อง และ สาเหตุการหยุดท างานของเครื่องจักร จึงได้หาแนวทางแก้ไขเพื่อปูองกัน และ วางแนวทาง การปฏิบัติด้วยการจัดท าระบบการบ ารุงรักษาเชิงปูองกัน เพื่อปูองกันเครื่องจักรขัดข้อง หรือ หยุดการ ท างาน เพื่อให้เครื่องจักรสามารถด าเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพตามการใช้งาน จากการเก็บข้อมูลของ เครื่องจักรก่อนปรับปรุงในระยะเวลา มกราคม 2566 – เมษายน 2566 พบว่าเครื่องจักรมีปัญหาและ อาการขัดข้องอัตราการสูญเสียเป็นจ านวนมาก และความพร้อมการใช้งานที่ต่ า ด้วยเหตุนี้จึงได้จ าท า ระบบ การบ ารุงรักษาเชิงปูองกัน ขึ้นมาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาเครื่องจักรดังกล่าว ดังนั้น เมื่อหลังจากที่ ทราบปัญหา และ ได้มีการประชุมกับฝุายบ ารุงรักษา สรุปปัญหาร่วมกัน จึงได้ข้อสรุปไปในทิศทาง เดียวกัน คือควรท าระบบการ บ ารุงเชิงปูองกัน เพื่อลดปัญหาการขัดข้องของเครื่องจักรให้ลดน้อยลง 4.1 การวิเคราะห์การขัดข้องของเครื่องจักร 4.1.1 วิเคราะห์สาเหตุการขัดข้องของเครื่องจักร อุปกรณ์ในเครื่องจักรส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดการช ารุด แตกหัก สึกกร่อน ท าให้เครื่องจักรท างานได้ ช้าลง หรือไม่สามารถท างานได้ตามปกติ ซึ่งสรุปสาเหตุส าคัญได้ดังต่อไปนี้ 4.1.1.1 แบบเสียหายฉุกเฉินหรือแตกหักช ารุด ลักษณะดังกล่าวท าให้อะไหล่เครื่องจักรเสียหายแบบทันทีส่งผลให้เครื่องจักรไม่สามารถ ที่จะท างานได้ตามปกติต้องหยุดเครื่องเพื่อที่ท าการแก้ไข เช่น เฟืองท้ายหกลังเครื่องจักร แตกหัก , เสาค้ ายันเครื่องแตกหักช ารุด ท าให้เครื่องจักรหยุดการผลิตแบบกะทันหัน 4.1.1.2 แบบเสื่อมสภาพของอะไหล่ ลักษณะที่เกิดขึ้นของเครื่องจักรอาจจะยังใช้งานได้เป็นครั้งคราวและจะเริ่มลดเป็นสิทธิ ภาพในการท างานลงจนท าให้เครื่องจักรไม่สามารถท างานในที่สุดได้ เช่น น้ ามันไฮดรอ


68 ลิคที่หล่อเลี้ยงข้อเสือไม่ต่อเนื่องท าให้เครื่องจักรไม่สามารถเปิดแม่พิมพ์ได้ , Limit ประตู เสื่อมสภาพส่งผลให้เครื่องจักรตัดการท างาน เป็นต้น 4.1.1.3 อุบัติเหตุ / เหตุการณ์ อุบัติเหตุและเหตุการณ์ เป็นส่วนใหญ่ๆของความล้มเหลวของเครื่องจักร ชิ้นส่วนของ เครื่องจักรที่ถูกจัดการหรือใช้งานอย่างไม่ถูกต้องอาจท าให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย ท าให้ เกิดความล้มเหลวได้ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการฝึกอบรมที่ไม่เหมาะสม หรือ ความผิดพลาดของมนุษย์ หรือการใช้อุปกรณ์ในทางที่ผิดโดยผู้ควบคุมเครื่องจักร 4.1.1.4 ล้าสมัย คล้ายกับอุบัติเหตุซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของความล้มเหลวของเครื่องจักรเกิดขึ้นเนื่องจาก ความล้าสมัยของเครื่องจักรความแม่นย าในการสั่งการของเครื่องจักรมักเสื่อมสภาพไป ตามการเวลาที่ใช้งาน อุปกรณ์ที่ล้าสมัยตามการใช้งานได้สูญเสียคุณค่าและประโยชน์ไป เนื่องจากประสิทธิภาพที่ลดลงและค่าบ ารุงรักษาที่สูง บางกรณีนั้นการเปลี่ยนเครื่องจักร หรือส่วนประกอบมักจะคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับการพยายามบ ารุงรักษา 4.1.1.5 สึกหรอ กัดกร่อน - การกัด3.16 จัดท ารายงานและน าเสนอรายงานกร่อนของชิ้นส่วนเครื่องจักรสามารถ เกิดขึ้นได้เนื่องจาก - การปนเปื้อนในน้ าซึ่งอาจท าให้เกิดสนิมและเพิ่มอัตราการออกซิเดชันของน้ ามัน - กรดเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างสารเติมแต่งในน้ ามันหล่อลื่นและน้ า - การปนเปื้อนจากสารเติมแต่งที่รั่วไหลไปยังส่วนประกอบอื่นๆ 4.1.1.6 การเสื่อมสภาพของพื้นผิว การเสื่อมสภาพของพื้นผิวของชิ้นส่วนและส่วนประกอบเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของ การสูญเสียประโยชน์ใช้งานของความล้มเหลวของเครื่องจักร สาเหตุหลักของการ เสื่อมสภาพของพื้นผิวคือการสึกหรอที่กัดกร่อนและการสึกหรอทางกลไกล 4.1.1.7 การขาดการบ ารุงรักษาที่เป็นระบบ ขาดการปรับเงื่อนไขการท างาน ที่มีการปฏิบัติการในสภาวะที่เกินจากปัจจัยข้อก าหนด ของการออกแบบ ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่อมสภาพ เช่น ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ ามัน ขาด การท าความสะอาดท าให้เกิดความสกปรกของเครื่อง เป็นต้น 4.1.1.8 การที่ผู้ปฏิบัติขาดทักษะในการท างาน


69 โดยเฉพาะบุคลากรทางด้านการซ่อมบ ารุง ซึ่งผู้ปฏิบัติการความเข้าใจในมาตรฐานและวิ ธรการปฏิบัติการที่ส่งผลให้ไม่สามารถตรวจจับหรือดูแลปัญหาของเครื่องจักรที่เกิดขึ้น ระหว่างที่เครื่องจักรก าลังท างาน หรือระหว่างการ PM ประจ าปี เช่น การถอดอะไหล่ หรืออุปกรณ์มาท าความระอาดหรือเช็คแต่กลับไม่พบอะไหล่บางส่วนที่สึกหรอแต่กลับใส่ เข้าไปใช้งานเหมือนเก่า ซึ่งท าให้เครื่องจักรท างานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจากนั้นจะ สามารถก่อให้เกิด Down Time ได้ เพราะเนื่องจากเครื่องจักรต้องหยุดการท างาน 4.1.2 สร้างแผนภูมิก้างปลา 4.1.2.1 แผนภูมิก้างปลาวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรหยุดท างาน รูปที่4.1 ภาพแสดงแผนภูมิก้างปลาวิเคราะห์ปัญหา 4.2 การบริหารอะไหล่งานบ ารุงรักษา การวางแผนการบริหารอะไหล่จะมีความแตกต่างจากการวางแผนปัจจัยการผลิตในหลายประเด็น อาทิ ระดับการให้บริการ (Service Level) ที่ต้องมีความพร้อมในการเบิกจ่ายอย่างรวดเร็วและความ


70 ต้องการชิ้นส่วนหรืออะไหล่ไม่แน่นอนที่ยากในการคาดการณ์ โดยทั่วไปชิ้นส่วนอะไหล่แต่ละรายการล้วน แต่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการจัดเก็บรายการสต็อกที่หลากหลายประเภทจะส่งผลต่อข้อจ ากัด ภาระงานของพนักงานและเกิดข้อจ ากัดในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดสรรเวลาให้ใส่ใจกับทุก รายการเท่ากัน ดังนั้นการจ าแนกกลุ่มสต็อกมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บต่ าสุด หากให้ ความสนใจบางรายการในรายละเอียดมากเกินไปจะท าให้สิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ แต่หากให้ความ สนใจกับบางรายการน้อยเกินไปย่อมเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียอย่างคาดไม่ถึง จึงต้องมีการวิเคราะห์ เกี่ยวกับชิ้นส่วนหรืออะไหล่ต่างๆของเครื่องจักรตรงที่ จุดไหนเมื่อมีการสูญเสียจะเกิดปัญหา Down Time เยอะและบ่อยที่สุด เลยจะต้องมีการสั่งซื้ออะไหล่โดยเรียงความส าคัญจากจุด ๆนั้น 4.3 การทดสอบและผลการทดสอบ จากการที่ผู้จัดท าได้ด าเนินงานในบทที่ 3 มีผลทดสอบดังต่อไปนี้ 4.3.1 การวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) ก่อนด าเนินการ ระยะเวลา อัตราเดินเครื่องจักร ประสิทธิภาพการ เดินเครื่องจักร อัตราคุณภาพ ค่า OEE กันยายน 93.75% 79% 90% = 66% ตุลาคม 85% 75% 85% = 54% พฤศจิกายน 87.3% 78% 92% = 62% ธันวาคม 91.54% 80% 87% = 63% หลังด าเนินการ ระยะเวลา อัตราเดินเครื่องจักร ประสิทธิภาพการ เดินเครื่องจักร อัตราคุณภาพ ค่า OEE มกราคม 96.3% 89% 95% = 81.4% กุมภาพันธ์ 94% 90% 96% = 81.2% มีนาคม 97% 92% 95% = 84.7% เมษายน 96.4% 93% 97% = 86.9%


71 จากตารางข้างต้นจะเห็นว่า ก่อนด าเนินการมีค่าเฉลี่ย OEE อยู่ที่ 61.25% และหลังด าเนินการมี ค่าเฉลี่ย OEE อยู่ที่ 83.55% โดยการด าเนินการนี้จะชี้ให้เห็นว่าค่าประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 22.30% 4.3.2 ผลการเปรียบเทียบระยะเวลาในการหยุดท างานของเครื่องจักร (8ชั่วโมง x 1กะ) ก่อนด าเนินการ หลังด าเนินการ 50 45 55 60 กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ช่ัวโมงการหยุดทา งานของเครื่องจักร ( ชม. ) ตารางชั่วโมงการหยุดท างานของเครื่องจักร ( ชม. ) 22 28 24 21 มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน ช่ัวโมงการหยุดทา งานของเครื่องจักร ( ชม. ) ตารางชั่วโมงการหยุดท างานของเครื่องจักร ( ชม. )


72 จากตารางข้างต้นจะเห็นว่า ก่อนด าเนินการเครื่องจักรหยุดท างานเฉลี่ย 52.5 ชั่วโมงต่อเดือน คิดเป็น 21.87% และหลังด าเนินการเครื่องจักรหยุดท างานเฉลี่ย 23.75 ชั่วโมงต่อเดือน คิดเป็น 9.89% โดยหลังด าเนินการเครื่องจักรหยุดท างานลดลงถึง 28.75 ชั่วโมง คิดเป็น 11.97% 4.3.3 ผลการเปรียบเทียบต้นทุนจากการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิครั่ว ก่อนด าเนินการ เวลาท างาน ปริมาณน้ ามันไฮดรอลิครั่ว 1 นาที 2 มิลลิลิตร 1 ชั่วโมง 120 มิลลิลิตร 8 ชั่วโมง x 3 กะ 2,880 มิลลิลิตร 1 เดือน 86,400 มิลลิลิตร หรือ 86.4 ลิตร หากน้ ามันไฮดรอลิคมีราคาลิตรละ 50 บาท จะเสียเงินจากการรั่วไหลไปเป็นจ านวน 4,320 บาทต่อเดือน หลังด าเนินการ เวลาท างาน ปริมาณน้ ามันไฮดรอลิครั่ว 1 นาที 0.5 มิลลิลิตร 1 ชั่วโมง 30 มิลลิลิตร 8 ชั่วโมง x 3 กะ 720 มิลลิลิตร 1 เดือน 21,600 มิลลิลิตร หรือ 21.6 ลิตร หากน้ ามันไฮดรอลิคมีราคาลิตรละ 50 บาท จะเสียเงินจากการรั่วไหลไปเป็นจ านวน 1,080 บาท ต่อเดือนดังนั้นสรุปได้ว่าหลังการด าเนินการ ปริมาณน้ ามันไฮดรอริครั่วลดลง 64.8 ลิตรต่อเดือน หากราคา น้ ามันไฮดรอลิกมีราคาตามตารางข้างต้น ต้นทุนจากการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิกรั่วจะลดลง 3,240 บาท ต่อเดือน


73 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัยอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การท าโครงงานในครั้งนี้ปัญหาที่พบจากการส ารวจและศึกษาการท างานของเครื่องจักร (Injection Machine) ในกระบวนการผลิตนั้นไม่ว่าจะเป็นการหยุดการท างานของเครื่อง และ เกิด เหตุขัดข้อง (Break Down) หรือเนื่องจากสาเหตุต่างๆทางผู้จัดท าโครงงานได้วิเคราะห์สาเหตุการขัดข้อง และสาเหตุการหยุดท างานของเครื่องจักรจึงได้หาแนวทางแก้ไขเพื่อปูองกันและวางแนวทางการปฏิบัติ ด้วยการจัดท าระบบการบ ารุงรักษาเชิงปูองกัน เพื่อปูองกันเครื่องจักรขัดข้องหรือหยุดการท างานเพื่อให้ เครื่องจักรสามารถด าเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพตามการใช้งาน 5.1 สรุปผลการวิจัย จากการศึกษาการคิดวิเคราะห์การคิดแก้ปัญหาลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักรสามารถ ลดการหยุดการท างานของเครื่องจักรด้วยการแก้ปัญหาน้ ามันไฮดรอลิคสามารถสรุปผลได้ดังต่อไปนี้ หากน้ ามันไฮดรอลิครั่วไหลออกจากเครื่องจักรจะท าให้การท างานของเครื่องจักรมีประสิทธิภาพลดลงและ ท าให้เครื่องจักรหยุดท างานได้และยังสามารถลดการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิค 5.2 อภิปรายผล การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 5.2.1 ประสิทธิภาพของการลดการเกิดปัญหาการหยุดการท างานของเครื่องจักรและลดการสูญเสีย น้ ามันไฮดรอลิคก่อนด าเนินการพบว่าการหยุดการท างานของเครื่องจักรก่อนด าเนินการมีค่าเฉลี่ย OEE อยู่ที่ 61.25% และหลังด าเนินการมีค่าเฉลี่ย OEE อยู่ที่ 83.55% โดยการด าเนินการนี้จะชี้ให้เห็นว่าค่า ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 22.30%และก่อนด าเนินการเครื่องจักรหยุด ท างานเฉลี่ย 52.5 ชั่วโมงต่อเดือน คิดเป็น 21.87% และหลังด าเนินการเครื่องจักรหยุดท างานเฉลี่ย 23.75 ชั่วโมงต่อเดือน คิดเป็น 9.89% โดยหลังด าเนินการเครื่องจักรหยุดท างานลดลงถึง 28.75 ชั่วโมง คิดเป็น 11.97%และการลดการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิคก่อนด าเนินการพบว่าการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิค เฉลี่ยต่อ1เดือนน้ ามันรั่วไหลถึง86,400 มิลลิลิตร หรือ 86.4 ลิตรคิดเป็นเงิน4,320 บาทต่อเดือนและหลัง ด าเนินการพบว่าการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิคเฉลี่ยต่อ1เดือนน้ ามันรั่วไหลถึง21,600 มิลลิลิตร หรือ 21.6 ลิตรคิดเป็นเงิน1,080 บาทต่อเดือนดังนั้นสรุปได้ว่าหลังการด าเนินการ ปริมาณน้ ามันไฮดรอริครั่วลดลง 64.8 ลิตรต่อเดือน หากราคาน้ ามันไฮดรอลิกมีราคาตามตารางข้างต้น ต้นทุนจากการสูญเสียน้ ามันไฮดรอ


74 ลิกรั่วจะลดลง 3,240 บาทต่อเดือน การปฎิบัติท าโครงในครั้งนี้เพื่อลดปัญหาการหยุดการท างานของ เครื่องจักรและลดการสูญเสียน้ ามันไฮดรอลิค 5.3 ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะสาหรับงานวิจัยในอนาคตที่ศึกษาเพิ่มเติมดังนี้ 5.2.1 เนื่องจากเครื่องจักรมีอายุการใช้งานนานมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องจักรมีประสิทธิภาพ การท างานที่น้อยลงดังนั้นควรจะจัดการบ ารุงรักษาและตรวจเช็คเพิ่มมากขึ้นและควรวางแผนการซ่อม บ ารุงรักษาเครื่องจักรให้เหมาะสม 5.2.2 ควรมีการจัดฝึกอบรมพนักงานที่เข้ามาทางานใหม่ให้ทราบถึงระบบการทางาน เอกสารใน การปฏิบัติงานการบ ารุงรักษา 5.2.3 ควรจะส่งเสริมให้มีการจัดท ากิจกรรม 5 ส ให้มากขึ้น เพื่อผูกจิตสานึกในเรื่องของ การ ควบคุมคุณภาพของพนักงาน. 5.2.4 ควรมีการควบคุมอะไหล่ส ารองให้เหมาะสมต่อการซ่อมบ ารุงเพื่อลดเวลาการหยุด เครื่องจักรเพื่อรออะไหล่


75 ภาคผนวก


76


77


78


79


80 บรรณานุกรม 1. ศึกษาหาข้อมูลที่บริษัท Bangkok diecasting and lnjection co.ltd - หัวหน้าแผนก lnjection / หัวหน้าแผนกซ่อมบ ารุง - คู่มือการใช้งานและการดูแลบ ารุงรักษา lnjection 2. http://www.acaser.eng.psu.ac.th/klangduen/Domino/Maintenance/1- 2%20Preventive%20%20Maintenance.htm?fbclid=IwAR0yM8YKCHt3plWV hsbHGzbhIxZ6jpW-7L7TizxDPgvegVspAgbRjK4AovA 3. https://naichangmashare.com/2020/07/14/tpm-total-productivemaintenance/?fbclid=IwAR0I6GZKEmnheGRJ0- DtAZdflnW4IVr5sHtl8hlL4nRoaOwg99moCvO35HY 4. https://www.laplastic.biz/plastic.html?fbclid=IwAR1lxrfFp_CJ6D8hrXYbEd dxEN7TeqD-xUQSrel9BPXZkRiWGGBCrexZjaQ


81 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายชยพล จันทร์แดง รหัส 650407301726 ชื่อเล่น โก้ ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่65 รามอินทรา85 ถ.รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพ 10230 สถานที่ท างาน บริษัท ไวร์เออ แอนด์ ไวร์เลส 390 ชั้น3 ตึก ABC WORLD ซ.รามค าแหง30 ถ. รามค าแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ10240 ต าแหน่งTechnician-Consumer Service เบอร์โทร 0820054608


82 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายธนพงษ์ มุงอินทร์ รหัส 650407301732 ชื่อเล่น ลุค ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่8/9 หมู่ 15 ต าบลคลองนครเนื่องเขต อ าเภอเมืองฉะเชิงเทรา ฉะเชิงเทรา 24000. สถานที่ท างาน Engineering Supply Co., Ltd. ต าแหน่ง C.N.I. เบอร์โทร -


83 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายประสิทธิ์ โสแก้ว รหัส 65040730173 ชื่อเล่น สิทธิ์ ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่55/57 ม.5 ต.หนองบัว อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี 71190 สถานที่ท างาน บมจ.ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง SHUN THAI RUBBER GLOVE INDUSTRY PUBLIC CO.,LTD 9 ม. 4 ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 21100 ต าแหน่ง Foreman Engineeing เบอร์โทร 0863558138


84 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายพงศกร พัสดร รหัส 650407301734 ชื่อเล่น อาร์ม ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่120 ลาดพร้าว 58 เขต/เเขวง วังทองหลาง กรุงเทพ 10310 สถานที่ท างาน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จ ากัดเลขที่ 1 หมู่ 9 ถ.พัฒน์พงศ์ ต.บ้านครัว อ.บ้าน หมอ จ.สระบุรี 18270 (ประจ าการอยู่ ส านักงาน CPAC บางซ่อน ) ตรงข้าม ม.พระจอมเกล้าพระนคร เหนือ ต าแหน่ง PRECEST SPECIALIST เบอร์โทร 0929923194


85 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายปรุฬห์ จ าเนียรสวัสดิ์ รหัส 650407301739 ชื่อเล่น เบียร์ ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่ ที่อยู่ 166/3 หมู่บ้าน เอื้ออาทรขจรวิทย์ ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 สถานที่ท างาน บริษัท Bangkok Diecasting and Injection Co.Ltd ต าแหน่ง ช่างเทคนิค เบอร์โทร 0962758172


86 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายปราชญ์ฏิมา ดารุนิกร รหัส 650407301740 ชื่อเล่น ปราชญ์ ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่97 หมู่ 2 ต.นามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี สถานที่ท างาน บริษัท Revima Asia Pacific Assembly Technician ต าแหน่ง AssemblyTechnician เบอร์โทร 0831175816


87 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายจีระศักดิ์ กัณหทัต รหัส 650407301741 ชื่อเล่น ออม ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่438/73 ซ.มังกร ต.แพรกษาใหม่ อ. เมือง จ.สมุทรปราการ 10280 สถานที่ท างาน เขาช่องอุตสาหกรรม 1979 ต าแหน่ง ช่างฝุายผลิต/ช่างซ่อมบ ารุง เบอร์โทร 0820804837


88 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นางสาวณัฐวดี นิธิรไทยวิฑิต รหัส 650407301742 ชื่อเล่น ฟูา ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่50/383 ซ.10 หมู่บ้าน นันทิชา3/8 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 11150 สถานที่ท างาน กรมโยธาธิการและผังเมือง พระราม6 ต าแหน่ง ฝุายบริหารงานทั่วไปกองควบคุมการก่อสร้าง เบอร์โทร 0970464739


89 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายนิศธราธร ไชยจ าเริญรหัส รหัส 650407301744 ชื่อเล่น ดรีม ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่ หมู่บ้านบุรีรมย์ 555/252 ซ.10 หมู่20 ถนน บางพลี-ต าหรุ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ 10540 สถานที่ท างาน บริษัท hikichi seiko (thailand) co. ltd88/11 หมู่ 23 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ 10540 ต าแหน่ง Assemby เบอร์โทร 0985284109


90 ประวัติผู้จัดท ารายงาน ชื่อ – สกุล นายพลพล เทียมสมบัติเทพ รหัส 650407301745 ชื่อเล่น แทน ชื่อรายงานการบ ารุงรักษาและลดการเกิด Breakdown ของเครื่องจักร สาขาวิศวะกรรมอุตสาหการ ที่อยู่ หมู่บ้านเฟื่องฟูา11 เฟส9 549/2 ซหมู่1ถนน เทพารักษ์ ต.แพรกศสใหม่อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10280 สถานที่ท างาน บริษัท APEX CIRCUIT (THAILAND) Co.,Ltd.30/101-102 หมู่ที่ 1 นิคมอุตสาหกรรม สมุทรสาครและนิคมอุตสาหกรรมสินสาครต าบลโคกขาม อ าเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000 ต าแหน่ง ส่งสินค้าและน าเข้าส่งออกสินค้า เบอร์โทร 0917649176


Click to View FlipBook Version