๑เลม่ ท่ี
การวเิ คราะหว์ ิจารณเ์ บอื้ งต้น
นางสาวสิรภิ า แสงสมคั ร
ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะชานาญการ
โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวดั ยะลา
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษายะลา
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก
คำนำ
การอ่าน คือกระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สารซึ่งเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความคิดเห็น
ที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเครื่องมือในการแสวงหา
ความรู้ พัฒนาตนเอง คือ พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต นอกจากการอ่านจะเป็น
เครื่องมือในการแสวงหาความรู้ก่อให้เกิดทกั ษะต่าง ๆ แล้วยงั ก่อให้เกดิ ความบันเทิง สนุกสนานเพลิดเพลิน
อีกทั้งได้แนวคิดจากการอ่าน การอ่านจึงเป็นหัวใจของการศึกษาทุกระดับ และการอ่านที่ดีมีประสิทธิภาพ
จะต้องสามารถวิเคราะห์วิจารณ์สิ่งที่ได้รับจากการอ่านซึ่งเป็นลักษณะของความคิดที่อ่านแล้วมีประโยชน์
สามารถนำสิง่ ที่ไดร้ บั จากการอา่ นมาพนิ ิจพจิ ารณาเพ่ือประยุกตใ์ ช้ได้
แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ การอ่าน
วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี ผู้จัดทำได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากแบบเรียนของนักเรียน ตามเนื้อหาสาระ
การอา่ นวเิ คราะหว์ ิจารณ์วรรณคดี ตามมาตรฐานการเรยี นรู ตัวชีว้ ดั ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา
ขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน
ตอนขุนช้างถวายฎีกา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเล่มนี้จะเป็นประโยชน์
ในการส่งเสริมใหน้ ักเรียนเปน็ ผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน สามารถประยกุ ต์ใชค้ วามรู้จากการอา่ นมากย่งิ ขึน้
สิริภา แสงสมคั ร
ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จงั หวัดยะลา
ข
สารบัญ
เร่ือง หน้า
คำนำ……………………………………………………………………………………………………………………...…… ก
สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………………… ข
คำชี้แจงสำหรบั ครู............…………………………………………………………………….............................. ค
คำชี้แจงสำหรบั นักเรยี น............……………………………………………………………………………………… ง
สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั /จดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .…………………………………………….… จ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น................................................................................................................ 1
ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื งหลักการวิเคราะหว์ ิจารณ์เบ้ืองต้น............................................................... 4
7
แบบฝึกท่ี ๑-3 .......…………………………………………………….………………….………................. 11
ใบความรทู้ ่ี ๒ งานประพันธ์........................................................................................................ 14
16
แบบฝกึ ท่ี 4-5 .......…………………………………………………….…………………..….…………....….. 19
แบบทดสอบหลังเรียน............................................................................................................ ..... 20
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………………………………………………. 21
ภาคผนวก...................................................................................................................... ............ 22
29
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน...............................................................................
เฉลย/แนวคำตอบแบบฝึกที่ ๑ – 5……………………………………………………………..……......
เกณฑ์การให้คะแนนแบบฝึกท่ี ๑ – 5................................................................................
ค
คำช้ีแจงสำหรับครู
แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคดี เรื่องขนุ ช้างขุนแผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เลม่ ที่ 1 เร่อื ง หลกั การวิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี
เบ้ืองต้น เลม่ น้ี ประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้ และแบบฝกึ
ทกั ษะ เพื่อให้เกดิ ประโยชน์สำหรบั นกั เรียนมากยงิ่ ข้นึ ครูควรศกึ ษาและทำความเข้าใจคำชแ้ี จงในการใช้
แบบฝกึ ทกั ษะอย่างละเอยี ด และปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอน ดงั น้ี
๑. ทำความเขา้ ใจ ศึกษาแบบฝึกทกั ษะให้เข้าใจตลอดทง้ั เล่ม
๒. เตรยี มแบบฝึกทักษะ ชดุ เฉลยใหพ้ ร้อมและเพียงพอตามจำนวนนกั เรยี น
๓. เตรยี มสือ่ อุปกรณ์ หนังสือเรยี น เอกสารใบความรเู้ พิ่มเติม เพ่ือเป็นแหลง่ ข้อมูลให้นักเรียน
ศึกษาเพิม่ เติม
๔. หลังจากทำแบบฝกึ ทักษะในแต่ละคร้งั นักเรยี นควรมีสว่ นรว่ ม เช่น อภปิ รายรว่ มกนั ตรวจ
ผลงาน สรปุ องค์ความรู้ดว้ ยตนเอง และควรแจง้ ผลการเรียนให้นกั เรยี นทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียน
ทกุ ครง้ั
๕. บนั ทกึ ผลการทำแบบฝกึ ทักษะทุกครัง้ เพื่อสังเกตพฒั นาการเรียนร้ขู องนกั เรียน
6. อำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษา แนะนำในการทำกิจกรรมแกน่ กั เรียน
ง
คำชแี้ จงสำหรบั นกั เรยี น
แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย เล่มที่ 1 เรอื่ ง หลักการวิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคดเี บอื้ งตน้ ที่นกั เรยี นจะได้ศกึ ษาตอ่ ไปนี้ เป็นแบบ
ฝกึ ท่ีนกั เรยี นสามารถศกึ ษาไดด้ ว้ ยตนเองโดยปฏิบัตติ ามคำแนะนำดงั ต่อไปนี้
๑. นกั เรียนอา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรูก้ ่อนลงมือศึกษาแบบฝึกทักษะในแต่ละกจิ กรรม
๒. นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพ่ือตรวจสอบดวู า่ นกั เรียนมีพืน้ ฐานความรู้ ความเข้าใจ
มากนอ้ ยเพียงใด
๓. นักเรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองตามความสามารถ มีใบความรู้ มีแบบฝึกทักษะให้นักเรียน
ศกึ ษาและปฏิบตั ิ
๔. นักเรยี นควรทำความเข้าใจก่อนวา่ แบบฝึกเทกั ษะไม่ใช่การทำแบบทดสอบ แตเ่ ป็นการให้
นักเรยี น เรยี นรดู้ ้วยตนเองตามความสามารถ
๕. นักเรียนควรมีสมาธิและความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ในขณะศึกษาใบความรู้ และทำแบบฝึกทักษะ
ไมค่ วรเปิดดเู ฉลยคำตอบกอ่ น จนกว่านกั เรียนจะทำแบบฝกึ ทกั ษะในแต่ละกจิ กรรมเสรจ็ จึงเปดิ ดเู ฉลยได้
๖. นักเรียนทำแบบฝึกทักษะด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ หากทำไม่ได้ ให้ศึกษาใบความรู้ใหม่ ไม่เข้าใจ
ให้ย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาแบบฝึกทักษะใหม่อีกครั้ง หรือขอคำแนะนำจากครูผู้สอน และตอบคำถาม
นักเรยี นสามารถตรวจดเู ฉลยคำตอบไดท้ นั ที หลังจากท่ีนกั เรียนทำแบบฝึกทักษะแตล่ ะกจิ กรรมเสรจ็ แล้ว
๗. เมื่อศึกษาแบบฝึกทักษะเสร็จแล้ว ให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน และตรวจคำตอบจากเฉลย
แลว้ นำผลคะแนนทไี่ ด้ไปเปรยี บเทยี บคะแนนก่อนเรยี น
๘. รับฟังการบอกคะแนนคำชมเชย และคำแนะนำเพิม่ เตมิ จากครู
๙. ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมทกุ ครั้งนกั เรยี นควรให้ความร่วมมอื ต้ังใจในการทำกจิ กรรม
และตรงต่อเวลาเสมอ
จ
สาระ/มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงค์การเรียนรู้
สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ไทยอยา่ งเห็นคุณคา่ และนำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
ตวั ชว้ี ดั
ม.๔-๖/3 วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบื้องตน้
จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกความหมายของการอ่านเพ่อื วิเคราะห์วจิ ารณ์ได้
๒. บอกลกั ษณะของการวิเคราะห์วิจารณ์ได้
๓. บอกหลักการวเิ คราะหว์ จิ ารณไ์ ด้
๔. บอกความหมายของงานประพันธ์ได้
5. บอกลักษณะของงานประพนั ธไ์ ด้
6. บอกรปู แบบของงานประพนั ธ์ได้
๑
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
คำชี้แจง นกั เรียนอ่านขอ้ คำถาม และคำตอบให้ละเอียด แล้วทำเครื่องหมายกากบาท ( )
ทับอกั ษร ก, ข, ค หรอื ง ลงในกระดาษคำตอบทต่ี รงกับตวั เลอื กทน่ี ักเรียนเหน็ วา่ ถกู ตอ้ ง
ทีส่ ุด เพยี งขอ้ เดียว (๑๐ คะแนน)
............................................................................................................................. ......................................
๑. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ต้อง
ก. งานประพันธ์ หมายถึง งานสรา้ งสรรค์ของมนุษย์ทไี่ ด้แตง่ ขึ้น อาจเป็นลายลกั ษณ์อักษร
หรอื ไม่กไ็ ด้
ข. วรรณคดี คือวรรณกรรมหรอื งานเขยี นท่ียกย่องกนั วา่ ดี มีสาระและมีคณุ ค่าทางวรรณศลิ ป์
ค. วรรณกรรมมี 3 ประเภท คือ วรรณกรรมลายลกั ษณ์ วรรณกรรมมุขปาฐะ และวรรณกรรม
ทเี่ ปน็ วรรณคดี
ง. งานประพนั ธ์ประเภทร้อยกรองมีลกั ษณะบงั คบั ในการแตง่ ท่เี รยี กวา่ “ฉนั ทลักษณ์”
2. ข้อใดให้ความหมายของการอ่านวิเคราะหไ์ ดถ้ ูกตอ้ งทีส่ ุด
ก. การอ่านอยา่ งมีวิจารณญาณไตร่ตรอง
ข. การอ่านเพอื่ แยกแยะองค์ประกอบของส่งิ ที่อา่ น
ค. การอา่ นเพ่อื จำแนกประเภทสงิ่ ทอ่ี ่านในชวี ิตประจำวัน
ง. การอา่ นท่มี ุ่งคน้ หาเนื้อหาสาระหรอื แก่นสำคัญของเรอ่ื ง
3. การอ่านเพ่ือวิเคราะห์วิจารณม์ ีความหมายตรงกบั ข้อใดมากท่ีสุด
ก. การอ่านเพ่อื แสดงความคิดเห็นต่อเรอื่ งท่ีอ่านอย่างมีเหตผุ ล
ข. การอ่านเพอ่ื ตดัสนิ เรื่องท่ีอ่านวา่ มขี อบ้ กพร่องอย่างไร
ค. การอ่านเพอ่ื แยกแยะเร่ืองที่อา่ นแล้วนำมาพิจารณาตัดสินว่ามีข้อดีขอ้ เสียอย่างไร
ง. การอา่ นเพ่ือแสดงความคิดเหน็ เรือ่ งที่อ่านจากความคิดเหน็ ส่วนตัว
4. ข้อใดตอ่ ไปนี้ไม่ใชข่ นั้ ตอนการอ่านเพ่อื วิเคราะหว์ ิจารณท์ ถี่ ูกตอ้ ง
ก. เรยี งลำดับความสำคญั ของประเด็นทตี่ ้องการจะวจิ ารณ์
ข. หาความรู้ท่แี วดล้อมเรอื่ งที่อา่ นอย่างรอบด้าน
ค. เมื่ออ่านจบเรื่องหนึ่งๆ ควรฝึกการต้ังคำถามเชงิ คาดคะเน
ง. ฝึกอา่ นออกเสยี งเพ่ือให้เข้าใจอารมณ์ความร้สู ึกของตัวละคร
๒
5. การวิจารณท์ ่ีดไี ม่ควรปฏิบัตติ ามข้อใด
ก. วจิ ารณต์ ามอารมณค์ วามรู้สกึ
ข. วิจารณอ์ ย่างสรา้ งสรรค์
ค. วิจารณ์อยา่ งไมม่ ีอคติ
ง. วิจารณอ์ ย่างเปน็ ธรรมและเป็นกลาง
6. ขอ้ ใดเปน็ ความเหมาะสมในการสรปุ ความคิดเหน็ ในการวิจารณว์ รรณคดี
ก. ยกข้อเสียให้เหน็ ก่อนตามด้วยขอ้ ดพี ร้อมเหตุผลและตัวอย่าง
ข. ยกตวั อย่างให้เห็นขอ้ เสยี ก่อนข้อดีพร้อมเหตผุ ล
ค. แสดงความคดิ เห็นไดต้ ามความพอใจของผู้วจิ ารณ์
ง. ยกข้อดใี หเ้ หน็ ก่อนตามด้วยขอ้ บกพร่องพร้อมเหตผุ ลและตัวอย่าง
7. ข้อใดกล่าวถึงการอา่ นเพอ่ื วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. เปน็ การอ่านเพ่ือจับประเดน็ สำคญั ของเรอ่ื งทอี่ ่าน
ข. เป็นการอ่านเพื่อพฒั นาจิตใจและกอ่ ให้เกดิ ความจรรโลงใจ
ค. เป็นการอา่ นเพื่อวิเคราะห์วิจารณแ์ ละประเมินคา่ อย่างมีเหตุผล
ง. เป็นการอา่ นเพอ่ื ขยายความจากเรื่องท่ีอา่ นให้ครอบคลุมมากขึ้น
8. การอา่ นเพื่อการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ เราสามารถพฒั นาไปสกู่ ารอา่ นขั้นตอนใด
ก. การวพิ ากษ์
ข. การประเมินค่า
ค. การสรุปความ
ง. การนำไปใช้
๙. ข้อใดไมใ่ ชห่ ลักการวิจารณ์
ก. พจิ ารณาองค์ประกอบของเรื่อง
ข. พิจารณาเนื้อหา
ค. พิจารณาแก่นเรือ่ ง
ง. พิจารณาภูมหิ ลังของผูแ้ ต่ง
10. ขอ้ ใดไม่ใช่หลักการอ่านวเิ คราะห์ในเร่ืองการลำดับเหตกุ ารณ์ตามเหตผุ ล
ก. การลำดบั เหตกุ ารณจ์ ากเหตไุ ปหาผล
ข. การลำดับเหตกุ ารณ์จากผลไปหาเหตุ
ค. การลำดับเหตกุ ารณ์จากความสำคัญมากไปหาความสำคัญน้อย
ง. การลำดับเหตกุ ารณ์ของเร่ืองราวทส่ี อดคลอ้ งเหมาะสมกับความเปน็ จรงิ
๓
กระดาษคำตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ช่ือ-นามสกุล.....................................................................ช้นั ............. เลขท่ี ..............
คำชีแ้ จง จงเลอื กตวั อกั ษร ก, ข, ค, หรือ ง และทำเครือ่ งหมายกากบาท (X)
ในชอ่ งทถี่ กู ทีส่ ุด (๑๐ คะแนน)
ข้อ ก ข ค ง
๑
2
3
4
5
6
7
8
9
10
๔
ใบความรู้ ที่ 1
เรอ่ื งหลกั การวิเคราะห์วิจารณเ์ บือ้ งต้น
ความหมายของการอ่านวิเคราะห์
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายของคำว่า “วิเคราะห์” ไว้ 2
ความหมาย คือ
(๑) ก. ใคร่ครวญ เชน่ วเิ คราะหเ์ หตุการณ์ (ส. วคิ ฺรห).
(๒) ก. แยกออกเป็นสว่ น ๆ เพ่ือศึกษาให้ถ่องแท้ เชน่ วิเคราะห์ปญั หาต่าง ๆ วิเคราะห์ขา่ ว.
(ส. วคิ รฺ ห).
คำวา่ “อ่าน” หมายถึง การว่าตามตัวหนงั สือ
ดังนั้น การอ่านวิเคราะห์ จึงหมายถึง การอ่านเพื่อใครค่ รวญ แยกแยะข้อความที่ศึกษาอย่างถีถ่ ้วน
เพื่อให้ทราบถึงโครงสร้าง องค์ประกอบ หลักการและเหตุผลของเรื่อง จนสรุปได้ว่าแต่ละส่วนเป็นอย่างไร
สัมพันธ์กันอย่างไร เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไรซึ่งการอ่านวเิ คราะห์ชว่ ยใหเ้ ห็นภาพรวมและรายละเอียด
ของเรอ่ื งทอ่ี ่าน ฝกึ ให้อา่ นอยา่ งรอบคอบ ช่วยให้เข้าใจเรื่องน้ันอย่างแท้จริง ช่วยพฒั นาสตปิ ญั ญาเพราะต้อง
ใช้เหตุผลในการอธิบายแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งทักษะในการอ่านนี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และจะ
นำไปใชใ้ นการอา่ นประเมินคา่ ต่อไป
หลักการอ่านวิเคราะห์
1. แยกเน้ือเรือ่ งใหไ้ ด้วา่ ใคร ทำอะไร ทไ่ี หน เม่อื ไร อยา่ งไร
2. แยกพจิ ารณาใหล้ ะเอียดวา่ เนอ้ื หาประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
3. พจิ ารณาวา่ ใช้กลวธิ ีในการนำเสนอเร่อื งอยา่ งไร
4. ลำดับเหตุการณ์ ตามเหตุผลคือ ลำดับจากเหตุไปหาผล หรือจากผลไปหาเหตุ หรือตาม
เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นกอ่ นหลัง ความสำคัญมากไปหาความสำคญั น้อย
5. พิจารณาความคิดที่ผู้เขียนต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบและความหมายที่แฝงอยู่ในเนื้อเรื่องหรือ
ข้อความนน้ั เมื่ออ่านพิจารณาข้อความ บทความ หรือเนอ้ื เรื่องเสร็จแลว้ จงึ ตอบคำถาม
๕
การพจิ ารณาเนือ้ หาและกลวธิ ีในวรรณคดีและวรรณกรรม
การพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีของวรรณคดี ความพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เนื้อเรื่อง
โครงเรือ่ ง ตัวละคร ฉาก บทเจรจา และแก่นเร่ือง ดังนี้
๑. พิจารณาวา่ เรื่องนั้นใชร้ ูปแบบใด เช่น เปน็ งานประพนั ธป์ ระเภทร้อยแก้ว ร้อยกรอง
เปน็ สารคดีหรือบันเทิงคดี
๒. เนื้อเรอื่ ง ควรพจิ ารณาเนอื้ เรอื่ งตง้ั แต่ตน้ จนจบ การพจิ ารณาเนื้อเรื่องในวรรณคดี
จะต้องอ่านหลายๆ ครั้ง ศึกษาคำศัพท์และความหมายต่าง ๆ จับใจความ พินิจพิเคราะห์ ถ้าเป็นวรรณคดี
ท่ีมโี ครงเรือ่ งจะตอ้ งศึกษาให้รวู้ า่ ใคร ทำอะไร ทไ่ี หน อย่างไร มีเหตุการณ์ตอนใดนา่ สนใจ เนอื้ เร่ือง
เหมาะสมกับยุคสมยั หรือไม่ เปน็ ต้น
3. โครงเรอื่ ง เป็นการวางกรอบและแนวทางในการสร้างเรอ่ื ง โครงเรือ่ งเดียวกันอาจสรา้ ง
เรือ่ งได้แตกต่างกนั โครงเรื่องมกั แสดงความขัดแยง้ ท่ีเปน็ เหตุของเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ เช่น ความขัดแยง้
ระหวา่ งสุเทษณก์ บั มทั นา ขนุ ช้างกบั ขุนแผน
4. ตวั ละคร ควรพจิ ารณาลกั ษณะนิสัยตัวละครว่าใครคือตัวเอก พฤติกรรมตวั ละครใด
นา่ ยกยอ่ ง น่าตำหนิลกั ษณะนิสยั ตัวละครสอดคล้องกับการดำเนินเร่ืองหรือไม่ โดยพิจารณาจาก
การกระทำและคำพดู ของตัวละคร
5. ฉาก ควรพิจารณาเวลาและสถานที่ของวรรณคดีและวรรณกรรม ฉากทีป่ รากฏจะต้อง
สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง เช่น ฉากในประเทศจีนจากเรื่องสามก๊ก ฉากในป่าจากเรื่องมหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี
6. บทเจรจา ควรพจิ ารณาจากคำพูดของตวั ละครเพ่ือให้ทราบลกั ษณะนสิ ยั และแรงจูงใจที่
ทำให้ตวั ละครมพี ฤตกิ รรมแบบนัน้ ๆ
7. แก่นเรือ่ ง ควรพจิ ารณาแนวคดิ ทก่ี วีมเี จตนาจะเสนอตอ่ ผู้อา่ น โดยแฝงอยูใ่ นเนื้อเรอื่ ง
แก่นเร่อื งเป็นสิง่ ท่ีผู้แต่งใช้ในการวางโครงเร่ือง ฉาก ตวั ละคร ซ่งึ เป็นจุดเริ่มต้นของการแต่งเรื่อง
สว่ นผู้อา่ นเมอื่ อ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรมจบแลว้ จงึ พจิ ารณาแกน่ เรื่องเป็นลำดบั สดุ ท้าย
๖
ความหมายของการอ่านวิจารณ์
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายของคำว่า “วิจารณ์” หมายถงึ
ก. ให้คำตัดสินสิ่งที่เป็นศิลปกรรมหรือวรรณกรรม เป็นต้น โดยผู้มีความรู้ควรเชื่อถือได้ว่ามีค่าความงาม
ความไพเราะดีอย่างไร หรือมีข้อขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง เช่น เขาวิจารณ์ว่าหนังสือเล่มนี้แสดงปัญหา
สังคมในปัจจุบันได้ดีมากสมควรได้รับรางวัล, ติชม, มักใช้เต็มคำว่า วิพากษ์วิจารณ์ เช่น คนดูหนัง
วพิ ากษ์วจิ ารณว์ ่าหนังเร่อื งน้ีดำเนินเรื่องชา้ ทำใหค้ นดูเบื่อ.
การวิจารณ์วรรณคดี คือ การให้คำตัดสินว่าวรรณคดีนั้นมีคุณค่าหรือบกพร่องอย่างไร ซึ่งการ
วิจารณ์ควรพิจารณาเนื้อเรื่องว่าเหมาะสม สื่อความ และสื่ออารมณ์ได้ดีเพียงใด มีข้อคิดที่สามารถนำมา
ประยุกตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งไร พฤตกิ รรมของตัวละครมีความเหมาะสมหรือไม่ หากวิจารณค์ ำประพันธ์ประเภท
ร้อยกรองควรพจิ ารณาเรื่องรปู แบบคำประพันธ์ การใช้คำใหเ้ กิดความงามด้านเสยี งและความหมาย
หลกั การอ่านวจิ ารณ์วรรณคดี
๑. ผ้วู จิ ารณ์จะต้องมีความรู้ในเรื่องรูปแบบ ลกั ษณะคำประพันธ์และวรรณศลิ ป์ มีประสบการณ์ใน
การอา่ นมาก
๒. ผู้วิจารณจ์ ะตอ้ งอธิบายลกั ษณะของหนังสือวา่ เปน็ อยา่ งไร โดยอา่ นความเห็นของผรู้ ู้ ทน่ี ่าเช่อื ถือ
ไดป้ ระกอบการวจิ ารณ์
๓. ผู้วิจารณ์ควรแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรือ่ งนั้นว่า ชอบ หรือไม่ชอบ
ดีหรอื ไมด่ ี โดยมเี หตุผลประกอบทน่ี ่าเชื่อถอื
๔. ผู้วิจารณจ์ ะต้องมีใจเป็นกลางปราศจากอคติและไม่ลำเอียง การวิจารณ์จะทำให้ผู้วิจารณ์เข้าใจ
วรรณคดีและวรรณกรรมในด้านต่าง ๆ ทั้งรูปแบบ เนื้อหา และ วรรณศิลป์ ซึ่งจะทำให้เห็นคุณค่าของ
วรรณคดแี ละวรรณกรรมนน้ั อย่างรอบด้าน
(จิตต์นภิ า ศรไี สย์ และคณะ. 2559 : 8)
๗
แบบฝึกทกั ษะที่ 1
คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนทำเคร่ืองหมายถูก (✓) หนา้ ข้อทเี่ หน็ วา่ ถกู ตอ้ ง และทำเคร่ืองหมายกากบาท ()
หน้าขอ้ ความที่ไม่ถูกตอ้ ง (10 คะแนน)
................ ๑. การอา่ นวิเคราะห์คอื การแยกแยะขอ้ ความที่ศึกษาอย่างถีถ่ ้วน
................ 2. การอา่ นวิเคราะห์ชว่ ยให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดของเรอ่ื งท่ีอ่าน
................ 3. การอ่านวเิ คราะหเ์ ปน็ ทกั ษะสกู่ ารอา่ นประเมนิ ค่า
................. 4. การอา่ นวิเคราะหเ์ ปน็ การฝึกทักษะสทู่ ักษะการเขียน
................. 5. การวเิ คราะห์เป็นการพจิ ารณาสง่ิ ทอี่ า่ นแต่ไม่ใช่การพจิ ารณาความคดิ
ของผ้เู ขยี น
................. 6. การวจิ ารณ์คือการพจิ ารณาความไพเราะของภาษาในงานประพันธ์
................ 7. การวิจารณค์ ือการใหค้ ำตดั สินว่าวรรณคดนี ้นั กล่าวถงึ ใคร ทำอะไร ทีไ่ หน เมอ่ื ไร
อยา่ งไร
................. 8. การวิจารณ์ควรเปน็ ไปอย่างสร้างสรรค์เป็นธรรม มใี จเป็นกลาง และไม่มอี คติ
................. 9. การวจิ ารณ์วรรณคดีผวู้ ิจารณ์ต้องไมว่ จิ ารณใ์ นทางลบเพราะวรรณคดีเป็น
หนังสือที่ได้รับการยอมรับวา่ แต่งดี
................ 10. หลักของการวจิ ารณค์ ือบอกจดุ บกพรอ่ งของงานประพันธ์จากนั้นจงึ บอกข้อดี
๘
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 2
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถกู ตอ้ ง (10 คะแนน)
1. การอา่ นวเิ คราะห์ หมายถึงอะไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
๒. จงบอกหลกั ในการอ่านวเิ คราะห์ (3 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................
...................................................................................................................................... ...................................
๓. การอา่ นวิจารณ์ หมายถงึ อะไร (2 คะแนน)
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
๔. จงบอกหลักในการอา่ นวิจารณ์ (3 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................
...................................................................................................................................... ...................................
๙
แบบฝึกทักทกั ษะที่ 3
คำช้แี จง นกั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้วี ่าเป็นการวิเคราะห์หรือการวิจารณ์
พรอ้ มอธิบายเหตผุ ลประกอบ (10 คะแนน)
๑. “บทละครนอกเร่ืองสังข์ทอง ตอนพระสงั ขห์ นนี างพนั ธรุ ัตน้ันมีรปู แบบคำประพนั ธ์เปน็ แบบกลอนสุภาพ
มกี ารใชค้ ำศัพทท์ ัว่ ไปอ่านแล้วเข้าใจงา่ ย โดยกวีกำหนดให้ตนเปน็ ผูพ้ ดู บรรยายบุรุษที่ 3 ซึ่งจะไมแ่ สดง
อารมณ์ความร้สู ึก แต่เป็นเพียงผู้เลา่ เรอ่ื ง กลา่ วคือเปน็ เพียงผู้บรรยายให้เห็นภาพวา่ ใครกำลังทำอะไรและมี
รูปร่างลักษณะ อุปนิสัยอยา่ งไร และตัวละครกำลังรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ก็ยังมสี ว่ นทีเ่ ปน็ บทพดู ของตัว
ละครทบี่ างคร้ังก็สอดแทรกร่วมกับการบรรยายของผพู้ ดู บรรยาย”
ตอบ ......................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
2. “ลิลิตตะเลงพ่ายแต่งด้วยลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ
และโคลงส่สี ุภาพ แต่งสลบั กันไป จำนวน 439 บท โดยได้แบบอย่างการแต่งมาจากลิลิตยวนพ่ายท่ีแต่งขึ้น
ในสมัยอยุธยาตอนต้น ลิลิตเปรียบได้กับงานเขียนมหากาพย์ จัดเป็นวรรณคดีประเภทเฉลิมพระเกียรติ
พระมหากษตั รยิ ์”
ตอบ ......................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
3. “กวีได้แสดงลักษณะทีน่ ่าช่ืนชมของพระลอได้อยา่ งไม่ขัดกับความสงั เวชสลดใจในชะตากรรมของกษัตริย์
ทง้ั สาม อะไรคือลักษณะทน่ี า่ ช่นื ชมของพระลอและพระเพ่ือนพระแพง ทำไมเราจึงสามารถช่นื ชมใน
พฤติกรรมมนุษยท์ ีเ่ หน็ ได้ชัดว่าผดิ พลาดนคี่ ือคำถามทนี่ ่าคดิ ”
(ดวงมน จิตรจ์ ำนงค์.2561 : 61)
ตอบ ......................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๑๐
4. “ทรพีอาจจะมีเหตุผลทสี่ งั หารบดิ า เพราะบิดาน้ัน ฉันทาทุจรติ และใจบาปหยาบคาย ฆา่ ลูกตวั ตายเสยี
หนกั หนา และคนอา่ นอาจจะเห็นวา่ ทรพที ำไปตามคำสาปของพระอศิ วร แตใ่ จจริงแล้วคนไทยก็ไม่ไดใ้ ห้อภัย
ทรพี กระทำของทรพีในฐานะท่ีเป็นลกู แต่ “มาดถู ูกเจรจาหยาบใหญ่” และ “สู่รู้จะสบู้ ิดา” หรอื “โผน
ทะยานเยาะเยย้ แลว้ ตอบไป” จนถึง “ขวิดถูกทรพา...มว้ ยชวี าดว้ ยฤทธิ” ไม่น่าจะผา่ นความเห็นชอบของคน
อา่ นไทย ๆ ทรพีจงึ เปน็ ผรู้ ้ายมากกว่าพระเอก ไม่ชา้ ทรพกี ็เหิมเกริม เท่ยี วท้าเทวดาไปจนถงึ พระอิศวรใหม้ า
สกู้ บั ตน ในทสี่ ดุ ทรพีกต็ ายดว้ ยนำ้ มือของพาลี คงไมม่ ีใครนึกถึงผลของการกระทำของทรพีทสี่ ง่ ให้บดิ า
“สนิ้ ทุกข์” กลบั ไปเป็นนายทวารท่เี ขาไกรลาสดงั เดิม มีแต่คนจำไดต้ ิดหูติดปากว่าทรพีเป็นลูกที่ไมร่ ู้คุณพ่อ
เท่านน้ั ”
(กศุ ุมา รกั ษ์มณ.ี 2539 : 14)
ตอบ ......................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
5. “มทั นะพาธา เป็นบทละครพดู คำฉนั ท์ 5 องก์ โดยพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรง
พระราชนพิ นธ์ข้ึนท้ังหมดดว้ ยพระองคเ์ องโดยไม่ไดอ้ ิงเนื้อหามาจากท่ีอื่น ทรงพระราชนิพนธท์ งั้ เริ่มและจบ
ลงในปี พ.ศ. 2466 เลา่ เรือ่ งว่าดว้ ยตำนานเกย่ี วกับดอกกุหลาบ และความเจบ็ ปวดจากความรกั ”
ตอบ ......................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๑๑
ใบความรทู้ ี่ 2
เร่อื ง งานประพันธ์
การวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เป็นการแยกแยะและพิจารณาคุณค่าในด้านต่าง ๆ ของวรรณคดี
ซึ่งความรู้ในเรื่องงานประพันธ์สามารถเป็นแนวทางในการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีได้ ดังรายละเอียด
ต่อไปน้ี
ความหมายของงานประพันธ์
งานประพนั ธ์ หมายถงึ งานสร้างสรรคข์ องมนุษยท์ ่ีได้แตง่ ข้ึน อาจเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร
หรือไมก่ ไ็ ดโ้ ดยคดั เลอื กถอ้ ยคำท่ีสละสลวยไพเราะมารวมเป็นเรอื่ งราวขน้ึ อาจจะ
สร้างสรรค์ขน้ึ แบบร้อยแก้วหรือร้อยกรองก็ได้ แล้วแตค่ วามเหมาะสมและความต้องการ
ของผเู้ ขียนเอง
ระดับของงานประพนั ธ์
๑. วรรณกรรม มาจากคำว่า “วรรณ” หมายถึง หนังสือ รวมกับคำว่า “กรรม” หมายถึงการ
กระทำ การงาน ดังนั้น วรรณกรรม จึงหมายถึง งานหนังสือหรืองานเขียนหนังสือทุกชนิด ในพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบายไว้ว่า วรรณกรรม หมายถึง งานหนังสือ งานประพันธ์ บท
ประพันธ์ทุกชนิดทัง้ ที่เป็นร้อยแก้วและรอ้ ยกรอง เช่น วรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ วรรณกรรมของเสถียร
โกเศศ วรรณกรรมฝรัง่ เศสวรรณกรรมประเภทสื่อสารมวลชน
วรรณกรรมเป็น ๒ ประเภท คอื วรรณกรรมลายลกั ษณ์ คอื วรรณกรรมทีบ่ ันทึกเปน็ ตัวหนังสือ และ
วรรณกรรมมขุ ปาฐะ อันได้แก่ วรรณกรรมที่เล่าดว้ ยปาก ไม่ได้จดบนั ทกึ
2. วรรณคดี มาจากคำว่า วรรณ + คดี คำว่า “คดี” หมายถึง เรอ่ื ง วรรณคดีจงึ หมายถึง เรื่องของ
หนังสือหรอื ทางแหง่ หนังสอื ในพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒๕๕๖ : ๑๑๐๐) อธิบาย
ไวว้ ่า วรรณคดี หมายถึง วรรณกรรมทไี่ ด้รับยกย่องว่าแต่งดมี ีคุณค่าเชงิ วรรณศิลป์ถงึ ขนาด เช่น พระราชพิธี
สบิ สองเดอื น มทั นะพาธา สามกก๊ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน
วรรณคดีเป็นงานเขียนท่ียกย่องกันวา่ ดี มีสาระและมีคุณค่าทางวรรณศลิ ป์ สามารถทำให้ผู้อ่านเกิด
อารมณส์ ะเทือนใจ มคี วามคิดเปน็ แบบแผน ใชภ้ าษาท่ีไพเราะ สามารถยกระดับจิตใจให้สูงข้นึ
๑๒
องคป์ ระกอบของงานประพันธ์
งานประพันธป์ ระกอบดว้ ยสว่ นสำคญั ๒ ประการ คอื
๑. เน้ือหา หมายถงึ เร่ืองราวทผ่ี ูป้ ระพนั ธ์แต่งขนึ้ จากจนิ ตนาการ โลกทศั น์
ประสบการณ์หรือจากความรู้สึกของผปู้ ระพันธ์เอง รวมถงึ สารทผี่ ปู้ ระพนั ธต์ ้องการสง่ ให้ผอู้ า่ น
๒. รูปแบบ หมายถึง ลกั ษณะรวมของประเภทงานประพันธ์ท่ผี แู้ ต่งใช้ อาจเป็น
รอ้ ยแกว้ ซ่ึงเปน็ ทง้ั สารคดี เชน่ บทความ จดหมายเหตุ และบนั เทงิ คดี ไดแ้ ก่ นวนยิ าย นทิ าน
หรืออาจเปน็ รอ้ ยกรอง เชน่ นิราศ โคลง คำฉนั ท์ ลลิ ิต
การแบ่งรปู แบบของงานประพันธ์
๑. แบ่งตามลักษณะการแต่ง แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้
๑.๑ ร้อยแก้ว คือ งานประพันธ์รูปแบบหนึ่งซึ่งใช้โครงสร้างไวยากรณ์ปกติและการไหลของ
ถอ้ ยคำอยา่ งเป็นธรรมชาติ แทนที่จะใชโ้ ครงสรา้ งเปน็ จังหวะดังในกวีนพิ นธ์
๑.๒ ร้อยกรอง คือ งานประพันธ์ที่ผสมผสานระหว่างแนวความคิดและศิลปะการใช้คำ
มลี กั ษณะบงั คับในการแตง่ ท่ีเรยี กวา่ “ฉันทลักษณ”์ คอื โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
๒. แบง่ ตามลกั ษณะเนอื้ เรือ่ ง มี ๒ ประเภท คอื
๒.๑ สารคดี (Non- fiction) เป็นงานเขียนหรือวรรณกรรมร้อยแก้วในลักษณะตรงข้ามกับ
บันเทิงคดี (Fiction) ที่มุ่งให้ใหส้ าระความรู้แก่ผู้อา่ นเป็นเบื้องต้น มีความเพลิดเพลนิ เป็นเบ้ืองหลัง ที่มุ่งแสดง
ความรู้ ความคิด ความจริง ความกระจ่างแจ้ง และเหตุผลเป็นสำคัญ อาจจะเขียนเชิงอธิบาย เชิงวิจารณ์
เชงิ แนะนำส่ังสอน เปน็ ต้น ซง่ึ สารคดมี หี ลายประเภท ดงั น้ี
๒.๑.๑ หนังสือตำราวิชาการ (Textbook) เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นตามหลักสูตร
ในสถาบันการศึกษาระดับต่าง ๆ โดยเล่มหนึ่งๆ อาจจะเขียนครอบคลุมเนื้อหาในรายวิชาใดวิชาหนึ่งอย่าง
ครบถว้ น หรอื อาจเขยี นเจาะเฉพาะหัวขอ้ ใหญ่ ๆ หวั ขอ้ ใดหวั ขอ้ หนง่ึ กไ็ ด้
๒.๑.๒ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ (Supplementary Reading) เป็นหนังสือ
ที่เขียนขึ้นเพื่อใช้อ่านประกอบในเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ที่เล่าเรียนอยู่ในสถานศึกษา โดยมีเนื้อหาละเอียดขึ้น
พสิ ดารขน้ึ เจาะลึกขน้ึ สำหรบั ผทู้ ่สี นใจศกึ ษาคน้ คว้าเพิ่มเติมให้ได้ความรู้ที่กวา้ งขวางไปอีก
๒.๑.๓ หนังสือความรู้ทั่วไป เป็นหนังสือที่ผู้เขียนต่าง ๆ เรียบเรียงขึ้นตามที่ตนสนใจศึกษา
ค้นคว้าหรือที่รวบรวมได้ มิได้มุ่งหวังจะให้เป็นตำราสำหรับวิชาหนึ่งวิชาใด แต่เป็นการเสนอความรู้
ในประเด็นใดประเดน็ หน่งึ หรอื เรือ่ งใดเรือ่ งหนึ่ง
๑๓
๒.๑.๔ หนังสอื อ้างองิ (Reference Book) เป็นหนงั สือทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษ
ทำขึ้นเพื่อเป็นการรวบรวมความรู้หลากหลายสาขาเอาไว้รวมกัน หรืออาจรวบรวมความรู้ที่เป็นพื้นฐาน
สำคัญของแต่ละสาขาเอาไว้ หนังสือพวกนีจ้ ะมีลักษณะหนาหลายหน้า หรือเป็นชุดหลายเล่มจบ เวลาใช้ไม่
จำเป็นต้องอ่านทั้งหมด เพียงค้นหาคำตอบเฉพาะที่ต้องการใช้ก็พอ เช่น สารานุกรม พจนานุกรม
หรอื หนังสือคมู่ อื สาขาวิทยาศาสตร์ นามานกุ รม เปน็ ตน้
๒.๑.๕ รายงานวิจยั เปน็ รายงานการศกึ ษาค้นคว้าในหวั ข้อใดหวั ขอ้ หนึ่ง มีการจัดทำ
ตามลำดับขั้นตอนวิธวี ิจัยแบบต่าง ๆ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ใช้สถิติตา่ ง ๆ ประกอบ และสรุปผลวิจัยออกมา
เขียนอย่างมีระเบียบแบบแผน
๒.๑.๖ ปริญญานิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ (Theses or Dissertation) เป็นบทนิพนธ์ที่เรียบ
เรียงขึ้นประกอบการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเนื้อหาเป็น
ผลการวิจัยในเร่ืองทผ่ี ศู้ ึกษาสนใจ ส่วนใหญจ่ ะเป็นการคน้ พบส่ิงใหม่ ๆ หรอื เป็นการพสิ ูจน์ทฤษฎีที่มีผู้กล่าว
ไว้หรือเปน็ การพิสจู นส์ มมุตฐิ านในเร่อื งที่เป็นข้อสงสยั ซงึ่ รูปแบบอาจจะแตกตา่ งกันไปแตล่ ะสถาบนั
๒.๑.๗ คู่มือสถานศึกษา เป็นหนังสือที่สถาบันการศึกษาตา่ ง ๆ ทำขึ้นเพื่อบอกรายละเอียด
เกี่ยวกับสถาบันนั้น ๆ นับแต่ ประวัติ คณะวิชาที่เปิดสอน รายวิชาของคณะวิชาต่าง ๆ ระเบียบการเรียน
คา่ ธรรมเนียมต่าง ๆ รายชอื่ คณาจารย์
๒.๑.๘ สิ่งพิมพ์รัฐบาล เป็นหนังสือ เอกสารที่ผลิตโดยหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ
อาจจะเป็นการรายงานกิจการประจำปีของหน่วยงาน อาจจะเป็นรายงานการประชุมทางวิชาการที่หน่วย
นั้นขึ้น อาจจะเป็นสถิติข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่หน่วยงานนั้นรับผิดชอบอยู่ หรืออาจจะเป็น
เอกสารเผยแพร่เชงิ วิชาการในเรื่องท่ีหน่วยงานนั้นเชยี่ วชาญ
๒.๒ หนังสอื บันเทงิ คดี (Fiction Book) เปน็ หนังสือท่ีเขยี นข้นึ จากจินตนาการ มงุ่ ใหค้ วามบันเทิง
เป็นสำคญั แบ่งย่อยไดด้ ังนี้
๒.๒.๑ หนังสอื นวนิยาย
๒.๒.๒ หนงั สอื รวมเร่อื งสั้น
๒.๒.๓ หนังสือสำหรบั เด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่เปน็ หนังสือภาพ หรือเป็นเรื่องส้ันๆ เขียน
เพือ่ สอนจรยิ ธรรมแก่เด็ก หรอื ให้ความรู้ที่เด็กควรรู้ มกั จะมีขนาดบาง หนา้ ไม่มากนักอยา่ งไรกต็ าม หนังสือ
เด็กและเยาวชนท่ีมีชื่อเดียว อาจเปน็ การบนั เทิงล้วน ๆ แตแ่ ทรก คตสิ อนใจไว้อยา่ งแนบเนียน
๑๔
แบบฝึกทกั ษะท่ี 4
คำช้ีแจง นกั เรียนพิจารณาขอ้ ความต่อไปนีแ้ ล้วทำเครอื่ งหมาย () หน้าข้อความท่ีถูก
และทำเครือ่ งหมาย () หนา้ ข้อความทีผ่ ดิ (10 คะแนน)
................. ๑. งานประพันธ์คืองานสรา้ งสรรค์ทุกชนดิ ท่มี ีการใช้ถ้อยคำภาษาที่ไพเราะ
................. ๒. วรรณคดีเปน็ สว่ นหนึง่ ของวรรณกรรม
................. ๓. วรรณกรรมมุขปาฐะเป็นเรอ่ื งเล่าทีม่ ีการบันทึกเป็นตัวหนังสอื
................. ๔. เน้ือหาและรปู แบบเปน็ องคป์ ระกอบของงานประพันธ์
................. ๕. รอ้ ยแก้วเปน็ งานประพันธท์ ี่มศี ิลปะในการใช้คำท่เี รียกว่าฉนั ทลกั ษณ์
................. ๖. งานประพนั ธร์ ปู แบบหนง่ึ ซง่ึ ใชโ้ ครงสรา้ งไวยากรณป์ กตแิ ละการไหลของถ้อยคำ
อยา่ งเป็นธรรมชาติเรยี กว่าร้อยแกว้
................. ๗. สารคดเี ป็นงานเขียนทม่ี ่งุ ใหค้ วามบันเทิงแก่ผูอ้ ่านเป็นหลัก
................. ๘. พจนานุกรมหรือหนังสือค่มู ือ จดั เปน็ หนงั สอื อ่านประกอบ
................. ๙. บันเทิงคดีเปน็ เร่อื งราวทเ่ี ขียนขนึ้ ตามจินตนาการ มุง่ ให้เกิดความบันเทงิ
เป็นสำคญั
................ ๑๐. นวนิยาย เรอื่ งสัน้ สารานกุ รมไทยฉบับเยาวชน นิทาน ถอื เป็นบันเทงิ คดีทงั้ หมด
๑๕
แบบฝึกทักษะที่ 5
คำชี้แจง นกั เรยี นนำชอื่ หนงั สือทเี่ ปน็ วรรณคดี สารคดแี ละบนั เทงิ คดีต่อไปนี้
แยกลงในตารางให้ถกู ต้อง
พ่ีวา้ กตัวรา้ ยกับนายปีหนงึ่ พุทธธรรมฉบับเดมิ เปดิ ตำนานผ่านอักษรจีน
กาพยเ์ หเ่ รอื นทิ านอีสป พระอภัยมณี เบอ้ื งหลังการปฏวิ ตั ิ ๒๔๗๕
ขุนช้างขุนแผน นวนยิ ายเรอ่ื งบุพเพสนั นิวาส สารานุกรมไทยฉบบั เยาวชน
เจา้ ชายนอ้ ย ไตรภูมพิ ระรว่ ง เทยี่ วทะเลใต้ โดเรมอน ลิลิตพระลอ
ความสขุ ของกะทิ มัทนพาธา ประวตั ิศาสตรแ์ ละศิลปะล้านนา สามก๊ก พระเวสสนั ดรชาดก
วรรณคดี สารคดี บนั เทิงคดี
๑๖
แบบทดสอบหลังเรียน
คำชแี้ จง นักเรยี นอา่ นข้อคำถาม และคำตอบใหล้ ะเอียด แล้วทำเครอื่ งหมายกากบาท ( )
ทับอักษร ก, ข, ค หรอื ง ลงในกระดาษคำตอบทตี่ รงกับตวั เลอื กท่ีนักเรียนเห็นวา่ ถกู ต้อง
ท่ีสุด เพยี งข้อเดยี ว (๑๐ คะแนน)
..................................................................................................................... ...............................................
1. ข้อใดกลา่ วผดิ
ก. วรรณคดีเป็นสว่ นหนึง่ ของวรรณกรรม
ข. งานประพนั ธ์ สามารถสรา้ งสรรคข์ ้นึ แบบร้อยแก้วหรือรอ้ ยกรองก็ได้
ค. องคป์ ระกอบของงานประพันธม์ ี 2 แบบคอื เนื้อหาและรปู แบบ
ง. สารคดีเป็นงานเขยี นเชิงวิชาการ มุง่ ใหค้ วามบนั เทงิ เปน็ สำคัญ
2. พฤติกรรมการอา่ นของบุคคลใดทสี่ อดคล้องกับความหมายของการอ่านวิเคราะห์ทส่ี ดุ
ก. เบลลา่ อ่านหนงั สืออย่างมีวิจารณญาณ
ข. เจนน่ีอา่ นนวนิยายแลว้ วจิ ารณ์อย่างสร้างสรรค์
ค. ลลิ ล่ีอ่านหนงั สอื เพื่อแยกแยะองค์ประกอบของส่ิงท่ีอ่าน
ง. ญาญ่าอา่ นเรือ่ งสน้ั โดยมงุ่ คน้ หาเนือ้ หาสาระหรอื แกน่ สำคัญของเรื่อง
3. “ลซิ ่าได้รบั การบ้านจากครใู ห้ทำรายงานเร่อื งการอ่านวิจารณว์ รรณคดเี รอ่ื งขุนช้างขุนแผน
ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา” ข้อใดไม่ใช่ประเดน็ ท่ลี ซิ ่าจะต้องนำเสนอในรายงาน
ก. มีข้อคิดท่สี ามารถนำมาประยกุ ตใ์ ช้ได้อย่างไร
ข. พฤตกิ รรมของตัวละครมคี วามเหมาะสมหรือไม่
ค. มีเหตผุ ลใดท่ีผแู้ ตง่ ไมใ่ ชค้ ำประพันธป์ ระเภทอ่ืนในการแตง่
ง. การใหค้ ำตดั สนิ วา่ วรรณคดีน้ันมีคณุ ค่าหรือบกพร่องอย่างไร
4. ข้อใดเป็นความเหมาะสมในการสรุปความคิดเหน็ ในการวจิ ารณ์วรรณคดี
ก. ยกข้อเสียให้เห็นก่อนตามด้วยข้อดพี ร้อมเหตุผลและตวั อย่าง
ข. ยกตวั อย่างใหเ้ ห็นขอ้ เสยี ก่อนข้อดพี ร้อมเหตผุ ล
ค. แสดงความคิดเหน็ ได้ตามความพอใจของผวู้ ิจารณ์
ง. ยกข้อดีใหเ้ ห็นก่อนตามด้วยขอ้ บกพร่องพร้อมเหตุผลและตัวอยา่ ง
5. การอ่านเพื่อวเิ คราะห์วิจารณม์ คี วามหมายตรงกับขอ้ ใดมากที่สุด
ก. การอา่ นเพ่อื แสดงความคิดเห็นต่อเรอื่ งที่อ่านอย่างมีเหตผุ ล
ข. การอา่ นเพือ่ ตัดสนิ เรื่องที่อ่านว่ามขี ้อบกพร่องอย่างไร
ค. การอา่ นเพ่อื แสดงความคิดเหน็ เรอื่ งที่อา่ นจากความคดิ เหน็ ส่วนตัว
ง. การอา่ นเพื่อแยกแยะเร่อื งท่ีอา่ นแล้วนำมาพิจารณาตดั สินวา่ มีข้อดีขอ้ เสียอยา่ งไร
๑๗
๖. ข้อใดต่อไปนี้ไมใ่ ชข่ ั้นตอนการอา่ นเพอ่ื วิเคราะห์วจิ ารณ์ทีถ่ ูกตอ้ ง
ก. หาความรูท้ แี่ วดล้อมเร่อื งที่อ่านอยา่ งรอบด้าน
ข. ฝึกอ่านออกเสยี งเพ่ือให้เข้าใจอารมณค์ วามรูส้ ึกของตัวละคร
ค. เรียงลำดับความสำคญั ของประเดน็ ทต่ี ้องการจะวจิ ารณ์
ง. เมื่ออ่านจบเรื่องหนึง่ ๆ ควรฝึกการตง้ั คำถามเชิงคาดคะเน
๗. บคุ คลใดมลี กั ษณะของการเป็นนักอ่านเพอ่ื วิจารณ์ท่ีไมด่ ีนกั
ก. ทกั ษอรอา่ นวจิ ารณ์อยา่ งสร้างสรรค์
ข. อารยาอา่ นเร่ืองแลว้ วิจารณ์ตามอารมณ์ความรู้สกึ
ค. กรรชัยอา่ นเร่อื งแล้ววจิ ารณ์อย่างไม่มีอคติ
ง. อรนภาอา่ นเรอื่ งแล้ววิจารณ์อย่างเปน็ ธรรมและเป็นกลาง
๘. ขอ้ ใดเปน็ หลกั การอา่ นวิจารณ์
ก. การใช้ภาษาของเรื่องยงั ไม่เหมาะสมเทา่ เรื่องแรกที่อา่ นมา
ข. เนอ้ื หาสาระของเรื่องสรา้ งความเพลินเพลนิ และประเทืองปญั ญา
ค. เรือ่ งน้ีสะท้อนสังคมได้ดอี ่านแล้วได้ขอ้ คิดสำหรบั การดำเนนิ ชีวติ
ง. เร่ืองน้ใี ช้คำประพันธ์ประเภทกลอนทม่ี ีรูปแบบเหมาะสมกับเน้ือหา
9. ขอ้ ใดไม่ใช่ขนั้ ตอนการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์
ก. ดึงเฉพาะจุดเดน่ ของเรื่องเพ่ือวจิ ารณ์
ข. อา่ นเรอื่ งทตี่ ้องวเิ คราะห์อย่างละเอยี ด
ค. มีประเดน็ เพ่อื ต้งั คำถามกับเร่ืองท่ีอา่ น
ง. เรยี งลำดบั ประเด็นสำคญั ใหเ้ หมาะสม
๑๐. ข้อใดไมใ่ ช่บันเทิงคดี
ก. เร่อื งสน้ั
ข. นวนยิ าย
ค. ชวี ประวตั ิดารา
ง. สามกก๊ ฉบบั การ์ตูน
๑๘
กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน
ช่อื -นามสกุล.....................................................................ช้นั ............. เลขท่ี ..............
คำชแี้ จง จงเลอื กตัวอักษร ก, ข, ค, หรือ ง และทำเครอื่ งหมายกากบาท (X)
ในช่องทถี่ ูกทสี่ ดุ (๑๐ คะแนน)
ขอ้ ก ข ค ง
๑
2
3
4
5
6
7
8
9
10
๑๙
บรรณานุกรม
กุศมุ า รกั ษม์ ณ.ี (2539). สีสันวรรณคดี ชุดบทวิจารณช์ วี ิต. กรงุ เทพฯ : ดอกหญา้ .
จติ ต์นิภา ศรีไสย์ และคณะ. (2559). วรรณคดแี ละวรรณกรรม. กรงุ เทพฯ : สถาบันพัฒนาคุณภาพ
วิชาการ (พว).
ดวงมน จิตร์จำนงค.์ (2561). หลงั มา่ นวรรณศิลป.์ นนทบุรี : สมั ปชญั ญะ.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน 2554. กรงุ เทพฯ: นานมบี คุ๊ ส์
พบั ลเิ คชนั่ ส.์
๒๐
ภาคผนวก
๒๑
เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียน-หลังเรยี น
ก่อนเรียน หลังเรียน
1. ค 1. ง
2. ข 2. ง
3. ค 3. ค
4. ง 4. ง
5. ก 5. ง
6. ง 6. ข
7. ค 7. ข
8. ข 8. ก
9. ง 9. ก
10. ง 10. ค
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับคะแนน
๑๐
แบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น
เกณฑก์ ารให้คะแนน ๐
เลือกคำตอบถกู ต้อง ได้ข้อละ ๑ คะแนน (๑๐ ขอ้ )
เลือกคำตอบไม่ถกู ต้องหรือไม่ตอบทุกข้อ
๒๒
เฉลย/แนวคำตอบ
แบบฝึกทกั ษะท่ี 1-5
๒๓
เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ 1
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนทำเครื่องหมายถกู (✓) หน้าข้อท่เี หน็ วา่ ถกู ตอ้ ง และทำเครื่องหมายกากบาท ()
หนา้ ข้อความท่ไี ม่ถูกต้อง (10 คะแนน)
........ ✓....... ๑. การอ่านวเิ คราะหค์ อื การแยกแยะข้อความที่ศึกษาอย่างถี่ถ้วน
......... ✓...... 2. การอ่านวิเคราะห์ช่วยให้เหน็ ภาพรวมและรายละเอยี ดของเรอื่ งทอ่ี า่ น
...........✓..... 3. การอ่านวเิ คราะห์เปน็ ทักษะสูก่ ารอ่านประเมินค่า
...........✓...... 4. การอา่ นวิเคราะหเ์ ปน็ การฝกึ ทักษะสู่ทักษะการเขียน
................. 5. การวิเคราะหเ์ ปน็ การพจิ ารณาสงิ่ ที่อ่านแต่ไม่ใช่การพจิ ารณาความคดิ
ของผู้เขยี น
...........✓...... 6. การวิจารณค์ ือการพจิ ารณาความไพเราะของภาษาในงานประพันธ์
............... 7. การวิจารณค์ อื การใหค้ ำตดั สนิ วา่ วรรณคดนี ัน้ กลา่ วถงึ ใคร ทำอะไร ที่ไหน
เม่อื ไร อยา่ งไร
........✓.... 8. การวจิ ารณ์ควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์เปน็ ธรรม มใี จเป็นกลาง และไมม่ อี คติ
............... 9. การวิจารณว์ รรณคดีผู้วิจารณ์ต้องไมว่ จิ ารณใ์ นทางลบเพราะวรรณคดเี ปน็
หนงั สือท่ไี ด้รับการยอมรบั วา่ แต่งดี
.............. 10. หลักของการวิจารณค์ อื บอกจดุ บกพร่องของงานประพนั ธจ์ ากนัน้ จงึ บอกขอ้ ดี
๒๔
เฉลยแบบฝึกทักษะท่ี 2
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (10 คะแนน)
1. การอา่ นวเิ คราะห์ หมายถึงอะไร (2 คะแนน) .
ตอบ การอ่านวิเคราะห์ หมายถึง การอ่านเพื่อแยกแยะข้อความที่อ่านอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ทราบถึง
โครงสร้าง องค์ประกอบ หลักการและเหตุผลของเรื่อง จนสรุปได้ว่าแต่ละส่วนเป็นอย่างไร สัมพันธ์กัน
อย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการอ่านวิเคราะห์นั้นช่วยให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดของ
เรื่องที่อ่าน ฝึกให้อ่านอย่างรอบคอบ ช่วยให้เข้าใจเรื่องนั้นอย่างแท้จริง ช่วยพัฒนาสติปญั ญาเพราะต้องใช้
เหตุผลในการอธิบายแง่มมุ ต่าง ๆ ซงึ่ ทักษะในการอ่านนสี้ ามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และจะนำไปใช้
ในการอา่ นประเมนิ ค่าตอ่ ไป
๒. จงบอกหลักในการอ่านวิเคราะห์ (3 คะแนน)
ตอบ ๑. พจิ ารณาวา่ เร่อื งนน้ั ใชร้ ูปแบบใด เช่น เปน็ งานประพนั ธ์ประเภทร้อยแกว้ ร้อยกรอง เป็นสารคดี
หรอื บนั เทิงคดี
๒. แยกเนอ้ื เรอ่ื งใหไ้ ด้ว่า ใคร ทำอะไร ทไี่ หน เม่อื ไร อย่างไร
๓. แยกพิจารณาใหล้ ะเอยี ดว่า เน้ือหาประกอบดว้ ยอะไรบ้าง
๔. พจิ ารณาวา่ ใช้กลวธิ ใี นการนำเสนอเรื่องอยา่ งไร
๕. ลำดับเหตุการณ์ ตามเหตุผลคือ ลำดับจากเหตุไปหาผล หรือจากผลไปหาเหตุ หรือตาม
เหตุการณ์ที่เกดิ ข้นึ กอ่ นหลงั ความสำคัญมากไปหาความสำคัญน้อย
๖. พิจารณาความคิดที่ผู้เขียนต้องสื่อให้ผู้อ่านทราบและความหมายที่แฝงอยู่ในเนื้อเรื่องหรือ
ข้อความน้ัน เมื่ออา่ นพจิ ารณาขอ้ ความ บทความ หรือเนอื้ เร่ืองเสรจ็ แลว้ จึงตอบคำถาม
๓. การอ่านวิจารณ์ หมายถึงอะไร (2 คะแนน)
ตอบ การอ่านวจิ ารณ์ หมายถึง การพิจารณาเทคนิคหรือกลวธิ ีการนำเสนอเนื้อหาของเรื่อง ให้เห็นว่าน่าคิด
นา่ สนใจ น่าตดิ ตาม มีช้ันเชิงยอกยอ้ นหรือตรงไปตรงมา องคป์ ระกอบใดมีคุณคา่ นา่ ชมเชย องค์ประกอบใด
น่าท้วงตงิ หรอื บกพรอ่ งอยา่ งไร
๔. จงบอกหลักในการอ่านวิจารณ์ (3 คะแนน)
ตอบ ๑. ผู้วิจารณ์จะต้องมีความรู้ในเรื่องรูปแบบ ลักษณะคำประพันธ์และวรรณศิลป์ มีประสบการณ์ใน
การอ่านมาก
๒. ผู้วิจารณจ์ ะตอ้ งอธิบายลักษณะของหนงั สือว่าเปน็ อยา่ งไร โดยอ่านความเหน็ ของผู้รู้ ทน่ี ่าเช่อื ถือ
ได้ประกอบการวิจารณ์
๓. ผู้วิจารณ์ควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรือ่ งนั้นว่า ชอบ หรือไม่ชอบ
ดีหรอื ไม่ดี โดยมีเหตผุ ลประกอบที่น่าเช่ือถอื
๔. ผู้วิจารณจ์ ะตอ้ งมีใจเป็นกลางปราศจากอคติและไม่ลำเอียง การวิจารณ์จะทำให้ผูว้ ิจารณเ์ ข้าใจ
วรรณคดีและวรรณกรรมในด้านต่าง ๆ ทั้งรูปแบบ เนื้อหา และ วรรณศิลป์ ซึ่งจะทำให้เห็นคุณค่าของ
วรรณคดแี ละวรรณกรรมนน้ั อย่างรอบดา้ น
๒๕
เฉลยแบบฝกึ ทกั ทกั ษะท่ี 3
คำชี้แจง นักเรียนพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้ีว่าเปน็ การวิเคราะหห์ รอื การวจิ ารณ์
พรอ้ มอธิบายเหตุผลประกอบ (10 คะแนน)
๑. “บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง ตอนพระสงั ขห์ นีนางพนั ธุรตั น้นั มรี ูปแบบคำประพันธเ์ ปน็ แบบกลอนสุภาพ
มีการใช้คำศัพท์ทั่วไป โดยกวีกำหนดให้ตนเป็นผู้พูดบรรยายบุรุษที่ 3 ซึ่งจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก แต่
เป็นเพียงผู้เล่าเรื่อง กล่าวคือเป็นเพียงผู้บรรยายให้เห็นภาพว่าใครกำลังทำอะไรและมีรูปร่างลักษณะ
อุปนิสัยอย่างไร และตัวละครกำลังรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนที่เป็นบทพูดของตัวละครที่บางครั้ง
กส็ อดแทรกร่วมกบั การบรรยายของผพู้ ูดบรรยาย”
ตอบ การวิเคราะห์ เปน็ การบอกรายละเอียดของเรื่องว่ามีลกั ษณะอยา่ งไร เชน่ รปู แบบคำประพันธ์การใช้
คำศัพท์ การใชภ้ าษาในเรอ่ื งโดยไม่ไดเ้ สนอแนะ หรือแสดงความคิดเหน็ ลงไปในข้อความ
2. “ลิลิตตะเลงพ่ายแต่งด้วยลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ
และโคลงสส่ี ภุ าพ แตง่ สลับกนั ไป จำนวน 439 บท โดยไดแ้ บบอย่างการแต่งมาจากลิลิตยวนพ่ายที่แต่งข้ึน
ในสมัยอยุธยาตอนต้น ลิลิตเปรียบได้กับงานเขียนมหากาพย์ จัดเป็นวรรณคดีประเภทเฉลิมพระเกียรติ
พระมหากษัตริย์”
ตอบ ....การวเิ คราะห์ เป็นการบอกรายละเอียดของเร่ืองว่ามลี กั ษณะอย่างไร คอื กล่าวถึงลกั ษณะ
คำประพันธท์ ใ่ี ช้ บอกถงึ การแต่งโดยไมไ่ ดเ้ สนอแนะ หรือแสดงความคิดเหน็ ลงไปในข้อความ
3. “กวไี ด้แสดงลกั ษณะทน่ี า่ ช่ืนชมของพระลอได้อยา่ งไม่ขดั กับความสังเวชสลดใจในชะตากรรมของกษตั รยิ ์
ทงั้ สาม อะไรคือลักษณะท่ีนา่ ชื่นชมของพระลอและพระเพื่อนพระแพง ทำไมเราจึงสามารถช่ืนชมใน
พฤติกรรมมนุษยท์ ีเ่ หน็ ไดช้ ัดวา่ ผิดพลาดนคี่ ือคำถามทีน่ า่ คิด”
(ดวงมน จิตร์จำนงค.์ 2561 : 61)
ตอบ การวิจารณ์ เน่อื งจากข้อความขา้ งต้นน้เี ป็นการแสดงความคิดเหน็ ของผเู้ ขียนท่ีมีต่อเรื่องราว
๒๖
4. “ทรพีอาจจะมีเหตผุ ลทส่ี งั หารบดิ า เพราะบดิ านัน้ ฉนั ทาทุจรติ และใจบาปหยาบคาย ฆ่าลูกตวั ตายเสีย
หนกั หนา และคนอ่านอาจจะเห็นวา่ ทรพที ำไปตามคำสาปของพระอิศวร แต่ใจจริงแล้วคนไทยก็ไม่ได้ให้อภัย
ทรพี กระทำของทรพีในฐานะทีเ่ ป็นลกู แต่ “มาดูถูกเจรจาหยาบใหญ่” และ “สู่รู้จะสู้บิดา” หรือ “โผน
ทะยานเยาะเย้ยแลว้ ตอบไป” จนถงึ “ขวิดถูกทรพา...ม้วยชวี าดว้ ยฤทธิ” ไม่น่าจะผ่านความเหน็ ชอบของคน
อา่ นไทย ๆ ทรพจี ึงเป็นผู้รา้ ยมากกวา่ พระเอก ไมช่ า้ ทรพีก็เหมิ เกริม เที่ยวทา้ เทวดาไปจนถงึ พระอิศวรใหม้ า
สู้กับตน ในทีส่ ุดทรพีก็ตายดว้ ยนำ้ มือของพาลี คงไม่มีใครนึกถงึ ผลของการกระทำของทรพที ี่สง่ ใหบ้ ดิ า
“สนิ้ ทกุ ข์” กลบั ไปเปน็ นายทวารท่เี ขาไกรลาสดงั เดมิ มีแต่คนจำได้ติดหูติดปากวา่ ทรพเี ปน็ ลูกที่ไม่รคู้ ณุ พ่อ
เท่าน้ัน”
(กศุ ุมา รกั ษ์มณ.ี 2539 : 14)
ตอบ การวิจารณ์ เน่ืองจากข้อความขา้ งต้นนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้เขยี นทม่ี ตี ่อเร่อื งราว
5. “มัทนะพาธา เปน็ บทละครพดู คำฉนั ท์ 5 องก์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ ัวทรง
พระราชนพิ นธ์ข้นึ ท้งั หมดดว้ ยพระองค์เองโดยไม่ไดอ้ งิ เน้ือหามาจากท่ีอน่ื ทรงพระราชนพิ นธ์ทง้ั เร่มิ และจบ
ลงในปี พ.ศ. 2466 เล่าเรอื่ งว่าดว้ ยตำนานเกีย่ วกับดอกกุหลาบ และความเจ็บปวดจากความรกั ”
ตอบ การวิเคราะห์ เปน็ การบอกรายละเอยี ดของเรื่องวา่ มีลกั ษณะอย่างไร คือกลา่ วถึงลกั ษณะ
คำประพนั ธ์ท่ีใช้ บอกถึงการแต่งโดยไมไ่ ดเ้ สนอแนะ หรือแสดงความคิดเห็นลงไปในขอ้ ความ
๒๗
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 4
คำชีแ้ จง นกั เรยี นพิจารณาข้อความต่อไปน้ีแลว้ ทำเครื่องหมาย หนา้ ขอ้ ความที่ถกู
และทำเครอ่ื งหมาย หนา้ ขอ้ ความทผี่ ดิ
........✓......... ๑. งานประพันธ์คืองานสร้างสรรค์ทุกชนิดที่มีการใช้ถ้อยคำภาษาที่ไพเราะ
........✓........ ๒. วรรณคดีเป็นส่วนหนง่ึ ของวรรณกรรม
................ ๓. วรรณกรรมมุขปาฐะเป็นเรื่องเล่าท่ีมีการบันทกึ เป็นตวั หนงั สือ
........✓......... ๔. เน้อื หาและรปู แบบเปน็ องคป์ ระกอบของงานประพันธ์
................. ๕. ร้อยแก้วเปน็ งานประพันธท์ ีม่ ีศลิ ปะในการใชค้ ำท่เี รยี กวา่ ฉนั ทลักษณ์
........✓......... ๖. งานประพันธ์รูปแบบหน่ึงซงึ่ ใชโ้ ครงสรา้ งไวยากรณป์ กติและการไหล
ของถอ้ ยคำอยา่ งเป็นธรรมชาตเิ รยี กว่าร้อยแก้ว
................. ๗. สารคดีเป็นงานเขียนท่มี ุ่งให้ความบันเทงิ แก่ผอู้ า่ นเป็นหลัก
................ ๘. พจนานุกรมหรือหนงั สอื คู่มือ จดั เปน็ หนังสอื อ่านประกอบ
.......✓.......... ๙. บันเทิงคดีเป็นเรือ่ งราวท่เี ขยี นข้นึ ตามจนิ ตนาการ ม่งุ ให้เกดิ ความบันเทิง
เป็นสำคัญ
.................. ๑๐. นวนยิ าย เรอ่ื งส้ัน สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน นทิ าน ถอื เปน็ บันเทิงคดีทงั้ หมด
๒๘
เฉลยแบบฝกึ ทักษะท่ี 5
คำชแ้ี จง นักเรยี นนำชื่อหนังสอื ทีเ่ ปน็ วรรณคดี สารคดีและบันเทิงคดตี ่อไปนี้
แยกลงในตารางใหถ้ ูกต้อง (20 คะแนน)
พี่ว้ากตวั ร้ายกับนายปีหนง่ึ พทุ ธธรรมฉบบั เดิม เปิดตำนานผ่านอกั ษรจีน
กาพยเ์ หเ่ รือ นทิ านอสี ป พระอภยั มณี เบอื้ งหลังการปฏวิ ตั ิ ๒๔๗๕
ขนุ ช้างขนุ แผน นวนิยายเรอ่ื งบุพเพสนั นวิ าส สารานุกรมไทยฉบบั เยาวชน
เจา้ ชายน้อย ไตรภมู พิ ระร่วง เทยี่ วทะเลใต้ โดเรมอน ลลิ ติ พระลอ
ความสุขของกะทิ มทั นพาธา ประวัตศิ าสตร์และศลิ ปะลา้ นนา สามก๊ก พระเวสสันดรชาดก
วรรณคดี สารคดี บันเทิงคดี
กาพยเ์ หเ่ รือ พทุ ธธรรมฉบับเดมิ พว่ี ้ากตวั ร้ายกับนายปหี น่ึง
พระอภัยมณี เปิดตำนานผา่ นอักษรจนี โดเรมอน
ขนุ ช้างขนุ แผน เทีย่ วทะเลใต้ นทิ านอีสป
ลลิ ิตพระลอ เบ้ืองหลงั การปฏวิ ตั ิ ๒๔๗๕ นวนยิ ายเร่อื งนาคี
ไตรภมู ิพระร่วง สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน เจ้าชายนอ้ ย
มทั นพาธา ประวตั ศิ าสตร์และศิลปะลา้ นนา ความสุขของกะทิ
สามก๊ก
พระเวสสันดรชาดก
๒๙
เกณฑ์การให้คะแนน แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑-5
แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑ (10 คะแนน) ระดับคะแนน
1 คะแนน
เกณฑก์ ารให้คะแนน 0 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คะแนนข้อละ 1 คะแนน (10 ขอ้ )
ตอบไมถ่ ูกตอ้ งหรือไม่ตอบ ได้ข้อละ 0 คะแนน
แบบฝึกทักษะท่ี 2 (10 คะแนน)
ขอ้ คะแนน เกณฑการใหค้ ะแนน
1 2 คะแนน - บอกความหมายได้ถูกต้องได้ใจความต่อเนื่อง ๒ คะแนน
- บอกความหมายไดแ้ ต่ไม่ถกู ต้อง ๑ คะแนน
- บอกความหมายไม่ไดเ้ ลย ๐ คะแนน
๒ 3 คะแนน - บอกหลกั การวิเคราะห์ได้ถูกต้อง สมบรู ณ์ ๓ คะแนน
- บอกหลักการวิเคราะห์ไดถ้ ูกต้องแต่ไม่สมบูรณ์ ๒ คะแนน
- บอกหลักการวเิ คราะห์ได้บ้าง ๑ คะแนน
- บอกหลกั การวเิ คราะห์ไม่ได้เลย ๐ คะแนน
3 2 คะแนน - บอกความหมายได้ถกู ต้องไดใ้ จความต่อเน่อื ง ๒ คะแนน
- บอกความหมายได้แต่ไม่ถูกต้อง ๑ คะแนน
- บอกความหมายไม่ได้เลย ๐ คะแนน
4 2 คะแนน - บอกหลักการวิจารณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง สมบูรณ์ ๓ คะแนน
- บอกหลกั การวิจารณ์ได้ถูกตอ้ งแต่ไม่สมบรู ณ์ ๒ คะแนน
- บอกหลักการวจิ ารณ์ได้บา้ ง ๑ คะแนน
- บอกหลกั การวจิ ารณ์ไม่ไดเ้ ลย ๐ คะแนน
๓๐
แบบฝึกทักษะที่ 3 (10 คะแนน) ระดับคะแนน
1 คะแนน
เกณฑก์ ารให้คะแนน 0 คะแนน
ตอบถูกตอ้ งวา่ เปน็ การวเิ คราะห์หรือการวิจารณ์ 1 คะแนน
ตอบไมถ่ ูกต้องหรือไม่ตอบว่าเป็นการวิเคราะห์หรือการวจิ ารณ์ 0 คะแนน
อธบิ ายเหตุผลถกู ต้องตามลกั ษณะของการวเิ คราะหห์ รือการวจิ ารณ์
อธิบายเหตผุ ลไม่ถูกต้อตามลักษณะของการวเิ คราะห์หรือการวิจารณ์ ระดับคะแนน
หรือไม่อธบิ ายเหตผุ ล 1 คะแนน
0 คะแนน
แบบฝกึ ทกั ษะที่ 4 (10 คะแนน)
ระดบั คะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ไดค้ ะแนนขอ้ ละ 1 คะแนน (10 ข้อ) 0 คะแนน
ตอบไมถ่ ูกตอ้ งหรือไมต่ อบ ได้ขอ้ ละ 0 คะแนน
แบบฝกึ ทักษะท่ี 5 (20 คะแนน)
เกณฑ์การให้คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้คะแนนขอ้ ละ 1 คะแนน (10 ขอ้ )
ตอบไมถ่ ูกตอ้ งหรือไมต่ อบ ได้ขอ้ ละ 0 คะแนน
เกณฑ์การผ่าน
- แบบฝึกทักษะเกณฑ์การผ่าน คิดเป็นคะแนนรวม 60 คะแนน นักเรียนทำคะแนน
ได้รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ได้คะแนนตั้งแต่ 48 คะแนนขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน
- คำอธิบายระดับคุณภาพ
51 - 60 คะแนน หมายถึง ดีเย่ยี ม
41 - 50 คะแนน หมายถงึ ดมี าก
31 - 40 คะแนน หมายถึง ดี
16 - 30 คะแนน หมายถึง พอใช้
๐ - 15 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง