ประวตั ความเป็นมาเกีย่ วกบั เพลงโคราช
ประวัติของเพลงโคราชนั้นมีการเลา่ ขานกนั มาว่า มนี ายพรานคนหน่ึงชอื่ เพชรน้อย ออกไปล่า
สัตว์ ในเขตหนองบุนนาก บ้านหนองบุนนาก อาเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสีมา คืนหน่ึงแกไป
พบลกู สาวพญานาค ขนึ้ มาจากหนองน้า มาน่ังร้องเพลงคนเดียว พรานเพชรน้อยไดย้ ินเสียง จึง
แอบเข้าไปฟังใกล้ ๆ แกประทบั ใจ ในความไพเราะ และเนือ้ หาของเพลง จึงจาเนือ้ และทานอง
มาร้องให้คนอ่ืนฟัง ลกั ษณะเพลงทรี่ ้องเป็ นเพลงก้อม หรอื เพลงคสู่ อง
อีกตานานหนึ่งเลา่ วา่ ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอินเดยี โดยพระยาเข็มเพชรเป็ นผู้นามา
พร้อมๆ กับลเิ ก และลาตัด โดยใหล้ ิเกอยู่กรุงเทพฯ ลาตดั อยู่ภาคกลาง และเพลงโคราชอย่ทู ี่
นครราชสมี า เพลงโคราชระยะแรกๆ เป็ นแบบเพลงก้อม คนทเี่ รียนรู้เพลงโคราช จากพระยาเข็ม
เพชร ชอื่ ตาจัน บา้ นสก อยู่ “ซมุ บา้ นสก” ติดกบั สถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ
ตานานทงั้ สองถงึ เมจ้ ะตา่ งกนั ในด้านกาเนิดแตต่ รงกันอย่างหนึ่งทกี่ ล่าววา่ เพลงโคราชระยะแรก
เล่นแบบเพลงกอ้ ม กอ้ ม เป็ นภาษาโคราชและภาษาอีสาน แปลวา่ สน้ั เพลงก้อมหมายถึง เพลง
ส้ันๆ วา่ โตต้ อบกล่าวลอยๆ ทงั้ ทมี่ ีความหมายลกึ ซงึ้ หรอื ไมม่ ีความหมายเลยกไ็ ด้
อกี ตานานหนึ่งเลา่ วา่ ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอนิ เดยี โดยพระยาเขม็ เพชรเป็ น
ผนู้ ามาพร้อมๆ กับลเิ ก และลาตดั โดยให้ลิเกอยู่กรุงเทพฯ ลาตดั อยภู่ าคกลาง และ
เพลงโคราชอยู่ทน่ี ครราชสีมา เพลงโคราชระยะแรกๆ เป็ นแบบเพลงก้อม คนทเี่ รียนรู้
เพลงโคราช จากพระยาเข็มเพชร ชอ่ื ตาจนั บา้ นสก อยู่ “ซุมบ้านสก” ติดกับ สถานี
รถไฟชุมทางถนนจิระ
ตานานทงั้ สองถึงเม้จะตา่ งกนั ในด้านกาเนิดแตต่ รงกันอย่างหน่ึงที่กลา่ ววา่ เพลงโคราช
ระยะแรกเล่นแบบเพลงกอ้ ม ก้อม เป็ นภาษาโคราชและภาษาอีสาน แปลวา่ สั้น เพลง
ก้อมหมายถงึ เพลงส้นั ๆ ว่าโต้ตอบกล่าวลอยๆ ทงั้ ทม่ี คี วามหมายลกึ ซึง้ หรอื ไมม่ ี
ความหมายเลยก็ได้
เพลงโคราชจะเริ่มเล่นต้ังแต่เมอื่ ใด ไม่ปรากฏหลกั ฐานทแี่ น่ชดั หลกั ฐานจากคาบอกเล่าต่อ ๆ กันมา มเี พียงวา่
สมัยท้าวสุรนารี ( คุณย่าโม) ยงั มีชีวิตอยู่ (พ.ศ. 2313 ถงึ 2395) ทา่ นชอบเพลงโคราชมาก เร่ืองราวของ
เพลงโคราชไดป้ รากฏหลดั ฐานชดั เจน คือในปี พ.ศ. 2456 ทสี่ มเด็จพระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ พระ
ราชชนนีพนั ปี หลวง เสดจ็ มานครราชสมี าทรงเปิ ดถนนจอมสุรางคย์ าตร์ และเสดจ็ ไปพมิ าย ในโอกาสรับเสดจ็
ครั้งนั้น หมอเพลงชายรุ่นเก่าช่ือเสยี งโด่งดงั มากชอ่ื นายหรี่ บา้ นสวนข่า ได้มโี อกาสเลน่ เพลงโคราชถวาย เพลง
ทเ่ี ลน่ ใชเ้ พลงหลกั เช่น กลอนเพลงทว่ี า่
“ขา้ พเจา้ นายหร่ีอยูบ่ ุรีโคราชเป็ นนักเลงเพลงหดั บ่าวพระยากาแหงฯ เจ้าคณุ เทศา ทา่ นตง้ั ให้เป็ นขนุ นาง
ตาแหน่ง”
ความอกี ตอนเอย่ ถงึ การรับเสด็จว่า
“ไดส้ ดับวา่ จะรับเสด็จเพื่อเฉลิมพระเดชพระจอมแผ่นดนิ โหส่ ามลา ฮาสามหล่นั เสียงสน่นั ….ธานินทร”์
(สมเดจ็ พระพนั ปี หลวง ทรงเป้นผบู้ ังคับการพเิ ศษประจากรมทหารม้านครราชสีมา จนถงึ พ.ศ. 2462 เม่ือ
เสดจ็ นครราชสมี า นายหรี่ สวนข่า ก็มโี อกาสเลน่ เพลงถวาย) เพลงโคราชมโี อกาสเลน่ ถวายหน้าพระทนี่ ่ังใน
งานชุมนุมลูกเสือครั้งท่ี 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสีมา เก่ยี วกบั กาเนิดของเพลงโคราช มี
ทงั้ ทเี่ ป็ นคาเล่าและตานานหลกั ฐานจากคาบอกเลา่ ของหมอเพลงอกี จานวนหน่ึง เล่าต่อ ๆ กนั มาว่า ในสมยั
รัตนโกสินทรม์ ีสงครามระหว่างไทยกบั เขมร เม่ือไทยชนะสงครามเขมรครัง้ ไร ชาวบา้ นจะมกี ารเฉลมิ ฉลองชยั
ชนะ ดว้ ยการขับร้องและร่ายรากันในหมสู่ กทเี่ ขาเรยี กว่า “ซมุ บา้ นสก” ใกล้ๆ กบั ชุมทางรถไฟ ถนนจริ ะและเรม่ิ
เล่นเพลงโคราชกนั ทหี่ มบู่ า้ นนี้ ท่าทางการรารุกราถอย และการป้องหู มผี ู้สนั นิษฐานวา่ ประยกุ ตม์ าจากการเลน่
เจรียง ทเ่ี ป็ นเพลงพืน้ บ้านของชาวสุรนิ ทรผ์ สมผสาน กับเพลงทรงเครอ่ื งของภาคกลาง
ในสมยั ก่อนเพลงโคราชเป็นท่ีนิยมมาก เพราะการ แสดงมหรสพต่างๆ มีเพลงโคราชเพียงอยา่ งเดียว คนฟัง
เพลงก็มีเวลามาก ฟังกนั ต้งั แตห่ วั ค่าจนรุ่งเชา้ เม่ือหมอเพลง เล่นเพลงลา คือ ลาผฟู้ ัง ลาเจา้ ภาพ และเพ่ือน
หมอเพลง ดว้ ยกนั จะมีปี่ พาทย์ ฆอ้ ง กลอง บรรเลงรับ หมอเพลง จะราตามกนั ไปยงั บา้ นเจา้ ภาพ เจา้ ภาพก็จะ
นาเงินค่า หมอเพลงมาให้ พร้อมท้งั เล้ียงขา้ วปลา อาหาร และห่อขา้ ว ของกินต่างๆ ใหเ้ ป็นเสบียงในการ
เดินทางกลบั คนฟังจะอยู่ ร่วมฟังงานจนเสร็จสิ้นกระบวนการจึงทยอยกลบั
ปัจจุบนั ค่านิยมของผฟู้ ังเพลงโคราชเปลี่ยนแปลง ไปมากท้งั ดา้ นเน้ือหา รูปแบบการแสดง และความนิยม
ของ คนโคราชเอง
เน้ือหาของเพลงโคราชข้ึนอย่กู บั โอกาสที่จะเล่น หมอเพลงโคราชรุ่นเก่าเนน้ การใชป้ ฏิภาณไหวพริบเล่าเร่ือง
นิทานชาดก และเคร่งครัดมากในเรื่องสอนศีลธรรม หมอเพลงโคราชในอดีตทาหนา้ ที่เป็นผแู้ พร่ข่าวสาร
เพราะ เป็นผมู้ ีประสบการณ์กวา้ งไกล พบเห็นเหตุการณ์และผคู้ นหลากหลาย หมอเพลงโคราชและคนฟัง
เพลงโคราชในอดีต จึงมีความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เพราะเป็นคนในสงั คม เดียวกนั จึงเขา้ ใจปัญหาของ
กนั และกนั แตห่ มอเพลงโคราช รุ่นใหม่ มกั เลน่ ตามคาเรียกร้องของผฟู้ ังเพ่ือความเพลิดเพลิน และ
สนุกสนาน
ดว้ ยเหตุน้ี เพลงโคราชจึงค่อยๆ เสื่อมความนิยมลง แต่เนื่องจากในยคุ ปัจจุบนั มีความเช่ือวา่ ทา้ วสุรนารีใน
สมยั ท่ียงั มีชีวิตอยู่ (พ.ศ. ๒๓๑๓-๒๓๙๕) ทา่ นชอบเพลง โคราชมาก จึงมีผหู้ าเพลงโคราชไปเล่นแกบ้ น ณ
บริเวณ ใกลๆ้ กบั อนุสาวรียท์ า้ วสุรนารีในตอนกลางคืนเป็นประจา จึงเป็นปัจจยั หน่ึงที่ทาใหห้ มอเพลง
โคราช ซ่ึงส่วนใหญอ่ ยทู่ ่ี อาเภอเมือง จงั หวดั นครราชสีมา ยงั คงสามารถประกอบอาชีพ อยไู่ ด้ ตวั อยา่ งคณะ
เพลงโคราชท่ีโดดเด่นอยทู่ ี่อาเภอเมือง จงั หวดั นครราชสีมา
ข้นั ตอนการแสดงเพลงโคราช
1.เพลงประกาศ ฝ่ ายชายบอกเกรนิ่ แนะนาตนเอง ชอื่ อะไร มาจากไหน มาทาอะไร
2.เพลงเชญิ ฝ่ ายชายรอ้ งเชญิ ฝ่ ายหญงิ ใหล้ งมาจากเรอื นมาวา่ เพลงกบั ตน
3.เพลงตดั เชญิ ฝ่ ายหญงิ รอ้ งตอบฝ่ ายชายวา่ เชญิ มาทาไม มธี รุ ะอะไร
4.เพลงทักทาย ฝ่ ายชายตอบวา่ เชญิ มาวา่ เพลงงานอะไร ของใครและทกั ทายฝ่ ายหญงิ วา่ ชอ่ื
อะไร บา้ นอยทู่ ไ่ี หน มอี าชพี อะไร
5.เพลงขออภยั เป็ นเพลงกลา่ วขอโทษ หากวา่ การรอ้ งไมไ่ พเราะหรอื พาดพงิ ถงึ บรรบรุ ษุ
6.เพลงไหวค้ รู เพอื่ นอ้ มราลกึ พงึ ครทู ใี่ หค้ วามรสู ้ งั่ สอนมา
7.เพลงปรกึ ษา เป็ นเพลงทท่ี งั้ สองปรกึ ษาหารอื กนั วา่ จะวา่ เพลงอะไรกนั กอ่ น
8.เพลงเฉพาะเกยี่ วกบั งานของเจา้ ภาพ
9.เพลงตามสถานการณ์ ซง่ึ แลว้ แตผ่ ฟู ้ ังจะใหว้ า่ เพลงอะไร อาจเป็ นเพลงเรอื่ งเชน่ นางอรพมิ
ทา้ วปาจติ ต์ นางพญานกกระจอก พระเวสสนั ดร อาจเป็ นเพลงชมธรรมชาตหิ รอื เพลงลองปัญญา
10.เพลงเกยี้ ว ทัง้ สองฝ่ ายเกย้ี วพาราสกี นั หรอื เกย้ี วแทนผชู ้ ม
11.เพลงชวน ฝ่ ายชายชวนฝ่ ายหญงิ ใหไ้ ปรจู ้ ักบา้ นฝ่ ายชาย
12.เพลงเกยี้ วแกมจาก ทงั้ สองเกย้ี วกลา่ วลา
13.เพลงปลอบ เป็ นเพลงกลา่ วปลอบใจ อยา่ เสยี ใจทต่ี อ้ งจากกนั
14.เพลงคร่าครวญ แสดงความอาลยั อาวรณ์ตอ่ การพรากจากกัน
15.เพลงใหพ้ ร ทัง้ สองฝ่ ายกลา่ วใหพ้ รเจา้ ภาพ ผชู ้ มและหมอเพลงดว้ ยกัน
ท่ารา
ทา่ ราทงั้ หมดของเพลงโคราช มี 5 ท่ารา แตท่ ่ใี ชใ้ นปัจจบุ นั จะ
นยิ มใชบ้ อ่ ยๆ มี
1. ท่าชา้ งเทียมแม่
2. ท่าปลาไหลพนั พวง
3. ทา่ ยอง
4. ทา่ ประจนั บาน
5. ทา่ กๆ อธิบาย ท่าชา้ งเทียมแม่ ฝ่ายหญิงและชาย จะยนื เทยี ม
ไหล่กนั เอาไว้ แลว้ ยกมือทงั้ คู่ คอื ราเดินหนา้ พรอ้ มกนั ไป 2 กา้ ว
และถอยหลงั มา 2 กา้ ว และสืบเทา้
จารีตและคติความเชื่อ
เพลงโคราชเป็นการแสดงพ้นื เมืองของจงั หวดั นครราชสีมาเป็นมรดกทางวฒั นธรรมที่จบั ตอ้ งไมไ่ ดท้ ่ีสะทอ้ นถึง
คติชนวทิ ยา วถิ ีชีวติ ขนบธรรมเนียมประเพณี และเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของชาวจงั หวดั
นครราชสีมา สนั นิษฐานวา่ เพลงโคราชมีมาต้งั แตส่ มยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ เพลงโคราชมีลกั ษณะเป็นเพลง
ปฏิพากษท์ ี่ไม่มีดนตรีประกอบการขบั ร้อง เนน้ ความคมคายและโวหารของเน้ือหาบทเพลงท่ีใชใ้ นการขบั ร้อง
เป็ นสาคญั
จารีตและความเช่ือในกระบวนการเรียนรู้เพลงโคราช
ในอดีตการเรียนรู้การแสดงเพลงโคราช ผทู้ ี่สนใจจะเป็นหมอเพลงหรือผแู้ สดงเพลงโคราชจะไปฝากตวั เป็นศิษย์
กบั ครูเพลง เพ่อื ใหค้ รูเพลงพิจารณาน้าเสียง บุคลิก และปฏิภาณไหวพริบซ่ึงเป็นพ้ืนฐานสาคญั ของการเป็นหมอ
เพลงโคราช หากครูเพลงเห็นควรรับเป็นศิษยก์ จ็ ะใหม้ าพานกั ที่บา้ นครูเพลงเพ่ือฝึกหดั เป็นหมอเพลง ท้งั น้ี เริ่ม
ดว้ ยการยกครูหรือทาพิธีบูชาครู เคร่ืองบูชาครูประกอบดว้ ย กรวยครู ๖ กรวย ดอกไมข้ าว ๖ คู่ เทียน ๖ เลม่ ธูป
๑๒ ดอก ผา้ ขาว ๑ ผนื เงินบชู าครู ๖ บาท (บางแห่งใช้ ๑๒ หรือ ๒๔ บาท) เหลา้ ขาว ๑ ขวด บุหร่ี ๑๒ มวน โดย
ศิษยจ์ ะถือพานยกครูมาบชู าครูเพลงเพอ่ื ขอเป็นศิษย์ แลว้ ครูเพลงกลา่ วนาใหศ้ ิษยว์ า่ ตาม ครูจะทาน้ามนต์ ประ
สระ (ครูเทน้ามนตร์ ดศีรษะศิษย)์ เพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อศิษยท์ าการยกครูหรือบชู าครูแลว้ ครูเพลงมกั จะใหศ้ ิษย์
เขา้ มาพานกั อยทู่ ี่บา้ นครูเพลง โดยช่วงเวลากลางวนั ศิษยก์ ็จะช่วยครูเพลงทางานบา้ นหรืองานในเรือกสวนไร่นา
ในช่วงเวลากลางคืน ศิษยจ์ ะฝึ กหดั เพลงโคราชดว้ ยการต่อเพลงกบั ครูเพลงแบบปากตอ่ ปาก คืนละ ๑ กลอน ศิษย์
ตอ้ งทอ่ งจาใหข้ ้ึนใจและวา่ ให้ครูฟังในตอนเชา้ หากจาไม่ไดก้ ็ตอ้ งตอ่ ใหม่ในคืนถดั ไปจนกวา่ จาได้ ในข้นั ตอน
การฝึกหดั น้ีนอกจากฝึกการต่อเพลงแลว้ ครูจะฝึกการเอ้ือนทานอง การออกเสียง และการดน้ กลอนสดจาก
สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ใหเ้ ชี่ยวชาญ ครูบางท่านเสกคาถามุตโตลงบนใบไมแ้ ลว้ ใหศ้ ิษยก์ ิน หรือเสกน้ามนตล์ า้ งหนา้
เสกขา้ ว ๓ ป้ัน ใหศ้ ิษยน์ ง่ั กินบนจอมปลวกช่วงตะวนั ข้ึน เชื่อกนั วา่ จอมปลวกเป็นส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิทาใหศ้ ิษยม์ ี
สติปัญญาและปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลม เรียกกนั วา่ “องคส์ ี่” คือ ปัญญาดี เสียงดี ช้นั เชิงดี และใจเยน็
จารีตและความเช่ือในการแสดงเพลงโคราช
หมอเพลงโคราชจะมีคติความเชื่อ และจารีตขอ้ หา้ มในการแสดงหลายประการดว้ ยกนั แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท
คอื
๑. จารีตและความเช่ือในลาดบั การแสดง
ในการแสดงเพลงโคราชก่อนที่จะข้ึนแสดงบนเวที หมอเพลงจะตอ้ งทาการยกครู (ไหวค้ รู) โดยเจา้ ภาพจะตอ้ ง
เตรียมขนั ครู (เครื่องไหวค้ รู) ใหก้ บั หมอเพลง ประกอบดว้ ย กรวยพระ ๖ กรวย เทียน ๖ เล่ม ธูป ๑๘ ดอก (กรวย
ละ ๓ ดอก) เงิน ๒๔ บาท ผา้ ขาว ๑ ผืน ดอกไม้ ๑๒ ดอก สุราขาว ๑ ขวด บุหร่ี ๑ ซอง[๒] อน่ึง หมอเพลง
แตล่ ะทา่ นจะมีรูปแบบของการไหวค้ รูตามความเชื่อของแต่ละสายตระกูลแตกตา่ งกนั ไป
ตวั อยา่ งคากล่าวยกครู สานวนครูบุญสม กาปัง (นายบญุ สม สังขส์ ุข)
“อิติปิ โส ภะคะวา มือขา้ พเจา้ สิบนิ้ว ยกข้นึ หวา่ งคิว้ ขา้ พเจา้ จะขอพนมกรนมสั การ สรรเสริญคณุ พระพุทธคุณ
ณงั พระธรรมคุณณงั พระสงั ฆคณุ ณงั คุณบิดรมารดา คณุ ครูบาอาจารย์ คณุ อปุ ัชฌายอ์ าจารย์ คุณพระ
อินทร์เจา้ ฟ้า ขอเชิญท่านเสดจ็ ลงมา รักษาดวงจติ ดวงใจของขา้ พเจา้ ใหเ้ ป็นสุขทุกราตรี ขอเชิญ พระเส้ือ
เมือง พระทรงเมืองผเู้ ริงราชย์ ขอเชิญทา่ นเสดจ็ ลงมา รักษาดวงจิตดวงใจของขา้ พเจา้ ใหม้ นั่ คง ขา้ พเจา้
ประสงคส์ ิ่งใด ขอใหข้ า้ พเจา้ ไดส้ ่ิงน้นั เทอญ” [๓]
นอกจากน้ี ในการยกครูน้ี หมอเพลงก็จะวา่ คาถามหานิยม หรือคาถาทรงปัญญา เพื่อเป็น การเรียกผชู้ มใหน้ ิยม
หลงใหลในการแสดงของตน ในท่ีน้ีขอยกตวั อยา่ งคาถามหานิยม สานวนของครูบญุ สม กาปัง (นายบุญสม สงั ข์
สุข)[๔] ดงั น้ี
คาถามหานิยม “สะสะนะมุโม โปร่งปรุปราดเปรื่อง ขา้ ฉลาดยะเอน็ ดู นะโมพทุ ธายะ”
คาถาทรงปัญญา “โอมปุรุ ทะลปุ ัญญา”
คาถาสาลิกาลิ้นทอง “กะระวิเว วิเนอะ”
คาถาเสกแป้ง “นะเอยโมโม นะเอยซ่อนเมตตา นะเอยคนท้งั หลายดูกู นะ”
คาถาพทุ ธโอวาท “พทุ ธะ โอวาทะ”
๒. จารีตและความเชื่อเกี่ยวกบั สถานที่แสดง
การสร้างโรงเพลง การแสดงเพลงโคราชจะแสดงบนเวทีการแสดงหรือที่เรียกกนั วา่ “โรงเพลง” มีลกั ษณะเป็น
ศาลายกใตถ้ นุ สูง มีเสา ๔ เสา แตเ่ ดิมหลงั คามุงดว้ ยทางมะพร้าว หรือหญา้ หรือแฝก ตามวสั ดุท่ีมีมากในแต่ละ
ทอ้ งถิ่น สาหรับการต้งั โรงเพลงน้ีจะมีจารีตในการสร้างอย่หู ลายประการดว้ ยกนั [๕] เชื่อวา่ หากไม่ปฏิบตั ิตามจะ
ทาใหม้ ีอุปสรรคในการแสดง ดน้ เพลงไม่ออก หรืออาจทาใหห้ มอเพลงลม้ ป่ วย สาหรับจารีตและความเชื่อ
เก่ียวกบั สถานที่แสดงท่ีสาคญั มีดงั น้ี
(๑) หา้ มสร้างโรงเพลงคร่อมจอมปลวก
(๒) หา้ มใชต้ น้ ไมเ้ ป็นเสาของโรงเพลงดา้ นใดดา้ นหน่ึง
(๓) หา้ มสร้างโรงเพลงตอ่ จากยงุ้ ขา้ ว
(๔) หา้ มสร้างโรงเพลงใกล้ บดบงั หรือเสมอศาลพระภูมิ
หลงั จากที่ทาการปลกู สร้างโรงเพลงเสร็จแลว้ ในอดีตจะมีการมดั ตอกและบริกรรมคาถา เป็นการทาคณุ ไสยให้
ค่แู ข่งมีอุปสรรค ไมป่ ระสบความสาเร็จในการแสดง ท้งั น้ี หากโรงเพลงถูดมดั ดว้ ยตอกกจ็ ะตอ้ ง แกต้ อกเพื่อ
เป็นการแกเ้ คลด็
การข้นึ โรงเพลง การจะข้นึ โรงเพลงของหมอเพลงน้นั มีจารีตในการปฏิบตั ิเช่นกนั โดยหมอเพลงจะตอ้ งดูทิศ
และวนั ท่ีเป็นมงคลในการข้ึนโรงเพลง เช่น หากแสดงตรงกบั วนั เสาร์ หมอเพลงจะตอ้ งข้ึน โรงเพลงจากทิศ
ตะวนั ตก หนั หนา้ ไปทางทิศตะวนั ออก ถา้ การแสดงตรงกบั วนั อาทิตย์ หมอเพลงจะตอ้ งข้นึ โรงเพลงจากทิศ
เหนือ หนั หนา้ ไปทางทิศใต้ หากฝ่ าฝื นจะโดนผหี ลวงหลาวเหลก็ ทาใหห้ มอเพลงดน้ เพลงไมอ่ อก การแสดงมี
อุปสรรค นอกจากการดูทิศแลว้ การจะกา้ วข้ึนโรงเพลง หมอเพลงจะตอ้ งกา้ วเทา้ ตามลมหายใจขา้ งขวาหรือซา้ ย
ในกา้ วแรกที่ข้ึนโรงเพลง เม่ือข้นึ โรงเพลงแลว้ หมอเพลงกจ็ ะวา่ คาถามหานิยม คาถาทรงปัญญา เป็นตน้ ดงั กลา่ ว
มาแลว้ ขา้ งตน้
ผจู้ ดั ทา
ปฏภิ าณ ขขิ นุ ทด เลขท่3ี 3
ชยณฐั หยิบสงู เนนิ เลขท่2ี 9
รพีพทั ร ทรวงโพธิ เลขท่ี 7
คณบดี เดขสนุ ทร เลขท่ี 15