BA 6100 | 1/2564
ค้ น พ บ ท า ง ลั ด สู่ ชี วิ ต ที่ ดี ขึ้ น
ด้ ว ย เ ค ล็ ด ลั บ ก า ร พั ฒ น า ต น เ อ ง
ที่ ถู ก เ ก็ บ งำ ม า ก ก ว่ า 1 0 0 ปี
กล้า
ที่จะถูก
เกลียด
Human
Resource
Management
and
Organizational
Behavior
PRESENT TO PROF. DR.MANEEWAN CHAT-UTHAI
เสนอ
ศ.ดร.มณีวรรณ ฉัตรอุทัย
กล้าที่จะถูกเกลียด
รายชื่อผู้จัดทำ
"ความกล้า" คือพลังที่ทำให้คุณแตกต่าง
ณัฐธัญ สารีกุล ฐิติชญา ก้อนแก้ว นพรุจ วุฒินันติวงศ์
6310211018 6310211001 6310211025
วชิรศักดิ์ สระทองแฝง เทิดพงษ์ ทองคำ พลรัฐ สุคนธพงศ์
6310211022 6310211007 6310211026
ธมลวรรณ สุขสุวรรณ์ กมลพร บัณณสิทธิ์รัตน์ ณัฐชา กุญชรจันทร์
6310211019 6310211012 6310211006
P A G E 0 | ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด
บทนำ
สนธยาก่อนเข้าคืนที่ 1
คนส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี เรื่องหนึ่งที่มี
ความสำคัญคือ เราต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น
แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งคุณพยายามทำดี
กับคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าคุณต้อง “ทิ้ง”
ชีวิตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
แล้วคุณจะมีชีวิตดีขึ้นอย่างที่ต้องการได้จริงหรือ ?
คำสอนที่ถูกเก็บงำไว้มากกว่า 100 ปี ของ "อัลเฟรด
แอดเลอร์" นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น
"บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง"
คุณสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างชีวิตที่ดี
ในแบบที่คุณต้องการได้
สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ
“กล้าที่จะถูกเกลียด”
สารบัญ
01 คืนที่ 1
อย่าเชื่อเรื่องแผลใจ
05 คืนที่ 2
11 ความทุกข์ใจทั้งหมด
ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์
คืนที่ 3
ตั ดเรื่ องของคนอื่ นทิ้ งไปเสีย
17 คืนที่ 4
ศูนย์กลางของคุณอยู่ตรงไหน
25 คืนที่ 5
ใช้ชีวิต ณ “วินาทีนี้” อย่างจริงจัง
- ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด -
คืนที่ 1
อย่าเชื่อเรื่อง
แผลใจ
อย่าเชื่อเรื่องแผลใจ เทปำลไี่มยน"คแนปเลรงากันได้"
เมื่อกล่าวถึงคำว่า "แผลใจ" "แผลใจ" หรือที่บางคนอาจเรียกว่า ถ้ามองสาเหตุที่อดีต และพยายาม
นั่นคือ ความเจ็บปวดทางใจ ทาง "เป็นรอยกรรม หนามชีวิต" ซึ่งในทาง อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น จะเกิดความคิด
ความคิด และทางความรู้สึก ที่เกิด จิตวิทยา เรียกว่า "ประสบการณ์ชีวิต ว่า "ชีวิตเราถูกอดีตกำหนด" ทำให้
จากการได้รับประสบการณ์ที่เลวร้าย ที่เลวร้าย" ถ้าคุณนึกถึงเหตุการณ์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นหัวใจหลัก
ของชีวิตในอดีต อยากลืมแต่ก็ลืมไม่ เลวร้ายในอดีตบ่อย ๆ มันจะกลายเป็น จิตวิทยาแบบแอดเลอร์ คือ "อดีตไม่
ลง บางคนชอบนำเหตุการณ์ในอดีต ความรู้สึกฝังใจ และคิดเสมอว่า คุณ ได้มีความหมายต่อปัจจุบัน" เพราะ
ที่ไม่น่าจดจำมาคิดวนซ้ำไปซ้ำมา ยิ่ง โชคร้าย จนกลายเป็นปมด้อยติดตัว อดีตไม่ใช่ตัวกำหนดทุกสิ่ง ดังนั้น
เป็นบ่อเกิดความทุกข์ที่ทำให้ทุกข์ใจ ตลอดไป และความเชื่อนี้จะตกผลึกลง "คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้" และ
ตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน ซึ่งมีผลต่อ ไปสู่จิตใต้สำนึก ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข "ใคร ๆ ก็มีความสุขได้" ถ้าไม่จม
สุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตด้วย ส่งผลกระทบต่อการทำงาน ความรัก ปรักอยู่กับอดีต
ความสัมพันธ์ และครอบครัวได้
คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์ทุก แผลใจไม่มีอยู่จริง
คนย่อมมีแผลใจกันทั้งนั้น แค่อาจมี จงอย่าลืมว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายเสมอ
ดีกรีของความเจ็บปวดที่แตกต่าง ไป ระลึกไว้เสมอว่า ฟรอยด์ อธิบายผลกระทบของแผล
กันไป บางคนมีแผลใจแสนสาหัส ใจว่า "ความบอบช้ำในอดีตเป็น
เกือบเอาชีวิตไม่รอด มองไม่เห็น ทุกปัญหามี ต้นเหตุของความทุกข์ในปัจจุบัน"
คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ บ้างก็เจ็บ ทางออก และ ซึ่งแอดเลอร์ไม่เห็นด้วยและคัดค้าน
แล้วจำ บ้างก็เจ็บแต่ลืม ตัวอย่าง อดีตช่างมัน เรื่องแผลใจว่า "แผลใจไม่มีอยู่จริง"
แผลใจที่เห็นภาพได้ชัดเจน และเกิด ปัจจุบันสำคัญ โดยแอดเลอร์ กล่าวว่า "ไม่มี
ขึ้นในสังคมไทย คือ การถูกพ่อแม่ กว่า ประสบการณ์ใดในอดีตเป็นสาเหตุ
ด่าว่าหรือลงโทษอย่างรุนแรงด้วย ของความสำเร็จหรือความล้มเหลว
อารมณ์อย่างไม่สมเหตุสมผล เคย แค่นี้ก็ช่วยเสริมสร้างพลังบวกให้ทุกคน ในปัจจุบัน" ดังนั้น ชีวิตเราไม่ได้ถูก
ถูกครูทำโทษหรือประจานต่อหน้า สามารถฟันฝ่าอุปสรรคในแต่ละวันไปได้ กำหนดด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา
เพื่อนในชั้นเรียน เคยถูกทรยศหัก อย่างมีความสุขมากขึ้น แต่ถูกกำหนดโดยความหมายที่เรา
หลัง เคยอกหักจากความสัมพันธ์ใน มอบให้แก่ประสบการณ์
อดีต หรือแม้กระทั่งเคยถูกตัดสิน
อย่างไม่ยุติธรรม การดำเนินชีวิตโดย
ไม่ยอมให้อดีต
มาครอบงำ
แอดเลอร์ เชื่อว่า มนุษย์ไม่ได้ถูก
บงการโดยอารมณ์ความรู้สึก และ
ไม่ได้ถูกบงการโดยอดีต แต่ขับ
เคลื่ อนด้วยความต้องการผลลัพธ์
ที่ปรารถนา โดยการยึดเป้าหมาย
เป็นสำคัญ ต่างจากฟรอยด์ที่คิดว่า
"ทุกอย่างถูกลิขิตมาแล้ว" ซึ่งเป็น
ประตูที่นำไปสู่การมองโลกในแง่ร้าย
ซขึึ้่นงป"ัญแตห่ขาึ้นไมอ่ไยดู้่กอับยู่วที่่าว่า"เ"รมาีใสิห่้งคใดวาเกมิด
หมายกับสิ่งนั้นอย่างไร" มนุษย์ไม่
สามารถนั่ง Time Machine ย้อน
เวลากลับไปอดีตได้ นาฬิกาก็ไม่
สามารถหมุนทวนเข็มได้เช่นกัน
กล้าที่จะถูกเกลียด| 2
คุณพอใจกับ ตัวคุณเองเป็นคน “ เ ลื อ ก ”
“ สิ่ ง ที่ เ ป็ น อ ยู่ ”แล้วหรือ ที่ จ ะ มี ค ว า ม ทุ ก ข์
การที่เราพยายามเป็นเหมือนคนอื่น ชีวิตไม่มีความสุข เพราะ สิ่งสำคัญไม่ใช่การกลายเป็นคนอื่น แต่เป็นการเปลี่ยนตัวเอง
ไม่รักตัวเอง เลยอยากเกิดใหม่เป็นคนอื่น เพื่อที่จะรักตัวเอง จริง ๆ แล้วตอนนี้คุณทุกข์เพราะคุณเลือกที่จะมี “ความทุกข์”
การอยากเป็นเหมือนคนอื่น คือการทิ้งตัวตนในปัจจุบันไป เอง คุณไม่ได้เกิดมาพร้อมความทุกข์ คุณเป็นคนตัดสินใจเอง
เพราะเกลียดตัวเอง นักปรัชญาบอกว่า ต่อให้คุณอยากเป็น ว่า “ความทุกข์” คือสิ่งที่ “เป็นผลดี” ต่อตัวคุณ มีคำกล่าวของ
คน ๆ นั้นมากแค่ไหน คุณก็เกิดใหม่เป็นเขาไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น โสกราตีส “ไม่มีผู้ใดปรารถนาความชั่วร้าย” ทุกคนที่ทำความชั่ว
เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว เพียงแค่ต้องปรับปรุงตัวเอง จะปรารถนาให้ “ความชั่วเป็นผลดีต่อตนเอง”
มีคำพูดของ แอดเลอร์ ว่า “ไม่สำคัญว่าคุณได้หรือไม่ได้อะไร
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า คุณจะใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้ กำหนดชีวิตตนเอง“ วิ น า ที นี้ ”
อย่างไร” การที่อยากเป็นเหมือนคนอื่น เพราะมัวยึดติดกับสิ่งที่
ได้รับมา สิ่งแรกที่ควรทำตอนนี้คือ ตัดสินใจ “เลิกมี LIFESTYLE
แบบที่กำลังเป็นอยู่” เช่น ที่ชายหนุ่มบอกว่า “ถ้าชีวิตเขาเป็น
คนเรามักตัดสินใจว่าจะ เหมือนชีวิตเพื่อนของเขาได้ คงมีความสุข” แต่หากชีวิตผูกติด
กับคำว่า “ถ้า” คุณจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย เพราะใช้มัน
“ ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ” เป็นข้ออ้างในการไม่เปลี่ยนแปลง แนวคิดการยึดเป้าหมาย
เป็นสำคัญของแอดเลอร์ บอกว่า “ไม่ว่าจะเคยคิดอะไรในอดีต
หลักจิตวิทยาแบบแอดเลอร์ อธิบายนิสัยด้วยคำว่า LIFESTYLE สิ่งเหล่านั้นจะไม่ส่งผลถึงปัจจุบัน” คนที่กำหนดชีวิตคุณ คือ
(รูปแบบการใช้ชีวิต) คือ รูปแบบพฤติกรรมหรือความคิดมนุษย์ คนที่มีชีวิตอยู่ ณ “วินาทีนี้” ต่างหาก
ถ้าเรามองว่า LIFESTYLE ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่เลือกเองได้ ซึ่งเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ เลือกพ่อแม่ กล้าที่จะถูกเกลียด| 3
เลือกประเทศไม่ได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อดีต แต่อยู่ที่ปัจจุบัน คุณจะ
มี LIFESTYLE แบบเดิม หรือแบบใหม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณว่า ไม่ว่า
จะอยู่ช่วงเวลาใด สภาพแวดล้อมไหน คนเราเปลี่ยนแปลงได้ทันที
ถ้าเปลี่ยนไม่ได้แสดงว่า คุณตัดสินใจ “ไม่เปลี่ยนแปลง” ถึงเรา
ไม่พอใจอะไรหลายอย่าง แต่คนเราก็เลือกที่จะอยู่กับ “ตัวตน
แบบที่เป็นอยู่” เพราะช่วยให้เราใช้ชีวิตง่ายและอุ่นใจกว่า เวลา
ที่อยากเปลี่ยน LIFESTYLE เราต้องเผชิญ “ความกล้า”
เลือกระหว่าง “ความหวั่นวิตก” กับ “ความไม่พอใจ” การที่คุณ
ไม่มีความสุขไม่ได้เป็นเพราะอดีตหรือสภาพแวดล้อม แต่เพราะ
มีความกล้าไม่มากพอ เรียกว่า ยังขาด “ความกล้าที่จะมีความสุข”
HIRE FOR ATTITUDE,
TRAIN FOR SKILL
คนบางส่วนมีความรู้สึกขมขื่น Charlie Munger เพื่อนของ
Warren Buffett (มหาเศรษฐี
อยู่ในใจตอนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
โดยอาจเป็นผลพวงจากการเลี้ยงดู ระดับโลก) กล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่คุณ
บ้างก็จมปลักในความคิดที่โทษ พ่อแม่ คิดว่าสถานการณ์หรือบุคคลใด
ปู่ย่า ตายาย พี่น้อง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ เป็นผู้ทำลายชีวิตคุณแล้ว เมื่อนั้น
หรือแม้แต่โทษยีนส์ที่ตนได้รับ ซึ่งการ ก็แสดงว่าแท้จริงแล้วตัวคุณนั่นแหละ
คิดเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์เพราะมันเป็น เป็นตัวการการมีความรู้สึกว่า คุณ
เพียงอดีต ไม่สามารถแก้ไขหรือ คล้ายกับเป็นเหยื่ออยู่เสมอ เป็นหนทาง
เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่ว่าจะหมกมุ่น ที่นำมาซึ่งความเลวร้ายอย่างสมบูรณ์
คิดจนทุกข์ใจเท่าใดก็ตาม คนประเภท แบบในการดำเนินชีวิต”
นี้จะมีความสุขจากการปรับความคิด
และปรับทัศนคติตนเองเปรียบดั่ง บริษัทใหญ่หลายแห่งจ้างคน
กล้องถ่ายรูปชนิดปรับโฟกัสได้ เวลาที่ ในลักษณะ “Hire for Attitude,
ถ่ายภาพผู้ถ่ายต้องปรับโฟกัสที่กล้อง Train for Skill” เนื่องจาก
เอง ดังนั้นคนจะมีความสุขได้จากการ Attitude(ทัศนคติ) เปลี่ยนแปลงได้
ปรับใจ และปรับทัศนคติของตนเอง ยาก ส่วน Skill (ทักษะ) เปลี่ยนแปลง
ภายใต้สภาพที่เป็นอยู่ มิใช่คาดหวังว่า ได้เสมอ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัย
สิ่งแวดล้อมในชีวิตต้องปรับเปลี่ยน ใน USA ปี 2011 ของ Mark
Murphy เกี่ยวกับคนไม่ผ่านการ
เพื่อให้ตนเองมีความสุข
ทดลองงาน ซึ่งพบว่า
ทัศนคติเป็นสิ่งที่เราเลือกได้เช่น - มีเพียง 11% ไม่ผ่านการทดลองงาน
เดียวกับความรู้สึก บางคนเห็นว่า จากสาเหตุ ทำงานไม่ได้ เช่น ขาดทักษะ
เป็นสิ่งเล็กๆ แต่ความจริงมันสามารถ - อีก 89% ไม่ผ่านการทดลองงาน
สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ จากสาเหตุ เรื่อง Attitude (ทัศนคติ)
ห ลุ ด พ้ น อ ดี ต
ด้วย ข้ อ คิ ด ดี ๆ
อดีตช่างมัน ปัจจุบันสำคัญกว่า
เพราะอดีตไม่ได้มีความหมายต่อปัจจุบัน
คุณทุกข์เพราะคุณเลือกที่จะมี “ความทุกข์” เอง
ไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมความทุกข์
จงใช้อดีตเป็นเครื่องมือในการช่วยแก้ไข
ให้มีปัจจุบันและอนาคตที่สดใสกว่าเดิม
ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
ซึ่งเป็นหลักสำคัญของแนวคิดแอดเลอร์
การมีความทรงจำเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
จงใช้ความทรงจำให้เป็นประโยชน์
ชีวิตเราไม่ได้ถูกกำหนดด้วยประสบการณ์
ที่ผ่านมา แต่กำหนดโดยความหมายที่เรามอบให้
แก่ประสบการณ์ กล้าที่จะถูกเกลียด| 4
คืนที่ 2
ความทุกข์ทั้งหมด
ล้วนเกิดจาก
ความสัมพันธ์
เราทุกคนมีความทุกข์ใจที่แตกต่างกัน แต่ความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ล้วนเกิดจากความ
สัมพันธ์กับผู้คนบนโลกนี้จริงหรือ ถ้าตราบใดที่ยังมีความสัมพันธ์ นั้นหมายความว่า เราจะไม่
สามารถขจัดความทุกข์ใจได้อย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเพราะแค่กลัวที่จะถูกคนอื่นเกลียด และกลัว
จนเกิดเหตุว่าตัวเองจะเจ็บปวดจากการมีความสัมพันธ์กับคนอื่น มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รู้คำตอบ
ทำ ไ ม ค น เ ร า ถึ ง เ ก ลี ย ด ค ว า ม รู้ สึ ก ต่ำ ต้ อ ย ข้ อ อ้ า ง ที่ เ รี ย ก ว่ า ป ม ด้ อ ย
ตั ว เ อ ง เ ป็ น สิ่ ง ที่ เ ร า คิ ด ไ ป เ อ ง
ความรู้สึกต่ำต้อยและการแสวงหาความ
ความรู้สึกเกลียดตัวเอง มองเห็นแต่ ความรู้สึกต่ำต้อยเป็นการประเมินคุณค่า เหนือกว่านั้น สามารถกระตุ้นให้เรามุมานะไป
ข้อเสียของตัวเอง เป็นเพราะกลัวที่จะถูกคน ของตัวเอง เราสร้างความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา ในทางที่ดีและพัฒนาตัวเองได้ แต่ถ้าขาด
อื่นเกลียด และ กลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวดจาก เอง และเรายังสามารถปรับเปลี่ยนมุมมอง ความกล้าที่จะก้าวเดินและไม่อาจยอมรับ
การมีความสัมพันธ์กับคนอื่น กลัวคนอื่น ของสิ่งที่เราคิดว่าต่ำต้อย เป็นมองให้เห็น ความจริงที่ว่า ความมุมานะสามารถ
ปฏิเสธตัวตน ซึ่งถ้ายอมรับในตัวตนที่เป็น คุณค่าของตนเองได้ ความรู้สึกต่ำต้อยนี้ เปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ได้ นั่นคือ
อยู่ก่อน และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ต้องมี เกิดจากการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคน ปมด้อย
ความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ซึ่งแอดเลอร์ อื่น ดังนั้นความรู้สึกต่ำต้อยที่ทรมานเรา
เรียกวิธีนี้ว่า การปลุกความกล้า ซึ่งในการ อยู่ไม่ใช่ “ข้อเท็จจริง” แต่เป็น “สิ่งที่เราใช้ ปมด้อย คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มเอา
คบหากับคนอื่ นมักมีเรื่องให้เจ็บปวดบ้างเป็น ความรู้สึกส่วนตัวปั้ นแต่งขึ้นมาเอง” ความรู้สึกต่ำต้อยมาเป็นข้ออ้าง สิ่งนี้เรียก
ธรรมดา ตัวเราเองก็อาจทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ ว่า ความเป็นเหตุเป็นผลลวง มันคือการที่
หรือเจ็บปวดได้เหมือนกัน ถ้าหากอยาก หยิบเอาเรื่องที่จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
กำจัดความทุกข์ใจให้หมดไปก็ต้องอยู่คน เลย มาเชื่อมโยงกันเพื่อให้ตัวเองทำใจ
เดียวในจักรวาลเท่านั้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้้ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นี่คือความกลัวที่จะก้าว
ไปข้างหน้าและไม่อยากใช้ความพยายามอย่าง
จริงจัง การทำตัวแบบเดิมต่อไปก็ยังง่ายกว่า
การเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
กล้าที่จะถูกเกลียด| 6
ชีวิตคนเราไม่ใช่การ
แข่งขันกับคนอื่น
พวกเราทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่แม้จะแตกต่างกันมาก
สักแค่ไหน เราก็อย่างเท่าเทียมกันอยู่ดี ถ้าต้องการแสวงหาความ
เหนือกว่า ให้ตั้งใจที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง ไม่ใช่การ
แข่งขันเพื่อให้ได้อยู่สูงกว่าคนอื่น คือ ไม่จำเป็นต้องแข่งขันหรือ
เปรียบเทียบกับใคร แค่มุ่งที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้ก้าวไปได้
ไกลกว่าจุดที่ตัวเองอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งความรู้สึกต่ำต้อยแบบนี้ ไม่
ได้เกิดจากการเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่ นแต่เกิดจากการเอา
ตัวเราตอนนี้ ไปเปรียบเทียบกับ “ตัวเราในอุดมคติ”
ค น ที่ ใ ส่ ใ จ ห น้ า ต า ข อ ง แ ก
มี แ ค่ แ ก ค น เ ดี ย ว
หากในความสัมพันธ์มี “การแข่งขัน” มนุษย์เราก็จะไม่อาจ
หลีกเลี่ยงความวิตกกังวลและไม่มีวันหลุดพ้นจากความทุกข์
ได้ เพราะจะคอยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่ นและจะมองคนอื่ น
และโลกทั้งใบเป็น”ศัตรู”
การไม่รู้สึกยินดีที่เห็นคนอื่นมีความสุข นั้นเป็นเพราะคิดว่า
ความสัมพันธ์กับคนอื่นคือ การแข่งขัน แต่ถ้าสามารถปลดปล่อย
ตัวเองจากการแข่งขันได้ จะรู้สึกยินดีจากใจจริงเวลาเห็นคนอื่นมี
ความสุข คุณจะกระตือรือร้นอยากช่วยเหลือคนอื่น และคนอื่นจะ
ยื่นมือเข้ามาช่วยคุณในเวลาที่ลำบาก ความสัมพันธ์นี่เรียกว่า
มิตรภาพ ถ้ารู้สึกอย่างแท้จริงว่า “เราทุกคนเป็นมิตรกันได้” วิธี
มองโลกของเราก็จะเปลี่ยนไป ความทุกข์จากใจที่เกิดจากความ
สัมพันธ์กับคนอื่นก็จะลดลง
จ า ก ก า ร เ อ า ช น ะ ไ ป สู่
ก า ร แ ก้ แ ค้ น
แผลใจจากในอดีตเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เราไม่สามารถแก้ไขอดีต
ได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ความหมายกับเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นในอดีตอย่างไร แน่นอนว่าคนเราย่อมมีความไม่พอใจต่อ
ปัญหาต่างๆ ความโกรธที่เกิดจากความขุ่นเคืองส่วนตัวนั้น เป็น
แค่เพียงเครื่องมือที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย เช่น การเอาชนะคนอื่น
หรือเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีอำนาจ และหากไม่สำเร็จ ก็จะนำไปสู่การ
แก้แค้น ตัวอย่างเช่น เด็กที่ทำตัวมีปัญหา เพื่อให้พ่อแม่ทุกข์ใจ
ไม่ใช่ทำไปเพราะได้รับแรงผลักดันจากสาเหตุที่เกิดขึ้นในอดีตอย่าง
สภาพครอบครัว แต่เป็นเพราะมีเป้าหมายที่อยากจะบรรลุใน
ปัจจุบัน นั่นก็คือการแก้แค้นพ่อแม่ และถ้าความสัมพันธ์ของคน
เราเสื่อมถอยจนถึงขั้นต้องแก้แค้นกันโอกาสที่จะหันหน้าเข้าหากัน
แล้วช่วยกันแก้ไขความขัดแย้งก็แทบจะเป็นศูนย์
กล้าที่จะถูกเกลียด| 7
ก า ร ย อ ม รั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด จ ะ รั บ มื อ กั บ
ไ ม่ ใ ช่ “ ค ว า ม พ่ า ย แ พ้ " ” ภ า ร กิ จ ข อ ง ชี วิ ต ”
ที่ เ ผ ชิ ญ อ ยู่ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร
ก า ร ค ว บ คุ ม อ า ร ม ณ์ โ ก ร ธ ไ ม่ ไ ด้ ห ม า ย ถึ ง ก า ร ม นุ ษ ย์ เ ร า มี เ ป้ า ห ม า ย ด้ า น พ ฤ ติ ก ร ร ม แ ล ะ จิ ต ใ จ ที่
อ ด ท น แ ต่ คื อ ก า ร สื่ อ ส า ร รู ป แ บ บ ห นึ่ ง เ พื่ อ ใ ห้ ชั ด เ จ น เ ป้ า ห ม า ย ด้ า น พ ฤ ติ ก ร ร ม มี อ ยู่ 2 อ ย่ า ง
ค น อื่ น เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ย อ ม รับ เ ร า ส า ม า ร ถ สื่ อ ส า ร คื อ พึ่ ง พ า ตั ว เ อ ง ไ ด้ แ ล ะ ใ ช้ ชี วิ ต ร่ว ม กั บ ค น อื่ น ใ น
ด้ ว ย วิ ธี อื่ น ไ ด้ โ ด ย ไ ม่ ต้ อ ง ใ ช้ อ า ร ม ณ์ โ ก ร ธ ใ น สั ง ค ม ไ ด้ ดี ส่ ว น เ ป้ า ห ม า ย ด้ า น จิ ต ใ จ ที่ ค อ ย ส่ ง
ก า ร พู ด คุ ย โ ต้ เ ถี ย ง ถ้ า เ ร า เ ชื่ อ ว่ า ต น เ อ ง เ ป็ น เ ส ริม ใ ห้ เ กิ ด พ ฤ ติ ก ร ร ม ดั ง ก ล่ า ว คื อ ค ว า ม รู้สึ ก ว่ า
ฝ่ า ย ถู ก เ ท่ า กั บ ว่ า เ ร า เ ข้ า สู่ ก า ร ต่ อ สู้ เ พื่ อ ตั ว เ อ ง มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ แ ล ะ รู้สึ ก ว่ า ทุ ก ค น เ ป็ น
เ อ า ช น ะ ก า ร พ ย า ย า ม ทำ ใ ห้ ค น อื่ น ย อ ม แ พ้ มิ ต ร กั บ เ ร า เ ป้ า ห ม า ย เ ห ล่ า นี้ จ ะ สำ เ ร็จ ไ ด้ ก็ ต่ อ เ มื่ อ
เ พ ร า ะ คิ ด ไ ป ว่ า ก า ร ย อ ม รับ ว่ า ตั ว เ อ ง เ ป็ น ฝ่ า ย เ ร า เ ผ ชิ ญ ห น้ า กั บ
ผิ ด คื อ ก า ร ย อ ม แ พ้ ซึ่ ง นำ ไ ป สู่ ก า ร ไ ม่ ย อ ม รั บ
ค ว า ม ผิ ด พ ล า ด ข อ ง ตั ว เ อ ง ทำ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร “ ภ า ร กิ จ ชี วิ ต ” ซึ่ ง ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย 3 ค ว า ม
ตั ด สิ น ใ จ ผิ ด ๆ ทั้ง ที่ ก า ร ย อ ม รับ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด สั ม พั น ธ์ คื อ ด้ า น ก า ร ง า น ด้ า น ก า ร เ ข้ า สั ง ค ม
ข อ ง ตั ว เ อ ง ก า ร ก ล่ า ว คำ ข อ โ ท ษ ห รือ ก า ร แ ล ะ ด้ า น ค ว า ม รั ก
ถ อ น ตั ว จ า ก ก า ร ต่ อ สู้ นั้น ไ ม่ ใ ช่ ค ว า ม พ่ า ย แ พ้
เ ผ ชิ ญ ห น้ า กั บ “ คำ โ ก ห ก ข อ ง ตั ว เ อ ง ”
ก า ร ส ร้ า ง ข้ อ อ้ า ง ต่ า ง ๆ ขึ้ น ม า เ พื่ อ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ภ า ร กิ จ ชี วิ ต ก็ คื อ ก า ร โ ก ห ก ตั ว เ อ ง
คำ โ ก ห ก ใ ช้ เ พื่ อ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ก า ร ส ร้า ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ ค น อื่ น โ ด ย ส ร้า ง ข้ อ บ ก พ ร่อ ง ข อ ง ค น อื่ น ขึ้ น ม า ใ น จิ ต ใ จ
ม นุ ษ ย์ เ ร า เ ว ล า ไ ม่ ช อ บ กั น ก็ จ ะ ส า ม า ร ถ ส ร ร ห า ข้ อ เ สี ย ห รือ จุ ด บ ก พ ร่อ ง ข อ ง อี ก ฝ่ า ย ไ ด้ ไ ม่ รู้จั ก จ บ สิ้ น ต่ อ ใ ห้ อี ก ฝ่ า ย เ ป็ น
ค น ดี แ ค่ ไ ห น เ ร า ก็ ส า ม า ร ถ ห า เ ห ตุ ผ ล ม า เ ก ลี ย ด เ ข า ไ ด้ อ ย่ า ง ง่ า ย ด า ย แ ล ะ ต่ อ ใ ห้ ที่ ผ่ า น ม า คุ ณ จ ะ เ อ า แ ต่ ห ล บ เ ลี่ ย ง จ า ก
ภ า ร กิ จ ชี วิ ต ด้ ว ย ก า ร ห ล อ ก ตั ว เ อ ง ก า ร ก ล่ า ว โ ท ษ ค น ร อ บ ตั ว ห รือ ห า ว่ า เ ป็ น ค ว า ม ผิ ด ข อ ง ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม
คุ ณ อ า จ โ ย น ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ไ ป ใ ห้ ค น อื่ น แ ต่ แ ท้ จ ริ ง แ ล้ ว ค น เ ร า เ ลื อ ก รู ป แ บ บ ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต ด้ ว ย ตั ว เ อ ง
ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ จึ ง ต ก อ ยู่ กั บ เ ร า อ ย่ า ง ชั ด เ จ น เ รื่ อ ง นี้ ไ ม่ ไ ด้ ผิ ด แ ล ะ ไ ม่ เ กี่ ย ว กั บ เ รื่ อ ง ศี ล ธ ร ร ม ค ว า ม ดี
แ ต่ อ ยู่ ที่ ค ว า ม ก ล้ า ที่ จ ะ ย อ ม รั บ
อ ย่ า เ พี ย ง แ ค่ ย อ ม รั บ ค ว า ม รู้สึ ก เ ก ลี ย ด ตั ว เ อ ง นั้น ม า จ า ก ก า ร ที่ เ ร า เ อ า ตั ว เ อ ง ไ ป เ ป รีย บ เ ที ย บ กั บ
สิ่ ง ที่ มี แ ต่ ใ ห้ นำ ไ ป ใ ช้ ค น อื่ น อ ย า ก จ ะ แ ข่ ง ขั น กั บ ค น ถ้ า เ ร า เ พี ย ง แ ค่ มุ่ ง ไ ป ข้ า ง ห น้ า โ ด ย ที่ ก้ า ว ไ ป
ใ ห้ ไ ก ล จ า ก จุ ด เ ดิ ม ที่ เ ป็ น อ ยู่ เ ร า ก็ จ ะ ม อ ง ค น อื่ น เ ป็ น มิ ต ร ข อ ง เ ร า วิ ธี ก า ร
ป ร ะ โ ย ช น์ ม อ ง โ ล ก ข อ ง เ ร า ก็ จ ะ เ ป ลี่ ย น ไ ป เ ห ตุ ก า ร ณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ เ ร า ใ น อ ดี ต นั้น ไ ม่
ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ แ ต่ ตั ว เ ร า ใ น ปั จ จุ บั น เ ป็ น ผู้ กำ ห น ด มุ ม ม อ ง เ กี่ ย ว กั บ
ค น ที่ กำ ห น ด ทุ ก อ ย่ า ง คื อ ตั ว เ ร า เ อ ง มั น บ า ง ค รั้ง เ ร า สื่ อ ส า ร มั น อ อ ก ม า เ ป็ น ค ว า ม โ ก ร ธ เ กิ ด ค ว า ม อ ย า ก เ อ า ช น ะ
ม นุ ษ ย์ เ ร า ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ อ่ อ น แ อ จ น จ น เ ก็ บ เ ป็ น ค ว า ม แ ค้ น ค ว า ม อ ย า ก เ อ า ช น ะ ทำ ใ ห้ เ ร า ไ ม่ ย อ ม รับ ค ว า ม ผิ ด
ถู ก แ ผ ล ใ จ ใ น อ ดี ต บ ง ก า ร ไ ด้ ห า ก เ ร า พ ล า ด ข อ ง ตั ว เ อ ง ซึ่ ง ส่ ง ใ น ทุ ก ด้ า น ข อ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ทั้ง ด้ า น ก า ร ง า น
เ ชื่ อ ใ น แ น ว คิ ด เ รื่ อ ง ก า ร ยึ ด เ ป้ า ห ม า ย ก า ร เ ข้ า สั ง ค ม แ ล ะ ค ว า ม รัก บ า ง ค รั้ง ค น เ ร า ส ร้า ง ข้ อ อ้ า ง ต่ า ง ๆ ขึ้ น ม า
เ ป็ น สำ คั ญ เ ร า ก็ คื อ ค น ที่ เ ลื อ ก ชี วิ ต เ พื่ อ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ ค น อื่ น เ ร า โ ท ษ ค น อื่ น โ ท ษ ปั จ จั ย ภ า ย น อ ก
เ ร า ด้ ว ย ตั ว เ อ ง โ ด ย ใ ช้ ค ว า ม ก ล้ า ที่ โ ย น ค ว า ม รับ ผิ ด ช อ บ อ อ ก ไ ป ทั้ง ที่ จ ริง แ ล้ ว เ รื่ อ ง ค ว า ม รู้สึ ก ข อ ง เ ร า
จ ะ ย อ ม รับ เ รื่ อ ง ข้ อ อ้ า ง แ ล ะ คำ โ ก ห ก ห รือ ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า ตั ว เ ร า เ อ ง เ ป็ น ผู้ กำ ห น ด เ ป็ น ผู้ รับ ผิ ด ช อ บ
ข อ ง ตั ว เ อ ง ก ล้ า ที่ จ ะ ส ร้า ง ค ว า ม
สั ม พั น ธ์ กั บ ผู้ อื่ น แ ล ะ ก า ร จ ะ ส ร้า ง Peace come from within, Do not seek it without
ค ว า ม ก ล้ า นั้น ค ง ต้ อ ง พู ด คุ ย แ ล ก -Buddha-
เ ป ลี่ ย น ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง " อิ ส ร ภ า พ "
กล้าที่จะถูกเกลียด| 8
SELF-ESTEEM
Self Esteem คือ ความคิดเห็นที่มีต่อตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต รวมถึงการรับมือกับอารมณ์และสถานการณ์
ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยผู้ที่มี Self Esteem สูงนั้นจะมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง แต่ในทางกลับกัน การมี Self Esteem ต่ำจะส่งผลให้รู้สึกแย่และ
มีมุมมองความคิดต่อตัวเองในแง่ลบ ซึ่งเป็นเหตุให้ขาดความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ และรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถในการ
เผชิญหน้ากับปัญหาหรือความท้าทายในชีวิต
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ความรู้สึกเกลียดตัวเอง รู้สึก ตามใจคนอื่นมากจนเกินไป
ต่ำต้อย ด้อยค่าตนเอง มองเห็นแต่ข้อเสียของตัวเอง เป็น ถ้าไม่วางอำนาจก็เอาใจทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง
เพราะกลัวที่จะถูกคนอื่นเกลียด และ กลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ เมื่อไม่เป็นตัวเองทำอะไรฝืนใจเพราะไม่กล้าปฏิเสธ
ตนเอง ซึ่งแสดงถึงการเป็นบุคคลที่มี Low Self-Esteem ทำให้ไม่มีความสุข
มักเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ
การแสดงออกถึงภาวะ Low Self - Esteem รู้สึกว่าสิ่งต่างๆรอบตัวในชีวิตแย่
มีหลากหลายรูปแบบ
อาการทั้งหมดเป็นการสังเกตเบื้องต้นเท่านั้น
ไม่ชอบการพบปะผู้คนหรือเข้าสังคม อาจมีพฤติกรรมอื่ นนอกจากนี้หรือมีไม่ครบตามนี้ก็ได้
เพราะไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไร ไม่มั่นใจในตัวเอง
ไม่ค่อยลงมือทำอะไร มักจะเกี่ยงให้คนอื่นทำแทน " พ ย า ย า ม ไ ม่ เ ป รี ย บ เ ที ย บ ตั ว
เพราะกลัวผิด กลัวถูกจับได้ว่าไม่มีความสามารถ กลัวคน เ อ ง กั บ ค น อื่ น "
อื่นไม่ยอมรับ พาลให้ไม่อยากมีความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
ไม่กล้ายอมรับความท้าทายใหม่ๆ การเปรียบเทียบเป็นต้นเหตุที่สำคัญอันดับต้นๆ ของ
เมื่อเจออุปสรรคนิดหน่อย ก็ล้มเลิกได้ง่าย เพราะมีความ Low Self-Esteem และนำพาไปสู่โรคซึมเศร้า
เชื่อว่าตัวเองไม่ดี ไม่เก่ง
อ่อนไหวต่อความคิดเห็นต่างๆ ได้ง่าย คนเรามีเรื่องราวของชีวิตที่แตกต่างไม่เหมือนกัน สิ่งที่ถูก
เวลาที่ได้รับคำแนะนำ ตักเตือน จะตีความเป็นคำตำหนิ โพสต์บน social media เป็นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แค่ส่วนน้อย
รู้สึกถูกต่อว่า เก็บเอาไปคิดมากรวมถึงการแสดงออกว่า ในชีวิตของคนๆ หนึ่งที่มีทั้ง ความสุข และความทุกข์การเปรียบ
โกรธ/ เศร้าใจ / เสียใจ เทียบกับคนที่แย่กว่า อาจทำให้เรารู้สึกดีเพียงชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่
มองคนอื่นในแง่ลบ ทางออกในการแก้ปัญหา ในขณะเดียวกัน การเปรียบเทียบกับ
เพราะว่าขาดความมั่นคงภายในจิตใจ แต่ก็อยากรู้สึกมี คนที่ดีกว่า เก่งกว่า โดยที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปว่าจริงๆ แล้ว เขาอาจ
คุณค่าในสายตาคนรอบข้างด้วย บางครั้งจึงมีท่าทีวาง ผ่านปัญหาและอุปสรรคมามากมายก่อนจะมาถึงวันนี้ ซึ่งตัวเรา
อำนาจ เพื่อให้ดูน่าเกรงใจ น่าเกรงขาม เพื่อกลบเกลื่อน เองก็มีความสามารถที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
ความไม่มั่นคงในใจ
กล้าที่จะถูกเกลียด| 9
ก า ร เ พิ่ ม
Self-Esteem
ใ ห้ กั บ ตั ว เ อ ง
1.มองตัวเองในด้านบวก
เช่น กลับมานึกถึงตนเองในสิ่งดีๆ วันละ 1 อย่าง ทำต่อเนื่อง
ทุกวัน ข้อดีของตัวเอง การทำสิ่งดีๆ คิด หรือ พูดสิ่งดีๆ ใน
แต่ละวัน
2.กลับมารับรู้ และ รู้จักความสามารถของตนเอง
การรู้จักความสามารถของตนเองจะทำให้ชีวิตไม่สับสน และ
ได้กลับมาภูมิใจในตนเองตนเอง ยิ่งในการทำงาน ได้ทำงานที่
ตนเองถนัด จะช่วยเพิ่มความรู้สึกดีๆ กับตนเองได้มากขึ้น
3.กลับมารับรู้ ความต้องการและแรงปรารถนาของตนเอง
การหาความปรารถนาของตัวเองให้เจอ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เพราะการจะทำอะไรได้ดี
4.เคล็ดลับที่สำคัญที่สุด
คือ "การกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเอง" คือ การรัก ยอมรับ
และ เห็นคุณค่าในตนเอง
- สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย -
Self Esteem
มี ผ ล ต่ อ ค ว า ม สุ ข
อ ย่ า ง ไ ร ?
Self Esteem เป็นหนึ่งในรากฐานที่ทำให้ตัวเรา เกิด
ความสุขจากภายใน หากเรามี Self Esteem เพียงพอ เราก็จะ
เห็นคุณค่า เกิดความเคารพในตนเองและยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น
ยอมรับในข้อดีข้อด้อยของตนเองและทั้งหมดนี้ก็จะทำให้เรารู้สึก
ภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ Self-Actualization ที่จะเติมเต็ม
ความต้องการส่วนที่เป็นความสุขจากภายใน
Abraham Maslow
ผู้เขียน Hierarchy of Needs ในผลงานของเขาที่ชื่อว่า
“A Theory of Human Motivation"
เป็นทฤษฎีเรื่องความต้องการของมนุษย์ซึ่ง Self Actualization
คือความสุขสูงสุดที่เราจะได้จากการค้นหาตัวตนของเรา
ซึ่งจะเติมเต็มสิ่งที่เราเรียกว่าความสุขจากภายใน
ความสุขที่มนุษย์เราต้องการเพราะมันคือความต้องการของมนุษย์
กล้าที่จะถูกเกลียด| 10
คืนที่ 3
ตัดเรื่องของคนอื่น
ทิ้งไป
เสีย
ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด คำกล่าวที่ว่า เงินนำมาซึ่งอิสรภาพ ถ้าเรามีเงิน
เราจะเป็นอิสระจากความกังวลในเรื่องปัจจัยสี่ แต่ถึง
ตัดเรื่องคนอื่ น อย่างนั้นแล้วก็ไม่ใช่ว่ายิ่งเรามีเงินมากเท่าไหร่ เราจะ
ทิ้งไปเสีย ยิ่งมีอิสรภาพ หลายคนมีทรัพย์สมบัติมหาศาลแต่
กลับไม่มีความสุข การที่เราอยู่ในสังคม เรามัก
B y A l f e d A d l e r ( อั ล เ ฟ ร ด แ อ ด เ ล อ ร์) ต้องการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น หรือเรียกง่ายๆ ว่า
“คนเราไม่อยากโดนใครเกลียด” แต่เราจะสามารถ
เป็นตัวของตัวเองได้ไหม? สมมุติถ้ามีคนในห้อง 10
คน เราก็คงต้องพยายามทำตัว 10 แบบ เพื่อให้แต่ละ
คนในห้องชอบและยอมรับในตัวเรา ถ้าอย่างนั้นการ
ทำตัวให้เป็นที่ยอมรับจากคนอื่ นจะนับว่าเป็นความสุข
ที่แท้จริง จริงๆหรอ? เราทุกคนเหมือนถูกพันธนาการ
ไว้ด้วยเชือก เพราะต้องทนคบกับคนที่เราไม่ได้ชอบ
ต้องคอยสังเกตอารมณ์ของคนอื่น หรือต้องทำบาง
สิ่งที่เราไม่ได้อยากทำ ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเรา
สามารถหลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้ไปได้ เราได้พบกับ
อิสรภาพที่แท้จริงหรือไม่? และชีวิตของเราจะมีความ
สุขเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน!
NOMADIC | 24
กล้าที่จะถูกเกลียด| 12
จงเลิก
ปรารถนาการเป็นที่ยอมรับ
การอยากได้รับการยอมรับ ได้รับอิทธิพลมา
จากการเลี้ยงดูแบบ ให้รางวัลและการ
ลงโทษ สิ่งที่เกิดจากการเลี้ยงดูด้วยวิธีนี้คือ
ไลฟ์สไตล์มีปัญหา คือ “ถ้าไม่มีใครชมก็จะไม่
ทำเรื่องดีๆ” หรือ “ถ้าไม่มีใครลงโทษก็จะ
ทำแต่เรื่องแย่ๆ” มนุษย์เราไม่ได้มีชีวิตเพื่อ
ทำตามความคาดหวังของคนอื่น การอยาก
ได้รับการยอมรับจากคนอื่ นหรือเอาแต่สนใจ
ว่าคนอื่นจะตัดสินคุณค่าเราอย่างไร จะทำให้
เราใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น ดังนั้น
คนเราควรใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง เพราะถ้าเราไม่
ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แล้วใครจะมาใช้ชีวิตเพื่อ
ตัวเรา
จงทิ้งธุระที่ไม่ใช่ของตัว วิธีการกำจัดทุกข์ให้หมด
เอง ไปในคราวเดียว
มุมมองของหลักจิตวิทยาแบบแอดเลอร์ อันดับแรกลองคิดดูว่า “นี่เป็นธุระของใคร” และ
เกือบทุกปัญหาที่เกิดจากความสัมพันธ์มักมี พยายามแยกแยะธุระของแต่ละคนออกจากกันให้ได้
สาเหตุจากการที่ เราเข้าไปก้าวก่ายธุระของ จากนั้นขีดเส้นแบ่งว่าธุระของตัวเองไปจบที่ตรงไหน
คนอื่น หรือ การที่คนอื่นเข้ามาก้าวก่ายธุระ แล้วธุระของคนอื่นเริ่มต้นเมื่อไหร่ เมื่อขีดเส้นแบ่ง
ของเรา เราจำเป็นต้องแยกแยะว่าเรื่องแต่ละ แล้วก็ต้อง "ไม่เข้าไปก้าวก่ายกับธุระของคนอื่น"
เรื่องเป็นธุระของใคร โดยให้ตั้งคำถามว่า และ "อย่ายอมให้คนอื่นเข้ามาก้าวก่ายธุระของ
“นี่เป็นธุระของใคร” วิธีแยกแยะแค่คิดว่า ตัวเอง" นี่เป็นเคล็ดลับที่เข้าใจง่ายชัดเจนที่จะช่วยให้
สุดท้ายแล้วใครเป็นคนได้รับผลกระทบจาก คุณหลุดพ้นจากความทุกข์ใจที่เกิดจากความสัมพันธ์
การตัดสินใจนั้น โดยเราสามารถให้คำปรึกษา กับคนอื่นได้หมดไปในคราวเดียว ยกตัวอย่างเช่น คุณ
กับคนอื่นได้ แต่ไม่ควรสนใจว่าอีกฝ่าย เข้าใจว่าถึงหัวหน้าจะเกลียดคุณแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ธุระ
เปลี่ยนแปลงตัวเองตามคำแนะนำหรือไม่ ของคุณเลย อารมณ์ความรู้สึกที่ไร้เหตุผลเหล่านั้น
เพราะมันเป็นธุระของเขา จากสุภาษิตที่ว่า เป็นธุระหัวหน้าต้องจัดการเอาเองไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
“เราสามารถจูงม้าไปริมแม่น้ำได้ แต่ไม่ คุณไม่จำเป็นต้องยอมจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่
สามารถบังคับให้ม้ากินน้ำได้” ซึ่งหมายถึง คุณควรทำคือเลิกโกหกตัวเองและหันมาเผชิญหน้า
คนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราได้มีแค่ตัวเราเอง กับสิ่งที่เป็นธุระของคุณจริงๆ
เท่านั้น
กล้าที่จะถูกเกลียด| 13
จ ง ตั ด เ งื่ อ น ก อ ร์ เ ดี ย น ทิ้ ง เ สี ย
"เงื่อนกอร์เดียน"หรือเงื่อนที่ถูกผูกไว้อย่างซับซ้อน เปรียบ
เสมือนความสัมพันธ์กับคนอื่น ซึ่งเป็นเชือกที่พันธนาการเรา
เอาไว้ และไม่สามารถแก้ออกได้ด้วยวิธีที่เคยทำมา เราจึง
ต้องตัดมันทิ้งด้วยวิธีใหม่ ด้วยการแยกแยะธุระของแต่ละคน
ออกจากกัน เหมือนอย่างที่อเล็กซานเดอร์มหาราชใช้ดาบตัด
เงื่อนให้ขาด ซึ่งเป็นเหมือนการกำจัดเรื่องทุกข์ใจให้หมดไป
ยิ่ ง อ ย า ก ไ ด้ รั บ ก า ร ย อ ม รั บ
ก็ ยิ่ ง ไ ร้ อิ ส ร ภ า พ
เราจะเลือกเป็นที่ยอมรับจากคนอื่ นหรือจะเลือกชีวิตที่เป็น
อิสระ การใช้ชีวิตโดยใส่ใจกับสายตาหรือตามความคาดหวัง
ของคนอื่นตลอดเวลาเป็นชีวิตที่ปราศจากอิสรภาพ แต่คน
เราก็ยังเลือกวิถีชีวิตที่ไร้อิสรภาพอยู่ก็เพราะความต้องการ
การยอมรับ หรือการที่เราไม่อยากถูกเกลียด แต่การทําแบบ
นี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งตามมาในวันข้างหน้า คนที่
พยายามทำตามใจคนอื่ นเพราะไม่อยากถูกเกลียดก็เหมือน
กับการโกหกตัวเองและคนรอบข้างไปวันๆ เท่านั้น
อิ ส ร ภ า พ ที่ แ ท้ จ ริ ง คื อ อ ะ ไ ร
"อิสรภาพคือการถูกคนอื่นเกลียด" เมื่อเราถูกใครสักคน
เกลียด นั่นแสดงว่าเราได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระตามเส้นทาง
ของตัวเอง แน่นอนว่าการถูกเกลียดทำให้เราเป็นทุกข์ ถ้า
เป็นไปได้เราก็ย่อมอยากใช้ชีวิตโดยไม่ถูกเกลียดและได้รับ
การยอมรับจากคนอื่น แต่ชีวิตที่ต้องคอยทำตามความ
คาดหวังของคนอื่ นอยู่ตลอดเวลาคือที่สุดของชีวิตที่ไร้
อิสรภาพ เหมือนกับหินที่ถูกขัดถูตอนกลิ้งลงมาจากเขาจน
กลายเป็นก้อนกลมเกลี้ยงไม่เหลือเหลี่ยมมุมและความเป็น
ตัวเองเลย แต่"อิสรภาพก็มาพร้อมกับการถูกเกลียด" ซึ่ง
เป็นราคาที่ต้องจ่าย ตราบใดที่เรายังไม่เลิกสนใจคำวิพากษ์
วิจารณ์ เรายังกลัวที่จะถูกเกลียด หรือต้องการให้คนอื่น
ยอมรับ เราก็ไม่สามารถใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองปรารถนาได้
หรือก็คือไม่มีอิสรภาพนั่นเอง การเดินไปข้างหน้าโดยไม่กลัว
ว่าจะถูกคนอื่ นเกลียดและเลิกใช้ชีวิตเหมือนหินที่กลิ้งลงมา
จากเนินนี่แหละคืออิสรภาพของมนุษย์
กล้าที่จะถูกเกลียด| 14
อำ น า จ ใ น ก า ร กำ ห น ด ก า ร ถู ก เ ก ลี ย ด
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ อ ยู่ ใ น มื อ คื อ ก า ร ไ ด้ รั บ อิ ส ร ภ า พ
ข อ ง ตั ว เ ร า เ อ ง สิ่งที่แย่งชิงอิสรภาพไปจากเราคือ "ความต้องการเป็นที่
ยอมรับของผู้อื่น" ดังนั้นจงปฏิเสธความปรารถนาที่จะได้รับการ
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าอำนาจในการกำหนดความ ยอมรับจากคนอื่น เพราะเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำตามความคาดหวัง
สัมพันธ์อยู่ในมือของคนอื่นจึงกังวลว่า “เขาจะคิดกับ ของใคร เมื่อเราอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่นหรือเอาแต่สนใจว่า
เรายังไง” สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าต้องใช้ชีวิตตาม คนอื่นจะตัดสินคุณค่าเราอย่างไร จะทำให้เราใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่น
ความคาดหวังของคนอื่น แต่ถ้าเรารู้จักแยกแยะว่า อยากให้เป็น
เรื่องนี้เป็นธุระของใครเราก็จะรู้ว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ใน
มือของตัวเอง เมื่อเราเปลี่ยนแปลงตัวเองคนที่ ปัญหาที่เกิดจากความสัมพันธ์กับคนอื่ นมักมีสาเหตุมาจากการ
เปลี่ยนแปลงก็คือ “ตัวเรา” คนเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายจะ ที่ "เราเข้าไปก้าวก่ายธุระของคนอื่น" หรือ "คนอื่นมาก้าวก่ายธุระ
เป็นอย่างไรเราไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ แม้ว่าสุดท้าย ของเรา" การแก้ปัญหานี้ต้องทําแยกแยะธุระของแต่ละคนออกจาก
แล้วอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยน กัน จากนั้นขีดเส้นแบ่งว่าธุระของตนเองจบที่ตรงไหน แล้วเอาธุระ
เพราะเรา หรือยังเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยนแปลง ของคนอื่นทิ้งไปให้หมด ทำอย่างนี้แล้วภาระในชีวิตของเราจะเบาลง
เลยด้วย ปัญหาจากความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นความ เป็นก้าวแรกที่จะทำให้ชีวิตเรียบง่ายขึ้น
สัมพันธ์แบบไหน อันดับแรกเราต้องเริ่มจากตัวเอง
ก่อน หากผูกมัดตัวเองเข้ากับความปรารถนาที่จะได้รับ แต่ตราบใดที่เรามัวแต่สนใจคนอื่ นว่าจะตัดสินคุณค่าของเรา
การยอมรับจากคนอื่น อำนาจในการกำหนดความ อย่างไร เท่ากับว่าเราใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น หากการได้
สัมพันธ์ก็จะตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่เราสามารถ รับการยอมรับคือการไม่ถูกเกลียด ดังนั้น "การถูกเกลียดก็คือการ
เลือกได้ว่าจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้น หรือเราจะเป็นคน ได้มาซึ่งอิสรภาพ" อิสระที่เราไม่ต้องทำตามใจทุกคนบนโลก และให้
กุมอำนาจเอาไว้ในมือของเราเอง โอกาสตัวเองหันกลับมาฟังเสียงของหัวใจ เพื่อเดินทางตามหาความ
สุขของเราเองได้จริงๆ
กล้าที่จะถูกเกลียด| 15
โ ก ศ ล สิ น ธ ว า น น ท์ ก า ร คิ ด เ ช่ น ป ร า ช ญ์
หมายถึงการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นอิสระทางใจ ภายใต้เงื่อนไข
ภาวการณ์ต่าง ๆ แต่อะไรคือความเป็นอิสระทางใจ?ได้มีการวาดภาพ
นักปราชญ์มาตั้งแต่สมัยโบราณว่าเป็นมนุษย์ซึ่งมีความอิสระ
ประการแรก เพราะนักปราชญ์ไม่ต้องการสิ่งไร หลุดพ้นจากโลกแห่ง
วัตถุและจากการบังคับบัญชาของอารมณ์และความอยาก มีชีวิตอยู่
เช่นนักพรต
ประการที่สอง เพราะนักปราชญ์ไม่มีความกลัว เพราะได้มองเห็นภาพ
ไม่จริงที่น่าเกลียดน่ากลัว ซึ่งศาสนาต่าง ๆ วาดไว้ได้ทะลุประโปร่ง
ประการที่สาม เพราะนักปราชญ์มิได้มีส่วนร่วมในกิจการของรัฐ และไม่
ได้เล่นการเมือง ดำรงชีวิตซ่อนเร้นอยู่ในความเงียบ ไม่มีกฎเกณฑ์ ถือ
ตนว่าเป็นพลเมืองคนหนึ่งของโลก มิใช่ของรัฐใดรัฐหนึ่งโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ปราชญ์เหล่านี้มีความเชื่อมั่น และคิดว่าตนได้มาแล้ว
ซึ่งความเป็นอิสระที่สมบูรณ์ที่สุด ที่เต็มที่ที่สุด และเป็นจุดที่อยู่นอก
และเหนือสิ่งทั้งหลายที่ยังเกี่ยวข้องอยู่กับโลก เป็นจุดที่ปราศจาก
การกระทบกระเทือนและความไหวหวั่น
ค ว า ม เ พิ ก เ ฉ ย ต่ อ
ความตาย
วันหนึ่งความตายจะต้องมาถึง ทำไมจะต้องตื่นเต้น? ความรักนั้นเป็น
ไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา ขึ้นอยู่กับความแน่นอน และจะต้องผ่านพ้น
เปลี่ยนแปลงไป ชีวิตดำรงอยู่อย่างไม่มีอารมณ์ ไม่มีประสงค์ที่จะเป็น
หรือทำอะไรเป็นพิเศษ ทำไปเท่าที่ได้รับการร้องเรียนหรือเท่าที่ควรจะทำ
ชีวิตที่ไม่มีขอบฟ้า ไม่มีความไกล ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรหวัง
อีกต่อไป ดำรงอยู่เพียงที่นี่และขณะนี้
ความเป็นอิสระที่ทำให้หลงผิดและปรากฏในลักษณะต่าง ๆ ทำให้ความ
เป็นอิสระเองเป็นสิ่งที่น่าสงสัยแคลงใจ เหตุฉะนี้ เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่ง
ความเป็นอิสระที่แท้จริง จึงต้องตระหนักในขอบเขตของความอิสระ
ด้วย เพราะอิสระที่สมบูรณ์สูงสุดนั้นหามีไม่ แม้แต่ความคิดก็มิได้เกิด
ขึ้นในสูญญากาศ ต้องมีต้นเหตุหรือความคิดต่อเนื่อง ชีวิตตัวเราซึ่ง
เป็นผู้คิดก็ต้องพึ่งพาถือกำเนิดมาจากชีวิตอื่น ไม่มีอิสรภาพหรือ
เสรีภาพที่อยู่โดดเดี่ยว ที่ไหนมีเสรีภาพที่นั่นย่อมมีการต่อสู้กับความ
ไม่มีเสรีภาพ
กล้าที่จะถูกเกลียด| 16
คืนที่ 4
ศูนย์กลาง
ของคุณ
อยู่ตรงไหน ?
ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด จิตวิทยาแบบแอดเลอร์นั้น ที่มีชื่อทางการคือ
"จิตวิทยาปัจเจกบุคคล" นั่นคือแนวคิดที่เชิญชวนให้
ศูนย์กลางของ ผู้คนนั้นปลีกวิเวกไปอยู่โดดเดี่ยวงั้นหรือ? และหาก
คุณอยู่ตรงไหน เอาแต่มองจิตวิทยาแบบแอดเลอร์มากเกินไป สุดท้าย
เราก็จะโดนชี้นำให้หันไปใช้ชีวิตแบบ "ยึดตัวเองเป็น
B y A l f e d A d l e r ( อั ล เ ฟ ร ด แ อ ด เ ล อ ร์) ศูนย์กลาง" โดย เราคือเรา คุณคือคุณ เราไม่ยุ่งเรื่อง
ของคุณ คุณไม่ยุ่งเรื่องของเรา ต่างคนต่างใช้ชีวิต ?
จริงๆแล้วนั้นแอดเลอร์ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกสิ่ง
ต่างๆออกเป็นคู่ตรงข้าม เช่น การแบ่งแยกร่างกาย
ออกจากจิตใจ หรือ การแบ่งแยกเหตุผลออกจาก
อารมณ์ความรู้สึก เป็นต้น และจากหลักจิตวิทยาของ
แอดเลอร์ที่ว่า เราต้องแยกแยะธุระของแต่ละคนออก
จากกัน นั่นคือไม่ใช่สิ่งที่ทำไปเพื่อตีออกห่างจากคนอื่น
แต่เป็นวิธีการที่ช่วยคลายปมของความสัมพันธ์ที่
ยุ่งเหยิงนั่นเอง และเป็นเครื่องมือกำจัดวามทุกข์ใจจาก
ความสัมพันธ์ของคนอื่นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
ความสัมพันธ์ของคนเราจะสิ้นสุดทันทีที่ทำแบบนั้น
จริงๆแล้วเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีด้วยซ้ำ
ดังนั้นมาดูมุมมองที่เราควรมีต่อความสัมพันธ์ของ
มนุษย์ ว่าเราควรสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น
อย่างไร.....
NกOล้าMที่AจะDถูIกCเก ลี|ย ด2| 4 18
เ ป้ า ห ม า ย สู ง สุ ด ข อ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์
คื อ ค ว า ม รู้ สึ ก เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง สั ง ค ม
ซึ่งการที่จะรู้สึกแบบนั้นได้ เราจะต้องมองว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องของ
อื่ นๆ เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู และรู้สึกว่าที่ตรงนี้คือ "สังคม" ก็คือเรื่องของ "จิตใจ" เรียนรู้ที่จะเข้าใจ
"ที่ของเรา" นอกจากนี้เราต้องทุ่มเทให้กับสังคม "จิตใจ" ของตนเองและผู้อื่ น ก่อนอื่ นต้องเลิก
นั้นอย่างเต็มที่ผ่านภารกิจของชีวิต ความรู้สึก ใส่ใจแต่ตัวเองแล้วหันไปใส่ใจคนอื่ น หากทำได้ก็
เป็นส่วนหนึ่งของสังคม คือ ตัวบ่งชี้สำคัญที่สุด
จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งจะทำได้สำเร็จก็
ว่าเราจะมีความสัมพันธ์ที่เป็นสุขได้หรือไม่ เป้า ต่อเมื่อเรา “ยอมรับตนเอง” “เชื่อใจคนอื่น”
และ “ช่วยเหลือคนอื่น” ก่อนเท่านั้นดังนั้น อย่า
หมายในหลักจิตวิยานี้ก็คือ เพื่อเปลี่ยนแปลง
ความคิดจากที่เคย "ใส่ใจแต่ตัวเอง" ไปเป็น มองชีวิตเพียงด้านเดียว
"ใส่ใจต่อสังคม"
คุ ณ ไ ม่ ใ ช่ ศู น ย์ ก ล า ง ข อ ง โ ล ก
ต้องระลึกคิดไว้เสมอว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของ "คนๆนี้จะให้อะไรกับเราได้บ้าง" แต่ต้องคิดว่า
โลก เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคมที่กว้าง "เราจะให้อะไรกับคนๆนี้ได้บ้าง" นี่และคือการ
ใหญ่ ซึ่งสังคมมีอยู่หลายแบบหลายขนาด เช่น ทุ่มเทให้กับสังคม
สังคม ครอบครัว โรงเรียน จังหวัด โลก
จักรวาล เราควรฟังเสียงของสังคมที่ใหญ่กว่า เ ร า ไ ม่ ใ ช่ ศู น ย์ ก ล า ง ข อ ง โ ล ก
เพราะเป็นมุมมองความเห็นที่เป็น universal อ ย่ า ใ ช้ ชี วิ ต โ ด ย คิ ด ว่ า ต น เ อ ง สำ คั ญ ที่ สุ ด
มากกว่า ดังนั้น หากเจอปัญหาในสังคมเล็กๆ ที่
ตัวเองประจำอยู่ทุกวัน ให้เข้าใจว่ามันคือ “พายุ จ ง ใ ห้ ค ว า ม สำ คั ญ กั บ ค น อื่ น ใ ห้ ม า ก
ในถ้วยชา” เมื่อเราออกมาจากสังคมนั้นแล้ว เรา เ พ ร า ะ โ ล ก ไ ม่ ไ ด้ ห มุ น ร อ บ ตั ว คุ ณ เ พี ย ง ค น เ ดี ย ว
จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ เท่านั้น เราจึงต้อง
ก้าวออกไปสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่ นด้วยตัว
เองไม่ใช่เอาแต่คิดว่า
กล้าที่จะถูกเกลียด| 19
กล้าที่จะถูกเกลียด
อย่าลงโทษ
อย่าให้รางวัล
เราควรสร้างความสัมพันธ์แบบเท่าเทียม ไม่มีการแบ่ง
ชนชั้น เพราะการแบ่งชนชั้นจะนำไปสู่ความรู้สึก
ต่ำต้อย ความสัมพันธ์แบบเท่าเทียมคือการ treat อีกฝ่าย
แบบเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง โดยวิธีที่ใช้ได้คือการไม่ให้รางวัล
(เช่น คำชม) และไม่ลงโทษ (เช่น ดุด่า) เนื่องจากสองวิธีนี้มี
จุดมุ่งหมายเพื่อการควบคุมอีกฝ่าย เป็นอีกกลไกนึงของ
ความสัมพันธ์แบบแบ่งชนชั้น และทำให้เราคาดหวังสิ่ง
ตอบแทนสำหรับการกระทำทุกๆ อย่าง แทนที่จะชม ก็
เปลี่ยนเป็นคำขอบคุณหรือคำแสดงความยินดีแทน คำชม
คือการประเมินคนที่ไร้ความสามารถโดยคนที่มีความ
สามารถ หากเรายินดีในคำชม นั่นหมายความว่าเรากำลัง
มองตัวเองว่าไร้ความสามารถ
วิธีปลุก
ความกล้า
ทำไมคนเราถึงเข้าไปก้าวก่ายธุระของคนอื่น สาเหตุก็มาจาก
ความสัมพันธ์แบบแบ่งชนชั้นนั่นเอง ถ้าลองนึกถึงการที่พ่อ
แม่ชี้นิ้วสั่งให้ "ตั้งใจเรียนหนังสือ" หรือ "สอบเข้า
มหาวิทยาลัยนั่นสิ" นั่นแปลว่าพวกเขากำลังก้าวก่ายธุระของ
เด็กอยู่ ในทางตรงกันข้ามความช่วยเหลือ คือ สิ่งที่ตั้งอยู่
บนพื้นฐานของความสัมพันธ์แบบเท่าเทียม และรับรู้ว่าเรื่อง
นี้เป็นธุระของใคร ทางที่ดีพ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กมีความ
มั่นใจในตัวเองด้วยการบอกว่า "ลูกทำได้นะ" และช่วยให้เขา
สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาได้ด้วยตัวเอง แอดเลอร์ เรียก
การให้ความช่วยเหลือบนพื้นฐานของความสัมพันธ์แบบเท่า
เทียมว่า "การปลุกความกล้า"
กล้าที่จะถูกเกลียด| 20
ก า ร ทำ ใ ห้ ตั ว เ อ ง ถึ ง อ ย่ า ง นั้ น คำ ว่ า ป ร ะ โ ย ช น์ ก็ ไ ม่ ไ ด้ จำ กั ด แ ค่ ก า ร ก ร ะ
รู้ สึ ก มี คุ ณ ค่ า ทำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตัวตนด้วย เช่น คนป่วย
ที่ไม่สามารถออกแรงช่วยเหลือใครได้ ก็ไม่ได้
"ความกล้า" แอดเลอร์ คิดว่าคนเราจะมีความ หมายความว่าตัวเขาไร้คุณค่า เขายังมีคุณค่า
กล้าได้ก็ต่อเมื่ อคิดว่าตัวเองมีคุณค่าเท่านั้น การที่ สำหรับญาติมิตรเพราะสำหรับญาติมิตรนั้น แค่เขา
ค น เ ร า ไ ม่ ก ล้ า เ ผ ชิ ญ ปั ญ ห า เ ป็ น เ พ ร า ะ เ ข า ข า ด ค ว า ม มี ชี วิ ต อ ยู่ ก็ ถื อ ว่ า มี คุ ณ ค่ า แ ล้ ว
กล้า ความกล้าเกิดขึ้นได้เมื่ อคนเรารู้สึกว่าตัวเอง
มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสังคมนั้นๆ แล้วทำอย่างไร จงใช้ชีวิต ณ วินาทีนี้
เ ร า จึ ง จ ะ รู้สึ ก ว่ า ต น เ อ ง มี ค่ า ? ใ ห้ มี คุ ณ ค่ า ที่ สุ ด
คนเราจะคิดว่าตนเองมีค่าก็ต่อเมื่ อรู้สึก
ว่า “ตนเองมีประโยชน์ต่อสังคม” และเข้าไป ใ ห้ คิ ด ว่ า " ตั ว เ อ ง มี ป ร ะ โ ย ช น์ กั บ ใ ค ร สั ก ค น "
ช่วยเหลือสังคมจริง ๆ ด้วยความคิดว่า “ฉันมี แ ล้ ว เ ข้ า ไ ป ช่ ว ย ค น อื่ น ๆ ใ น สั ง ค ม ที่ สำ คั ญ
ความสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่ นได้” ไม่ใช่ช่วย คื อ ต้ อ ง เ ข้ า ไ ป ช่ ว ย เ พ ร า ะ คิ ด ว่ า " ฉั น
เพราะว่า “คนอื่ นมองว่าพฤติกรรมการช่วยเหลือ ส า ม า ร ถ ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น อื่ น ไ ด้ " ด้ ว ย ตั ว เ อ ง
นี้เป็นสิ่งที่ดี” เพราะมีประโยชน์กับใครบางคน ไ ม่ ใ ช่ ทำ เ พ ร า ะ ค น อื่ น ม อ ง ว่ า สิ่ ง ที่ ทำ นั้น เ ป็ น
ชี วิ ต เ ร า จึ ง มี คุ ณ ค่ า สิ่ ง ที่ " ดี "
กล้าที่จะถูกเกลียด| 21
ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด
สังคมนั้น
"ไม่มีขอบเขต"
จ ง เ ผ ชิ ญ ห น้ า กั บ
" ภ า ร กิ จ ข อ ง ชี วิ ต "
ความทุกข์ใด ๆ ล้วนมีที่มา หากชีวิตเปรียบดั่งละคร เรา
จากความสัมพันธ์กับผู้อื่ น ก็คงเป็น ‘ตัวเอก’ ของละคร
แล้วเราสร้างความสัมพันธ์ เรื่องนี้ในเรื่องของเรา เรามี
กับผู้อื่นไปทำไม? ก็เพื่อที่จะ สิทธิ์ควบคุมเนื้อเรื่องของเรา
ได้มี “ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง เองให้เป็นอย่างไรก็ได้ตาม
ของสังคม” ต้องการ
ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ได้
สังคมไม่ใช่สิ่งที่เราได้รับมา หมายความว่าเราเป็น
ตั้งแต่เกิด แต่ต้องมาจาก ศูนย์กลางของโลกใบนี้ เรา
การลงแรงของเราเอง เรา ยังคงเป็นแค่ ‘ตัวประกอบ’
เป็นส่วนหนึ่งของโลก ไม่ใช่ ในเรื่องราวของคนอื่ นด้วย
ศูนย์กลางของโลก ไม่ควร เหมือนกัน และเราก็ไม่
คิดว่า “คนคนนี้จะให้อะไรกับ สามารถบังคับละครของคน
เราได้บ้าง แต่ต้องคิดว่า “เรา อื่ นให้เป็นไปตามที่เรา
จะให้อะไรกับคนคนนี้ได้บ้าง” ต้องการได้
“แม้ว่าตัวคุณจะเป็น เราไม่อยากใช้ชีวิตของตัวเอง
ศูนย์กลางของชีวิตคุณเอง ตามความคาดหวังของคน
แต่คุณก็ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อื่นอย่างไร เราก็ไม่ควรไป
ของสังคมทั้งหมดเท่านั้น” ควบคุม คาดหวัง ในชีวิตหรือ
เพราะโลกไม่ได้หมุนรอบตัว ละครของคนอื่ นให้เป็นไป
คุณเพียงคนเดียว ตามความต้องการของเรา
เช่นกัน
กล้าที่จะถูกเกลียด| 22
THE
‘FALSE
CONSENSUS
EFFECT’
By Lee Ross, David Greene &
Pamela House
อคติที่เกิดจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล :
เหตุผลที่ ‘ตัวเรา’ ถูกต้องอยู่เสมอ
อคติที่เกิดจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการรับรู้ทาง
สังคมและกระบวนการ หรือพู ดง่ายๆ ก็คือการ ‘คิดไปเอง’ ว่า
‘ใครๆ ก็คิดแบบเดียวกันกับเรา’ ซึ่งไม่ได้แปลว่าเราไม่มีตัวตน
เราช่าง selfless เหลือเกิน เราจึงคิดเหมือนกันกับคนอื่ นไป
หมด แต่กลับเป็นตรงข้าม นั่นคือเป็นเพราะเราเอาตัวเองเป็น
ศูนย์กลางจักรวาลต่างหาก เราถึงได้คิดว่าคนทั้งโลก (หรือ
อย่างน้อยก็คนส่วนใหญ่) คิดเหมือนเราไปด้วย อคตินี้จึงทำให้
เราเห็นว่า ความคิดในแบบของเราเป็นความคิดใหญ่ที่ครอบงำ
โลกอยู่
อคติที่เกิดจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลนั้น
คือหนึ่งใน ‘บาปเจ็ดประการ’ ของการทำร้ายความทรง
จำของเรา
อคติพาตัวเราเข้าไปเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง’ แอนโธนี กรีนว
อลด์ (Anthony Greenwald) ซึ่งเป็นคนที่คิดคำว่า
Egocentric Bias หรืออคติที่เกิดจากการเอาตัวเองเป็น
ศูนย์กลางนั้น บอกว่าเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งของการเอาตัวเอง
เป็นศูนย์กลางก็คือ ส่วนใหญ่เราจะ ‘ระลึก’ หรือ ‘จดจำได้’
(recall) เฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวโยงสัมพันธ์กับ ‘เรื่องเล่า’ ที่มา
จากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเท่านั้น คือเรื่องจริงๆ เกิด
อย่างไรก็ตามแต่ แต่เราจะใช้ตัวตนและการเอาตัวเองเป็น
ศูนย์กลางไปจับ ไปอธิบาย และไปจดจำเรื่องทั้งหมด ‘เฉพาะ’
ตามอคติของเรา อคตินี้จึงส่งผลต่อ ‘ความทรงจำ’ หรือ
memory ของเราอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาที่สมองของเราจะ
ต้องถอดรหัสความทรงจำประเภทที่เรียกว่า Episodic
Memory หรือ ‘ความทรงจำอาศัยเหตุการณ์’ คือจำเรื่อง
ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเราจะ ‘เลือก’ เฉพาะบางเรื่องที่สอดคล้อง
กับต้นทุนของเรามาใส่ไว้ในความทรงจำ พร้อมกับคิดว่าคน
อื่ นๆ ทั้งโลก — ก็คิดแบบนั้น
กล้าที่จะถูกเกลียด| 23
ใ ค ร ๆ เ ข า ก็ คิ ด แ บ บ นี้ กั น ทั้ ง นั้ น มั น ไ ม่ ไ ด้ แ ป ล
ว่ า เ ร า คิ ด ว่ า ค น อื่ น คิ ด แ บ บ นั้ น จ ริ ง ๆ เ ท่ า นั้ น
แ ต่ เ ร า ยั ง คิ ด ว่ า ค น อื่ น ๆ คิ ด ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ
ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ‘ ข อ ง เ ร า ’ ด้ ว ย ?
ตัวอย่างเช่น ในรายหนึ่ง จะเริ่มต้นด้วยการถาม นั่นแสดงให้เห็นว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดว่า ‘ใครๆ
คำถามกับคนดูในห้องส่งก่อนด้วยเรื่องราวต่างๆ โดย เขาก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น มันไม่ได้แปลว่าเราคิดว่าคน
มีคำตอบเป็นตัวเลือกให้คนดูเลือก เพื่อดูว่าคนดูใน อื่ นคิดแบบนั้นจริงๆ เท่านั้น แต่เรายังคิดว่าคนอื่ นๆ
ห้องส่งเลือกคำตอบไหนบ้างเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ คิดสอดคล้องกับความคิดเห็น ‘ของเรา’ ด้วย ดังนั้น
จากนั้นจึงเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันในเกม โดยถามคำถาม สิ่งที่เรียกว่า Egocentrism จึงได้ผสานรวมเข้ากับ
เดียวกัน แล้วให้ผู้เข้าแข่งขันตอบคำถามเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่า False Consensus Effect อย่าง
แล้วทายว่าผู้ชมในห้องส่งคนตอบคำถามนั้นๆ กี่ สมบูรณ์เต็มที่ สองอย่างนี้เสริมส่งกันและกัน และ
เปอร์เซ็นต์ ผู้เข้าแข่งขันทายถูกจะได้คะแนนไป ยิ่งถ้า ผลักเราเข้าสู่อาณาบริเวณแห่งการเห็นพ้องคล้อย
ทายเปอร์เซ็นต์ได้ใกล้เคียงที่สุด ก็จะได้คะแนนเพิ่มไป ตามกันไปเป็นหมู่เป็นฝูง จาก ‘ตัวเรา’ ก็กลายเป็น
ด้วย ใครทำคะแนนได้ถึง 300 คะแนนก่อน ก็จะได้ ‘ฝูงของเรา’ โดยไม่สามารถรั้งตัวเองออกมายั้งคิดได้
รางวัลเงินสด เลย — ว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิดอย่างไรบ้าง
สิ่งที่พบจากการวิเคราะห์รายการนี้ตรงกันกับข้อสรุป การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลในแบบต่างๆ
ในการศึกษาของนักจิตวิทยา นั่นคือผู้เข้าแข่งขันที่ มักทำให้เราไม่สามารถพิจารณาหรือมองเห็น
ตอบคำถามใดๆ ก็ตาม มักคิดว่า ‘มหาชน’ (คือคนดูใน สถานการณ์ต่างๆ จากมุมมองของคนอื่ นได้ และไม่รู้
ห้องส่ง) ก็จะตอบคำถามแบบเดียวกับตัวเองด้วย เลยว่าตัวเองอยู่ในโลกแบบไหน เพราะมัวแต่หลงคิด
โดยคิดว่าคำตอบที่ตัวเองตอบ จะต้องมีคนเห็นด้วย ไปว่าโลกแบบที่ตัวเองคิดนั้น คนอื่ นทั้งโลกก็คิด
เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์เยอะกว่าคำตอบอื่ น ไม่ว่าคำ เหมือนกันด้วย ส่วนคนที่คิดแตกต่างออกไปเป็นได้
ตอบนั้นจะ ‘ถูก’ หรือ ‘ผิด’ ก็ตาม แค่คนส่วนน้อยเท่านั้น ดังนั้น เมื่อ ‘รวมฝูง’ กันได้ใน
โลกโซเชียลฯ ความคิดความเห็นก็มักจะถั่งเทกันไป
FALSE ฟากหนึ่ง แล้วหากมีอีกกลุ่มที่ก็สามารถ ‘รวมฝูง’ ได้
CONSENSUS ในทางตรงข้าม ก็จะเกิดการแบ่งแยกออกเป็นสองฝั่ ง
เพื่อต่อสู้โต้เถียงกันอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดย
EFFECT False Consensus Effect ก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เรื่อยๆ พร้อมกับการย้อนกลับไป ‘ขุด’ อะไรก็แล้วแต่
ตาม Episodic Memory โดยมีความสามารถในการ
มองเห็นที่เรียกว่า Reality ได้น้อยลงเรื่อยๆ
กล้าที่จะถูกเกลียด| 24
คืนที่ 5
ใช้ชีวิต ณ วินาทีนี้
อย่าง
จริงจัง
ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต
คื อ อ ะ ไ ร เ ร า ค ว ร ใ ช้ ชี วิ ต
มุ่ ง ห น้ า ไ ป ท า ง ไ ห น ดี
ห ลั ก จิ ต วิ ท ย า แ บ บ แ อ ด เ ล อ ร์ สำ ร ว จ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง
ม นุ ษ ย์ อ ย่ า ง ลึ ก ซึ้ ง ถี่ ถ้ ว น แ ล ะ พ บ ว่ า เ ป้ า ห ม า ย สู ง สุ ด ข อ ง ก า ร
ส ร้า ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ ค น อื่ น ก็ คื อ ค ว า ม รู้สึ ก เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง
ข อ ง สั ง ค ม นั้น แ ต่ จ ริง ๆ แ ล้ ว ค น เ ร า ต้ อ ง ก า ร เ พี ย ง เ ท่ า นั้น
จ ริง ๆ เ ห ร อ ค น เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ กิ ด ม า บ น โ ล ก ใ บ นี้ เ พื่ อ ทำ สิ่ ง ห ล า ก
ห ล า ย ห ร อ ก ห รือ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต คื อ อ ะ ไ ร เ ร า ค ว ร ใ ช้
ชี วิ ต มุ่ ง ห น้ า ไ ป ท า ง ไ ห น ดี ห า ก คุ ณ ยิ่ ง คิ ด แ ล้ ว รู้สึ ก ว่ า ต น เ อ ง
นั้น ไ ร้ค่ า เ ร า ล อ ง ใ ช้ ชี วิ ต ณ วิ น า ที นี้ อ ย่ า ง จ ริง จั ง แ ล ะ ไ ป ห า
คำ ต อ บ ข อ ง ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต กั น เ ถ อ ะ ! ! !
ค ว า ม พ ะ ว้ า พ ะ วั ง คื อ
สิ่ ง ที่ ค อ ย ขั ด ข ว า ง ตั ว เ ร า
คุ ณ เ ค ย รู้สึ ก กั ง ว ล ห รือ มั ก คิ ด ไ ป ก า ร ก ร ะ ทำ เ ช่ น นี้ เ ป็ น ก า ร ห ลี ก
เ อ ง ห รือ ไ ม่ ว่ า เ ร า ค ว ร ทำ สิ่ ง นั้น ดี เ ลี่ ย ง ก า ร ส ร้า ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั บ
ห รือ ไ ม่ ห า ก ทำ แ ล้ ว ผิ ด พ ล า ด ล่ ะ ผู้ อื่ น ซึ่ ง แ ป ล ว่ า คุ ณ ไ ม่ มี ค ว า ม
จ ะ เ กิ ด อ ะ ไ ร ที่ ทำ ใ ห้ เ ร า ก ล า ย เ ป็ น มั่น ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง เ ล ย ซึ่ ง ห า ก คุ ณ
ตั ว ต ล ก ห รือ เ ป ล่ า ย ก ตั ว อ ย่ า ง อ ยู่ ค น เ ดี ย ว คุ ณ ส า ม า ร ถ ทำ อ ะ ไ ร
เ ช่ น ใ น ห้ อ ง ป ร ะ ชุ ม ไ ม่ อ ย า ก ก็ ไ ด้ ต า ม ที่ ใ จ คุ ณ ต้ อ ง ก า ร เ ช่ น
ย ก มื อ แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เ พ ร า ะ ก า ร ร้อ ง เ พ ล ง ใ น ห้ อ ง น้ำ เ สี ย ง ดั ง
มั ก จ ะ คิ ด ไ ป เ อ ง ว่ า “ ถ้ า ถ า ม เ รื่ อ ง ลั่ น เ ต้ น ไ ป ต า ม จั ง ห ว ะ เ พ ล ง สิ่ ง
แ บ บ นี้ ไ ป อ า จ จ ะ โ ด น ค น อื่ น เ ห ล่ า นี้ เ ป็ น เ รื่ อ ง ป ก ติ ที่ ผู้ ค น มั ก
หั ว เ ร า ะ เ ย า ะ เ อ า ก็ ไ ด้ ” “ ถ้ า อ อ ก ทำ เ ว ล า อ ยู่ ค น เ ดี ย ว ซึ่ ง ปั ญ ห า ที่
ค ว า ม เ ห็ น แ ป ล ก ๆ ไ ป อ า จ จ ะ ก ล า ย ก ล่ า ว ม า ” ไ ม่ ใ ช่ ว่ า คุ ณ ไ ม่ มี ค ว า ม
เ ป็ น ตั ว ต ล ก ใ น ส า ย ต า ผู้ อื่ น ก็ ไ ด้ ” เ ป็ น ตั ว ข อ ง ตั ว เ อ ง ” แ ต่ คุ ณ แ ค่ ไ ม่
ห รือ แ ม้ ก ร ะ ทั่ง ยั ง ห ว า ด ร ะ แ ว ง ที่ ส า ม า ร ถ แ ส ด ง มั น อ อ ก ม า ต่ อ ห น้ า
จ ะ เ ล่ น มุ ก นิ ด ๆ ห น่ อ ย เ พ ร า ะ ก ลั ว ค น อื่ น ไ ด้ ก็ เ ท่ า นั้น เ อ ง
ที่ จ ะ ผิ ด พ ล า ด
สิ่ ง ที่ คุ ณ ค ว ร ทำ ก็ คื อ คุ ณ ต้ อ ง รู้สึ ก
ก า ร ห ว า ด ร ะ แ ว ง เ ห ล่ า นี้ ไ ม่ ใ ช่ ว่ า ตั ว เ อ ง เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง
เ พี ย ง แ ต่ คุ ณ ที่ กำ ลั ง เ ผ ชิ ญ มั น อ ยู่ สั ง ค ม พู ด ง่ า ย ๆ คื อ คุ ณ ต้ อ ง เ ลิ ก
แ ต่ ค น ม า ก ม า ย ใ น โ ล ก นี้ ก็ ป ร ะ ส บ ใ ส่ ใ จ แ ต่ ตั ว เ อ ง แ ล้ ว หั น ไ ป ส น ใ จ ผู้
ปั ญ ห า นี้ เ ช่ น เ ดี ย ว กั น เ ร า ม า ล อ ง อื่ น อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม คุ ณ จ ะ ทำ มั น
ย้ อ น ก ลั บ ไ ป เ ป้ า ห ม า ย ข อ ง คุ ณ สำ เ ร็จ ไ ด้ ก็ ต่ อ เ มื่ อ คุ ณ “ ย อ ม รั บ
กั น ว่ า คุ ณ ไ ด้ อ ะ ไ ร จ า ก ก า ร ที่ ค อ ย ตั ว เ อ ง ” “ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ” แ ล ะ
หั ก ห้ า ม ใ จ ไ ม่ ทำ ใ น สิ่ ง ที่ ตั ว เ อ ง “ ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ อื่ น ” เ สี ย ก่ อ น
ต้ อ ง ก า ร บ้ า ง คุ ณ ค ง อ ย า ก ใ ห้ ค น
ไ ม่ ม อ ง คุ ณ เ ป็ น ตั ว ต ล ก ห รือ ไ อ้ โ ง่
ใ ช่ ห รือ ไ ม่
กล้าที่จะถูกเกลียด| 27
จ ง ย อ ม รั บ ตั ว เ อ ง
ไ ม่ ใ ช่ มั่ น ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง
ม นุ ษ ย์ เ ร า ไ ม่ ส า ม า ร ถ ที่ จ ะ ล ะ ทิ้ ง แ ต่ ใ น ท า ง ต ร ง กั น ข้ า ม ก า ร แ ต่ ถึ ง อ ย่ า ง นั้น ก็ ไ ม่ ต้ อ ง เ สี ย ใ จ
“ ตั ว ต น ” ข อ ง ตั ว เ อ ง ไ ด้ อ ย่ า ง ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง นั้น คื อ ก า ร กั บ สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้
แ น่ น อ น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ไ ป สั บ เ ป ลี่ ย น ย อ ม รับ ว่ า “ ตั ว เ อ ง ทำ ไ ม่ ไ ด้ ” เ พ ร า ะ ไ ม่ มี ม นุ ษ ย์ ค น ไ ห น ที่ ไ ม่ มี
กั บ ใ ค ร ไ ด้ อี ก ด้ ว ย ดั ง นั้น ป ร ะ เ ด็ น ใ น เ รื่ อ ง ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ จ ริง ๆ
อ ยู่ ที่ “ เ ร า จ ะ ใ ช้ สิ่ ง ที่ มี ใ ห้ เ ป็ น แ ต่ ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก็ พ ย า ย า ม ข้ อ บ ก พ ร่อ ง ห รือ ส ม บู ร ณ์ แ บ บ
ป ร ะ โ ย ช น์ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ” พู ด ง่ า ย ๆ ก็ พั ฒ น า ต น เ อ ง ใ ห้ ส า ม า ร ถ ทำ ใ น ไ ป ห ม ด สิ่ ง เ ห ล่ า นี้ เ รีย ก ว่ า “ ก า ร
คื อ ก า ร ป รับ เ ป ลี่ ย น มุ ม ม อ ง ที่ มี ต่ อ สิ่ ง ที่ ทำ ไ ด้ ใ ห้ ดี่ สุ ด เ ต็ ม ใ จ รั บ ส ภ า พ ” คื อ ก า ร ที่ เ ร า
ตั ว เ อ ง ห รือ ป รับ เ ป ลี่ ย น วิ ถี ชี วิ ต ต้ อ ง แ ย ก ใ ห้ อ อ ก ว่ า อ ะ ไ ร คื อ “ สิ่ ง
ซึ่ ง ไ ม่ จำ เ ป็ น ต้ อ ง ม อ ง โ ล ก ใ น แ ง่ ดี ย ก ตั ว อ ย่ า ง เ พื่ อ ใ ห้ เ ข้ า ไ ด้ ใ จ ไ ด้ ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ ” แ ล ะ อ ะ ไ ร คื อ
แ ต่ จ ง “ ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ” ใ ห้ ไ ด้ ก็ ง่ า ย ยิ่ ง ขึ้ น ห า ก เ ร า ทำ ข้ อ ส อ บ ไ ด้ “ สิ่ ง ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้ ” เ ร า
พอ 60 คะแนน จาก 100 คะแนน ต้ อ ง ย อ ม รับ ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า มี อ ยู่ ซึ่ ง
ค น ที่ มี ค ว า ม มั่น ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง จ ะ เ ป็ น สิ่ ง ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง
ห ล า ย ค น อ า จ สั บ ส น ร ะ ห ว่ า ง คำ ว่ า บ อ ก กั บ ตั ว เ อ ง ว่ า ค ว า ม จ ริง เ ร า ไ ด้ แ ต่ เ ร า ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง
“ มั่น ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง ” กั บ “ ก า ร ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ 1 0 0 ค ะ แ น น แ ค่ ตั ว เ อ ง ใ ห้ รู้จั ก “ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก
ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ” ซึ่ ง ค ว า ม จ ริง แ ล้ ว “ บั ง เ อิ ญ ร อ บ นี้ โ ช ค ไ ม่ ดี เ ท่ า นั้น สิ่ ง ที่ มี อ ยู่ ” ไ ด้ เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้น อ ย่ า
2 คำ นี้ มี ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง กั น อ ย่ า ง เ อ ง ” แ ต่ ห า ก เ ป็ น ค น ที่ ย อ ม รับ ไ ป ส น ใ จ สิ่ ง ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้
เ ห็ น ไ ด้ ชั ด ค ว า ม มั่น ใ จ ใ น ตั ว เ อ ง ต น เ อ ง ก็ จ ะ ย อ ม รับ ว่ า เ ร า ไ ด้ แ ต่ หั น ม า ส น ใ จ สิ่ ง ที่ เ ร า ส า ม า ร ถ
คื อ ก า ร ล ง มื อ ทำ ใ น สิ่ ง ที่ ตั ว เ อ ง ไ ม่ 6 0 ค ะ แ น น แ ล้ ว คิ ด ว่ า “ จ ะ ทำ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ แ ท น ซึ่ ง ทั้ง ห ม ด
ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ พ ร้อ ม ทั้ง บ อ ก ตั ว อ ย่ า ง ไ ร ใ ห้ เ ร า ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ เ ข้ า ที่ ก ล่ า ว ม า นั่น ก็ คื อ “ ก า ร ย อ ม รับ
เ อ ง ว่ า ฉั น เ ก่ ง ฉั น ทำ ไ ด้ ซึ่ ง มั น ใ ก ล้ 1 0 0 ค ะ แ น น ม า ก ขึ้ น ” ตั ว เ อ ง ”
เ ห มื อ น เ ป็ น ก า ร โ ก ห ก ตั ว เ อ ง
ข้ า แ ต่ พ ร ะ ผู้ เ ป็ น เ จ้ า ข อ พ ร ะ อ ง ค์ โ ป ร ด ป ร ะ ท า น ค ว า ม ส ง บ แ ก่
ลู ก เ พื่ อ ใ ห้ ลู ก ย อ ม รั บ ใ น สิ่ ง ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ม่ ไ ด้ แ ล ะ ป ร ะ ท า น
ค ว า ม ก ล้ า ใ ห้ ลู ก เ ป ลี่ ย น สิ่ ง ที่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ ร ว ม ถึ ง ส ติ
ปั ญ ญ า เ พื่ อ ใ ห้ ลู ก แ ย ก แ ย ะ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง นั้ น ไ ด้ ด้ ว ย เ ถิ ด
( ห นึ่ ง ใ น บ ท ส ว ด ข อ ง S e r e n i t y P r a y e r , นิ ย า ย S l a u g h t e r h o u s e - F I V E )
กล้าที่จะถูกเกลียด| 28
ค ว า ม เ ชื่ อ ถื อ
แ ล ะ ค ว า ม เ ชื่ อ ใ จ
ต่ า ง กั น อ ย่ า ง ไ ร
ถึ ง แ ม้ เ ร า จ ะ ส า ม า ร ถ ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ไ ด้ แ ก่ น แ ท้ ข อ ง ก า ร ทำ ง า น
แ ล้ ว ก็ ใ ช่ ว่ า ค ว า ม รู้สึ ก เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง คื อ ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ อื่ น
สั ง ค ม จ ะ ต า ม โ ด ย อั ต โ น มั ติ ซึ่ ง เ ป็ น ข้ อ
เ ท็ จ จ ริง ก า ร ที่ เ ร า เ ริ่ม เ ป ลี่ ย น จ า ก “ ใ ส่ ใ จ ห า ก เ ร า “ ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ” แ ล ะ “ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ” ไ ด้ แ ล้ ว สิ่ ง ที่ ต า ม ม า
แ ต่ ตั ว เ อ ง ” ไ ป เ ป็ น “ ใ ส่ ใ จ ต่ อ สั ง ค ม ” สิ่ ง คื อ ค น อื่ น จ ะ ม อ ง เ ร า เ ป็ น มิ ต ร แ ล ะ เ มื่ อ ค น อื่ น ม อ ง เ ร า เ ป็ น มิ ต ร แ ล้ ว
ที่ จ ะ ข า ด ไ ป ไ ม่ ไ ด้ เ ล ย คื อ “ ก า ร เ ชื่ อ ใ จ ผู้ เ ร า จ ะ ค้ น พ บ ที่ ท า ง ใ น สั ง ค ม ที่ เ ร า อ ยู่ ห รือ ก็ คื อ “ ต ร ง นี้ คื อ ที่ ข อ ง
อื่ น ” เ ร า ” นั่น เ อ ง แ ต่ แ ค่ ก า ร “ ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ” แ ล ะ “ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ” ยั ง
ไ ม่ เ พี ย ง พ อ ที่ จ ะ ทำ ใ ห้ เ ร า รู้สึ ก เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง สั ง ค ม ไ ด้ จำ เ ป็ น จ ะ
เ ร า จ ะ ม า ทำ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ โ ด ย แ บ่ ง คำ ว่ า ต้ อ ง มี อี ก ห นึ่ ง สิ่ ง ก็ คื อ “ ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ อื่ น ” ซึ่ ง ห ม า ย ค ว า ม ว่ า
“ เ ชื่ อ ” อ อ ก เ ป็ น 2 แ บ บ คื อ “ เ ชื่ อ ถื อ ” ก า ร ทำ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ ห้ กั บ ค น ที่ เ ร า คิ ด ว่ า เ ป็ น มิ ต ร แ ต่ ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น
กั บ “ เ ชื่ อ ใ จ ” เ ร า จ ะ ม า ดู คำ ว่ า “ เ ชื่ อ ถื อ ” อื่ น ไ ม่ ใ ช่ ก า ร อุ ทิ ศ ตั ว เ อ ง ส อ ง คำ นี้ แ ต ก ต่ า ง กั น อ ย่ า ง ม า ก คำ ว่ า
กั น ก่ อ น คำ นี้ จ ะ ใ ช้ กั บ เ รื่ อ ง ที่ มี เ งื่ อ น ไ ข ม า อุ ทิ ศ ตั ว เ อ ง คื อ ก า ร ทำ ต า ม ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง สั ง ค ม ม า ก เ กิ น ไ ป
เ กี่ ย ว ข้ อ ง เ ช่ น ก า ร กู้ เ งิ น จ า ก ธ น า ค า ร “ ซึ่ ง ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น อื่ น ไ ม่ ใ ช่ ก า ร อุ ทิ ศ ต น จ น ถึ ง ข น า ด ล ะ ทิ้ ง ตั ว
จ ะ ต้ อ ง มี ห ลั ก ท รัพ ย์ ค้ำ ป ร ะ กั น แ ล ะ จ ะ เ อ ง แ ต่ เ ป็ น ก า ร ทำ ใ ห้ ตั ว เ อ ง รู้ สึ ก มี คุ ณ ค่ า ต่ า ง ห า ก ”
ส า ม า ร ถ ใ ห้ คุ ณ กู้ ไ ด้ เ ท่ า ไ ร ต า ม ที่ คุ ณ
ส า ม า ร ถ ชำ ร ะ คื น ไ ห ว นี่ คื อ คำ ว่ า “ เ ชื่ อ ถื อ ” ย ก ตั ว อ ย่ า ง เ พื่ อ ใ ห้ เ ข้ า ใ จ ง่ า ย ๆ คื อ ก า ร ทำ ง า น เ ร า ไ ม่ ไ ด้ ทำ ง า น
แ ต่ ถ้ า ห า ก เ ป็ น คำ ว่ า “ เ ชื่ อ ใ จ ” มั น คื อ เ พื่ อ เ งิ น เ พี ย ง อ ย่ า ง เ ดี ย ว แ ต่ เ ป็ น ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น อื่ น แ ล ะ ทุ่ ม เ ท ใ ห้
ก า ร เ ชื่ อ ค น อื่ น อ ย่ า ง ไ ร เ งื่ อ น ไ ข ถึ ง กั บ สั ง ค ม เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้น ก า ร ทำ ง า น จึ ง ทำ ใ ห้ เ ร า รู้สึ ก ว่ า “ ตั ว เ อ ง มี
แ ม้ ว่ า จ ะ ไ ม่ มี ห ลั ก ฐ า น ห รือ ข้ อ เ ท็ จ จ ริง พ อ ป ร ะ โ ย ช น์ กั บ ใ ค ร ซั ก ค น ” เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ เ ห ล่ า ม ห า เ ศ ร ษ ฐี ใ น โ ล ก ที่ ยั ง
ใ ห้ เ ชื่ อ ถื อ ก็ ต า ม แ ต่ ก า ร เ ชื่ อ ใ จ นี้ ก็ มี ค ว า ม ค ง ทำ ง า น ถึ ง แ ม้ ว่ า พ ว ก เ ข า จ ะ มี เ งิ น ที่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ไ ด้ ทั้ง ชี วิ ต แ ล้ ว
เ สี่ ย ง ใ น ก า ร ถู ก หั ก ห ลั ง ไ ด้ เ ช่ น กั น ซึ่ ง เ ป็ น ก็ ต า ม
สิ่ ง ที่ เ ร า ต้ อ ง ย อ ม รับ ใ ห้ ไ ด้
“ ย อ ม รั บ ตั ว เ อ ง ” “ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ” แ ล ะ “ ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ อื่ น ”
ห ล า ย ค น ค ง ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย กั บ ก า ร เ ชื่ อ ใ จ ที่
ต้ อ ง แ บ ก รับ ค ว า ม เ สี่ ย ง ที่ จ ะ ถู ก หั ก ห ลั ง นี้
แ ต่ ห า ก คุ ณ อ ย า ก จ ะ ส ร้า ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ที่
แ น่ น แ ฟ้ น คุ ณ ต้ อ ง ตั ด สิ่ ง ที่ เ รีย ก ว่ า
“ ค ว า ม เ ค ลื อ บ แ ค ล ง ใ จ ” อ อ ก ไ ป ใ ห้ ไ ด้
คุ ณ ต้ อ ง เ ต็ ม ใ จ รับ ส ภ า พ ใ ห้ ไ ด้ ว่ า ค น ที่ จ ะ
ตั ด สิ น ใ จ หั ก ห ลั ง คุ ณ ห รือ ไ ม่ ไ ม่ ใ ช่ ตั ว คุ ณ
แ ต่ เ ป็ น ธุ ร ะ ข อ ง ค น อื่ น ธุ ร ะ ข อ ง คุ ณ มี แ ค่
ว่ า จ ะ ตั ด สิ น ใ จ เ ชื่ อ ใ จ ห รือ ไ ม่ เ ท่ า นั้น เ อ ง
เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้น คุ ณ ต้ อ ง ใ ช้ ค ว า ม ก ล้ า ใ น ก า ร
ที่ จ ะ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น
กล้าที่จะถูกเกลียด| 29
สิ่ ง ที่ ไ ด้ อ ธิ บ า ย ไ ป ทั้ง ห ม ด ไ ม่ ว่ า จ ะ เ ป็ น “ ย อ ม รั บ ก ล้ า ที่ จ ะ เ ป็ น
ตั ว เ อ ง ” “ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ” แ ล ะ “ ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ อื่ น ” " ค น ธ ร ร ม ด า "
ทั้ง ส า ม อ ย่ า ง มี ค ว า ม เ ชื่ อ ม โ ย ง กั น แ ล ะ จ ะ ข า ด ไ ป
ไ ม่ ไ ด้ แ ม้ อ ย่ า ง เ ดี ย ว ส า เ ห ตุ ที่ เ ป็ น เ ช่ น นั้น เ พ ร า ะ ใ น ค ว า ม เ ป็ น จ ริง ค น ที่ จ ะ เ ก่ ง แ ล ะ เ ป้ น อั จ ฉ ริย ะ มี อ ยู่ น้ อ ย
เ ร า ต้ อ ง “ ย อ ม รับ ตั ว เ อ ง ” ใ ห้ ไ ด้ ก่ อ น ถึ ง จ ะ ” เ ชื่ อ ม า ก แ ล้ ว ทุ ก ค น จำ เ ป็ น จำ ต้ อ ง เ ป็ น “ ค น ที่ แ ย่ เ ป็ น พิ เ ศ ษ ”
ใ จ ผู้ อื่ น ” ไ ด้ แ ล ะ เ มื่ อ เ ชื่ อ ใ จ ค น อื่ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร้ ด้ ว ย ห ร อ ใ น ก ร ณี นี้ แ อ ด เ ล อ ร์ ไ ด้ เ ส อ น แ น ว ท า ง แ ก้ ปั ญ ห า
เ งื่ อ น ไ ข แ ล้ ว “ เ ร า จ ะ ม อ ง ทุ ก ค น เ ป็ น มิ ต ร ” แ ล ะ เ อ า ไ ว้ คื อ เ ร า ต้ อ ง “ ก ล้ า ที่ จ ะ เ ป็ น ค น ธ ร ร ม ด า ” เ พ ร า ะ เ มื่ อ
เ มื่ อ พ ว ก เ ข า เ ป็ น มิ ต ร เ ร า จ ะ ส า ม า ร ถ “ ช่ ว ย เ ห ลื อ คุ ณ ก ล้ า ที่ จ ะ เ ป็ น ค น ธ ร ร ม ด า แ ล้ ว ทั ศ น ค ติ ที่ คุ ณ มี ต่ อ โ ล ก
ค น อื่ น ” แ ล ะ “ รู้สึ ก ว่ า ตั ว เ อ ง เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ จ ะ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป อ ย่ า ง สิ้ น เ ชิ ง ห ล า ย ค น ไ ม่ อ ย า ก เ ป็ น ค น
ใ ค ร ซั ก ค น ” ไ ด้ โ ด ย เ ป็ น วั ฏ จั ก ร ธ ร ร ม ด า เ พ ร า ะ คิ ด ว่ า ค น ธ ร ร ม ด า นั่น คื อ ค น ที่ ไ ร้ค ว า ม
ส า ม า ร ถ แ ต่ แ ท้ จ ริง แ ล้ ว ไ ม่ ใ ช่ เ ล ย ก า ร เ ป็ น ค น ธ ร ร ม ด า ไ ม่
ย อ ม รั บ เ ชื่ อ ใ จ ช่ ว ย ไ ด้ ห ม า ย ถึ ง ก า ร ไ ร้ค ว า ม ส า ม า ร ถ เ ร า ไ ม่ จำ เ ป็ น ต้ อ ง อ ว ด อ้ า ง
ตั ว เ อ ง ค น อื่ น เ ห ลื อ ผู้ ว่ า ตั ว เ อ ง เ ก่ ง ก ว่ า ห รือ เ ห นื อ ก ว่ า ใ ค ร เ ล ย
อื่ น
รู้ สึ ก ว่ า ตั ว เ อ ง เ ป็ น
ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง สั ง ค ม
เ ส้ น ท า ง ส อ ง เ ส้ น ที่ ค น ชี วิ ต คื อ จุ ด
อ ย า ก เ ป็ น “ ค น พิ เ ศ ษ ” ที่ เ ชื่ อ ม ต่ อ กั น
จ ะ มุ่ ง ห น้ า ไ ป
คุ ณ อ า จ คิ ด ว่ า ไ ม่ อ ย า ก ที่ จ ะ ใ ช้ ชี วิ ต แ บ บ ค น ธ ร ม ม ด า ที่ คิ ด ว่ า
ห ล า ก ห ล า ย ค น อ า จ ไ ข ว่ ค ว้ า ห า ค ว า ม สุ ข ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น “ ฉั น เ ป็ น ไ ด้ แ ค่ นี้ ก็ ดี แ ล้ ว ” เ พ ร า ะ มั น จ ะ ทำ ใ ห้ เ ฉื่ อ ย ช า อ ย า ก
อ อ ก ไ ป อ ย า ก ป ร ะ ส บ ค ว า ม สำ เ ร็จ อ ย า ก เ ป็ น ที่ จ ด จำ มี เ ป้ า ห ม า ย ที่ เ ห มื อ น กั บ ก า ร พิ ชิ ต ย อ ด เ ข า ซั ก ลู ก แ ต่ อ ย า ก
เ พ ร า ะ ม นุ ษ ย์ ทุ ก ค น นั้น ย่ อ ม “ แ ส ว ง ห า ค ว า ม เ ห นื อ ก ว่ า ” ใ ห้ คุ ณ ล อ ง คิ ด ว่ า ห า ก ไ ป ไ ม่ ถึ ง ย อ ด เ ข า ชี วิ ต ข อ ง คุ ณ ทั้ง ห ม ด
กั น ทั้ง นั้น มั น คื อ “ ค ว า ม มุ่ ง ห วั ง ที่ จ ะ ก้ า ว ห น้ า ” ห รือ ที่ ผ่ า น ม า เ ป็ น เ พี ย ง แ ค่ ท า ง ผ่ า น เ ป็ น ชี วิ ต ชั่ว ค ร า ว ตั ว ต น
“ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ จ ะ เ ป็ น อ ย่ า ง ที่ ฝั น ” ห า ก ย ก ตั ว อ ย่ า ง ชั่ว ค ร า ว เ ท่ า นั้น ก า ร ม อ ง แ บ บ นี้ เ ป็ น ก า ร เ ป รีย บ ว่ า ชี วิ ต คื อ
เ ด็ ก ส่ ว น ใ ห ญ่ มั ก เ ริ่ม ต้ น ด้ ว ย ก า ร เ ป็ น “ ค น ที่ ดี เ ป็ น “ เ ส้ น ” ที่ ล า ก ขึ้ น สู่ ย อ ด เ ข า โ ด ย เ ส้ น นั้น จ ะ เ ริ่ม ตั้ ง แ ต่ ลื ม ต า
พิ เ ศ ษ ” นั่น คื อ ก า ร ทำ ต า ม พ่ อ แ ม่ สั่ง ส อ น เ ค า ร พ ก ฎ ดู โ ล ก แ ล ะ ก ว่ า จ ะ ถึ ง ย อ ด เ ข า อ า จ จ ะ มี เ ส้ น โ ค้ ง เ ส้ น หั ก มุ ม
ร ะ เ บี ย บ ท า ง สั ง ค ม ตั้ ง ใ จ เ รีย น ห นั ง สื อ เ ล่ น กี ฬ า ร ว ม บ้ า ง จ น สุ ด ท้ า ย เ ส้ น นั้น ไ ป บ ร ร จ บ ล ง ที่ ป ล า ย ท า ง คื อ ค ว า ม
ถึ ง ทำ กิ จ ก ร ร ม อื่ น ๆ ใ ห้ พ่ อ แ ม่ ย อ ม รับ แ ต่ ใ น ก ร ณี ที่ ไ ม่ ต า ย ซึ่ ง ก า ร ม อ ง แ บ บ นี้ เ ป็ น ก า ร ม อ ง ว่ า อ ดี ต คื อ ตั ว กำ ห น ด
ส า ม า ร ถ ทำ ไ ด้ อ า จ จ ะ เ รีย น ห นั ง สื อ ไ ม่ เ ก่ ง เ ล่ น กี ฬ า ไ ม่ ทุ ก สิ่ ง ห ม า ย ค ว า ม ว่ า ชี วิ ต ข อ ง คุ ณ ที่ ผ่ า น ม า ทั้ง ห ม ด เ ป็ น
ไ ด้ ก็ จ ะ หั น ไ ป ทำ พ ฤ ติ ก ร ร ม ต ร ง กั น ข้ า ม แ ท น นั่น ก็ คื อ เ พี ย ง “ ท า ง ผ่ า น ” เ ท่ า นั้น
ก า ร ทำ ตั ว เ ป็ น “ ค น ที่ แ ย่ เ ป็ น พิ เ ศ ษ ”
แ อ ด เ ล อ ร์นั้น ม อ ง ต่ า ง อ อ ก ไ ป เ ข า ม อ ง ว่ า ชี วิ ต ไ ม่ ใ ช่ เ ส้ น แ ต่
ทั้ง “ ค น ที่ ดี เ ป็ น พิ เ ศ ษ ” แ ล ะ “ ค น ที่ แ ย่ เ ป็ น พิ เ ศ ษ ” มี จุ ด เ ป็ น “ จุ ด ” ที่ เ ชื่ อ ม ต่ อ กั น ห ม า ย ถึ ง เ ว ล า แ ต่ ล ะ วิ น า ที ใ น
มุ่ ง ห ม า ย เ ดี ย ว กั น นั่น ก็ คื อ เ รีย ก ร้อ ง ค ว า ม ส น ใ จ จ า ก ต อ น นี้ จ ะ เ ชื่ อ ม โ ย ง ต่ อ กั น ไ ป เ รื่ อ ย ๆ เ ป็ น เ รื่ อ ง ร า ว ห รือ
ผู้ อื่ น ใ ห้ ตั ว เ อ ง ห ลุ ด พ้ น จ า ก ก า ร เ ป็ น “ ค น ธ ร ร ม ด า ” ม า เ รีย ก ไ ด้ ว่ า สิ่ ง ที่ สำ คั ญ ที่ สุ ด ข อ ง ชี วิ ต ข อ ง เ ร า ก็ คื อ สิ่ ง ที่ เ ร า
เ ป็ น ค น พิ เ ศ ษ โ ด ย “ ค น ที่ แ ย่ เ ป็ น พิ เ ศ ษ ” พ ว ก เ ข า จ ะ กำ ลั ง ทำ อ ยู่ ใ น “ วิ น า ที นี้ ”
เ รีย ก ร้อ ง ค ว า ม ส น ใ จ จ า ก ผู้ อื่ น โ ด ย ไ ม่ พ ย า ย า ม ทำ สิ่ ง ที่
ดี ๆ ใ น ท า ง จิ ต วิ ท ย า เ รีย ก ว่ า “ ก า ร แ ส ว ง ห า ค ว า ม เ ห นื อ กล้าที่จะถูกเกลียด| 30
ก ว่ า แ บ บ มั ก ง่ า ย ” พ ว ก เ ข า แ ส ด ง อ อ ก แ บ บ นั้น เ พ ร า ะ
อ ย า ก “ แ ก้ แ ค้ น พ่ อ แ ม่ ” แ ล ะ อ ย า ก ไ ด้ รับ ค ว า ม ส น ใ จ
เ พื่ อ จ ะ ก ล า ย เ ป็ น ค น พิ เ ศ ษ แ บ บ มั ก ง่ า ย อี ก ด้ ว ย
จงใช้ชีวิต
ให้เหมือน
การเต้นรำ
ชีวิตคนเราก็คือจุดที่เชื่อมต่อกัน เปรียบไปแล้วก็เหมือน
การเต้นรำที่เกิดขึ้นตามจังหวะเพลงไปเรื่อย ๆ
ใ น แ ต่ ล ะ วิ น า ที ไ ม่ มี ใ ค ร รู้ว่ า จ ะ แ ล ะ ไ ม่ ว่ า อ น า ค ต จ ะ เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร
เ กิ ด อ ะ ไ ร ต่ อ ไ ป รู้ตั ว อี ก ที เ ร า ก็ จ ะ ก็ ต า ม ไ ม่ ใ ช่ ปั ญ ห า ที่ จ ะ ม า ค รุ่น คิ ด
รู้สึ ก ว่ า “ ม า ถึ ง ต ร ง นี้ ไ ด้ ยั ง ไ ง กั น ใ น “ วิ น า ที นี้ ” เ ช่ น กั น แ ต่ จ ง ใ ห้
เ นี่ ย ” บ า ง ค น ก็ ไ ป จ บ ล ง ที่ จุ ด ห ม า ย ค ว า ม สำ คั ญ กั บ “ วิ น า ที นี้ ” แ ล ะ ใ ช้
ป ล า ย ท า ง อื่ น แ ท น แ ต่ ไ ม่ ว่ า ชี วิ ต อ ยู่ กั บ “ เ รื่ อ ง ที่ ทำ ไ ด้ ใ น
อ ย่ า ง ไ ร ชี วิ ต ข อ ง เ ร า ก็ จ ะ ไ ม่ จ บ ปั จ จุ บั น ” ด้ ว ย ค ว า ม มุ่ ง มั่น
อ ยู่ แ ค่ เ ป็ น เ พี ย ง “ ท า ง ผ่ า น ”
อ ย่ า ง แ น่ น อ น ข อ แ ค่ เ ร า ทุ่ ม เ ท ใ ห้ ก า ร โ ก ห ก ตั ว เ อ ง ที่
กั บ “ วิ น า ที นี้ ” อ ย่ า ง สุ ด กำ ลั ง เ ล ว ร้ า ย ที่ สุ ด
ก็ พ อ
ก า ร โ ก ห ก ตั ว เ อ ง ที่ เ ล ว ร้า ย
คุ ณ อ า จ จ ะ คิ ด ว่ า แ บ บ นี้ ชี วิ ต ก็ ไ ร้ ที่ สุ ด คื อ ก า ร ม อ ง แ ต่ อ ดี ต แ ล ะ
ซึ่ ง เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ มี จุ ด ห ม า ย ป ล า ย อ น า ค ต โ ด ย ไ ม่ ส น ใ จ ชี วิ ต ใ น
ท า ง ซึ่ ง ชี วิ ต แ บ บ นี้ เ รีย ก ว่ า “ วิ น า ที นี้ ” มั ว แ ต่ หั น ไ ป ม อ ง ชี วิ ต ที่
“ ชี วิ ต ที่ ต้ อ ง ไ ด้ รับ ก า ร เ ติ ม เ ต็ ม ” ผ่ า น ม า ทั้ ง ห ม ด ข อ ง ต น ด้ ว ย ค ว า ม
แ ต่ ใ น ท า ง ต ร ง กั น ข้ า ม ชี วิ ต ที่ ห วั ง ว่ า จ ะ พ บ อ ะ ไ ร บ า ง อ ย่ า ง ซึ่ ง
ดำ เ นิ น ไ ป เ รื่ อ ย ๆ เ ห มื อ น ก า ร ก า ร ก ร ะ ทำ แ บ บ นี้ เ ป็ น สิ่ ง ที่ เ ล ว ร้า ย
เ ต้ น รำ มั น คื อ “ ชี วิ ต ที่ ส ม บู ร ณ์ ใ น ม า ก เ ป็ น ก า ร ไ ม่ อ ยู่ กั บ ค ว า ม เ ป็ น
ตั ว เ อ ง ” ห รือ ห า ก พู ด ใ ห้ เ ข้ า ใ จ จ ริง ข อ ง ชี วิ ต ณ วิ น า ที นี้
ง่ า ย ๆ ก็ คื อ “ ก า ร ม อ ง ว่ า ทั้ ง ๆ ที่ มั น เ ป็ น ช่ ว ง เ ว ล า ที่ สำ คั ญ
ก ร ะ บ ว น ก า ร สำ คั ญ ก ว่ า เ ป้ า ที่ สุ ด ค น เ ร า ค ว ร มี ชี วิ ต อ ยู่ กั บ
ห ม า ย ” นั่น เ อ ง เ ห มื อ น ก า ร ท่ อ ง ปั จ จุ บั น แ ต่ เ มื่ อ ว า น พ รุ่ง นี้
เ ที่ ย ว ห า ก คุ ณ อ ย า ก ไ ป ดู พี ร า มิ ด ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น ตั ว กำ ห น ด ชี วิ ต เ ร า แ ต่
ที่ อี ยิ ป ต์ ห า ก ใ ช้ ชี วิ ต แ บ บ เ ป็ น เ ส้ น เ ป็ น “ วิ น า ที นี้ ” ต่ า ง ห า ก
คุ ณ จ ะ ห า ท า ง ที่ สั้น ที่ สุ ด เ พื่ อ ไ ป ถึ ง
แ ต่ ห า ก ม อ ง ว่ า ชี วิ ต คื อ จุ ด ตั้ ง แ ต่ Journal of Positive
วิ น า ที ที่ ก้ า ว อ อ ก จ า ก บ้ า น นั่น คื อ P s y c h o l o g y มี ก า ร ศึ ก ษ า เ กี่ ย ว
ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว สำ ห รับ คุ ณ แ ล้ ว กั บ P r o s o c i a l i t y e n h a n c e s
meaning in life โดย Daryl
จ ง ใ ห้ ค ว า ม สำ คั ญ กั บ V a n T o n g e r e n ไ ด้ ทำ ก า ร
" วิ น า ที นี้ " ศึ ก ษ า จ า ก ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง ก ว่ า
4 0 0 ค น พ บ ว่ า ก า ร ที่ เ ร า ช่ ว ย
ชี วิ ต ข อ ง ค น เ ร า คื อ จุ ด ที่ เ ชื่ อ ม เ ห ลื อ ค น อื่ น นั้น ส า ม า ร ถ ทำ ใ ห้ เ ร า
ต่ อ กั น ไ ม่ ใ ช่ เ ส้ น ที่ ล า ก จ า ก อ ดี ต รู้สึ ก ว่ า มี ค ว า ม ห ม า ย ใ น ชี วิ ต ม า ก
ไ ป สู่ อ น า ค ต ดั ง นั้น ทั้ ง อ ดี ต แ ล ะ ขึ้ น
อ น า ค ต จึ ง ไ ม่ มี ค ว า ม สำ คั ญ ที่ คุ ณ
เ อ า แ ต่ ม อ ง อ ดี ต แ ล ะ อ น า ค ต เ ป็ น กล้าที่จะถูกเกลียด| 31
เ พ ร า ะ คุ ณ ต้ อ ง ก า ร ม อ ง ห า ข้ อ แ ก่
ตั ว ใ ห้ กั บ ค ว า ม ล้ ม เ ห ล ว ข อ ง คุ ณ
ไ ม่ ว่ า จ ะ เ กิ ด อ ะ ไ ร ขึ้ น ใ น อ ดี ต มั น ไ ม่
ไ ด้ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ห รือ
ส่ ง ผ ล กั บ “ วิ น า ที นี้ ”
บ ท ส รุ ป
ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด
จ ง ม อ บ “ ค ว า ม ห ม า ย ” ใ ห้ กั บ ชี วิ ต ที่ ไ ม่ มี ค ว า ม ห ม า ย
จ า ก ที่ ก ล่ า ว ม า คุ ณ ค ง เ กิ ด คำ ถ า ม ว่ า แ ล้ ว ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต คื อ อ ะ ไ ร กั น แ น่
แ ล ะ ค น เ ร า มี ชี วิ ต อ ยู่ ไ ป เ พื่ อ อ ะ ไ ร แ อ ด เ ล อ ร์ไ ด้ ใ ห้ คำ ต อ บ ไ ว้ ว่ า ชี วิ ต ข อ ง เ ร า ไ ม่ มี
ค ว า ม ห ม า ย แ ต่ “ เ ร า เ ป็ น ค น ม อ บ ค ว า ม ห ม า ย ใ ห้ กั บ ชี วิ ต ตั ว เ อ ง ” บ า ง ค น พ บ
เ จ อ กั บ ส ง ค ร า ม มี บ า ด แ ผ ล ที่ ฝั ง ใ จ บ้ า ง ก็ อ า จ จ ะ นึ ก ชิ ง ชั ง โ ล ก นี้ ทั้ ง ใ บ แ ต่ ก็ มี
บ า ง ค น ยั ง ม อ ง ว่ า โ ล ก นี้ ช่ า ง ส ว ย ง า ม เ ห ลื อ เ กิ น ทุ ก อ ย่ า ง อ ยู่ ที่ มุ ม ม อ ง ค ว า ม
ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต ใ ค ร ซั ก ค น จ ะ เ ป็ น ผู้ ม อ บ ค ว า ม ห ม า ย ใ ห้ กั บ มั น นั่น คื อ ตั ว เ ร า เ อ ง
ห า ก คุ ณ ยั ง ไ ม่ เ จ อ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ชี วิ ต ตั ว เ อ ง เ ป็ น เ พ ร า ะ คุ ณ กำ ลั ง ห ล ง ท า ง
คุ ณ อ ย า ก ห า ที่ ที่ จ ะ ใ ช้ ชี วิ ต อ ย่ า ง มี อิ ส ร ภ า พ ไ ม่ ต้ อ ง ก ลั ว ค น อื่ น เ ก ลี ย ด ไ ม่ ต้ อ ง
ทำ ต า ม ค ว า ม ค า ด ห วั ง ข อ ง ค น อื่ น ซึ่ ง ก็ ไ ม่ แ ป ล ก ค น เ ร า ส า ม า ร ถ ห ล ง ท า ง กั น ไ ด้
แ ต่ แ อ ด เ ล อ ร์ก็ ไ ด้ ม อ บ “ ด ว ง ด า ว นำ ท า ง ” ม า เ ป็ น เ ข็ ม ทิ ศ ที่ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ ชี วิ ต มี
อิ ส ร ะ ด ว ง ด า ว นั้น ก็ คื อ “ ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น อื่ น ” ไ ม่ ว่ า คุ ณ จ ะ ใ ช้ ชี วิ ต ใ น แ ต่ ล ะ
วิ น า ที อ ย่ า ง ไ ร ห รือ ไ ม่ ว่ า จ ะ มี ค น เ ก ลี ย ด คุ ณ อ ยู่ ห รือ ไ ม่ ข อ แ ค่ คุ ณ ไ ม่ ค ล า ด
ส า ย ต า จ า ก ด ว ง ด า ว นำ ท า ง ห รือ “ ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ค น อื่ น ” คุ ณ จ ะ ไ ม่ มี วั น ห ล ง
ท า ง คุ ณ จ ะ มี อิ ส ร ภ า พ แ ล ะ ส า ม า ร ถ ทำ ใ น สิ่ ง ที่ อ ย า ก ทำ ไ ด้
ทั้ ง ห ม ด นี้ คื อ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ชี วิ ต ที่ ส ม บู ร ณ์ แ บ บ ใ น ตั ว เ อ ง ดั ง คำ ก ล่ า ว “ โ ล ก ร อ บ
ตั ว เ ร า ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ ใ ค ร อื่ น จ ะ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ จ ะ มี ก็ แ ต่ ตั ว เ ร า เ ท่ า นั้น ” แ ล ะ ห า ก
คุ ณ เ ข้ า ใ จ ใ น สิ่ ง ที่ ก ล่ า ว ม า ทั้ ง ห ม ด คุ ณ จ ะ ค้ น พ บ ว่ า
โ ล ก ใ บ นี้ ช่ า ง แ ส น เ รี ย บ ง่ า ย
ชี วิ ต ข อ ง เ ร า ก็ เ ช่ น กั น
บรรณานุกรม
บ ท ค ว า ม ห ลั ก
คิ ชิ มิ อิ ชิ โ ร ะ , โ ค ะ โ ก ะ ฟุ มิ ท ะ เ ก ะ . ( 2 0 1 3 ) . ก ล้ า ที่ จ ะ ถู ก เ ก ลี ย ด . J a p a n U N I
Agency, Inc, Tokyo and Arika Interrights Agency, Bangkok
บ ท ค ว า ม ส นั บ ส นุ น
B a n g k o k b i z n e w . ( 2 0 2 1 ) . อ ย่ า ใ ห้ อ ดี ต ทำ ร้า ย ต น เ อ ง . R e t r i e v e d
October 13, 2021 from
https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/125454
P o b p a d . ( 2 0 2 1 ) . S e l f E s t e e m ก า ร เ ห็ น คุ ณ ค่ า ใ น ตั ว เ อ ง ที่ ส ร้า ง ไ ด้ .
Retrieved October 15, 2021 from
h t t p s : / / w w w . p o b p a d . c o m / s e l f - e s t e e m - ก า ร เ ห็ น คุ ณ ค่ า ใ น ตั ว เ อ ง
โ ก ศ ล สิ น ธ ว า น น ท์ . โ ค ร ง ก า ร ตำ ร า สั ง ค ม ศ า ส ต ร์แ ล ะ ม นุ ษ ย ศ า ส ต ร์ ( 2 0 2 0 ) .
ค ว า ม เ ป็ น อิ ส ร ะ ข อ ง ค น ที่ คิ ด อ ย่ า ง ป ร า ช ญ์ R e t r i e v e d O c t o b e r 2 1 , 2 0 2 1
from
www.thaicadet.org/Philosophy/PhilosophyThinking.html
T h e 1 0 1 w o r l d . ( 2 0 2 1 ) อ ค ติ ที่ เ กิ ด จ า ก ก า ร เ อ า ตั ว เ อ ง เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง
จั ก ร ว า ล : เ ห ตุ ผ ล ที่ ‘ ตั ว เ ร า ’ ถู ก ต้ อ ง อ ยู่ เ ส ม อ R e t r i e v e d O c t o b e r 2 1 ,
2021 from
https://www.the101.world/egocentrism/
G r e a t e r g o o d . ( 2 0 2 1 ) จ ง ใ ช้ ชี วิ ต ใ ห้ เ ห มื อ น ก า ร เ ต้ น รำ R e t r i e v e d
October 24, 2021from
https://greatergood.berkeley.edu/article/item/can_helping
_others_help_you_find_meaning_in_life