The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปัญหาแนวโน้มของการศึกษา คณิตศาสตร์ของไทยในยุค 5G

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by luck_pjt, 2022-02-21 07:38:25

ปัญหาแนวโน้มของการศึกษา คณิตศาสตร์ของไทยในยุค 5G

ปัญหาแนวโน้มของการศึกษา คณิตศาสตร์ของไทยในยุค 5G

CHAIYAPHUM RAJABHAT UNIVERSITY
มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ

ปัญหาแนวโนม้ ของการศึกษา
คณติ ศาสตร์ของไทยในยุค 5G

รายวชิ าประวตั ิและการพัฒนาการทางคณิตศาสตร์(5022910)
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ชยั ภมู ิ

1.ความเปน็ มาและบริบทของการศึกษาไทย

การศึกษาในประเทศไทยมีความสาคัญอย่างมากเพราะเป็นปัจจัย พ้ืนฐานสาคัญในการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษยแ์ ละเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมไทย การศึกษาไทยมีประวัติการพัฒนามาอย่าง
ยาวนานซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงวิวฒั นาการเรียนการสอนในประเทศไทย และได้รับการปฏิรูปอยู่หลายคร้ังเพ่ือให้
ประชาชนไดเ้ ขา้ ถึงการศึกษาให้มากท่สี ุด

เป็นที่กล่าวกันว่าประวัติการศึกษาของไทยเริ่มต้นขึ้นในสมัย สุโขทัย (พ.ศ. 1781–1921) โดยสานัก
ราชบัณฑิตจัดการเรียนการสอน ให้แก่เฉพาะสมาชิกในราชวงศ์และบุตรหลานข้าราชการเท่านั้น ส่วนวัดเป็น
สถานที่เรียนของบรรดาบุตรหลานขุนนางและประชาชนท่ัวไป โดยมี พระสงฆ์ที่เช่ียวชาญภาษาบาลีเป็น
ครูผู้สอน ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็น ราชอาณาจักร (พ.ศ. 1893–2310) รูปแบบการศึกษายังคง
เหมือนกับสมัย สโุ ขทยั แตท่ ีแ่ ตกตา่ งออกไปคือ มโี รงเรียนมิชชนั นารเี ป็นโรงเรยี น ท่ชี าวตะวันตกได้เข้ามาสร้าง
เพ่ือเผยแพร่ศาสนาและขณะเดียวกันก็สอน วิชาสามัญด้วย ส่วนการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์
ตอนต้น (พ.ศ. 2311-2411) การศึกษาในสมัยน้ีเช่นเดียวกับสมัยกรุงศรีอยุธยา บ้านและวัดยังคงมีบทบาท
สาคัญเชน่ เดิม

ยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษาคร้ังสาคัญเกิดข้ึนในสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนกลาง ในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รัชกาลท่ี 5 แห่งราชวงศ์จักรี(เสด็จขึ้นครองราชย์ต้ังแต่ พ.ศ. 2411-
2453) ผู้ทรงริเริ่ม วางรากฐานการศึกษาแผนใหม่ท่ีเป็นระบบ ทรงจัดตั้งโรงเรียนข้ึน ในพระบรมมหาราชวัง
แล้วขยายผลการจดั การศกึ ษาออกไปสู่ราษฎร ทุกระดับด้วยแนวคิดและวิธีการท่ีเป็นระบบแบบแผน พระองค์
ทรงตระหนกั ถึงความสาคัญของการศกึ ษาว่าเป็นรากฐานการพัฒนาชีวิตและการพัฒนา ประเทศ จึงทรงริเริ่ม
พัฒนาคนโดยทรงเน้นให้การจัดการศึกษาเป็นไป เพื่อราษฎรทุกคน แต่เนื่องจากบ้านเมืองยังไม่เคยมีการจัด
การศกึ ษาทีเ่ ปน็ แบบแผนมากอ่ น จึงทรงจัดแบบคอ่ ยเป็นค่อยไปด้วยการบูรณาการ แบบแผนเดิมกับแบบแผน
สากลเข้าด้วยกัน เพ่ือความเหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพสงั คมไทยในสมยั นน้ั

ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์
จักรี(เสด็จข้ึนครองราชย์ตั้งแต่ พ.ศ. 2489-2559) พระองค์ได้ทรงเน้นให้การศึกษามีบทบาทในการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้ความสาคัญ แก่การพัฒนาคนให้เป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม
และสามารถนาหลักวิชาการ มาใช้อย่างมีเหตุผลสอดคล้องกับภูมิสังคมและบริบทของประเทศไทย วิธีการ ท่ี
สาคัญในการพัฒนามนุษย์คือ การจัดการศึกษาท่ีเหมาะสม เพื่อสร้างคน ท่ีมีความ รู้ความสามารถ และมี

คุณธรรมในการพัฒนาตนเอง เพ่ือการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ในรัชสมัยของพระองค์ มีโครงการ ด้านการ
พฒั นาการศกึ ษาตามแนวพระราชดาริอยา่ งหลากหลาย เพื่อให้ประชาชนในทุกท้องถ่ินมีโอกาสได้รับการศึกษา
อย่างมีคุณภาพ และทั่วถึงในทุกระดับ อาทิเช่น โครงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม, โครงการมูลนิธิพระ
ดาบส และ โรงเรยี นราชประชาสมาสยั

การปฏิรูปการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ได้มีการดาเนินงานการปฏิรูป การศึกษาและพัฒนาการศึกษาในด้านต่าง ๆ อย่างมากมาย การปฏิรูป
การศึกษาครั้งสาคัญในปีพ.ศ. 2520 เป็นผลมาจากการเปล่ียนแปลง ทางสังคม และได้มีการประกาศใช้
แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2520 ซ่ึงได้ ปรับปรุงการศกึ ษาใหส้ นองต่อความต้องการและการเปล่ียนแปลงใน
สังคม เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุข เน้นหนักให้เป็นการศึกษา เพ่ือชีวิตและสร้างประโยชน์แก่สังคม แผนการศึกษา
แห่งชาติฉบับน้ีได้แบ่ง ระบบการศึกษาเป็น 2 ระบบอย่างชัดเจน คือ การศึกษาในระบบโรงเรียน และ
การศึกษานอกระบบโรงเรียน การศึกษาในระบบโรงเรียนมี4 ระดับ คือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา และอดุ มศกึ ษา

การปฏิรูปการศกึ ษาที่สาคญั ในครัง้ ต่อมาคอื การปฏิรปู การศกึ ษา ในปีพ.ศ. 2542 ซึ่งในยุคน้ีมีการตรา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายการศึกษาฉบับแรกของประเทศไทย และ
กฎหมายการศึกษาอีกหลายฉบับ โดยมุ่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ในกระแสโลกาภิวัตน์การปรับโครงสร้าง
การบริหารราชการ การกระจาย อานาจการบรหิ ารจดั การศึกษา และการปฏิรูปการเรียนรู้ซ่ึงเป็นสาระ สาคัญ
ทส่ี ุดของการปฏิรูปการศึกษาในครงั้ น้ี

ต่อมาในปีพ.ศ. 2552 ได้มีการดาเนินการปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่ 2 นับต่อจากการปฏิรูป
การศึกษาในปีพ.ศ. 2542 โดยมุ่งเน้นให้ คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยมีเปูาหมายหลัก 3
ประการ คอื 1) พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาและการเรยี นรู้ของคนไทย 2) เพ่ิมโอกาสทางการศึกษา
และการเรียนรู้อย่างท่ัวถึงและมีคุณภาพ และ 3) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคมในการ
บริหารและจดั การศึกษา

ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 แห่ง
ราชวงศ์จักรี(เสด็จขึน้ ครองราชย์ ต้งั แต่ พ.ศ. 2559 จนถงึ ปจั จบุ ัน) ไดท้ รงใส่พระราชหฤทัยในการส่งเสริม และ
พัฒนาการศึกษาของชาติอันเป็นรากฐานสาคัญในการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะเยาวชน ซ่ึงจะเติบ
ใหญ่ข้นึ มาเป็นกาลังหลัก ในการชว่ ยพฒั นาประเทศชาติ

2.ปญั หาของการศกึ ษาคณิตศาสตร์ของไทย

1. ปัญหาดา้ นคุณภาพการเรยี นการสอน

การเตรยี มเด็กให้มีคุณลักษณะ "มองกว้าง คิดไกล ใฝุดี" หรือการเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ว จาเป็นต้องจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ซึ่งปัจจัยสาคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้แก่
การพฒั นากระบวนการเรยี oการสอนเพ่อื พฒั นากระบวนการเรียนรู้ มิใช่การสอนหรือถ่ายทอดความรู้จากครูสู่
ศิษย์ฝุายเดียว แต่เป็นการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยวิธีที่หลากหลาย และเกิดข้ึนได้ทุกเวลา ทุกสถานท่ี ควร
ส่งเสริมใหเ้ ดก็ แสวงหา และเรยี นร้อู ยตู่ ลอดเวลาโดยใช้เทคโนโลยแี ละส่ือสารสนเทศต่าง ๆ

การพัฒนาการศึกษาในระยะเวลาที่ผ่านมามุ่งเน้นการขยายทางด้านปริมาณเป็นสาคัญเพื่อกระจาย
โอกาสทางการศกึ ษาไปสู่เด็กในชนบท มิได้เน้นการพัฒนาต้านคุณภาพมากนัก ทาให้คุณภาพการศึกษายังไม่ดี
เท่าท่ีควร นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างกันในคุณภาพของการศึกษาระหว่างในเมืองและชนบท ปัญหา
คณุ ภาพการศกึ ษาจงึ เกิดขนึ้ ต่อเน่ืองมาจนถึงปจั จุบนั

2. ปญั หาด้านการบริหารและการจัดการศกึ ษา

ในปจั จุบนั การศึกษาของไทยอยใู่ นความรับผิดชอบของหลายหน่วยงานก่อให้เกิดปัญหาในการบริหาร
และการจัดการศกึ ษาอันมีสาเหตจุ าก

1. ระบบการบริหารการศึกษาขาดการกระจายอานาจ มีการรวมอานาจเข้าสู่ส่วนกลาง ขาดการ
กระจายอานาจในการวางแผนและการบริหารการศึกษาไปสู่ส่วนภูมิภาค ทาให้การจัดการศึกษาไม่สอดคล้อง
กบั ความตอ้ งการของแตล่ ะทอ้ งถิน่

2. งบประมาณท่ีได้รับการจัดสรรจากส่วนกลางนั้นทาให้เกิดปัญหาแก่ท้องถิ่นชนบทที่ไม่ได้รับการ
พจิ ารณาเทา่ ทีค่ วร

3. ขาดการประสานงานในระดับปฏิบัติระหว่างหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการจัดการศึกษาโดยเฉพาะ
ในระดับจงั หวดั

4. การตดิ ตามประเมนิ ผลทั้งในส่วนกลาง และระดับจงั หวดั ขงั ไมม่ ปี ระสทิ ธิภาพเทา่ ทคี่ วร

3. ปญั หาเกยี่ วกับตัวครู

1. ปัญหาทางด้านปริมาณ ในเชิงปริมาณพบว่ามีการขาดการวางแผนและประสานการผลิต และการ
ใช้ครู ทาให้ผลติ ครเู กินความต้องการในบางสาขา และผลิตไม่เพียงพอในบางสาขา

2. ปัญหาทางด้านคุณภาพ การผลิตครูยังมีปัญหาด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ ครูจานวนไม่น้อย
ขาดศรัทธาและอุคมการณ์ในการทางาน และเจตคติท่ีดีต่ออาชีพครู ทาให้ไม่สนใจท่ีจะพัฒนาการเรียนการ
สอน ซึง่ อาจมีสาเหตุจากสภาพทางเศรษฐกิจ ภารกจิ ทางครอบครัวและสังคม เปน็ ตน้

3. ครูมีความประพฤติไม่เหมาะสม ไม่มีวิญญาณครู ขาดคุณธรรมส่งผลให้ภาพพน์ของครูท่ีสังคมเคย
ยกย่องในอดีตลดต่าลง การท่ีครูขาดคุณธรรมอาจมีสาเหตุมาจากฐานะทางเศรษฐกิจและค่านิยม ทัศนคติ
ในทางลบต่ออาชีพครู

4. ขาดความสามารถในการถ่ายทอดวิชา ความสามารถในการถ่ายทอดวิชาให้แก่นักเรียนนั้น เป็น
เทคนิคเฉพาะตวั ของแตล่ ะตน แต่กส็ ามารถฝกึ ฝนไดเ้ พราะเทคนิคในการถ่ายทอดสามารถเรียนรู้ได้ โดยเฉพาะ
ในด้านการเรียนการสอนมีเทคนิคและ วิธีการสอนอยู่มาก แต่ก็ปรากฏว่าครูประชาบาลขาดความสามารถใน
การนา วธิ กี ารเหล่าน้นั มาใช้

สาเหตทุ ี่ครูขาดความสามารถในการถา่ ยทอดวิชาความร้ใู หแ้ กเ่ ด็ก

1) ครูมเี วลาสอนมากเกนิ ไปจึงไม่มีเวลาศกึ ษาวธิ ีการเหลา่ น้นั

2) ครูไมส่ นใจวธิ กี ารสอนในหลักสตู รใหม่เพราะถือว่าเป็นภาระ และทาใหเ้ หน่ือยมากข้ึน

3) ความเคยชนิ กบั การสอนแบบ “บอก” และ “บรรยาย”

4) ขาดตาราและหนังสือเกยี่ วกบั เรอ่ื งน้ี

5) ขาดการเหน็ แบบอย่างการสอนทด่ี ี

5. ครไู ม่มีโอกาสสอนตามวิชาท่ีตนถนัด ครูส่วนใหญ่ต้องสอนทุกวิชา ดังกล่าวแล้ว บางคนไม่มีโอกาส
สอนตามวิชาเอกท่ีตนเคยเรียนมา จึงเป็นสาเหตุให้ครูขาด คุณภาพในการสอน ครูบางคนต้องไปทาธุรการ
การเงิน เลยไมม่ ีโอกาสใชค้ วามสามารถ และความถนัดท่มี ีอยู่

4. ปญั หาเกี่ยวกบั อาคารสถานท่ี

แมว้ า่ จะมีการพัฒนาสถานท่ีเรียนให้เป็นอาคารถาวรขึ้นมา มีบ้านพักครู ให้เพียงพอกับความต้องการ
ของครูก็ตาม แต่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญมักมีปัญหา โรงเรียนบางแห่งต้องเรียนตามศาลาวัด หรือ
อาคารเรียนชั่วคราวเพราะรัฐบาลมีเงินไม่พอ อีกประการหนึ่ง โรงเรียนในชนบทมีนักเรียนน้อยจึงไม่คุ้มค่ากับ
การที่จะลงทนุ สร้างอาคาร เรียน สาหรับในกรุงเทพมหานครหรือในเมืองใหญ่ จะมีอาคารเรียนแต่อาคารเรียน
เหล่านน้ั ยังขาดคณุ ภาพ

5. ปัญหาด้านระบบการศึกษา

จากการลงทุนด้วยงบประมาณจานวนมากและใช้ความพยายามสร้างระบบการศึกษาในหลาย ๆ มิติ
ผลที่ไดร้ บั นน้ั ดไู ด้จากตัวผู้เรียนว่ามีความรู้ มีคุณธรรมเพิม่ ขึ้นหรือไม่ ในแง่ของคุณธรรม จริยธรรมของเยาวชน
ไม่มขี ้อมูลใดได้จากการสารวจตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรมอยา่ งสมบรู ณ์ จึงอาจกล่าวโดยรวมว่า เยาวชนไทย
มีความประพฤติปฏิบัติในทางที่ดีเป็นส่วนใหญ่ จะมีบ้างที่ออกนอกทางไปติดยาเสพติด ทะเลาะวิวาท มีการ
แต่งกายท่ีตามสมัยนิยมเกินเลยไปกว่ากรอบประเพณีไทยจะยอมรับได้ และมีรายงานวิจัยบางชิ้นและข่าวบาง
ข่าวออกมาวา่ นักเรียนวยั รนุ่ มีเพศสัมพนั ธ์ก่อนวัยอันควรมากขึ้น

3.ปญั หาทิศทางการพัฒนาการศึกษาคณิตศาสตร์ ระดับอุดมศึกษาไทย

สภาพโดยท่ัวไปและปัญหาเก่ยี วกับคุณภาพของอุดมศึกษาไทย

คุณภาพอุดมศกึ ษาไทยในปจั จุบนั ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ให้มีการพัฒนาความรู้ระดับสูงเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมในอนาคต การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นยัง
รวมถึงการใหผ้ เู้ รียนค้นควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเอง เพ่ือใหผ้ ลผลิตของอุดมศึกษาซึ่งเป็นบัณฑิตที่สาเร็จการศึกษา
ออกไปน้ัน มีความสมบูรณ์ท้ังด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ แม้ว่าการ
พัฒนาคุณภาพของการอุดมศึกษาไทยมีการดาเนินการมาอย่างต่อเน่ือง แต่ในปัจจุบันก็ยังพบว่าคุณภาพ
อุดมศึกษายังไม่มีคุณภาพเท่าท่ีควรในหลายประเด็น สาเหตุหลักมีหลายประการ ( มติชนออนไลน์ , 2548 )
ประกอบด้วย

1. สถาบนั อุดมศกึ ษาปรบั ตัวไม่ทนั ตอ่ การเปล่ียนแปลง โดยเฉพาะในเรอื่ งการสรา้ งและพัฒนาคุณภาพ
มาตรฐานการเรียนการสอนและการวิจัย เปิดหลักสูตรตามความพอใจ โดยไม่คานึงถึงคุณภาพและมาตรฐาน

การศึกษา ขาดการวางแผนพัฒนาสถาบันในระยะยาว รวมถึงคณะกรรมการบริหารสถาบัน/สภา
สถาบันอดุ มศึกษาทัง้ ของรัฐและเอกชนหลายแหง่ ไม่มีการบรหิ ารจัดการท่ีดี

2. มหาวิทยาลัยไทยโดยภาพรวมยังมีจุดอ่อนเร่ืองการบริหารจัดการเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะการเป็น
มหาวิทยาลัยวิจัย ซึ่งจะสังเกตได้ว่ามหาวิทยาลัยท่ีติดอันดับมหาวิทยาลัยช้ันนาของโลกล้วนเป็นมหาวิทยาลัย
วจิ ัยทงั้ สิ้น

3. ทิศทางการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาในภาพรวมไม่ชัดเจน เกิดความซ้าซ้อนในเร่ืองการให้บริการ
บุคลากรที่จะเข้ามาในมหาวิทยาลัย เช่น ผู้บริหาร ส่วนหนึ่งไม่มีความรู้ทางด้านการบริหาร แต่จะมีความรู้
เฉพาะด้านงานวิชาการเท่าน้ัน รัฐบาลควรมีการจดั อบรมการเปน็ ผ้บู รหิ ารขน้ึ มาเหมือนกบั ขา้ ราชการสายอื่น

แนวทางในการพฒั นาการอดุ มศึกษาของไทยในอนาคต

ผลการวิจัยของสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เรื่อง ผลกระทบโลกาภิวัตน์ต่อการจัด
การศึกษาไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ( เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศักด์ิ , 2550 ) ซึ่งเป็นท่ีปรึกษาโครงการวิจัยได้
คาดการณ์แนวโนม้ สาคัญของสถาบันอดุ มศึกษาไทยไวห้ ลายประการ

สถาบันอุดมศึกษาแสวงหาเอกลักษณ์ด้านคุณภาพและความแตกต่าง ผู้เรียนมีความต้องการ
การศึกษาท่ีมีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และผู้เรียนมีโอกาสเลือก
สถาบันอุดมศึกษาได้มากขึ้น ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาต่างพยายามพัฒนาตนเองให้แข่งขันได้ ด้วยเหตุนี้
สถาบนั อุดมศกึ ษาจึงตอ้ งคน้ หาเอกลกั ษณเ์ ฉพาะท่ีถนัด ทาได้ดี มคี วามเชยี่ วชาญ และมีประสิทธิภาพท่ีสุด เพื่อ
ทุ่มทรพั ยากรในการพัฒนาหลกั สูตร การจดั การเรียนการสอน การวจิ ัย

สถาบันอุดมศึกษาจะเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย สภาพของความจากัดทางทรัพยากร ส่งผลให้
สถาบันอุดมศึกษาต่างมุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ มากขึ้น
เพื่อเสริมจุดออ่ นจดุ แขง็ กันและกัน หรือแลกเปลี่ยนองคค์ วามรู้

สถาบันอุดมศึกษามุ่งจัดการศึกษาเฉพาะทาง มีแนวโน้มว่าจะมีบางมหาวิทยาลัยมุ่งจัดการศึกษา
เฉพาะท่ีเป็นการลงลึกระดับเชี่ยวชาญ อันเป็นการพัฒนาการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพระดับสูง และเป็นการ
เพิม่ ความสามารถแขง่ ขันให้มหาวิทยาลยั

สถาบันอุดมศกึ ษามุ่งผลิตผลงานวิจยั จากสภาพการแขง่ ขันของสถาบนั อุดมศึกษาทร่ี นุ แรงขึน้ ส่งผล
ให้มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจปรบั ยทุ ธศาสตร์ไปสู่ทิศการมุ่งผลิตผลงานวิจัยที่มคี ุณภาพ โดยสร้างองค์ความรู้

และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการบุกเบิกการใชเ้ ทคโนโลยีสมัยใหม่ จนเป็นท่ีรจู้ กั และยอมรับจากนกั ศึกษาทัว่
โลก

สถาบนั อุดมศึกษาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการ
สรา้ งความสามารถในการแข่งขนั การพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอน และการผลติ ผูเ้ รียนให้เปน็ ที่ตอ้ งการ
ของตลาดแรงงาน อย่างไรก็ตาม ขอ้ พงึ ระวังในการจัดการศึกษารปู แบบน้ี คือ คณุ ภาพการจดั การศึกษา

สถาบนั อดุ มศึกษาท่ใี ช้หลกั สูตรตน้ แบบจากต่างประเทศ การขยายตวั ด้านการลงทุนทางการศึกษาท่ี
แขง่ ขันมากข้นึ สถาบนั อุดมศึกษาท่ีมีช่อื เสยี งระดบั โลกพยายามทาตลาดการศึกษาไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถงึ
ประเทศไทย ในขณะท่ีคนในสังคมไทยตา่ งต้องการหลกั สูตรการศึกษาท่ีมคี ุณภาพท่ีมีความน่าเชอ่ื ถือระดับ
สากล หรืออาจเป็นการเปดิ หลักสตู รร่วมกนั ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกับมหาวทิ ยาลยั ทีม่ ชี ่ือเสยี ง
ในตา่ งประเทศ เปน็ ต้น

สถาบันอุดมศึกษาไทยยังไม่สามารถขยายตลาดการศึกษาไปยังต่างประเทศ การเปิดเสรีทางการ
ศกึ ษาของไทยยังไม่มคี วามพรอ้ มเพยี งพอ ความสามารถในการแขง่ ขันกับสถาบัน อุดมศึกษาจากต่างประเทศท่ี
มีคณุ ภาพมากกวา่

สถาบันอุดมศึกษาท่ีมุ่งเชิงพาณิชย์มากข้ึน การเปลี่ยนแปลงสถาบันอุดมศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยใน
กากบั สง่ ผลใหส้ ถาบันอุดมศึกษาไทยต้องพ่ึงตัวเองมากข้ึน โดยพัฒนาไปสู่การดาเนินกิจการเชิงพาณิชย์มากขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชน ที่ตอ้ งหารายได้เลี้ยงตัวเองมากกว่าสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ดังจะ
เห็นได้จากมหาวิทยาลยั ในประเทศไทยหลายแห่งในปจั จุบนั ตา่ งหาชอ่ งทางท่ีจะนารายได้เข้าสู่มหาวิทยาลัยใน
รูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การจดั ทาโฆษณา การเปิดหลักสูตรปรญิ ญาโท ปริญญาเอก

แผนภาพ แนวโน้มท่ีมีผลกระทบต่ออุดมศกึ ษา

บทสรุปคณุ ภาพอดุ มศกึ ษาของไทย

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าคุณภาพของอุดมศึกษาไทยมีท้ังจุดเด่นและจุดอ่อนในหลายประการ
ด้วยกัน จุดเด่นที่สถาบันอุดมศึกษาควรรักษาไว้เป็นแบบอย่าง ประกอบด้วย การกระจายอานาจที่มากข้ึนใน
สถาบนั อุดมศกึ ษา ส่งิ นี้สามารถมีส่วนชว่ ยเหลอื ในการเสริมประสิทธิภาพต่อการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตท่ีสาเร็จ
การศึกษาออกมา รวมถึงในปัจจุบันน้ัน สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยมีจานวนมากขึ้น สามารถจัด
การศกึ ษาให้แกป่ ระชาชนไดถ้ ึงรอ้ ยละ 12.5 ในวัยเรียน ซึ่งใกล้เคียงกับร้อยละ 15 ซึ่งถือว่าเป็นระดับร้อยละท่ี
อุดมศึกษาเข้าถึงสมู่ วลชน ( Mass Education )

แม้ว่าการพัฒนาคุณภาพของการอุดมศึกษาไทยมีการดาเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันก็ยัง
พบว่าคุณภาพอุดมศึกษายังไม่มีคุณภาพเท่าท่ีควรและพบจุดอ่อนในหลายประเด็น ประกอบด้วย ปัญหา
นโยบายของรัฐบาลและสถาบนั อุดมศึกษาบางแห่งยังไม่มีความแน่นอนและเกิดความซ้าซ้อนในการดาเนินงาน
ขาดการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน องคก์ รเอกชนและผปู้ ระกอบการในการพัฒนาคุณภาพอุดมศึกษา หลักสูตรและ
การเรียนการสอนมีความล้าสมัย ไม่เป็นสากลและไม่เกิดบูรณาการ ไม่มีการปรับเปล่ียนหลักสูตรตามกระแส
แหง่ การเปลยี่ นแปลงของโลก เกิดการขาดแคลนคณาจารยท์ ม่ี คี ุณภาพเนอื่ งจากวิกฤติศรทั ธาต่ออาชีพอาจารย์
ตกต่าซึ่งไม่สามารถจูงใจคนเข้ามาเป็นอาจารย์ได้ รวมถึงการลงทุนของรัฐบาลในเร่ืองการวิจัยเพ่ือให้เกิดองค์
ความรู้ใหม่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ามาก รัฐบาลจาเป็นต้องทุ่มเทการลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาให้แก่
สถาบันอดุ มศึกษาอย่างจรงิ จัง

แนวทางในการพัฒนาคุณภาพของการอุดมศึกษาที่สาคัญ สถาบันอุดมศึกษาจาเป็นต้องเปิดหลักสูตร
ให้ตรงกับสภาพความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับ
หนว่ ยงานภายในและสถาบนั อุดมศกึ ษาอน่ื ๆมากข้ึน เพื่อเสริมสร้างจุดแข็งและแลกเปล่ียนองค์ความรู้ใหม่ๆซ่ึง
กันและกนั สถาบันการศกึ ษาต้องม่งุ จดั การศกึ ษาเฉพาะทางที่เปน็ การลงลกึ เพื่อให้เกิดความเช่ียวชาญ อันเป็น
ก า ร พั ฒ น า ก า ร อุ ด ม ศึ ก ษ า ที่ มี คุ ณ ภ า พ โ ด ย ส ร้ า ง ค ว า ม รู้ แ ล ะ น วั ต ก ร ร ม ใ ห ม่ ๆ ใ ห้ ส า ม า ร ถ แ ข่ ง ขั น กั บ
สถาบันอุดมศึกษาชน้ั นาอ่นื ๆท่วั โลกได้

4.แนวคิดใหมท่ างการศกึ ษาที่มีอิทธิพลต่อการจดั การศึกษา คณติ ศาสตรข์ องไทย

แนวคิดใหม่ทางการศึกษาท่ีมีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษา คณิตศาสตร์ของไทย ท่ีสาคัญส่งผลต่อ
การศกึ ษาในปจั จุบัน ไดแ้ ก่

1. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการเปล่ียนแปลง ทางเศรษฐกิจและสังคม การปฏิวัติ
ยุคดิจิทัลได้นาไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งท่ี 4 (Industry 4.0) กล่าวคือ เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
คร้ังใหญ่ ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่สะท้อนให้เห็นถึงการเคล่ือนย้ายของสินค้าและ ข้อมูลได้อย่างอิสระเสรี
และไร้พรมแดน โฉมหน้าของโลกยุคโลภาภิวัฒน์ รอบใหม่จะเป็นยุคของ Internet of things หรือยุคที่ระบบ
อนิ เทอร์เน็ต และเครอื ขา่ ยขยายเขา้ ไปส่สู ถานที่ตา่ ง ๆ อย่างเช่น สถานศกึ ษา ศูนยด์ ูแล สุขภาพ และการขนส่ง
เป็นตน้

2. เปูาหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ พ.ศ. 2558 (Millennium Development Goals: MDGs
2015) สู่เปูาหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน ขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. 2573 (Sustainable Development
Goals: SDGs 2030)

เปูาประสงค์ที่สาคัญของเปูาหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนขององค์การ สหประชาชาติพ.ศ. 2573 คือการ
สร้างหลักประกันทางการศึกษาที่มี คุณภาพ เสมอภาค และเท่าเทียม สาหรับผู้เรียนทุกคนในทุกระดับต้ังแต่
ปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา เพ่ิมจานวนครูที่มีคุณภาพ เพิ่มจานวนเยาวชนและ ผู้ใหญ่ท่ีมีทักษะท่ีจาเป็นสาหรับ
การทางานและการเป็นผู้ประกอบการ รวมทั้งขจัดความเหล่ีอมล้าทางการศึกษา โดยคานึงถึงสิทธิมนุษยชน
ความเสมอภาคระหว่างเพศ การส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความสงบสุข และ การเป็นพลเมืองของโลก และ
เปูาหมายน้ียังกาหนดใหเ้ ด็กชายและเดก็ หญิง ทุกคนสามารถเรยี นจบระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาอย่าง
มคี ณุ ภาพ และไม่เสียค่าใช้จ่ายภายในปีพ.ศ. 2573

3. การดาเนนิ งานตามเปาู หมายการศกึ ษาเพ่อื ปวงชน (Education for All)

สาหรับเปูาหมายการศึกษาเพ่ือปวงชนท่ีว่าด้วยการตอบสนอง ความต้องการการเรียนรู้และการ
พัฒนาทกั ษะชีวิตของเยาวชนและผู้ใหญ่นั้น ประเทศไทยได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้
ตลอดชีวิต โดยส่งเสริมการจัดการศึกษาต่อเน่ืองสาหรับผู้เรียนทุกวัย เพ่ือยกระดับการอ่านออกเขียนได้ของ
ผ้ใู หญ่ ในขณะเดียวกันยังได้มุ่ง ปรับปรุงคุณภาพของอาชีวศึกษาอีกด้วย ประเทศไทยยังมีนโยบายต่าง ๆ เพื่อ
พฒั นาความสามารถในการอ่านและเขียนของคนไทย เพื่อสร้าง ความสามารถพื้นฐานด้านการคานวณ ความรู้
ด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีสาหรับนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน และเพ่ือสร้างหลักประกัน ด้านความเสมอ

ภาคทางการศึกษา ดังน้ันเนื้อหาของหลักสูตรและการเรียน การสอนจึงได้รับการทบทวนอยู่เสมอโดยคานึงถึง
ข้อแตกต่างของแต่ละ บุคคลและเพศสภาพ เพื่อตอบสนองต่อความสนใจและขีดความสามารถ ของผู้เรียนแต่
ละคน

4. การสรา้ งประชาคมอาเซยี น

การพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์โดยผา่ นการจัดการศึกษาเป็นเรื่อง ทีส่ าคญั อยา่ งย่ิงในการรวบรวมประเทศ
อาเซียนต่าง ๆ เข้าเป็นประชาคม อาเซียนได้อย่างสาเร็จ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรอง “แผนงาน
การศึกษาของอาเซียน พ.ศ. 2559-2563 (ASEAN Work Plan on Education 2016-2020)” ซึ่งมีประเด็น
สาคัญดา้ นการศึกษา ดังนี้

1) การส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้เก่ียวกับอาเซียน ผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และ
ความร้ทู อ้ งถนิ่

2) การยกระดับคณุ ภาพและสรา้ งโอกาสการเขา้ ถงึ การศึกษา ขั้นพนื้ ฐานสาหรับทุกคนรวมถึง
ผู้พกิ ารและผู้ดอ้ ยโอกาส

3) การพฒั นาการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร

4) การสนับสนุนการพฒั นาอาชีวศึกษาและการเรียนรู้ ตลอดชวี ติ

5) การส่งเสริมการดาเนินงานของทุกภาคส่วนเพ่ือให้บรรลุ ตามเปูาหมายของการจัด
การศกึ ษาเพ่ือการพัฒนาอย่างย่ังยืน

6) การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุดมศึกษาด้วยการพัฒนาระบบประกันคุณภาพ
การศกึ ษาที่มีประสทิ ธิภาพ

7) การสรา้ งความเขม้ แขง็ ให้กบั บทบาทของอดุ มศึกษา ในด้านการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ
ดว้ ยการสรา้ งเครือข่ายระหวา่ ง ผู้ประกอบการกบั มหาวทิ ยาลัย และ

8) การดาเนินโครงการพัฒนาศักยภาพครแู ละบคุ ลากร ทางการศกึ ษา

ระบบการศึกษาของประเทศไทยจาเป็นต้องได้รับการทบทวน นโยบาย แผน และมาตรการต่าง ๆ
เพอื่ ปรบั ปรุงหลักสูตรและวิธีการ จัดการเรียนการสอนและเพ่ือสร้างความรู้ทักษะ และภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ คน
ไทย เพอ่ื รองรับความหลากหลายทางวฒั นธรรมของประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ต้องผลิตและพัฒนาแรงงาน

ท่ีมีความเชย่ี วชาญและทกั ษะ การทางานระดับสูงอยา่ งเร่งด่วนเพ่อื รองรับกระแสการเคลื่อนย้ายแรงงาน อย่าง
เสรีในภมู ิภาค

5. ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และนโยบาย ประเทศไทย 4.0

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศ รวมทั้งการ
ปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่ ประเทศไทย 4.0 มีความสาคัญต่อการบรรลุเปูาหมายการพัฒนา อย่างย่ังยืน
และมีกรอบทิศทางการพัฒนาระยะยาวที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ย่ังยืน
เปน็ ประเทศพฒั นาแลว้ ดว้ ยการพฒั นา ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์หลัก
ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3)
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้าง
โอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ชาตดิ า้ นการสร้าง

การเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนา
ระบบการบริหารจัดการภาครฐั

6. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคมผสู้ งู อายุ

ตามข้อมูลสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติสังคมไทยจะกลายเป็นสังคม
ผู้สูงอายุอย่างเป็นทางการ ภายในปีพ.ศ. 2574 และต้องเผชิญกับปัญหาการลดลงของจานวน ประชากรวัย
แรงงาน นอกจากน้ี ประเทศไทยยงั มกี ารลดลงของภาวะ เจรญิ พนั ธุ์หรอื อัตราการเกดิ น้อยลง และการมีอายุขัย
โดยเฉลี่ย ของประชากรสูงขึ้นทาให้สัดส่วนของประชากรสูงอายุมีจานวนเพิ่มข้ึน ในแต่ละทศวรรษที่ผ่านมา
เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ระบบการศึกษา จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์ให้มี ประสิทธิภาพและมีทักษะการทางานสูงเพื่อให้ประเทศได้เจริญก้าวหน้า ต่อไป การเรียนรู้ตลอด
ชีวติ มบี ทบาทสาคัญมากยง่ิ ขน้ึ ในการให้ความรู้และ พฒั นาคุณภาพชีวติ ของผสู้ ูงอายใุ ห้ดีขนึ้

7. ทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21

ระบบเศรษฐกิจและสภาพสังคมในปัจจุบันเล็งเห็นความจาเป็น ท่ีจะต้องเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากร
มนษุ ย์ให้มีทกั ษะและศักยภาพ ที่สอดคล้องกับศตวรรษท่ี 21 สาหรับผู้เรียนแล้ว ทักษะที่จาเป็น ในศตวรรษที่
21 มีความสาคัญอย่างมากสาหรับการประกอบอาชีพและ การดาเนินชีวิตในอนาคตซ่ึงประกอบไปด้วย 3Rs
และ 8Cs

3Rs หมายถงึ
■ อา่ นออก (Reading)
■ เขยี นได(้ WRiting)
■ คิดเลขเป็น (ARithmetic)

8Cs หมายถงึ
■ ทกั ษะในการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)
■ ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม
(Creativity and Innovation)
■ ทกั ษะด้านความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์
(Cross - Cultural Understanding)
■ ทกั ษะด้านความร่วมมือการทางานเป็นทีม และภาวะผูน้ า
Collaboration Teamwork and Leadership)
■ ทักษะดา้ นการสอ่ื สารสารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สื่อ
(Communications, Information and Media Literacy)
■ ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสือ่ สาร
(Computing and ICT Literacy)
■ ทักษะอาชีพ และการเรียนรู้
(Career and Learning Skills)

■ ความมเี มตตา กรุณา วินยั คุณธรรม จริยธรรม

(Compassion)

ทฤษฏีการเรียนรู้ทฤษฎีหนึ่งที่สอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 คือ ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory
of Multiple Intelligences) ซึง่ ม8ี ดา้ น ดงั นี้

1) ดา้ นภาษา (linguistic intelligence)

2) ดา้ นคณติ ศาสตรห์ รือการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ (logical – mathematical intelligence)

3) ดา้ นมติ สิ มั พนั ธ์ (spatial intelligence)

4) ด้านดนตรี (musical intelligence)

5) ด้านการเคลื่อนไหวรา่ งกายและกลา้ มเนอ้ื (bodily – kinesthetic intelligence)

6) ด้านการสัมพันธก์ บั ผู้อนื่ (interpersonal intelligence)

7) ด้านการเขา้ ใจตนเอง (intrapersonal intelligence) และ

8) ด้านการเขา้ ใจธรรมชาติ(naturalist intelligence)

การจัดการศึกษาในประเทศไทยต้องได้รับการพัฒนา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ระบบ
เศรษฐกจิ โลกในศตวรรษน้ีและ เพื่อการพฒั นาประเทศ โดยการผลิตประชากรทม่ี ีทกั ษะการแข่งขันสูง ในโลกที่
ประสบกับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21 ซ่ีงถือว่าเป็นแนวทางเชิง
ยุทธศาสตร์สาหรับการจัดการ การเรียนรู้ได้ให้ความสาคัญในเรื่ององค์ความรู้ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และ
ศกั ยภาพของผู้เรยี นทีส่ ามารถนามาใช้ในชีวติ ประจาวันได้

ความท้าทายต่าง ๆ ทป่ี รากฏข้ึนท้งั ภายในและภายนอก ประเทศมผี ลกระทบอยา่ งเหน็ ได้ชัดท้ังในด้าน
การจัดทานโยบายและ การดาเนินงานเพื่อจัดการศึกษา นโยบายและการดาเนินงานด้านการศึกษา จึง
จาเป็นต้องได้รับการทบทวนหรือจัดรูปแบบใหม่เพ่ือเตรียมความพร้อม คนไทยให้มีทักษะและศักยภาพท่ี
สอดคลอ้ งกบั สภาวการณต์ า่ ง ๆ ในศตวรรษท่ี 21

5.แนวคดิ ในการจดั การศกึ ษาไทย

1.แนวความคิดในการปฏิรูปการศึกษา
การเรียนรู้ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศจะไม่จากัดอยู่เฉพาะในห้องเรียนและครู การเรียนการสอน

แบบด่ังเดิมจะลดน้อยลง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนจะเปลี่ยนแปลงไปเกิดกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่และ
เป็นตัวนาในการสร้างบริษัทใหม่จึงจาเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างระบบพัฒ นาองค์ความรู้ใหม่จากองค์ความรู้
เดมิ ที่มอี ยู่โดยเฉพาะองคก์ รการพัฒนาการเรียนการสอน และสภาพแวดล้อมทางการศกึ ษา

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้าน
คอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมมีบทบาทที่สาคัญต่อการพัฒนาการศึกษาเทคโนโลยีที่มีบทบาท
สาคญั ตอ่ การศึกษาประกอบดว้ ย

1. เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนรู้ปัจจุบันมีเครื่องมือเครื่องใช้ท่ีช่วยสนับสนุนการ
เรียนรหู้ ลายอย่าง มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) มีระบบมัลติมีเดีย (Multimedia) ระบบวิดีโออนน
ดีมานด์ (Video on Demand) วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (Video Teleconference) และอินเตอร์เน็ต
(Internet) เป็นต้น ระบบเหล่านี้เป็นระบบสนับสนุนการรับรู้ข่าวสารและการค้นหาข้อมูลข่าวสารเพ่ือการ
เรียนรู้

2. เทคโนโลยีทีเ่ ข้ามาสนบั สนุนการจัดการศึกษาในการจัดการศกึ ษาสมัยใหม่จาเป็นต้องอาศัยข้อมูล
ข่าวสารเพื่อการวางแผนการดาเนินการ การติดตามและประเมินผลคอมพิวเตอร์และระบบส่ือสาร
โทรคมนาคมเขา้ มามีบทบาทท่สี าคญั ในเร่ืองน้ี

3. เทคโนโลยีท่ีเข้ามาช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคลเกือบทุกวงการ ท้ังทางด้านการศึกษา
จาเป็นต้องอาศัยการสอ่ื สารระหว่างผู้สอนกับผู้เขียน ผู้เรียนกับผู้เรียน เป็นต้น ซ่ึงจะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพใน
กระบวนการเรียนการสอน และการดาเนินงานในหลายด้านโดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสาร และการ
ดาเนินงานในหลายด้านโดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การใช้โทรศัพท์ โทรสาร เทเล
คอนเฟอเรนส์ และไปรษณยี ์อเิ ล็กทรอนิกส์ เปน็ ตน้

บทบาทใหมข่ ององค์กร

ใ น ส่ ว น ข อ ง บ ท บ า ท แ ล ะ ห น้ า ท่ี ใ ห ม่ ข อ ง อ ง ค์ ก ร ใ น ยุ ค ข อ ง เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ อ ง ค์ ก ร
หมายถึงหนว่ ยงานทีม่ ภี าระกจิ หลกั ดังนี้

1. การบริการและการจัดหลกั สตู รในหน่วยงานราชการศึกษา
2. จัดให้มกี ารใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ และส่ือการเรยี นตา่ ง ๆ ใหท้ นั สมัย
3. จดั ส่งิ อานวยความสะดวกและจดั สภาพแวดล้อมทางการศึกษา

การพัฒนาการเรียนการสอน

การพัฒนาในหมวดนี้เป็นการพัฒนาในรูปแบบของการปรับรื้อระบบการเรียนการสอนใหม่ โดย
คานึงถึงการพัฒนาที่เกี่ยวกับการเจริญงอกงามในตัวผู้เรียนเน้นทักษะการเลือกสารสนเทศ การวิเคราะห์
และสังเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร ขณะเดียวกันต้องทาการฝึกทักษะกระบวนการจัดกระทากับข้อมูลข่าวสาร
ให้กับผู้เรียนพร้อมกับการตอบสนองกับข้อมูลข่าวสารอย่างชาญฉลาด ครู และนักเรียนต้องช่วยกัน
สร้างสรรค์สารสนเทศ เพ่ือให้เกิดคุณค่าต่อการเรียนการสอนครูต้องพัฒนาการสอนโดยเพ่ิมทักษะการสืบค้น
สารสนเทศใหก้ บั นักเรียน

รูปแบบกระบวนการเรยี นการสอน

กระบวนการเรียนการสอนตามแนวคิดในการปฏิรูปต้องแตกต่างไปจากการเรียนการสอนแบบด่ัง
เดมิ กล่าวคือ

1. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความคิดโดยฝึก
การคิดวเิ คราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล การใฝุหาความรู้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อนาไปใช้ในการพัฒนา
ตนเอง และแก้ปญั หาในชีวิตประจาวันอย่างเหมาะสม

2. จดั ระบบเครือข่ายการเรยี นรูใ้ หเ้ ปน็ แหลง่ ความรสู้ าหรบั การค้นคว้าหาความรู้ทุก ๆ ด้านที่ผู้เรียน
ต้องการ เช่น ส่ือมวลชนทุกแขนง เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทรัพยากรท้องถ่ิน ภูมิปัญญาชาวบ้าน และ
หนว่ ยงานต่าง ๆ ใหผ้ ้เู รียนสามารถเรียนรู้พฒั นาตนเอง และพัฒนาสังคมและสงิ่ แวดล้อมไดอ้ ย่างกว้าง-ขวาง

3. จัดกิจกรรมท้ังใน และนอกหลักสูตร โดยให้ผู้เรียนทากิจกรรมท่ีต้องเรียนในห้องเรียนให้เสร็จ
สิน้ และให้แบ่งเวลาทากจิ กรรมนอกหลกั สูตรเพื่อเสรมิ ประสบการณ์ทางสงั คม

4. ปรับกระบวนการเรียนการสอน และเทคนิคการสอนของครูให้สอดคล้องกับเปูาหมายของการ
จัดการศึกษา เน้นให้ครูเป็นเพียงผู้อานวยความสะดวกและชี้แนะให้ผู้เรียนทาการศึกษาค้นคว้า คิดและ
ตัดสินใจด้วยตนเอง ขณะเดียวกันครูต้องเป็นต้นแบบด้านคุณธรรม และจริยธรรมด้วย ซ่ึงต้องปลูกฝังทั้งใน
ชั่วโมงเรยี นและกจิ กรรมการฝึกปฏิบัติ

การจัดการศกึ ษา

การเปลี่ยนแปลงซ่ึงเป็นผลมาจากอิทธิพลของเทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลกระทบต่อระบบ
โครงสร้างของการจัดการศกึ ษาในหลาย ๆ ดา้ น ซึ่งสามารถสรุปเป็นด้าน ๆ ไดด้ ังน้ี

องคป์ ระกอบทางการศกึ ษา คุณลกั ษณะ/กจิ กรรมการศึกษา

1. ระบบสงั คม - การศึกษาควรตอบสนองระบบสังคมยุคเทคโนโลยี
สารสนเทศโดยใหค้ ณุ ค่าในสารสนเทศ

2. ระบบความคดิ เหน็ ของชุมชน นักเรียนและครู - เน้นการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของ
3. คุณคา่ และจดุ มุ่งหมายในการเรยี น สังคม
4. กลุ่มผู้เรยี น - ให้ทุกคนสามารถคิดได้หลากหลายและสามารถ
5. หลักสูตร แสดงความคิดเหน็ ได้
6. การประเมนิ ผล - ใช้การวิเคราะห์ความตอ้ งการ
7. สื่อและเทคโนโลยี - เนน้ คุณภาพและคณุ คา่ ในแตล่ ะบุคคล
- ตอบสนองความพึงพอใจเปน็ หลกั
8. สถานท่แี ละการบรกิ าร - เน้นการศกึ ษาในกลุม่ เล็ก
- เนน้ การศึกษาเป็นรายบุคคล
- เป็นหลกั สตู รแบบยดื หยุ่น
- กระจายโอกาสทางการศึกษา
- กระจายและมีหลักสตู รหลาย ๆ ดา้ น
- ประเมินผลหลาย ๆ ด้าน
- ให้คณุ คา่ ต่อการคิดวเิ คราะหแ์ ละแสดงเหตผุ ล
- พิจารณาจากการพฒั นาในตวั ผ้เู รียนเปน็ เกณฑ์
- ใช้ส่ือและเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนมากกว่าการสอน
เช่น มัลตมิ ีเดยี ซีดรี อม อเิ ลก็ ทรอนิกส์บุคคล

วิดีโอออน์มานด์ วิดีโอเทเลคอนเฟอร์เรนซ์
ไฮเปอรเ์ ท็กซ์ และอนิ เตอร์เนต็ เปน็ ตน้
- เทคนิคกระบวนการเรียนรู้ โดยจัดกระทากับ
สารสนเทศ เลือกวิเคราะหส์ รา้ งสรรค์ ประเมิน
สารสนเทศเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ และการ
นาเสนอความรนู้ ้ัน

- กระจายการบรกิ ารสู่ชุมชน

9. คุณลกั ษณะของผเู้ รียน - จัดเปน็ กล่มุ เล็ก
- สร้างเครือขา่ ยการเรียนรู้
- ใช้การสื่อสารเพื่อการปฏสิ มั พันธ์เปน็ หลกั
- เน้นความสามารถในการสืบคน้ สารสนเทศ
- เน้นความสามารถในการจนิ ตนาการและสร้างสรรค์
- เน้นความสามารถในการนาเสนอความรู้ใหม่หรือ
แนวคดิ ใหม่
- เน้นความสามารถในการสื่อสารกันด้วยส่ือ
สารสนเทศ
- เน้นกระบวนการคดิ วเิ คราะหแ์ บบเชิงเหตุเชงิ ผล

กลา่ วโดยสรปุ
การจัดการศึกษายุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้เปล่ียนแปลงกระบวนการเรียนรู้ใหม่ และ

เปลี่ยนแปลงความต้องการในการศึกษาในอนาคต สื่อ และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบใหม่เข้ามาแทนท่ีสื่อ
แบบเกา่ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้จะเป็นสิ่งท่ีช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาแบบ
ใหม่ ซ่ึงก่อให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาข้ึนปรับปรุงโครงสร้างท้ังระบบใหม่โดยเฉพาะการบริหารการบริการ
การพัฒนาการเรียนการสอนและการจัดการศึกษา ซ่ึงจากเดิมสถาบันการศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบมาเป็นสังคม
และชมุ ชนร่วมกันรบั ผิดชอบตอ่ การจดั การศึกษามากยิง่ ขึ้น

2. แนวคิดการจัดการศกึ ษาตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
การจัดการศึกษาตามแนวเศรษฐกิจพอเพยี ง

เปูาหมายสาคัญของการจัดการศึกษาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คือ การปลูกฝังให้เด็กและ
เยาวชน รูจ้ ักการใช้ชวี ิตทพี่ อเพียง เห็นคณุ ค่าของทรัพยากรต่าง ๆ ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างเอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่
และแบ่งปนั มจี ิตสานกึ รกั ษาส่ิงแวดล้อมและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรม คา่ นิยม เอกลักษณ์ ความเปน็ ไทย

การจัดการศกึ ษาตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งดาเนินการไดใ้ น 2 สว่ น คอื
1. การบรหิ ารสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ

2. การจัดการเรียนร้ขู องผู้เรยี น ซ่งึ ประกอบดว้ ย
2.1 การสอดแทรกสาระเศรษฐกิจพอเพยี งในหลักสูตรและสาระการเรียนร้ใู นห้องเรยี น
2.2 การประยุกตห์ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนนอกห้องเรียน

การบรรลเุ ปาู หมายดงั กล่าวข้างต้น ครูเป็นบุคลากรที่สาคัญในการถ่ายทอดความรู้ และปลูกฝังหลัก
คดิ ต่างๆ ใหแ้ กเ่ ดก็ โดยครูตอ้ งเขา้ ใจอยา่ งถูกต้อง สามารถวเิ คราะห์ ความพอเพียง/ไม่พอเพียงของตนเองและ
ครอบครัวได้ และทาตวั เป็นแบบอย่างท่ีดีในการดาเนินชวี ิตแบบพอเพียง

กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นที่สอดคล้องกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง
1.กิจกรรมสามารถมคี วามหลากหลายของเน้ือหา แลว้ แต่ตามสภาวะ ภูมิสังคมของแต่ละสถานศึกษา

แต่ที่สุดแล้วต้องปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีวิธีคิด อุปนิสัยและพฤติกรรม ท่ีสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจ
พอเพียง

2. เปน็ กจิ กรรมที่ดาเนนิ การหลักโดยนักเรียน นักศกึ ษาและมคี รูเป็นผนู้ าหรือผูส้ นบั สนนุ
2.1 จานวนนักเรียน/นักศึกษา/ครู ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้น ๆ ไม่ควรน้อยกว่า 25%

ของจานวนบคุ ลากรทง้ั หมดของโรงเรยี น
2.2 นักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ ควรมีความประพฤติดี สมัครใจ ท่ีจะเข้าร่วม

กิจกรรม
การเรียนอยใู่ นระดบั ปานกลางถงึ ดี และมีสุขภาพดี

2.3 ครูที่เข้าร่วมโครงการควรมี ความประพฤติดี สมัครใจและมีความพร้อมในการเข้าร่วม
กิจกรรม

3. เป็นกจิ กรรมท่ีม่งุ เน้นใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ ไปพร้อมกบั ความสมดุลทางเศรษฐกจิ /สังคม/ส่ิงแวดล้อม
ของสถานศกึ ษา และสามารถขยายผลออกสชู่ มุ ชนได้

3.1 พอประมาณกบั ภูมิสังคม : สอดคลอ้ งกับความต้องการ/ความจาเป็นของสถานศึกษา/
คนในชมุ ชน และเหมาะสมกับกบั ภมู ปิ ระเทศ สภาพแวดล้อมและความคิด ความเชือ่ วิถชี ีวติ

3.2 สมเหตุสมผล : มีหลักคิดและหลักปฏิบัติของกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับหลักวิชาการที่
เกยี่ วข้อง รายละเอียดตามโครงการแสดงถงึ ความรอบคอบของการวางแผนดาเนินโครงการ

3.3 ภูมิคุ้มกันที่ดี : การวางแผนโครงการ คานึงถึงความเส่ียงในการดาเนินโครงการ โดยมี
ข้อเสนอทางเลอื ก หากมีการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ เกิดข้นึ

3.4 ส่งเสรมิ ความรู้ และคุณธรรมของผู้เข้ารว่ มกิจกรรม : กิจกรรมต่าง ๆ ต้องส่งเสริมให้
ผู้เข้าร่วม มีความรอบรู้มากย่ิงข้ึน เปิดโครงการให้มีการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ส่งเสริมการมี
คณุ ธรรม เช่น ความมรี ะเบียบวนิ ัย มีสมั มาคารวะ ซอื่ สัตยส์ จุ รติ มีความกตญั ญูกตเวที มีสติปัญญา
แยกแยะถูกผิด ควรไม่ควร มีความขยันหมั่นเพียร อดทน สนใจใฝุรู้ มีจิตสานึกเห็นประโยชน์ของการ
ช่วยเหลือผู้อนื่ และทาตวั ให้เป็นประโยชน์ตอ่ สังคม

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้เรยี นตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

1. มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักในความสาคัญของการดาเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียง

1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และความเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจ
สถานการณ์สังคม สง่ิ แวดล้อม

1.2 มีความรคู้ วามเขา้ ใจในการดาเนนิ ชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.3 เห็นประโยชน์และความสาคัญในการดาเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือ
พฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม
2. มีความรู้ และทกั ษะพื้นฐานในการดาเนนิ ชวี ิตตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
2.1 มีศักยภาพและทางเลือกในการดารงชีวิตและประกอบอาชีพ เพื่อให้พึ่งตนเองได้ระดับ
หนึง่
2.2 อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างสงบสุข รู้รักสามัคคี ไม่เบียดเบียน แบ่งปัน
เอ้อื เฟอื้ เผ่อื แผ่
2.3 ใช้ ฟื้นฟู และอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อมได้อยา่ งยั่งยนื
2.4 สืบสานวัฒนธรรม ศลิ ปะ ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภมู ปิ ญั ญา ภมู ใิ จ ในความเปน็ ไทย
3. ปฏิบัตติ นและดาเนนิ ชีวติ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3.1 รู้จักประมาณตน รู้จักศักยภาพของตน ใช้ชีวิตบนพ้ืนฐานความเป็นจริง อย่างเป็นเหตุ
เปน็ ผล

3.2 ดาเนินชวี ิตโดยใช้สติ ปญั ญา ความรอบรู้ ความรอบคอบ ไม่ประมาท
3.3 มีคุณธรรมเป็นพื้นฐานของจิตใจ รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ทาความช่ัว ส่ังสมความดี มีวินัย
และความรบั ผิดชอบ
3. แนวคดิ การจัดการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาสูศ่ ตวรรษ 21
ความร้แู ละทักษะสาคัญ การจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี 21
ภาคีแห่งศตวรรษที่ 21 ได้นาเสนอกรอบความคิดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท่ี
ประกอบด้วย สาระความรู้และทักษะท่ีสาคัญ ท่ีจาเป็นต้องพัฒนาให้เกิดข้ึนในตัวผู้เรียนในปัจจุบัน และ
อนาคต โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ในสาระวิชาแกนต่าง ๆ ให้เกิดการรู้ ความเข้าใจ และนาไปใช้ในชีวิตจริงได้ มี
ความรู้แนวคิดที่สาคัญ ในศตวรรษที่ 21 เรียนรู้และปฏิบัติทักษะในการทาวิจัยและปฏิบัติงานอย่าง
สร้างสรรค์

โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาจะต้องให้ความสาคัญกับทักษะแห่งศตวรรษ
ท่ี 21 เพื่อให้ การดาเนินงานบรรลุเปูาหมายและประสบผลสาเร็จ ทั้งในมิติของวิชาแกน แนวคิดท่ีสาคัญ
ทกั ษะสาคัญ และระบบสนบั สนนุ การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ไวด้ งั นี้

แนวคดิ สาคญั ในศตวรรษท่ี 21
แนวคิดสาคัญท่ีผู้เรียนจะต้องรู้และเข้าใจถึงความสาคัญที่มีต่อตนเองและสังคม และ

สามารถนาไปปฏิบัตใิ นการดารงชีวิตในสังคมทีม่ คี วามเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และทวั่ ถึงกนั คอื
1. จติ สานกึ ต่อโลก การอนุรักษ์ และพฒั นา
2. ความรู้พ้ืนฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาให้

เปน็ ผู้ทส่ี ามารถสร้างงาน สรา้ งรายไดเ้ ปน็ ของตัวเอง
3. ความรพู้ ้นื ฐานด้านพลเมือง การทาหนา้ ที่ของพลเมืองดีของประเทศ
4. ความรู้พื้นฐานด้านสุขภาพ การดูแล การปูองกันโรคภัยไข้เจ็บเพ่ือการดารงชีวิตอย่างมี

ความสุข
5. ความรู้พ้ืนฐานด้านส่ิงแวดล้อม การใช้ การดารงรักษา การปรับปรุงและพัฒนาให้

เหมาะสม

ทักษะทส่ี าคัญในการจัดการศึกษา

ทกั ษะต่าง ๆ ที่กลา่ วไว้ต่อไปนี้มีความจาเป็น และมคี วามสาคญั เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นทั้งสาระ
ความรู้ ความชานาญในการปฏิบัติ และคุณลักษณะสาคัญที่ต้องปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ จัดว่า
เป็นความรู้ ซงึ่ ตอ้ งเรยี นรแู้ ละฝึกปฏิบตั คิ วบค่กู ันไปในการเรยี นรทู้ ุกสาขาวิชา เช่น

1.ทักษะการเรียนรูแ้ ละนวัตกรรม (Learning and lnnovation Skills) ประกอบด้วย
- การคดิ เชงิ วพิ ากษ์ หรือคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ และแกป้ ัญหา
- การคดิ สร้างสรรค์ และนวตั กรรม
- การสอ่ื สารและการรว่ มมอื กันทางาน

2. ทักษะชวี ติ และการทางาน (Life and Career Skills)
เป็นทักษะที่สาคัญเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และเป็นทักษะ ที่ทุกคนต้องมีเพื่อการ

ดารงชวี ิตและเพ่ือการปฏิบัติงานในอาชีพ และผู้เรียนจะต้องได้รับการสอน การฝึกให้ปฏิบัติอย่าง สม่าเสมอ
เพื่อสง่ เสริมการเรียนร้แู ละเพ่อื พฒั นาการเรยี นรู้ โดยคณุ ลักษณะหรือสมรรถนะทที่ กุ คนต้องมี ประกอบดว้ ย

- ความยดื หยุ่น และความสามารถในการปรับตวั
- ความคดิ ริเริม่ และการช้นี าตนเอง กากับตนเอง
- ทกั ษะทางสังคม และการเรยี นรู้ขา้ มวฒั นธรรม
- การเพ่ิมผลผลิต คณุ ภาพของตนเอง และความรรู้ บั ผดิ ชอบ
- ความเปน็ ผูน้ า และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
3. ทักษะด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี (Information Communication and
Technology) ประกอบดว้ ย
- ความรพู้ ้นื ฐานด้านสารสนเทศ
- ความรพู้ ืน้ ฐานดา้ นสื่อตา่ ง ๆ และการใช้สอื่
- ความรู้พ้ืนฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร การเข้าถึงการใช้ข้อมูล การ
ส่อื สารและสื่อความหมายอยา่ งสรา้ งสรรค์

หลกั การสาคญั ในการจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี 21

หลักการในการจัดการศึกษาจะต้องให้ความสาคัญในเรื่อง “การกาหนดนโยบายให้มี
เอกภาพและใหม้ ีความหลากหลายในการปฏบิ ัติ” โดยใช้ยทุ ธศาสตรส์ าคัญคือ การกระจายอานาจ การบริหาร
และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้การกระจายอานาจการบริหาร และการมีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษาของทกุ ภาคสว่ นประสบความสาเร็จจึงจาเปน็ ตอ้ งมี ได้แก่

- การกาหนดมาตรฐานและการประกนั คุณภาพการศึกษา
- การสนับสนนุ เรื่องทรพั ยากรและการลงทนุ
- การผลิตและพฒั นาสอ่ื เทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา

จดั ทาโดย

1.นางสาววยิ ะดา จนั ทร์นวล รหสั นักศึกษา 621502122

2.นางสาวสริ นิ ภา พูนทา่ หวา้ รหัสนักศกึ ษา 621502125

3.นางสาวจุฬาลักษณ์ สีสอน รหสั นกั ศกึ ษา 621502204

4.นางสาวนุศรา เสาะสาย รหัสนกั ศึกษา 621502211

คณะครศุ าสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ ชัน้ ปที ี่ 3

เสนอ

อาจารย์ ดร.กนกกร พรชัยกุลวงษ์

รายวชิ าประวัติและการพัฒนาการทางคณิตศาสตร์ (5022910)
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏชยั ภูมิ


Click to View FlipBook Version