The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน rev1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หลักสูตรฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน rev1

หลักสูตรฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน rev1

หลักสูตรฝึกอบรมด้าน ส าหรับลูกค้าจ้างทั่วไป และลูกจ้างเข้าท างานใหม่ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อม ในการท างาน


2 สารบัญ 1. ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 1.30 ชม. 4 1.1 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ 5 1.2 ความสูญเสียจากอุบัติเหตุ / ผลกระทบโดยตรงของลูกจ้างเมื่อประสบอุบัติเหตุ / การสอบสวนอุบัติเหตุดีจริงหรือ ท าไมต้อง สอบสวนอุบัติเหตุ 6 1.3 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น พนักงานต้องปฏิบัติอย่างไร / การป้องกันตนเอง 7 2. กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 1.30 ชม. 9 2.1 การเข้า-ออก เขตพื้นที่ของร้าน / กฎแห่งความปลอดภัยทั่วไป / กฎแห่งความปลอดภัยในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้า 9 2.2 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานร้อนหรืองานที่มีประกายไฟ 10 2.3 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานที่เกี่ยวกับนั่งร้านและท างานบนที่สูง 10 2.4 ความปลอดภัยในการยกเคลื่อนย้ายของหนักด้วยมือ 11 2.5 การจราจรและความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ 12 2.6 กฎแห่งความปลอดภัยการท างานในที่อับอากาศ 13 2.7 กฎแห่งความปลอดภัยเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดพื้นที่ท างานและการรักษาสิ่งแวดล้อม 14 2.8 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานกับถังแรงดัน ถังออกซิเจน ถังแก๊ส 15 2.9 ความปลอดภัยในการท างานกับไฟฟ้า / ความปลอดภัยในการเตรียมน้ าร้อนด้วยไอน้ าร้อน 15 2.10 ความปลอดภัยในการใช้พื้นและบันไดหรือพื้นที่ต่างระดับ 16 2.11 ความปลอดภัยในการท างานล้างพื้นและอุปกรณ์ต่างๆ 16 2.12 ความปลอดภัยในการใช้สารเคมี / วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมี 17 3. ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 3.00 ชม. 19 3.1 ความหมาย / สัญลักษณ์ของสารเคมีอันตราย / การจัดการและการทิ้งวัสดุปนเปื้อนและของเสีย 19 3.2 มาตรฐานสีและเครื่องหมายความปลอดภัย / สีเพื่อความปลอดภัยและสีตัด / ป้ายเตือนความปลอดภัย 21 3.3 วิธีปฏิบัติเมื่อลูกจ้างประสบอันตราย 23 3.4 กองทุนเงินทดแทน / การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 24 3.5 การช่วยฟื้นคืนชีพ 25 3.6 อัคคีภัย / ประเภทของไฟ 27 3.7 ชนิดของถังดับเพลิง 28 3.8 การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง / วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพลิงไหม้ 29


3 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 1


4 หลักสูตรฝึกผบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน ส าหรับลูกจ้างทั่วไปและลูกจ้างท างานใหม่ 1. ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 2. กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 3. ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 1. ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 1.30 ชม. ศัพท์ที่ควรรู้ ความปลอดภัยในการท างาน หมายถึงอะไร ? ● สภาพและปัจจัยที่มีหรืออาจมีผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง หรือคนอื่นๆ รวมถึง คนงานผู้รับเหมา ผู้เยี่ยมชม หรือบุคคลอื่นๆ ในสถานที่ท างาน อุบัติเหตุ หมายถึงอะไร ? ● อุบัติเหตุ (Accidents) หมายถึง เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด และไม่ได้ควบคุมไว้ก่อน เมื่อ เกิดขึ้นแล้วมีผลท าให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือทรัพย์สินเสียหาย อันตราย หมายถึงอะไร ? ● อันตราย หมายถึง แหล่งหรือสภาพการที่มีโอกาสท าให้เกิดอันตรายต่อคนเราในลักษณะของการบาดเจ็บ เจ็บป่วย ความเสียหายต่อทรัพย์สิน สภาพแวดล้อมในการท างานหรือทั้งหมดที่กล่ามา เราต้องมีความ รับผิดชอบต่อตนเอง เพื่อนร่วมงานได้อย่างไร? ● เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเรียนรู้ ● ตาดูและฟังอย่างตั้งใจ ● เข้าร่วมในการฝึกปฏิบัติ ● ท าตัวให้คุ้นเคยกับงานที่ท า ● ระมัดระวังไม่ท าให้ตนเองบาดเจ็บและไม่ท าให้คนอื่นบาดเจ็บ


5 ท าไมจึงมีการบาดเจ็บ การบาดเจ็บจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสาเหตุ ภาพแสดงความสัมพันธ์ของสาเหตุในการบาดเจ็บ 1.1 สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ สาเหตุที่เกิดจากคน (การกระท าที่ต่ ากว่ามาตรฐาน) เช่น ● การใช้เครื่องมือโดยพลการ ขาดความรู้ความช านาญ ● ซ่อมแซมหรือบ ารุงรักษาเครื่องจักรในขณะที่ก าลังท างานอยู่ ● ถอดอุปกรณ์ความปลอดภัยจากเครื่องจักรโดยไม่มีเหตุอันควร ● ไม่ใส่ใจต่อการห้ามเตือนต่างๆ ● หยอกล้อในขณะท างาน ● ใช้เครื่องมือช ารุดและไม่ถูกวิธี ● ไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เป็นต้น สาเหตุที่เกิดจากสภาพที่ไม่ปลอดภัย (สภาพการณ์ที่ต่ ากว่ามาตรฐาน) เช่น ● ไม่มีครอบหรือเซฟการ์ด ● เครื่องจักร เครื่องมือที่ใช้ ออกแบบไม่เหมาะสม ● บริเวณพื้นที่ท างาน ลื่น ขรุขระ ● สถานที่ท างานสกปรก รุงรัง วางของไม่เป็นระเบียบ ● กองวัสดุสูงเกินไป และการซ้อนวัสดุไม่ถูกวิธี ● แสงสว่างไม่เหมาะสม เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ หรือจ้าเกินไป ● ไม่มีระบบระบายอากาศ และการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม ● ไม่มีระบบเตือนภัยที่เหมาะสม


6 1.2 ความสูญเสียจากอุบัติเหตุ/ ผลกระทบโดยตรงของลูกจ้างเมื่อประสบอุบัติเหตุ / การสอบสวน อุบัติเหตุดีจริงหรือ ท าไมต้องสอบสวนอุบัติเหตุ 1.2.1 ความสูญเสียจากอุบัติเหตุ ความสูญเสียทางตรง (Direct loss) คือ จ านวนเงินที่ต้องจ่ายไปอันเกี่ยวเนื่องกับผู้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากการ เกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นค่าเสียหายที่แสดงให้เห็นเด่นชัด ได้แก่ ● ค่ารักษาพยาบาล ● ค่าทดแทนจากการได้รับบาดเจ็บ ● ค่าท าขวัญ ● ค่าท าศพ ● ค่าประกันชีวิต ความสูญเสียทางอ้อม (Indirect loss) คือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ● การสูญเสียเวลาของผู้บาดเจ็บเพื่อรักษาพยาบาล ● ค่าใช้จ่ายเครื่องมือ เครื่องจักรที่เสียหาย ● วัตถุดิบได้รับความเสียหาย ● ผลผลิตลดลง ต้องหยุดชะงัก 1.2.2 ผลกระทบโดยตรงของลูกจ้างเมื่อประสบอุบัติเหตุ ● ขาดรายได้ระหว่างรักษาตัว ● สูญเสียโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ● กลายเป็นคนพิการ ● เป็นภาระของครอบครัว ● ท าให้ลูกๆ หมดอนาคตตามที่คาดหวังไว้ ● ท าให้ครอบครัวอยู่อย่างล าบาก แตกแยกเนื่อจากขาดผู้น า ● เป็นภาระต่อสังคม 1.2.3 การสอบสวนอุบัติเหตุดีจริงหรือ ท าไมจึงต้องสอบสวนอุบัติเหตุ ● เพื่อต้องการหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุ ● เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก


7 1.3 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น พนักงานต้องปฏิบัติอย่างไร / การป้องกันตนเอง 1.3.1 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น พนักงานต้องปฏิบัติอย่างไร ● เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตัวพนักงานหรือเพื่อนร่วมงาน ให้แจ้งต่อหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชารับทราบอย่าง รวดเร็วทุกครั้ง โดยไม่ลังเล เพราะถือเป็นความปลอดภัยในชีวิต และความรวดเร็วในการส่งตัวเพื่อการ รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ● หากพบการกระท าหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ต้องรายงานให้หัวหน้ารับทราบทันทีเพื่อหาสาเหตุและ ป้องกัน 1.3.2 การป้องกันตนเอง ● ถ้าคุณมีความกังวลที่เกี่ยวกับงาน ควรปรึกษาหัวหน้างาน ● จ าไว้ว่า การอยู่ดึก การดื่มจัด และการพนันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในวันรุ่งขึ้น ● สังเกตและปฏิบัติตามป้ายห้าม ป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด ● อย่าท างานในที่ลับตาคนเพียงคนเดียว โดยไม่มีใครทราบ โดยเฉพาะการท างานหลังเวลาท างานปกติ ● ต้องแต่งกายให้เรียบร้อยรัดกุม ไม่ขาดรุ่งริ่ง ห้ามมีส่วนยื่นห้อย และห้ามถอดเสื้อหรือนุ่งกางเกงขาสั้นใน ขณะที่ปฏิบัติงานตามปกติ ● ห้ามหยอกล้อเล่นกันในขณะปฏิบัติงาน ● ต้องใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาท างานในสภาพปกติที่สามารถใส่ได้ ● ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นตลอดเวลาท างานในสภาพปกติที่สามารถใส่ได้


กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 2


9 2. กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 1.30 ชม. 2.1 การเข้า-ออก เขตพื้นที่ของร้าน / กฎแห่งความปลอดภัยทั่วไป / กฎแห่งความปลอดภัยในการใช้ เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.1.1 การเข้า – ออก เขตพื้นที่ของร้าน ● พนักงานทุกคนที่จะเข้ามาท างานในร้าน ต้องผ่านการอบรมด้านความปลอดภัยส าหรับพนักงานใหม่ ● ต้องแต่งกายอย่างสุภาพให้ถูกต้องและเหมาะสม ● จอดรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ให้พื้นที่อนุญาตให้จอด 2.1.2 กฎแห่งความปลอดภัยทั่วไป ● ต้องปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย และป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด ● ต้องสวมใส่อุปกรณ์ PPE ให้ถูกต้อง และเหมาะสมตามลักษณะงาน ● อนุญาตให้สูบบุหรี่ในพื้นที่ ที่ได้ก าหนดไว้เท่านั้น และห้ามก่อไฟ จุดไฟภายในร้าน ● ห้ามนอน หรือรับประทานอาหารในบริเวณพื้นที่ในการท างาน ● ห้ามเสพยาเสพติดหรือของมึนเมา ● ห้ามพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด เข้ามาในเขตพื้นที่ของร้าน 2.1.3 กฏแห่งความปลอดภัยในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้า ● เครื่องมือไฟฟ้าต้องมีมาตรฐานรับรอง เช่น มอก. ● สายไฟต้องเป็นแบบฉนวนสองชั้น (VCT NYY) ● ปลั๊กไฟต้องเป็นแบบกันน้ า ● อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ช่างไฟฟ้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนการใช้งาน และจะต้องมีสติ๊กเกอร์ระบุการตรวจสอบหรือคัลเลอร์โค้ตติดอยู่ ● ผู้ใช้งานจะต้องตรวจสอบด้วยตนเองก่อนใช้งานทุกครั้ง ● ห้ามถอดอุปกรณ์ที่เป็นเซฟการ์ดออก ● ต้องถอดปลั๊กออกเมื่อแก้ไขหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ ● ก่อนเลิกงาน ต้องปิดสวิทช์หรือดึงปลั๊กไฟออกทุกครั้ง


10 2.2 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานร้อนหรืองานที่มีประกายไฟ ● ต้องมีใบอนุญาตท างาน HOT WORK PERMIT ● งานที่มีประกายไฟต้องจัดเตรียมถังดับเพลิงประจ าจุดที่ท างานอย่างน้อย 1 ถัง ขนาด 15 ปอนด์ FIRE RATTING 6A-20B ● งานที่มีประกายไฟ ต้องมีการปิดกั้น ก าบัง รองรับสะเก็ดลูกไฟ ● ต้องไม่มีวัตถุไวไฟ หรือวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายบริเวณพื้นที่ท างาน ● ต้องใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องและเหมาะสม ● ต้องใช้อุปกรณ์ PPE ตรงกับงาน เช่น ถุงมือหนัง กระบังหน้า หรือกระบังหน้าลดแสง 2.3 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานที่เกี่ยวกับนั่งร้านและท างานบนที่สูง ● การท างานตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป ถือว่าเป็นการท างานบนที่สูง ต้องใช้บันไดหรือนั่งร้านส าหรับท างาน ห้ามปีน ป่าย ● ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่ Safety Harness และคล้องเกี่ยวตลอดเวลา ● ติดตั้งแผ่นกันของตก Toe Board ● ราวกันตกต้องมั่นคงแข็งแรง มีความสูงไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตรจากพื้น ● ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน เช่น รถเครน ลวดสลิง เชือก ตะขอ สะเก็น ว่าอยู่ใน สภาพดีทุกครั้งก่อนเริ่มท างาน หากช ารุดห้ามน ามาใช้ ● ขณะที่มีพายุหรือฝนตก ผู้ปฏิบัติงานต้องหยุดท างานและลงมาข้างล่าง ● เมื่อมีความเสี่ยงที่จะตกลงมาจากที่สูง และอยู่ในที่สูงเกิน 4 เมตรขึ้นไป ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งให้ใช้เข็ม ขัดนิรภัยและสายช่วยชีวิต


11 2.4 ความปลอดภัยในการยกเคลื่อนย้ายของหนักด้วยมือ ● ต้องสวมถุงมือชนิดต่างๆ ให้เหมาะสมกับวัสดุที่จะยก ● ถ้ายกหนักเกินกว่าจะยกคนเดียวได้ ให้เรียกคนมาช่วยมากพอที่จะยกได้ โดยไม่ต้องฝืนออกแรงมากจนเกิน ก าลัง งอเข่าและคู้ลงต่ าใกล้ของให้ล าตัวชิดลง ให้หลังตรงเกือบเป็นแนวดิ่ง แล้วยื่นขาทั้งสองขึ้น ให้ใช้ขายก อย่าใช้หลังยก เมื่อจะวางของให้ท าวิธีย้อนกลับตามวิธีเดิม ● ไม่ควรก้มลงยกของ เพราะจะท าให้เกิดอันตรายต่อกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ ● ช่วยกันยก หากของที่จะยกนั้น ไม่สามารถยกคนเดียวได้ ควรหาคนช่วยยกหรือใช้เครื่องทุ่นแรง ● ส ารวจเส้นทางก่อนการยก ว่าไม่มีสิ่งของกีดขวางบนพื้นที่จะสะดุด ลื่นล้ม ● ควรจัดสภาพงานให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของพนักงาน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เนื่องจากยกของเป็นเวลานานๆ


12 2.5 การจราจรและความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ ● ตรวจสอบยานพาหนะทั่วไปก่อนเริ่มใช้งาน เพื่อก่อให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ● อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้อง สามารถขับขี่รถได้ ● จ ากัดความเร็วให้เป็นไปตามที่กฎหมายก าหนด และให้เคารพกฎที่ปรากฏบนป้ายจราจร ● ไม่อนุญาตให้ขับขี่รถที่เป็นที่หวาดเสียว ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ● การแซงอย่างปลอดภัยของยานพาหนะ ให้แซงในจุดที่อนุญาตให้แซงเท่านั้น ● พนักงานขับรถทุกคนต้องเปิดไฟรถให้สว่างก่อนมืด ● กรณีขณะขับรถยนต์ พนักงานต้องคาดเข็มขัดนิรภัย รถยนต์ทุกค้นต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ● กรณีขณะขับรถจักรยานยนต์ พนักงานต้องสวมใส่หมวกกันน็อคตลอดเวลาที่ขับขี่รถ ● พนักงานขับรถต้องปฏิบัติตามกฎที่ปรากฏบนป้ายจราจรและให้ทางกับผู้เดินบนพื้นถนน ● กฎระเบียบว่าด้วยการจราจรทั่วไป ให้มีผลใช้บังคับกับพนักงานขับรถของบริษัทฯ ด้วย ● ยานพาหนะที่จดทะเบียนทุกชนิดจะต้องมีสภาพใช้งานสมบูรณ์บนท้องถนน และมีประกันอุบัติภัยตาม กฎหมายก าหนด ● ห้ามบรรทุกวัสดุอุปกรณ์ที่มีน้ าหนักเกินขีดจ ากัดและมีวัสดุยื่นออกมานอกตัวรถ ● การบรรทุกวัสดุอุปกรณ์เพื่อการขนส่งจะต้องมีความปลอดภัย มั่นคง และไม่ท าให้วัสดุตกหล่นหรือรั่วไหลบน พื้นถนน ● ห้ามจอดรถขวางทาง ทางเข้าออกหรือเส้นทางฉุกเฉิน ● ก่อนเติมน้ ามันเชื้อเพลิง เพื่อป้องกันอันตรายจากการระเบิดและอัคคีภัย ให้ดับเครื่องยนต์ให้สนิท ปิด โทรศัพท์มือถือ และห้ามสูบบุหรี่


13 2.6 กฎแห่งความปลอดภัยการท างานในที่อับอากาศ “ที่อับอากาศ” หมายถึง ที่ซึ่งมีทางเข้า-ออกจ ากัด และมีการระบายอากาศไม่เพียงพอที่จะท าให้อากาศภายในอยู่ ในสภาพถูกสุขลักษณะและปลอดภัย เช่น อุโมงค์ ถ้ า บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ ามมัน ถังไซโล ท่อ เตา ภาชนะหรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน กฎแห่งความปลอดภัยการท างานในที่อับอากาศ ● ต้องมีใบอนุญาตท างานในที่อับอากาศ (Confined space permit) ● ผู้ที่จะท างานต้องผ่านการอบรมตามกฎหมายก าหนด ● ต้องมีการตรวจวัดออกซิเจนและสารไวไฟก่อนเริ่มงาน ● ต้องมีแสงสว่างเพียงพอในการท างาน ● ต้องมีช่องทางหนีภัย ● ต้องจัดให้มีการระบายอากาศที่เหมาะสม


14 2.7 กฎแห่งความปลอดภัยเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดพื้นที่ท างานและการรักษาสิ่งแวดล้อม การรักษาความสะอาดพื้นที่การท างานมีส่วนช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการท างานและช่วยลดอุบัติเหตุจาก การท างาน ● ต้องรักษาความสะอาดพื้นที่การท างานตลอดเวลา ● ต้องมีการคัดแยกขยะ ขยะทั่วไป ขยะจากงานก่อสร้าง และขยะอันตราย ● ต้องไม่ทิ้งสารเคมีลงสู่รางระบายน้ า หรือพื้นดิน ● ต้องมีการก าจัดภาชนะที่บรรจุสารเคมีอย่างถูกวิธี


15 2.8 กฎแห่งความปลอดภัยในการท างานกับถังแรงดัน ถังออกซิเจน ถังแก๊ส ● ถังแรงดัน เช่น ถังออกซิเจน ถังแก๊ส อะเซติลีน ต้องตั้งถังและผูกมัดให้มั่นคง ● ห้ามนอนถัง ห้ามกลิ้งหรือท าให้เกิดแรงกระแทก ● ต้องมีการตรวจสอบการรั่วซึมก่อนการใช้งาน ● PRESSURE GAUGE ต้องสมบูรณ์ ไม่ช ารุด ● สายรับแรงดันต้องมีสภาพสมบูรณ์ ไม่แตก 2.9 ความปลอดภัยในการท างานกับไฟฟ้า / ความปลอดภัยในการเตรียมน้ าร้อนด้วยไอน้ าร้อน 2.9.1 ความปลอดภัยในการท างานกับไฟฟ้า ● ศึกษาคู่มือวิธีการใช้งาน ข้อควรระวัง ของเครื่องใช้ อุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นอย่างดี ● ตรวจสอบอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนใช้งานเสมอ ● เมื่อพบสิ่งผิดปกติ เช่น สายไฟ ปลั๊กไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าช ารุด ต้องรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที ● เมื่อเสียบหรือถอดปลั๊ก ให้จับที่ปลั๊ก ห้ามจับที่สายไฟ เพราะฉนวนไฟฟ้าอาจช ารุดและลัดวงจร (ไฟฟ้าช็อต) ได้ ● ปิดตู้สวิทช์ไฟฟ้าเสมอ และห้ามวางสิ่งกีดขวาง ● ห้ามใช้ไฟฟ้าเกินก าลัง ● เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องจัดให้มีการต่อสายดิน ● หลังเลิกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ปิดสวิทช็ และดึงปลั๊กไฟออกทุกครั้ง ● ปฏิบัติงานตามวิธีการมาตรฐานการปฏิบัติงาน ระบบปิดล็อคและติดป้ายเตือน (Lock out / Tag out) - อย่า! แตะต้องอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อตัวเปียกชื้น - ก่อนซ่อมเครื่องจักรต้องตัดกระแสไฟก่อน - ห้ามใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช ารุด 2.9.2 ความปลอดภัยในการเตรียมน้ าร้อนด้วยไอน้ าร้อน ● ท าความสะอาดภาชนะที่บรรจุน้ าร้อน ● เติมน้ าใส่ภาชนะในระดับที่ต้องการ ● ใส่ถุงมือกันร้า และจับท่อน้ าร้อนให้มั่นคง เปิดไอน้ าร้อนโดยปลายท่ออยู่ใต้น้ า ป้องกันการสะบัดของสายท่อ โดยการถ่วงด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง เช่น ท่อสแตนเลส เมื่ออุณหภูมิของน้ าร้อนได้ตามที่ต้องการให้ปรับ วาล์วไอน้ าร้อนลง เพื่อรักษาอุณหภูมิ ● เมื่อใช้งานเสร็จ ให้ปิดวาล์วไอน้ าร้อน และเปิดน้ าเพื่อไล่ความร้อนที่ค้างท่อ ● เมื่อเลิกใช้งาน ต้องรอหรือท าให้อุณหภูมิของน้ าเย็นลงก่อนเททิ้ง ● ท่อน้ าร้อนต้องมีฉนวนหุ้มป้องกันความร้อน และติดป้ายเตือน “ระวังอันตรายจากน้ าร้อน” ข้อควรระวัง


16 2.10 ความปลอดภัยในการใช้พื้นและบันไดหรือพื้นที่ต่างระดับ ● ต้องจัดให้มีการท าความสะอาดพื้น ให้ปราศจากน้ า รอยเปื้อน ● เก็บเศษวัสดุต่างๆ ออกจากพื้น เพราะเป็นสาเหตุให้ลื่นหกล้มได้ ● อย่าติดตั้งสิ่งดึงดูดความสนใจ เช่น กระจกเงา ภาพโปสเตอร์ เครื่องประดับ ไว้บริเวณบันไดหรือพื้นที่ต่าง ระดับ ● จับราวบันไดเมื่อเดิน ขึ้น-ลง และห้ามวิ่ง ● ควรติดตั้งกระจกเงาท ามุม ให้บริเวณมุมอับที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ● ห้ามจัดเก็บอุปกรณ์ กล่อง สิ่งของต่างๆ ในบริเวณทางเดินหรือช่องประตู ● ห้ามถือหรือยกสิ่งของจ านวนมากสูงจนบังสายตา ● ห้ามผู้ปฏิบัติงานเล่นหยอกล้อกันขณะขึ้น-ลงบันไดหรือพื้นที่ต่างระดับ 2.11 ความปลอดภัยในการท างานล้างพื้นและอุปกรณ์ต่างๆ งานล้างพื้น ● ต้องปิดฝาครอบเต้าเสียบที่อยู่ตามผนังให้หมด เต้าเสียบใดไม่มีฝาครอบให้ใช้เทปกาวปิด ● บริเวณที่มีคราบไขมัน ควรท าความสะอาดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการลื่น ● บริเวณทางเดินนอกอาคาร หลังท าความสะอาดแล้ว ให้กวาดน้ าออกจากทางเดินให้หมด งานล้างอุปกรณ์ต่างๆ ● สวมใส่ถุงมือยาง เอี๊ยม เพื่อป้องกันคลอรีน และป้องกันเสื้อผ้าเปียก ● ความเข้มข้นของคลอรีนที่ใช้ ต้องไม่เกิน 200 ppm ● อุปกรณ์ที่มีคม ควรใช้แปรงหรืออุปกรณ์ช่วยส าหรับการขัดถู ● ไม่โยนอุปกรณ์ลงในอ่างคลอรีน เพื่อป้องกันคลอรีนกระเด็นเข้าตา ● หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้รีบแจ้งหัวหน้างานหรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย


17 2.12 ความปลอดภัยในการใช้สารเคมี/ วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมี 2.12.1 ความปลอดภัยในการใช้สารเคมี ● อ่านฉลากจากภาชนะบรรจุสารเคมีเกี่ยวกับคุณสมบัติของสารเคมี ข้อควร ระวัง และวิธีป้องกันควบคุมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก่อนใช้ ● ขณะเคลื่อนย้าย / ถือขวดสารเคมีควรใช้มือทั้งสองข้าง และตรวจเช็คฝาว่า ปิดสนิทแล้วทุกครั้งก่อนเคลื่อนย้ายหรือยกสารเคมี ● สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ก าหนดไว้ให้ใช้ในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมี เช่น ถุงมือกันสารเคมี แว่นตากันสารเคมี รองเท้าบูทกันสารเคมี เป็นต้น ● ในกรณีที่มีการผสมสารเคมีจะต้องปฏิบัติงานอย่างช้าๆ และด้วยความระมัดระวัง ตั้งแต่การเปิดฝาขวดอย่าง ระมัดระวังและช้าๆ เช่นกัน ● พยายามไม่ให้สารเคมีกระเด็นถูกร่างกาย และพยายามหลีกเลี่ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ให้เข้าใกล้สารเคมี เมื่อกระเด็นถูกร่างกาย รีบท าความสะอาดหรือล้างด้วยน้ าเปล่าทันที ● ต้องล้างมือให้สะอาดทุกคร้งหลังปฏิบัติงานกับสารเคมี 2.12.2 วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมี ● กรณีที่สารเคมีกระเด็นเข้าตา ให้ล้างตาที่บริเวณอ่างล้างตาฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด ทันที ล้างตาด้วยน้ าสะอาดโดยให้น้ าไหลผ่านนานอย่างน้อย 15 นาที และรีบ น าส่งโรงพยาบาล ● กรณีที่สารเคมีกระเด็น / หกรดผิวหนังหรือร่างกาย ล้างบริเวณที่สัมผัสกับ สารเคมีด้วยน้ าสะอาดนานอย่างน้อย 15 นาที แล้วถอดเสื้อผ้าที่ถูกสารเคมี ออกทันที รีบน าส่งโรงพยาบาล ● กรณีที่สารเคมีรั่วไหลในปริมาณที่ไม่มาก ให้รีบเช็ดและท าความสะอาดทันที โดยขณะที่เช็ดหรือท าความ สะอาดจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยด้วย ในกรณีที่สารเคมีรั่วไหลปริมาณมาก รีบแจ้งให้หัวหน้างาน ทราบทันทีเพื่อแจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องและหามาตรการป้องกันแก้ไขต่อไป ในกรณีที่มีการใช้น้ าฉีดเพื่อเจือจาง ความเข้มข้นสารเคมี น้ าที่ฉีดล้างต้องลงสู่ท่อระบายสารเคมีเฉพาะ เพื่อการบ าบัดน้ าเสียที่มีสารเคมีเจือปน


ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน 3


19 3. ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการท างาน : 3.00 ชม. 3.1 ความหมาย / สัญลักษณ์ของสารเคมีอันตราย / การจัดการและการทิ้งวัสดุปนเปื้อนและของเสีย 3.1.1 ความหมาย ● ข้อบังคับ หมายถึง ข้อก าหนดที่ตั้งขึ้นส าหรับบังคับให้พนักงานปฏิบัติตาม ● กฎ หมายถึง ข้อบังคับต่างๆ ที่บริษัทก าหนดขึ้น ● ระเบียบ หมายถึง ข้อบังคับเกี่ยวกับการท างานหรือข้อพึงปฏิบัติ 3.1.2 สัญลักษณ์ของสารเคมีอันตราย ● สารไวไฟ ● สารที่ท าปฏิกิริยาได้เอง ● สารที่ลุกติดไฟได้เองในอากาศ ● สารที่เกิดความร้อนได้เอง ● สารที่สัมผัสน้ าแล้วให้ก๊าซไวไฟ ● สารออกซิไดส์ ● สารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์ ● วัตถุระเบิด ● สารที่ท าปฏิกิริยาได้เอง ● สารกัดกร่อน (โลหะ / ผิวหนัง / ดวงตา)


20 ● ความเป็นพิษเฉียบพลัน (ประเภท 1-2-3) ● การระคายเคืองต่อดวงตา / ผิวหนัง ● การท าให้ไวต่อการกระตุ้นอาการแพ้ต่อผิวหนัง ● ความเป็นพิษต่อระบบอวัยวะเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง (ประเภท 3) ● ความเป็นพิษเฉียบพลัน (ประเภท 4) ● การก่อมะเร็ง ● การท าให้ไวต่อการกระตุ้นอาการแพ้ต่อระบบทางเดินหายใจ ● ความเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ● ความเป็นพิษต่อระบบอวัยวะเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ● การก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ ● อันตารยจากการส าลัก ● ความเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในน้ า (ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง)


21 3.1.3 การจัดการและการทิ้งวัสดุปนเปื้อนและของเสีย ● ต้องมีระบบการจ าแนกและการแบ่งแยกขยะที่เหมาะสม ● วัสดุมีคม ติดเชื้อ เช่น เศษแก้วแตก วัสดุเหล่านี้ต้องทิ้งในภาชนะที่เหมาะสม ● วัสดุติดเชื้อส าหรับการนึ่งฆ่าเชื้อและล้างเพื่อน ากลับมาใช้ใหม่ จะต้องท าความสะอาดหลังการฆ่าเชื้อแล้ว เท่านั้น ● วัสดุติดเชื้อจะต้องนึ่งฆ่าเชื้อก่อนน าไปทิ้งทุกครั้ง 3.2 มาตรฐานสีและเครื่องหมายความปลอดภัย / สีเพื่อความปลอดภัยและสีตัด / ป้ายเตือนความ ปลอดภัย 3.2.1 มาตรฐานสีและเครื่องหมายความปลอดภัย


22 3.2.2 สีเพื่อความปลอดภัยและสีตัด สีเพื่อความปลอดภัย ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน สีตัด สีแดง - หยุด - ห้าม - เครื่องหมายหยุด - เครื่องหมายอุปกรณ์หยุดฉุกเฉิน - เครื่องหมายห้าม สีขาว สีเหลือง - ระวัง - มีอันตราย - ชี้บ่งว่ามีอันตราย - ชี้บ่งเขตอันตราย - เครื่องหมายเตือน สีด า สีฟ้า - บังคับให้ต้องปฏิบัติ - บังคับให้ต้องสวมใส่ PPE - เครื่องหมายบังคับ สีขาว สีเขียว - แสดงสภาวะปลอดภัย - ทางหนีไฟ, พยาบาล - จุดรวมพล, ทางออกฉุกเฉิน สีขาว 3.2.3 ป้ายเตือนความปลอดภัย


23 3.3 วิธีปฏิบัติเมื่อลูกจ้างประสบอันตราย ● กท. 16 คือ แบบแจ้งการประสบอันตราย เจ็บป่วยหรือสูญหาย และค่าร้องขอรับเงินทดแทนตาม พ.ร.บ. เงิน ทดแทน พ.ศ. 2537 ● กท. 44 คือ แบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงิน ทดแทน เมื่อลูกจ้างประสบอันตราย จะต้องจัดให้ลูกจ้าได้รับการพยาบาลทันที ในสถานพยาบาลใดก็ได้ โดย ส ารองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน หรือใช้แบบ กท. 44 ส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษา หากสถานพยาบาลนั้น เป็นสภานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน โดยนายจ้างต้องแจ้งการประสบอันตรายตามแบบ กท. 16 และส าเนาแบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารักษาพยาบาล (กท. 44) ต่อส านักงานประกันสังคมที่ลูกจ้างประจ า ท างานอยู่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบการประสบอันตรายของลูกจ้าง ***นายจ้างต้องแจ้งการประสบอันตรายตามแบบ กท. 16 และส าเนาแบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารักษาพยาบาล (กท. 44) ต่อส านักงานประกันสังคมที่ลูกจ้างประจ าท างานอยู่ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบการประสบอันตรายของลูกจ้าง กท. 16 แบบแจ้ง การประสบอันตราย เจ็บป่วย สูญหาย กท. 44 แบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการ รักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลในความตกลง ของกองทุนเงินทดแทน เงินทดแทน พ.ศ. 2537 ส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษา ใช้แบบ กท. 44 ที่ สถานพยาบาลนั้นเป็นสถานพยาบาลในความตกลง ของกองทุนเงินทดแทน


24 3.4 กองทุนเงินทดแทน / การปฐมพยาบาลเบื้องต้น 3.4.1 กองทุนเงินทดแทน บริษัทฯ ได้จดทะเบียนไว้ต่อกองทุนเงินทดแทน ส านักงานประกันสังคม และได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ดังกล่าว ตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินทดแทน ซึ่งพนักงานจะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่พนักงาน ประสบอันตราย เจ็บป่วย หรือถึงแก่กรรม เนื่องจากการปฏิบัติงานในหน้าที่ หรือจากโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือ สภาพของงาน โดยพนักงานจะได้รับเงินทดแทนตามที่กฎหมายก าหนด 3.4.2 การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ● บาดแผล ● ห้ามเลือด ● เช็ดบาดแผลด้วยแอลกอฮอล์ ● ใส่ยาทาแผล น้ าร้อนลวก ● ใช้น้ าเย็น หรือน้ าสะอาดไหลผ่านแผลเบาๆ ประมาณ 10 – 15 นาที ● ทาด้วยยาทาแผลน้ าร้อนลวก แผลฟกช้ า ● ใช้น้ าแข็งประคบ ● หลังจาก 24 ชั่วโมงผ่านไป ให้ใช้น้ าอุ่นประคบ ข้อเคล็ด ● พักข้อนั้นนิ่งๆ แล้วพันผ้ายึดไว้ กระดูกหัก ● ให้ส่วนที่หักอยู่นิ่งๆ แล้วใช้ไม้หรือวัตถุอื่นดามไว้ ● ถ้ามีกระดูกโผล่ ให้ใช้ผ้าสะอาดปิดแผลไว้ ห้ามดันกระดูกเข้าที่เดิม เป็นลม ● พาเข้าสู่ที่ร่มและอากาศถ่ายเทสะดวก ● ให้นอนราบ ปลดกระดุมเสื้อผ้าเพื่อให้หายใจสะดวก ● ให้ดมแอมโมเนีย


25 3.5 การช่วยฟื้นคืนชีพ ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Cardio Pulmonary Resuscitation: CPR) หมายถึง การปฏิบัติเพื่อช่วยชีวิตคนหัวใจหยุดเต้น หรือคนที่หยุดหายใจอย่างกระทันหัน โดยไม่ต้องใช้ เครื่องมือทางการแพทย์ แต่ใช้แรงมือกดที่หน้าอก และเป่าลมเข้าปากผู้ป่วย ก็สามารถท าให้หัวใจที่หยุดเต้น สามารถ กลับมาเต้นใหม่ได้ เลือดไปเลี้ยงสมองได้ ในปัจจุบัน การเจ็บป่วยในกรณีฉุกเฉินเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และในสภาวะที่การจราจรในบ้านเราติดขัดมากขึ้น ทุกวัน รถพยาบาลฉุกเฉินเป็นสิ่งที่จ าเป็นส าหรับผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าต้องอยู่บ้านตามล าพัง และมีโรค ประจ าตัว ลูกหลานต้องออกไปท างาน หรือเรียนหนังสือ หากเจ็บป่วยขึ้นมากระทันหันจะเดินทางไปโรงพยาบาลได้ ทันท่วงทีได้อย่างไร หากท่านพบผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ หรือป่วยฉุกเฉินให้รีบโทรแจ้งที่สายด่วน 1669 ทันที เพื่อให้ทีมกู้ ชีพรีบไปท าการรักษา ณ จุดเกิดเหตุ และน าส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ควรเรียนรู้เรื่องการฟื้นคืนชีพ ขั้นพื้นฐาน หรือ การปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บที่หมดสติระหว่างที่ทีมกู้ชีพเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน คือ การช่วยชีวิตคนหัวใจหยุดเต้นหรือคนที่หยุดหายใจกระทันหันจากระบบ ไหลเวียนเลือดและระบบหายใจล้มเหลว ลักษณะของผู้ป่วยที่ต้องท าการฟื้นคืนชีพ ● หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ● ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ***ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในผู้ป่วยอายุ 8 ปีขึ้นไป*** เมื่อท่านพบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินหมดสติให้ปฏิบัติดังนี้ ● หากผู้ป่วย ไม่ตอบสนองให้เรียกขอความช่วยเหลือ ● โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ ผ่านหมายเลข 1669 ให้เร็วที่สุด ● ตรวจดูว่าผู้ป่วยหายใจหรือไม่ หากไม่หายใจหรือหายใจเฮือก ให้กดนวดหัวใจ ● การกดนวดหัวใจจัดให้ผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นแข็ง โดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างของผู้ป่วย วางส้นมือ ลงไป ขนานกับแนวกึ่งกลางหน้าอก (กึ่งกลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้างของผู้ป่วย) แล้วน ามืออีกข้างมา ประกบ ประสานนิ้วและท าการล็อคนิ้ว กระดกข้อมือขึ้น โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกเท่านั้น โน้มตัวมาให้ แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย ● แขนตรงและตึง ออกแรงกดลงไปโดยใช้แรงจากหัวไหล่ จุดหมุนอยู่ตรงสะโพก กดให้หน้าอกยุบลงไปอย่าง น้อย 5 เซนติเมตร โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกผู้ป่วยตลอดการนวดหัวใจ ● ส้นมือไม่หลุดออกจากหน้าอกผู้ป่วย ด้วยความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้ง / นาที


26 เปิดทางเดินหายใจ ถ้าผู้ช่วยเหลือมีเพียงคนเดียว ให้ท าการกดหน้าอกอย่างเดียวในอัตราอย่างน้อย 100 ครั้ง / นาที จนกว่าทีมกู้ ชีพจะมาถึงช่วยการหายใจ ถ้าผู้ป่วยเป็นญาติสนิทและมั่นใจว่าไม่เป็นโรคติดต่อใดๆ ท าการช่วยหายใจโดยการเป่าปาก ผู้ป่วย 2 ครั้ง โดยวางปากผู้ช่วยเหลือครอบปากผู้ป่วยให้แนบสนิท บีบจมูกผู้ป่วยให้แนบสนิทและเป่าลมเข้าไป โดย การเป่าแต่ละครั้งให้ยาวประมาณ 1 – 2 วินาที จนเห็นหน้าอกผู้ป่วยยกตัวขึ้นพร้อมกับปล่อยให้หน้าอกผู้ป่วยยุบลงมา อยู่ต าแหน่งเดิมก่อนที่จะเป่าครั้งที่ 2 “หากไม่มั่นใจ ให้กดหน้าอกเพียงอย่างเดียวต่อไปเรื่อยๆ หรือสลับกับผู้ช่วยเหลือคนอื่น เมื่อครบ 2 นาที” สรุปการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ● กรณีผู้ช่วยเหลืออยู่คนเดียว ให้กดหัวใขอย่างน้อย 100 ครั้ง / นาที ต่อเนื่องจนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง ● กรณีผู้ช่วยเหลือมากกว่า 1 คน ในหนึ่งรอบของการช่วยฟื้นคืนชีพ คือการปฏิบัติการกดนวดหัวใจ 30 ครั้ง และช่วยหายใจจ านวน 2 ครั้ง และท าอย่างต่อเนื่องกันทั้งหมด 5 รอบ (ใช้เวลาประมาณ 2 นาที) ท าสลับกัน ไปจนกว่า จะพบว่าผู้ป่วยมีการไอ ขยับตัว มีการหายใจ หรือทีมช่วยเหลือมาถึง เราจึงหยุดได้ ● การฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานนั้น จะได้ผลดีต้องกระท าภายใน 4 นาที หลังผู้ป่วยหยุดหายใจ


27 3.6 อัคคีภัย / ประเภทของไฟ 3.6.1 อัคคีภัย องค์ประกอบของไฟ ประกอบไปด้วย ● ออกซิเจน ท าให้การลุกไหม้เกิดอย่างต่อเนื่อง ● ความร้อน ท าให้อุณหภูมิถึงจุดติดไฟ ● เชื้อเพลิง สนับสนุนการลุกไหม้ 3.6.2 ประเภทของไฟ ● Class A คือ ไฟที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่เป็นของแข็งทั่วไป เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสติก ยาง เป็นต้น การดับไฟ ใช้วิธีลดความร้อน ● Class B คือ ไฟที่เกิดจากของเหลวติดไฟ หรือก๊าซไวไฟ เช่น น้ ามันเชื้อเพลิง สี แลกเกอร์ จาระบี การดับไฟท าให้อับอากาศ หรือตัดปฏิกิริยาลูกโซ่ ● Class C คือ ไฟที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังมีกระแสไฟฟ้า ไหลอยู่ เช่น มอเตอร์ หม้อแปลง เครื่องใช้ไฟฟ้า การดับไฟ ใช้วิธี ตัดปฏิกิริยาลูกโซ่ ● Class D คือ ไฟที่เกิดจากโลหะติดไฟ หรือก าเนิดแก๊สติดไฟ เมื่อ สัมผัสกับอากาศ เช่น แมกนิเซียม อลูมีเนียมที่เป็นผง การดับไฟ นิยมลดอุณหภูมิด้วยการกลบด้วยทรายแห้ง ● Class K คือ ไฟที่เกิดจากน้ ามันไขข้น เช่น น้ ามันพืช น้ ามันจาก สัตว์ การดับไฟ ท าให้อับอากาศ


28 3.7 ชนิดของถังดับเพลิง ● ชนิดผงเคมีแห้ง (นิยมบรรจุถังสีแดง) ควรใช้ภายนอกอาคาร เพราะผงเคมีเป็นฝุ่นฟุ้ง กระจาย ท าให้เกิดความสกปรก และอาจท าให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้ สามารถดับไฟ ได้ทั้งประเภท A B และ C ● ชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (นิยมบรรจุถังสีแดง มีกระบอก) สายฉีดเป็นปากแตร พ่นหมอกหิมะออกไล่ความร้อน และออกซิเจน ใช้ดับเพลิงประเภท B และ C ● ชนิดน้ ายาเหลวระเหย (นิยมบรรจุถังสีเขียว) แต่เดิมบรรจุน้ ายาเหลวระเหยชนิดที่มีสาร CFC ไว้ในถังสีเหลือง ใช้ดับไฟได้ดีแต่มีสารพิษ ปัจจุบันบรรจุน้ ายาเหลวระเหยที่ไม่เป็น พิษต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ดับเพลิงประเภท A B และ C ● ชนิดฟองโฟม (นิยมบรรจุในถังอลูมิเนียมหรือสแตนเลส มีหัวฉีดเป็นหัวฝักบัว) ใช้ดับไฟ เฉพาะประเภท A และ B เท่านั้น เนื่องจากมีน้ าเป็นองค์ประกอบ จึงห้ามใช้กับประเภท C ● ชนิดละอองน้ าแรงดันต่ า ภายในบรรจุน้ ายาเคมีน าเข้าจากต่างประเทศ สามารถดับเพลิงได้ ครอบคลุมทุกประเภท ซึ่งในประเทศไทยได้มีการเปิดตัวถังดับเพลิงชนิดนี้ไม่นาน จึงยังไม่ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ในอนาคต ถังดับเพลิงจะถูกเปลี่ยนเป็นชนิดนี้ทั้งหมด


29 3.8 การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง / วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพลิงไหม้ 3.8.1 การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง ขั้นตอนการใช้ถังดับเพลิงมี 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ดึง : ดึงสลักออกจากคันบีบ โดยการหมุนสลักจนตัวยึดขาด 2. ปลด : ปลดสายหัวฉีดออกจากตัวถังดับเพลิง และจับปลายสายชี้ ไปที่ฐานของกองไฟ 3. กด : กดคันบีบ เพื่อให้น้ ายาดับเพลิงพุ่งออกมาจากหัวฉีด 4. ส่าย : ส่ายปลายสายฉีดไปที่ฐานของไฟ ให้น้ ายาดับเพลิงพ่น ออกไปได้ทั่วๆ อย่าฉีดที่เปลวไฟ เพราะไฟจะไม่ดับ ข้อควรจ า : การฉีดน้ ายาดับเพลิงสามารถฉีดต่อเนื่องได้ประมาณ 20 – 30 วินาทีเท่านั้น การใช้สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ● กดปุ่ม PUSH ● กดในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ● ห้ามกดเล่นโดยเด็ดขาด


30 ผู้อ านวยการดับเพลิง สั่งใช้แผนอพยพหนีไฟ ไปจุดรวมพล ผู้น าทางถือธงสัญญาณธง แดงน าพนักงานออกจากที่ เกิดเหตุไปตามเส้นทางหนีไฟ ผู้น าทางน า พนักงานไปยังจุด รวมพล ผู้ควบคุมตรวจเช็ค พนักงาน ผู้ควบคุมแจ้งผล การนับแก่ ผอ. ผอ. ดับเพลิงแจ้งพนักงานให้ อยู่ ณ จุดรวมพล จน เหตุการณ์สงบและให้ สงเคราะห์ตามสมควร ผอ. ดับเพลิงสั่งชุด ค้นหาช่วยชีวิต หน่วยค้นหาและ ช่วยชีวิตรายงาน น าส่งโรงพยาบาล สงเคราะห์ตามสมควร 3.8.2 วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพลิงไหม้ 1. ร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้” หรือ ดึงปุ่มสัญญาณแจ้งเหตุที่อยู่ใกล้ที่สุด 2. ถ้ามีวัสดุที่ติดไฟอยู่ใกล้เคียง ให้เคลื่อนย้ายออก 3. น าถังดับเพลิงดับ 4. อยู่ในจุดปลอดภัย เพื่อเตรียมพร้อมอพยพ 5. ใช้บันไดหนีไฟในการอพยพ ห้ามใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาด 6. ก้มต่ าหรือหมอบคลาน เมื่อมีหมอกควันหนาแน่น ไปรวม ณ จุดรวมพล แผนอพยพหนีไฟ ล าดับขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อได้รับค าสั่งให้หนีไฟ จ ำนวนพนักงำน ครบ จ านวนพนักงาน ไม่ครบ ได้รับ บาดเจ็บ ไม่ได้รับ บาดเจ็บ


31


Click to View FlipBook Version