หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 Talented Teens
รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาอังกฤษ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เวลาเรียน 8 ชั่วโมง
1. เป้ าหมายของการเรียนรู้
คาถามรวบยอด
How do you talk about your experience?
1.1 ความเข้าใจทค่ี งทน
Talking about experiences helps students communicate easily.
1.2 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา่ งๆ โดยการ
พูดและการเขียน
ตัวชี้วัด อา่ นออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ
ต 1.1 ม.3/2 อ่าน
ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและ
ยกตวั อยา่ งประกอบ
ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องตา่ งๆ ใกลต้ วั สถานการณ์
ข่าว เร่ืองท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม
ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขียนบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ งๆ
กิจกรรม ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตุการณ์ พร้อมท้งั ให้เหตุผลประกอบอยา่ ง
เหมาะสม
214
ต 1.3 ม.3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเด็น
ตา่ งๆ ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม.3/3 พูดและเขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบ
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของ
ภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ตัวชีว้ ัด เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
ต 2.1 ม.3/3
ต 2.2 ม.3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียง
ประโยคชนิดตา่ งๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ
ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั
ต 4.1 ม.3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองทีเ่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
1.3 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การพดู /เขยี นสรุปใจความสาคญั และแสดงความคดิ เห็นจากการฟังและอา่ น รวมท้งั การพูดและเขยี น
โตต้ อบเกี่ยวกบั ตนเอง และประสบการณ์ ตอ้ งใชค้ า ประโยคทถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั บุคคล สถานการณ์
1.4 สาระการเรียนรู้
1.4.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Different dance styles
folk dancing, ballroom dancing, Latin American dancing,
disco dancing, ballet, rock ‘n’ roll, hip hop, break dancing
Verbs to talk about personal experiences
flown, won, broken, been, seen, lost, sung, met, eaten
215
Others
sleepover, etiquette, keep their distance, academic, protest,
opportunity, viewer, producer, tax, contestant, elect, break a leg!
Functions: Talking about how long one has done an activity
Grammar: How long have you studied dance?
Pronunciation:
2) Language Skills Since I was 6, but I’ve been a break dancer for 3 years.
Listening:
Speaking: Talking about things that we do well or badly
Reading: He really good at dancing. I was hopeless at ‘flares’.
Writing:
Talking about experiences
Have you ever visited Barcelona? Yes, I have.
When did you go there? I went there six months ago.
When he was 12, he won the 11-13 category at the London Mini
Marathon.
He has won numerous medals at competitions all over the world.
Present perfect – How long…?
for / since
Adjectives + preposition
Present perfect vs Past simple
Rhyming words
ฟังและระบุเฉพาะ
สนทนาเกี่ยวกบั ระยะเวลาในการทาส่ิงตา่ งๆ และประสบการณ์ของบุคคล
พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั รูปแบบการเตน้ ทชี่ อบ
พดู แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทอ่ี ่าน
พูดแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ประสบการณข์ องตนเองเกี่ยวกบั เพ่อื น และ
ความสมั พนั ธใ์ นครอบครัว แลว้ เปรียบเทียบกบั เรื่องทอี่ า่ น
พดู ใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ประสบการณส์ ่วนตวั
พูดนาเสนอเก่ียวกบั สิ่งทีส่ ามารถทาไดด้ ี
อา่ นเพอื่ จบั ใจความสาคญั และสรุปยอ่
อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านออกเสียงบทกลอนส้นั ๆ
เขยี นประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างภาษาที่เรียน
216
1.5 ทักษะการคดิ 1.5.2 ทกั ษะการสังเกต
1.5.1 ทกั ษะการคดิ ท่ีใชใ้ นการส่ือสาร 1.5.4 ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ
1.5.3 ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล 1.5.6 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
1.5.5 ทกั ษะการระบุ
1.6 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1.6.1 ใฝ่ เรียนรู้
2. หลักฐานการเรยี นรู้
2.1 ชิ้นงาน/ภาระงาน
งานเด่ยี ว
2.1.1 การอ่านออกเสียงบทกลอนส้นั ๆ
2.1.2 การพูดนาเสนอเก่ียวกบั สิ่งทีส่ ามารถทาไดด้ ี
งานค่/ู งานกล่มุ
2.1.3 การสนทนาเกี่ยวกบั ระยะเวลาในการทาส่ิงต่างๆ
2.1.4 การสารวจรูปแบบการเตน้ ทเ่ี พ่อื นชอบ/ไม่ชอบ
2.1.5 การสนทนาเก่ียวกบั ประสบการณ์ส่วนตวั ในอดีต
2.1.6 การแต่งประโยคภาษาองั กฤษ
2.1.7 การทา board game
2.1.8 การพูดขอและให้ขอ้ มูล และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เรื่องที่อ่านและประสบการณ์
ของตนเอง
2.2 การวดั และประเมนิ ผล
2.2.1 ประเมนิ กอ่ นเรียนและหลงั เรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 5
2.2.2 ตรวจหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook)
2.2.3 ประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน
2.2.4 ตรวจแบบทดสอบ
2.2.5 ประเมนิ การมีส่วนร่วมในช้นั เรียน
2.2.6 ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
217
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 Break a leg!
เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียงบทกลอนส้นั ๆ ได้
- สนทนาเกี่ยวกบั ระยะเวลาในการทาสิ่งตา่ งๆ ได้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั รูปแบบการเตน้ ท่ีชอบได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ม.3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้ันๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน
ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เรื่องต่างๆ ใกลต้ วั สถานการณ์
ข่าว เรื่องทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขียนบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องตา่ งๆ กิจกรรม
ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตกุ ารณ์ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม
ตวั ชีว้ ัด
ต 4.1 ม.3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่เี กิดข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การพูดสนทนาและเขียนโตต้ อบเรื่องต่างๆ ใกลต้ วั ตอ้ งใช้คา ประโยค สานวน ท่ถี กู ตอ้ งและเหมาะสม
กบั บุคคล สถานการณ์ ซ่ึงเป็นมารยาททางสงั คม
218
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Different dance styles
folk dancing, ballroom dancing, Latin American dancing, disco dancing,
ballet, rock ‘n’ roll, hip hop, break dancing
Other
break a leg!
Functions: Talking about how long one has done an activity
How long have you studied dance?
Since I was 6, but I’ve been a break dancer for 3 years.
Talking about things that we do well or badly
He really good at dancing. I was hopeless at ‘flares’.
Grammar: Present perfect – How long…?
for / since
Adjectives + preposition
Pronunciation: Rhyming words
2) Language Skills
Speaking: สนทนาเกี่ยวกบั ระยะเวลาในการทาสิ่งตา่ งๆ
พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั รูปแบบการเตน้ ท่ีชอบ
Reading: อ่านเพือ่ จบั ใจความสาคญั และหาขอ้ มลู เฉพาะ
อา่ นออกเสียงบทกลอนส้นั ๆ
4. ทักษะการคิด
4.1 ทกั ษะการคิดท่ีใชใ้ นการส่ือสาร - พูดและอา่ นภาษาองั กฤษ
4.2 ทกั ษะการสงั เกต - สงั เกตการออกเสียงคาทีม่ ีสระเสียงเดียวกนั แตส่ ะกดไมเ่ หมือนกนั
4.3 ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู - สารวจเกี่ยวกบั รูปแบบการเตน้ ท่เี พือ่ นชอบ/ไม่ชอบ
5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
219
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
นกั เรียนสงั เกตภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 40 และครูถามคาถามนกั เรียน เช่น
What can you see? (Lots of young people)
What are they doing? (One is doing acrobatics, some are standing and waiting, some are
looking at their friends)
What’s the boy wearing? (A red sweatshirt, a pair of blue jeans and a black belt)
What’s he doing? (An acrobatic dance movement)
ครูอธิบายวา่ เดก็ ๆ ในภาพกาลงั ทดสอบเตน้ เพ่ือคดั ตวั (dance audition) เป็นนกั เตน้ เบรกแดนซ์
(break dancers) โดย Denise กบั Rick กาลงั รอเรียกเพอื่ ไปทดสอบ เดก็ ท้งั สองวิตกกงั วลมาก และ
พูดคุยกนั เก่ียวกบั จุดอ่อนและจุดแข็งของตนเอง
Background Information
ความหมายและความเป็ นมาของ Breakdance
Breakdance (เบรกแดนซ์) เป็นการเตน้ แบบหน่ึงของ Streetdance ซ่ึงเป็นการเตน้ ท่ี
เร่ิมตน้ จากการเตน้ ขา้ งถนนของกลุ่มเดก็ วยั รุ่นผิวดาในแถบแมน่ ้าบรองซ์ (Bronx River)
ทีเ่ มืองนิวยอร์ก ประเทศสหรฐั อเมริกา ในช่วงตน้ ๆ ของยคุ 70
สมยั แรก Breakdance ไดถ้ กู เรียกว่า Rocking ต่อมาไมน่ านกไ็ ดเ้ ปลย่ี นเป็น B-boying
โดยตวั B ขา้ งหนา้ มคี วามหมายมาจากคาว่า Break หรือบางทอี าจหมายถึง Boogie หรือ
Bronx แต่โดยแทท้ ี่จริงแลว้ B-boying เป็นคาทเี่ พ้ียนมาจากคาว่า Boioing ซ่ึงเป็นคา
รากศพั ทข์ องชาวแอฟริกาทม่ี คี วามหมายว่ากระโดด, โลดเตน้ และสาเหตุท่ี Boioing
เพ้ียนเป็น B-boying ไดน้ ้นั กเ็ น่ืองจาก 2 คาน้ีออกเสียงเหมือนกนั นน่ั เอง หลงั จากท่ี
B-boying ไดแ้ พร่หลายออกไป จึงไดร้ บั การขนานนามและถูกบญั ญตั จิ ากสื่อมวลชนให้
เป็น Breakdance ในท่สี ุด และเหลา่ นกั เตน้ Breakdance ก็จะถูกเรียกวา่ Breaker โดยถา้
เป็นผชู้ ายจะถูกเรียกว่า B-boy ถา้ เป็นผหู้ ญงิ จะถูกเรียกวา่ B-girl
ที่มา: http://siamclassview.edu.chula.ac.th/dao07/blog/breakdance
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 40 Ex.1 โดยครูเปิ ด CD 1/Track 34 ให้นกั เรียนฟัง 3 คร้ัง
โดยปฏบิ ตั ิดงั น้ี
คร้ังแรก เปิ ด CD อยา่ งตอ่ เนื่องและให้นกั เรียนอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียนตามไปดว้ ย
220
คร้ังทสี่ อง เปิ ด CD แลว้ หยดุ CD เป็นระยะๆ เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน เช่น ถาม
ความเขา้ ใจเก่ียวกบั คาศพั ท์ และให้นกั เรียนตอบคาถามในคาสั่ง What do you think they are
doing while they wait? (They are talking.)
คร้ังทสี่ าม หยดุ CD เป็นระยะๆ แลว้ ให้นกั เรียนฝึกอ่านออกเสียงพร้อมๆ กนั หรือเป็น
รายบุคคล
2. ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนถามคาศพั ทย์ ากทพ่ี บในบทสนทนา
audition (n) a short performance in which you sing, dance or act so that someone can
decide if you are good enough to perform in a particular play, concert etc.
(การทดสอบดว้ ยการร้องเพลง เตน้ หรือแสดง เพื่อคดั เลือกผทู้ เ่ี หมาะสม
ทส่ี ุด)
nervous (adj) feeling excited and worried, or slightly afraid (กระวนกระวาย, ประหมา่ ,
กงั วลใจ)
hopeless at (adj phr) (people) very bad (at something); with no ability or skill (แย,่ ไมม่ ี
ความสามารถ)
good at (adj phr) able to do something well (เกง่ , มีความสามารถในดา้ น)
candidate (n) a person or group that is considered suitable for something or that is likely
to get something or to be something (ผแู้ ขง่ ขนั , ผสู้ มคั ร)
flare (n) a flare is a breakdancing power move borrowed
from gymnastics. When performing the move, a
dancer spreads their legs and whips them around
their body in continuous circles, using only their
hands to keep them above ground. This move is
often seen in men’s floor routines and on the
pommel horse. (การเตน้ รูปแบบหน่ึงของ breakdance ซ่ึงดดั แปลงมาจากท่า
ยิมนาสติก)
Note: ครูอาจเปิ ดคลิปวิดีโอสาหรับดทู า่ เตน้ ‘Flares’ ไดท้ ่ี http://breakhop.com/video/id202
จากน้นั ครูตรวจสอบวา่ นกั เรียนเขา้ ใจหรือไมว่ า่ break a leg แปลว่าอะไร เพราะวลีน้ีเป็นสานวน จึง
ไม่ไดแ้ ปลตรงตวั วา่ ขาหัก แต่แปลว่า ขอให้โชคดี เป็นการอวยพร โดยเฉพาะกอ่ นการแสดงหรือข้ึน
เวที
Break a leg! (idm) [informal] used for wishing someone good luck, especially before a
performance (ขอให้โชคดี)
221
3. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั การเตน้ แบบต่างๆ โดยใชบ้ ตั รภาพ หรือถา้ ในหอ้ งเรียนมอี นิ เทอร์เน็ต
ครูเปิ ดคลิปวิดีโอส้นั ๆ เกี่ยวกบั การเตน้ ในรูปแบบตา่ งๆ จากในอินเทอร์เน็ต
Note: เวบ็ ไซต์ www.makeuseof.com/tag/top-10-youtube-dance-lessons-learn-cool-dance-moves/
เป็นเวบ็ ไซตท์ ่แี นะนาคลิปใน www.youtube.com เก่ียวกบั การเตน้ รูปแบบตา่ งๆ
Extra activity: ในการทากิจกรรมน้ี ครูอาจขอความร่วมมือจากครูดนตรี ใหแ้ นะนาวธิ ีการเตน้
รูปแบบต่างๆ ให้กบั นกั เรียนที่ชอบเตน้ แลว้ ให้นักเรียนออกมาเตน้ ใหเ้ พอ่ื นดูท่ีหนา้ ช้นั
4. นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.4 ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ใหบ้ อกว่านกั เรียนเห็นภาพ
อะไร (dancers doing different kinds of dances)
จากน้นั ครูอา่ นคาศพั ท์ A-H ที่ใหม้ า แลว้ ครูช้ีให้นกั เรียนดูภาพแรก ซ่ึงมเี ฉลยคาตอบใหด้ ูเป็น
ตวั อยา่ ง แลว้ ครูอา่ น B ballroom dancing และให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงตาม
ตอ่ มาครูใหเ้ วลานกั เรียน 1 นาที จบั ค่ภู าพกบั คาศพั ทท์ ีใ่ หม้ า เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 35 ให้
นกั เรียนฟัง 2 คร้ัง คร้ังแรก ให้ฟังเพอื่ ตรวจคาตอบ คร้งั ทส่ี อง ใหฟ้ ังเพอ่ื ฝึกออกเสียงคาศพั ทต์ าม CD
Audio script and answers
B – ballroom dancing
1. D – disco dancing
2. C – Latin American dancing
3. E – ballet
4. A – folk dancing
5. F – rock ‘n’ roll
6. G – hip hop
7. H – break dancing
5. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งการพูดถาม-ตอบในหนงั สือเรียน หน้า 41 Ex.5 ครูช้ีให้เห็นวา่
หลงั คากริยา like จะตามดว้ ยคานามหรือกริยาเติม -ing จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คพู่ ดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั
รูปแบบของการเตน้ ท่ีชอบ/ไม่ชอบ โดยใชค้ าศพั ทจ์ าก Ex.4 ในการทากิจกรรม ครูเดินสังเกตขณะ
นกั เรียนปฏบิ ตั กิ ิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาทากิจกรรมอีกคร้ัง
6. นกั เรียนแบง่ เป็น 2 กล่มุ กล่มุ แรกอา่ นประโยค 1-3 ในหนงั สือเรียน หน้า 41 Ex.6 และกล่มุ ที่ 2 อา่ น
ประโยค A-C ครูอธิบายวา่ ประโยค A-C เป็นคาอธิบายความหมายของประโยค 1-3 ให้นกั เรียนจบั คู่
ประโยค 1-3 กบั A-C ท่ีมคี วามหมายสมั พนั ธก์ นั โดยให้นกั เรียนทางานเดี่ยวหรือคกู่ ไ็ ด้ โดยครูให้
222
เวลานกั เรียนทางาน 1-2 นาที เสร็จแลว้ เฉลยคาตอบร่วมกนั ปากเปล่าในช้นั เรียน ดว้ ยการให้นกั เรียน
อ่านประโยคทส่ี มั พนั ธก์ นั
Answers 2. A 3. B
1. C
7. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อ่านคากริยา/วลที ใ่ี หม้ าในหนงั สือเรียน หน้า 41 Ex.7 ครูสารวจวา่
นกั เรียนเขา้ ใจความหมายของคากริยา/วลีเหล่าน้ีหรือไม่
ครูเขยี นตวั อยา่ งที่ใหม้ าในหนงั สือเรียนบนกระดาน แลว้ ขีดเส้นใตค้ ำคุณศพั ท์ + at
I’m good / not very good / hopeless at acting.
ครูช้ีใหน้ กั เรียนเห็นวา่ วลเี หลา่ น้ีใชเ้ พอ่ื แสดงระดบั ความสามารถของบคุ คลในการทาบางสิ่ง
บางอยา่ ง (expressing a person’s degree of ability in doing something) จากน้นั ครูใชป้ ากกาสีอืน่
ขดี เสน้ ใตท้ ค่ี าว่า acting แลว้ อธิบายว่าวลีเหล่าน้ี (good at, hopeless at) จะตอ้ งตามดว้ ยคานามหรือ
คากริยาเตมิ -ing
ต่อมาครูใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั แลว้ พดู บอกความสามารถในการทากิจกรรมท่ีกาหนดให้ในกรอบ
ครูเดินสังเกตการทางานของนกั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ออกมาพูดรายงานคาตอบของ
ตนเองที่หนา้ ช้นั
Possible answers
A: I’m good at playing the piano.
B: I’m hopeless at playing the guitar.
A: I’m not very good at playing the violin.
B: I’m good at acting, singing and dancing.
A: I’m hopeless at painting and drawing.
Weak classes: ให้นกั เรียนแต่งประโยคลงในกระดาษก่อน แลว้ จึงใหน้ กั เรียนอา่ นให้คู่ของตนเองฟัง
8. ครูถามคาถามนกั เรียนต่อไปน้ี
How long have you lived in this town?
How long have you studied in this school?
How long have you studied English?
How long have you used the computer?
How long have you lived in the same house?
223
How long have you had the same bag?
How long have you had the same haircut?
ถา้ นกั เรียนตอบโดยไมม่ คี าว่า For หรือ Since ครูเพิ่ม for หรือ since ใหน้ กั เรียน แลว้ เขียนคาตอบ
ของนกั เรียนอกี คร้งั บนกระดาน เช่น
T: How long have you lived in this town?
S1: I was born.
T: Since I was born. (ครูเขียนคาตอบน้ีบนกระดาน)
T: How long have you studied English?
S2: 9 years.
T: For 9 years. (ครูเขียนคาตอบน้ีบนกระดาน)
เมือ่ ถามคาถามครบทุกคาถามแลว้ ครูให้นกั เรียนดูคาตอบท่คี รูเขียนบนกระดาน โดยใชป้ ากกาสีแดง
ขีดเส้นใตท้ ่คี าวา่ since และอกี 1 สี ขดี เสน้ ใตท้ ี่คาว่า for แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั พจิ ารณาวา่ for กบั
since ใชต้ า่ งกนั อยา่ งไร ครูกระตนุ้ คาตอบจากนกั เรียนจนไดข้ อ้ สรุปวา่ for ใชก้ บั ช่วงเวลา แต่ since
จะใชก้ บั จดุ เวลา จากน้นั ครูให้นกั เรียนเทยี บความหมายของคาวา่ for (เป็นเวลา) กบั since (ต้งั แต)่
ในภาษาไทย
9. นกั เรียนอ่านประโยคในหนังสือเรียน หน้า 41 หัวข้อ Look & Use จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่
โครงสร้างประโยค How long…? ใชถ้ ามเก่ียวกบั อะไร (How long is used to ask about the duration
of an action or situation that began in the past and continues to the present.) แลว้ ใหน้ กั เรียน
ทบทวนเก่ียวกบั การใช้ for และ since ส้นั ๆ
(for refers to a length of time [duration], since refers to a starting time) ต่อมาครูใหน้ กั เรียนหา
โครงสร้างประโยคเช่นเดียวกนั น้ีในบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 40
How long have you been here?
I’ve been here for about half an hour.
How long have you studied dance?
For more than six years.
I’ve studied dance since I was 6, but I’ve been a break dancer for 3 years.
I’ve trained with her since April.
ข้นั Practice
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 40 Ex.2 โดยครูทบทวนวิธีการอา่ นเพ่ือระบวุ ่าประโยค
ทใี่ ห้มาถกู (True) ผิด (False) หรือไม่ไดก้ ลา่ วถงึ (Doesn’t Say) ดงั น้ี
224
ถา้ ประโยคท่ใี หม้ ามีขอ้ มลู เหมอื นกบั ท่พี บในบทอา่ น ใหข้ ดี ทช่ี ่อง T (True)
ถา้ ประโยคทใ่ี ห้มามขี อ้ มลู ตรงกนั ขา้ มหรือตรงเพียงแค่บางส่วนกบั ที่พบในบทอา่ น ให้ขีด
ท่ีช่อง (False)
ถา้ ไม่พบขอ้ มลู ท่ใี ห้มาในบทอ่าน ให้ขดี ท่ีช่อง DS (Doesn’t Say)
จากน้นั ครูอธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนใชว้ ิธีการตอ่ ไปน้ีในการทาแบบฝึกหดั
- อา่ นประโยค 1-6 ที่กาหนดให้ และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั
- อ่านบทอา่ นอยา่ งรวดเร็วเพอื่ มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทมี่ ีความหมาย
ตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือกลุ่มคา/วลี ที่มคี วามหมายเหมือนกนั หรือตา่ งกนั กบั
คาสาคญั ทขี่ ีดเสน้ ใตไ้ ว้
- เมอ่ื พบแลว้ ให้อ่านเฉพาะประโยคที่มคี าสาคญั หรืออ่านขอ้ ความแวดลอ้ มประมาณ
1-2 ประโยคกอ่ นหนา้ หรือถดั ไปท่ีมขี อ้ มลู พาดพงิ ไปถงึ ถา้ มขี อ้ มลู เหมอื นประโยคที่
ใหม้ า ให้ขดี ทีช่ ่อง T (True) ถา้ ผิดหรือถกู เพียงบางส่วน ให้ขดี ท่ีช่อง (False)
แต่ถา้ ไม่พบขอ้ มลู ในบทอ่าน ให้ขีด ท่ีช่อง DS (Doesn’t Say)
2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 40 Ex.3 โดยจบั ค่กู บั เพ่ือน แลว้ เปรียบเทียบคาตอบกนั
เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน แลว้ เฉลยคาตอบท่ีถูกตอ้ ง พร้อมท้งั ให้นกั เรียนแกไ้ ข
ประโยคทผ่ี ดิ ให้ถกู ตอ้ ง
Answers
1. T
2. DS
3. F (Denise has studied dance since she was 6 and break dancing for 3 years)
4. T
5. DS
6. F (Rick isn’t very good at practising alone)
3. ครูอา่ นบทกลอนส้นั ๆ (rhyme) ในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.8 แลว้ เขยี นคาศพั ทต์ อ่ ไปน้ีบนกระดาน
now know
know boat
read leave sheep
ครูสารวจวา่ นกั เรียนเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทเ์ หลา่ น้ีหรือไม่ แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตความ
แตกต่างของการออกเสียงกบั การสะกดคาศพั ท์
บางคาสะกดดว้ ยสระตวั เดียวกนั แต่ออกเสียงไม่เหมอื นกนั เช่น คาว่า now กบั know
225
บางคาสะกดดว้ ยสระที่แตกตา่ งกนั แตอ่ อกเสียงเหมือนกนั เช่น read, leave, sheep และ know กบั
boat เป็นตน้
ตอ่ มาครูใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นออกเสียงคาศพั ทต์ อ่ ไปน้ีทีละคู่
now know
read red
boot boat
live leave
ship sheep
ครูอาจออกเสียงคาศพั ทค์ าใดคาหน่ึง แลว้ ให้นกั เรียนออกมาช้ีวา่ ครูออกเสียงคาศพั ทค์ าใด
จากน้นั ครูเปิ ด CD1/Track 36 ใหน้ กั เรียนฟัง 2 คร้ัง คร้ังแรกให้ฟังและอา่ นตามไปดว้ ยในใจ
คร้ังท่ีสองให้ฝึกอ่านออกเสียงตาม โดยครูหยดุ CD ให้หลงั จบแต่ละบรรทดั
Language Note
rhyme (n) a short poem in which the last word in the line has the same sound as the last
word in another line, especially the next one
ท่มี า: https://www.oxfordlearnersdictionaries.com/definition/english/rhyme_1?q=rhyme
ครูอธิบายความหมายของคาว่า rhyme อกี คร้งั เสร็จแลว้ ครูถามนกั เรียนว่า บทกลอนน้ีมีสัมผสั ที่ใด
จนไดค้ าตอบวา่ คาวา่ sheep กบั least
Extra activity: แบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ หาคาศพั ทท์ ีม่ ีเสียงเหมอื นกบั คาศพั ทใ์ น
Ex.8 อยา่ งละ 2 คา เช่น
เสียง /e/ หรือ /short e/
e เช่น red, bed, web, set, get, yes, hen, men, ten, pen
เสียง /iː/ หรือ /long e/
ea เช่น read, leave, least, eat, pea, sea, tea, meal, mean, meat, seal, seat, beach,
weak, cream, dream, jeans, speak, teach
ee เช่น sheep, bee, see, beef, deep, feed, feel, feet, free, jeep, keep, knee, meet,
need, tree, week, cheek, green, queen, sleep, speed, teeth, three
เสียง /I/ หรือ /short i/
i เช่น live, ship, hit, big, win, pin, miss, kiss
226
เสียง /əʊ/ หรือ /long o/
ow เช่น know, bow, low, own, row, blow, flow, grow, show, slow, snow, throw
oa เช่น boat, coat, goal
เสียง /uː/ หรือ /long u/
oo เช่น boot, zoo, cool, food, fool, moon, noon, pool, roof, room, root, soon,
tool, zoom, goose, shoot, spoon, tooth
เสียง /aʊ/
ow เช่น now, brown, clown, how, down
4. นกั เรียนดูตารางในหนังสือเรียน หน้า 41 Ex.9 ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งท่ใี ห้มา ครูให้
นกั เรียนพดู ประโยคตวั อยา่ งเหล่าน้ีในภาษาไทย โดยใชภ้ าษาที่เทา่ เทียมกนั กบั ในภาษาองั กฤษ
จากน้นั จึงใหน้ กั เรียนจบั คู่ พดู ถาม-ตอบกนั เกี่ยวกบั ระยะเวลาที่ Susan, Mike และ Craig and Lisa ทา
กิจกรรมตา่ งๆ โดยในการพดู ถาม-ตอบให้ใชข้ อ้ มูลจากในตารางท่ีใหม้ า
ต่อมาครูให้เวลานกั เรียนทางาน และเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน
ออกมาพูดถาม-ตอบให้เพื่อนดทู ีห่ นา้ ช้นั อกี คร้ัง
Weak classes: ให้นกั เรียนเขยี นคาถามและคาตอบลงในกระดาษกอ่ น แลว้ จึงให้นกั เรียนใชข้ อ้ มูลที่
เขียนไวล้ ่วงหนา้ ในการทากิจกรรม
Possible answers
A: How long has Susan studied dance?
B: She’s studied dance since July.
A: How long has Mike done folk dancing?
B: He’s done folk dancing since he was 7.
A: How long has Mike had acting lessons?
B: He’s had acting lessons for 2 months.
A: How long have Craig and Lisa liked hip hop?
B: They’ve liked hip hop since 2007.
A: How long have Craig and Lisa learnt Japanese?
B: They’ve learnt Japanese for a long time.
227
ข้นั Production
1. ครูเขยี นตวั อยา่ งในหนงั สือเรียน หน้า 41 Ex.10 บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียน 2 คน อา่ นตวั อยา่ ง
คาถามและคาตอบเหล่าน้ี ครูอธิบายว่าในกิจกรรมน้ีใหน้ กั เรียนฝึกพดู ถาม-ตอบ โดยใชข้ อ้ มูล
เก่ียวกบั ตวั เอง
จากน้นั ครูอา่ นขอ้ มลู ทีก่ าหนดให้ แลว้ สารวจวา่ นกั เรียนเขา้ ใจหรือไม่ แลว้ อธิบายวา่ ใหน้ กั เรียนใช้
โครงสร้างต่อไปน้ีในการพูดถาม-ตอบกนั
How long have you…? I’ve...
นอกจากน้ีในการตอบ นกั เรียนสามารถตอบปฏเิ สธได้ ตามขอ้ เท็จจริงในชีวติ ของนกั เรียน โดยถา้
ตอบปฏิเสธ นกั เรียนสามารถใชโ้ ครงสร้างตอ่ ไปน้ี I’ve never เช่น
I’ve never done martial arts.
I’ve never played the piano.
I’ve never learnt Chinese.
ครูเขียนตวั อยา่ งประโยคเหลา่ น้ีใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน พร้อมตวั อยา่ งประโยคอน่ื ๆ
ตอ่ มาครูแบง่ นกั เรียนเป็นกล่มุ ยอ่ ย แลว้ ใหน้ กั เรียนทากิจกรรม โดยใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ นง่ั เป็น
วงกลม แลว้ ให้นกั เรียนแตล่ ะคนถามคาถามเพือ่ นทนี่ ง่ั ตดิ กบั ตนเองท้งั ทางฝ่ังซ้ายและขวา เพ่ือให้
นกั เรียนไดเ้ ป็นท้งั ผถู้ ามและผตู้ อบ โดยขณะทากจิ กรรมให้นกั เรียนจดบนั ทึกส้ันๆ คาตอบของเพอื่ น
ไวด้ ว้ ย เพือ่ นามาใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการพดู รายงาน ตวั อยา่ งเช่น
Sandra – mobile phone – one year
(Sandra has had her mobile phone for one year.)
ครูให้เวลานกั เรียนทากิจกรรม แลว้ เดินสงั เกตขณะนกั เรียนทางาน เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ
คน ออกมาพดู รายงานคาตอบทไี่ ดจ้ ากการพดู ถามคาถามเพือ่ น ซ่ึงตอ้ งใชส้ รรพนามบุรุษที่ 3
Weak classes: นกั เรียนท้งั ช้นั ทากิจกรรมใน Ex.10 ร่วมกนั โดยสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน
ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนคนอนื่ ๆ จดบนั ทึกส้นั ๆ คาตอบของเพอ่ื น แลว้ นาขอ้ มูลเหลา่ น้ี
มาเขียนรายงานเป็นการบา้ น
Possible answers
A: How long have you known your best friend?
B: I’ve known my best friend for 2 years. / I’ve known him since 1999.
A: How long have you lived in the same house?
B: I’ve lived in the same house for 5 years. / I’ve lived there since I was a child.
228
A: How long have you done martial arts?
B: I’ve done martial arts for over a year. / I’ve done martial arts since I was 10.
A: How long have you studied English?
B: I’ve studied English for two months. / I’ve studied it since February.
A: How long have you liked break dancing?
B: I’ve liked break dancing for three years. / I’ve liked it since last summer.
2. นกั เรียนแบ่งเป็นกลุ่ม แตล่ ะกลมุ่ เลอื กหัวหนา้ มา 1 คน แลว้ ให้หัวหนา้ กลุ่มทาตารางลงในกระดาษ
โดยหวั ตารางในแนวต้งั ให้เขยี นช่ือสมาชิกในกลมุ่ ของตนเอง หัวตารางในแนวนอน
ใหเ้ ขียนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั รูปแบบการเตน้ ใน Ex.4
จากน้นั ครูอธิบายวา่ ให้แต่ละกลุ่มนงั่ เป็นวงกลม แลว้ ใหห้ ัวหนา้ กล่มุ ส่งกระดาษต่อไปใหเ้ พือ่ นทนี่ งั่
ทางขวามอื คนทไี่ ดก้ ระดาษตอ้ งพดู ถามคาถามเพ่อื นในกลุ่มทกุ ๆ คน โดยใชโ้ ครงสร้าง Do you
like… (e.g. ballet)? แลว้ เขียนคาตอบของเพ่อื นลงในตาราง
ถา้ เพ่ือนตอบวา่ Yes ให้ขดี ลงในช่อง ถา้ เพ่ือนตอบ No ให้ขีด ลงในช่อง เม่อื ถามครบทกุ คน
ในกลมุ่ แลว้ ใหส้ ่งกระดาษไปใหเ้ พือ่ นทางขวามือของตนเอง แลว้ ถามคาถามรูปแบบเดียวกนั น้ี
แตเ่ ปลย่ี นรูปแบบการเตน้ ครูให้นกั เรียนดาเนินกิจกรรมเช่นน้ีไปเรื่อยๆ จนนกั เรียนทกุ คนไดถ้ าม
คาถาม และเตมิ ขอ้ มลู ลงในตารางไดค้ รบถว้ น
เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ช่วยกนั เขียนรายงานคาตอบใส่กระดาษ ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งในระหวา่ ง
ทค่ี รูตรวจ ครูให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ลอกตารางขอ้ มลู ใส่กระดาษโปสเตอร์ขนาดใหญ่
พร้อมท้งั ตกแต่งใหส้ วยงาม
ครูส่งรายงานคืนนกั เรียน แลว้ ให้เวลาแต่ละกล่มุ เตรียมออกมาพดู นาเสนอ สุดทา้ ยแตล่ ะกลมุ่ ส่ง
ตวั แทนออกมาพูดนาเสนอท่หี นา้ ช้นั พร้อมท้งั แสดงโปสเตอร์ให้เพือ่ นร่วมช้นั ดูดว้ ย
3. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex.1 ในช้นั เรียน โดยเติม บท
สนทนาที่ใหม้ า จากน้นั ใหน้ กั เรียนทางานคู่ ฝึกซ้อมพูดสนทนากนั
ครูอาจแนะนาวิธีการ เช่น ใหแ้ ต่ละคูผ่ ลดั กนั อา่ นบทในส่วนของตนเองในใจ แลว้ พยายามจดจาบท
ดว้ ยการพูดให้เพือ่ นอีกคนหน่ึงฟัง โดยไมด่ ูหนงั สือแบบฝึกหัด เพือ่ ฝึกพดู วลีเหล่าน้ีใหค้ ลอ่ งปาก
ไม่ใช่ฝึกจากการอา่ น เสร็จแลว้ ให้สลบั บทบาทกนั
ครูอาจเรียกเด็กเก่ง 2 คน ออกมาสนทนา เพือ่ เป็นตวั อยา่ งให้กบั นกั เรียนคนอน่ื ๆ และกระตนุ้ ให้
แสดงทา่ ทางใหส้ มบทบาท เม่ือหมดเวลาทีค่ รูกาหนด ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาแสดง
บทสนทนาทีห่ นา้ ช้นั
229
4. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex.4 ในช้นั เรียน โดยอ่านคาถามท่ี
ให้มาพร้อมกนั แลว้ เติมคาตอบของตนเองลงไป จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่ฝึกพูดถาม-ตอบกนั
5. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 32 Ex.1 และหนา้ 33 Ex.2 เป็น
การบา้ น
6. นกั เรียนฝึกอ่านออกเสียงบทกลอนส้นั ๆ ในหนงั สือเรียน หนา้ 41 Ex.8 เป็นการบา้ น แลว้ ใหน้ กั เรียน
มาอา่ นออกเสียงกบั ครูนอกเวลาเรียน
7. การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมอื เกณฑ์การผ่าน
แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คุณภาพ พอใช้
วธิ ีการวดั ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการอ่านออกเสียงบทกลอน แบบประเมินการพูด
ส้ันๆ (ต 1.1 ม.3/2) ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการสนทนาเก่ียวกบั ระยะเวลา แบบประเมนิ ชิ้นงานการสารวจ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ในการทาสิ่งตา่ งๆ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
(ต 1.2 ม.3/1, ต 4.1 ม.3/1) อนั พงึ ประสงค์
ประเมินการสารวจรูปแบบการเตน้
ทีเ่ พื่อนชอบ/ไม่ชอบ (ต 1.2 ม.3/5)
สงั เกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.2 หนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook)
8.1 หนงั สือเรียน TEAM UP IN ENGLISH 3 ม. 3 8.4 อปุ กรณ์การทาช้ินงาน
8.3 Class Audio CDs
8.5 บตั รภาพ
230
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 Record breaker
เวลา 2 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ระบขุ อ้ มลู เฉพาะจากการอ่านได้
- สนทนาเก่ียวกบั ประสบการณข์ องบุคคลได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเรื่องที่ฟังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็น
อยา่ งมเี หตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความ
คดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและ
ยกตวั อยา่ งประกอบ
ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เรื่องตา่ งๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว
เร่ืองทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม และสื่อสารอยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชีว้ ัด
ต 2.1 ม.3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ท้งั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
ตัวชี้วดั
ต 4.1 ม.3/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
231
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การพูด/เขยี นสรุปใจความสาคญั จากการอา่ น และการพดู สนทนาเก่ียวกบั เร่ืองตา่ งๆ ใกลต้ วั
ประสบการณ์ ตอ้ งรู้จกั เลือกใชค้ า ประโยค สานวนที่ถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs to talk about personal experiences
flown, won, broken, been, seen, lost, sung, met, eaten
Function: Talking about experiences
Have you ever visited Barcelona? Yes, I have.
When did you go there? I went there six months ago.
Grammar: Present perfect vs Past simple
2) Language Skills
Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ประสบการณ์
Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะและสรุปยอ่
4. ทักษะการคดิ
4.1 ทกั ษะการคดิ ทใี่ ชใ้ นการส่ือสาร - พูดและอ่านภาษาองั กฤษ
4.2 ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ - นาคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างภาษาที่เรียนมาใชใ้ นการพดู ถาม-ตอบ
เกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองและผอู้ น่ื ได้
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนฝึกร้องเพลง Have you ever? ของ Brandy อกี คร้ัง เพอ่ื ทบทวนโครงสร้างประโยค Have you
ever
2. ครูถามนกั เรียนว่า เคยดกู ารแขง่ ขนั กีฬาของคนพกิ ารหรือไม่ แลว้ ให้นกั เรียนบอกว่ากีฬาอะไรที่
นกั เรียนไดด้ ู แลว้ ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนเห็นถงึ จิตใจที่เขม้ แขง็ ของบุคคลเหล่าน้ี ครูอาจหาคลปิ วดิ ีโอ
ของการแขง่ ขนั กีฬาพาราลมิ ปิ ก ซ่ึงเป็นกีฬาโอลมิ ปิ กคนพกิ ารมาเปิ ดใหน้ กั เรียนดู เพือ่ กระตนุ้ ความ
สนใจของผเู้ รียน หรือใชว้ ิธีการพดู เลา่ เรื่องแทนก็ได้
232
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนสงั เกตภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 42 แลว้ ครูเขียนประโยคบนกระดาน ดงั น้ี
This is the photo of a young boy in a wheelchair.
แลว้ ให้นกั เรียนอ่านคาสั่งในหนงั สือเรยี น หน้า 42 Ex.1 เพือ่ ตอบคาถามว่าเดก็ ผชู้ ายในภาพชื่ออะไร
What’s the boy’s name? (Mickey Bushell)
จากน้นั ครูเขยี นประโยค Has he won any medals or awards? บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนอ่าน
บทอ่านอยา่ งรวดเร็วเพ่อื หาคาตอบ ครูเฉลยคาตอบ Yes, he has. He has won numeral medals and
also many awards. แลว้ จึงเปิ ด CD1/Track 37 ให้นกั เรียนฟังอยา่ งตอ่ เน่ือง และอ่านบทอา่ นใน
หนงั สือเรียนตามไปดว้ ย
ตอ่ มาครูเปิ ด CD อีกคร้ัง โดยในคร้งั น้ี หยดุ CD ทีละยอ่ หนา้ และใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงบทอา่ น
ตาม CD ครูสารวจว่านกั เรียนเขา้ ใจคาศพั ทย์ ากท่ีอยใู่ นยอ่ หนา้ น้นั ๆ หรือไม่ แลว้ ช่วยเหลือนกั เรียน
ให้เขา้ ใจคาศพั ท์
race (v) to compete against somebody / something to see who can go faster or
the fastest, do something first, etc; to take part in a race or races
(แขง่ ขนั )
medal (n) a flat piece of metal, usually shaped like a coin, that is given to the
winner of a competition (เหรียญรางวลั )
determination (n) the quality that makes you continue trying to do something even when
this is difficult (ความมุ่งมนั่ )
spectacular (adj) very impressive (ยอดเย่ียม, น่าประทบั ใจ)
event (n) one of the races or competitions in a sports programme (การแขง่ ขนั
กีฬารายการหน่ึง)
passionate (adj) having or showing strong feelings of enthusiasm for something or
belief in something (หลงใหล, กระตอื รือร้น)
overcome (v) to defeat somebody (เอาชนะ)
Note: นกั เรียนสามารถคน้ หาขอ้ มลู เกี่ยวกบั Mickey Bushell ไดท้ ี่ www.mickeybushell.co.uk
233
Background Information
UFC (Ultimate Fighting Championship) เป็นรายการทวี ที ีถ่ ่ายทอดการแข่งขนั ศิลปะ
การต่อสู้แบบผสมผสาน (Mixed Martial Art หรือ MMA) ซ่ึงเป็นการตอ่ สู้ที่รวมเอา
ศิลปะการต่อสูห้ ลายแขนงเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั อยา่ งเช่น มวยไทย มวยสากล ยโู ด มวยปล้า
คาราเต้
เรียบเรียงขอ้ มูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/อลั ตเิ มทไฟตต์ งิ แชมเปี ยนชิพ
https://thaimmaclub.com/130/
K-1 Boxing คือ มวยไทยทีญ่ ี่ป่ นุ นาไปเผยแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2537 โดยอาจารยค์ าซูโยชิ
อิชิอิ (Kazuyoshi Ishii) เจา้ สานกั เซโดไคคงั คาราเต้ ในประเทศญปี่ ่ ุน โดยประยกุ ตเ์ อา
ศลิ ปะการต่อสูแ้ ขนงตา่ งๆ มาตอ่ สูก้ นั และใชก้ ตกิ า คือ หา้ มใชศ้ อกและโนม้ คอตเี ขา่ ซ่ึง
มวย K-1 ไดอ้ อกอากาศแพร่ภาพทางโทรทศั น์คร้ังแรกในปี พ.ศ. 2539
ทมี่ า: https://hilight.kapook.com/view/39362
Xbox คือ เครื่องเลน่ วิดีโอเกมของไมโครซอฟท์
ทม่ี า: http://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คอื อะไร/3912-xbox-
เอก็ ซ์บอกซ์-และเกมส์-คอื อะไร.html
2. ครูเขยี นคาว่า Have you ever + คากริยาช่องท่ี 3? บนกระดาน แลว้ บอกนกั เรียนวา่ โครงสร้าง
ประโยคน้ีใชถ้ ามเกี่ยวกบั ประสบการณว์ า่ เคยทา/ไม่เคยทาอะไรบา้ งต้งั แตอ่ ดีตมาจนถงึ ปัจจบุ นั
จากน้นั ครูถามคาถามตอ่ ไปน้ี โดยถา้ นกั เรียนเคยทาให้ยกมอื ข้นึ
Have you ever ridden a horse?
Have you ever swum in the ocean?
Have you ever talked to a famous person?
เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ใจคาถามลกั ษณะน้ีแลว้ ครูทบทวนวิธีการตอบแบบส้นั ว่า ถา้ เคย ตอบ Yes, I have.
ถา้ ไมเ่ คยตอบ No, I haven’t. แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้ตอบคาถามครูทีละคน
Have you ever laughed until tears came from your eyes?
Have you ever fallen asleep while talking on the phone?
Have you ever received a love letter?
Have you ever received a present that you really hated?
Have you ever shaken hands with a monkey?
Have you ever slept in a tent?
234
Have you ever seen a car accident?
Have you ever eaten frog legs?
Have you ever ridden a motorcycle?
จากน้นั ครูอธิบายวา่ การใช้ present perfect น้นั เป็ นการถามเกี่ยวกบั ประสบการณ์ทไ่ี ม่เฉพาะเจาะจง
เวลาท่ีแน่นอน เป็นการถามถงึ สิ่งทเี่ กิดข้นึ ในอดตี ถา้ ตอ้ งการจะรู้รายละเอียดทีเ่ จาะจงวา่ เหตุการณ์
น้นั เกิดข้นึ เมอ่ื ไรในอดีต ใหน้ กั เรียนใช้ past simple ครูเขียนตวั อยา่ งต่อไปน้ีบนกระดาน
We met in January 1975.
I haven’t seen her since January 1995.
นกั เรียนระบวุ ่าประโยคใดทก่ี ลา่ วถงึ เหตกุ ารณต์ ้งั แต่อดีตมาจนถงึ ปัจจบุ นั (I haven’t seen her since
January 1995.) และประโยคใดท่ีกล่าวถึงเหตุการณใ์ นอดีตทรี่ ะบเุ วลาทแ่ี น่นอน (We met in January
1975.)
ต่อครูถามคาถาม present perfect อกี คร้งั เช่น
Have you ever received a present that you really hated?
แลว้ ถามคาถามเพิ่มเตมิ นกั เรียนท่ีตอบว่าเคย โดยใช้ past simple เช่น What was it?
เมือ่ นกั เรียนตอบแลว้ ครูเขียนคาถามเหลา่ น้ีบนกระดาน ครูอาจถามคาถามนกั เรียนอกี 2-3 คน เช่น
Have you ever talked to a famous person? Who was the person?
Have you ever been abroad? Where did you go?
3. ครูเขยี นตาราง 4 คอลมั นบ์ นกระดาน ดงั น้ี
Infinitive Past simple Past participle Meaning
จากน้นั ครูเขยี นคากริยาลงในตารางคอลมั น์ที่ 1 แลว้ แบ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ ยอ่ ย ให้แต่ละกลมุ่ ลอก
ตารางน้ีลงในกระดาษ เมือ่ ทุกกลมุ่ ลอกตารางเสร็จแลว้ ครูใหเ้ วลานกั เรียน 5 นาที เติมคากริยาช่อง
ที่ 2, 3 และ 4 ลงในตารางให้ถกู ตอ้ ง โดยสามารถเปิ ดพจนานุกรมได้ กลุ่มใดทเ่ี ขยี นไดถ้ กู ตอ้ งมาก
ท่สี ุดเป็นทีมท่ีชนะ ครูเฉลยคาตอบดว้ ยการให้แต่ละกลมุ่ สลบั กนั ตรวจคาตอบ โดยครูใหน้ กั เรียน
ช่วยกนั บอกคาศพั ท์ แลว้ ครูเป็นผเู้ ขียนลงในตารางบนกระดาน เมอื่ ไดค้ ากริยาครบท้งั 3 ช่องแลว้
นกั เรียนอา่ นออกเสียงคากริยาเหล่าน้ีพร้อมๆ กนั เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนลอกตารางเหล่าน้ีลงใน
สมุดของตนเอง แลว้ ใหน้ กั เรียนท่องคากริยา 3 ช่องเหลา่ น้ีเป็นการบา้ น
Infinitive Past simple Past participle Meaning
be was/were been เป็น, อย,ู่ คอื
break broke broken แตก, หกั
buy bought bought
ซ้ือ
235
Infinitive Past simple Past participle Meaning
eat ate eaten รบั ประทาน
fly flew flown
forget forgot บิน
get got forgotten ลืม
go went got/gotten ไดร้ ับ, เอามา
have had gone/been ไป
know knew มี
leave left had รู้จกั
lose lost known ออกจาก
meet met left ทาหาย, สูญเสีย
see saw lost พบ
sing sang met เห็น
win won seen ร้องเพลง
sung ชนะ
won
4. นกั เรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.4 และให้นกั เรียน 1 คน อา่ นตวั อยา่ งที่ใหม้ า ครูอธิบายวา่
ให้นกั เรียนนาคากริยาช่องที่ 3 (irregular verbs) ที่ให้มาเตมิ ลงในประโยคใตภ้ าพแตล่ ะภาพให้
ถูกตอ้ ง โดยกอ่ นทาครูอาจช้ีใหน้ กั เรียนดูท่ี ’s แลว้ ให้นกั เรียนระบุว่ายอ่ มาจาก is หรือ has (ยอ่ มา
จาก has) จากน้นั ครูใหเ้ วลานกั เรียนทางาน
เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD1/Track 38 ให้นกั เรียนฟัง 2 คร้งั คร้ังแรก ให้ฟังเพอ่ื ตรวจคาตอบ คร้งั ทส่ี อง
ให้ฟังและอ่านออกเสียงตาม
Audio script and answers
Fiona’s won a lot of medals.
1. Mr Brown’s lost his keys.
2. Jake has never sung in public.
3. She’s broken her leg.
4. He’s just eaten a really hot curry.
5. They’ve never flown before.
6. He’s just seen a shark.
7. Sally’s met a lot of famous people.
8. Bud Johnson has been to Mars 17 times!
236
5. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.5 เป็นคู่ ครูอธิบายว่าใหน้ กั เรียน B ปิ ดหนงั สือเรียน
แลว้ ใหน้ กั เรียน A พดู คากริยาช่องที่ 3 จาก Ex.4 แลว้ ใหน้ กั เรียน B พดู ประโยคจาก Ex.4 แตเ่ ปลย่ี น
ประธานเป็นสรรพนามบุรุษท่ี 1 ซ่ึงก็คอื I นนั่ เอง
จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นตวั อยา่ งท่ีให้มา ครูอาจให้นกั เรียนอา่ นประโยคท้งั หมดท่อี ยใู่ น Ex.4
อกี คร้งั แลว้ กระตุน้ ให้นกั เรียนใชเ้ ทคนิคเขา้ ช่วยในการจดจาประโยค เช่น จดจาคาสาคญั หรือจดจา
ภาพ หรือวิธีการอ่ืนๆ กไ็ ดท้ ีค่ ิดวา่ เหมาะกบั ตนเอง ครูให้เวลานกั เรียนทากิจกรรม เม่ือนักเรียน B ฝึก
เสร็จแลว้ ใหส้ ลบั บทบาทกบั นกั เรียน A
สุดทา้ ยครูสารวจวา่ นกั เรียนคนใดทสี่ ามารถจดจาประโยคไดม้ ากท่สี ุด ดว้ ยการใหน้ กั เรียนยกมอื ข้ึน
โดยครูถามว่าใครจาไดท้ ุกประโยค, ใครจาได้ 7 ประโยค, ใครจาได้ 6 ประโยค เป็นตน้
ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนกลบั ไปเขียนประโยคเป็นการบา้ น
Answers (win)
(won) I’ve won a lot of medals. (sing)
(sung) I’ve never sung in public. (break)
(broken) I’ve broken my leg. (eat)
(eaten) I’ve just eaten a really hot curry. (fly)
(flown) I’ve never flown before. (see)
(seen) I’ve just seen a shark. (meet)
(met) I’ve met a lot of famous people. (go)
(been) I’ve been to Mars 17 times.
Extra activity: ครูเขียนคากริยาช่องท่ี 3 ของคากริยาท่ีนกั เรียนเคยไดเ้ รียนมาแลว้ แลว้ ให้นกั เรียน
แต่งประโยค โดยใช้ present perfect ครูอาจทาในรูปแบบการแข่งขนั ดว้ ยการแบง่ นกั เรียน เป็น 2
ทีม ทมี ใดทีแ่ ต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ งมากที่สุด เป็นทีมท่ชี นะ
6. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3 คน อา่ นประโยคในหนังสือเรียน หน้า 43 หวั ข้อ Look & Use แลว้ ให้นกั เรียน
ในหอ้ งทเี่ หลืออ่านตาม จากน้นั ให้นกั เรียนบอกโครงสร้างประโยค (ประโยคท่ี 1-2 อยใู่ นรูป present
perfect ส่วนประโยคท่ี 3 อยใู่ นรูป past simple) แลว้ ใหน้ กั เรียนหาประโยคที่เป็น present perfect
และ past simple ในบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 42
Para 1: He was born on 8th June 1990.
He started racing in 2001.
When he was only 12, he won the 11-13 category at the London Mini Marathon.
237
Para 2: In 2005 he broke the UK Under 17 100 metre record with a time of 16.6 seconds.
In 2007, he broke the same record in the Under 20 category with a time of 16.3
seconds.
In 2006, he won the ‘Young Disabled Sportsperson of the Year’ award.
His most recent award was a spectacular silver medal in the 100 metres event at
the Beijing Paralimpic Games in 2008.
ครูอาจเตรียมประโยคทอี่ ยใู่ นรูป past simple ใส่กระดาษแผ่นใหญ่ไวก้ ่อนแลว้ แลว้ นากระดาษน้ีมา
ติดบนกระดาน ครูอา่ นประโยคเหล่าน้ี โดยเนน้ ทเี่ วลาท่ีเกิดเหตกุ ารณ์ เพือ่ กระตนุ้ ใหน้ กั เรียนเห็น
ความแตกต่างระหวา่ ง past simple กบั present perfect เมอื่ นกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูสรุปให้นกั เรียนฟัง
อกี คร้ังวา่ past simple จะบอกเลา่ เก่ียวกบั เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดข้นึ ในอดีต ซ่ึงจะระบุเวลาที่แน่นอน (ระบุ
ตรงๆ หรือบอกใบ)้
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้ออกมาขีดเสน้ ใตค้ า/วลที ใ่ี ชบ้ อกเวลาทแ่ี น่นอนในประโยค past
simple บนกระดาน เช่น on 8th June 1990, in 2001, when he was only 12, in 2005, in 2007, in
2006, in 2008 ครูอธิบายเพ่มิ เติมว่า นอกจากคา/วลที ่ีใชบ้ อกเวลาเหล่าน้ีแลว้ ยงั มกั ใชค้ า/วลีต่อไปน้ี
yesterday, two weeks ago, last year ร่วมกบั past simple
Note: YDSY ยอ่ มาจาก Young Disabled Sportsperson of the Year
ข้นั Practice
1. นกั เรียนอ่านวลี A-F และปี ค.ศ.ทใี่ หม้ าในหนังสือเรียน หน้า 42 Ex.2 จากน้นั ช้ีให้นกั เรียนดูตวั อย่าง
คาตอบ ครูให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ นอยา่ งรวดเร็วเพ่อื หาวา่ ตรงส่วนใดของบทอ่านท่ีมคี าตอบน้ี
(บรรทดั ท่ี 2-3) ครูถามวา่ นกั เรียนจาเป็นตอ้ งอา่ นบทอ่านอยา่ งละเอียดทุกคาหรือไมใ่ นการทา
กิจกรรมน้ี (ไม)่ แลว้ ครูจึงแนะนาให้นกั เรียนอ่านบทอา่ นแบบ scanning คอื อ่านอยา่ งรวดเร็ว เพ่ือหา
ขอ้ มลู ทตี่ อ้ งการ ซ่ึงในทีน่ ้ีก็คอื หาปี ค.ศ.ที่ให้มา เพื่อดวู ่าในปี ดงั กล่าวเกิดเหตุการณอ์ ะไรข้นึ ในชีวติ
ของ Mickey Bushell แลว้ จึงให้เวลานกั เรียนทางาน 2-3 นาที เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาตอบจาก
นกั เรียน เพือ่ เฉลยคาตอบ
Answers
1. F started racing
2. B broke Under 17 record
3. A won the ‘Young Disabled Sportsperson of the Year’ award
4. C broke Under 20 record
5. E won the silver medal
238
2. ครูอธิบายว่าขอ้ ความในหนังสือเรียน หน้า 42 Ex.3 เป็นสรุปยอ่ ของบทอา่ นเรื่อง Record breaker
จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนเติมคาทขี่ าดหายไปในแต่ละช่องว่าง ครูแนะนาใหน้ กั เรียนพิจารณาคา/วลีท่ี
อยขู่ า้ งหนา้ และขา้ งหลงั ของช่องว่างแตล่ ะช่องเป็นพิเศษ เพอื่ หาคาจากบทอา่ นมาเตมิ
เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คเู่ พื่อเปรียบเทยี บคาตอบกนั สุดทา้ ยครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อ่าน
ขอ้ ความที่เติมคาสมบรู ณแ์ ลว้ เพ่อื เฉลยคาตอบ โดยครูเขยี นคาตอบที่ถูกตอ้ งบนกระดาน
กิจกรรม Ex.3 น้ี มีรูปแบบเดียวกบั ขอ้ สอบ Reading & Writing Part 7 ของ Key English Test (KET)
ของ Cambridge
Answers 2. 12 3. 2007
1. miles 5. watching 6. eating
4. passionate
Extra activity: ช่วยนกั เรียนฝึกฝนการเขียนสรุปยอ่ ดว้ ยการถ่ายเอกสารบทอ่านเรื่อง Record
breaker จากหนงั สือเรียน หนา้ 42 ให้นกั เรียน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นบทอา่ นอกี คร้งั แลว้ ขีดเส้นใต้
ประโยคท้งั หมดทถี่ ูกนามาใชใ้ นสรุปยอ่ ใน Ex.3 จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนฝึกเขียนสรุปยอ่ ดว้ ยตนเอง
โดยใชบ้ ทอา่ นเกี่ยวกบั ชีวิตของ Dakota Fanning ในหนงั สือเรียน หนา้ 38
3. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หน้า 43 Ex.6 ว่า นกั เรียนจะไดท้ างานคู่ และแตง่ บทสนทนา
ส้ันๆ จากขอ้ มลู ทกี่ าหนดให้ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ มลู ท่ใี ห้มา ครูสารวจความเขา้ ใจของนกั เรียน
แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน อา่ นบทสนทนาตวั อยา่ ง ครูอธิบายว่าใหน้ กั เรียนใชบ้ ทสนทนาน้ีเป็ น
ตน้ แบบในการทางานของตนเอง โดยคาถามแรก จะตอ้ งอยใู่ นรูป present perfect เพราะกล่าวถงึ
ประสบการณท์ ว่ั ๆ ไป (an experience in general) ในขณะทค่ี าถามท่ี 2 จะตอ้ งอยใู่ นรูป past simple
เพราะกล่าวถึงประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงในช่วงเวลาทีแ่ น่นอน (a specific experience at a
specific moment in time)
ครูอาจให้นกั เรียนกลบั ไปดปู ระโยคใน Look & Use หรือบทอา่ นใน Ex.1 เพือ่ ใหแ้ น่ใจวา่ นกั เรียน
เขา้ ใจความแตกต่างระหว่างประสบการณท์ ว่ั ๆ ไป (general) กบั ประสบการณท์ ่ีเฉพาะเจาะจง
(specific) แลว้ จึงให้เวลานกั เรียนฝึกพดู ถาม-ตอบกนั ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทางาน และใหค้ วาม
ช่วยเหลอื ในกรณีทีจ่ าเป็น เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาทากิจกรรมใหเ้ พอื่ นดู
239
Possible answers
A: Have you ever won a competition?
B: Yes, I have.
A: When did you win it?
B: I won it when I was in primary school.
A: Have you ever seen an eclipse?
B: Yes, I have.
A: When did you see it?
B: I saw it when I was a child.
A: Have you ever visited the USA?
B: Yes, I have.
A: When did you go there?
B: I went there two years ago.
A: Have you ever eaten French food?
B: Yes, I have.
A: When did you eat it?
B: I ate it in Paris last summer.
Weak classes: ถา้ นกั เรียนสบั สนเกี่ยวกบั รูปของคากริยา ครูอาจให้นกั เรียนแตง่ แค่ 2 บทสนทนา
โดยเริ่มจากการเขียนกอ่ น เมอ่ื แน่ใจแลว้ ว่าบทสนทนาของนกั เรียนถูกตอ้ ง ครูให้นกั เรียนฝึกสนทนา
เป็นคู่ หรือครูอาจปรับให้ง่ายข้นึ อีก โดยในประโยค past simple ครูระบเุ วลาทีเ่ กิดเหตุการณใ์ ห้ชดั
ข้ึน เช่น
A: Have you ever won a competition? B: Yes, I have.
A: When did you win it? B: I won a dance competition in 2005.
ข้นั Production
1. นกั เรียนจบั คู่พูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั ประสบการณท์ ่ีกาหนดให้ในหนังสือเรียน หน้า 43 Ex.7 หรืออาจ
ให้นกั เรียนคิดข้นึ เองเพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั ชีวติ ของนกั เรียน ก่อนทาครูเขียนคาถามและคาตอบส้นั ๆ
บนกระดาน เช่น
Have you ever forgotten to revise for a test? Yes, I have. / No, I haven’t.
240
ครูถามนกั เรียนวา่ คากริยาในประโยคคาถามอยใู่ นรูป tense ใด (present perfect)
ตอ่ มาครูเขียน Wh-words ตอ่ ไปน้ีบนกระดาน When? Where? What? Which? โดยใชส้ ีทแ่ี ตกต่าง
ออกไป และอธิบายว่าในการตอบคาถาม Have you ever …? ถา้ เป็นการตอบรบั นกั เรียนสามารถ
ถามเพ่ิมเตมิ ไดอ้ ีก โดยใชค้ าถามแบบ Wh-questions เช่น
Which test was it? It was English.
ครูถามนกั เรียนวา่ คากริยาในประโยคอยใู่ นรูป tense ใด (past simple)
ครูอ่านคาถามที่เป็น present perfect อกี คร้งั และอธิบายวา่ present perfect จะใชก้ ลา่ วถงึ
ประสบการณ์ทว่ั ๆ ไป ในขณะทค่ี าถามแบบ Wh-questions ทเ่ี ป็น past simple จะขอขอ้ มูลทีเ่ ป็น
รายละเอียดเก่ียวกบั ประสบการณ์ท่เี ฉพาะเจาะจง เมือ่ นกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูใหน้ กั เรียนจบั คูพ่ ดู ถาม-
ตอบกนั และให้สลบั บทบาทกนั หลงั จบในแต่ละบทสนทนายอ่ ย เพ่ือให้นกั เรียนไดเ้ ป็นท้งั ผถู้ ามและ
ผตู้ อบ
Possible answers B: Yes, I have.
A: Have you ever got a bad mark in a test? B: It was History.
A: Which test was it?
A: Have you ever forgotten your homework? B: Yes, I have.
A: When was it? / When did you forget it? B: Last week.
A: Have you ever lost your diary? B: Yes, I have.
A: When did you lose it? B: I lost it last December.
I left it on a bus.
2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 43 Ex.8 โดยเปิ ดหนงั สือเรียน หนา้ 119 แลว้ ใหน้ กั เรียน
สงั เกตตารางเกมท่ีใหม้ า ต้งั แต่ช่องคาวา่ start ไปจนถึง finish ครูบอกนกั เรียนว่านกั เรียนจะไดเ้ ล่น
board game (เกมกระดาน) ซ่ึงเป็นเกมทน่ี กั เรียนคนุ้ เคยกนั ดีอยแู่ ลว้
จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูที่ขอ้ ความ You need กบั How to play ครูนาเหรียญ และตวั เดิน (counters)
ซ่ึงอาจจะเป็นฝาน้าอดั ลม หรือกระดาษแขง็ สีตา่ งๆ มาแจกนกั เรียนเพอ่ื ใช้ในการเลน่ เกม
ครูถามนกั เรียนว่า ถา้ โยนเหรียญและเหรียญออกหวั (heads) นกั เรียนจะไดเ้ ดินตวั เดินกี่ช่อง (1 ช่อง)
ถา้ เหรียญออกกอ้ ย (tails) นกั เรียนจะไดเ้ ดินตวั เดินกี่ช่อง (2 ช่อง) ครูให้นกั เรียนอา่ นวิธีการเล่น และ
ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน ครูย้าวา่ นกั เรียนตอ้ งสลบั กนั เป็นผโู้ ยนเหรียญ (toss the coin)
241
ตอ่ มาครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อา่ นคาถามในตารางเกมคนละ 1 ช่อง ต้งั แตค่ าถามขอ้ 1-12
ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ วา่ ในการตอบคาถามในตารางเกม ถา้ เป็นการตอบรบั ให้ผถู้ ามถามคาถามเพ่มิ เตมิ
โดยใชค้ าในวงเลบ็ ทีใ่ ห้มา แต่ถา้ เป็นการตอบปฏิเสธ สิทธ์ิในการโยนเหรียญและเดินตวั เดินจะสลบั
เป็นของผถู้ ามแทน
ครูให้นกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งการพดู ถาม-ตอบทใี่ ห้มา แลว้ จึงให้นกั เรียนในช้นั เริ่มเล่นเกม
เป็นกลุ่มหรือเป็นคู่กไ็ ด้ ใครไปถงึ ช่อง finish กอ่ นเป็นคนแรกเป็นผชู้ นะ
3. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 32 Exs.2-4 และอ่านหวั ขอ้ Famous
Quote เป็นการบา้ น
4. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 33 Ex.3 ในช้นั เรียน เรียงบทสนทนาที่
ใหม้ าท้งั 2 บท ใหถ้ ูกตอ้ ง กอ่ นทาครูอธิบายว่า บทสนทนาท้งั 2 บท เป็นการสนทนาเก่ียวกบั
ประสบการณ์ส่วนตวั ในอดีต จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนทางานคู่ เลอื กบทสนทนาที่เรียงถูกตอ้ งแลว้ มา
1 บท แตเ่ ปล่ียนขอ้ มูลเป็นขอ้ มูลของนกั เรียนเอง และฝึกซอ้ มสนทนากนั เมอื่ หมดเวลาท่กี าหนด
ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หนา้ ช้นั
7. การวัดและประเมินผล
วิธกี ารวดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การผ่าน
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบทดสอบ ร้อยละ 60
(ต 1.1 ม.3/4)
ประเมินการสนทนาเก่ียวกบั แบบประเมินการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประสบการณ์ส่วนตวั ในอดีต
(ต 1.2 ม.3/1, ต 4.1 ม.3/1)
สังเกตการเล่นเกมทางภาษา แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 2.1 ม.3/3)
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน TEAM UP IN ENGLISH 3 ม. 3 8.2 หนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook)
8.3 Class Audio CDs 8.4 อปุ กรณ์การเล่นเกม เช่น ฝาน้าอดั ลม
และเหรียญ
242
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 Grammar Focus
เวลา 2 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- ใช้ present perfect – How long…?, for / since, adjectives + preposition, present perfect vs past
simple ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
- พดู นาเสนอเกี่ยวกบั ส่ิงที่สามารถทาไดด้ ี
- เปรียบเทียบโครงสร้างประโยคภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ชี้วดั
ต 1.3 ม.3/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเด็น
ตา่ งๆ ทอี่ ย่ใู นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกบั กาลเทศะ
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั
ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
ตัวชี้วดั
ต 2.1 ม.3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
ต 2.2 ม.3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิด
ตา่ งๆ และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเขียนเกี่ยวกบั ตนเอง และประสบการณ์ ต้องใช้คา ประโยคท่ีถูกตอ้ งและเหมาะสม อีกท้ังช่วยให้
เกิดความเขา้ ใจว่า โครงสร้างประโยคของภาษาองั กฤษและภาษาไทยมที ้งั ความเหมือนและความแตกตา่ งกนั
243
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Functions: Talking about experiences
When he was 12, he won the 11-13 category at the London Mini
Marathon.
He has won numerous medals at competitions all over the world.
Talking about things that we do well or badly
He’s really good at dancing. I was hopeless at ‘flares’.
Grammar: Present perfect – How long…?
for / since
Adjectives + preposition
Present perfect vs Past simple
2) Language Skills
Speaking: พดู นาเสนอเก่ียวกบั สิ่งที่สามารถทาไดด้ ี
Writing: เขยี นประโยคโดยใชโ้ ครงสร้างภาษาที่เรียน
4. ทกั ษะการคิด
4.1 ทกั ษะการคิดทีใ่ ชใ้ นการส่ือสาร - พดู และเขยี นประโยคภาษาองั กฤษ
4.2 ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ - สรุปหลกั ไวยากรณ์จากตวั อยา่ งประโยคทีศ่ กึ ษา
5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้ meet break see
be lose fly
ข้นั Warm up sing win eat
1. ทบทวนคากริยา 3 ช่อง ท่นี กั เรียนเรียนมาแลว้ โดยเขยี นตาราง 9 ช่อง
บนกระดาน แลว้ เขียนคากริยาในหนงั สือเรียน หนา้ 43 Ex.4 ในรูป
infinitive หรือ base form ลงในตารางแต่ละช่อง แลว้ แบง่ นกั เรียนเป็น
2 ทมี เพอ่ื เล่นเกม Noughts and Crosses หรือ OX โดยใหแ้ ตล่ ะทีมผลดั กนั
เลอื กช่องท่ตี นเองตอ้ งการ แลว้ ผนั กริยาทอี่ ยใู่ นช่องดงั กลา่ วให้ครบท้งั
3 รูป ครูให้นกั เรียนแต่ละทมี เลือกสัญลกั ษณข์ องทีมตวั เองว่าจะใช้ O หรือ
244
X เม่ือทมี ดงั กล่าวผนั กริยาไดค้ รบท้งั 3 รูปแลว้ ครูจะใชส้ ญั ลกั ษณท์ ี่ทมี น้นั เลือกเขียนทช่ี ่องดงั กลา่ ว
ทมี ใดท่สี ามารถทาสญั ลกั ษณ์ไดค้ รบ 3 ช่อง ติดกนั ในแนวใดกไ็ ดเ้ ป็นทมี ทีช่ นะ
เมือ่ ไดท้ มี ทช่ี นะแลว้ ครูอาจลบคากริยาในตาราง แลว้ เขียนใหม่ โดยเปลีย่ นเป็นเขยี นกริยาช่องที่ 3
แลว้ ใหน้ กั เรียนเล่นเกมอีกคร้ัง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนฝึกผนั กริยา 3 ช่องไดค้ ลอ่ ง
2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน พดู ประโยคในหนงั สือเรียน หนา้ 43 Ex.4 แตใ่ ชป้ ระธานของ
ประโยคเป็นสรรพนามบุรุษท่ี 1 (I) ใหค้ รูฟัง หรือให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พูดให้เพอื่ นฟัง
เพื่อหาวา่ นกั เรียนในห้องคนใดพูดประโยคไดม้ ากท่สี ุด
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนตวั อยา่ งประโยคของ present perfect simple, present perfect simple with for / since,
adjectives with a preposition, present perfect vs past simple บนกระดาน จากน้นั แบ่งนกั เรียนเป็น
กลมุ่ ยอ่ ย แลว้ ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั สงั เกตและวิเคราะหต์ วั อยา่ งประโยคร่วมกนั เพอ่ื จะได้
แลกเปล่ยี นความคดิ เห็น กระตนุ้ และตรวจสอบความคดิ ของกนั และกนั เสร็จแลว้ ช่วยกนั สรุปหลกั
ไวยากรณ์ หลงั จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากแต่ละกลมุ่ แลว้ สรุปคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง
2. นกั เรียนกลุ่มเดิมช่วยกนั ศกึ ษาคาอธิบายและเติมคาท่ีขาดหายไปในกรอบเก่ียวกบั การใช้ present
perfect simple, present perfect simple with for / since, adjectives with a preposition, present
perfect vs past simple รวมท้งั อ่าน Hot Tip! ในหนังสือเรียน หน้า 44-45 ในช้นั เรียน
ครูทาหนา้ ทกี่ ระตนุ้ ให้นกั เรียนสงั เกตตวั อยา่ งประโยคที่ให้มา หรืออาจให้ตวั อยา่ งประโยคเพิ่มเติม
โดยเขียนบนกระดาน แลว้ ช้ีใหน้ กั เรียนสังเกตเพื่อสรุปหลกั ไวยากรณ์ ซ่ึงเป็นวธิ ีการเรียนรู้แบบท่ี
เรียกว่า Inductive method
Present perfect simple
Answers
เธออยทู่ ่ีน่ีมานานเทา่ ไรแลว้
เธอเรียนเตน้ มานานเท่าไรแลว้
present perfect simple
245
Present perfect simple with for / since
Answers
ในภาษาไทย ไมม่ ีการใช้ tense เหมือนอยา่ งในภาษาองั กฤษ แตม่ ีคาช่วยกริยาหรือ
กริยานุเคราะห์เพอ่ื บอกความหมายทางไวยากรณข์ องกริยา เช่น แสดงความหมาย
บอกกาลว่าเป็นอดีตหรืออนาคต เกิดเหตกุ ารณอ์ ยใู่ นขณะใดขณะหน่ึง เกิดเหตกุ ารณ์
เป็นประจา หรือเหตกุ ารณเ์ พิ่งสิ้นสุดไป เช่น
หมอได้ผา่ เอาเน้ือร้ายออกหมดแลว้
นาฬิกาเพ่ิงตาย
since
for
Language Note
ในภาษาไทย คาช่วยกริยาหรือกริยานุเคราะห์ คือคากริยาที่ทาหนา้ ทชี่ ่วยกริยาชนิดอื่นให้
แสดงความหมาย ออกมาเป็น กาล มาลา หรือวาจก ตา่ งๆ เพราะคากริยาในภาษาไทยมีรูปคงท่ี
ไม่เปลี่ยนรูปไปตามกาล มาลา หรือวาจกเหมือนภาษาท่ีมีวิภตั ตปิ ัจจยั เช่น ภาษาบาลี
สนั สกฤต และองั กฤษ เป็นตน้ การท่จี ะรู้ว่าเป็นกาล มาลา หรือวาจก อะไร นอกจากสงั เกต
ความหมายของรูปประโยคแลว้ จาเป็นตอ้ งอาศยั คาช่วยกริยาหรือกริยานุเคราะหเ์ ป็น
เคร่ืองช่วยดว้ ย ตวั อยา่ ง
ช่วยบอกกาล เช่น เขาได้ทางาน (อดีตกาลสามญั )
เขาเพงิ่ ทางานเสร็จ (อดีตกาลสามญั )
เขาทางานแล้ว (อนุตกาลสมบรู ณ)์
เขาได้ทางานแล้ว (อดีตกาลสมบรู ณ์)
ทีม่ า: กาชยั ทองหล่อ. (2556). หลกั ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : บริษทั รวมสาส์น (1997) จากดั .
หนา้ 224-227
3. ใหน้ กั เรียนแปลประโยคตวั อยา่ งในกรอบ Present perfect simple with for / since เช่น
He’s been a break dancer since he was 10.
เขาเป็นนกั เตน้ เบรกแดนซม์ าต้งั แต่เขาอายุ 10 ขวบ
I’ve trained with her since April.
ฉันไดอ้ บรมกบั หลอ่ น/เธอมาต้งั แต่เดือนเมษายน
I’ve been here for about half an hour.
246
ฉนั อยทู่ ีน่ ่ีมา (เป็นเวลา) ประมาณคร่ึงชว่ั โมงแลว้
I’ve been a break dancer for 3 year.
ฉนั เป็นนกั เตน้ เบรกแดนซ์มา (เป็นเวลา) 3 ปี แลว้
จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั เปรียบเทียบโครงสร้างประโยคของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ โดยครูทา
หนา้ ทซี่ กั ถาม เช่น ประโยคท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษมีประธาน กริยา กรรม เหมือนกนั หรือไม่
(ม)ี รูปของคากริยาในภาษาไทยมกี ารเปล่ียนรูปไปตามกาลหรือประธานของประโยคเหมือนอยา่ ง
ในภาษาองั กฤษหรือไม่ (ไม)่ ภาษาไทยใชค้ าใดมาช่วยบอกกาล (คาช่วยกริยาหรือกริยานุเคราะห์)
ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ระบคุ าช่วยกริยาหรือกริยานุเคราะห์ในประโยค เช่น ได้
ครูอธิบายว่า นอกจากคาช่วยกริยาหรือกริยานุเคราะหแ์ ลว้ เรายงั ใชค้ าอนื่ ๆ เพอื่ ช่วยบอกความหมาย
ของประโยค เช่น
มา เป็นคาประกอบกริยาแสดงอาการทตี่ ่อเน่ืองเรื่อยมาถงึ ปัจจุบนั
แล้ว เป็นคาวเิ ศษณ์ ลกั ษณะอาการกระทาใดๆ เสร็จ สิ้น จบ ลว่ งไป หรือสุดสิ้นลง เช่น
กินแลว้ ทาแลว้ นอนแลว้ หรือตอ่ แตน่ ้นั เร่ิมใหม่อีกระยะหน่ึง (จะเป็นการกระทาอยา่ ง
เดียวกนั หรือตา่ งกนั แลว้ แต่กรณี) เช่น กินแลว้ นอน ข้นึ รถแลว้ ลงเรือ
ต้งั แต่ เป็นคาบุพบท หมายถงึ นบั จากเวลาหน่ึงหรือสถานท่หี น่ึงเป็นตน้ ไป เช่นเดียวกบั คา
ว่า since ในภาษาองั กฤษ
Adjectives with a preposition
Answers
at
-ing
Present perfect vs Past simple
Answers
present perfect
past simple
Hot Tip!
จาไวว้ ่าเราจะใช้ past simple กบั วลีทบี่ ง่ บอกเวลาในอดีต เช่น ago, last year, yesterday
เป็ นตน้
Extra activity: เพ่ือให้นกั เรียนเขา้ ใจการใช้ present perfect และ past simple มากข้ึน ครูเปิ ดคลปิ
หรือแนะนาคลิปใหน้ กั เรียนไปเปิ ดดดู ว้ ยตนเองในหอ้ งคอมพิวเตอร์หรือท่ีบา้ น โดยเขา้ ไปท่ี
247
www.youtube.com และพมิ พช์ ื่อคลปิ present perfect และ past simple tense ตอนท่ี 4 ภาษาองั กฤษ
ป.4 - ม.6 (DLIT Resources คลงั สื่อการสอน) หรือเขา้ ไปท่ี
https://www.youtube.com/watch?v=FyCKCG580BA
ข้นั Practice
ครูและนกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือเรียน หน้า 44-45 Exs.1-6 ปากเปล่าร่วมกนั ในช้นั เรียน
โดยใน Ex.4 ครูเปิ ด CD1/Track 39 ให้นกั เรียนฟังเพอื่ เฉลยคาตอบ เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนกลบั ไป
เขียนเป็นการบา้ นอีกคร้งั เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน
Exercise 1
Answers
1. How long has Rajid lived here?
2. How long has Mary had long hair?
3. How long have they studied Chinese?
4. How long has Mr Charleston worked there?
5. How long has Sally known Susan?
6. How long have you had your dog?
Exercise 2 since
six o’clock
Answers I was young
July 2006
for
a long time
five years
half an hour
three months
Exercise 3 2. for 3. since
Answers 5. since 6. since
1. for
4. for
248
Exercise 4
Audio script and answers
D How long have they studied English? For two weeks.
They have learnt a lot.
1. A How long has she had a dog? Since she was young.
2. B How long have your grandparents been married?
They’ve been together for over 60 years!
3. C How long have you had Mrs Collins as a teacher?
For about one year. I really like her lessons.
4. E How long has John lived there? He’s lived there since 2000.
Exercise 5
Possible answers
1. ’m good at
2. was good at
3. ’m hopeless at
4. is hopeless at
5. is good at
6. were good at
Exercise 6 2. he lived 3. we went
5. moved 6. We went
Answers 8. I’ve had
1. I’ve known
4. He has played
7. I didn’t like
ข้นั Production
1. นกั เรียนทบทวนโครงสร้างประโยคท่เี รียนในหนงั สือเรียน หนา้ 44-45 จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่
พูดคุยกนั เกี่ยวกบั ส่ิงที่เรียน แลว้ ให้นกั เรียนแตง่ ประโยค โดยใชโ้ ครงสร้างท่ีเรียนมา โครงสร้าง
ละ 5 ประโยค เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาพดู นาเสนอประโยคท่ีตนเองแตง่ ท่ี หนา้ ช้นั เรียน
โดยให้เพื่อนๆ ในห้องเป็นผตู้ รวจว่าประโยคท่ีเพื่อนแต่งถูกตอ้ งหรือไม่
249
2. นกั เรียนแบ่งเป็นกล่มุ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ทา board game เหมอื นอยา่ งในหนงั สือเรียน หนา้ 119
แต่คาถามที่เขยี นในตารางให้นกั เรียนใชป้ ระโยคเตม็ เพอ่ื ให้ผเู้ ล่นตอบคาถาม หรืออาจเขยี นประโยค
บอกเลา่ และเวน้ ช่องวา่ งให้ผเู้ ล่นเตมิ คา โดยใชโ้ ครงสร้างภาษาทเ่ี รียน เช่น
How long have you studied English?
How long have you lived in your house?
I’m ___________________ swimming.
I’m ___________________ painting.
เม่ือครูตรวจผลงานของนกั เรียนแลว้ ครูให้เวลานกั เรียนแต่ละกลุ่มเล่นเกมโดยใช้ board game ของ
กลุ่มตนเอง
3. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 Exs.4-5 ในช้นั เรียน หรือทาเป็น
การบา้ นแลว้ มาพดู นาเสนอในคาบเรียนถดั ไป
4. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 34-35 Exs.1-6 เป็นการบา้ น
Skills (Workbook p. 37)
Writing and Speaking
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 Ex.4 โดยสมมติวา่ นกั เรียนเขยี น
ไดอาร่ีเป็นประจา ให้นกั เรียนเขียนประโยคเก่ียวกบั ส่ิงท่ีนกั เรียนสามารถทาไดด้ ี และเขียนเกี่ยวกบั
ความใฝ่ฝันหรือทะเยอทะยานของตนเอง โดยใชข้ อ้ มูลทีใ่ หม้ า
keep a diary (phr) write in a diary regularly (เขยี นไดอาร่ีเป็นประจา)
2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 Ex.5 โดยเตรียมพดู นาเสนอ
ขอ้ ความทน่ี กั เรียนเขยี นใน Ex.4 พร้อมท้งั เตรียมคาถามอยา่ งนอ้ ย 2 ขอ้ สาหรบั ถามคาถามเพื่อน
Study Tip
นกั เรียนอา่ นคาแนะนาในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 หัวขอ้ Study Tip ซ่ึงแนะนาวา่
ใหน้ กั เรียนวางแผนในการศกึ ษาทบทวนความรู้ของตนเอง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถใชเ้ วลาไดค้ ุม้ ค่า
โดยทุกคร้งั ทน่ี กั เรียนทาแบบฝึกหัดหรือทบทวนความรู้ ใหน้ กั เรียนสละเวลาอยา่ งนอ้ ย 30 นาที
สาหรับทบทวนคาศพั ท์ กฎ และหนา้ ท่ที างภาษา เร่ิมต้งั แต่บทแรกเป็นตน้ ไป โดยใชว้ ธิ ี 1 บทใหม่ +
1 บทเกา่
250
7. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจประโยคทนี่ กั เรียนแตง่ (ต 1.3 ม.3/1) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ประเมนิ การทา board game และสงั เกต
การเล่นเกมทางภาษา (ต 1.3 ม.3/1, ต 2.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ม.3/3)
สงั เกตการพดู นาเสนอเก่ียวกบั สิ่งที่ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สามารถทาไดด้ ี (ต 1.3 ม.3/1)
สงั เกตการเปรียบเทียบโครงสร้างประโยค แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ของภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ อนั พึงประสงค์
(ต 2.2 ม.3/1)
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.2 หนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook)
8.1 หนงั สือเรียน TEAM UP IN ENGLISH 3 ม. 3 8.4 อปุ กรณ์การทา board game
8.3 Class Audio CDs
251
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 Team Up Blog 1
เวลา 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- หาขอ้ มลู เฉพาะจากเร่ืองท่ีอา่ นได้
- พดู แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่อี ่านและประสบการณข์ องตนเองได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอา่ นจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็นอยา่ ง
มีเหตผุ ล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพดู และ
การเขียน
ตัวชี้วดั เลือก/ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
ต 1.1 ม.3/4 เกี่ยวกบั เรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั
ต 1.3 ม.3/3 เร่ืองทฟ่ี ังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม
พดู และเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์ พร้อมท้งั
ให้เหตุผลประกอบ
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจเรื่องท่ีอ่าน ช่วยให้พดู ขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทอี่ า่ น
และประสบการณ์ของตนเอง
252
3. ทักษะการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: sleepover, etiquette, keep their distance, academic, protest
2) Language Skills
Speaking: พูดแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องที่อา่ น
พดู แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองเกี่ยวกบั เพื่อนและ
ความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั แลว้ เปรียบเทียบกบั เรื่องที่อ่าน
Reading: อ่านเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ
4. ทกั ษะการคดิ
4.1 ทกั ษะการคิดทใี่ ชใ้ นการสื่อสาร - พูดและอา่ นภาษาองั กฤษ
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ทบทวนการใช้ good at และ hopeless at จากน้นั ครูเขียนตาราง 9 ช่องบนกระดาน แลว้ เขียนคาศพั ท์
ช่ือกีฬาและรูปแบบการเตน้ ลงในแต่ละช่อง แลว้ แบง่ นกั เรียนเป็น 2 ทีม เพอื่ เลน่ เกม Noughts and
Crosses หรือ OX โดยใหแ้ ต่ละทีมผลดั กนั เลอื กช่องท่ีตนเองตอ้ งการ แลว้ แต่งประโยคโดยใช้ good
at หรือ hopeless at ร่วมกบั คาศพั ทใ์ นตาราง
ถา้ แตง่ ประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง ทมี ดงั กลา่ วจะมสี ิทธ์ิทาสญั ลกั ษณ์ O หรือ X ในช่องคาศพั ทด์ งั กล่าว ทีม
ใดทส่ี ามารถทาสัญลกั ษณไ์ ดค้ รบ 3 ช่อง ตดิ กนั ในแนวใดกไ็ ดเ้ ป็นทมี ท่ชี นะ
Maths English tennis
folk dancing hip hop Science
break dancing ballet disco dancing
253
ข้นั Pre-reading
1. นกั เรียนดขู อ้ ความในหนงั สือเรียน หนา้ 46 ซ่ึงมที ้งั หมด 3 กรอบ ครูถามนกั เรียนว่า ขอ้ ความใน
แตล่ ะกรอบน้นั คืออะไร
กรอบที่ 1 ประวตั สิ ้ันๆ ของผแู้ ต่งนิยายเรื่อง Millicent Min, Girl Genius
กรอบท่ี 2 เน้ือเรื่องโดยยอ่ ของนิยายเรื่อง Millicent Min, Girl Genius
กรอบท่ี 3 ขอ้ ความท่ีตดั ตอนมาจากนิยายเร่ือง Millicent Min, Girl Genius
2. นกั เรียนอา่ นช่ือเรื่องของนิยายในกรอบท่ี 2 แลว้ ช่วยกนั บอกว่า Millicent Min คอื ชื่อของอะไร เมอื่
ไดค้ าตอบว่าช่ือของเด็กผหู้ ญิงแลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกลกั ษณะของเดก็ ผหู้ ญิงคนน้ี (genius)
genius (n) a person who is unusually intelligent or artistic, or who has a very high
level of skill, especially in one area (อจั ฉริยะ)
3. ครูถามคาถามนกั เรียนเพอื่ นาเขา้ สู่เร่ืองท่ีจะอ่าน เช่น
Have you ever known a genius?
Have you ever moved to a new school? How did you make friends?
If you could jump into college right now, would you?
4. ครูอา่ นประวตั ิของผแู้ ต่งส้นั ๆ ในกรอบแรก แลว้ ให้นกั เรียนอ่านตาม แลว้ ถามคาถามนกั เรียน เช่น
How many books has Lisa Yee written? (Four books)
5. ครูอธิบายความหมายของคาศพั ทท์ จี่ าเป็นต่อความเขา้ ใจในการอ่านให้กบั นกั เรียน ดงั น้ี
sleepover (n) a party for children or young people when a group of them spend the
night at one house (ปาร์ต้ีของเด็กๆ หรือหนุ่มสาว โดยพวกเขาจะไป
คา้ งคืนท่บี า้ นของคนใด คนหน่ึงในกลมุ่ )
etiquette (n) the formal rules of correct or polite behaviour in society or among
members of a particular profession (มารยาท)
keep their distance (idm) to avoid getting too friendly or involved with a person, group, etc.
(หลกี เล่ยี งท่ีจะใกลช้ ิดมากเกินไปหรือเกี่ยวขอ้ งกบั บคุ คลหรือกลมุ่ )
academic (adj) connected with education, especially studying in schools and
universities (เกี่ยวกบั การศึกษา)
protest (v) to say that you strongly disagree with or are angry about something
because you think it is wrong or unfair (คดั คา้ น)
ข้นั Reading
ครูเขียนคาถามบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นเรื่องยอ่ ของ Millicent Min, Girl Genius ในกรอบ
ที่ 2 อยา่ งรวดเร็วเพือ่ ตอบคาถามเหลา่ น้ี
254
1. What’s special about Millicent? (She’s a genius)
2. What is she good at? (Maths)
3. What is she hopeless at? (Making friends)
4. Who is going to be her first friend? (Emily)
จากน้นั ครูเขียนคาถามเพ่มิ เติม แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นขอ้ ความในกรอบท่ี 3 ซ่ึงเป็นเน้ือเรื่องทีต่ ดั ตอน
มาจากนิยายเรื่อง Millicent Min, Girl Genius อย่างรวดเร็ว เพอ่ื ตอบคาถามเหลา่ น้ี
5. Who has Millicent invited to a sleepover? (Emily)
6. What must Millicent’s parents do? (Be kind, but keep their distance)
7. What mustn’t they do? (Discuss politics, kiss or dance in front of the guest, mention
Millicent’s achievements)
8. What did Millicent promise? (She promised to put the dirty dishes in the dishwasher
and not to cut out articles from the newspaper before people read it)
ข้นั Post-reading
1. เมอ่ื นกั เรียนอ่านเน้ือเร่ืองจบแลว้ ให้นกั เรียนเดาว่าน่าจะเกิดเหตกุ ารณอ์ ะไรข้นึ ตอ่ จากเน้ือเร่ืองที่
นกั เรียนไดอ้ า่ น โดยถามคาถามนกั เรียน ดงั น้ี
What do you think will happen next?
Will Emily come for the sleepover?
Will she discover her friend is a genius?
Will she be happy about it?
Will Millicent tell Emily about her achievements?
2. ครูถามคาถามเพ่ือกระตนุ้ ให้นกั เรียนวิเคราะหบ์ ุคลกิ ลกั ษณะของ Millicent
Is Millicent a happy person? What does she need?
What will she be when she grows up?
3. นกั เรียนในหอ้ งอภปิ รายร่วมกนั ในช้นั หรือเป็นกลุ่มยอ่ ยเกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองเก่ียวกบั
เพ่อื น ความสัมพนั ธ์ในครอบครวั แลว้ เปรียบเทียบกบั ประสบการณ์ของ Millicent โดยเร่ิมจาก
คาถาม เช่น
Do you make friends easily?
What are the qualities you require in a friend?
Do you discuss your friends with your parents?
Do you invite friends home?
255
Weak classes: ใหน้ กั เรียนเขียนประโยค 4-5 ประโยค เก่ียวกบั ความประทบั ใจท่นี กั เรียนมีต่อ
Millicent
Advanced classes: ให้นกั เรียนเขียนเรียงความส้ันๆ ในหัวขอ้ Friendship โดยใชค้ าถามตอ่ ไปน้ีเป็น
แนวทางการในเขยี น
Do you make friends easily?
What are the qualities you require in a friend?
Do you discuss your friends with your parents?
Do you invite friends home?
4. ครูแบง่ นกั เรียนในช้นั ออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย แลว้ ให้นกั เรียนอ่านคาถามในหนงั สือเรียน หน้า 46 หวั ข้อ
Over to you… แลว้ ครูอธิบายเพม่ิ เติมว่านกั เรียนจะมีโอกาสไดพ้ ูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั นิยาย
เรื่อง Millicent Min, Girl Genius ใหเ้ พอ่ื นฟัง โดยครูเขียนคาถามให้นกั เรียนบนกระดาน เพอื่ ใช้ใน
การอภิปรายแสดงความคิดเห็น
Do you like the story? Why / Why not?
Would you read the whole book?
Would you recommend it to a friend?
ตอ่ มาครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนพูดถึงรสนิยมหรือความชอบในเรื่องหนงั สือทว่ั ๆ ไป โดยเขียนคาถาม
ต่อไปน้ีบนกระดาน
What do you usually read?
When do you read? For how long?
Where do you get your books from?
Do you buy them or do you get them from the library or from a friend?
Do you read what your friends recommend?
Do you tell them about what you read?
ครูใหเ้ วลานกั เรียนในการพดู อภิปรายแสดงความคดิ เห็นให้ไดม้ ากทส่ี ุด โดยครูเดินสงั เกตรอบๆ
ช้นั เรียน และใหค้ วามช่วยเหลือในกรณีท่ีจาเป็น
Advanced classes: ใหน้ กั เรียนเขยี นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั หนงั สือท่ีชอบ และแสดงความ
คดิ เห็นส่วนตวั ทมี่ ีต่อเรื่องของ Millicent
5. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 36-37 Exs.1-5 เป็นการบา้ นหรือในช้นั
เรียน
256
Skills (Workbook pp. 36-37)
Reading
1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ประเภทของการเตน้ ในหนงั สือเรียน หนา้ 41
2. นกั เรียนดูภาพในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 36 Ex.1 แลว้ ระบชุ ื่อประเภทของการเตน้
ท่ีเห็นในภาพ จากน้นั อา่ นขอ้ ความ A และ B อยา่ งรวดเร็ว เพื่อจบั คู่ภาพกบั ขอ้ ความท่ีสัมพนั ธก์ นั
3. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 36 Ex.2 โดยอา่ นขอ้ ความ A และ B
อกี คร้งั แลว้ ใหน้ กั เรียนขดี เสน้ ใตส้ ่ิงท่ี Sarah และ Brad สามารถทาไดแ้ ละไมส่ ามารถทาได้
4. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 36 Ex.3 โดยเลอื กบคุ คล 1 คน จากใน
Ex.1 ระหวา่ ง Sarah และ Brad แลว้ ให้นกั เรียนตอบคาถามทใ่ี หม้ าเก่ียวกบั บคุ คลทเ่ี ลือก
7. การวัดและประเมินผล
วิธกี ารวดั เครื่องมอื เกณฑ์การผ่าน
ร้อยละ 60
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน หนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook), ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม.3/4) แบบทดสอบ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
สังเกตการพูดขอและใหข้ อ้ มลู และ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่อี า่ น
และประสบการณข์ องตนเอง (ต 1.2
ม.3/4, ต 1.3 ม.3/3)
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.2 หนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook)
8.1 หนงั สือเรียน TEAM UP IN ENGLISH 3 ม. 3
8.3 Class Audio CDs
257
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 Team Up Blog 2
เวลา 1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ระบขุ อ้ มลู เฉพาะจากการฟังได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็นอยา่ ง
มเี หตผุ ล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาคญั รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ังและอา่ นจากส่ือประเภทต่างๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ ง
ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ชีว้ ัด
ต 2.1 ม.3/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ ช่วยให้เขา้ ใจเร่ืองท่ฟี ังและอา่ น และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษา
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: opportunity, viewer, producer, tax, contestant, elect
2) Language Skills
Listening: ฟังและระบุขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ประสบการณ์ส่วนตวั
258
4. ทักษะการคดิ
4.1 ทกั ษะการคิดทใ่ี ชใ้ นการส่ือสาร - ฟังและพูดภาษาองั กฤษ
4.2 ทกั ษะการระบุ - ระบขุ อ้ ความท่ีขาดหายไปจากการฟัง
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ เคยดรู ายการ Thailand’s Got Talent หรือไม่ รายการน้ีมลี กั ษณะอยา่ งไร นกั เรียน
ชอบดรู ายการน้ีหรือไม่ ทาไมชอบ/ไมช่ อบ
Cultural Note
talent show เป็นรายการทางโทรทศั นห์ รือวทิ ยุ ซ่ึงผเู้ ขา้ แขง่ ขนั จะไดร้ บั แรงบนั ดาลใจ
มาจากศลิ ปิ นในแวดวงของการร้องเพลง เตน้ รา การแสดง การเดินแบบ เป็นตน้ เพื่อ
หวงั เขา้ มาสู่ธุรกิจบนั เทิง โดยแนวความคิดของรายการน้ีไดม้ าจากประเทศตะวนั ตก
จากการประกวดการแสดงทจ่ี ดั ข้ึนในมหาวทิ ยาลยั โดยชื่อของรายการน้นั มาจาก
คาว่า talent scout ซ่ึงเป็นแมวมองทเี่ สาะหาบุคคลท่มี ีสามารถ
โดยรายการ talent show ทีถ่ ่ายทอดทางโทรทศั น์น้นั จะมีจุดที่คลา้ ยคลงึ กบั รายการ
reality show ซ่ึงผชู้ มสามารถโหวตเลือกผเู้ ขา้ แขง่ ขนั ทีช่ อบทีส่ ุด โดยรายการที่มี
ช่ือเสียง เช่น American Idol, Pop Idol, X Factor, Popstars, Britain’s got talent,
America’s got talent รายการ talent shows ที่มีช่ือเสียงล่าสุดขององั กฤษ
คอื How Do You Solve a Problem Like Maria? รายการท่ีผกู้ ากบั Andrew Lloyd
Webber มาเป็นกรรมการเพ่อื คน้ หานกั แสดงละครเวทีของเขาเรื่อง The Sound of
Music หรือรายการ I’d Do Anything เพอ่ื คน้ หานกั แสดงนาในละครเวทเี รื่อง Oliver
ทีม่ า: Paola Tite and Anna Capetta. (2010). TEAM UP IN ENGLISH 3 Teacher’s Book.
ITALY: Eli Publishing
https://en.wikipedia.org/wiki/How_Do_You_Solve_a_Problem_like_Maria%3F
259
Background Information
รายการกอ็ ตทาเลนต์ (Got Talent) เป็นรายการจากประเทศองั กฤษที่โดง่ ดงั ระดบั โลก
เปิ ดโอกาสให้คนทีม่ คี วามสามารถหรือพรสวรรค์ ไมจ่ ากดั รูปแบบ ขอเพียงแค่กลา้ แสดง
ความสามารถของตนเองกเ็ ขา้ ร่วมการประกวดได้ ปัจจุบนั มีการผลติ รายการก็อตทาเลนต์
ในประเทศอ่ืนๆ รวมแลว้ มากกวา่ 40 ประเทศทวั่ โลก
ทมี่ า: http://www.thailandsgottalent.tv/about-thailand-got-talent
ข้นั Pre-listening
1. ครูเตรียมพร้อมนกั เรียนสาหรับกิจกรรมการฟัง โดยถามนกั เรียนว่ารู้อะไรบา้ งเกี่ยวกบั รายการ talent
show แลว้ ใหน้ กั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 47 และเดาเน้ือหาของเรื่องทจ่ี ะไดฟ้ ังและอา่ น
2. ครูสอนคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนจะไดพ้ บในการอ่านและฟัง ดงั น้ี
opportunity (n) a chance to do something or an occasion when it is easy for you to do
something (โอกาส)
viewer (n) someone who watches television (ผชู้ มโทรทศั น์)
producer (n) someone whose job is to control the preparation of broadcast, but who
does not direct the actors (ผผู้ ลิตรายการ)
tax (n) an amount of money that you must pay to the government according to
your income, property, goods etc and that is used to pay for public services
(ภาษ)ี
contestant (n) someone who competes in a contest (ผเู้ ขา้ ร่วมการแข่งขนั )
elect (v) to choose someone for an official position by voting (เลือก)
ข้นั Listening
ครูเปิ ด CD1/Track 40 ใหน้ กั เรียนฟัง โดยหยดุ CD ใหน้ กั เรียนหลงั จบแตล่ ะขอ้ ความ เพอ่ื ให้
นกั เรียนเติมคาท่ขี าดหายไปในแตล่ ะช่องวา่ งในขอ้ ความในหนังสือเรียน หน้า 47 หวั ข้อ Listen to
six things you didn’t know about… Talent Shows จากน้นั ครูเปิ ด CD อีกคร้งั เพือ่ ให้นกั เรียน
ตรวจทานคาตอบของตนเอง เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ แลว้ ครูเขียนคาตอบที่ถกู ตอ้ ง
บนกระดานอกี คร้ัง
กิจกรรมน้ีมีรูปแบบเดียวกบั ขอ้ สอบการฟัง Part 4 ใน Key English Test ของ Cambridge
260
Audio script and answers
One of the first talent shows was in the UK in 1956. It was called
Opportunity Knocks and viewers sent their votes by post!
Simon Cowell, a producer of talent shows, pays more than (1) £21.7 million
in tax. So how much does he actually earn?
Apart from the English and American versions of Pop Idol, there are
versions all around the world, including (2) Asian Idol, Canadian Idol,
Indian Idol, (3) Vietnam Idol and Idolos Brazil!
In 2007, (4) 200,000 people auditioned for The X Factor in the UK.
(5) Five singles released by contestants in the UK’s The X Factor have
reached number one.
In 2007, (6) 74 million people voted to elect the American Idol winner.
ข้นั Post-listening
1. นกั เรียนทากิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 47 หวั ข้อ And finally… ครูอธิบายวา่ ให้นกั เรียนจบั คู่ เล่น
เกม Boast the most ครูให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมายของช่ือเกม
ครูอาจอธิบายสถานการณ์เป็นภาษาไทยวา่ สมมติวา่ เมอื่ 2-3 ปี ท่แี ลว้ นกั เรียนชนะการแขง่ ขนั ใน
รายการ talent show รายการหน่ึง ในปัจจบุ นั นกั เรียนจึงมชี ่ือเสียงมาก ประสบความสาเร็จ และรวย
อยา่ งเหลือเช่ือ ให้นกั เรียนจินตนาการถงึ ชีวิตใหมข่ องนกั เรียน และพูดบอกคูข่ องตนเอง นกั เรียน
คนใดที่สามารถพดู โมไ้ ดม้ ากทส่ี ุด (boast the most) เป็นผชู้ นะ
ก่อนให้นกั เรียนเล่นเกม ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน อา่ นตวั อยา่ งทใ่ี หม้ า และอธิบายวา่ ให้
นกั เรียนใช้ present perfect ในการพดู โดยเริ่มตน้ ประโยคดว้ ย I’ve…
2. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 37 Exs.6-7 เป็นการบา้ นหรือใน
ช้นั เรียนร่วมกนั
Skills (Workbook p. 37)
Listening
1. ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสมั ภาษณ์นกั ฟตุ บอลอาชีพ Jorge Rodriquez จากน้นั ครูอธิบาย
คาศพั ทส์ าคญั ก่อนการฟัง
determination (n) the ability to continue trying to do something, although it is very
difficult (ความมงุ่ มน่ั )
261
motivation (n) the feeling of wanting to do something, especially something that
involves hard work and effort (แรงจูงใจ)
local (adj) relating to the particular area you live in, or the area you are talking
about (เกี่ยวกบั ทอ้ งถ่นิ )
professional (adj) doing a job, sport, or activity for money, rather than just for fun
(ทที่ าเป็นอาชีพ)
2. นกั เรียนทากิจกรรมการฟังในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 37 Ex.6 โดยอ่านประโยค 1-8
ทใี่ ห้มา แลว้ จึงเปิ ด Student’s Audio CD/Track 15 โดยใหน้ กั เรียนฟัง 1-2 คร้ัง
3. นกั เรียนทากิจกรรมในหนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 37 Ex.7 โดยฟัง Student’s Audio
CD/Track 15 อกี คร้ังเพือ่ ตรวจคาตอบของตนเอง
Revision:
Tests and Resources: Reinforcement Worksheet Unit 5 (ภาคผนวก A)
Formative evaluation:
Tests and Resources: Test Unit 5 (ภาคผนวก A)
7. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
หนงั สือแบบฝึกหัด (Workbook), ร้อยละ 60
วิธีการวดั แบบทดสอบ
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม.3/4)
สงั เกตการเล่นเกมทางภาษา แบบทดสอบ ร้อยละ 60
(ต 2.1 ม.3/3) แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ตรวจแบบทดสอบ อนั พึงประสงค์
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.2 หนงั สือแบบฝึกหดั (Workbook)
8.1 หนงั สือเรียน TEAM UP IN ENGLISH 3 ม. 3 8.4 Student’s Audio CD
8.3 Class Audio CDs
262