The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการเพาะเลี้ยงแมลงที่เป็นอาหารของมนุษย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการเพาะเลี้ยงแมลงที่เป็นอาหารของมนุษย์

คู่มือการเพาะเลี้ยงแมลงที่เป็นอาหารของมนุษย์

สำนักงานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน) 1

คูม อื

การเพาะเลย้ี งแมลง

ที่เปน อาหารของมนษุ ยแ ละสตั ว

ในฟารม ทไ่ี ดม าตรฐาน

คำนำ

คู่มือการเพาะเลี้ยงแมลงท่ีเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ในฟาร์มท่ีได้มาตรฐานเล่ม
นี้ มวี ัตถุประสงค์เพอื่ เปน็ แนวทางให้ไดก้ ารปฏิบตั ใิ นฟาร์มทีท่ าำ ได้ง่าย เหมาะสมกับท้องถิ่น ได้
ผลผลิตทม่ี ีคณุ ภาพดีตรงตามมาตรฐานทก่ี าำ หนด ทำาใหเ้ พม่ิ โอกาสขยายตลาดและการสง่ ออก
ไปต่างประเทศ มกี ระบวนการผลิตทปี่ ลอดภยั ตอ่ ผ้เู ลี้ยงและผบู้ รโิ ภค มกี ารใชท้ รัพยากรทเ่ี กิด
ประโยชน์สูงสุด เกดิ ความย่ังยนื และไม่ทำาให้เกิดมลพิษต่อสงิ่ แวดล้อม เพอื่ การเตรยี มความ
พรอ้ มผปู้ ระกอบการฟาร์มแมลงสำาหรบั การขอรบั รองมาตรฐานฟาร์ม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การ
ทำาฟาร์มจ้งิ หรีด ซ่งึ ได้อ้างอิงกรอบร่างมาตรฐานสนิ ค้าเกษตรของการปฏิบัตทิ างการเกษตรท่ี
ดสี าำ หรบั ฟาร์มจง้ิ หรีด ประจำาปี 2560 จาก สาำ นักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่ง
ชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นกรอบในการจดั ทาำ คู่มอื โดยสงั เคราะห์องค์
ความร้จู ากการสาำ รวจการปฏิบัตทิ ด่ี ขี องผู้ประกอบการเลีย้ งแมลงและขอ้ มูลการวจิ ัย ทาำ ใหไ้ ด้
วิธกี ารปฏบิ ัติในการทาำ ฟารม์ จ้ิงหรีดและแมลงอ่นื ๆ ที่มมี าตรฐานท่ดี ี

คู่มือฉบับน้ีประกอบด้วยข้อมูลพ้ืนฐานของวงจรชีวิตและรูปร่างลักษณะของแมลงท่ี
เลย้ี งเปน็ อาหารของมนษุ ย์ (จง้ิ หรดี และดว้ งสาค)ู และแมลงทเ่ี ปน็ อาหารของสตั ว์ (หนอนนก
และ แมลงวันลาย) องคป์ ระกอบของการทำาฟาร์มและวิธีการปฏบิ ตั ิ โรงเรอื นและอปุ กรณ์การ
เลย้ี ง การจัดการฟารม์ การทำาความสะอาดและการขจัดของเสยี ออกจากฟารม์ การตลาด การ
แปรรปู ผลิตภณั ฑ์

ค่มู อื การเพาะเลย้ี งแมลงทเ่ี ปน็ อาหารของมนษุ ย์และสตั วใ์ นฟารม์ ท่ีไดม้ าตรฐาน

ที่ปรกึ ษา กลุ่มกจิ การพฒั นากลยทุ ธ์และนวตั กรรม
บรรณาธกิ าร ยุพา หาญบญุ ทรง
นักวิจัย ยุพา หาญบญุ ทรง ทศั นีย์ แจม่ จรรยา นพชนม์ ทับทมิ ลำาใย อิทธจิ ันทร์
จัดพมิ พโ์ ดย สาำ นกั งานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.)

อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น ๙ ศูนย์ราชการเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐
เลขท่ี ๑๒๐ หม่ทู ี่ ๓ ถนนแจ้งวฒั นะ กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๑๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๑๔๑ ๗๘๐๐

พิมพค์ รัง้ ท่ี ๒ กันยายน ๒๕๖๑
จำานวน ๕,๐๐๐ เล่ม

สารบญั หน้า

การเพาะเลย้ี งแมลงทเี่ ปน็ อาหารของมนุษย์ 1
1. การเพาะเลย้ี งจิ้งหรีด 3
1) จิง้ หรดี ทองดาำ (Gryllus bimaculatus De Geer) 7
2) จ้งิ หรีดบ้าน หรอื แมงสะด้ิง (Acheta domesticus (Linnaeus))
องค์ประกอบในการทำาฟารม์ จ้ิงหรีด 17
1) โครงสรา้ งของฟาร์ม 18
1.1 โรงเรือนและท่ีต้ัง 24
1.2 อปุ กรณ์การเล้ยี ง 26
2) การจัดการฟารม์ 26
2.1 การเตรยี มบ่อ
2.2 การเตรีมแผงไข่ 28
2.3 การคัดเลือกพันธุ์จิ้งหรดี 28
2.4 กกาารรใใหห้อน้ าำา้ หาร
2.5
2.6 การรองไขแ่ ละการเก็บไข่
2.7 การบม่ ไข่จง้ิ หรดี
2.8 การเก็บจง้ิ หรดี เพอ่ื จำาหนา่ ย
2.9 โรคของจิ้งหรดี และปญั หาอื่น ๆ
2.10 การจดบันทกึ ข้อมูล
3) การทาำ ความสะอาดและการบาำ รุงรักษา
3.1 โรงเรอื นและอปุ กรณ์
3.2 การขจัดของเสยี
4) เกษตรกรผู้เลยี้ งจ้ิงหรีด
การจัดการดา้ นการตลาดของจิ้งหรดี มีรูปแบบตา่ ง ๆ ดังต่อไปน้ี
2. การเพาะเล้ยี งด้วงสาคู
องค์ประกอบในการทาำ ฟาร์มดว้ งสาคู
1) โรงเรือนและอุปกรณ์
1.1 โรงเรือน
1.2 อุปกรณ์ในการเลย้ี ง
2) การจดั การฟาร์ม
2.1 การเล้ียงตวั หนอนดว้ งสาคู
2.2 การขยายพันธดุ์ ว้ งสาคู
2.3 การเก็บด้วงสาคูเพือ่ จำาหนา่ ย
2.4 การจดบันทกึ ข้อมลู
2.5 ปัญหาท่พี บในการเลย้ี งด้วงสาคูและวิธแี ก้ไข
3) การทาำ ความสะอาดและบาำ รงุ รกั ษา
3.1 โรงเรอื นและอปุ กรณ์
3.2 การขจดั ของเสีย
4) เกษตรกรผู้เล้ียงดว้ งสาคู
การตลาดของดว้ งสาคู

สารบญั (ตอ ) หนา้

การเพาะเลี้ยงแมลงทใ่ี ชเ้ ปน็ อาหารของสัตว์ 30
3. การเพาะเลีย้ งหนอนนก 31
องค์ประกอบในการทำาฟารม์ หนอนนก 32
1) โรงเรือนและอุปกรณ์
1.1 โรงเรอื น 34
1.2 ภภาาชชนนะะสสำาาำ หหรรบัับใเลหย้ี้นงำ้า 34
1.3 35
2) การจัดการฟารม์ 38
2.1 การคัดเลือกพันธ์ุ 38
2.2 กกาารรใใหห้้อนา้ำาหาร
2.3 43
2.4 การเปลย่ี นอาหารและเกบ็ ซากหนอนจากภาชนะเลย้ี ง
2.5 การเก็บหนอนนกเพื่อจำาหนา่ ย
2.6 การจดบันทกึ ขอ้ มลู
2.7 ปญั หาทีพ่ บและวิธีแกไ้ ข
3) การทำาความสะอาดและบาำ รงุ รักษา
3.1 โรงเรือนและอุปกรณ์
3.2 การขจัดของเสีย
4) เกษตรกรผู้เล้ยี งหนอนนก
การตลาด
4. การเพาะเล้ยี งแมลงวนั ลาย
องค์ประกอบในการทาำ ฟารม์
1) โรงเรอื นและอุปกรณ์
1.1 โรงเรือน
1.2 ภาชนะเลีย้ ง
1.3 ภาชนะให้แมลงวันลายวางไข่
2) การจัดการฟาร์ม
2.1 การลอ่ แมลงวันลาย
2.2 การเตรียมภาชนะเล้ียงหนอนแมลงวนั ลาย
2.3 การเตรียมไข่
2.4 การใหอ้ าหาร
2.5 การเก็บดกั แดแ้ มลงวันลาย
2.6 การขยายพนั ธแุ์ มลงวนั ลาย
2.7 การเกบ็ ไข่
2.8 การจดบันทึกข้อมลู
2.9 ปญั หาทพี่ บและวธิ แี กไ้ ข
3) การทาำ ความสะอาดและบำารงุ รักษา
การตลาด
การใชป้ ระโยชน์
เอกสารอา้ งอิง

สำนกั งานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องคการมหาชน) 1

การเพาะเลย้ี งแมลงทเ่ี ปน อาหารของมนุษย

1. การเพาะเล้ียงจ้งิ หรีด
ความสาำ คญั
จง้ิ หรีด เป็นแมลงกินไดท้ ม่ี ีคณุ คา่ สารโภชนาการสงู ได้แก่ โปรตนี 12.9 กรัม ไขมนั 5.5 กรัม

แคลเซยี ม 75.8 มลิ ลกิ รมั และธาตเุ หล็ก 9.5 มิลลกิ รัม ต่อ 100 กรัม การแปรรปู จงิ้ หรีดมีการพัฒนา
กระบวนการปรุงแต่งหลายรูปแบบเพื่อให้มีอายุการเก็บรักษายาวนานข้ึนตามความต้องการของกลุ่ม
ผู้บรโิ ภคทห่ี ลากหลาย เชน่ อบแหง้ อบกรอบ ทาำ ผงโปรตนี แมลงและนำาผงมาทำาขนมปังเสริมโปรตีน
แมลง คุกก้ีแมลง สปาเกต็ ตีแ้ มลง เปน็ ตน้

รูปรา่ งลกั ษณะและวงจรชีวิต
จงิ้ หรีดทน่ี ิยมเลย้ี งเพอื่ การค้ามี 2 ชนดิ คอื
1) จิ้งหรีดทองดาำ (Gryllus bimaculatus De Geer)

ไข่ สีเหลืองครมี รปู ร่างยาวเรียวคลา้ ยเมลด็ ขา้ วสาร ยาว 3-4 มลิ ลิเมตร อยเู่ ป็นกลมุ่ ในดิน
ระยะไข่ 7-10 วัน
ตัวอ่อน ตวั ออ่ นท่ฟี ักจากไขใ่ หม่ๆ มสี ขี าว ต่อมาเปลีย่ นเปน็ สดี าำ หนวดยาว มี 8 วัย ใน
แตล่ ะวัยใชเ้ วลา 3-4 ลวำาันตวัระมยสี ะดี ตาำ วัหอร่อือนนป้ำาตราะลมเาขณ้ม 30-35 วนั
ตวั เตม็ วยั ยาว 30 มิลลิเมตร กว้าง 7 มิลลิเมตร ส่วนหัวกลม
หนวดยาวแบบเสน้ ดา้ ย ปากแบบกัดกนิ ขาสดี ำา มีจดุ สีเหลืองบริเวณโคนปกี 2 จุด ปีกมคี วามยาว
เทา่ กบั สว่ นท้อง ขาคหู่ ลังใหญ่แข็งแรง และกระโดดไดเ้ ก่ง เพศผูม้ ปี ีกคูห่ น้าย่นทำาเสียงได้โดยใชข้ อบ
ปกี คหู่ นา้ สกี นั เพศเมยี มปี กี เรยี บ และมอี วยั วะวางไขย่ าว 15 มลิ ลเิ มตร (ภาพท่ี 1.1) หลงั จากลอกคราบ
ครง้ั สดุ ท้ายใช้เวลา 2-3 วนั จงึ เร่มิ ผสมพันธแุ์ ละวางไข่ เฉลี่ย 1,000 ฟองตอ่ ตวั ตวั เตม็ วัยเพศเมียอายุ
11-18 วนั เพศผู้ 12-17 วนั (ภาพท่ี 1.2)

ภาพที่ 1.1 จ้งิ หรดี ทองดำา (Gryllus bimaculatus De Geer) เพศเมียมีอวัยวะวางไข่รูปร่างคลา้ ยเข็ม
ท่ีมา: สกุ ฤตา (2557)

2 คูมอื การเพาะเล้ียงแมลง
ท่ีเปน อาหารของมนุษยและสัตวในฟารมทไ่ี ดม าตรฐาน

ตวั อ่อน 30-35 วนั

ไข่ 7-10 วัน ตัวเต็มวยั
เพศผู้ 11-18 วนั
เพศเมีย 12-17 วัน

ภาพที่ 1.2 วงจรชีวติ ของจ้งิ หรดี ทองดาำ (Gryllus bimaculatus De Geer)
ทม่ี า: ทัศนยี ์ และคณะ (2547)

2) จ้งิ หรดี บา้ น หรือ แมงสะดิ้ง (Acheta domesticus (Linnaeus)
ไข่ สเี หลืองครีม ยาวเรียวคล้ายเมลด็ ข้าวสาร ยาว 2.5-3 มลิ ลิเมตร อยเู่ ป็นกลุ่มในดนิ ระยะ
ไข่ 10-14 วัน การวางไข่ครั้งแรก 3-5 วัน จำานวนไข่ต่อเพศเมยี 1 ตัว เฉลยี่ 1,700 ฟอง การฟักไข่รอ้ ย
ละ 90.00
ตัวอ่อน ตัวออ่ นทฟ่ี ักจากไขใ่ หม่ ๆ มีสีขาว ตอ่ มาเปล่ียนเปน็ สนี ้ำาตาล มี 8 วยั แตล่ ะวัยใช้
เวลา 4-5ตวัวนั เตร็มววมยั 42สีน- ำา้5ต5าลวนัปนเหลือง ขนาดลำาตัวยาว 20 มิลลิเมตร กว้าง 4 มิลลิเมตร สว่ นหวั
มีแถบสเี หลืองเข้ม 1 แถบเชอ่ื มระหว่างตา ปกี คูแ่ รกมลี ายสีเหลอื งอ่อนเป็นทางยาวขนานไปกบั ลาำ ตัว
(ภาพท่ี 1.3) หลังจากลอกคราบเป็นตวั เต็มวยั ใชเ้ วลา 2-3 วัน จงึ พรอ้ มผสมพันธุเ์ พอื่ วางไข่ มีอัตรา
การขยายพนั ธ์แุ ละอัตราการรอดสงู ระยะตัวเต็มวัยเพศเมยี 38-59 วนั เพศผู้ 40-43 วัน (ภาพท่ี 1.4)
(ทัศนีย์ และคณะ, 2547)

ภาพที่ 1.3 จ้งิ หรดี บ้าน หรอื แมงสะดง้ิ (Acheta domesticus (Linnaeus))
ที่มา: สุกฤตา (2557)

สำนกั งานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน) 3

ตวั ออ่ น 42-55 วนั

ไข่ 10-14 วนั ตวั เตม็ วยั
เพศผู้ 40-43 วัน
เพศเมีย 38-59 วัน

ภาพท่ี 1.4 วงจรชีวิตจิ้งหรีดบา้ น (Acheta domesticus (Linnaeus))
ทม่ี า: ทศั นยี ์ และคณะ (2547)
องค์ประกอบในการทาำ ฟารม์ จิ้งหรดี

1) โครงสร้างของฟารม์
1.1 โรงเรอื นและทต่ี ้งั
สถานท่ีตั้ง ควรอยูใ่ นพนื้ ทไี่ มม่ ีความเสี่ยงต่อการปนเปอื้ นท่มี ีผลตอ่ ความปลอดภยั

ของจงิ้ หรดี และผูบ้ ริโภค และไม่อยู่ในพน้ื ทที่ ีม่ ีโรคระบาด
พื้นท่ฟี าร์ม มีขนาดเพยี งพอและเหมาะสมในการเลีย้ งจงิ้ หรดี ไมก่ ่อใหเ้ กดิ ผลกระ

ทบต่อสขุ อนามัยขอ-งเจปิง้ ็นหบรรดี เิ แวลณะทจีไ่ ัดมก่มาีนรำ้าสทงิ่ แว่ มวดขลงั อ้ ม
- มวี สั ดุล้อมรอบพืน้ ที่การเลีย้ งจง้ิ หรดี
- มกี ารวางผงั ฟารม์ ท่ีดี และจดั พ้นื ทเี่ ป็นสดั สว่ นอยา่ งชดั เจน เชน่ บอ่ บริเวณบอ่

เล้ยี งจง้ิ หรีด ท่ีเกบ็ อาหาร เก็บอปุ กรณ์ ทีร่ วบรวมขยะ ส่ิงปฏกิ ูล และทพ่ี กั อาศัย
โรงเรือน ควรแยกสว่ นออกจากท่พี ักอาศัยและไม่มคี วามเสีย่ งจากการปนเปอื้ นท่ี

เป็นอนั ตรายตอ่ จิ้งหรดี (ภาพที่ 1.5)
- สรา้ งดว้ ยวัสดทุ ีค่ งทน แข็งแรง ง่ายต่อการทาำ ความสะอาด
- หลงั คาสูง อากาศถ่ายเทสะดวก และมกี ันสาดกนั ฝนไดร้ อบดา้ น
- มีผนงั หรอื ตาข่าย ลอ้ มรอบโรงเรอื น ทีส่ ามารถป้องกนั ศตั รูจ้งิ หรีด ไมใ่ ห้เขา้ สู่

บริเวณโรงเรอื นได้ เช่น มด ตุ๊กแก นก หนู สนุ ัข และอ่นื ๆ
เพ่ือช่วยปอ้ งกันมด---แลกพมะพาีน้ื รสดัคทตัลวำาวมรรเ์เตล่อปดิอ้ืงน็ ผนยคนคำา้ องัรลนชอาว่กบนยรนเลตีลอด็กหกอๆรโณุือรเงซขหเีเ้ารภมมอื มู นานหิ ตโขรร์ทนองื ่งีเตารา่ ดดิือยเนตกคไอ่วรดอ่กืา้ ้ งงาคพรว1ทน่ร0ำาไมอคเอีซนวา่นาำา้งตแมลบิเสา้มบงะตมอหรอืามดแลอลกึ กะเ5พบ-อ่ื่อ1ลแ0ดชเคน่ซวา้ำนายตมาิเรฆมอ้ ่าตนร
เชอ้ื สาำ หรับจมุ่ รองเทา้ ก่อนเข้าในโรงเรอื น

4 คูม ือการเพาะเลีย้ งแมลง
ทเ่ี ปนอาหารของมนษุ ยแ ละสตั วใ นฟารม ทไ่ี ดมาตรฐาน
(ก) (ข) (ค)
(ง) (จ) (ฉ)

(ช) (ซ)

ภาพท่ี 1.5. ลกั ษณะโรงเรือนเลีย้ งจง้ิ หรีด (ข) รรตะ่อาบขงบน่าพยา้ำ ปล่น้อ้อไอมงกนรันอำ้าแบมบดบแลหะมสอตั กวเพเ์ ล่อื ื้อลยดคคลวาานมอรนื่ อ้ ๆน
(ก) โรงเรอื นเล้ยี งจง้ิ หรีด (ง)
(ค) หลงั คาสงู และมีวัสดกุ นั ความร้อนใต้หลังคา (ฉ)
(จ) การตดิ ตั้งพัดลมเพื่อระบายความรอ้ น
(ช) และ (ซ) อา่ งล้างมือ ลา้ งเท้า ทำาความสะอาดและฆ่าเชือ้ กอ่ นเข้าโรงเรือน

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน) 5

1.2 อปุ กรณก์ ารเลยี้ ง
บ่อเล้ยี งจ้ิงหรีด
บ่อเล้ียงจ้ิงหรดี ควรทาำ ด้วยวสั ดุทแ่ี ข็งแรง ทนทาน ง่ายตอ่ การบาำ รงุ รักษาและทาำ ความ
สะอาด บอ่ เล้ียงมีหลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ บอ่ ปนู ซีเมนตท์ รงกลม บอ่ กล่องไม้อดั ส่เี หล่ียมหรือกระเบ้ือง
สมาร์ทบอรด์ บ่อปนู ซเี มนตส์ ี่เหล่ียมขนาดใหญ่ หรอื บ่อพลาสตกิ ที่มขี นาดเบา และสามารถเคลอ่ื น
ย้ายได้ บ่อท่ไี ด้รบั ความนยิ มมากทีส่ ดุ คือ บอ่ ปูนซีเมนต์สเ่ี หลย่ี ม (ภาพท่ี 1.6)
• บอ่ ปนู ซีเมนตส์ ี่เหลี่ยม มีหลากหลายขนาด โดยทวั่ ไปทม่ี ขี นาดกว้าง 1.6 เมตร ยาว
4 เมตร สูง 60 เซนติเมตร หรือถา้ ใชอ้ ิฐบลอ็ กท่มี ขี นาด 30 เซนติเมตร สว่ นของความกวา้ งของบอ่ ใช้
กอ้ นอิฐบลอ็ ก 4 ก้อน ความยาวใชก้ อ้ นอิฐบล็อก 10 ก้อน และ ความสูงใช้กอ้ นอฐิ บล็อก 3 ก้อน บอ่
ขนาดน้ใี ชเ้ ลีย้ งจิ้งหรดี โดยใส่ขนั ไขจ่ งิ้ หรดี เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 16-20 เซนติเมตร จำานวน 20-30 ขนั /
บอ่ จะไดผ้ ลผลติ จิง้ หรีดทองดาำ ประมาณ 25-30 กิโลกรัม หรอื จิ้งหรดี บ้านประมาณ 40-50 กโิ ลกรัม
สะอาด กขาร้อใดหี ้นมำา้คี ใวหาอ้ มาแหขาง็ รแรสงาทมนาทรถาเนลี้ยสงาไมดา้ผรลถผใชล้งติ าตนอ่ ไบดอ่้หสลงูายปี งา่ ยต่อการจัดการ เช่น การทาำ ความ
ข้อเสยี ไมส่ ามารถเคลื่อนย้ายได้
• บ่อเลี้ยงจ้ิงหรีดแบบกล่อง ใช้ไม้อัด หรือกระเบือ้ งสมาร์ทบอร์ด เปน็ วัสดุหลักในการ
มสรขี ้าางสกูงล1อ่ 5งเ-ล20ยี้ งเจซ้ิงนหตรเิีดมตขรนาหดลทอ่ ่ีนนิยาำ้ มหใชร้มือีคนวาำ้ ามมันกเวค้ารงอ่ื ง1ท.2ข่ี าเมกตันรมดยาใวส่ข2ัน.4ไขเมป่ ตรระมสางู ณ6015เซขนนัต/เิ มบต่อรจแะลไดะ้
จงิ้ หรีดทองดาำ ประมาณ 20-25 กิโลกรัม และจง้ิ หรดี บา้ นประมาณ 30-35 กโิ ลกรมั
ขอ้ ดี มคี วามแข็งแรงทนทาน ใชง้ านไดห้ ลายปี ตน้ ทุนไมส่ งู มาก ป้องกันมดไดด้ ี และสามารถ
เคล่ือนยา้ ยไปในทต่ี า่ งๆไดต้ ามตอ้ งการ
ขอ้ เสีย ต้องคอยดแู ลรกั ษามากกวา่ บอ่ ปูน
• บอ่ พลาสติก ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 80 เซนตเิ มตร ใส่ขันไข่จ้งิ หรดี 3-5 ขนั /บอ่ ได้
ผลผลิตจงิ้ หรีดประมาณ 3-5 กิโลกรัม
ขอ้ ดี ง่ายต่อการจัดการ เช่น การทำาความสะอาด การให้นาำ้ ให้อาหาร และการเคลื่อนยา้ ย
ขอ้ เสยี ไมท่ นทานเท่าบอ่ ปูนซีเมนต์

ใภชา้ภชานชะนใะหใ้อหา้อหาาหราแรลแะลนะน้ำาำ้าที่สะอาดเหมาะสมกบั จำานวนและอายขุ องจิง้ หรีด ตอ้ งไมช่ าำ รดุ
และไมท่ ำาจากวัสดทุ เี่ ป็นอันตรายตอ่ จิ้งหรดี ภาชนะทใ่ี หอ้ าหารนิยมใช้ถาดพลาสตกิ ส่เี หล่ยี ม หรือ
ปวกองลดุอ้ กมดงลกท้วมนัย่ีใซชผไม่ึงใ้้าสหค่ใท่วห้นวร่ี นร้จำ้าอ่ เภสงิ้ งปหาำาเน็พชหรแีดน่ือรบจับซะบมบัใกหนขานน้รอ้ำาำ้าเ้ำาตบสลจาาำเ้ยี ติ้งยหงหยี้ รไซรกบั เง่ึีด่พจผมเิง้ือ่มา้ หีหตใ่ือหลรอ้จาีด้จงงิ้ ย้งิใซหชรหกัรกู้ปรทีดนิแีดมำาบสคซีขาบวง่ึนมผาาเามา้ชดรตส่นเถลอ้ะเใก็งอขชซคา้า้ทกัถดว่อทรงึทพอใำาุกชวีาควผ้หีซวนั า้ ีาา(เหรชมPรไน่Vสดอื Cะกง้ฟอนั)า่ อายกงดรนทีด้าำ เุกวปวาน็ันงรรใ่ออชงบภ้ ปภาิดชาหชนวันะ-พะทใล้าสยา่ สแเพตลื่อกิะ

6 คมู อื การเพาะเล้ียงแมลง
ทเี่ ปนอาหารของมนุษยและสัตวในฟารมทไ่ี ดมาตรฐาน

ภาชนะให้จิ้งหรดี วางไข่และเก็บไข่
ใช้ภาชนะหรือวัสดุท่ีใช้ให้จิ้งหรีดวางไข่และเก็บไข่ที่สะอาดเหมาะสมกับจำานวนของจ้ิงหรีด

นยิ มใชข้ ันพลาสตกิ กลมเป็นภาชนะรองไข่ ขนาดขนั ไขเ่ สน้ ผา่ นศูนย์กลาง 16-20 เซนติเมตร ล้างให้
สะอาด และผึง่ ให้แหง้ ก่อนนำามาใช้รองไข่

(ก) (ข)

(ก) (ข)

ภาพท่ี 1.6 บอ่ เลี้ยงจงิ้ หรีด
(ก) บ่อปนู ซีเมนตส์ ่เี หลี่ยม (ข) การวางเรยี งบอ่ ปูนซีเมนต์ในโรงเรอื น
(ค) บอ่ พลาสตกิ (ง) การวางเรียงบอ่ พลาสติกในโรงเรอื น

สำนกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน) 7

2). การจดั การฟาร์ม
2.1 การเตรยี มบอ่
ก่อนเร่ิมเล้ียง ทาำ ความสะอาดบอ่ ควรวางไม้ตามแนวยาวและแนวขวางทีพ่ นื้ บอ่ ให้มคี วาม

สูงประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร เพือ่ ไวร้ องแผงไข่ ไม่ให้มลู จิ้งหรีดสมั ผสั กบั แผงไข่ ช่วยลดการสะสม
เช้อื โรคและยืดอายุการใช้แผงไข่ ขอบบ่อด้านในตดิ ดว้ ยวัสดุท่ีทนทาน ไม่หลดุ ลอก และงา่ ยตอ่ การ
ทำาความสะอาดเพือ่ ปอ้ งกันไม่ใหจ้ งิ้ หรดี ไต่ออก เชน่ แผน่ อลมู เิ นียม หรอื แผน่ กระเบ้อื งเรยี บ ปากบ่อ
ปิดด้วยมุ้งตาขา่ ยเพอ่ื ป้องกนั ศัตรูของจิง้ หรีด เช่น ตุ๊กแก จงิ้ จก (ภาพที่ 1.7 ก)

2.2 การเตรยี มแผงไข่
แผงไขต่ ้องอยใู่ นสภาพดี ไมเ่ ปียกช้ืน เนือ่ งจากอาจเกดิ เช้อื จุลินทรยี ์ทก่ี ่อโรคได้ ถ้าใชแ้ ผงไข่
ใหมส่ ามารถนำามาใชเ้ ลีย้ งได้ทนั ที แตค่ วรระวังอยา่ ให้มแี มลงหรอื ศตั รอู ื่นติดมากบั แผงไขส่ ำาหรับแผง
ไข่ทผ่ี า่ นการใช้งานมาแล้ว ใหท้ ำาความสะอาด เคาะแผงไขเ่ พอื่ ขจัดมลู และเศษอาหาร แล้วทาำ ความ
สะอาด ฆ่าเชือ้ โรคทีต่ ดิ มากบั แผงไข่ โดยตากแดด 1-2 วัน หรอื ใชค้ วามร้อนโดยอบในตู้อบความร้อน
ทอี่ ุณหภมู ิประมาณ 60-70 องศาเซลเซยี ล เป็นเวลา 2-3 ช่ัวโมง (ภาพที่ 1.8)

(ก) (ข)
ภาพท่ี 1.7 การเตรียมบ่อเลี้ยงจง้ิ หรีด

(ก) วางทอ่ นไมใ้ ห้สูงจากพื้นก่อนวางแผงไข่ลงบ่อเพื่อไมใ่ ห้แผงไข่สมั ผัสกบั มลู จิ้งหรีด
(ข) วางแผงไข่สลับกนั เพ่ือให้มีชอ่ งวา่ งให้อากาศถา่ ยเทสะดวก

8 คูม ือการเพาะเลย้ี งแมลง
ท่เี ปน อาหารของมนษุ ยแ ละสตั วในฟารมท่ไี ดมาตรฐาน

(ก) (ข)
ภาพท่ี 1.8 การทำาความสะอาดแผงไข่ ดว้ ยการอบแผงไขน่ าน 2-3 ชัว่ โมง ในตู้อบความร้อน

(ก) ลักษณะภายนอกของต้อู บความร้อน
(ข) ลกั ษณะภายใน มชี ้นั วางแผงไขต่ ั้งห่างจากหวั เตาแก๊ส 40-50 เซนตเิ มตร
2.3 การคดั เลอื กพันธจ์ุ ้งิ หรดี
- ตอ้ งคดั เลอื กใชพ้ ันธุจ์ ้งิ หรดี ที่มีคณุ ภาพดี แขง็ แรง ว่องไว และไมม่ ีประวัติของการเกิดโรค
- ควรผสมจ้งิ หรดี ขา้ มบอ่ เลยี้ ง โดยคดั เลือกจิ้งหรดี ตัวทแี่ ขง็ แรง มขี นาดใหญ่ และสมบูรณ์
มาเป็นพอ่ แม่พนั ธุ์ หรือจบั จงิ้ หรีดจากธรรมชาติมาผสมกับจง้ิ หรดี ทเ่ี ล้ยี งในบ่อเป็นคร้ังคราว เพอื่
ป้องกันปญั- จหดาบเลนั ือทดกึชแิดหล่งท่ีมาของพ่อแมพ่ นั ธทุ์ ่ีนาำ มาเลีย้ งอย่างสม่ำาเสมอ
2.4 การใหอ้ าหาร
- อาหารทใี่ ชเ้ ล้ียงต้องไม่เสอ่ื มคณุ ภาพ และไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพของจิง้ หรีด
- มีสถานทห่ี รือห้องเกบ็ อาหารจ้งิ หรดี ที่สามารถป้องกันการปนเปือ้ น และการเส่ือมสภาพ
ของอาหารจ้ิงหรีดได้
- อาหารสำาหรับเลย้ี งจ้ิงหรีด มแี บบสาำ เร็จรปู ซ่งึ ทาำ ใหต้ ้นทุนการเล้ียงสูง จงึ ควรลดต้นทุน
ดว้ ยการให้อาหารจากธรรมชาติ เช่น พืชตระกูลแตง วชั พืช ผกั ต่างๆ เป็นตน้
- การใหอ้ าหารจง้ิ หรดี ในสปั ดาห์แรก ควรให้ในปริมาณนอ้ ย เม่ือจิง้ หรดี กนิ หมดแล้วจงึ จะ
ใหเ้ พิ่ม เพื่อปอ้ งกันไมใ่ หม้ อี าหารตกค้างในบ่อเลี้ยงและเป็นสาเหตุของการสะสมเชอ้ื จุลินทรยี ใ์ นบ่อ
อาหารโปรตีนสำาเร็จรูป
- อาหารใชไ้ ดท้ ัง้ อาหารสาำ เร็จรูปสาำ หรับจงิ้ หรีด หรอื สาำ หรับเลยี้ งไก่เนื้อ โดยจ้ิงหรดี ในระยะ
1-3 สปั ดาหแ์ รกใช้อาหารสำาเรจ็ รปู ท่ีมีโปรตนี 21 เปอรเ์ ซน็ ต์และบดให้ละเอียด เนอ่ื งจากอาหารที่มี
โปรตนี สงู ช่วยให้จิ้งหรดี เจรญิ เตบิ โตเรว็ เม่ือจ้งิ หรีดอายุ 3-5 สปั ดาห์ สามารถเปล่ียนมาให้อาหารท่มี ี
โปรตีนน้อยลง 14 เปอร์เซน็ ต์ ซึง่ ราคาถูกกวา่ และสามารถใหพ้ ชื เปน็ อาหารเสรมิ เพ่ือลดตน้ ทุนก็ได้
- การเสริมด้วยพชื ผักต่าง ๆ ที่หาไดต้ ามธรรมชาตหิ รอื ปลูกไว้ เช่น ข้าวโพด ใบมนั สาำ ปะหลงั
หญ้าปากควาย หญ้าชันอากาศ หญ้าแห้วหมู ผกั ตบชวา ใบกลว้ ย ใบมะละกอ แตง ฟกั ฟกั ทอง ผกั
ต่าง ๆ (ภาพท่ี 1.9)

สำนักงานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน) 9

- ไมค่ วรนาำ ใบกระถนิ มาเปน็ อาหารเลีย้ งจง้ิ หรดี เนอ่ื งจากใบกระถินมสี ารพวกลซู นี นิ (leu-
cenine) ซ่ึงเปน็ พษิ ทำาใหจ้ ้งิ หรีดตายได้
หน้ำารือคไมวร่ เตพ-รรวาจพะสืชนอท้าำ บี่ไเสดดีย้จูวจา่ากาตกธน้ รคนรอำา้ มกหชสราตัือตวบคิ ์เรหวเิ รลวทณ่านำาใคี้มกวกัลาม้เมคเี สชียะ้อืงมอโรีกาคดาทรกเเี่อ่ ลปนี้ย็นใงอหสนั จ้ัตติ้งวหรจ์ าราำ ยดีพตกว่อินกจงิ้วหหวั ารกคดี เวปา็นยพหืชมทูห่เี กร็บอื สจตัากวแอ์ หืน่ ลๆง่

- ควรเกบ็ ทาำ ความสะอาดอาหารเกา่ หรอื เกบ็ เศษพชื ออกทกุ ครัง้ ก่อนเติมอาหารใหม่

ใบข้าวโพด ใบมนั สำาปะหลงั ใบมะละกอ

หญา้ ปากควาย หญา้ ชนั อากาศ หญ้าแห้วหมู

ใบผักตบชวา ใบกล้วย ฟักทอง
ภาพท่ี 1.9 ผกั ต่างๆท่ีใช้เปน็ อาหารเสริม

10 คมู อื การเพาะเล้ยี งแมลง
ท่ีเปนอาหารของมนษุ ยแ ละสตั วใ นฟารม ท่ีไดม าตรฐาน

อาหารอินทรยี ์ผสมเองจากกากมันสาำ ปะหลังหมกั ยสี ต์
อาหารกากมนั สำาปะหลงั หมักยีสต์ (ภาพท่ี 1.10 ข) สามารถใชเ้ ล้ยี งเสรมิ ในบางช่วงของการ
เลี้ยงจ้งิ หรีด โดยเลีย้ งจิ้งหรดี ดว้ ยอาหารโปรตีนสาำ เร็จรูปเป็นเวลา 30 วนั หลงั จากนั้นเปล่ยี นมาให้
สูตรอาหารกากมนั สำาปะหลงั หมกั ยสี ตอ์ ีกประมาณ 10 วัน ซึ่งทำาใหต้ ้นทนุ คา่ อาหารลดลงเหลอื รอ้ ย
ละ 30
ว1.ิธนกี าาำ รยเสี ตตร์ ีย5ม0ส0ตู กรรอัมาหผสารมกกาับกนม้าำ ันตสาลำาปทะราหยลแงั ดหงม1กั ยกีสิโลตก์ รัม และนำ้า 40 ลิตร เพื่อกระตุ้นยีสต์
ใแหล้ทะำานงาำ้ าน420ท.ลงิ้ เไติตวริม้ )1กผ0าสก–มนใ1าำ้ หต5เ้าขนลา้ ากทปนั ียุ๋ คยเนตูเรใิมหียอเ้ อขแกา้ลกซะันิเนจ้าำนท(อ้ิงตัไวรป้ ารสะว่ มนาณกาก1.น3ำ้า0ตชาล่ัวโม1ง0 ลิตร ปยุ๋ ยูเรยี 5 กโิ ลกรัม
3. นำาสว่ นผสมของยีสต์จากขอ้ 1 และ 2 ฉดี พ่นกากมนั สาำ ปะหลังผสมให้เขา้ กนั ในบ่อซีเมนต์
(อัตราส่วน ส่วนผสมของยีสต์ 80 ลติ ร ตอ่ กากมนั สาำ ปะหลงั 1000 กิโลกรมั ) ทิ้งไวป้ ระมาณ 10 วนั
แล้วนาำ ไปใส่กระสอบปุย๋ 2 ชนั้ มดั ปากกระสอบไม่ใหอ้ ากาศเขา้ ไปท้งิ ไว้อีกประมาณ 10-15 วัน
4. นำากากมันสาำ ปะหลังหมักยสี ต์ ไปผสมกับรำาออ่ น และอาหารไก่ (อัตราส่วนกากมันสำาปะ
หลัง 30 กโิ ลกรัม ราำ ออ่ น 3.5 กโิ ลกรัม และ อาหารไก่ 1 กโิ ลกรัม ) ผสมใหเ้ ขา้ กนั โดยใชเ้ คร่ืองผสม
อาหาร อาหารที่ผสมเสรจ็ สามารถเก็บได้ 2 – 3 วัน

(ก) (ข)

ภาพที่ 1.10 อาหารสำาหรบั เลย้ี งจิ้งหรดี (ข) กากมันสาำ ปะหลงั หมกั ยีสต์
(ก) อาหารสำาเร็จรูป

11สำนกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)
นา้ำ ทีใ่ หต้ ้อ2ง.เ5ป-จน็กกง้ิ หาานรรราำ้ ใใีดทหหเี่ส้นป้นะาำ้็นำา้ อจแา้งิ มดหลรแงีดหททล่ชี าำ ง่อไนบดาำ้ ห้กทนิล่ีใานชยใ้ำา้ นแมบฟากบารเม์ ฉชตะ่น้อนงใน้ั ชไใม้ทนป่ อ่ บนพอ่ เีวปเลซี ้ือ้ยีีผนงา่ จคคาวรกรึง่ สมปิง่ีนดิ ทำา้หเ่ีใัวปห-็น้จทอ้ิงา้ หันยรตใีดรชกา้ไยนิม้ไอผย่ ่ตู1ล-2อดปเลวลอ้ าง
ทผ่าำาคครว่งึามใชส้ถะาอ---ดาจทนพดิง้อำาภลหคกาารวจสชีดาาตนทมกกิะส่อีนใะาหหีส้ ยอาร้นุนามือาำ้ ดอ้ภาเภพยราถา่ือชคชใปนหวน้อะรน้ะทงมำ้าใก่ีใผีหโหันด้า้น้นกพยา้ำ าำา้ไามรไ2ดกป่ม-ท3่ ีภน(่ีภภเาคาปาชรชพ้ือน้ังนน/ทะะสขรี่ ใปั1ออห.ดงง1น้ รเา1ช้าำบัห)เือ้ พแ์ จโต่อืดุลใ่ใยินชหเก้ทฉ้จารพิ้งรียหาฉ์ะรดี ดีผฝส้าอาตยม้อพางรน่ ซถนักกา้ำ ในิบหนน้สำา้ ะพไอชืดาอ้ หดามห่ันารดแู ล

(ก) (ข)
ภาพท่ี 1.11 การใหน้ ำา้ จงิ้ หรดี ดว้ ยวิธตี า่ งๆ

(ป(ขกดิ ))หใกชวั ร้ภ-ีดทาทา้ชอ่ยนทะPอ่ ทVCใี่แหลเน้ ปะาำ้เ็นจสทาำาะาหรงรยู บัไาวไว้สกำา่นหำารผบั ้าเสตอมิ ดนเขำา้ า้ ไปด้านใน ใหช้ ายผ้ายืน่ ออกมาเล็กนอ้ ย

2.6 การรองไข่และการเก็บไข่
การเตรียมภาชนะและวัสดุให้จง้ิ หรีดวางไขแ่ ละการเกบ็ ไข่
จิ้งหรดี เพศเมยี จะเรม่ิ วางไขภ่ ายใน 3-5 วัน หลังจากผสมพันธุ์ สามารถสังเกตได้ง่ายจาก

ทอ้ งจง้ิ หรีดจะตงึ จ้งิ หรดี จะกระวนกระวายหาทวี่ างไข่ จ้งิ หรดี เพศเมยี จะใช้อวยั วะวางไข่แทงลงไปใน
ดินที่มคี วามชน้ื พอประมาณ (ภาพที่ 1.12) ไข่มสี คี รีม ลกั ษณะเรยี วยาวคลา้ ยเมลด็ ข้าวสาร ตลอดอายุ
จิ้งหรีดเพศเมยี สามารถวางไข่ได้ 800 – 1,600 ฟอง แตกต่างตามชนดิ ของจง้ิ หรดี และมักจะวางไข่
เป็นกลมุ่ ๆ ขน้ั ตอนการเกบ็ ไข่มดี ังน้ี

- ต้องทำาความสะอาดและฆ่าเช้ือภาชนะและวสั ดทุ ีใ่ ช้รองไข่ เช่น แกลบเผา ขุยมะพรา้ ว
ก่อนนาำ มาใชร้ องไข่

- ใช้ขนั พลาสตกิ เป็นภาชนะรองไข่ ขนาดขนั ไข่เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 16-20 เซนตเิ มตร ล้างให้
สะอาด และผง่ึ ให้แห้งก่อนนำามาใช้รองไข่

- วสั ดรุ องไข่ ใชแ้ กลบเผา 60 เปอรเ์ ซ็นต์ + ทราย 30 เปอร์เซน็ ต์ + ขยุ มะพร้าวสับละเอยี ด
10 เปอรเ์ ซ็นต์ นาำ มาผสมเข้าดว้ ยกนั หรือสามารถใช้เฉพะแกลบเผาทั้งหมดก็ได้ นำาสว่ นผสมดังกลา่ ว

12 คูมือการเพาะเลยี้ งแมลง
ทเี่ ปนอาหารของมนุษยและสตั วในฟารม ทไ่ี ดม าตรฐาน

มาผสมเขา้ กบั นำ้าพอหมาด ให้มีความชุ่มชืน้ (สามารถปนั้ เปน็ ก้อนได)้ แล้วเอาใส่ขันใหห้ นา 2-3 นว้ิ
โดยไม่ต้องอดั ใหแ้ นน่ นอกจากนอี้ าจจะใช้ดินสำาเร็จรูปท่ีทาำ เปน็ การค้าสำาหรบั ให้จ้ิงหรีดวางไข่

- วางภาชนะและวสั ดทุ ่ใี ช้รองไข่ในบ่อเลย้ี ง 6-8 ชั่วโมง ถ้าวางนานเกินกว่าน้จี ะทำาให้อายุไข่
จ้ิงหรีดไมเ่ ทา่ กัน

(ก) (ข) (ค)

ภาพที่ 1.12 การเตรียมภาชนะใหจ้ ้งิ หรดี วางไข่ (ข) การวางขนั รองไข่ในบ่อเล้ยี งจิ้งหรีด
(ก) ขนั ไข่ท่ใี ช้รองไขจ่ ้ิงหรีด
(ค) จ้ิงหรดี กำาลังวางไข่ในขันทีเ่ ตรยี มไว้

2.7 การบ่มไขจ่ งิ้ หรดี
- การบ่มไขค่ วรมีการจดั วางให้เหมาะสม แยกพืน้ ท่ใี ห้ชดั เจนเพือ่ ป้องกันการปนเปอื้ น มีวัสดุ
ปดิ เพอื่ ช่วยรักษาอุณหภูมดิ ้วย
- นาำ ขันไขจ่ ิ้งหรีดมาวางเรียงซ้อนให้เหล่ือมกันในบ่อปนู หรือโอง่ ดิน ปิดปากบ่อดว้ ยกระสอบ
ป่าน เพอื่ รักษาความช้ืนและใช้พลาสตกิ หรือฝาปดิ โอ่งปดิ ทบั อีกชัน้ เพ่ือรักษาอณุ หภมู แิ ละความร้อน
อณุ หภูมทิ เ่ี หมาะสมสำาหรบั บ่มไข่ อยู่ท่ี 35-38 องศาเซลเซยี ส หรือจะนำาขนั ไข่มาเทรวมกนั ในกระสอบ
กระสอบล-ะเมือ่1ส0ัง-1เก5ตเหขัน็นไขแต่ ลงึ ้วแมลดัะปมาสี กีเหกลรอืะสงออมบนไวำ้า้ตานลาำ ไจปงึ วเอางาบข่มนั รไขว่มหกรันอื ใกนรบะ่อสบอม่บไไขข่ไ่ ป(ภใสาไ่พวทใ้ น่ี บ1่อ.13)
เลย้ี ง โดยทั่วไปไขจ่ ้งิ หรดี ทองดาำ จะใช้เวลาในการฟกั ประมาณ 7 -10 วัน จึงจะฟักออกมาเป็นตวั ออ่ น
ในฤดหู นาวอาจใชเ้ วลาบม่ ยาวนานกว่าน้ี การบ่มไขเ่ ช่นนจ้ี ะช่วยให้ฟกั ไขไ่ ดเ้ ร็วขนึ้ และฟักออกจากไข่
พรอ้ มกัน

13สำนกั งานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน)

(ก) (ข)

ภาพท่ี 1.13 การบม่ ไขจ่ ิ้งหรีด (ข) การวางเรยี งขันไข่ซ้อนกนั ในบอ่ ปูน
(ก) ภาชนะที่ใชอ้ บไข่จ้ิงหรีด

2.8 การเก็บจ้งิ หรดี เพ่ือจาำ หน่าย
การเกบ็ จิ้งหรีดทองดาำ เมอ่ื อายุ ประมาณ 1 เดือน สว่ นจิ้งหรดี บ้านเมอ่ื อายุ 1 เดือนครง่ึ ทง้ั นี้
ควรเก็บจ้ิงหรดี ใหห้ มดทัง้ บ่อ เพ่อื สะดวกในการทำาความสะอาดและเตรยี มบ่อสำาหรบั การเลี้ยงรนุ่ ต่อ
ไป - กอ่ นเก็บจิ้งหรดี ออกจากบอ่ จะเอาถาดนำ้า ถาดอาหารออกจากบ่อเลย้ี ง เคาะแผงไข่เพ่ือ
ขจดั มูลและฝุ่น แลว้ นาำ กลบั เขา้ ไปวางใหม่ด้านในของขอบบ่อ จ้งิ หรดี จะมาเกาะทีแ่ ผงไข่ เขย่าแผงไข่
ลงในกะละมังทเ่ี จาะรูดา้ นลา่ งเพ่ือแยกมลู จง้ิ หรดี ออก
- ไม่ควรลงไปเหยยี บในบอ่ เลี้ยงขณะเก็บเกี่ยวจิ้งหรีด เพอ่ื ลดการปนเปือ้ นของเชอ้ื จุลนิ ทรยี ์
3ด-้ว5ยถคุงรพง้ั ลต-า้มสสดาำตว้ หกิ ยรนบัชาำ้ จ้อเดิ้งนหอื เอรดีดา1จท0ิ้ง่เี หกนาราะีดทผที นแีเ่ หลงั บลว้ บอือ่ ใรนใรชบจ้สุใ่อวสใงิถ่สรงุใ่ ปู นแสกชาะใ่ มนลเะตหม้อู ลังุณ่ยี มห(ภทภาีท่มู พำาิรทดะ้วี่หย1วล.า่ 1วง4ด-)1ห5นรอืาำถไไงึ ปม-แ้ล2ขา้ 0งวดอนว้งเสศยื้อนาเแำา้ซลสละะเซสอียวามดส
(ภาพที่ 1.15) ในระหว่างรอการจาำ หน่าย เพือ่ ลดปริมาณการเกิดสารฮสิ ตามนี ซง่ึ เปน็ สารก่อภมู แิ พใ้ น
ผูบ้ ริโภคบางราย

(ก) (ข)

ภาพท่ี 1.14 การเก็บเกี่ยวจ้งิ หรดี
(ก) สวงิ จบั จ้งิ หรดี (ข) การใช้สวิงจับจ้งิ หรดี

14 คูม ือการเพาะเลีย้ งแมลง
ท่เี ปนอาหารของมนษุ ยและสตั วในฟารมท่ไี ดมาตรฐาน

(ก) (ข)

(ค)

ภาพที่ 1.15 ลวกาา้างงรจทเต้ิงำาหรคียรวดีมาสจม้งิลสหับะรอกีดาบั กดน่อจำ้าน้งิ แหจขรำาง็ ดีหเนพ่าอ่ื ยให้ค(ขวา) มตเ้มยจน็ ้งิ ทห่วั รถีดงึ ด้วยน้ำาเดือด 10 นาที
(ก)
(ค)

2.9 โรคของจงิ้ หรีดและปัญหาอ่นื ๆ
ศตั รขู องจง้ิ หรีด ส่วนใหญจ่ ะเป็น นก หนู จง้ิ จก ตุ๊กแก มด แมงมุม และไร เปน็ ตน้ การ
ป้องกนั กำาจดั ศัตรูท่มี ักเข้าทำาลายจ้ิงหรดี ไดท้ กุ ระยะการเจริญเตบิ โต โดยเฉพาะจิง้ หรดี ระยะตัวอ่อน
รทอ่ มี่ งีคนวาำ้ ารมออบ่อโนรงแเอรือปน้อปงอ้ กงันกไันดม้โดดหยหรอืมสน่ั ัตตวร์เวลจอื้ สยอคบลดาูแนลขคนวาาดมเลส็กะอาดใชภ้ตาายขใา่นยโรลงอ้ เมรือรนอบบโร่องเเลรี้ยอื งนจปง้ิ อ้หงรกดี นั นทกำา
หนูหรอื แมลงตา่ ง ๆ
สภาพภมู อิ ากาศ จ้ิงหรดี เจริญเติบโตได้ดีที่สดุ ในชว่ งฤดฝู น แต่ในชว่ งฤดูร้อน ต้องจัดการโรง
เรอื นให้อากาศถ่ายเทสะดวก เชน่ การใช้วสั ดุที่กันความรอ้ นหรือเยน็ ในการก่อสรา้ ง การเปดิ ผ้าใบรอบๆ
โรงเรือน เปดิ พัดลมชว่ ยระบายอากาศ ส่วนในช่วงฤดหู นาว ตอ้ งทาำ ให้โรงเรอื นมิดชดิ หรอื ทาำ ใหอ้ บอนุ่
ขน้ึ โดยการปิดผา้ บงั ลมรอบโรงเรอื น ปิดปากบ่อโดยใชผ้ ้าห่ม กระสอบปา่ นหรือวสั ดุอ่นื ๆ

15สำนกั งานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคการมหาชน)
อาการผิดปกติตา่ ง ๆ อาการผดิ ปกติของจิง้ หรีดมกั พบได้สองกรณดี ังน้ี
1). ลอกคราบไมไ่ ด้ อ่อนแอ ไม่แขง็ แรง ไมส่ ามารถไตข่ ้นึ ผนังบ่อเลย้ี ง หรอื เกาะแผงไขไ่ ม่ได้
ผลผลิตลดน้อยลง สาเหตุอาจเน่ืองจากการผสมเลือดชดิ ในสายพนั ธุเ์ ดยี วกันหลาย ๆ รนุ่
การแกไ้ ข ให้นาำ ไข่จง้ิ หรีดจากแหลง่ อน่ื ทีไ่ ม่มีประวัตกิ ารเปน็ โรค หรือสามารถจับจง้ิ หรีดตวั
เต็มวยั ตามธรรมชาตมิ าผสมกบั ตวั เต็มวยั ท่มี ีอยแู่ ต่ตอ้ งเปน็ สายพันธ์ุเดยี วกนั จะทาำ ใหล้ กู จ้ิงหรดี ที่ได้
แข็งแรงขึ้น ให้ผลผลิตท่ีมากขึ้น
2). จ้ิงหรดี หงายทอ้ งตาย ผลผลติ ลดลง ใหจ้ บั ข้นึ มาดมดวู า่ มกี ลิ่นเหม็นหรือไม่ หากจ้งิ หรีด
มกี ล่นิ เหม็นแสดงวา่ จ้งิ หรดี ตายเนื่องจากการติดเชือ้ จุลนิ ทรีย์ โดยอาจเป็นเช้ือแบคทเี รยี หรอื ไวรสั
ไดแ้ ก่
โรคทอ้ งบวม เกิดจากการตดิ เช้อื อริ โิ ดไวรัสจ้งิ หรดี (cricket iridovirus infection)
ทาำ ใหเ้ กิดการตายท่ีรนุ แรงในจิง้ หรีด และมีการแพรร่ ะบาดไดอ้ ย่างรวดเรว็ แมลงชนดิ อ่ืน
สามารถตดิ เชอื้ นี้ได้ เช่น ต๊กั แตน และ แมลงสาบ เป็นตน้ แตไ่ มก่ ่อโรคในคน ลกั ษณะอาการของโรค
จิ้งหรดี แสดงอาการทอ้ งบวม เงอื่ งหงอยลง จิ้งหรดี ทต่ี ายจากโรคสว่ นท้องมีของเหลวสีขาวขุ่น เปน็
มันแวววาว อดั แนน่ อยู่เตม็ ชอ่ งท้อง และเมือ่ ถูกกับอากาศจะกลายเปน็ สีฟ้าออ่ นๆ (นพพร และคณะ,
2551) (ภาพที่ 1.17)
โรคอมั พาต เกิดจากการติดเชอ้ื ไวรัสอมั พาตจิง้ หรีด (cricket paralysis virus)
ทาำ ใหจ้ ้ิงหรดี ขนาดเลก็ ตายเปน็ จำานวนมากโดยไม่แสดงอาการ และทาำ ให้จิ้งหรดี ขนาดใหญ่
แสดงอาการอัมพาต ไม่เคลอื่ นไหว ชกั ตายในทส่ี ดุ (นพพร และคณะ, 2557)

(ก) (ข)

ภาพที่ 1.17 โรคท้องบวมของจงิ้ หรีด
(ก) ลักษณะภายนอกของจงิ้ หรดี ท่แี สดงอาการผดิ ปกติ ส่วนท้องมีสขี าวขุน่ และบวม
(ข) เมอื่ ผา่ ทอ้ งจงิ้ หรดี ทแ่ี สดงอาการผดิ ปกติ ของเหลวสีขาวขุน่ ถูกกับอากาศจะกลายเป็นสีฟา้ อ่อนๆ

ทมี่ า: สถาบนั สุขภาพสตั วแ์ ห่งชาติ (2551)

16 คูมอื การเพาะเลีย้ งแมลง
ทเ่ี ปนอาหารของมนษุ ยแ ละสตั วใ นฟารม ทไี่ ดมาตรฐาน

สตั ว์อื่นมา1กข)าุดรใคแหุ้ยก้ทไ้าำ ขแลแลาล้วยระจาปง้ิด้อหดงร้วกดี ยนั ทนโเี่้ำารปยคน็ าฆโร่าคเชโ้อืดโยรวคธิ ีกหารรือฝปงั ในู ตขร้ าะวดบั หผรวิ อื ดเผินาไมท่ตำาลำ่ากายวซา่ า2ก0 เซนติเมตร ปอ้ งกนั
รวมท้ังอปุ กรณ์ท่มี ี
การปนเปอื้ น บเลชอ่ า้น่ เงลทถ้ยี ำาางดคไอวขปุาท่ มกี่ทสราำณะจอ์กาากาดรกใรหะแอ้ ดลาาะหษฆา่ารทเชใ่ี แชอื้ ลเ้โประค็นนดท้ำาว้ อ่ี ยทยน่ีวขู่ าา้ำ องยงไาจขฆิ้ง่ ่าหมเรชงุ้ ีดตอ้ื ใาโนรขคบ่าย่อคเกลลบั ย้ี มุ องบุปอ่ กรพณนื้ ์ท่ใีทชา้ใงนเกดาินรเแลลี้ยะง
2)

จ้งิ หรีด เชน่
บรเิ วณรอบโรงเรอื น ท่ีเกบ็ อาหาร และพักการเล้ยี ง 14 - 21 วนั ก่อนเลย้ี งจิ้งหรีดชดุ ใหม่
3) ปรบั ปรุงรูปแบบการสขุ าภิบาล การควบคมุ ป้อกนั โรคภายในฟารม์ ใหท้ ำาร้วั รอบฟาร์ม
ปิดประตฟู าร์ม ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าฟาร์ม ควบคมุ การเขา้ ออกของบคุ คล ยานพาหนะ จะต้อง
ผ่านการฆา่ เช้อื โรคกอ่ นทจ่ี ะเข้าฟารม์
4) คดั เลือกจิง้ หรีดท่ีจะนาำ มาทำาพันธ์ุ ตอ้ งมาจากฟาร์มท่ีปลอดโรค หรือทำาการคัดเลือก
สายพันธ์ุจิง้ หรีดทีม่ ีความต้านทานต่อโรคมาเล้ยี งในฟารม์

การฆา่ เชือ้ ในโรงเรือน
เม่ือพบจ้ิงหรดี แสดงอาการผิดปกตจิ ากการตดิ เชือ้ ควรหยุดพักการเลยี้ ง และทาำ ความ
สะอาดโดยการฆา่ เชอื้ ดงั น้ี
1) อปุ กรณแ์ ละสารเคมที ่ใี ช้
1) คลอรีนผง (chlorine powder) 65 เปอร์เซ็นต์
2) ฟอรม์ าลนี เหลว (liquid formalin) 37 เปอร์เซน็ ต์
3) ด่างทบั ทิมผง
4) ถ้วยกระเบื้องเซรามคิ ขนาดกวา้ งประมาณ 5-10 เซนติเมตร
5) แผ่นพลาสติกหนาสที ึบ
6) กระบอกเขม็ ฉดี ยา ขนาด 5 มิลลลิ ิตร
7) ปนู ขาว
2) บอ่ เล้ียง ถาดอาหาร และแผงไข่
1) นำาถาดอาหารและแผงไข่ใสล่ งไปในบอ่ เลีย้ ง วางให้ห่างกัน
2) ตกั ด่างทับทมิ 2-3 กรมั ใสใ่ นถว้ ยกระเบ้ือง
3) นาำ ถ้วยกระเบอ้ื งวางในบ่อเลีย้ ง
4) ใชพ้ ลาสติกสที บึ ปิดบ่อให้มดิ
5) เปดิ แงม้ ปากบอ่ ออกเลก็ นอ้ ย แลว้ ใช้ กระบอกเขม็ ฉดี ยา ขนาด 5 มลิ ลลิ ติ รดดู
ฟอรม์ าลีนปริมาตร 5 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร
6) นำา ฟอรม์ าลีน ใสล่ งถว้ ยกระเบ้อื งในบ่อ (ทมี่ ดี ่างทบั ทิม) แล้วปิดบอ่ ให้มดิ ทนั ที
7) ทง้ิ ไว้ 1 วัน ควรระวงั กา๊ ซพษิ ซง่ึ เปน็ อนั ตรายตอ่ ตาและการหายใจ หา้ มเปิดบอ่
ออกกอ่ นถงึ เวลาที่กำาหนด
3) พืน้ หรือทางเดนิ นอกบ่อเล้ยี ง
1) อัตราสว่ น คลอรีน ปรมิ าณ 1 ขีด ผสมกบั นำา้ 1 ลิตร
2) เทราดไปท่พี น้ื แช่ไว้อยา่ งน้อย 1 ชัว่ โมง (ควรขัดทำาความสะอาดรว่ มด้วย)

17สำนักงานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคก ารมหาชน)

4) ขันพลาสตกิ รองไข่ คแลลอะรอีนุปกปรรณิมา์ตณ่าง1ๆทขส่ีีดาผมสามรกถบัแชน่นำ้าำ้า1ไดล้ ติ ร
1) อัตราส่วน
2) นาำ ขนั รองไข่ และอปุ กรณต์ า่ งๆมาแชท่ ิ้งไว้ 1 วัน
5) กำาจดั ซากจงิ้ หรดี
1) ขดุ หลมุ ลกึ อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร
2) ท้ิงซากลงไป ตามด้วยปนู ขาวแล้วกลบทันที

2.10 การจดบันทกึ ขอ้ มูล
พอ่ แม่พนั --ธุ์ขขก้ออ้ามมรูลใูลหดเก้อา้ นีย่าหวกกาารับรผกใลหาติรน้ จำ้าเดัชแกน่ ลาตะรฟป้นาัญทรนุหม์ กาาเชรผ่นลติชนปดิ รขมิ อางณจอง้ิ หาหรีดารทีเ่ปลร้ยี ิมงาณรุ่นนกาำ้ ารราผคลาติ ซือ้ แขหาลยง่ แทลม่ี ะาขราอยง
ไดต้ ่อรุ่น

- เกบ็ รกั ษาบนั ทึกขอ้ มูลเปน็ เวลาอย่างนอ้ ย 3 ปี

3). การทาำ ความสะอาดและการบาำ รงุ รักษา
3.1 โรงเรอื นและอุปกรณ์
- หลงั จากเกบ็ จงิ้ หรีดจง้ิ หรดี เพ่ือจาำ หนา่ ย ควรกวาดมูลออกจากบ่อทันทีและลา้ งด้วยนาำ้ เปลา่
- มีการป้องกนั และฆ่าเช้ือโรค อปุ กรณ์ และบคุ คลกอ่ นเข้าฟาร์ม รวมถึงมกี ารจดบันทึกการ
ผ่านเขา้ –ออกฟารม์ ของบคุ คลภายนอกทส่ี ามารถตรวจสอบได้
- บอ่ ทผ่ี ่านการเลี้ยงมานาน ลดการสะสมของเชื้อโดยการโรยปนู ขาว หรือ ล้างด้วยน้าำ ยาฆา่
เชื้อที่มี Glutaraldehyde, Alkyl benzyl dimethyl ammonium chloride, Polyethoxylated
nonyl phenol เป็นองคป์ ระกอบ ทง้ิ บอ่ ไว้ 2-3 วัน เพ่ือใหแ้ ห้งสนิท
ทีเ่ ก็บภาช--นอกะปุาสรกำาจรหดัณรเบักอ์ บ็ใน่ื สอๆ่อปุ าเชกห่นราณรแแต์ผล่างะงไขๆน่ำา้ เคคแวารละเะกตบบ็ ารแกิเวยแณกดจดทาเี่ 1กก-บ็บ2รสวเิาวันรณเถคทามเ่ีดลี อย้ี างหเาชรน่ ถบารดิเนวาำ้ณแทลี่เกะ็บขันอาวหางาไรข่บลร้าิเงวใณห้
สะอาด
- สารเคมี ยาฆ่าเช้ือ หรือวสั ดุอันตรายทข่ี ึ้นทะเบียนกบั กรมปศุสตั ว์และใช้ตามคาำ แนะนาำ บน
ฉลากผลิตภณั ฑ์

3.2 การขจัดของเสีย
ต้องกาำ จดั หรือจดั การขยะมูลฝอย ของเสีย และมลู จง้ิ หรดี ด้วยวธิ ที เี่ หมาะสมและถูก
สขุ ลักษณะ เพเก่อื ็บไมรวใ่ หบเ้รกวดิมผขลยกะรมะลู ทฝบอตย่อแสลงิ่ะแขวอดงลเสอ้ ยีมในภการชณนีปะลท่อม่ี ยีฝนาาำ้ ปเสดิ ียมิดเชชน่ดิ และนำาไปกาำ จดั โดยวธิ ี
ทเ่ี หมาะสม โรงตม้ จง้ิ หรีด ใหบ้ ำาบดั
อยา่ งถูกต้องก่อนปลอ่ ยออกสูภ่ ายนอก

18 คมู ือการเพาะเลย้ี งแมลง
ที่เปนอาหารของมนุษยแ ละสตั วในฟารม ทไี่ ดมาตรฐาน

4). เกษตรกรผ้เู ลีย้ งจง้ิ หรีด
เกษตรกรที่ทำาหนา้ ท่ีเลี้ยงจ้งิ หรีดต้องมคี วามรู้และไดร้ บั การฝกึ อบรมหรือไดร้ ับการถ่ายทอด

ความรู้เพื่อใหเ้ ลยี้ งจงิ้ หรีดได้อย่างถกู ต้อง

4.1 ตวั อยา่ ง การบนั ทึกข้อมลู ระหว่างการเลีย้ งจงิ้ หรีด
1. ข้อมูลท่วั ไป

ชอ่ื เจ้าของฟารม์ …………………………………………………………………………………………
ที่อย…ู่ ……………………………………………………………………………………………………….
วันที่ เดอื น ปี ที่บนั ทึก………….………ประจำารุน่ ทีผ่ ลิตต่อรอบป…ี ………………………
ชนดิ จ้งิ หรีด………………………………………………………………………………………………..

2. แหลง่ ที่มาของไขจ่ งิ้ หรดี ซื้อมาจากฟาร์มทไี่ หน อื่นๆ หมายเหตุ
วนั ท่ี เก็บไขเ่ อง

ปีท่…ี ………………. ซ้อื จาก…………….
รนุ่ ………………….
จาำ นวนก่ขี นั ……

3. จำานวนขนั ไขแ่ ละวนั ทีฟ่ กั

เลขที่บอ่ ขนาดบ่อ จาำ นวนขนั ไข่ตอ่ บ่อ วันท่ไี ข่ฟัก เปอร์เซนต์การฟัก

4. การใหอ้ าหาร % โปรตนี ของ อาหารสาำ เรจ็ รูป สป7 ชื่อการคา้ วนั ท่ีซื้อ
เลขทบ่ี อ่ สป1 สป2 สป3 สป4 สป5 สป6

เลขทบ่ี ่อ สป1 สป2 ชนดิ ของผกั ทใี่ ห้ สป6 สป7
สป3 สป4 สป5

เลขท่ีบอ่ สป1 อาหารผสมอ่นื ๆ ไดแ้ กม่ ันหมักยสี ต์
สป2 สป3 สป4 สป5 สป6 สป7

19สำนักงานพฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน)

5. การให้น้ำา
ภนำ้าาทชน่ีใชะ…้ ท…่ีใช…้………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………....
การเปลยี่ นนำา้ และทาำ ความสะอาด กคี่ ร้ัง
เลขทบี่ อ่ สป 1 สป 2 สป 3 สป 4 สป 5 สป 6 สป 7 หมายเหตุ

6. การบันทกึ ลักษณะการเจริญเตบิ โตจง้ิ หรดี และปัญหาระหวา่ งการเล้ียง

เลขท่ีบอ่ สป 1 บันทึกลักษณะการเจรญิ เติบโตจ้ิงหรดี และปญั หา สป 7 หมายเหตุ
สป 2 สป 3 สป 4 สป 5 สป 6

7. การจดั การตัวจิ้งหรดี ทเ่ี กิดโรค การจัดการ
เลขท่ีบ่อ วันทพี่ บจ้ิงหรดี แสดงอาการ ลกั ษณะอาการทีแ่ สดง

8. การทาำ ความสะอาดบ่อจ้ิงหรดี ที่เปน็ โรค

เลขทีบ่ อ่ วนั ที่ทำาความสะอาด วันท่ีทาำ ความสะอาด สารเคมที ่ีใช้ทำาความ วันที่ฝังกลบ หรอื
บอ่ เล้ียง โรงเรอื น สะอาด เผาทาำ ลายจิง้ หรีด

9. การรองไข่จงิ้ หรีด
ภาชนะท่ีใชร้ องไข…่ ………………………………………………………………………………………..
วัสดุทใี่ ช้
ซอื้ ดนิ สาำ เรจ็ ชื่อการค้า…………………………ทไ่ี หน………………………
เตรยี มเอง สว่ นผสม

10. การบม่ ไข่
วิธกี ารบม่ ไข่
ขันไข่ซ้อนกนั ในบ่อปิดด้วยผา้ พลาสตกิ
บม่ ไข่ในถงุ วางในบอ่
อืน่ ๆ……………………………………………………………………………

วันทเี่ รมิ่ บ่มไข่ วันที่ยา้ ยขันไขล่ งบอ่ เลย้ี ง

20 คมู ือการเพาะเลยี้ งแมลง
ที่เปน อาหารของมนุษยแ ละสตั วในฟารม ท่ไี ดม าตรฐาน

11. การนำาจิ้งหรดี ทีเ่ ร่ิมฟกั ลงบอ่ เลยี้ ง
วางขันไข่ลงบอ่
เทไขร่ วมกนั ลงก้นบอ่
อื่นๆ ………..………….....…………………………………………………………………………………………

12. ผลผลิต วันทเ่ี ก็บ ผลผลิต (กิโลกรัม)
เลขทีบ่ ่อ

13. ผลผลติ รวมท้ังหมดตอ่ ร่นุ …………………………………………………………….
ขายกิโลกรมั ละก่ีบาท…………………………......................................................
การเก็บขาย

วนั ท่จี บั วธิ กี ารทำาความสะอาด การบรรจเุ ตรยี ม ระหวา่ งขนส่ง
จง้ิ หรีด ขนส่ง นาำ้ หนัก/ถงุ นไ้ำามแ่มขีง็ แชน่ ำา้ แข็ง

ไม่ล้าง ลา้ ง (ครั้ง) ดบิ ต้มสุก (กก.)

4.2 การตลาดและแปรรปู ผลติ ภัณฑข์ องจ้งิ หรีด
ผลผลติ ท่ีได้จากจ้ิงหรีดสามารถจาำ หน่ายไดห้ ลายช่องทางได้ดงั ตอ่ ไปนี้
ผลผลติ จิ้งหรดี

ไขจ่ ิง้ หรีด ตวั จิง้ หรดี มูลจง้ิ หรีด

ฟาร์มจ้งิ หรีด ขายปลีก ขายส่ง ปยุ๋ ชวี ภาพ

ร้านค้าอาหารสตั ว์ พอ่ ค้าขายส่ง ผลิตภัณฑแ์ ปรรปู

ตลาดพนื้ บา้ น ลกู คา้
ภาพท่ี 1.18 แผนการจำาหน่ายผลผลติ จ้งิ หรดี

21สำนกั งานพฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)
4.3 การจดั การดา้ นการตลาดของจิ้งหรีด มีรปู แบบต่างๆ ดังต่อไปน้ี
1) การขายปลีก เกษตรกรรายยอ่ ยทม่ี ผี ลผลิตไมม่ าก หรอื เกษตรรายใหญ่ทส่ี ามารถทาำ การ
ตลาดเองได้ จงึ สามารถเลย้ี งเอง และขายเอง ด้วยการขายตวั สดหรือปรงุ สุก เช่น การทอด การต้ม
การค่ัว แล้วนาำ ผลผลติ ท่ไี ดไ้ ปขายตามตลาดสดเชา้ -เย็น หรอื ใชร้ ถพว่ งขา้ ง (ซาเลง้ ) ขายตามหม่บู า้ น
ต่างๆ ทำาใหม้ รี ายได้เพ่มิ ข้ึนเกอื บเทา่ ตวั สามารถขายในราคา 160-200 บาท/กโิ ลกรมั (ทศั นีย์ และ
ยพุ า, 2556)

(ก) (ข)

ภาพท่ี 1.19 การขายจิง้ หรดี แบบขายปลกี
(ก) จ้งิ หรีดตวั สด
(ข) จง้ิ หรีดปรงุ สุก

2) การขายสง่ สาำ หรับเกษตรกรรายใหญท่ มี่ กั จะขายผลผลติ ท้งั หมดในคร้ังเดยี ว เพื่อลด
ภาระในด้านการตลาด โดยทัว่ ไปเกษตรกรรายใหญ่ทร่ี วมกลุ่มผลิตหรือฟารม์ ทีม่ ีผลผลิตสงู จะมีพอ่ คา้
มามารับซือ้ ท่ีบ้าน ราคาประมาณ 90-120 บาท/กิโลกรัม หรือเกษตรกรบางรายนำาไปขายเองทีต่ ลาด
โรงเกลอื จังหวัดสระแกว้ ตลาดไททก่ี รุงเทพ หรือวสิ าหกิจชมุ ชนบ้านมะคา่ จงั หวดั มหาสารคาม
(ทัศนยี ์ และยพุ า, 2556)

ตารางท่ี 1. ราคาขายของจง้ิ หรีดทองดาำ และจง้ิ หรดี (พ.ศ. 2556 - 2560)

ชนดิ จ้ิงหรดี ระยะเวลาทีเ่ ลี้ยง ปริมาณอาหารที่กนิ ผลผลติ (กก.) ต่อ ราคาขาย
(วนั ) (กก.) บอ่ 1.2×2.4×0.6 (บาท/กก.)
90-120
จงิ้ หรดี ทองดาำ 30-35 40-50 20-25 80-100

จิง้ หรีดบา้ น 40-45 80-90 30-35

ท่ีมา: Hanboonsong et al. (2013)

22 คมู อื การเพาะเล้ียงแมลง
ท่เี ปน อาหารของมนุษยและสตั วในฟารม ที่ไดม าตรฐาน

(ก) (ข)
ภาพที่ 1.20 การจาำ หนา่ ยแมลงกินไดแ้ บบแช่แขง็

(ก) จิ้งหรีดแชแ่ ข็งท่ตี ลาดกลาง จังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ
(ข) แมลงกินไดแ้ ช่แข็ง จาำ หน่ายในหา้ งสรรพสินคา้

4.4 ผลติ ภณั ฑจ์ ้งิ หรีดและการแปรรปู
โครงการบรกิ ารวิชาการตามแนวพระราชดาำ ริ ไดร้ ่วมกบั คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั
ขอนแกน่ ไดจ้ ัดอบรมการแปรรูปอาหารจากแมลง ซึ่งมกี ารใชจ้ ง้ิ หรีดบ้าน เนอื่ งจากลาำ ตัวออ่ น
สนคาุก่มุ มกา้ีมรเีรสถส้นนกสาำ ลปจมิง้ากหเกลรต็อ่ีดตมม้ี าบโแดะปยหรเมรฉูปี่พไเสาปะอ้ ็นใั่วนผลรผะิตัดยภพะณัรไิกขฑข่ ์ไงินดำา้หนมลาำ้ าาพผยรสชิกมนเใผดินาผเชไลส่นิต้กภรนัณอา้ำ กพฑร์แเกิปปต็นรารตแูปน้ ดทง(าำ ทใขหัศ้านเ้วพยีเกิ่ม์ รแรียสลบชะายเตุพสิ ้นาผ,ขู้บ2นร5มิโ5ภจ6นีค)
ส่วนในตลาดตา่ งประเทศ เริ่มมกี ารแปรรปู และเปิดร้านคาเฟ่แมลงกนิ ได้

(ก) (ข) (ค)
ภาพท่ี 1.21 ผลติ ภณั ฑ์แปรรปู จากจงิ้ หรีด
(ค) คุกกี้
(ก) ข้าวเกรยี บ (ข) บะหม่ี

23สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)

(ค)

(ก) (ข)

(ง) (จ) (ฉ)

(ช) (ซ) (ฌ)

(ญ) (ฎ)

ภาพท่ี 1.22 ผลติ ภณั ฑ์แปรรปู จากจง้ิ หรดี ในบรรจภุ ัณฑ์ และร้านคาเฟแ่ มลงกินได้
(ก) แมลงกินได้อบแหง้ พร้อมทาน – ไทย (ข) แมลงอดั กระป๋อง – ญ่ีปุ่น
(ค) จิ้งหรดี ผง – นิวซีแลนด์ (ง) โปรตีนบาร์ – ฝรั่งเศส
(จ) คกุ กจี้ ง้ิ หรดี – อเมริกา (ฉ) สว่ นผสมเค้กบราวน่จี ้ิงหรดี – อเมริกา
(ช) เส้นพาสตา้ จง้ิ หรดี – อิตาล่ี (ซ) โปรตนี ผงจากแมลง – อเมรกิ า
(ฌ) ค็อกเทลจง้ิ หรดี – อเมริกา (ญ) ร้านคาเฟ่แมลงกินได้ – เกาหลีใต้
(ฎ) สินค้าในร้านคาเฟแ่ มลงกินได้ – เกาหลีใต้

24 คูม ือการเพาะเลย้ี งแมลง
ท่เี ปนอาหารของมนษุ ยและสตั วในฟารมทไี่ ดมาตรฐาน

2 การเพาะเล้ยี งด้วงสาคู

ความสาำ คัญ

ตัวหนอนของดว้ งมะพรา้ ว หรือดว้ งสาคู (Sago worm) มชี ือ่ วิทยาศาสตร์ Rhynchophorus
ferrugineus (Olivier) เป็นแมลงศัตรูสำาคญั ของพืชตระกลู ปาลม์ เช่น ต้นมะพรา้ ว ตา้ นสาคู พบดว้ ง
ชนิดนม้ี ากทางภาคใต้ เน่อื งจากมพี ชื อาหารต้นสาคูและมะพร้าว คุณค่าทางโภชนาการของตัวหนอน
ด้วงสาคู มีโปรตนี 6.88 เปอร์เซน็ ต์ คาร์โบไฮเดรต 4.24 เปอร์เซ็นต์ ไขมนั 18.71 เปอร์เซ็นต์ และ
พลังงาน 212.87 กโิ ลแคลลอรี่ (สุปาณี, 2555)

รปู ร่างลักษณะและวงจรชวี ติ
ด้วงสาคมู ีการเจริญเติบโต 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และตวั เตม็ วัย
ไข่ สขี าว เป็นฟองเดีย่ วรปู ยาวรี สีขาวขนุ่ ผวิ เรียบมนั วาว ปลายขา้ งหนง่ึ โปรง่ แสงเมอื่ ใกล้
ฟกั ไขจ่ ะมีขนาดใหญ่ขึ้นเลก็ นอ้ ยยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร ระยะไข่ 5-7 วัน
แขง็ สนี าำ้ ตตาลัวเหขมน้ อไนมม่ ตขี ัวาอเอ่มนอ่ื ทอา่ีฟยกั ุ จ5าวกนั ไขจ่ใะหเมป่ ลๆย่ี มนีสเปขี น็ าสวเี หลลาำ ตอื วังปอว้นนนสาำ้ ตน้ั าเปล็นรปะลยะอ้ หงยนดื อหนดใชไดเ้ ว้ ลหาัวแ3ล5-ะ4ก0ราวมนั
หนอนโตเต็มทีย่ าว 40 มิลลเิ มตร
ระยะกอ่ นเข้าดกั แด้ ลำาตวั หดสน้ั สลี ำาตวั และปากเข้มขึน้ กนิ อาหารและเคลอื่ นที่น้อยลง
ดว้ งใชก้ รามดึงใยมะพร้าวมาสานเปน็ กอ้ นหลวมๆ ภายในผวิ เรยี บสานแน่นกวา่ ภายนอก มีโพรงตรง
กลาง ดว้ งจะเขา้ ไปอยใู่ นโพรงและดึงรัดใยใหแ้ น่นเป็นรปู ทรงกระบอกหมุ้ ตัว ปดิ ปากรัง
ระยะดกั แด้ ใชเ้ วลา 15 – 20 วัน
ตวั เต็มวัย ตัวเตม็ วัยขนาดลำาตวั ยาว 35-38 มลิ ลเิ มตร ส่วนอกและปีกสีนาำ้ ตาลอมสม้ อาจ
มีหรอื ไม่มจี ุดสดี ำา บนปีกคหู่ นา้ มีร่องลายเสน้ สดี ำาขนานกนั ตามความยาวของลำาตัว ส่วนท้ายสดุ ของ
ลำาตัวจะไมม่ เี สน้ สดี ำา หนวดแบบขอ้ ศอก ตรงปลายหนวดมีแผ่นกลมๆ สเี หมอื นอก ตารวมสีดำา ส่วน
หวั ยน่ื เป็นงวงโคง้ ยาวมีปากตรงปลาย ดว้ งเพศผู้มีงวงสั้นกว่าเพศเมยี และมีแผงขนส้ันๆดา้ นบนของ
ปลายงวง ด้วงชอบอยู่ในที่มดื บินในตอนกลางวนั ตวั เตม็ วัยมีอายุ 90-180 วนั (ภาพที่ 2.1 - 2.2)

25สำนักงานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคก ารมหาชน)

ภาพที่ 2.1 ลกั ษณะสว่ นหวั ที่ยื่นเปน็ งวงของตัวเต็มวยั เพศเมีย (ซ้าย) และเพศผขู้ องดว้ งสาคู (ขวา)
ไข่ 5-7 วัน

ตัวเตม็ วัย 90-180วัน ตวั อ่อน 35-40วัน

ดักแด้ 15-20 วัน
ภาพท่ี 2.2 วงจรชีวติ ของดว้ งสาคู Rhynchophorus ferrugineus (Oliver)
ดดั แปลงจาก: สุปาณี (2555)

26 คูมอื การเพาะเล้ียงแมลง
ทีเ่ ปน อาหารของมนษุ ยแ ละสตั วในฟารมท่ไี ดม าตรฐาน

องค์ประกอบในการทำาฟารม์ ดว้ งสาคู
1) 1โร.1งเรโอืรงนเแรอืลนะอคปุ วกรตรณงั้ อ์ ยใู่ นทไี่ มม่ นี าำ้ ขงั อากาศถา่ ยเทไดด้ ีมตี าขา่ ยหรอื มงุ้ ลวดปดิ ลอ้ มใหม้ ดิ ชดิ

เพื่อป้องกันศัตรูของด้วงสาคูหรือป้องกันตัวเต็มวัยด้วงสาคูไม่ให้ออกไปแพร่ระบาดในธรรมชาติ
1.2 อุปกรณใ์ นการเล้ียง การเลี้ยงด้วงสาคนู ยิ มใช้กะละมงั เปน็ วัสดเุ พาะเลี้ยง ขนาดของ

กะละมงั ที่เหมาะสมนาำ การเพาะเลีย้ งคอื ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 40-50 เซนตเิ มตร ลกึ 20 เซนติเมตร
ตอ้ งใชฝ้ าหรือตาข่ายปิดกะละมงั ป้องกนั พอ่ แมพ่ นั ธด์ุ ว้ งหนี การเล้ยี งอีกวธิ ี คอื การเลีย้ งดว้ ยต้นสาคู
(Metroxylon sagu) วิธีการคอื นาำ ต้นสาคตู ดั เป็นท่อนที่มีขนาดความยาวประมาณ 46-60 เซนตเิ มตร
และมเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 36-45 เซนติเมตร วางต้ังเรยี งกนั ในโรงเรือน (สปุ าณี และสมชาย,
2553)

2). การจดั การฟาร์ม
2.1 การเล้ยี งตัวหนอนดว้ งสาคู
การเลย้ี งโดยใช้ท่อนสาคู

สทนาท่้อี คยอ่ ูเนลเพพ็กนนื่อั กลอ้ธาห์ุอ่ยรใมเหาลปพ้ดยี้ ลๆ่อง่อดท-ยแว้กุ พมยว่พอ่ทนั แัน่อวมธนนั ่พ์ดุสลว้ันาะงคธคม์ุทู ราตม่ีง้ัวดัลีาเตงกัดไน้ษอื ขสนณ่ าปตะคิดอ่ แเู ทมปขาับง็น็ รแททดรอ่่อนงนนาำ้ ส33าย--ค5า4ูดวว้วคนั5ยู่ /0แคห-ผ6รรน่ ง้ั0อื ไห(มรเซยห้กั ดนรเกนอืตษแำ้าิเมตปผตร่นลร,าป2ทนูท5ผ่ี 6าำ ใิวร0นหอ)เนดย(า้ือทภทน่ีผาอ่ แิวพนหรทกสน่ี า2า้ รค.ท3ดเู อ่ลนกน็ก้าำ )
การเลยี้ งโดยใชอ้ าหารผสม มดี ังนี้
สูตรท่ี 1 มสี ว่ นประกอบ ดงั นี้
- อาหารหมขู ุนโปรตนี 16 เปอรเ์ ซน็ ต์ 300 กรมั
- มันสาำ ปะหลังบด 1 กโิ ลกรัม
- ต้นออ้ ยสบั หรอื เปลือกมะพร้าวออ่ นสบั 2 กโิ ลกรัม

มนั สาำ ปะหผ-- ลสเกปังมลบลนว้ ดือยา้ำ แกนกลมา้ำบั ะะวออพ้าาส้อรหุกยา้ าวส1รแับหหลมคงู้กนขู 4ุนใ-ห5ใหเ้ ขชล้ า้ ิน้ ะกลนั าวยาใงนกกละว้ ลยะนมำ้าังว้าขเนปาลดือเกสม้นะผพ่ารนา้ ศวนูแหย์กง้ ลลงาไงป5ต0รงเกซลนาตงิเกมะตลระมใสงั ่
ปล่อยพอ่ พันธุแ์ ละแมพ่ นั ธ์ลุ งไป 5 คู่ และปิดฝากะละมัง (บ้านน้อยดอทคอม, 2560) (ภาพท่ี 2.3 ข)

ส1.ูตขรยทา่ี 2ยยกสี าตก์ ม5ัน00สาำ กประัมหลละงั หลามยักนยาำ้สี ตตา์ ลทรายแดง 1 กโิ ลกรัมกบั น้าำ เปลา่ ในถังขนาด 20 ลติ ร
แแลล้ะวเนท้าำ ผ4ง2ย0.สี ลเตติตล์ มิรง)กแผาลกส้วนมคา้ำในหตใ้เาหขล้เ้าขกปา้ ันกยุ๋ นัยเตูเรทิมีย้ิงอไแอวล้ก1ะซ0นิเจา้ำ–น(1ทอ5ิ้งตั ไรนวาป้าสทร่วะี นเมมาก่ือณายกีส1นต.า้ำ3์ขต0ยาาชลยว่ั ต1โวัม0จงละติเหร็นปวุ๋ยา่ ยเกเู ริดยี ฟอ5งกเติโล็มกถรังมั

27สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน)
3. นำาสว่ นผสมขา้ งต้นฉีดพ่นกากมันสาำ ปะหลังผสมให้เขา้ กนั ในบอ่ ซเี มนต์ (อตั ราส่วน
ส่วนผสมของยสี ต์ 80 ลติ ร ต่อกากมันสาำ ปะหลงั 1000 กโิ ลกรัม) ทงิ้ ไวป้ ระมาณ 10 วนั แลว้ นาำ ไปใส่
กระสอบปยุ๋ 2 ชั้น มดั ปากกระสอบไมใ่ หอ้ ากาศเข้าไปทง้ิ ไวอ้ กี ประมาณ 10-15 วนั
นำากากมนั สำาปะหลังหมกั ยีสต์ 10 กิโลกรมั ใส่ในกะละมงั ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 50
เซนติเมตรปล่อยพ่อแมพ่ ันธุ์ เพศผู้ 3 ตวั และเพศเมยี 5 ตัว ปิดฝาและทงิ้ ไว้ประมาณ 1 เดอื น จะได้
ตวั หนอนท่เี กบ็ จำาหน่ายได้ประมาณ 200 ตวั หรอื 1 กโิ ลกรัม

(ก) (ข)

(ค) (ง)

ภาพท่ี 2.3 การเล้ียงด้วงสาคู
(ก) การเล้ียงด้วงสาคูในท่อนสาคู (ข) การเลย้ี งด้วงสาคดู ว้ ยอาหารผสมในกะละมัง
(ค) และ (ง) การเลย้ี งด้วยกากมันสำาปะหลังหมกั ยสี ต์

ทมี่ า: Hanboonsong et al. (2013)
2.2 การขยายพันธุ์ด้วงสาคู

หรือกาบมใสะพ่อารห้าวาแรทหี่ห้งทมผ่ีกั า่ไวนแ้กลา้วรใแสช่ใน่ นาำ้ กะ1ล-ะ2มงั วใหนั ้หนมาาปใสร่ทะบัมาอณาหา1ร-2นำานอว้ิ าหาใสรเ่แปลละอื เปกลมอืะกพมระา้ วพปรอา้ วกทสบัด
อีกชั้น แลว้ ปล่อยตวั หนอนดว้ งสาคูอายุ 35-40 วนั ลงในกะละมงั 100 ตัว รอจนตวั หนอนเขา้ ดักแด้
ใอชาเ้ หวลาราแปลระะใมสา่ถณาด1น5าำ้ -ใ2ห0้กับวดนั ว้ งแสยากคดู จักาแกดนอ้ ั้นอก1ม0า-ใ1ส5ก่ ะวนัละสมางั มใหารมถ่ จเมบั ่ือพด่อว้ แงมอพ่อันกจธ์ุดากว้ ดงสักาแคดจู ใ้ ำาหหก้ นล่าว้ ยยหเปรน็อื
นำามาเลยี้ งขยายต่อไปได้

28 คูมอื การเพาะเลย้ี งแมลง
ทเ่ี ปน อาหารของมนษุ ยและสตั วในฟารมท่ไี ดมาตรฐาน

2.3 การเก็บดว้ งสาคเู พอ่ื จาำ หนา่ ย 315--240วันวนั แลสว้ามนา็อรคถหจนบั อตนัวดหว้ นงอสนาคเพดู อื่ ้วจยาำนห้ำานเยา่ น็ยทไดีแ่ ้ชกน่ ่อา้ำ นแนขำา็ง
เม่อื เลยี้ งตัวหนอนด้วงสาคูไดอ้ ายุ
ไปบริโภคควรเลย้ี งด้วงสาคูดว้ ยมะพร้าวขดู
ลา้ งและบรรจุใส่ถงุ พลาสติก ถงุ ละ 1 กโิ ลกรมั แช่เย็นทอ่ี ณุ หภมู ิ 1-4 องศาเซลเซียส (ช่องแชเ่ ยน็
ทัว่ ไป) รอจาำ หนา่ ย
2.4 การจดบนั ทกึ ข้อมูล
เก่ยี วกับการจดั การฟาร์ม เช่น แหล่งทม่ี าพ่อแมพ่ ันธุ์ รนุ่ การผลติ การเตรยี มทอ่ นสาคูหรอื
การผสมอาหาร การให้สารเสรมิ (ถา้ มี) ต้นทุนการผลิต ราคาซ้อื ขาย รายไดต้ ่อรุ่น การใช้สารเคมี
กาำ จดั ศตั รูด้วงสาคู และเกบ็ รักษาบนั ทกึ ขอ้ มูลเป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 3 ปี
2.5 ปัญหาที่พบในการเลยี้ งด้วงสาคูและวิธแี ก้ไข
หมนั่ ตรวจสอบ1ด) ูแศลตั ครวขู าอมงสดะว้องาสดาภคาูยสใ่วนนโรใงหเญรือ่ทนี่พบทคาำ ือร่อมงดนา้ำ แรลอะบสโรัตงวเ์เรลอื อ้ื นยปคอ้ ลงากนนั ตมา่ ดงๆ ปอ้ งกันไดโ้ ดย
คลานขนาดเล็ก ใชต้ าข่ายล้อมรอบโรงเรือนปอ้ งกันนกหรือแมลงตา่ ง ๆ หรอื สัตวเ์ ลอ้ื ย

2) สภาพภมู อิ ากาศ การเลีย้ งดว้ งสาคู นิยมเลีย้ งในภาคใตซ้ ง่ึ มสี ภาพอากาศชุ่มชื้น จึง
สามารถเลย้ี งไดต้ ลอดทง้ั ปี แต่ควรจัดการโรงเรือนใหอ้ ากาศถา่ ยเทสะดวก เชน่ เปดิ ผ้าใบรอบ ๆ โรง
เรอื น เปดิ พัดลมชว่ ยระบายอากาศ

3) การทำาความสะอาดและบำารงุ รกั ษา
3.1 โรงเรอื นและอปุ กรณ์ ทำาความสะอาดวัสดุและอปุ กรณท์ ใ่ี ช้เลี้ยงด้วงสาคหู ลงั การเก็บ

ตัวหนอนออก จาำ หนา่ ยแตล่ ะรุน่ และทาำ ความสะอาดพื้นโรงเรือน และดูแลไม่ให้มีหยักไย่
3.2 การขจดั ของเสีย เศษอาหารที่เหลอื จากการใช้เล้ียงดว้ งสาคู สามารถนำาไปทาำ เป็นปุ๋ย

อนิ ทรยี ห์ รือปุย๋ หมักเพอ่ื จาำ หน่าย

4) เกษตรกรผเู้ ล้ียงดว้ งสาคู ต้องมคี วามรูแ้ ละได้รับการฝกึ อบรม หรือไดร้ บั การถ่ายทอด
ความรเู้ พือ่ ให้เล้ยี งด้วงสาคูได้อย่างถูกตอ้ ง

4.1 การตลาดของดว้ งสาคู เช่น หนอนดว้ งผดั นา้ำ มัน หนอนด้วงทอดสุก
1) การขายปลกี นยิ มนำามาปรงุ สกุ และแบ่งขาย
หรอื แบ่งขายหนอนดิบใหผ้ ูบ้ ริโภคนำาไปปรุงสุกเอง เชน่ คั่วเกลือ ผัดขเี้ มา ฯลฯ (ภาพท่ี 2.4) ทาำ ให้
ราคาขายอย่ทู ี่ประมาณ 300 บาท ต่อกิโลกรัม

29สำนักงานพัฒนาเศรษฐกจิ จากฐานชีวภาพ (องคก ารมหาชน)

(ก) (ข) (ค)

(ง) (จ) (ฉ)

ภาพท่ี 2.4(กก) าหรนแอปนรรดูปว้ งแผลัดะนจาำ้ำามหนันา่ ถยว้ ดยว้ ลงะสา2ค0ู บาท (ข) หนอนดว้ งทอด 6 ตวั 10 บาท
(ค) หนอนด้วงย่าง (ง) ยาำ หนอนด้วง
(จ) ผดั กระเพราหนอนด้วง (ฉ) หนอนดว้ งลวกจิ้ม

ที่มา: สปุ าณี และสมชาย (2553)

2) การขายส่ง บรรจหุ นอนด้วงถุงละ 1 กโิ ลกรมั สง่ ขายตามร้านอาหาร หรือพอ่ ค้าคนกลาง
ราคาขายขนึ้ อยกู่ บั พืน้ ที่ เช่น ในสงขลาราคา 170 บาท ต่อกิโลกรัม และพทั ลุง 200 บาท ตอ่ กโิ ลกรัม
(สุปาณี และสมชาย, 2553)

3) การขายมลู ดว้ งสาคู เมอ่ื จบั หนอนดว้ งออกหมดแลว้ สามารถนาำ เศษอาหารทเ่ี หลอื และมลู
ไปใช้เป็นปยุ๋ อนิ ทรีย์สาำ หรบั รองกน้ หลุม หรอื ปรบั สภาพดินให้รว่ นซุย (ภาพที่ 2.5)

(ก) (ข)
ภาพที่ 2.5 การขายมลู ดว้ งสาคู (ข) ปยุ๋ น้าำ ไดจ้ ากการเลย้ี งด้วงสาคู

(ก) ปุย๋ อนิ ทรียจ์ ากมลู ด้วงสาคู
ท่มี า: Hanboonsong et al. (2013)

30 คมู อื การเพาะเลย้ี งแมลง
ทเี่ ปนอาหารของมนุษยแ ละสตั วในฟารมทีไ่ ดมาตรฐาน

การเพาะเล้ียงแมลงทใี่ ชเ ปนอาหารของสตั ว

3. การเพาะเลี้ยงหนอนนก
ความสำาคญั
หนอนนกหรือมอดราำ ขา้ วสาลี (mealworm) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Tenebrio molitor Linnaeus
ใช้เป็นอาหารสาำ หรบั สตั ว์เล้ยี งชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะ สัตวเ์ ล้ยี งสวยงาม สตั ว์เล้ือยคลาน รวมถึงสตั วเ์ ลย้ี ง
ลูกด้วยนมขนาดเล็กบางชนดิ คุณคา่ ทางโภชนาการของหนอนนก มโี ปรตีน 17-19 เปอร์เซน็ ต์ และ
ไขมนั 7-14 เปอร์เซ็นต์ และแรธ่ าตตุ า่ งๆ
รูปร่างลักษณะและวงจรชวี ติ
วงจรชวี ิตของหนอนนก มี 4 ระยะ คอื ไข่ ตวั หนอน ดักแด้ และตวั เต็มวัย (ภาพท่ี 3.1)
ไข่ สีขาวนวล รปู รา่ งรี มขี นาด 0.8×2.0 มลิ ลิเมตร ตัวเต็มวัยจะวางไขท่ พ่ี น้ื ของภาชนะทม่ี ี
อาหารปกคลมุ ใชเ้ วลา 7-10 วนั จึงฟกั เปน็ ตัวหนอน
ตัวหนอน เมือ่ พักออกจากไข่ ลาำ ตัวสีขาว ยาว 2-3 มิลลิเมตร สีจะเข้มขึ้นจนเป็นสนี า้ำ ตาล
ลำาตวั รูปรา่ งทรงกระบอก ผวิ ลาำ ตัวแขง็ คล้ายเสน้ ลวด ตวั หนอนลอกคราบทง้ั หมด 13 ครั้ง ตวั หนอนโต
เตม็ ที่มคี วามยาว 25-28 มลิ ลเิ มตร ระยะหนอน 55-80 วนั
ตดวัักเแตดม็ ้ เวมัย่ือเเขปา้ ็นดดัก้วแงดปใ้ นกี รแะขย็งะสแีนร้าำ กตมาสีลขีหารวือตด่อาำ มตาัวเปเตลม็ยี่ วนัยเปม็นอี สายนี ปุำ้าตราะลมอาอ่ณน6ร0ะ-ย8ะ0ดกัวันแดเ้ พ7-ศ1เ0มียวนัมี
ขนาดใหญก่ ว่าเพศผู้ เม่อื อายุได้ 5-7 วัน จะเร่มิ ผสมพันธุ์ โดยเพศเมียวางไขค่ รั้งละ 80-100 ฟอง เพศ
เมยี สามารถวางไข่ได้ 8-10 ครัง้ ในหน่งึ ชวั่ อายุ (โสภณ, 2556)

31สำนักงานพฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)

ตวั ออ่ น 55-80 วัน

ไข่ 5-7 วนั ดกั แด้ 7-10 วัน

ตัวเตม็ วยั 60 - 80 วัน

ภาพที่ 3.1 วงจรชวี ติ ของหนอนนก (Tenebrio molitor Linnaeus)
องคป์ ระกอบในการทาำ ฟารม์ หนอนนก
1). โรงเรือนและอปุ กรณ์

1.1 โรงเรอื น ควรอยู่ในพ้ืนที่ๆ อากาศถา่ ยเทสะดวก รอบโรงเรอื นควรลอ้ มด้วยตาข่ายหรอื
ผา้ แสลนพรางแสง เพอ่ื ปอ้ งกนั ศตั รขู องหนอนนก เช่น มด ตุก๊ แก นก และหนู เป็นต้น ทำาชัน้ สาำ หรบั
กวปาว้องา่งภก2านั 0ชมนเดซะนเลใตนีย้ เิ ชมงห่วตงนรฤอเดนพรู ื่ออ้ โในดหคยอ้ วใาชรกว้ตาัสดิ ศดตถตุัง้ ่า่าสยงปเๆทริงเหเชกร่นอือรใไไ์ชมวช้ ท้ไ้ น้ัผี่หว่ ลาหงังรคขือาอขงเอสหงาำ ลโเรร็กง็จเรแรปูือตนล่ ขะาช(ขภน้ั อาคงพชวทรน้ั ม่ีวรี3าะง.2คย)ะวรหเพมา่ กีงือ่ กาเปรนั หดิไมนล่น่อ้ำาลอ้นดยำ้า
ความร้อนภายในโรงเรอื น ด้านในโรงเรือนควรมีการแยกสดั สว่ นของทเี่ ก็บอาหาร และอุปกรณ์ต่างๆ
ทใี่ ช้ในการเล้ยี ง

ภาพที่ 3.2 โรงเรือนสาำ หรบั เล้ยี งหนอนนกติดต้ังสปรงิ เกอร์ไว้ท่หี ลังคาของโรงเรือนเพือ่ ลดความรอ้ น

32 คมู อื การเพาะเลย้ี งแมลง
ทเ่ี ปนอาหารของมนษุ ยและสัตวใ นฟารมทไ่ี ดมาตรฐาน
1.2 ภาชนะสาำ หรบั เลีย้ ง นิยมใช้ถาดพลาสติกท่ีมีขนาดกว้าง 20-25 เซนติเมตร ยาว 30-40

เซนตเิ มตร และความสงู ของถาดไม่ควรเกนิ 10 เซนติเมตร เพราะจะทาำ ให้อากาศถา่ ยเทไดไ้ มส่ ะดวก
เกิดเป็นแหลง่ สะสมเชอ้ื จลุ นิ ทรีย์ นอกจากถาดพลาสตกิ แลว้ สามารใชพ้ ลาสติกลกู ฟูก (ฟิวเจอร์บอรด์ )
ทาำ เป็นถาดเล้ยี งไดเ้ ช่นกัน

ภาพท่ี 3.3 ภายในโรงเรือน มีช้นั วางกลอ่ งสาำ หรับเลยี้ งหนอนนก
สำาหรบั เพ1ม่ิ .ค3วาภมาชช้ืนนใะนสถาำ าหดรเลับ้ียใหง ้นหำา้รอื ใใชช้จก้ ารนะพบลอากสฉตีดกิ นแ้าำ บพนน่ ฝมอสี ยำาลี หรือ ผา้ ชบุ นำ้าใหช้ มุ่ วางไว้ในจาน

2). การจัดการฟารม์
2.1 การคัดเลือกพันธ์ุ คัดเลอื กตัวเต็มวัยที่อายุ 5-7 วนั จาำ นวน 300 - 400 ตัวตอ่ ภาชนะ

เลย้ี ง เปน็ พ่อแม่พนั ธ์ุ หลังจาก 7-10 วนั ให้ร่อนเอาพอ่ แม่พันธอ์ุ อกจากไข่และอาหาร ไปใส่ในภาชนะ
เลี้ยงท่มี อี าหารเพ่ือใหว้ างไข่ ทำาเช่นน้ี 8-10 ครัง้ ตลอดชว่ งอายุ (ภาพที่ 3.4)

(ก) (ข)
ภาพท่ี 3.4 ตัวหนอนและตวั เตม็ วยั ของหนอนนกในภาชนะที่ใช้เลีย้ ง

(ก) ตัวหนอนของหนอนนก (ข) ตัวเต็มวยั ของหนอนนก

33สำนักงานพฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคการมหาชน)
2.2 การใหอ้ าหาร สว่ นใหญใ่ ช้ราำ ข้าวสาลโี รยลงบนภาชนะเลยี้ งประมาณ 500 กรัมต่อถาด
เนอื่ งจากรำาข้าวสาลมี รี าคาแพง ดังนน้ั อาจใชห้ วั อาหารไกเ่ ล็กที่มีโปรตนี 13 เปอรเ์ ซน็ ต์ เลย้ี งหนอน
นกแทน (จริ าภรณ์ และทัศนยี ,์ 2544) นอกจากการให้ราำ ขา้ วสาลแี ละอาหารไก่แก่หนอนนกแล้ว ควร
มีการใหผ้ กั หรอื ผลไมใ้ หก้ บั หนอนด้วย เชน่ มะละกอดบิ ฝานเปน็ แผน่ บาง แตต่ ้องคอยหมัน่ เปลีย่ นผัก
ภหราอืชผนละไทมีเ่2ไ้ลม.ย้ี3ใ่ งหหเ้ นนกา่ อาในรนใภหาน้ ชห้ำานรอืะเพลใ่นชย้ี ้ฟนงหอาำ้ นเงปนอน็ นำ้าลหขะรอ้ ออืคอผวงร้าลรชะงุบใวนนงั าำ้คภใอืาหผช้ชกันมุ่ ะผแลตไวม่ไามท้ง่คบน่ี วานำ รมถพาา่นใดหจพห้ นลนอาอาสนหตนากิ รกไชวตุ่มม้อ้ เุมงกปใินดลไมอปมุดทหสาำ านใรหง่ึ เขคเ้ กอมิดงี
เช้ือราได้
2.4 การเปลย่ี นอาหารและเกบ็ ซากหนอนจากภาชนะเลีย้ ง ทาำ โดยใช้ตะแกรงรอ่ นแยกมูล
ออกจากตวั หนอน เก็บคราบและซากหนอนท่ตี ายออก แลว้ เตมิ อาหารใหมล่ งไปในภาชนะเลีย้ ง
2.5 การเก็บหนอนนกเพอื่ จำาหนา่ ย เม่ือหนอนนกอายปุ ระมาณ 40 วนั ใชต้ ะแกรงร่อนตัว
หเพนาอะนเลเพ้ียงอื่ หนนำาอไปนจไาำปหลน้างา่ ดยว้ (ยภนาาำ้พสทะ่ีอ3า.ด5)แลสะว่ นนาำมไลู ปหตนาอกนแเดกด็บเพใสื่อ่ถฆงุ า่แเยชกื้อไโวร้เคพื่อ1-จ2าำ หวนันา่ กย่อเปนน็ นปาำ ยุ๋มานใชำาเ้ภลายี้ ชงนในะ
รอบต่อไป
พ่อแมพ่ ัน2ธ.์ุ 6แกหาลรง่จทดี่มบาันแทลึกะขปอ้รมิมาลู ณบอันาทหึกาขรแอ้ ลมะลู นเกา้ำ ่ยีทว่ีใชก้ับกกาารรจใชดั ส้กาารรเฟคามรฆี ม์ ่าเเชชอ้ืน่ หรร่นุ ือกทาาำ รคผวลาติ มสแะหอลา่งดทโ่ีมราง
เรอื นและอุปกรณ์ ตน้ ทนุ การผลิต ราคาซ้อื ขาย รายได้ตอ่ รนุ่ และปัญหาที่พบ เปน็ ต้น และควรเก็บ
รกั ษาบันทึกขอ้ มูลเปน็ เวลาอย่างนอ้ ย 3 ปี

ภาพท่ี 3.5 การใชต้ ะแกรงร่อนเอาเฉพาะหนอนนก

34 คมู ือการเพาะเลย้ี งแมลง
ที่เปน อาหารของมนุษยและสัตวในฟารมทีไ่ ดมาตรฐาน

2.7 ปญั หาที่พบและวธิ ีแก้ไข
ตรวจสอบ1ด)แู ศลตั ครวูขาอมงสหะอนาอดนภนากยใสนว่ โนรงใหเรญอื น่ที่พบทำาครอือ่ งมนดาำ้ รแอลบะโสรตังเวร์เือลนื้อปยคอ้ ลงกาันนมตา่ดงๆหปร้อืองสกัตนั วไ์เลด้ือโ้ ดยยคหลมา่นัน
ขนาดเล็ก ใช้ตาขา่ ยลอ้ มรอบโรงเรอื นป้องกนั นก หนูหรอื แมลงตา่ ง ๆ นอกจากนี้ กอ่ นนาำ ราำ ขา้ วสาลี
มาใช้ ควรอบทีอ่ ณุ หภูมิ 100 องศาเซลเซยี ส นาน 1 ช่วั โมง เพือ่ ทำาลายไขม่ อด หรอื แมลงอ่นื ๆท่ีปะปน
มากับอาหาร

2) สภาพภูมิอากาศ อณุ หภมู ทิ ่ีเหมาะสำาหรับเล้ยี งหนอนนกอยทู่ ี่ 25-35 องศาเซลเซียส จงึ
อคาวกรจาศัดกพาน่รโลระงอเรออื งนนใ้าำ หบ้อนาหกลาศงั คถา่าเยพเท่ือลสดะดอวุณกหภเชมู ่นิ เปิดผ้าใบรอบ ๆ โรงเรือน เปิดพดั ลมชว่ ยระบาย
3) การทำาความสะอาดและบำารงุ รักษา

3.1 โรงเรือนและอปุ กรณ์ ทำาความสะอาดวัสดแุ ละอุปกรณท์ ีใ่ ชเ้ ลย้ี งหลงั การเกบ็ ตัวหนอน
ออกจำาหน่ายแตล่ ะรุ่น และทำาความสะอาดพ้นื โรงเรอื น และดูแลไมใ่ ห้มีหยกั ไย่

3.2 การขจดั ของเสีย เศษอาหารทเ่ี หลือจากการใชเ้ ล้ยี งหนอนนก สามารถนาำ ไปทำาเปน็ ปยุ๋
เพื่อจาำ หน่าย
4) เกษตรกรผ้เู ลย้ี งหนอนนก ตอ้ งมีความรู้และได้รับการฝึกอบรม หรือไดร้ บั การถา่ ยทอดความรู้
เพื่อใหเ้ ลีย้ งหนอนนกได้อยา่ งถกู ตอ้ ง

4.1 การตลาด
หนอนนกเปน็ ทต่ี ้องการของผเู้ ล้ียงสตั วส์ วยงามประเภทนก ปลา และสตั ว์เลื้อยคลาน

ราคาขายอยทู่ ี่ 250-500 บาท ต่อกโิ ลกรัม ขน้ึ อยู่กบั แหล่งจาำ หนา่ ย คุณภาพ และฤดกู าลเชน่ ไมม่ ี
ซากหนอนทีต่ ายปะปน ไมน่ ำาระยะดกั แดม้ าขาย เปน็ ต้น และข้นึ อยกู่ ับพ้นื ที่ เช่น ในตลาดจตุจักร
กรงุ เทพฯ จาำ หนา่ ย 250 บาท ตอ่ กโิ ลกรัม สว่ นภาคใตจ้ าำ หน่าย 300 บาท ตอ่ กโิ ลกรมั สาำ หรับฤดรู ้อน
การเล้ียงทาำ ได้ยากกว่าราคาจะสูงถึง 600 บาทตอ่ กิโลกรัม
4.2 การใชป้ ระโยชน์
เป็นอาหาหรแนกอส่นตันวก์เมลีค้ียงณุ สคัต่าทวน์างาำ้ อราวหมาถรึงสงู นโกดยไกเฉ่ เพปา็นะตโป้นร(ตภีนาพแทลี่ะ3ไ.ข6ม)ันหรจือึงเเปห็นมาสะว่ สนมผใสนมกใานรอนาำาหไาปรเขลอ้ยี งง
มนษุ ย์ เช่น พซิ ซ่า ช็อคโกแล็ต เป็นต้น (ภาพที่ 3.7) นอกจากน้ีหนอนนกมชี ่วงระยะเวลาการเป็น
หนอนทมี่ วี งจรชีวติ ยาว และมีหลายขนาด จึงสามารถเลือกหนอนนกไดต้ ามความเหมาะสมของสัตว์
ท่ีเลี้ยง รวมถึงเมอื่ นำาหนอนนกมาใช้เลี้ยงพอ่ แมพ่ ันธุป์ ลา เพอ่ื การเพาะขยายพนั ธุ์ พบว่าทาำ ให้ปลามี
ความสมบูรณเ์ พศท่ดี ี สสี ดใสขึ้น และพร้อมตอ่ การเพาะพันธ์ุ ได้เป็นอยา่ งดี (อภนิ ันท,์ 2543)

35สำนักงานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)

ภาพที่ 3.6 การใช้ประโยชน์จากหนอนนกในการเปน็ อาหารของสตั ว์เลยี้ ง

ภาพที่ 3.7 การใช้ประโยชน์จากหนอนนกในการเป็นอาหารของมนษุ ย์
4. การเพาะเลี้ยงแมลงวนั ลาย

ความสาำ คัญ
แมลงวันลาย (black soldier fly) มีช่ือวทิ ยาศาสตร์ Hermetia illuceus (Linnaeus)
ตัวหนอนกนิ ซากและย่อยสลายอนิ ทรียวตั ถุ เปน็ แมลงทีไ่ มน่ าำ โรค และไม่เปน็ ศตั รูพืช จึงเปน็ แมลง
มปี ระโยชนใ์ นการลดปรมิ าณขยะอินทรีย์ และมคี ณุ คา่ ทางโภชนาการสงู ระยะกอ่ นเข้าดกั แด้ มี
โปรตีน 42% ไขมัน 35% พลงั งาน 2,900 แคลลอรตี่ อ่ กิโลกรมั เหมาะท่ีจะนาำ มาเป็นอาหารสตั ว์
รปู รา่ งลกั ษณะและวงจรชีวิต
วงจรชีวติ ของแมลงวนั ลาย มี 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวหนอน ดกั แด้ และตัวเตม็ วัย (ภาพท่ี 4.5)

ไข่ ยาวรคี ลา้ ยเมล็ดข้าวสาร สขี าวขุ่นหรือสคี รมี ต่อมาเปลีย่ นเป็นสีเหลือง เม่อื ใกลฟ้ ัก
มีจุดตาสแี ดง 2 จุด ระยะไข่ 3-4 วนั ตวั เตม็ วยั จะวางไขบ่ ริเวณใกล้กับอาหาร วางไขเ่ ป็นกล่มุ ประมาณ
500 ฟอง

ตวั หนอน เมือ่ ฟักออกจากไข่ตวั หนอนมีขาวครีม ความยาว 1.8 มลิ ลิเมตร ความกวา้ ง
6 มิลลเิ มตร มปี ากแบบกดั กิน ไมม่ ขี า ตวั หนอนโตเตม็ ท่ีสนี าำ้ ตาล ความยาว 27 มิลลเิ มตร ระยะตวั
หนอน 19-23 วัน (ภาพที่ 4.1)

36 คูมือการเพาะเลีย้ งแมลง
ท่ีเปน อาหารของมนษุ ยและสัตวใ นฟารม ท่ีไดม าตรฐาน
ระยะกอ่ นเข้าดกั แด้ ลำาตวั สีดาำ มีรูปรา่ งลักษณะเหมือนตัวหนอน ส่วนปากไม่เจรญิ ตวั

หนอนคลานออกมาจากอาหารไปยงั บริเวณทแ่ี ห้ง ใชเ้ วลา 14-19 วัน (ภาพที่ 4.2)
ดักแด้ ลกั ษณะเหมือนระยะก่อนเขา้ ดกั แด้ แตผ่ นงั ลาำ ตวั แหง้ สีดาำ ซดี ปลายท้องงุ้มลง

ดา้ นลา่ ง ไม่เคลอ่ื นไหว หลบซ่อนตวั ตามวสั ดทุ ี่แหง้ ระยะดักแด้ 11-16 วนั (ภาพท่ี 4.3)
ตัวเต็มวยั ลาำ ตวั สีดำาคลา้ ยตัวตอ่ ลำาตวั มคี วามยาว 15-20 มลิ ลิเมตร ตัวเต็มวัยมอี ายุ 5-6 วนั ปกี สีดาำ
ด้านสนั หลังของทอ้ งปลอ้ งแรกมแี ตม้ คลุมสขี าวใส 2 แตม้ เพศเมียปลายทอ้ งใหญ่ เหน็ อวยั วะวางไข่
ชัดเจน เพศผู้ปลายทอ้ งยาวเรยี ว และมรี อยเว้าลึก ตัวเต็มวยั ไมจ่ ำาเป็นต้องกินอาหารเน่ืองจากมกี าร
สะสมอาหารตงั้ แต่ในชว่ งทีเ่ ปน็ ตัวหนอน (ภาพที่ 4.4)

(ก) (ข) (ค)
ภาพที่ 4.1(กล) กั รษะยณะะไไขข่ ่แ1ลวะนั ตวั ห(ขน)อตนวั ขหอนงอแนมอลางวยันุ 5ลาวยัน (ค) ตัวหนอนโตเตม็ ทอ่ี ายุ 14 วนั

ภาพที่ 4.2 ระยะกอ่ นเข้าดักแดข้ องแมลงวันลาย
ภาพที่ 4.3 ระยะดกั แด้ของแมลงวนั ลาย

37สำนกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคการมหาชน)

(ก) (ข)
ภาพท่ี 4.4((ขกต)) วัพตเัวตฤเต็มตกิว็มยัรวรขยั มอกเงพแาศรมผเลมสงียมวนัพ(ซลนั า้ าธยย์ุ )หแแลนั ละหะกลเาพงั รเศขผผ้าสหู้ม(าขพกวันนัาธ)ุ์

ไข่ 3 - 4 วนั

ตวั เต็มวัย 5 - 6 วัน ตวั อ่อน 19 - 23 วัน
ระยะกอ่ นเข้าดักแด้ 14-19 วัน
ดกั แด้ 11-16 วนั

ภาพท่ี 4.5 วงจรชวี ติ ของแมลงวนั ลาย

38 คูมอื การเพาะเล้ียงแมลง
ทเี่ ปน อาหารของมนษุ ยแ ละสตั วในฟารมท่ไี ดม าตรฐาน

องคป์ ระกอบในการทาำ ฟารม์

1). โรงเรอื นและอปุ กรณ์
1.1 โรงเรอื น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้สำาหรบั เล้ยี งตวั หนอนควรมีอากาศถ่ายเทไดด้ ี
บริเวณโดยรอบมีการล้อมด้วยตาข่ายเพื่อป้องกันแมลงชนิดอ่ืนหรือศัตรูของแมลงวันลายเข้ามาในโรง
เรือน สว่ นท่สี องเป็นกรงมงุ้ ไนล่อน สาำ หรบั ใหต้ วั เตม็ วัยผสมพนั ธ์ุและวางไข่ ในกรงจัดวางต้นไมห้ รอื
วสั ดุให้แมลงวนั ลายเกาะ วางกรงในบรเิ วณท่ีมรี ่มเงาและมีแสงแดดสอ่ งถึง
1.2 ภาชนะเล้ยี ง สามารถใช้วสั ดุทีห่ าไดง้ า่ ยในพื้นทีน่ ั้นๆ ราคาไมส่ งู เชน่ ถังนำ้าพลาสตกิ
ขนาด 30 ลติ ร กะละมัง หรือภาชนะอน่ื ๆ โดยภาชนะเลีย้ งตอ้ งมรี างลาดเอียงให้หนอนท่จี ะเขา้ ดักแด้
สามารถออกมาจากภาชนะใสอ่ าหารได้
1.3 ภาชนะให้แมลงวนั ลายวางไข่ สามารถใช้แผงไขก่ ระดาษ กระดาษลัง หลอดพลาสติก
วางไวใ้ นท่แี หง้ แมลงวันลายจะวางไข่เป็นกลุ่มตดิ กับวัสดนุ ้ัน สามารถนาำ กลุม่ ไข่ท่ตี ดิ กับวัสดนุ นั้ ไปวาง
ในภาชนะสำาหรับเลี้ยงและรอฟักเปน็ ตวั หนอนต่อไป

2) การจดั การฟาร์ม
2.1 การล่อแมลงวนั ลาย ใช้กากมนั สาำ ปะหลังหมกั ยีสต์ ขนุน และเปลอื กสบั ปะรด ใส่ลงใน
ถงั หรือภาชนะอืน่ ๆ วางล่อแมลงวันลายใหม้ าวางไข่ในบรเิ วณใต้ชายคาท่มี แี สงแดดรำาไร จากนั้นจึง
ทำาการแยกตวั หนอนแมลงวนั ลายออกจากตวั หนอนอ่ืนๆ เพอื่ นาำ ไปเลี้ยงเพิม่ ปรมิ าณตอ่ ไป
2.2 การเตรียมภาชนะเลยี้ งหนอนแมลงวันลาย ภาชนะทใี่ ชเ้ ล้ยี งมหี ลากหลายรปู แบบเพ่อื
ใหเ้ หมาะกบั พฤติกรรมของตวั หนอนที่จะคลานออกจากอาหารมาหาท่ีเขา้ ดกั แด้ ซึ่งเป็นข้อดที ำาให้
ประหยดั แรงงานในการเกบ็ ดกั แด้ไปใช้ประโยชน์ ควรมตี าขา่ ยปิดทีป่ ากบอ่ ป้องกนั แมลงหว่เี ขา้ มา
ปะปน และสตั วเ์ ล้อื ยคลานเขา้ มากินตัวหนอน ลักษณะของภาชนะมดี งั น้ี
- กะละมงั พลาสตกิ สวมด้วยถุงไนลอ่ น เมือ่ หนอนโตเต็มทจี่ ะเปลย่ี นสีจากสขี าวขุน่ เปน็ สี
นา้ำ ตาล และหนอนจะคลานออกจากอาหารออกมาอยใู่ นถงุ ไนลอ่ น
- กลอ่ งโฟมเจาะรแู ละ ใสท่ อ่ พีวีซีซ่ึงสวมดว้ ยถงุ ไนลอ่ น เพือ่ เป็นทางออกของตัวหนอน ท่ี
จะเข้าดกั แด้
หรอื กล่อง-โฟกมรทะม่ี สกี อลบอ่ ปงยุ๋หรือเลขย้ีวงดหพนลอานสใตนิกกรรอะงสกอ้นบปเพุ๋ยอ่ืสใวหม้นด้าำ ว้ ใยนถอุงาไหนาลรอ่ ซนมึ อวอากงมการะทสำาอใบหปอ้ ุ๋ยาใหนากระไมล่แะฉมะงั
หนอนท่ีโตเต็มทจี่ ะออกมาเข้าดักแดใ้ นถงุ ในล่อน

(ก) (ข) (ค)
ภาพที่ 4.6(กก) ากระเลลยี้ะมงหังพนลอานสแตมกิ ลงวนั ลายใ(ขน)ภกาลชอ่นงะโตฟ่ามงๆ (ค) กระสอบปุย๋

39สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องคการมหาชน)
ใหค้ วามช2้ืน.โ3ดกยาใชร้สเตำารลียชี มบุ ไนข้ำา่ เมหอ่ื่อเดพว้ ศยเผมา้ ยี ขวาาวงบไขา่บงรไิเขวจ่ณะรฟอกั ยภหายยักใขนอเวงลแาผง3ไขว่ นัตัดเกมลื่อมุ่ไขไขใ่ ก่ใสล่กฟ้ ลกั ่อสงกี พลลมุ่ าไสขตจ่ ิกะ
เปลี่ยนจากขาวขนุ่ เป็นสเี หลือง มองเห็นจุดตาสแี ดง 2 จุด หนอนฟกั ใหม่ๆมีสีขาวจะคลานเขา้ หา
อาหาร (ภาพที่ 4.7)

(ก) (ข)

(ค) (ง)

ภาพท่ี 4.7 การเตรียมไขห่ นอนแมลงวนั ลาย
(ก) ตวั เต็มวัยเพศเมยี วางไข่ (ข) ภาชนะให้แมลงวางไข่

2.4 การใหอ้ าหาร อาหารท่ีให้หนอนอายุ 5 วนั แรกใช้กากเตา้ หู้ผสมกบั อาหารไก่เลก็ มี
โปรตนี 14 % อตั ราส่วน 4:1 หลังจากนนั้ สามารถใชอ้ าหารเลย้ี งได้อยา่ งอย่าง เช่น กากเตา้ หูอ้ ยา่ ง
เดียว กากมนั สาำ ปะหลังหมักยสี ตอ์ ย่างเดียว หรือส่วนผสมของกากเต้าหูแ้ ละกากมนั สาำ ปะหลงั หมกั
ยีสต์ อตั ราสว่ น 1:1 (ภาพท่ี 4.8)

(ก) (ข) (ค)

ภาพท่ี 4.8 ลักษณะอาหารทใี่ ชเ้ ลี้ยงหนอนแมลงวันลาย
(ก) กากเตา้ หู้ (ข) กากมันสำาปะหลังหมกั ยสี ต์
(ค) กากเต้าหแู้ ละกากมนั สาำ ปะหลังหมักยสี ต์ อัตราส่วน 1:1

40 คมู อื การเพาะเลีย้ งแมลง
ทีเ่ ปน อาหารของมนษุ ยแ ละสัตวในฟารม ท่ไี ดมาตรฐาน

ตารางที่ 4.1 ระยะหนอน น้ำาหนกั สดในระยะกอ่ นเขา้ ดกั แด้ และอตั ราการแลกเนอ้ื ของแมลงวนั ลาย
ท่เี ลยี้ งด้วยอาหารชนิดตา่ งๆ
อาหาร ปกินรมิ 1(าก0ณร0มั อต/าหวัหน)าอรนที่ หร(นวะยันอะ)น นกาำ้ อ่ ห(นมนเกขัก/สา้ ตดดวั ักร)ะแยดะ้ อตั ราเกนาอื้ รแลก

1. กากเตา้ หู้ 325 20 130 16

2. กากมนั สำาปะหลงั หมักยีสต์ 225 23 104 25

3. กากเต้าหู้และกากมนั 300 21 130 23
สาำ ปะหลงั หมกั ยีสต์

2.5 การเกบ็ ดักแด้แมลงวนั ลาย เมือ่ หนอนออกจากภาชนะใสอ่ าหารเพอ่ื เขา้ ดักแด้ สามารถ
เก็บดกั แด้สดไปจำาหน่าย หรือนำาไปอบแหง้
2.6 การขยายพนั ธุ์แมลงวนั ลาย เมอื่ ดักแดแ้ มลงวนั ลายออกจากภาชนะใสอ่ าหารแล้วคดั
เลอื กดักแดเ้ หล่านน้ั ไปยงั กรงตาข่ายทเ่ี ตรียมไวส้ ำาหรับตวั เต็มวยั ดักแดใ้ ชเ้ วลา 2 สัปดาห์ จึงฟกั เปน็
ตัวเต็มวัยมสี ัดสว่ นเพศผแู้ ละเมยี 1:1.1 (กลุ ชาต,ิ 2553) การเตรยี มที่ใหแ้ มลงวนั ลายผสมพันธ์แุ ละ
วางไข่ ใชม้ งุ้ ไนลอ่ นขนาด 1 x 1 x 2 เมตร ใช้ผ้าพลาสตกิ ครอบหลงั คามุง้ เพื่อกนั ฝน กางมงุ้ ในพนื้ ท่ี
ท่มี กี ารระบายอากาศดี แสงแดดส่องถึง ภายในมงุ้ วางกระถางต้นพชื เช่น โสม หรือไมเ้ ลอ้ื ยเพ่อื ให้
เป็นท่ีเกาะพกั ของแมลง อาหารสาำ หรบั ใหแ้ มลงวางไข่ ใชส้ ่วนผสมของกากถว่ั เหลืองและอาหารไก่
โปรตนี 14 เปอรเ์ ซนต์ อัตราสว่ น 4 :วา1งใบสน่ใอนาถหงุ พารลาแสลตะิกใชว้หางลใอนดกดรดูะสบีนะำา้พตลาาลสคตวิกามวยัสาดวทุ ีใ่1ห0แ้ เมซลนงตวิเามงตไขร่
ใช้แผงไข่กระดาษลกู ฟกู วางซอ้ นกนั
มัดรวมกนั มดั ละ 10 หลอด (ภาพท่ี 4.9)
พฤติกรรมการผสมพันธขุ์ องแมลงวนั ลาย เร่มิ จากเพศผบู้ นิ วนหาเพศเมีย เมอื่ พบแล้วจะ
เกาะหลังเพศเมยี ใหบ้ นิ ลงสพู่ ื้น หรอื เกาะท่ีผนังมุ้ง หรือใบพืช เพศผ้หู นั หวั ใหอ้ ยใู่ นทิศทางตรงกนั ข้าม
การผสมพนั ธใุ์ ชเ้ วลา 30 นาที หลงั การผสมพนั ธแุ์ มลงจะวางไข่ตามแผงไข่ หรอื หลอดดูด แต่ละวนั จะ
ตัดกลุม่ ไข2่เพ.7อ่ื นกาำารไปเกใชบ็ เ้ ไลขีย้ ่ งนต่อำากไปล่มุ (ภไขาใ่ พสทล่ ี่ง4ก.ล1อ่0)งพลาสติกท่มี ีสาำ สีชุม่ น้ำาหอ่ ผ้าขาวบาง เพื่อให้ความชืน้
ในการฟักไข่ ปิดฝากลอ่ ง เพื่อปอ้ งกนั แมลงชนิดอื่นรบกวน เมอ่ื กลุ่มไขเ่ ปลี่ยนเป็นสีเหลืองจะใส่
อาหารเตรยี มไวใ้ ห้ตัวหนอนทฟี่ ักออกมาหลังจาก 4-5 วนั เปล่ียนภาชนะท่ีเล้ยี งให้เหมาะกบั ปรมิ าณ
ตัวหนอน

41สำนกั งานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคก ารมหาชน)

(ก) (ข) (ค)

ภาพท่ี 4.9 อุปกรณใ์ นการขยายพันธุ์แมลงวันลาย
(ก) กรงม้งุ ไนล่อน (ข) ต้นพืชใหแ้ มลงวนั ลายเกาะ (ค) อปุ กรณท์ ่ีใหแ้ มลงวนั ลายวางไข่

(ก) (ข)

ภาพท่ี 4.10 กล่มุ ไขแ่ มลงวันลาย
2.8 การจดบันทกึ ข้อมูล บันทกึ ขอ้ มูลเกย่ี วกับการจดั การฟารม์ เช่น รุ่นการผลิต แหลง่ ท่มี า

ของพ่อแม่พันธุ์ แหล่งทมี่ าและปรมิ าณอาหารทใี่ ช้ การใช้สารเคมีฆ่าเชอ้ื หรอื ทำาความสะอาดโรงเรือน
และอุปกรณ์ ต้นทุนการผลิต ราคาซื้อขาย รายได้ต่อรนุ่ และปัญหาที่พบ เป็นตน้ และควรเก็บรกั ษา
บันทกึ ข้อมูลเป็นเวลาอย่างนอ้ ย 3 ปี

2.9 ปัญหาทีพ่ บและวิธแี กไ้ ข
ได้โดยหมนั่ ตรว1จ)สอศบตั ดรูแูขลอคงวแามมลสงะวอนั าลดาภยายสใ่วนนโรใหงเญรอื ่ทน่ีพบทคาำ รอื อ่ มงนดา้ำ รแอลบะโสรัตงวเรเ์ ือลน้อื ยปค้อลงกานนั ตมา่ดงๆหปรอื้อสงกตั นัว์
เลื้อยคลานขนาดเล็ก ใชต้ าข่ายลอ้ มรอบโรงเรือนป้องกนั นก หนหู รือแมลงตา่ ง ๆ

2) สภาพภูมอิ ากาศ อุณหภมู ิทเี่ หมาะสาำ หรบั เลย้ี งแมลงวันลายอยู่ในชว่ งฤดูฝน และ
ควรจัดสถานทเี่ ล้ียงให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก สว่ นกรงผสมพนั ธุ์และวางไข่ ควรวางในบริเวณทมี่ ีร่ม
เงาและมีแสงแดดส่องถึง เพ่อื ใหไ้ ด้ปริมาณการวางไข่มากขนึ้

42 คมู อื การเพาะเลยี้ งแมลง
ท่ีเปนอาหารของมนษุ ยและสัตวใ นฟารม ทไ่ี ดม าตรฐาน

3) การทำาความสะอาดและบาำ รุงรักษา
ทาำ ความสะอาดวัสดแุ ละอุปกรณท์ ีใ่ ชเ้ ลย้ี งหลังการเกบ็ ดกั แด้ออกจาำ หน่ายแตล่ ะรุน่ และ

ทาำ ความสะอาดพน้ื โรงเรอื น และดูแลไมใ่ หม้ หี ยกั ไย่
4) เกษตรกรผเู้ ลย้ี งแมลงวันลาย ต้องมีความรแู้ ละได้รับการฝึกอบรม หรือไดร้ ับการถ่ายทอดความรู้
เพอื่ ให้เลีย้ งหนอนนกไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
3.1 การตลาด

การจาำ หนา่ ยแมลงวันลาย มักจาำ หนา่ ยในระยะดกั แด้ แต่เพิ่งเริม่ เปน็ ทน่ี ยิ มในเมอื งไทย
และใช้ชอ่ื เรยี ก “โมโมทาโร่” นำาไปเลีย้ งปลาสวยงาม และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ราคาขายสด 480 บาท ต่อ
กโิ ลกรมั และอบแห้ง 1,440 บาท ตอ่ กโิ ลกรมั (intercarpp, 2560)
3.2 การใชป้ ระโยชน์

แมลงวันลายเป็นแมลงทม่ี ปี ระโยชน์ ชว่ ยลดปริมาณขยะอนิ ทรีย์ และมีความสามารถ
เปลีย่ นขยะอนิ ทรยี ์ ใหเ้ ปน็ โปรตนี และไขมันได้ดี ทำาให้มีคณุ ค่าทางอาหารสูงเหมาะแก่การนาำ มาเลีย้ ง
สตั ว์ แมลงวนั ลายสามารถเจรญิ ได้ท่ีอุณหภมู ิ ระหวา่ ง 10- 45 องศาเซลเซยี ส และมีการกนิ อาหาร ดี
ท่ีสดุ ท่อี ณุ หภมู ิ 35 องศาเซลเซียส (Newby, 1997) (ภาพท่ี 4.11)

ภาพที่ 4.11 การใช้ประโยชน์จากแมลงวันลายในการเปน็ ยอ่ ยสลายขยะและการเปน็ อาหารของสตั ว์เลย้ี ง

43สำนกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคก ารมหาชน)

เอกสารอา้ งอิง

กลุ ชาติ บรู ณะ. 2553. การศกึ ษาชีววิทยา นิเวศวิทยาของแมลงวนั ลาย Hermetia illucens (L.)
และการใชป้ ระโยชนเ์ ป็นอาหารเสริมของปลานิล Oreochromis niloticus (L.). วิทยานพิ นธ์
ปรญิ ญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑติ สาขากฏี วิทยา บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ .
กุลชาติ บูรณะ และทัศนยี ์ แจม่ จรรยา. 2553. การแพรก่ ระจาย การเพาะเล้ยี ง และคุณคา่ ทางโภชนะ
ของแมลงวนั ลาย (Hermetia illucens L.) การประชมุ ทางวชิ าการเสนอผลงานวิจัยระดับ
บณั ฑิตศกึ ษา ครั้งที่ 11 หน้า 604-609.
จริ าภรณ์ เสวะนา และทศั นยี ์ แจม่ จรรยา. 2544. การเลยี้ งหนอนนก (Tenebrio molitor L.) ในเชงิ
อุตสาหกรรม. แก่นเกษตร 29(4): 194-200.
ทศั นยี ์ แจม่ จรรยา, ชาญชัย ถาวรอนุกลู กิจ และพษิ ณุ อุตตมะเวทิน. 2547. การผลิตแมลงกนิ ไดเ้ พ่ือ
เศรษฐกิจและโภชนาการชุมชน: จ้งิ หรีด. สาขาวิชากฏี วทิ ยา คณะเกษตรศาสตร์ และภาค
วชิ าโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น.
ทศั นยี ์ แจ่มจรรยา และยุพา หาบญุ ทรง. 2556. เอกสารประกอบการอบรม การแปรรปู อาหารจาก
แมลง. โครงการบรกิ ารวชิ าการตามแนวพระราชดำาริ ปงี บประมาณ 2556 ร่วมกับ คณะ
เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. วันที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2556.
นพพร โตะ๊ ม,ี ตวงทอง ปจั ฉมิ ะศิร,ิ มนทกานต์ วงศ์ภากร และทนิ รัตน์ ศรสี ุวรรณ.์ 2551. โรคตดิ เชื้อ
อิรโิ ดไวรัสจ้ิงหรดี ในฟารม์ เพาะเลยี้ ง จ.ลำาพูน. สัตวแพทยม์ หานครสาร 3(2): 40-50.
นพพร โตะ๊ ม,ี ทววี ัฒน์ ดมี ะการ, พชั รี ทองคำาคณู , มนทกานติ์ วงศภ์ ากร และสพุ รรษา ทางดี. 2557.
โรคอุบัติใหม:่ การตดิ เชือ้ ไวรสั อมั พาตของจ้ิงหรีดเลีย้ งในประเทศไทย และการวเิ คราะห์ทาง
พนั ธกุ รรม. วารสารสถาบันสุขภาพสตั ว์แห่งชาติ 9(2): 58-72.
บ้านนอ้ ยดอทคอม. 2560. เทคนคิ และวิธกี ารเลยี้ งดว้ งสาค.ู สืบคน้ เมอ่ื เม่ือ 20 มถิ นุ ายน 2560, จาก
http://www.baannoi.com/สัตวเ์ ล้ียง/135-เทคนคิ และวธิ ีการเล้ียงด้วงสาค.ู html.
ยุพา หาญบุญทรง. 2557. คู่มอื การเล้ยี งจ้ิงหรีด. สาขากีฏวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย
ขอนแก่น.
รกั เกษตร. 2560. วิธเี ลีย้ งด้วงสาคูและดว้ งมะพร้าว. สืบคน้ เมอื่ เมอ่ื 20 มถิ นุ ายน 2560, จาก
http://www.rakkaset.com/2017/02/blog-post_13.html.
สถาบนั สขุ ภาพสัตวแ์ หง่ ชาติ. 2551. สบื ค้นเมือ่ เมือ่ 20 มถิ นุ ายน 2560, จาก http://niah. dld.
go.th/th/AnimalDisease/wild_cricket_IrrioVirus.htm.
สุกฤตา อนุตระกลู ชัย. 2557. สตู รอาหารท่ีเหมาะสมในการเลยี้ งจ้ิงหรีดเชงิ พาณิชย์ และการแปรรปู .
วิทยานพิ นธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.
สุปาณี เลี้ยงพรพรรณ และสมชาย เล้ยี งพรพรรณ. 2553. การเล้ียงด้วงงวงมะพร้าวในจังหวดั สงขลา
และจังหวัดพทั ลงุ . วารสารมหาวิทยาลัยทกั ษิณ 13(1): 40-45.
สุปาณี เลย้ี งพรพรรณ. 2555. ชวี วิทยาและคณุ ค่าทางโภชนาการบางประการของดว้ งงวงมะพร้าว.
บุญวาลราำ้ สแาลรมะชหุตาวิมิทายเาสลพยั ยท์ธักรรษมณิ . 15(3): 7-16.
โสภณ 2551. การวจิ ัยและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลิตหนอนนก.
เครอื ข่ายการวจิ ยั และถ่ายทอดเทคโนโลยีสชู่ มุ ชนฐานราก สกอ. ภาคใต้ตอนบน.

44 คูมือการเพาะเลี้ยงแมลง
ทเ่ี ปน อาหารของมนุษยและสัตวในฟารม ที่ไดม าตรฐาน

โสภณ บุญลำา้ . 2556. คมู่ ือเพาะเลี้ยงหนอนนก. คลนิ ิกเทคโนโลยี 30 หน้า
อภนิ นั ท์ สุวรรณรักษ์ 2543. หนอนนก อาหารสุขภาพสตั ว.์ เทคโนโลยชี าวบ้าน. 12(29): 63-65.
Hanboonsong, Y., T. Jamjanya and P. B. Durst. 2013. Six-legged livestock: edible

insect farming, collection and marketing in Thailand. Food and Agriculture
Organization of the United Nations Regional Office for Asia and the Pacific,
Bangkok: Thailand.
Intercarpp. 2560. ราคาขายตวั อ่อนแมลง momotaro โปรตนี สงู . สืบค้นเม่อื เมอ่ื 20 มิถนุ ายน
2560, จาก http://www.ninekaow.com/classi/?action=view&id=0109568.
Newby, R. 1997. Use of soldier fly larvae in organic waste management. Proceedings
of “Compost 97” conference, Griffith university/Brisbane Hilton, 14-15 July
1997.


Click to View FlipBook Version