The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเพาะเลี้ยงปลาช่อน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การเพาะเลี้ยงปลาช่อน

การเพาะเลี้ยงปลาช่อน

การเพาะเล้ยี งปลาช่อน

คานา

ปลาชอ่ นเปน็ ปลาน้าจืดทีม่ ีคณุ ค่าทางเศรษฐกิจอกี ชนดิ หนึ่งของประเทศไทยอาศัยอยู่ในแหลง่ น้าจดื
ทว่ั ไป เชน่ แมน่ ้า ลา้ คลอง หนอง บงึ และทะเลสาบ มชี ่ือสามญั STRIPED SNAKE-HEAD FISH และมีชือ่
วทิ ยาศาสตร์วา่ Channa striatus ปลาชอ่ นเป็นปลาที่มีรสชาติดี กา้ งน้อย สามารถน้ามาประกอบอาหาร
ได้หลายชนิด จึงทา้ ให้การบริโภคปลาชอ่ นได้รบั ความนิยมอย่างแพรห่ ลาย แตป่ ัจจุบนั ปรมิ าณ ปลาช่อนท่ี
จับไดจ้ ากแหล่งน้าธรรมชาติ มจี ้านวนลดน้อยลง เน่ืองจากการท้าประมง เกินศักยภาพการผลิต ตลอดจน
สภาพแวดลอ้ มของแหล่งนา้ เส่ือมโทรม ตื้นเขนิ ไมเ่ หมาะสมตอ่ การด้ารงชีวิต ทา้ ให้ปรมิ าณปลาช่อนใน
ธรรมชาติ ไม่เพยี งพอต่อการใช้ประโยชนแ์ ละความตอ้ งการบรโิ ภค การเล้ยี งปลาช่อนจึงเปน็ แนวทางหน่งึ
ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลน โดยนา้ ลกู ปลา ท่ีรวบรวมไดจ้ ากแหล่งน้าธรรมชาตแิ ละจากการเพาะ
ขยายพันธุ์มาเล้ียงให้เปน็ ปลาโตตามขนาดท่ีตลาดตอ้ งการต่อไป

อุปนิสัย

โดยธรรมชาติปลาชอ่ นเป็นปลาประเภทกินเนอ้ื กนิ สิ่งมชี วี ติ ทอ่ี าศยั อยใู่ นน้า รวมทงั้ ปลาขนาดเล็ก
และแมลงในนา้ ชนิดต่างๆเปน็ อาหาร เมอ่ื อาหารขาดแคลน ปลาจะมีพฤตกิ รรมกินกนั เอง โดยปลาช่อนตวั
ใหญจ่ ะกนิ ปลาตวั เล็ก

รูปรา่ งลักษณะ

ปลาชอ่ นเปน็ ปลาทม่ี เี กลด็ มสี ว่ นหัวค่อนข้างโต รูปรา่ งทรงกระบอกยาว ลา้ ตัวอ้วนกลมยาว
เรียว ท่อนหางแบนข้าง หวั แบนลง เกลด็ มีขนาดใหญ่ ปากกวา้ งมาก มีฟนั ซี่เลก็ ๆ อยบู่ นขากรรไกรทง้ั สอง
ข้าง ครบี ทุกครบี ไม่มีก้านครบี แข็ง ครบี หลงั และครีบกน้ ยาวจนเกอื บถงึ โคนหาง ครบี หางเรยี วปลายมน
ดา้ นข้างล้าตวั มลี ายดา้ พาดเฉยี ง ลา้ ตัวสคี ล้าอมมะกอกหรือน้าตาลอ่อน มลี ายเสน้ ทแยงสีคล้าตลอดทงั้
ลา้ ตัว 6 - 7 เสน้ ด้านท้องสีจางตัดกับดา้ นบน ครีบสคี ล้ามขี อบสเี หลืองอ่อน ครีบทอ้ งจ าง มีขนาดลา้ ตวั
ประมาณ 30 - 40 ซ.ม. ใหญส่ ดุ ได้ถงึ 1 เมตร มอี วยั วะพิเศษช่วยในการหายใจ ปลาชอ่ นจึงสามารถ
เคลอ่ื นไหวไปบนบกหรอื ฝงั ตัวอยูใ่ นโคลนได้เปน็ เวลานานๆ

แหล่งกาเนิดและการแพรก่ ระจาย

ปลาช่อนเปน็ ปลานา้ จดื อาศัยอยู่ตามแม่น้า (ตอนทก่ี ระแสน้าไหลออ่ นๆ) ล้าคลอง หนองบึง บอ่
และคู ทว่ั ทุกภาคของประเทศไทย ในฤดูฝนปรากฏวา่ ปลาช่อน ขน้ึ ไปหาอาหารและวางไขต่ ามทงุ่ นา เปน็ อนั
มาก นอกจากนี้ยังพบวา่ ปลาช่อนนนั้ สามารถอยไู่ ด้ในน้ากร่อย เช่น บรเิ วณคลองด้านซ้ายมอื เขตอ้าเภอ
บางปะกง ซ่งึ มีความเค็ม 0.2-0.3 เปอร์เซ็นต์และมี pH ต้ังแต่ 4.0-9.0 ปลาช่อนกอ็ ยไู่ ด้ นอกจากประเทศ
ไทยแล้วในต่างประเทศทพี่ บวา่ มปี ลาชอ่ น คอื อินเดยี พม่า มลายู บอร์เนยี วเหนือ เวยี ดนาม เขมร
ฟลิ ิปปินสแ์ ละอนิ โดนเี ซีย

การเตรียมพ่อแม่พันธุ์

พอ่ แม่พนั ธุ์ที่ใช้ ต้องเป็นปลาทเี่ ล้ียงเองต้งั แตเ่ ล็ก ด้วยอาหารเม็ด เพือ่ ให้ปลาเชอื่ งและคุ้นเคยต่อ
สภาพกักขัง โดยช่วงแรกอายุ 1 - 3 เดือน เลย้ี งในบ่อซีเมนต์ เพื่อฝกึ ให้ปลาเชื่องและกินอาหารเมด็ ไดด้ ี
หลงั จากนั้นน้าไปเลีย้ งในบอ่ ดินเพือ่ ใหไ้ ดข้ นาดใหญ่ขน้ึ อายุ 6-8 เดือน จึงนา้ กลับมาเลี้ยงตอ่ ในบ่อซีเมนต์
เพื่อเป็นพอ่ แมพ่ ันธุ์

การเล้ยี งพอ่ แม่พันธุ์

เลยี้ งในบ่อซเี มนต์แบบรวมเพศอตั ราการปลอ่ ย 10 ตัวต่อตารางเมตร น้าหนกั รวม 100 กิโลกรมั ต่อ
บอ่ ขนาด 50 ตารางเมตร ใหอ้ าหารเม็ดลอยนา้ ส้าหรับปลาดกุ เล็กโปรตนี 30 เปอร์เซ็นต์ วันละ 2 ครง้ั อตั รา
2% ของน้าหนกั ตวั เปล่ียนถา่ ยนา้ ทั้งบ่อพร้อมลา้ งท้าความสะอาดเดอื นละ 2 ครั้ง ไมใ่ หอ้ ากาศ

การเพาะพนั ธุ์โดยใช้ฮอรโ์ มน

ปลาชอ่ นสามารถวางไขไ่ ด้เกอื บตลอดทง้ั ปี ส้าหรับฤดูกาลผสมพนั ธว์ุ างไข่ จะเร่ิมตง้ั แต่เดอื น
มนี าคม – ตลุ าคม ช่วงที่แม่ปลามคี วามพรอ้ มทีส่ ดุ คอื เดือน มถิ ุนายน – กรกฎาคม

ในฤดวู างไข่ จะสังเกตความแตกต่างระหวา่ งปลาเพศผกู้ บั เพศเมยี อยา่ งเห็นไดช้ ัดคือ ปลาเพศเมยี
ลกั ษณะท้องจะอูมเปง่ ชอ่ งเพศขยายใหญ่ มสี ีชมพูปนแดง ครีบทอ้ งกวา้ งส้ัน ส่วนปลาเพศผู้ ลา้ ตวั มสี ี
เข้มใตค้ างจะมสี ีขาว ลา้ ตวั ยาวเรยี วกว่าปลาเพศเมยี

เพศเมีย เพศผู้

ตามธรรมชาติปลาช่อนจะสร้างรงั วางไข่ในแหลง่ น้าน่งิ ความลึกของน้าประมาณ 30–100 เซนตเิ มตร
โดยปลาตัวผ้จู ะเปน็ ผู้สร้างรงั ด้วยการกดั หญ้าหรือพรรณไม้น้าและใชห้ างโบกพัด ตลอดเวลา เพ่ือทจ่ี ะท้า
ใหพ้ ื้นทีเ่ ปน็ รูปวงกลม เส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 30 – 40 เซนติเมตร ปลาจะกัดหญา้ ท่ีบริเวณกลางของ
รงั สว่ นพน้ื ดนิ ใต้น้า ปลาก็จะตีแปลงจนเรยี บ หลงั จากท่ปี ลาชอ่ นได้ผสมพันธว์ุ างไข่แลว้ พ่อแม่ปลาจะ
คอยรักษาไขอ่ ยใู่ กล้ๆ เพ่อื มิใ หป้ ลาหรอื ศตั รูอื่นเข้ามากิน จนกระท่ังไขฟ่ กั ออกเป็นตัว ในชว่ งนพ้ี อ่ แมป่ ลาก็
ยังใหก้ ารดูแลลูกปลาวัยอ่อน เม่ือลูกปลามีขนาด 2 – 3 เซนติเมตร จึงแยกตัวออกไปหากนิ ตามล้าพงั ได้ ซงึ่
ระยะนี้เรียกวา่ ลูกครอก หรือลูกชักครอก ลูกปลาขนาดดังกล่าว น้าหนักเฉลยี่ 0.5 กรมั ปลา 1 กโิ ลกรัมจะ
มีลกู ครอก ประมาณ 2,000 ตวั ลกู ครอกระยะนจี้ ะมีเกษตรกร ผรู้ วบรวมลูกปลาจากแหล่งน้าธรรมชาติเปน็
อาชีพ น้ามาจา้ หนา่ ยให้แก่ผู้เลย้ี งปลาอีกตอ่ หนง่ึ ในราคากิโลกรัมละ 70 – 100 บาท ซึ่งรวบรวมได้มากใน
ระหวา่ งเดอื น มถิ นุ ายน – ธันวาคม
@ การคัดเลอื กพอ่ แมพ่ นั ธุ์

ปลาชอ่ นทน่ี า้ มาใช้เป็นพ่อแมพ่ ันธุ์ ควรเปน็ ปลาทม่ี ีรปู รา่ งลักษณะสมบรู ณ์ ไม่บอบชา้ และมีน้าหนัก
ตั้งแต่ 800 – 1,000 กรัมข้ึนไปและควรอายุ 1 ปขี น้ึ ไป ลักษณะแมพ่ นั ธ์ุและพอ่ พันธุ์ปลาชอ่ นทีด่ ี ซง่ึ
เหมาะสมจะน้ามาใช้ในการเพาะพันธุ์ คอื แม่พันธค์ุ วรมีส่วนท้องอูมเล็กนอ้ ย ลกั ษณะของตง่ิ เพศ มสี ีแดง
หรอื สีชมพอู มแดง ถ้าเอามือบบี เบาๆที่ท้องจะมีไข่ไหลออกมา มลี กั ษณะกลมสเี หลืองอ่อน ใส ส่วนพ่อพันธุ์
ตง่ิ เพศ ควรจะมีสชี มพูเรื่อๆ ปลาไมค่ วรจะมรี ูปรา่ งอ้วนหรือผอมมากเกินไปและเป็นปลาทม่ี ี ขนาดน้าหนัก
800 – 1,000 กรมั ****การคัดเลอื ก ตอ้ งทา้ ด้วยความรวดเรว็ อย่าใหป้ ลาขบั เมือกออกมาก พอ่ ปลาควรมี
อายุมากกวา่ แม่ปลา คือ อายุ 2 ปีขน้ึ ไป

@ การฉดี ฮอร์โมน
ใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ (Suprefact) ร่วมกับยาเสรมิ ฤทธิ์ (Motilium) ฉดี ใหแ้ ม่ปลาคร้ังเดยี ว อัตรา

ฮอรโ์ มนสงั เคราะห์ 20-30 ไมโครกรัม/กิโลกรัมและยาเสรมิ ฤทธิ์ 10 มิลลิกรมั /กิโลกรัม พอ่ ปลาฉีดพร้อมแม่

ปลาดว้ ยความเข้มขน้ ฮอรโ์ มนสงั เคราะห์ 10 ไมโครกรัม/กโิ ลกรัมและยาเสรมิ ฤทธิ์ 10 มิลลกิ รัม/กิโลกรมั ฉีด
เข้ากล้ามเนอื้ ขา้ งตัวปลาหรอื โคนครีบหู **** ขณะฉีดปลาตอ้ งอยู่ในน้าตลอดเวลา

@ การผสมพันธ์ุ
หลังฉีดฮอร์โมนแลว้ ปลอ่ ยพ่อแม่ปลาลงผสมในถังพลาสตกิ ทรงสูง เสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ

30 เซนตเิ มตร นา้ ลึก 60-70 เซนตเิ มตร ถงั ละ 1 คู่ ใส่เชือกฟางฉีกฝอยเพอ่ื เปน็ รังไข่ ปดิ ปากถงั ดว้ ยตาข่าย
พรางแสงสดี ้าทง้ิ ไว้ 24 ชั่วโมงปลาจะรัดและผสมพนั ธุ์วางไขเ่ องตามธรรมชาติไขล่ อยผิวหน้าน้าบริเวณรังไข่
****ขณะผสมพันธุพ์ อ่ แม่ปลาต้องการที่เงยี บสงบ ถั งเพาะควรอย่ใู นที่เงียบสงบ ไม่ พลุกพล่านหรอื มเี สียง
รบกวน

@ การฟักไข่
ไข่ปลาชอ่ นมีลกั ษณะกลมเล็ก เป็นไขล่ อย มีไขมันมาก ไข่ทดี่ มี ีสีเหลือง ใส สว่ นไขเ่ สยี จะทึบหลงั

ปลาวางไข่ ใชก้ ระชอนผ้าตาถี่ (โอลอ่ นแก้ว) ชอ้ นไขม่ ารวมในถังฟัก(ถังไฟเบอรก์ ลาส) ขนาดความจุ 2 ตัน
ใสน่ า้ สงู 65 เซนตเิ มตร เปิดน้าใหไ้ หลผ่านตลอด (อตั รา 5 ลิตรต่อนาที) 1 ถังใสป่ ระมาณ 100,000 ฟอง
**** หลังฟกั ไข่ จะมีไข่บางส่วนเสีย ควรช้อนทง้ิ เป็นระยะๆ การฟกั ไขร่ ะบบน้าปิดและมรี ะบบกรองทด่ี ีจะมี
ประสทิ ธภิ าพกวา่ ระบบเปิด

การอนบุ าล

@ การอนบุ าลเบ้อื งตน้
ไข่ฟักเป็นตวั ภายใน 30 – 36 ช่วั โมง ลกู ปลาท่ีฟักออกมาเป็นตวั ใหม่ๆ ลา้ ตวั มสี ีด้า มถี ุงไขแ่ ดงสี

เหลอื งใสปลาจะลอยตวั ในลักษณะหงายทอ้ งขึ้นอย่บู รเิ วณผวิ น้า ลอยอยู่น่งิ ๆไม่คอ่ ยเคลอ่ื นไหวหลังจากนั้น
2–3 วนั จึงพลิกตัวกลับลงและว่ายไปมาตามปกติโดยว่ายรวมกนั เป็นกลมุ่ บรเิ วณผวิ น้า ลกู ปลาช่อนที่ฟกั
ออกมาเปน็ ตัวใหมๆ่ ใชอ้ าหารในถงุ ไขแ่ ดงท่ีตดิ มากบั ตวั และถงุ ไข่แดงยุบภายใน 3 วนั วนั ท่ี 4 หลังจากถุงไข่
แดงยบุ ให้ไรแดงปริมาณมากเกนิ พออัตราความหนาแน่น 52 ตัว/ลิตร ระยะเวลา 2 -3 วัน แลว้ นา้ ลงอนบุ าล
ต่อในบอ่ ดิน
@ การอนบุ าลในบ่อดิน

เตรยี มบอ่ ขนาด 800 ตารางเมตร ใส่ ร้า ปลาปน่ อตั ราส่วน 2 : 1 หว่านพื้นกน้ บ่อๆละ 5 กิโลกรัม
เติมน้าสูงประมาณ 60 เซนติเมตร หลังปล่อยปลาใหอ้ าหารเปน็ ร้าผสมปลาปน่ อตั รา 1:1 คลุกผสมกนั แลว้
ผสมนา้ 3 ลติ ร สาดให้ทั่วบ่อวันละ 2 ครง้ั ๆ ละ 5 กโิ ลกรัม อนุบาล 20 - 25 วนั ได้ลกู ปลาขนาด 3-5
เซนตเิ มตร อัตรารอด 40 เปอร์เซ็นต์ ถ้าใหอ้ าหารไม่เพยี งพออตั ราการเจรญิ เตบิ โตของลกู ปลาจะแตกตา่ ง
กันและพฤตกิ รรมการกินกันเอง ท้าให้อตั ราการรอดตายต้่าจึงต้องคัดขนาดลกู ปลา การอนุบาลลูกปลาชอ่ น

โดยท่ัวไปจะมอี ตั ราการรอดประมาณ 40-70 เปอรเ์ ซ็นตแ์ ละควรเปล่ียนถ่ายน้าทุกวันๆละ 50 เปอร์เซ็นต์
ของปริมาณนา้

วิธีการเฉพาะสาหรับการเพาะพันธ์ปุ ลาช่อน
- การเตรยี มพ่อแม่พันธ์ุ ถ้าต้องการให้ปลาขนาดใหญเ่ รว็ ควรให้ลกู ปลายสี่ กเทศมีชวี ติ เป็ นอาหาร
ควบคกู่ บั การให้อาหารเม็ดด้วย อตั ราลูกปลาย่ีสกเทศ 10 ตวั ต่อปลาช่อน 1 ตัว ต่อ 1 วนั
- การเลี้ยงพ่อแม่พนั ธุ์ ต้องเล้ยี งในบ่อซีเมนต์ เพ่อื ความสะดวกในการเพาะและปลาไมเ่ ครียดหรอื
บอบช้า ซึ่งมผี ลดตี ่อการฉีดฮอร์โมน ถา้ ต้องการใหแ้ ม่ปลาท้องดี ควรเปลี่ยนถา่ ยนา้ ทัง้ บ่อสปั ดาหล์ ะครัง้
- การคดั เลอื กพ่อแม่พนั ธุ์ ต้องท้าดว้ ยความรวดเรว็ ดูเฉพาะลักษณะภา ยนอกคร่าวๆ อย่าใช้เวลา
คัดเลอื กนาน อย่าให้ปลาขับเมอื กออกมามาก เพราะจะท้าใหป้ ลาอ่อนแอติดโรค ได้งา่ ย พ่อปลาควรเลือก
ตวั ท่ีผอมเพรยี ว หัวโต ครบี ต่างๆยาว และมอี ายุมากกวา่ แม่ปลา หรอื มอี ายุตั้งแต่ 2 ปี ข้นึ ไป พอ่ แม่ขนาด
เฉลีย่ 500-800 กรมั คัดเลือกขนาดเท่ากนั จบั คผู่ สมพนั ธุ์
- การฉดี ฮอรโ์ มน ควรท้าอยา่ งรวดเรว็ ขณะฉดี ปลาต้องอย่ใู นนา้ ตลอดเวลา
- การผสมพันธุ์ ขณะผสมพนั ธ์พุ อ่ แม่ปลาตอ้ งการท่เี งยี บสงบ ดังนัน้ ถังเพาะควรจดั ให้อยใู่ นท่ีเงียบ
สงบ ไม่พลกุ พลา่ นและไม่รบกวนปลา
- การฟักไขห่ ลงั ฟักไข่จะมไี ข่บางส่วนเสีย ควรช้อนทิ้งเป็นระยะๆโดยใชก้ ระชอนขนาดชอ่ งตาเสน้
ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3 มลิ ลิเมตร โดยชอ้ นท้งิ ให้หมดเพราะปลอ่ ยไวจ้ ะท้าใหเ้ กดิ เชื้อรา ควรมนี ้าไหลผา่ นตลอด
การฟกั ไข่ระบบน้าปิดและมีระบบกรองท่ีดีจะมีประสทิ ธิภาพกวา่ ระบบเปิด
- การอนุบาลเบอ้ื งต้น จะไมป่ ล่อยใหล้ ูกปลาอยูใ่ นถังฟักนานเกนิ 3 วนั หลงั จากถงุ อาหารยุบเพราะ
ลูกปลาจะกนิ กันเองเน่อื งจากขาดอาหาร ระยะน้ลี กู ปลาจะกินอาหารจมุ าก
- การอนบุ าลในบอ่ ดิน ระหว่างการอนุบาล ตอ้ งเสริมไรแดงใหด้ ว้ ย ปรมิ าณมากเทา่ ท่ีจะให้ได้
บางคร้ังไรแดงเกดิ เองในบอ่ อนบุ าล ก็ไม่จ้าเป็นต้องใหเ้ พิม่

การเลี้ยง

@ การเตรยี มบอ่ เลยี้ งปลา
การเลยี้ งปลาช่อนเพอื่ ใหไ้ ดข้ นาดตามที่ตลาดตอ้ งการนนั้ นิยมเล้ยี งในบ่อดิน ซ่ึงมหี ลักการเตรยี ม

บ่อดินเหมอื นกับการเตรียมบอ่ เลย้ี งปลาทัว่ ๆไป ดังนี้
1. ตากบอ่ ให้แห้ง
2. ใสป่ ูนขาวเพอ่ื ปรับสภาพดนิ ในอัตราประมาณ 60 – 100 กโิ ลกรมั / ไร่ ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 7 วนั
3. ใสป่ ุย๋ คอกเพื่อใหเ้ กิดอาหารธรรมชาตสิ ้าหรบั ลกู ปลา ในอตั ราประมาณ 40 – 80 กโิ ลกรมั /ไร่
4. สูบน้าเขา้ บ่อโดยกรองน้าเพือ่ ไมใ่ ห้ศัตรูของลกู ปลาตดิ เขา้ มากบั นา้ จนกระทง่ั มรี ะดับน้าลกึ 30–
40 เซนตเิ มตร ทง้ิ ระยะไว้ 1 – 2 วนั จึงปลอ่ ยลกู ปลา ลูกปลาจะไดม้ อี าหารกินหลงั จากทีไ่ ด้เตรียม
อาหารธรรมชาติในบ่อ (ข้อ 3) เรียบรอ้ ยแล้ว

5. ก่อนปล่อยลูกปลาลงบ่อเลี้ยงจะต้องปรบั สภาพอณุ หภมู ิของน้า ในภาชนะลา้ เลียงและบอ่ ให้
ใกลเ้ คียงกนั ส้าหรับชว่ งเวลาที่เหมาะสมในการปล่อยลูกปลาควรเป็นตอนเย็นหรอื ตอนเช้า

การเล้ียงปลาช่อนดว้ ยอาหารสด
@ ขน้ั ตอนเลย้ี งปลา
ปลาชอ่ นเป็นปลากนิ เนื้อ อาหารที่ใชเ้ ลี้ยงปลาช่อนเป็นอาหารท่มี ีโปรตีนสูง โดยทั่วไปเกษตรกร

นยิ มเลยี้ งด้วยปลาเป็ด
อัตราการปล่อยปลา ลกู ปลาขนาด 8 – 10 เซนติเมตร น้าหนัก 30 – 35 ตัว / กิโลกรมั ควรปลอ่ ย

ในอัตรา 40-50 ตัว/ตารางเมตร และเพ่อื ปอ้ งกนั โรคซ่งึ อาจจะติดมากบั ลกู ปลา ให้ใช้น้ายาฟอร์มาลินใสใ่ น
บอ่ เลย้ี งอตั ราความเขม้ ข้นประมาณ 30 สว่ นในลา้ น (3 ลติ ร / น้า 100 ตนั ) ในวนั แรกท่จี ะปล่อยลกู ปลาไม่
จา้ เปน็ ต้องใหอ้ าหาร ควรเริม่ ใหอ้ าหารในวันรุ่งขึน้

การให้อาหาร เมือ่ ปล่อยลกู ปลาช่อนลงในบอ่ ดนิ แลว้ อาหารท่ใี ห้ในชว่ งลกู ปลาช่อนมขี นาดเลก็ คือ
ปลาเปด็ ผสมร้าในอัตราสว่ น 4:1 หรืออัตราส่วนปลาเป็ด 40 เปอร์เซน็ ต์ รา้ 30 เปอร์เซ็นต์ หัวอาหาร 30
เปอรเ์ ซน็ ต์ ปริมาณอาหารท่ีใหไ้ มค่ วรเกิน 4 – 5 เปอรเ์ ซ็นตข์ องน้าหนักตัวปลา วางอาหารไวบ้ นตะแกรง
หรือภาชนะแบนลอยไว้ใต้ผิวนา้ 2 – 3 เซนตเิ มตร ควรวางไวห้ ลายๆจุด

การถ่ายเทนา้ ชว่ งแรกความลกึ ของนา้ ในบ่อควรอยทู่ ร่ี ะดบั 30 – 40 เซนติเมตร แลว้ ค่อยๆ เพ่มิ
ระดับนา้ สัปดาห์ละ 10 เซนตเิ มตร จนไดร้ ะดับ 50 เซนตเิ มตร จงึ ถ่ายน้าวนั ละครั้ง หลงั จากอนบุ าลลกู ปลา
ในบอ่ ดินประมาณ 2 เดอื น ปลาจะเติบโตไมเ่ ท่ากนั ใชอ้ วนลากลกู ปลาเพอื่ คดั ขนาด มิฉะน้นั ปลาขนาด
ใหญจ่ ะกนิ ปลาขนาดเล็ก

ผลผลติ หลงั จากอนุบาลปลาในช่วง 2 เดือนแลว้ ตอ้ งใชเ้ วลาเล้ยี งอีกประมาณ 4 – 5 เดือน จะ
ให้ผลผลิต 1 – 2 ตวั /กโิ ลกรัม เชน่ เน้ือท่ี 2 ไร่ 2 งาน จะไดผ้ ลผลิตมากกวา่ 6,000 กิโลกรัม

การจบั เมือ่ ปลาโตได้ขนาดตลาดตอ้ งการจงึ จับจา้ หนา่ ย ก่อนจับปลาควรงดอาหาร 1 – 2 วัน
การป้องกันโรค โรคของปลาช่อนท่เี ลยี้ งมักจะเกิดจากปญั หา คณุ ภาพของนา้ ในบอ่ เล้ียงไม่ดี ซง่ึ
สาเหตเุ กิดจากการใหอ้ าหารมากเกนิ ไปจนอาหารเหลอื เนา่ เสีย เราสามารถป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิดโรคได้ โดยการ
หมนั่ สงั เกตว่าเม่อื ปลาหยดุ กินอาหารจะต้องหยุดให้อาหารทนั ที
@ ผลผลติ
ช่วงเวลาในการเลี้ยงปลาช่อนประมาณ 8 – 9 เดอื น ส้าหรับปลาลกู ครอก สว่ นปลาชอ่ น ท่ีเร่ิมเลี้ยง
จากขนาดปลารุ่น 20 ตัว / กโิ ลกรมั ถึงขนาดตลาดตอ้ งการ ใช้เวลาเลี้ยงอีกประมาณ 5 เดอื น นา้ หนักจะอยู่
ระหวา่ ง 0.6 – 1.0 กิโลกรัม โดยทั่วไปน้าหนกั ปลาทีต่ ลาดต้องการขนาด 0.5 – 0.7 กโิ ลกรมั ส้าหรับอัตรา
แลกเนื้อประมาณ 5 – 6 : 1 กิโลกรมั ผลผลติ 12 ตัน / ไร่ สา้ หรบั ปลาผอมและเตบิ โตช้า เกษตรกรผู้เลี้ยง
ปลาช่อน เรียกว่า “ปลาดาบ” นอกจากนี้นา้ ทร่ี ะบายออกจากบ่อปลาช่อน ควรนา้ ไปใชป้ ระโยชนเ์ พื่อเลย้ี ง
ปลากนิ พชื เช่น ปลาบกึ ปลานิล ฯลฯ

การเลย้ี งปลาช่อนด้วยอาหารเม็ดสาเร็จรปู
@ ขั้นตอนเลยี้ งปลา
ปลาช่อนแมจ้ ะเปน็ ปลากินเนือ้ แต่สามารถฝกึ ใหก้ นิ อาหารเม็ดส้าเร็จรปู ได้และปลาชอ่ นทไ่ี ด้ จาก

การเพาะในปัจจบุ ันลูกปลายอมรับอาหารชนิดเมด็ ตัง้ แตเ่ ล็ก
อัตราการปลอ่ ย ลกู ปลาน้าหนกั 27 – 28 ตวั /กโิ ลกรมั ควรปลอ่ ยในอัตรา 700 กิโลกรัมหรือ

ประมาณ 20,000 ตัวต่อ 1 ไร่ ชว่ งเวลาที่ท้าการปล่อย เช้าหรือเยน็ เพราะแดดไม่จัดจนเกินไปและควรคัด
ลูกปลาใหม้ ขี นาดไล่เลี่ยกนั มากที่สุด

อาหารและการใหอ้ าหาร เม่อื ปลอ่ ยลกู ปลาช่อนลงในบอ่ แลว้ ควรปล่อยใหล้ กู ปลาพกั ฟื้นจากการ
ล้าเลียงประมาณ 3–4 วัน จากน้ันจงึ เร่มิ ให้อาหารซึ่งเปน็ อาหารเม็ดลอยนา้ โปรตีน 40-45 เปอรเ์ ซน็ ตโ์ ดย 2
เดือนแรก ใหอ้ าหาร 3 มือ้ เชา้ เท่ยี ง เยน็ แตล่ ะมอ้ื ใหป้ ระมาณ 9-10 กิโลกรมั เป็นอาหารเม็ดขนาดเล็ก ชว่ ง
เดอื นที่ 3 และ 4 ลดโปรตีนลงเหลอื 35-40 เปอรเ์ ซ็นต์ ลดการใหเ้ หลือ 2 มื้อ คอื เช้าและเยน็ โดยให้ปริมาณ
ม้อื ละ 20 กิโลกรัม จากนัน้ เม่อื ปลามอี ายเุ ข้าเดือนที่ 5 จะให้อาหารเพ่ิมเปน็ มื้อละ 30 กิโลกรัม ลักษณะการ
ให้อาหารจะเดินหว่านรอบๆบ่อ

การเปลีย่ นถา่ ยนา้ เปลี่ยนถ่ายน้าเดอื นละ 1-2 ครัง้ หรอื มากกว่า เพราะการถา่ ยน้าบอ่ ย ๆ เปน็
ผลดีต่อการเจริญเตบิ โตของปลา การเลย้ี งดว้ ยอาหารเม็ด น้าไม่เน่าเสียงา่ ยเหมือนทเ่ี ลีย้ งด้วยอาหารสด

ผลผลิต เมื่อเลี้ยงได้ประมาณ 5 เดอื น จะให้ผลผลิต 700 กรมั ต่อตวั เช่นเนอื้ ที่ 1 ไร่ 2 งาน จะได้
ผลผลติ มากกวา่ 4,000 กิโลกรมั

การปอ้ งกนั โรค การเลย้ี งปลาชอ่ นด้วยอาหารเม็ด ดูแลง่ายเพราะอาหารไม่จมนา้ ขณะทใี่ หอ้ าหาร
สดจมน้า ถา้ เหลือจะเนา่ เสียท้าให้น้าเน่า เป็นสาเหตุหนึ่งทจ่ี ะเกิดโรค แต่อย่างไรก็ตามการเกิดโรคของปลา
จะต้องจัดการเร่อื งอนื่ ๆ ประกอบด้วยการป้องกนั จงึ จะได้ผล ซ่งึ จะด้าเนนิ การโดยเม่อื เลี้ยงได้ 15 วนั กเ็ ร่ิม
คุมหรือป้องกันโรคดว้ ยการใช้ยาออกซเี่ ตรทตร้าไซคลินคลุกกับอาหารให้ปลากนิ 1 - 2 ครั้งต่อเดอื น ใน
ปรมิ าณยา 20 กรัมตอ่ อาหาร 1 กิโลกรัม

โรคปลาและการปอ้ งกัน

โรคพยาธแิ ละอาการของปลาชอ่ นสว่ นใหญไ่ ดแ้ ก่
1. โรคทเี่ กิดจากเชอื้ แบคทีเรยี คือ แอโรโมนาส โฮโดรฟิลา เฟลคซแิ บคเตอ ร์ คอลัมนารสิ และ

ไมโครแบคทเี รีย อาการของโรคโดยท่ัวไปทีพ่ บ ได้แก่ ผิวหนงั บริเวณเกลด็ เกิดแผลท่มี ลี ักษณะช้าเป็นจดุ
แดงๆ สีล้า ตัวซีดหรือด่างขาว เมือกมากผดิ ป กติ เกล็ ดหลุด แผลเนา่ เปื่อย วา่ ยนา้ ผิดป กติ เสียการทรงตัว
หรอื ตะแคงขา้ ง เอาตวั ซุกขอบบ่อ ครีบเปอ่ื ยแหวง่ ตาฟางหรือตาขนุ่ ขาว ตาบอด ปลาจะกนิ อาหารน้อยลง

2.โรคที่เกดิ จากพยาธิภายนอก อาทิ เหบ็ ระฆงั ปลงิ ใส ฯลฯ พยาธิเหบ็ ระฆงั จะทา้ ให้เกิดอาการ
ระคายเคือง เป็นแผลขนาดเลก็ ตามผิวตวั และเหงอื ก การรักษา ใช้ฟอรม์ าลิน 150-200 ลิตร ตอ่ นา้ 1,000
ลิตร แชป่ ระมาณ 1 ช่ัวโมง หรือ 25-50 ซีซี. ตอ่ น้า 1,000 ลิตร แช่ ประมาณ 24 ชวั่ โมง

3.โรคทเี่ กดิ จากพยาธภิ ายใน เช่น พยาธิหวั หนาม พบในลา้ ไส้ ลกั ษณะอาการตัวผอมและกนิ
อาหารลดลง การรกั ษา ใช้ยาถ่ายพยาธแิ ต่ทางท่ีดีควรใช้วิธปี ้องกัน

วิธปี อ้ งกันโรค

ในฟาร์มที่มกี ารจดั การที่ดี จะไมค่ อ่ ยประสบปัญหาปลาเปน็ โรค แตใ่ นฟารม์ ที่มีการจดั การไม่ดี ปญั หา
ปลาเปน็ โรคตาย มักจะเกดิ ขึ้นเสมอ บางครั้งปลาอาจตายในระหวา่ งการเล้ียง สงู ถงึ 60–70 เปอร์เซน็ ต์
ประกอบกบั ปลาเป็ด ทน่ี ้ามาใชเ้ ลยี้ งในปัจจุบนั คณุ ภาพมักจะไมส่ ดเทา่ ท่ีควรและหากมเี ศษอาหารเหลอื
ตกค้างในบอ่ จะทา้ ใหบ้ อ่ เกดิ การเนา่ เสยี เปน็ เหตุให้ปลาตาย ดังนน้ั จึงควรมวี ิธีป้องกนั ดังนค้ี อื
1. ควรเตรยี มบ่อและน้าตามวธิ กี ารทเ่ี หมาะสมและปลอดภยั กอ่ นปล่อยลูกปลา
2. ซ้อื พันธ์ปุ ลาจากแหลง่ ทเ่ี ช่ือถอื ได้ ปลามีสขุ ภาพแข็งแรงและปราศจากโรค
3. หมน่ั ตรวจดูอาการของปลาอย่างสม้่าเสมอ ถ้าเหน็ อาการผิดปกตติ ้องรบี หาสาเหตแุ ละแกไ้ ขโดยเร็ว
4. หลังจากปลอ่ ยปลาลงเลย้ี งแล้ว 3 – 4 วัน ควรสาดฟอร์มาลิน 2 – 3 ลติ รต่อปริมาณ/ปริมาตรน้า 100

ตันและหากปลาท่เี ล้ียง เกดิ โรคพยาธภิ ายนอก ใหแ้ ก้ไขโดย สาดฟอร์มาลนิ ในอัตรา 4 – 5 ลติ รต่อ
ปริมาณ/ปรมิ าตรน้า 100 ตนั (การใชฟ้ อร์มาลนิ ควรระวังเร่ืองปริมาณออกซเิ จนในน้า ถา้ ต่้ามากควรมี
การให้อากาศดว้ ย)
5. เปลยี่ นถ่ายนา้ จากระดับพ้นื บอ่ อย่างสม่้าเสมอ
6. อยา่ ให้อาหารมากเกินความตอ้ งการของปลา

ต้นทุนการผลิตปลาชอ่ นทเี่ ลย้ี งด้วยอาหารสด

1. ตน้ ทนุ ผันแปร
- ค่าพันธป์ุ ลาที่อตั ราการปล่อย 2,000 กิโลกรมั /ไร่ ราคากิโลกรมั ละ 45 บาท เปน็ เงนิ 90,000 บาท
- ค่าอาหารท่อี ัตราผลผลิตเฉลีย่ 7 ตัน/ ไร่ และอตั ราแลกเน้อื (5:1) อาหารกิโลกรมั ละ 6 – 7 บาท

เป็นเงนิ 210,000 – 250,000 บาท/ ไร่
- คา่ ปูนขาว อัตรา 100 กโิ ลกรัม / ไร่ เป็นเงนิ 120 บาท / ไร่
- ค่ายาและสารเคมี 1,000 บาท / ไร่
- ค่าน้ามนั เช้อื เพลงิ 1,000 – 1,200 บาท / ไร่
2. ต้นทุนคงท่ี
- ค่าขุดบอ่ 5,000 บาท / ไร่
- คา่ ก่อคอนกรตี ผนงั บอ่ 40,000 บาท / ไร่

ต้นทุนการผลิตปลาชอ่ นทเี่ ลีย้ งดว้ ยอาหารเม็ดสาเรจ็ รูป

1. ต้นทนุ ผันแปร
- ค่าพันธป์ุ ลา อตั ราปลอ่ ย 6.5 ตัว/ตารางเมตร จ้านวนปลา 10,400 ตัว/ไร่ เป็นเงนิ 18,900 บาท
- คา่ อาหารท่ีอัตราผลผลติ 3 ตนั / ไร่ และอตั ราแลกเนอ้ื (1.77:1) คา่ อาหารเปน็ เงนิ 73,050 บาท
- ค่ายาและสารเคมี 1,200 บาท

- ค่าน้ามนั เช้อื เพลิง 500 บาท
2. ต้นทนุ คงที่
- ค่าขุดบอ่ 5,000 บาท / ไร่
- ค่าก่อคอนกรีตผนงั บอ่ 40,000 บาท / ไร่

การลาเลียง

ใช้ลงั ไม้รูปสี่เหลยี มผนื ผา้ ภายในกรสุ งั กะสีกวา้ ง 58 เซนติเมตร ยาว 94 เซนติเมตร ความสงู 38
เซนติเมตร บรรจปุ ลาได้ 50 กิโลกรมั สามารถขนสง่ โดยรถยนต์บรรทกุ ไปทว่ั ประเทศ จังหวดั สพุ รรณบุรจี ัด
ว่าเปน็ แหลง่ เล้ียงและส่งจา้ หน่ายปลาชอ่ นอบั ดับหน่งึ ของประเทศ โดยสง่ ไปยังภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
และภาคเหนอื มากกว่าภาคอ่นื ๆ ส้าหรบั ภาควันออกเฉียงเหนอื ตอ้ งการปลานา้ หนกั 300 – 400 กรมั และ
700 – 800 กรมั สว่ นภาคเหนือตอ้ งการปลาน้าหนักมากกวา่ 300 – 400 กรมั และ มากกวา่ 500 กรัมข้นึ ไป

แนวโนม้ การตลาด

ปลาช่อนเปน็ ปลาทมี่ ีรสชาตดิ ีอีกทง้ั ยัง สามารถน้าไปประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ จึงมีผูน้ ิยม
บริโภคอย่างแพร่หลาย ท้าใหแ้ นวโน้มด้านการตลาดดี ปลาช่อนเป็นปลาเศรษฐกจิ ขายได้ทุกขนาด ยง่ิ
น้าหนกั ตัวละ 800 กรมั ถงึ 1 กโิ ลกรัม จะไดร้ าคาดี กิโลกรัมละ 70-80 บาท ถา้ เผาปลาชอ่ นขายจะขายได้
ตวั ละ 90-100 บาท ปลาชอ่ นเลก็ ราคากโิ ลกรัมละ 50-60 บาท แต่ถ้าแปรรปู เป็นปลาเค็ม ปลาชอ่ นแดด
เดียว ราคากโิ ลกรมั ละ 120 บาท ความตอ้ งการของตลาดมมี าก สามารถส่งผลผลิตและผลติ ภัณฑ์ไปสู่
ตลาดท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศได้

ปัญหาอุปสรรค

1. เนื่องจากปลาชอ่ นเป็นปลากินเนือ้ และกนิ จุ จา้ เปน็ ต้องมปี รมิ าณน้าเพยี งพอ เพื่อเปล่ยี นถา่ ยนา้ ในช่วง
การเลีย้ ง

2. ตน้ ทนุ อาหาร การเลยี้ งปลาส่วนใหญ่ หากใชป้ ลาทะเลเป็นหลกั ซึ่งมรี าคาสงู ข้ึน ก็จะมผี ลท้าใหต้ น้ ทนุ
การผลิตปลาช่อนสงู ขนึ้ ตามไปดว้ ย

3. การเลี้ยงปลาชอ่ นด้วยอาหารเมด็ สา้ เรจ็ รปู ลอยนา้ ยงั เลีย้ งอยใู่ นวงจา้ กัด เนื่องจากอาหารมรี าคาแพง
ต้นทุนสูงและลกู ปลาทีผ่ ลิตไดย้ ังมีจา้ นวนไมเ่ พยี งพอ

4. เนื่องจาก การเล้ียงปลาช่อนด้วยอาหารเมด็ สา้ เร็จรูปลอยน้า ยังมีผูเ้ ลย้ี งจา้ นวนน้อยมาก ท้าใหไ้ มม่ ี
ผู้ผลติ อาหารเม็ดสา้ เร็จรูปลอยน้าสา้ หรบั ปลาชอ่ นโดยเฉพาะ ตอ้ งใหอ้ าหารเมด็ ส้าหรบั ปลาดกุ หรอื
ปลาชนิดอ่ืนท่มี ใี นท้องตลาดแทน


Click to View FlipBook Version