The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูน

ศนู ย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา

ขนมเปยี กปนู

➢ ประวตั ิความเป็นมา

นางรอม๊ะ ยีแมน ประธานกลุ่มศูนย์เรียนรู้บ้านควนเหนือ หมู่ท่ี 7 ตาบลคูเต่า อาเภอหาดใหญ่
จังหวดั สงขลา เล่าว่าต้ังแต่เดิมมา ปู่ ยา่ ตา ยาย ทาขนมเปยี กปูนนน้ั ตอ้ งเอาข้าวสารมาแชน่ า้ ปูนใสประมาณ
5 – 8 ช่ัวโมง แล้วนามาโม่โดยแรงงานแรงงานจากลูกหลาน โม่แล้วกรอง โม่ถึงสามครั้ง จึงจะได้แป้งที่
สามารถนามาทาขนมเปียกปูนได้ สีดาก็ใช้กาบมะพร้าว หรือกะลามะพร้าว นามาเผาจนเป็นถ่าน แล้วนามา
ตากับน้าปูน กรองด้วยผ้าหนาๆ จะได้สีดาจากธรรมชาติหอมอร่อย ต่อมาจึงมีการทาสีเขียวด้วยใบเตย โดย
นาใบเตยมาตา กรอง แลว้ นามาโมอ่ กี ครงั้ แปง้ จะออกเปน็ สีเขยี วใบเตย หอมอร่อยจากธรรมชาติของใบเตย

ปัจจุบันเกิดการรวมกลุ่มของสตรีในหมู่บ้าน จัดกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ณ ศูนย์เรียนรู้บ้านควนเหนือ
หมู่ท่ี 7 ตาบลคูเต่า อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะเป็น การทาขนมชนิดต่างๆ การทาน้ายา
เอนกประสงคไ์ ว้ใช้เองในครัวเรือน เพ่อื ลดรายจา่ ย เพมิ่ รายไดใ้ ห้แก่ครัวเรอื น

ก่อนจะมาเป็นขนมเปียกปูน สมัยก่อนในชุมชนมีผลไม้ตามฤดูกาลท่ีหลากหลายรวมท้ังมะพร้าวซ่ึง
เป็นส่วนผสมในการทาขนมหลายชนิด และในสมัยนั้นไม่มีการซ้ือขาย นอกจากแต่ละครอบครัวจะทา
รับประทานกันเอง จึงได้มีการคิดท่ีจะปรับปรุงแต่งอาหารไว้เพ่ือการบริโภคเองในครอบครัว และสาหรับเล้ียง
ในงานบุญต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่ง งานบุญขึ้นบ้านใหม่ ซ่ึงเวลาท่ีมีงานชาวบ้านก็จะมาช่วยกันทาขนมถือ
วา่ เปน็ การสรา้ งความสัมพันธร์ ่วมกนั ใหก้ บั คนในชุมชน

ขนมเปียกปูน จัดเป็นอาหารท่ีคนในสมัยก่อนได้คิดประดิษฐ์ข้ึนโดยดัดแปลงมาจากขนมกวนหรือ
กาลาแม แต่ไม่มีการใส่กะทิท่ีมีชอื่ ว่า ขนมเปียกปนู กเ็ พราะสว่ นผสมไทยชนิดนีม้ ีนา้ ปนู ใส เป็นส่วนประกอบ
สาคัญอยู่ด้วย เป็นขนมไทยโบราณอีกชิดหน่ึงท่ียังหาทานได้ในปัจจุบันขนมจะมีลักษณะนิ่มๆมีมะพร้าวขูด
ฝอยโรยหน้าสีขนมจะเป็นสีดาซึ่งคนในสมัยโบราณใช้ภูมิปัญญาในการหาสีดาจากธรรมชาติโดยใช้กาบ

ศนู ย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา

มะพร้าวเผา แต่ในปัจจุบันมีการดัดแปลงสูตร จากขนมเปียกปูนสีดามาเป็นมีสีเขียวโดยใช้น้าใบเตยเป็น
ส่วนผสมแทนกาบมะพรา้ วเผา

➢ ประวตั สิ ว่ นตัว

นางรอม๊ะ ยีแมน อายุ 51 ปี เกดิ วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2510 ปจั จุบันอยบู่ ้านเลขท่ี 17/2 หมู่ 7
ตาบลคูเต่า อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110 โทรศัพท์ 086 - 8385039
ประวัตคิ รอบครวั

บิดาชอื่ นายคอลดิ สะมะแอ มารดาชอ่ื นางฟาตีเมาะห์ สะมะแอ มีพน่ี ้องทง้ั หมด 3 คน
เปน็ บุตรคนท่ี 2 สามีชือ่ นายอะหมัด ยีแมน มบี ตุ รท้ังหมด 3 คน
ประวตั กิ ารศึกษา
มธั ยมศกึ ษาชน้ั ปีที่ 6
ประวตั ิการถา่ ยทอด
ไดถ้ ่ายทอดความรู้ให้กับกลุ่มแม่บา้ น ณ ศูนย์เรียนรบู้ ้านควนเหนอื หมทู่ ี่ 7 ตาบลคูเต่า
อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
มาตรฐานและรางวลั ทีไ่ ดร้ บั
ชนะเลศิ ระดบั ที่ 2 จากโครงการขนมไทย สภู้ ยั เศรษฐกิจ

ศนู ย์ศิลปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา

➢ วตั ถุดบิ ที่ใช้ในการทาขนมเปียกปนู

1. แป้งขา้ วเจ้า
2. แปง้ เทา้ ยายม่อม
3. นา้ ตาลทราย
4. น้าปูนใส
5. นา้ ใบเตย และนา้ กาบมะพรา้ วเผา
6. น้ากะทิ
7. ฝอยเนอ้ื มะพร้าวออ่ น
8. เกลือปน่

➢ วธิ ีทาขนมเปยี กปูน

1.หั่นและป่ันใบเตย ไม่ต้องใส่น้ามาก เพราะเราตอ้ งการให้แบบเข้มขน้ กรองเอาแตน่ ้าเขียวๆ พักไว้

2.นาแปง้ เท้ายายม่อม แป้งขา้ วเจ้า แปง้ ถั่วเขยี ว น้าตาลทั้งหมดมาผสมรวมกัน นาน้าปนู ใสและนา้
ใบเตยท่ีกรองได้ไปนวดกับแป้งท่ผี สมกันไว้ เม่ือแป้งละลายดแี ล้วใหน้ าไปกรองด้วยผา้ ขาวบางอีกครง้ั

ศนู ย์ศิลปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา

3. นาภาชนะไปต้งั ไฟออ่ นๆ พร้อมเติมนา้ ตาล นา้ กะทิ นา้ ค้นั จากใบเตยหรือนา้ กาบมะพรา้ วเผา
พรอ้ มคนนวดใหเ้ ข้าเปน็ เนอ้ื เดียวกัน 5-10 นาที ซง่ึ จะไดเ้ นื้อของขนมเปียกปูนทีห่ นดื ข้น

4.เม่อื กวนจนเน้ือขนมเปียกปูนเหลว และหนดื จนไดท้ แ่ี ลว้ ให้เทเน้อื ขนมลงในถาดสี่เหลี่ยมทีท่ านา้ มัน
เล็กน้อย

5.ตดั เป็นชน้ิ รูปส่ีเหลยี่ มขนมเปียกปูนหรือตัดเพียงพอคารับประทาน

ศนู ย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา

➢ ข้อเสนอแนะ

1. เนือ้ ขนมเปียกปูนท่มี ีลักษณะเน้ือเนียน นมุ่ เหนยี วทด่ี ีจะข้ึนอย่กู ับการเกิดการพองตัว และการเป็น
เน้ือเดยี วกันของเม็ดแปง้

2. การกวนบนไฟอ่อนจะชว่ ยให้เมด็ แปง้ ค่อยๆพองตัว และมกี ารพองตวั อยา่ งสมา่ เสมอ หากใชไ้ ฟแรง
จะทาให้เมด็ แปง้ จับตวั เปน็ ก้อน และสุกเฉพาะด้านนอก นอกจากนั้น ยังช่วยใหก้ ารระเหยของนา้ มคี วาม
สมา่ เสมอ ไมเ่ สยี่ งแหง้ เรว็ ท่ีอาจทาให้แปง้ ไหม้

3. การกวนอยา่ งสม่าเสมอจะชว่ ยใหเ้ มด็ แปง้ ผสมเป็นเนือ้ เดียวกันกบั สว่ นผสมอ่นื
4. การกวนท่ีดีจะทาให้แป้งค่อยๆเปล่ยี นจากเนื้อแป้งสีขนุ่ เปน็ ใส และเน้อื แป้งค่อยๆข้นขึ้น เนอ้ื แป้ง
เปน็ มนั เงา
5. เนอ้ื ขนมเปียกปูนท่ีไม่เหลว และหนืดพอดี สังเกตไดจ้ ากเวลายกไม้พายขนึ้ เน้ือขนมจะไม่หยด
6. การกวนขนมไปทางเดียวกันจะไดเ้ นื้อขนมเหนียวหนดื ได้เรว็ กวา่ การคนกลบั ไปมา แต่จะใช้
เวลานานกวา่ การคนไปทางเดียวกนั
7. เน้ือมะพรา้ วอ่อนอาจคลุกเกลือหรือไม่คลกุ ก็ได้ แตห่ ากคลกุ เกลือ ต้องคลุกเพยี งบางๆเทา่ นนั้
เพราะหากคลุกหนามากจะทาใหเ้ กดิ รสเค็มมาก และจะไปตัดกับรสหวานของขนม ทาให้ไม่อรอ่ ย
8. ขนมเปยี กปูนสดี าท่ีได้จากน้ากรองเนื้อไมเ้ ผา จะต้องกรองดว้ ยผ้าขาวที่ละเอียด และเม่อื กรองแลว้
ใหต้ ัง้ ท้งิ ไว้สักพัก แล้วคอ่ ยรินเอาเฉพาะน้าส่วนบน เพราะจะไดน้ ้ากรองท่ีไม่มตี ะกอน


Click to View FlipBook Version