The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ COVID-19 จากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ COVID-19 จากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ COVID-19 จากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

เร่ืองนา่ รูเ้ กยี่ วกบั โรคตดิ เช้อื COVID-19 จากเช้ือไวรัส SARS-CoV-2

ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ นายแพทย์อมร ลีลารัศมี
นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ฯ

เชอ้ื ไวรสั กอ่ โรคโคโรนา มชี ่อื ทางการว่าอะไร?
 เช้ือก่อโรคไวรสั โคโรนา มีชือ่ ชว่ั คราวที่ใช้ในตอนแรกคือ 2019-nCoV

ช่ือทางการในปัจจุบนั คือ SARS-CoV-2 สว่ นช่ือของโรคตดิ เช้ือชนดิ นี้
เรยี กว่า COVID-19 ย่อมาจาก CO แทน corona, VI แทน virus, D แทน disease และ 19 แทน 2019
องค์การอนามยั โลกตง้ั ชอื่ แบบน้ีเพ่ือมใิ หเ้ กิด “รอยมลทนิ ” กบั ประเทศ พน้ื ท่ี ผู้ปว่ ย ประชาชน และสัตว์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั จดุ กาเนิดและการระบาดของโรคน้ี

เช้อื ไวรสั กอ่ โรคโคโรนาในมนษุ ย์มกี ่ีชนดิ และมีชอ่ื อะไรบ้าง?
 เดมิ มีเชื้อไวรสั ชนิดน้ี ๔ ชนดิ ท่ีกอ่ โรคในทางเดินหายใจส่วนบนของคนและก่อโรคไม่รุนแรง ไดแ้ ก่ HKU1,

NL63, OC43 และ 229E ส่วนอีก ๓ ชนิดกอ่ โรคได้รุนแรง ทาใหป้ อดอักเสบและถงึ ตายได้ ได้แก่ SARS
CoV-1 (ก่อโรค SARS ในจนี และฮ่องกง ๒๕๔๖), MERS-CoV และล่าสดุ คอื SARS-CoV-2

สว่ นตวั เช้อื SARS-CoV-2 เอง กม็ ีการกลายพันธ์ุเปน็ สายพันธุ์ยอ่ ยได้อยูแ่ ล้ว เพราะเป็นไวรสั RNA ท่ี
กระบวนการเพม่ิ จานวนและรหสั พนั ธกุ รรมไม่ไดม้ ีประสิทธภิ าพเต็มรอ้ ยอยู่แล้ว ทาให้มหี ลายสายพนั ธุ์
ยอ่ ยไดใ้ นเวลาต่อมา แต่การกลายพนั ธ์ุเป็นสายพนั ธย์ุ ่อยดังกล่าวยงั ไม่พบข้อมูลวา่ ทาให้มกี ารติดเชอ้ื ง่าย
ขน้ึ อีก ทาให้โรครุนแรงมากข้นึ อกี ทาให้เช้ือดื้อยาต้านไวรสั ท่ใี ช้อยู่ หรอื ทาใหภ้ มู ติ ้านทานท่ีเกิดขึ้นจาก
การติดเชอื้ ครั้งก่อน ใชไ้ มไ่ ดผ้ ลกบั การตดิ เช้อื สายพนั ธ์ุยอ่ ยในครัง้ ทีส่ องหรือสาม ดังนน้ั เรอ่ื งการกลาย
พนั ธ์ุเป็นเรอ่ื งปกติ แตย่ ังไมม่ ีผลร้ายอย่างใดทแ่ี ตกต่างไปจากการก่อโรคของเชื้อ SAR-CoV-2 ของสาย
พันธ์ทุ เ่ี ป็นตน้ แบบ (parent strain)

เช้ือไวรัส SARS-CoV-2 มีต้นตอมาจากที่ใด?
 การศึกษารหัสพันธุกรรมและการเรยี งลาดับของรหสั แต่ละตวั จะบอกถงึ ต้นตอของเชื้อ การศึกษาดงั กล่าว

พบวา่ เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มจี านวน ๒๙,๙๐๓ นิวคลีโอไทด์และพบวา่ มีนิวคลีโอไทด์ท่เี หมือนกนั ถึง
ร้อยละ ๘๙.๑ ของเช้อื SARS-like coronaviruses ในคา้ งคาวท่ีเคยพบในประเทศจนี จงึ จัดใหเ้ ชอื้ อยู่ใน
จีนัส Betacoronavirus, ซับจนี สั Sarbecovirus ปจั จบุ ัน ทราบว่าตน้ ตอมาจากเช้ือไวรสั โคโรนาใน
ค้างคาวและเกดิ การกลายพันธุ์ ทาใหไ้ ด้เชอื้ ไวรัส SARS-CoV-2 เพยี งแต่ไมแ่ นช่ ัดว่า การกลายพนั ธ์ุและ
การแพร่กระจายเกิดในสตั ว์อื่นทเ่ี ป็นตวั กลาง(intermediate host)ก่อนมาสคู่ นหรือไม่? มีการศึกษายนี
ของเช้ือชนิดนี้ในตัวตวั ล่ิน(หรือตัวนิ่ม) พบว่า มีรหสั พันธกุ รรมเหมอื นกับ SARS-CoV-2 ถึงรอ้ ยละ ๙๙
และตัวล่นิ เป็นสัตว์มแี กนสันหลังและเปน็ สัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนมด้วย ดังนนั้ ตวั ลนิ่ อาจจะเป็น intermediate
host กอ่ นแพร่เชอื้ สู่คน หรอื ว่า เกดิ การกลายพนั ธ์ุในค้างคาวแลว้ กระจายมาสู่คนเลย (ค้างคาวเป็นสตั ว์
เลยี้ งลูกดว้ ยนม สว่ นนกเปน็ สัตวป์ กี แตท่ ัง้ คู่มีเช้ือไวรัสโคโรนาอย่ใู นตวั ได้)

1

 การศกึ ษาการตดิ เช้ือ SARS-CoV-2 ในสตั ว์เล้ยี งในบา้ น เช่น สุนัข แมว พบว่า สนุ ัขไม่ใชส่ ัตวท์ จ่ี ะติดเชื้อได้
ดี จงึ ไมน่ ่าเป็นพาหะทีส่ าคัญ ส่วนแมวเปน็ สัตว์ที่เชอ้ื SARS-CoV-2 ก่อโรคได้ดแี ละสามารถแพรเ่ ช้ือไปให้
แมวขา้ งเคียงได้ จึงต้องคอยดแู ลแมวในบ้านมิใหไ้ ปเพน่ พล่านนอกบ้าน หรือไม่ให้แมวเขา้ มาในสถานที่
ดูแลรกั ษาผู้ปว่ ยโรค COVID-19 เพื่อป้องกนั แมวมิให้เป็นพาหะนาเชอ้ื ต่อไปยงั คนได้

เช้อื ไวรสั โคโรนาสายพนั ธ์ุอ่ืน มสี ตั ว์อื่น(intermediate host)เป็นตัวกลางในการแพร่เชือ้ สู่คนหรือไม่?
 เช้ือ SARS-CoV ที่กอ่ โรค SARS ในประเทศจีนในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ มอี ีเหน็ หรอื ชะมด(palm civet)เปน็

intermediate host และเช้อื MERS-CoV ทก่ี ่อโรค MERS ในประเทศซาอุดิอารเบียในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มี
อูฐเป็น intermediate host

เชือ้ โรคชนิดนี้แพรก่ ระจายโดยวิธใี ด?
 การแพรเ่ ช้ือไวรสั SARS-CoV-2 ท่ีพบบ่อยทส่ี ดุ คือ ผ้ตู ิดเช้อื แพร่เช้อื ผ่านทางฝอยละอองขนาดใหญแ่ ละ

ขนาดเล็กเข้าไปในทางเดินหายใจของผู้รบั เชื้อ ส่วนการสัมผัสส่งิ ของที่ใชร้ ว่ มกันแลว้ แพร่เชอ้ื เข้ามาใน
ทางเดนิ หายใจยงั เกิดข้นึ ได้แต่พบน้อย ตามปกติ การก่อโรคของเช้อื ไวรัสในทางเดนิ หายใจ มีการ
แพรก่ ระจายเชื้อทางอากาศ(airborne)ได้ สตั ว์ทแี่ พร่เชื้อต้องร้องพ่นส่ิงคดั หลัง่ ออกมาทางปาก หรือผปู้ ่วย
ต้องไอ ไอมีเสมหะ การไอ จาม การตะโกนเชียร์ รอ้ งเพลงเสยี งดัง ทาใหม้ ีฝอยละอองขนาด
ใหญ(่ droplet)และฝอยละอองขนาดเล็ก(เล็กกว่า ๕ ไมครอนเรียกว่า aerosol)กระเด็นออกมา ผู้ทอ่ี ยู่
ใกล้ชดิ ไมเ่ กนิ ๒ เมตรจากผ้แู พรเ่ ชือ้ จะสูดดมเชอ้ื ในอากาศผา่ นทางฝอยละอองขนาดใหญ่(droplet) และ
ฝอยละอองขนาดเลก็ (เลก็ กว่า ๕ ไมครอนเรยี กว่า droplet nuclei หรือ aerosol)เข้าไปในทางเดนิ หายใจ
โดยเฉพาะจากการไอจามรดกันโดยตรง ถา้ อยหู่ า่ งจากผู้แพร่เชอ้ื หรือผู้ป่วยเกิน ๒ เมตรขึ้นไป จะตดิ เช้ือ
จากการสูดฝอยละอองขนาดเล็กทลี่ อ่ งลอยในอากาศไปได้ไกลกวา่ ๕ เมตร การแพร่เชือ้ ทงั้ สองวิธีมีการ
ปอ้ งกันท่ีมปี ระสิทธภิ าพแตกตา่ งกัน การแพร่เชื้อผ่านทางฝอยละอองขนาดเลก็ (aerosol) จะเกิดขนึ้ ได้
เม่อื มผี ู้ตดิ เชื้อมาแพรเ่ ชื้อในห้องหรือสถานท่ีอากาศไมถ่ ่ายเท ผ้ตู ดิ เชอ้ื และผู้รบั เชอ้ื มาอยู่รว่ มกนั ในห้อง
นานเป็นชว่ั โมง เช่น อยใู่ นสนามมวย ในผับ ในห้องคาราโอเกะ เปน็ ตน้ สว่ นการแพรเ่ ชือ้ โดยการสัมผสั
เช่น การจบั มือกันหรือมือจบั ของใช้สาธารณะท่ปี นเป้ือนเช้ือ แล้วมาแคะจมูกหรอื เชด็ ตาตนเองแลว้ ติดเชื้อ
มคี วามเปน็ ไปได้แตไ่ ม่ได้ทาให้เกิดการระบาดเปน็ กลมุ่ ก้อนใหญอ่ ย่างรวดเรว็ การแพร่เช้ือทางอุจจาระ
อาจจะเป็นไปไดเ้ พราะเชอื้ ออกมาทางอจุ จาระได้ดว้ ย แต่การแพรเ่ ชอื้ จากอุจจาระอาจจะเกดิ จากการ
สัมผัสอจุ จาระ หรอื มกี ารทาให้นา้ ลา้ งอจุ จาระกระเด็นเปน็ ฝอยละอองข้นึ มาเมอ่ื เวลากดชักโครกโดยไม่ปดิ
ฝาโถส้วม (การแพร่กระจายเชอ้ื กอ่ โรค SARS ในปี ๒๕๔๖ ในโรงแรมท่ฮี ่องกง เกิดจากการแพร่ กระจาย
ของเช้ือ SARS-CoV ในอุจจาระที่กลายเป็นฝอยละอองแพรไ่ ปในอากาศ) การแพร่ทีย่ ังไม่มีการศกึ ษาให้
เหน็ ผลชัดเจนคือ การผายลมออกมาเปน็ ละอองฝอยในขณะถา่ ยอจุ จาระหรือในเวลาอนื่ จะเป็นวธิ กี าร
แพร่เชื้อทางฝอยละอองขนาดเล็กไดห้ รือไม่?

ฝอยละอองขนาดเล็ก(aerosol)เกิดจากอะไร? และป้องกันการตดิ เช้ือจากฝอยละอองจว๋ิ ไดอ้ ยา่ งไร?
 ฝอยละอองขนาดเลก็ กวา่ ๕ ไมครอน เกิดจากการไอ จาม หายใจแรง ๆ การกดชกั โครกอุจจาระโดยไม่ปิด

ฝาโถสว้ ม การผายลม และการเกดิ ในโรงพยาบาลจากการใช้เครื่องดดู เสมหะจากทอ่ ชว่ ยหายใจหรอื
หลอดลมของผูป้ ่วย การใส่หรือถอดท่อช่วยหายใจจากผู้ป่วย ทาให้เกดิ ฝอยละอองขนาดเล็กกวา่ ๕
ไมครอนและปลิวไปได้ไกลหรือลอยละล่องในอากาศได้นานหลายชว่ั โมง(เหมอื นเมฆหรือหมอก)

2

โดยเฉพาะในสถานทห่ี รือห้องแออัดและอากาศไม่ถ่ายเท จะมีการสะสมของฝอยละอองขนาดเลก็ ท่ี
ปนเป้อื นเชอ้ื ได้มากข้ึนในแตล่ ะช่วั โมงทผ่ี ่านไป การป้องกันทีใ่ ช้การสวมหนา้ กากอนามัยจะไม่เพยี งพอ
การปอ้ งกันที่ได้ผลถงึ ร้อยละ ๙๕ คือการสวมหน้ากากแบบ N95 และปดิ ตาหรือสวมชุด PPE หอ่ ห้มุ ทง้ั ตวั
นอกจากนต้ี อ้ งป้องกันการตดิ ฝอยละอองขนาดเลก็ โดยไม่เข้าใกล้ผูค้ นซ่ึงกันและกัน(social or physical
distancing)หรอื ทาให้ตนเองอยเู่ หนอื ลมในฝูงชน หรอื ใช้พัดลมเป่าจากตนเองไปสู่ผู้ตดิ เช้ือ นอกจากน้ี
ต้องยกเลิกการทากิจกรรมกลุ่มและการรวมตวั ทางสังคม ยกเลกิ การไปท่องเท่ียวในแดนทม่ี ีการระบาดของ
โรคอย่างหนาแน่น การเปิดหน้าต่างในหอ้ งทางานในสานกั งานเป็นประจาเพ่อื ใหอ้ ากาศหมนุ เวยี น และใส่
ใจในการฆ่าเชอ้ื โรคภายในบา้ น สานกั งานโดยใช้แสงแดด เครอ่ื งฟอกอากาศที่ทาลายและกรองฝนุ่ จิ๋ว
หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ซิลเวอร์นาโนพน่ ฆา่ เช้ือในอากาศทุกวันก่อนเร่ิมทางานและหลงั เลิกงาน

น้ายาท้าลายเช้อื อะไรบ้างท่ีท้าลายเช้อื ไวรัสโคโรนา ไดด้ ?ี
 สารละลายแอลกอฮอล(๗๕–๙๕%), แอลกอฮอล์ทว่ั ไปชนิด 2-propanol(๗๐-๑๐๐%), นา้ ยากลูตาราลดี

ไฮด์(๐.๕–๒.๕%), ฟอร์มาลดีไฮด์(๐.๗–๑%), povidone iodine(๐.๒๓–๗.๕%) และโซเดียม ไฮโปคลอ
ไรด์(๐.๒๑% ขึ้นไป) ทาลายเชือ้ โคโรนาได้เรว็ ใน ๓๐ วนิ าที ส่วนสารไฮโดรเจน เปอร์อ๊อกไซด์(๐.๕%) ใช้
เวลาอยา่ งน้อย ๑ นาทใี นการฆ่าเช้อื สาร benzalkonium chloride ไดผ้ ลไม่แนน่ อนรวมท้งั
chlorhexidine digluconate (๐.๐๒%)

เช้ือไวรัสโคโรนามีความคงทนอยูบ่ นผิวส่ิงของต่าง ๆ ได้นานเท่าใด?
 เชื้อมีชีวิตบนผวิ โลหะ อลมู เี นียม ไม้ กระดาษ แกว้ หรอื ผิวของสงิ่ ของเครอื่ งใช้ตา่ ง ๆ ที่อุณหภมู ิ ๒๐ องศา

เซลเซยี สไดน้ าน ๔-๕ วัน และบนผิวพลาสตกิ อาจจะมีชวี ิตนานถึง ๙ วัน ถา้ อุณหภมู ลิ ดเหลือ ๔ องศา
เซลเซียสจะมีชวี ิตไดน้ าน ๒๘ วัน ถ้าอณุ หภูมสิ ูงถึง ๓๐ องศาเซลเซยี สจะอยู่ได้นานไม่เกิน ๑ วัน

ผ้ทู มี่ าจากดงระบาดของโรค COVID-19 และไม่มีอาการใด ๆ สามารถแพรเ่ ชือ้ ไดไ้ หม?
 การตรวจผู้ทีอ่ พยพจานวน ๑๒๖ รายจากเมอื งอู่ฮน่ั มายงั ประเทศเยอรมนีโดยเครอื่ งบนิ พบว่า มี ๒ รายที่

ไม่มีอาการใด ๆ (ท้ังทไี่ ม่มีอาการจรงิ ๆ หรอื ไม่รู้ตวั ว่ามอี าการเพราะมีอาการนอ้ ยมาก)และให้ผลบวกกบั
การตรวจหารหสั พนั ธุกรรมของเช้อื SARS-CoV-2 และการเพาะเช้ือในเซลล์ Caco-2 cells ของคน ดังนั้น
๒ รายนที้ ีไ่ ม่มีอาการใด ๆ ยังมเี ชอ้ื ไวรสั เป็น ๆ ในคอหอยที่แพรเ่ ช้ือไดถ้ ้ามีการไอ จาม เกิดขึ้น
ปัจจุบัน ทราบดแี ลว้ ว่า ผูท้ ่แี พรเ่ ชื้ออาจจะไมแ่ สดงอาการหรอื มอี าการน้อยมากหรอื แทบไม่มีอาการ เปน็ ผู้
ทเี่ พ่ิงตดิ เช้อื มานาน และเป็นคนในวยั ทเ่ี ดินทางเกง่ หรือเดินทางบ่อย

ใครคือผ้ทู ีเ่ สย่ี งต่อการติดเชื้อ SARS-CoV-2?
 บคุ ลากรทางการแพทย์และผู้ท่ีสมั ผัสหรืออย่ใู กล้ชิดกบั ผู้ปว่ ยโดยเฉพาะผู้ท่อี ยู่ในระยะท่ียังไม่ทราบวา่ ปว่ ย

เปน็ โรคนี้ การเขา้ ไปในทชี่ มุ ชนแออัดที่อาจจะมีผูป้ ว่ ยปะปนอยู่ดว้ ย ผูท้ ่ีเดินทางมาจากดินแดนท่มี ีการ
ระบาดของโรค COVID-19 อยา่ งมากเชน่ ทป่ี ระเทศจนี ตอนใต้ สิงคโปร์ หรือญ่ีปุ่น อติ าลี อหิ ร่าน ฝรั่งเศส
สเปน เป็นตน้ ผ้ทู ไ่ี มส่ วมหนา้ กากอนามัยเม่ือไปดูแลผู้ป่วยท่มี ีอาการไอ ไข้ ในบา้ นตนเองหรอื สานักงาน
การเขา้ รว่ มทาพิธีกรรมทางศาสนาทท่ี าใหผ้ ู้คนต้องเข้ามาอยูใ่ กล้ชิดกัน ในหอ้ งประชมุ เดียวกัน เป็นต้น

หากเกดิ การติดเชื้อ SARS-CoV-2 ใครคอื ผทู้ ีเ่ สี่ยงต่อการเกิดโรคทร่ี ุนแรงจนถึงตายได้?

3

 ผู้ท่ีมีอายเุ กิน ๖๐ ปขี ึ้นไป ผู้ที่มโี รคประจาตวั เกย่ี วกับปอด หัวใจ เบาหวาน โรคไตพกิ ารเร้ือรัง ผ้ทู ีก่ ิน
ยากดภูมคิ มุ้ กัน ผูท้ ่สี ูบบหุ รี่ ผตู้ ดิ สรุ าเรื้อรัง ผูท้ อ่ี ว้ นมากหรือมีคา่ BMI มากกว่า ๓๐ หญงิ ต้งั ครรภ์ ผู้ท่ี
ปลูกเปลยี่ นถา่ ยอวัยวะ ผ้ทู ่ีทางานหนักอดหลับอดนอน คนอ้วน เสี่ยงตอ่ การเกดิ โรคท่รี ุนแรงจนถงึ ตายได้
สว่ นเดก็ เล็ก วยั รุ่น ผู้ทีแ่ ขง็ แรงดมี ักจะปว่ ยเพียงเล็กนอ้ ย เช่น หลอดลมอักเสบ แล้วอาการกท็ ุเลาหาย

ระยะฟักตัวของโรค COVID-19 คอื กี่วัน?
 ข้อมลู จากผ้ปู ่วย ๑,๐๙๙ รายในโรงพยาบาล ๕๒๒ แห่งพบวา่ ระยะฟักตัวของโรคโดยทว่ั ไปคือภายใน ๑๔

วนั แตม่ ชี ่วงเวลาระหว่าง ๐ ถึง ๒๔ วนั พบวา่ ร้อยละ ๕๐ ของผู้ป่วยทั่วไปมีระยะฟักตัว ๓ วนั ร้อยละ
๕๐ ของผปู้ ่วยหนักจะมรี ะยะฟกั ตัวเท่ากับ ๒ วนั เทา่ น้ัน มีเพียง ๑๔ รายจาก ๑,๐๙๙ รายหรอื ร้อยละ
๑.๒๗ เทา่ นัน้ ท่มี ีระยะฟกั ตัวระหว่าง ๑๕-๒๔ วนั และมรี ายเดียวทม่ี ีระยะฟักตัว ๒๔ วัน ดงั นนั้ ผ้ปู ว่ ยร้อย
ละ ๙๘ ขึน้ ไป จะมีอาการภายใน ๑๔ วนั และส่วนมากมีอาการระหว่าง ๓ ถึง ๗ วนั

การจ้ากัดสถานท่ใี ห้ผตู้ อ้ งสงสยั ว่าติดเช้ือกักกนั ตนเอง ใช้เวลากี่วนั ?
 โดยทั่วไป ใชเ้ วลา ๑๔ วนั ในการจากัดสถานท่ีให้ผตู้ ้องสงสยั ในระยะ ๑ ถึง ๑๔ วันแรกของระยะฟักตัว

ให้อยู่ในโรงพยาบาลหรอื สถานท่ที อ่ี ยู่ในความดูแลของกระทรวงหรอื แพทย์ที่ได้รบั มอบหมาย หากผูน้ นั้ ไม่
มีอาการใด ๆ(ไอหรือไข้) และผลการตรวจด้วยวิธี qRT-PCR จากส่ิงคดั หลง่ั ในระบบหายใจใหผ้ ลลบ ก็
สามารถกลับไปอยู่ท่ีบ้านได้ เพื่อเพ่มิ ความปลอดภยั ให้แก่ชุมชน เมือ่ ผู้สมั ผสั เชอ้ื กลบั ไปอยู่ทบ่ี ้านหลัง
๑๔ วนั แล้ว ผู้นนั้ ควรอย่ใู นบ้าน เข้าไปในทชี่ ุมนมุ ชนให้นอ้ ยท่ีสุดและเท่าทีจ่ าเป็น ให้สวมหน้ากากอนามยั
ถา้ ต้องเขา้ ไปในทชี่ ุมนุมชนหรอื ขึน้ รถโดยสารหรอื เขา้ ไปในหา้ งสรรพสนิ ค้า หลงั จากนน้ั อกี ๑๔ วันแลว้ ยงั
ไมม่ ีไข้หรือไอ ให้ถือว่าผนู้ ัน้ ไม่แพร่เช้อื และไมต่ ิดเช้ือไวรัส SARS-CoV-2 หรือตรวจพบว่า ตนเองมี
ภูมิคุ้มกนั แลว้

เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เข้าไปในเซลลม์ นุษย์และกอ่ โรคไดอ้ ยา่ งไร?
 เชื้อไวรสั ต้องเข้าไปแบ่งตัวและเจรญิ เตบิ โตในเซลลม์ นุษย์ เช่น เซลลข์ องเยอื่ บุหลอดลม จึงจะก่อโรคได้

เชอ้ื ใช้ผิวเซลล์ของไวรสั จบั กับ angiotensin converting enzyme II ที่ผวิ เซลลม์ นุษยเ์ พื่อเข้าไป
เจริญเตบิ โตและเพม่ิ จานวนเชอ้ื ในเซลล์มนษุ ย์ แลว้ เซลลม์ นษุ ยท์ ีต่ ิดเชอื้ จะปลอ่ ยเช้ือไวรัสออกมานอก
เซลลเ์ พอื่ ไปก่อโรคในเซลลข์ ้างเคียงต่อไป การท่ีเชอ้ื เพิม่ จานวนมากขึน้ และเข้าไปในเซลลข์ า้ งเคียงอกี
หลายรอบ จะทาลายเซลลม์ นุษย์ในหลอดลมและปอด ทาให้ปอดอักเสบและการหายใจล้มเหลวในทีส่ ดุ
หากระบบภูมิคมุ้ กนั ของมนษุ ย์ไม่สามารถทาลายหรือควบคุมเช้อื ให้ทันกาล

ท้าไมพยาธิสภาพในเนื้อปอดของผ้ตู ายจากโรค COVID-19 จงึ มผี งั พืดมาก?
 โรค COVID-19 ก่อโรคได้รนุ แรงในผูส้ งู วัย(อายุเกนิ ๖๐ ปีขึ้นไป)เพราะระบบภมู ิคุ้มกันท่ีตดิ ตวั มาแต่

กาเนดิ ตามธรรมชาติเส่ือมไปตามวัย ทาให้ไมส่ ามารถยับยงั้ การเพ่ิมจานวนของเช้อื ไวรสั SARS-CoV-2
ในเซลลท์ ีห่ ลอดลมและถงุ ลมในเนือ้ ปอดได้ทันกาล ทาให้เซลล์ในถุงลมทีต่ ิดเชื้อจานวนมากตายและ
ทดแทนดว้ ยผงั พดื ในเวลา ๒-๓ สปั ดาห์หลังการเจ็บป่วย ทาให้การหายใจล้มเหลวและผูป้ ่วยถงึ แก่กรรม
ในที่สดุ

อตั ราการตายต่อรายป่วยของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนาสงู มากไหม?

4

การตดิ เช้ือไวรสั โคโรนากลมุ่ น้ี มีอัตราการตาย (case fatality rate) แตกตา่ งกันดังนี้
 ผปู้ ว่ ยโรคตดิ เชือ้ SARS-CoV มอี ัตราตายร้อยละ ๙.๕
 ผปู้ ว่ ยโรคตดิ เชื้อ MERS-CoV มีอตั ราตายร้อยละ ๓๔.๔
 ผู้ปว่ ยโรคตดิ เช้ือไวรสั SARS-CoV-2 มีอัตราตายเฉลีย่ ร้อยละ ๒.๖๗ (ขอ้ มูลจาก SCMP ณ วนั ท่ี
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ทน่ี า่ สนใจคือ อัตราตายในประเทศจนี คดิ เป็นร้อยละ ๒.๗๐ (ตาย ๒,๐๐๔
รายจาก ๗๔,๑๘๕ ราย) อตั ราตายนอกประเทศจนี คดิ เป็นร้อยละ ๐.๔๙ เท่านั้น(ตาย ๕ รายจาก
๑,๐๑๒ รายและคนทต่ี ายยงั มีบางคนเปน็ คนจีนท่ีออกมาจากพ้ืนที่ทเี่ ปน็ ดงระบาด) อัตราตายนอก
ประเทศจนี จึงน้อยกวา่ ถึง ๕.๔ เท่า ผทู้ ่ตี ิดเชอื้ นอกดงระบาด(นอกประเทศจนี )อาจจะได้รับเชอื้
จานวนนอ้ ยกวา่ หรือไมไ่ ด้มผี ู้สงู วยั ทตี่ ิดเช้อื ก็ได้ อตั ราตายของผู้ตดิ เชื้อของคนไทย ณ วันท่ี ๒๙
มีนาคม คิดเป็น ๑,๓๘๘ ราย ตาย ๗ รายหรือร้อยละ ๐.๕๐

ผทู้ ี่ตดิ เชื้อมีอาการอะไรบ้าง?
 ผู้ทต่ี ดิ เชอ้ื รอ้ ยละ ๘๐ ไมแ่ สดงอาการหรือมีอาการน้อย บางรายมอี าการแบบโรคติดเช้อื ในทางเดนิ หายใจ

สว่ นบน เชน่ เจบ็ คอนา้ มกู ไหล แตพ่ บน้อย ประมาณร้อยละ ๑๕ จะมีอาการชดั เจน เช่น ไอและไอมี
เสมหะ มไี ข้ บางรายโดยเฉพาะผสู้ งู วยั มไี ข้และหายใจเร็ว หอบ จากปอดบวม มีนอ้ ยรายทมี่ ีอุจจาระรว่ ง
อกี ประมาณร้อยละ ๕ จะปว่ ยรุนแรง จะหายใจเร็ว หอบ จนถึงการหายใจล้มเหลวและชอ็ คได้

COVID-19 ต่างจากไขแ้ บบอ่ืนอย่างไร?
 โรค COVID-19 แตกต่างจากไขห้ วดั อื่น ๆ ตรงทว่ี ่า เป็นโรคทเ่ี กิดจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ท่ีกลายพันธมุ์ าจาก

เชอื้ โคโรนาท่ีพบในค้างคาว การกลายพันธท์ุ าใหเ้ ชื้อก่อโรค COVID-19 แพรก่ ระจายไดเ้ ก่งและก่อโรค
รนุ แรงในผู้ทม่ี ปี จั จัยเสี่ยงจนทาให้ระบบการหายใจลม้ เหลวได้ รา่ งกายมนุษยย์ งั ไม่มีภมู คิ ุ้มกนั เฉพาะเช้อื
ชนิดนม้ี ากอ่ น จงึ ต้องใช้เวลาสร้างภมู คิ ุ้มกนั ประมาณ ๗ ถึง ๑๔ วนั หลังตดิ เช้อื

เมอื่ ไหร่ หรือมีอาการอย่างไร ถึงควรไปพบแพทย์
 เมือ่ มีอาการในระบบทางเดนิ หายใจสว่ นบนท่ีรนุ แรงแบบท่ีไมเ่ คยปว่ ยมาก่อน เชน่ ไข้สูงเกิน ๓๘.๕ องศา

เซลเซยี สอยา่ งต่อเนื่อง ปวดเมอื่ ยตามตัวมาก ออ่ นเพลยี มากผดิ ปกติ หรือมีอาการในระบบทางเดนิ หายใจ
ส่วนลา่ งเพม่ิ ขึน้ ในเวลาต่อมา คอื ไอถี่ขน้ึ และเริ่มมีเสมหะ หายใจเรว็ ตนื้ หอบเหน่อื ยง่ายข้ึน หายใจแรง ๆ
จะเจ็บหนา้ อกจนถงึ น่ังอยูเ่ ฉยๆ กห็ อบเหน่ือย ท้งั ๆ ทเี่ มื่อสองสปั ดาห์ก่อน ก็ไม่ได้เปน็ แบบน้ี อย่างไรก็
ตาม หากสงสัยว่า ตนเองตดิ เช้ือ อาจจะไปรบั การตรวจเพือ่ ใหท้ ราบว่า ตดิ เช้อื แลว้ หรอื ยัง อย่างไรกต็ าม
หากการตรวจไดผ้ ลลบ ต้องขอคาอธิบายวา่ เกดิ จากการไม่ติดเชื้อ หรอื วา่ ตนเองอย่ใู นระยะฟกั ตัวของโรค
หรือไม?่

การตรวจวินจิ ฉยั เพ่ือหาผตู้ ดิ เช้ือ ทา้ ได้อยา่ งไรบ้าง?
 การตรวจหารหสั พันธุกรรมของเช้อื สามารถตรวจพบได้จากสง่ิ คัดหลั่งในทางเดนิ หายใจ เลือด อจุ จาระ

และปัสสาวะ แตไ่ มไ่ ดห้ มายความวา่ จานวนเชอ้ื ทีต่ รวจพบเป็นเชือ้ ทมี่ ชี วี ติ ทัง้ หมดหรอื ไม?่ วิธีนใ้ี ชเ้ ปน็ วธิ ี
มาตรฐานในการวินจิ ฉยั การติดเชอ้ื ในขณะนี้

5

 การเพาะเช้อื โดยใช้เซลลช์ นิดตา่ ง ๆ วธิ ีน้มี ีข้อดีคือแสดงว่า เช้อื ยงั มีชีวติ และสามารถแบ่งตัวได้ แต่จะ
ทราบผลการตรวจช้ากว่าและทาการตรวจยากกวา่ เซลลท์ ใี่ ชเ้ พาะเล้ยี งเช้ือไวรสั SARS-CoV-2 จะเป็น
เซลล์จากหลอดลม ไต หรอื ตับ มชี อื่ วา่ human airway epithelial cell, Vero E6 (จาก kidney
epithelial cells) และ Huh-7 (จากตับ) และ Caco-2 cell (จากเยอื่ บุลาไสใ้ หญ่ชนิด
adenocarcinoma cell)

 สว่ นการตรวจหาแอนตบิ อดีชนดิ IgM และ IgG จากเลอื ดต่อเชอ้ื ชนดิ น้ีด้วยวิธี ICT จะใช้ไดเ้ ม่ือผูป้ ่วยเร่ิม
แสดงอาการของโรคแลว้ มาประมาณ ๓-๕ วนั แล้ว การตรวจอาจจะใหผ้ ลลบลวงได้ในผู้ตดิ เชือ้ ที่อยู่ใน
ระยะฟักตัวของโรคหรือผู้ที่ไม่แสดงอาการใด ๆ หรอื ในระยะ ๒-๓ วนั ของการเจ็บป่วยก็ได้

 ต่อไปจะพฒั นาจนมกี ารตรวจหาแอนตเิ จน หรอื ระดบั แอนตบิ อดีชนิด IgG ๒ คร้ังจากนา้ เหลอื งเพื่อแสดง
ถงึ การตดิ เช้ือไวรัส SARS-CoV-2
ปจั จุบนั มกี ารตรวจ COVID-19 แบบ drive thru ซึ่งเปน็ การปา้ ยเกบ็ ตัวอย่าง เช่น ป้ายคอหอย ปา้ ย
นา้ มูกจากเน้ือเย่ือในโพรงจมูกดา้ นใน ซง่ึ จะได้เซลล์ท่หี ลดุ ไปพร้อมกบั เชื้อโคโรนาที่อย่ทู ้ังนอกเซลล์และใน
เซลล์ ผ้ทู อี่ ยากตรวจ สามารถขับรถผ่านไปโดยไมต่ ้องลงจากรถ ทาการตรวจหาเช้ือโดยเก็บตวั อยา่ งจาก
การปา้ ยคอหรอื ผ่านรจู มูก การท่ไี มต่ ้องลงจากรถและยังไม่มแี พทยม์ าตรวจร่างกาย จะเพิ่มความสะดวก
ในการตรวจหาเช้ือจากตัวอย่างในผทู้ ่ีสงสัยว่า ตนเองติดเชือ้ หรอื ไม่ และเปน็ การตรวจที่ตนเองไมต่ ้อง
เปิดเผยตวั ตนในสถานพยาบาลและไม่ไปแพรเ่ ชือ้ ในโรงพยาบาลดว้ ย

ยาที่ใช้รกั ษาโรค COVID-19 มแี ล้วหรอื ยัง?
 ยงั ไม่มยี ามาตรฐานที่รับรองว่าใช้ไดผ้ ลดีแลว้ ในขณะนี้ ยาทใี่ ช้และปรากฎในขา่ วอยู่ในขณะนถ้ี ือวา่ เป็นยา

ทดลองใชเ้ ท่านน้ั มีทง้ั ยาตา้ นไวรสั remdesivir, chloroquine, hydroxychloroquine,
lopinavir+ritonavir, darunavir+ritonavir, แอลฟา-interferon ชนดิ พน่ , ยาอื่น ๆ อีก เช่น losartan,
แอนตบิ อดชี นดิ monoclonal, น้าเหลอื งของผู้ปว่ ยท่หี ายจากโรคน้ี ยา azithromycin เป็นต้น
นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในประเทศจนี นา่ จะเปน็ ผทู้ ่ปี ระกาศและให้ข้อมูลท่นี ่าเช่อื ถือพร้อมกบั วารสาร
ทางการแพทยช์ น้ั นาว่า ยาขนานใดใชไ้ ดผ้ ลและปลอดภัยภายในเดอื นมีนาคมถงึ เดือนพฤษภาคม ปีนี้

เมอื่ รกั ษาหายแล้ว เป็นแล้วเป็นซ้าได้อีกไหม?
การปว่ ยเปน็ โรค COVID-19 แลว้ หาย จะกลับเปน็ ซ้าในผปู้ ่วยบางรายได้ แต่พบได้น้อยมาก สาเหตุ

อาจจะเป็นเพราะผู้ปว่ ยรายนนั้ ค่อนข้างอ่อนแอ มกี ารสร้างภมู ิต้านทานไมด่ ี หรอื ในอนาคต เช้อื อาจจะมีการ
กลายพนั ธุเ์ ปน็ สายพนั ธใุ์ หมไ่ ด้ อยา่ งไรกต็ าม ยงั ไม่มีรายงานวา่ ผทู้ ี่กลับเป็นซา้ จะป่วยรนุ แรงกวา่ เดมิ หรือตาย
มากขนึ้ หรือสามารถแพรเ่ ชื้อไปให้คนขา้ งเคยี งได้

การระบาดระดับที่ 3 ตา่ งจากระดบั อ่นื ๆ อยา่ งไร?
การระบาดระดบั ท่ี ๓ ตา่ งจากการระบาดระดับท่ี ๑ และ ๒ คอื ว่า มกี ารแพรเ่ ช้อื ในชุมชนของตนเอง

ภายในประเทศ โดยหาต้นตอท่รี บั เชอ้ื มาไม่ได้(ถ้าอยใู่ นตอนต้นของการระบาดระยะที่สาม) จนถงึ หาตน้ ตอทร่ี บั
เช้ือมาได้ แต่เป็นคนไทยท่ีอยู่ภายในประเทศด้วยกนั มาตลอด และพบว่า มกี ลุ่มผตู้ ิดเชอื้ แพรก่ ระจายอยหู่ ลาย
พืน้ ท่ี (ถ้าอย่ใู นตอนกลางหรือปลายของระยะทีส่ าม) เม่ือการระบาดอยูใ่ นระยะทส่ี าม ตอ้ งถือเสมือนว่า ทุก
คนทเี่ ราไม่รจู้ กั ดีและเข้าใกล้เรา เปน็ ผตู้ ้องสงสยั ว่า ตดิ เชอ้ื ไว้กอ่ น

6

การสวมใส่หน้ากากอนามยั ในบ้านและในทชี่ มุ ชน มีหลักการอย่างไร?
การสวมหน้ากากอนามยั ใช้หลักการว่า ทา่ นอยู่ในกลมุ่ ใดใน ๔ กลุ่มและใช้ได้ในพื้นที่ประเทศไทยท่ยี งั ไม่ได้

จดั เปน็ ดงระบาดของเช้ือไวรัส SARS-CoV-2 (เม่ือประเทศไทยอยู่ในระดบั ท่สี องของการระบาด)
๑. ท่านเปน็ ผปู้ ่วยหรอื ผ้ทู ี่มไี ข้หรอื ไอ เปน็ โรคติดเชอื้ ในปอดและหลอดลม (มอี าการไอ) หรอื ผสู้ ัมผัสผปู้ ่วยแลว้

คลา้ ยกบั ว่าจะป่วย ไอ
 สวมหนา้ กากอนามัยตลอดเวลาและจากัดตนเองให้อยูแ่ ตใ่ นบ้าน ให้ไปตรวจหาเชื้อท่ีเป็นสาเหตทุ ่ี

โรงพยาบาล
๒. ผ้สู มั ผสั ผูป้ ว่ ยหรือสงสยั วา่ ตนเองสมั ผสั ใกลช้ ดิ แต่ไม่มอี าการใด ๆ

 ให้สวมหนา้ กากอนามยั และจากดั ตนเองให้อยู่แต่ในบ้านไว้ก่อน หากออกนอกบา้ นและไปสมั ผัสผู้อนื่
ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา จนหมดระยะเวลาฟักตวั ของโรคคอื ๑๔ วนั ในขณะนี้

๓. ผ้ทู ี่มอี ายุเกิน ๖๐ ปหี รอื มโี รคประจาตัวคือ โรคปอด หลอดลมอุดกั้นเรื้อรงั หรือมีภูมิคุ้มกนั ตา่ จากการไดร้ บั
ยาเคมบี าบดั หรือยากดภมู ิคุ้มกนั
 ไม่ต้องสวมหนา้ กากอนามัยเม่ืออยใู่ นบา้ น หากออกนอกบา้ นและไปสมั ผสั ผูอ้ ื่น ควรสวมหนา้ กาก
อนามัยหรือหนา้ กากผ้าตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาเขา้ ไปอย่ใู นท่ชี ุมชน หา้ งสรรพสนิ ค้าทีม่ ีลกู ค้ามาก
ในรถโดยสารและรถไฟฟ้าท่ีมีผโู้ ดยสารแออดั

๔. ผทู้ ีม่ ีอายตุ า่ กวา่ ๖๐ ปแี ละไม่มโี รคประจาตวั แขง็ แรงดี
 ไม่ต้องสวมหนา้ กากอนามยั
การสวมใสห่ นา้ กากทกุ ชนิด ต้องใส่ให้กระชับใบหนา้ ตงั้ แต่ด้งั จมูกลงมาถึงใตค้ าง และที่สาคญั ผลกิ ดา้ นที่มี

สอี อกข้างนอกหนา้ การใสไ่ ม่กระชับหรือการออกแบบหนา้ กากอนามยั ที่ไมป่ ิดกระชับดั้งจมกู ใบหนา้ และใต้
คาง จะลดประสทิ ธิภาพในการกรองเชอ้ื หรือฝุ่นลงไปถึงร้อยละ ๕๐ ได้ หากอยู่ในพน้ื ท่ีทม่ี ผี ตู้ ิดเชื้อน้อยมาก
และการระบาดอย่ใู นระดบั ที่ ๒ สามารถใช้หน้ากากผา้ ได้ หากการระบาดอยใู่ นระดบั ที่สามหรืออยู่ในสถานท่ี
แออัด อากาศไม่ระบาย ควรเลอื กใชห้ น้ากากอนามัยหรือหน้ากากอนามยั แบบ N95

เมอื่ ประเทศไทยมกี ารระบาดในระดับทส่ี าม หมายถงึ วา่ ให้สมมติไว้ก่อนว่า ทกุ คนท่ีเราไม่คนุ้ เคยเป็นผ้ตู ิด
เช้อื ท้ังส้นิ การออกนอกบ้านจงึ ตอ้ งสวมหนา้ กากอนามยั ตลอดเวลา

ประสทิ ธิภาพของหน้ากากอนามยั ในการปอ้ งกันการติดเชือ้ ทางอากาศ เปน็ อย่างไร?
 ผู้ป่วยหรือผู้ตดิ เช้ือทใี่ สห่ นา้ กากอนามัย สามารถลดการแพร่กระจายของฝอยละอองขนาดใหญ่และขนาด

เลก็ ไดถ้ ึงรอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป จึงต้องสวมใส่ให้กระชบั ตดิ ใบหนา้ เมือ่ จะเข้าไปเข้าในห้องเรียน ห้องทางาน
ห้างสรรพสนิ ค้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม รถโดยสาร ในห้องปรบั อากาศ (ทีจ่ รงิ ควรหลีกเล่ียงการแพรเ่ ช้ือ
โดยไมเ่ ข้าไปในสถานทีเ่ หลา่ นี้) ประชาชนทั่วไปทีส่ วมหนา้ กากอนามัยจะปอ้ งกนั การติดเชอ้ื จากฝอย
ละอองขนาดใหญไ่ ด้ดี แตป่ อ้ งกนั การตดิ เชื้อจากฝอยละอองขนาดเล็กไม่เต็มที่ ผูท้ สี่ ูงวยั มโี รคปอดหรือ
โรคประจาตวั และต้องออกไปสชู่ มุ ชน จงึ ควรพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยชนิด N-95 จึงจะป้องกนั ฝอย
ละอองท่ตี ดิ เชื้อได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ส่วนแพทย์ พยาบาลหรือบคุ ลากรทางการแพทย์ต้องสวมหนา้ กาก
แบบ N95 เมื่อเวลาดแู ลผู้ปว่ ยโรคน้ี เพราะหน้ากากแบบ N95 จะปอ้ งกนั ฝอยละอองขนาดเล็กได้ถงึ ร้อย
ละ ๙๕ ขนั้ ไป

การป้องกันการติดเชอื้ วิธอี นื่ ๆ มีอกี ไหม?

7

 แนะนาการอยูห่ ่างจากผปู้ ว่ ยหรอื ผ้ทู ่มี ีอาการไออย่างน้อย ๒ เมตร เพ่ือป้องกนั การติดเช้ือจากการสดู ฝอย
ละอองขนาดใหญ่ การสวมหน้ากากอนามัยแบบทั่วไปจะป้องกันการติดเชอ้ื จากฝอยละอองขนาดใหญ่ไดด้ ี
จึงควรสวมเมือ่ เข้าไปอยู่ใกล้ชดิ กับผูอ้ ื่นเชน่ บนรถโดยสาร การลา้ งมอื หลงั การจับหรอื ใชข้ องสาธารณะ
รว่ มกนั แนะนาใช้แอลกอฮอลเจลหรอื ลา้ งดว้ ยสบนู่ าน ๒๐ วนิ าที การไม่ใชม้ อื ขยตี้ าหรือแคะจมูกก่อนที่
จะไปลา้ งมือ การอยู่ต้นลม การอยใู่ นที่โลง่ อากาศถา่ ยเทได้ดี การหลกี เล่ียงเขา้ ไปในทีช่ ุมนมุ สถานที่
แออัด การกนิ ของร้อน ใชช้ อ้ นกลาง ยังเป็นวธิ พี ้ืนฐานสาหรบั การปอ้ งกนั โรคติดเชื้ออน่ื ๆ ดว้ ย หากมี
วัคซนี แล้ว จะใช้การฉีดวคั ซีนเพื่อป้องกันการตดิ เชือ้ ดว้ ย

คา้ แนะนา้ ที่จะใหแ้ กค่ นขับรถแท็กซ่หี รือรถสาธารณะที่รับผู้โดยสารจากสนามบนิ หรือดา่ นเขา้ เมือง มีให้
พจิ ารณาอย่างไรบ้าง?

 เริม่ จาก ใหเ้ ตรยี มแอลกอฮอลเจลเช็ดมอื หนา้ กากอนามัยจานวนเพยี งพอใหแ้ กต่ นเองและผโู้ ดยสาร ถ้า
จัดการเรื่องการระบายอากาศภายในรถได้โดยแยกการไหลเวยี นของอากาศในสว่ นของตนและผ้โู ดยสาร
ออกจากกัน และหาเคร่ืองกรองอากาศและทาลายเชอ้ื ในอากาศตดิ ตัวไว้ในรถ ให้เชด็ ทาความสะอาด
ภายในรถ(ที่น่งั และประตูดา้ นใน)ด้วย ไฮโดรเจนเปอรอ์ ๊อกไซด์ น้ายาทาลายเช้อื povidone iodine หรอื
แอลกอฮอลในสว่ นทนี่ ่งั และตรงราวประตสู ่วนที่มือของผ้โู ดยสารจะไปจบั

 เมือ่ จะรบั ผูโ้ ดยสารข้ึนรถ ให้สอบถามกอ่ นว่า มาจากประเทศใด หากมาจากประเทศท่ีมีการระบาดอยา่ ง
ต่อเนอื่ ง เช่น จนี ญปี่ ุน่ สิงคโปร์ต้องเข้มงวดในการให้ข้อมูล ให้สอบถามวา่ มผี ู้ใดมีไข้ ไอ เจ็บคอ หากมี
ผ้โู ดยสารดังกลา่ ว แนะนาใหค้ ุยกบั ผูโ้ ดยสารเพือ่ ส่งไปรกั ษาตวั ที่โรงพยาบาล ส่วนผโู้ ดยสารทา่ นอืน่ ท่ีไม่มี
ไข้ ไอ ใหแ้ จกหน้ากากอนามัยเพอ่ื สวมใส่และตนเองกส็ วมใส่หน้ากากอนามยั อยแู่ ล้วดว้ ย ใหผ้ โู้ ดยสารเช็ด
มือด้วยแอลกอออลเจลกอ่ นข้ึนรถ หากอากาศไม่ร้อนและผ้โู ดยสารยนิ ยอม ให้เปิดหน้าต่างระบายลมใน
ส่วนหอ้ งผูโ้ ดยสาร แล้วเชิญผโู้ ดยสารข้นึ รถ เม่ือถึงจุดหมายปลายทาง กร็ ับหนา้ กากอนามัยจากผูโ้ ดยสาร
เพอ่ื นาไปทาลายต่อไป ให้ผโู้ ดยสารเช็ดมอื ด้วยแอลกอฮอลเจลอีกคร้ัง เมื่อผูโ้ ดยสารลงจากรถ ให้ทาความ
สะอาดภายในรถและประตดู ้านในทนั ทแี ละรอให้แห้งสกั ๕ นาทีก่อนจะไปรับผโู้ ดยสารรายตอ่ ไป แลว้ ล้าง
มอื ตนเองหรือเช็ดมือด้วยแอลกอฮอลเจลเปน็ ขั้นตอนสดุ ท้าย

ควรเดนิ ทางกลับภมู ิล้าเนาในชว่ งท่ีการระบาดอยใู่ นระดบั สามหรือไม่?
หากการระบาดของโรคเขา้ สู่ระดบั ท่ีสาม การเดินทางกลับภูมลิ าเนาโดยใช้รถสาธารณะเปน็ ส่งิ ท่ีไม่

ควรทาอยา่ งยิ่ง เพราะผู้โดยสารบางทา่ นอาจจะติดเชื้ออยู่แล้วโดยไม่รู้ตวั และมโี อกาสแพรเ่ ชือ้ ได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะท่ีปรับอากาศแต่ไมม่ ีการถา่ ยเทอากาศออกจากห้องผู้โดยสาร ชว่ งนใี้ หก้ กั กนั
ตวั อยู่ในบ้าน หมบู่ า้ น หรือในพน้ื ท่ที ตี่ นอยู่

Social Distancing จริง ๆ แลว้ ทา้ อยา่ งไร?
Social Distancing หมายถงึ การไม่อย่ใู กล้ชิดกบั ผู้ที่ติดเช้ือ เราจะใชว้ ิธีน้ีเมอื่ การระบาดเขา้ สรู่ ะดบั ที่

สาม เพราะต้องสมมติว่า คนอื่น ๆ อาจจะติดเชื้อ และเป็นการหลกี เลี่ยงการติดเชื้อทางอากาศ (แบบ
airborne) ในทางปฏบิ ตั ิ เราจะหมายถึงการอย่กู ับคนทเี่ ราร้จู ักกนั มานานว่า ไม่ติดเชื้อ เชน่ สมาชกิ ใน
ครอบครัวซึง่ ไม่มีผู้ใดมปี จั จยั เสี่ยงตอ่ การติดเช้อื นั่นคือ เราอย่ใู นบ้านด้วยกัน แต่เราไมจ่ ัดปาร์ตที้ ี่บ้านและไป
เชอื้ เชญิ ผูอ้ น่ื หรือเพือ่ นที่ยังไม่ได้ระมัดระวงั ตวั เข้ามาพบปะสงั สรรค์กัน เราไมเ่ ขา้ ไปในสถานที่เป็นท่ชี มุ นุมของ

8

คนท่เี ราไม่รจู้ ักกนั จานวนมากกวา่ ๑๐ คนขึ้นไป เช่น ผบั หอ้ งประชุม สนามมวย โดยเฉพาะในสถานท่หี รอื
ห้องท่ีอากาศไม่ถ่ายเท และอากาศในห้องมีความเยน็ และในสถานทีท่ ี่มีการตะโกนเชียร์ รอ้ งเพลงดัง ๆ การ
ไอ จาม ตะโกนจะทาให้ฝอยละอองทั้งใหญแ่ ละเลก็ ฟุ้งกระจายไปท่วั และลอยอยู่ในอากาศนานหลายชั่วโมง
แมแ้ ตก่ ารเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ ไปท่ีทางาน ก็ถือว่า ไม่ได้ทา social distancing เพราะเขา้
ไปอยู่ในรถเปน็ เวลานานเปน็ ชั่วโมง เป็นตน้ ปกตแิ ลว้ social distancing จะทาร่วมกับ community
quarantine คือกักกันตนเองใหอ้ ยใู่ นพ้ืนที่หรือในบ้านดว้ ยและหลกี เล่ยี งการเขา้ ใกล้ผอู้ ื่นทเี่ ราไม่คุ้นเคย

ตวั อย่างของวิธีเว้นระยะห่างจากสังคม (Social Distancing) ต้านโควิด-19
 ยืน นง่ั หา่ งกนั 2 เมตร
 งดการรวมตัวกันในสถานศึกษา ท่ีทางาน รา้ นอาหาร งานพิธสี มรส สถานท่ีประกอบพิธีกรรมทาง

ศาสนาทกุ ศาสนา หรือสถานบันเทิงตา่ งๆ รวมทั้งสถานออกกาลังกายในห้องท่ีอากาศไม่ถ่ายเท
 หลกี เล่ยี งการรับประทานอาหารรว่ มกับผู้คนท่ีไมร่ จู้ ัก ในรา้ นอาหาร โดยแยกกนิ คนเดยี ว
 ทางานจากท่บี า้ นทางออนไลน์ และตดิ ตอ่ ทางโทรศัพทเ์ ปน็ หลัก หรือปรบั เวลาการมาทางานให้

ยืดหย่นุ เพอ่ื ไม่ให้เกดิ การที่มีคนจานวนมากอยู่ใกลช้ ิดกัน
 เรียนออนไลน์แทนการเรยี นในช้นั เรยี น
 งดการจัดประชุมทมี่ ีการรวมคนเป็นจานวนมากกว่า ๑๐ คนขน้ึ ไป
 ในสถานที่ท่ีมีควิ ยาว เชน่ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ ใหม้ ีการยนื ห่างหรือมีระบบจัดควิ แบบ

อเิ ล็กทรอนกิ ส์ หรอื ในหอ้ งสุมดใหน้ าหนังสือไปอา่ นทีบ่ า้ นหรืออา่ นเปน็ e-book
 ลดความหนาแนน่ ในลิฟท์ดว้ ยการจากัดคนเข้า เน้นการเดินขนึ้ ลงบนั ใดแทน
หากตอ้ งเดนิ ทางไปทา้ งาน จะท้าอยา่ งไร?
 ขบั รถไปเอง
 หากต้องนั่งรถสาธารณะ ใหใ้ ชร้ ถแท๊กซี่ รถสามล้อ หรือรถสองแถว โดยรถทุกชนดิ

ต้องเปดิ หน้าต่างทุกบาน และทุกคนต้องสวมหนา้ กากอนามัย หากไมม่ ที างเลอื ก
แลว้ จึงจะนั่งรถไฟฟ้า
 สถานท่ที างานของตน ต้องมีการตรวจคดั กรองผู้ทม่ี ีไข้และให้สวมหนา้ กากอนามัยหาก
ต้ังอยู่ในพื้นทีท่ ่ีเสี่ยง
 เดนิ ขน้ึ บนั ไดหากขน้ึ ได้ ใชล้ ิฟต์ตอ้ งไมใ่ ช้นิ้วมือแตะปุ่ม และลา้ งมือเม่ืออกจากลิฟตเ์ ม่ือไปจับราว
หรอื ปมุ่ ต่าง ๆ
 นงั่ ทางานในห้องของตนเอง โดยแยกกับผู้อน่ื หากเป็นหอ้ งขนาดใหญ่ทมี่ คี นน่ังทางานเกิน ๑๐
คนและอยูใ่ กล้ชดิ กัน ตอ้ งเว้นระยะหา่ ง ๒ เมตร ต้องมีการระบายอากาศอย่างดหี รือ เปิด
หนา้ ต่างให้ลมเขา้ มาถ่ายเทเข้ามาในหอ้ ง
 นาของทจ่ี ะใช้ มาใชใ้ นหอ้ งและใชส้ ว่ นตวั ทง้ั แก้วนา้ ภาชนะตา่ ง ๆ
 กนิ อาหารโดยแยกหอ้ งหรือกกนิ ในห้องตนเอง จดั นาอาหารกลางวันไปเอง
 ประชมุ โดยนัง่ หา่ งกนั ๑-๒ เมตร ในหอ้ งที่เปิดใหอ้ ากาศถ่ายเทสู่ภายนอกอาคาร ทุกคนสวม
หนา้ กากอนามยั
 คุยกนั หรือสั่งงานทางโทรศพั ท์ หรือ ติดตอ่ งานผ่านทางอินเทอร์เนต็

9

 ล้างมือทุกครั้งทจ่ี บั สิง่ ของสาธารณะท่ีมีคนอืน่ รว่ มจับหรอื สัมผัสดว้ ย หรือล้างมือบ่อย ๆ ใชแ้ อล
กอฮอลเจลเช็ดมือแทนการล้างมอื กไ็ ด้

 เวลากลับบ้าน ก่อนจะเข้าบ้านตอ้ งล้างมือ เช็ดแอลกอฮอลและเปลยี่ นเสือ้ ผา้ โดยเร็ว
วัคซนี ป้องกันโรค COVID-19 จะมใี หป้ ระชาชนได้ใช้เม่อื ไร?
 ถงึ แม้จะมีเทคโนโลยีรองรบั ในการผลติ วคั ซนี อยู่แลว้ แต่การผลิตวคั ซนี ปอ้ งกันโรค COVID-19 จะต้องมี

ขัน้ ตอนเพอื่ ตรวจสอบว่า ป้องกันการตดิ เช้ือได้จรงิ และใช้ได้อยา่ งปลอดภยั ในมนษุ ย์ คาดวา่ จะผลติ และ
การทดสอบจนผ่านการรบั รองให้ใช้ได้ทว่ั ไปอย่างเรว็ ทีส่ ดุ ในปี พ.ศ ๒๕๖๔
มาตรการอน่ื ๆ ในการปอ้ งกันการติดเช้ือ ทยี่ ังอย่ใู นขน้ั ทดลองหรือมีค่าใชจ้ ่ายสูง ยงั มไี หม?
 นอกจากหนา้ กากอนามัยแลว้ วิธกี ารอื่นที่อาจจะนามาใช้ ไดแ้ ก่ การทา้ ลายเชอ้ื ไวรัสในช่องปากก่อนจะ
ข้นึ รถโดยสารรถร่วมกนั โดยเตรียมน้ายาอมกลว้ั คอและช่องปากท่ีมี povidone iodine (PVP-I) รอ้ ยละ
๗ ไวใ้ นรถด้วย (ในเมืองไทย มีสนิ คา้ ขายเปน็ น้ายาเบตาดนี การเ์ กิล บ้วนปาก ปริมาณ ๓๐ มล. มี PVP-I
๗๐ มก.ต่อ มล. หรือใชแ้ บบ "เบตาดีน(R) โทรตสเปรย์ คอื พ่นใส่ช่องปากให้เลยซงึ่ เป็นวิธที ่ีสะดวกมากใน
การนามาใช้ มคี าแนะนาว่า หากจะใชป้ ้องกันการตดิ เชื้อไวรสั แนะนาให้พ่นช่องปากทุกวัน ๆ ละครง้ั ก่อน
จะออกจากบา้ นไปยังทม่ี ีฝูงชนหนาแน่นและให้สวมหนา้ กากอนามยั ด้วย) การใช้เครื่องกรองและทาลาย
เชือ้ ไวรสั ในอากาศในห้องที่ทางาน ในสถานที่ท่ีเปน็ ท่ีชุมนมุ ชน ในหอ้ งประชุม เปน็ ต้น เพอ่ื ลดทั้งฝอย
ละอองขนาดเล็กท่ีมเี ชอ้ื โรคและ PM 2.5 ในอากาศดว้ ย

10


Click to View FlipBook Version