The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by papangkorn.ch, 2024-01-31 08:36:09

ขุนช้าง ขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม

For education purpose only

ขุนช้าง ขุนแผน ตอน กำ เนิดพลายงาม ขุนช้าง ขุนแผน ตอน กำ เนิดพลายงาม นายปภัภั ภังภั กร จรรยงค์ค์ ค์ค์ ม.6/13 เลขที่ที่ ที่ที่ 2 (ฉบับั บั บ บั บย่ย่ย่ อ ย่ อ)


หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-book) นี้ จัดทำ เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ วรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนตอน กำ เนิดพลายงาม เช่น ที่มาที่ไปของ วรรณคดีตอนนี้ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์(E-book) เล่มนี้จะเป็น ประโยชน์สำ น์ สำหรับคนที่สนใจในวรรณคดี เรื่อง ขุนช้างขุนแผนและได้ประโยชน์จ น์ าก หนังสือ E-book เล่มนี้ไม่มากก็น้อ น้ ย คำ นำ ผู้จัดทำ นายปภังกร จรรยงค์


สารบับั บั ญ บั ญ ประเด็นปัญหา หน้า น้ ที่มาและความสำ คัญ แนะนำ ตัวละคร เนื้อเรื่องย่อ บทเสภา 1 2 3-5 7-13 6


ประเด็ด็ ด็ น ด็ นปัปัปั ญ ปั ญหา 1.) วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำ เนิดพลายงามให้ข้อคิด อะไรแก่สังคม? 2.) วรรณคดีเรื่องขุนช้าง ขุนแผนสะท้อนค่านิยมในสังคม อย่างไรบ้าง? 3.) ลักษณะนิสัยอย่างไรบ้างที่เรา ได้เรียนรู้จากการอ่านวรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผนตอนกำ เนิด พลายงามและไม่ควรทำ ตาม? 1


ผู้แต่ง : 2 ที่ที่ ที่ มที่ มาและความสำสำสำสำคัคั คั ญ คั ญ พระสุนทรโวหาร หรือ สุนทรภู่ ความเป็นมา ขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณคดีที่มีมาอย่าง ยาวนาน แต่ในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรด เกล้าฯ ให้ชำ ระเสภาขุนช้างขุนแผน ได้ ทรงประชุมกวีเอกสมัยนั้น ช่วยกันแต่ง คนละตอนสองตอน สุนทรภู่ก็ได้รับมอบ หมายให้ร่วมแต่งด้วย ลักษณะคำ ประพันธ์ : กลอนเสภา


แนะนำนำนำนำตัตั ตั ว ตั วละคร ขุนแผน ประวัติย่อ : เป็นลูกชายของขุนไกร พลพ่ายและนางทองประศรี เป็นผู้ เก่งในเรื่องวิชาอาคมและการรบ ขุนช้าง ประวัติย่อ : เป็นลูกของขุนศรีวิชัย กับนางเทพทอง รับราชการในกรม ตำ รวจเช่นเดียวกับขุนแผน อุปนิสัย : เป็นคนขี้ฟ้อฟ้ง,ใจร้อน, ทำ อะไรไม่คิด อุปนิสัย : เป็นคนเจ้าชู้ มักมาก 3


แนะนำนำนำนำตัตั ตั ว ตั วละคร พลายงาม ประวัติย่อ : เป็นลูกของขุนแผนกับ นางพิมพิลาไลย เมื่อพลายงามเติบ ใหญ่ ได้เข้ารับราชการเป็น มหาดเล็ก อุปนิสัย :เป็นคนฉลาด ขยันที่จะ หาความรู้และฝึกฝน นางวันทอง ประวัติย่อ :เดิมชื่อนางพิมพิลาไลย เมื่อเริ่มล้มป่วป่ยในภายหลังจึง เปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง ต่อมา แต่งงานกับขุนแผนและมีลูกชื่อ พลายงาม อุปนิสัย : เป็นคนปากร้าย 4


แนะนำนำนำนำตัตั ตั ว ตั วละคร นางทองประศรี ประวัติย่อ : เป็นแม่ของพลายแก้ว หรือขุนแผน อุปนิสัย : เป็นคนเด็ดขาด มุทะลุ 5


6 เนื้นื้ นื้ อ นื้ อเรื่รื่ รื่ อ รื่ องย่ย่ย่ อ ย่ อ นางวันทองมาอยู่กับขุนช้าง ส่วนขุนแผนถูกจำ คุกอยู่ที่เมืองหลวง ขณะนั้นนางวัน ทองมีครรภ์ เมื่อครบสิบเดือนจึงได้ให้กำ เนิดบุตรชาย นางให้ชื่อลูกว่า พลายงาม ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งงาม หน้าน้ตาละม้ายคล้ายพ่อ คือขุนแผน จนอายุได้เก้าขวบ ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตน จึงลวงไปทำ ร้าย และเอาท่อนไม้ทับจะให้ตาย ขุนช้างทิ้ง พลายงามไว้ในป่าป่แต่พรายของขุนแผนช่วยไว้ได้ พรายของขุนแผนมากระซิบบอก นางวันทองให้ทราบเรื่องที่ขุนช้างจะฆ่าพลายงาม นางจึงรีบออกไปตามหาลูก พลายงามร้องไห้เล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ถูกขุนช้างทำ ร้าย นางจึงบอกความจริงแก่ลูกว่า บิดาที่แท้จริงคือขุนแผน ขณะนั้นถูกจำ คุกอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ย่าของพลายงามชื่อ นางทองประศรี อยู่ที่วัดเชิงหวายเมืองกาญจนบุรี เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ พลายงามคง อยู่บ้านกับมารดาต่อไปไม่ได้ วันทองตัดสินใจนำ ลูกไปฝากไว้ที่วัดก่อน นางวัน ทองพาพลายงามไปฝากไว้กับสมภารชื่อขรัวนาค คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่พลายงาม อยู่ห่างบ้าน ทั้งใจยังหวั่นหวาดกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น พลายงามนอนไม่ใคร่หลับต ลอดคืน วันรุ่งขึ้น นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดิน ทางไปหาย่าทองประศรี ที่เมืองกาญจนบุรี เพราะลำ พังนางวันทองคงไม่สามารถ คุ้มครองลูกจากขุนช้างได้ สองแม่ลูกอำ ลากันอย่างเศร้าสร้อย พลายงามเดินทาง ตามลำ พัง แวะพักค้างคืนที่วัดต่างๆ ระหว่างทาง จนมาถึงเมืองกาญจนบุรี ได้ขึ้นไป ปีนต้นมะยมเล่น โดยมิได้รู้ว่ามาถึงบ้านย่าแล้ว นางทองประศรีออกมาไล่ จนเมื่อไต่ถามกันจึงรู้ว่าเป็นหลาน นางทำ พิธีสมโภชรับขวัญ แล้วพาไปหาขุนแผน ที่กรุงศรีอยุธยา พลายงามเล่าเรื่องขุนช้างให้พ่อฟัง ขุนแผนโกรธมาก จะไปฆ่าขุน ช้าง แต่นางทองประศรีห้ามไว้ และเตือนสติต่างๆ นานา ขุนแผนจึงค่อยสงบลง และฝากฝังลูกไว้กับย่า ให้ตั้งใจเรียนเขียนอ่าน นางทองประศรีจึงพาพลายงามกลับ พลายงามอาศัยอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรี ได้ร่ำ เรียนหนังสือ และคาถา อาคมจนแตกฉานไม่ด้อยกว่าขุนแผน


ครานั้นวันทองผ่องโสภา อยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำ ตานอง ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว ตึงหัวเหน่าเหน็ดน็เหนื่อยเมื่อยต้นขา แสงหิ่งห้อยพรอยพรายพร่างสายตา จะเรียกหาเจ้าขุนช้างให้หมางใจ แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วป่นปั่น สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้น้ำ ตาไหล พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท จะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงก เห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น ประคองนางพลางบนเอาต้นทุน อย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิ ตั้งสติอารมณ์จณ์ะข่มให้ นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไป ขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ เรียกหาข้าคนอลหม่าน บนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ ให้ไปรับยายสายกับยายยอ แต่ล้วนหมอตำ แยเซ็งแซ่มา เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ เอาหน้าน้คว่ำ ไขว่ขวางไปข้างขวา ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา บ้างตำ ยาขยำ ส้มต้มน้ำ ร้อน นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด พอกรรมชวาตวาตะประทะถอน อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีด หน้าน้ซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชาย ทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บ ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผน พ่อ เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี ทั้งจุกผมกลมกล่อมละม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย นางวันทองน้อน้งคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย บอกบ่าวไพร่ให้สำ เหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อน้ยแก้วกลอยใจ ฯ ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 7 นางวันทองอาศัยอยู่ที่บ้านขุนช้าง และให้กำ เนิดบุตรชื่อ พลายงาม สะท้อนวิถีชีวิตเรื่อง “การ ทำ คลอดด้วยหมอตำ แย” สะท้อนวิถีชีวิตเรื่อง “การอยู่ไฟหลังจาก คลอด” เมื่อพลายงามอายุ 9 ปี ก็มีหน้าน้ตา เหมือนขุนแผนมาก


ฝ่าฝ่ยขุนช้างหมางจิตรให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี อีแม่มันวันทองก็สองจิตร ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน พอวันทองน้อน้งป่วป่ยลงด้วยเคราะห์ มาจำ เพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์ ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวัน พลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อน แกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลาง ไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรค์ ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน จับไก่เถื่อนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา โพระดกนกงั่วกระตั้วเต้น กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเขมร สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง ปะเตะซ้ำ ต้ำ ผางเข้ากลางพุง ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก ดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย ไม่เห็นแม่แลหาน้ำ ตาตก ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้น คร่อมไว้ หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำ เนียงร้อง ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อฝ่ มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง พ่อขุนช้างใจบุญเจ้าคุณเอ๋ย ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย ผงกเงยมันก็ทุบหงุบลงไป บีบจมูกจุกปากลากกระแทก เสียงแอ๊กแอ๊กอ่อนซบสลบไสล พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 8 ขุนช้างรู้ว่าพลายงามไม่ใช่ลูก จึงออกอุบายไปฆ่าพลายงามในป่าป่ ขุนช้างทำ ร้าย ร่างกาย พลายงาม พลายงามไหว้ขอ ให้คุณช้างไว้ชีวิต ผีพรายของขุนแผน เข้ามากำ บังพลายงาม


ฝ่าฝ่ยพวกพรายกายสิทธิฤทธิรุตม์ เหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องใน เหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อน้ย ขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน ผวาฟื้นตื่นตาให้อาวรณ์ สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีอก นางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง ประหลาดลางหมางจิตรคิดคะนึง รำ ลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็น ที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความ ว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสีย น้ำ ตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด พ่อพลายงามทรามสวาดิของแม่เอ๋ย เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว ฤๅล้มตายควายขวิดงูพิษขบ ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว ยิ่งเย็นย่ำ ค่ำ คลุ้มชอุ่มมัว ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำ ระกำ ใจ เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ นางวันทองมองหาละล้าละลัง ฤๅผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย จะบนหมูสุราร่ำ ว่าครบ ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาดิ ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา สกุณานอนรังสะพรั่งไพร ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 9 ผีพรายไปเข้าฝันนาง วันทองว่าพลายงาม โดนทำ ร้าย สะท้อนความเชื่อเรื่อง ลางบอกเหตุ นางวันทองออกตามหา พลายงามจึงรู้ว่าขุนช้าง พาเข้าป่าป่


เจ้าพลายน้อน้ยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา ยังช้ำ ชอกยอกเหน็บน็เจ็บกายา พูดน้ำ ตาผอยผอยด้วยน้อน้ยใจ ฯ ๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด โอ้ชาตินี้มีกรรมจะทำ ไฉน แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง พ่อของเจ้านั้นฤๅชื่อขุนแผน เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง มันทำ ถึงสาหัสก็ขัดสน ครั้นจะฟ้อฟ้งร้องเล่าเราก็จน แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี อยู่บ้านกาญจน์บุน์บุรีวัดเชิงหวาย แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย จะสบายบุญปลอดตลอดไป แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำ ตา ฯ เจ้าพลายน้อน้ยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา ยังช้ำ ชอกยอกเหน็บน็เจ็บกายา พูดน้ำ ตาผอยผอยด้วยน้อน้ยใจ ฯ ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 10 นางวันทองบอกความ จริงแก่ลูกว่าพ่อคือ ขุนแผน นางวันทองจะพาพลาย งามไปอยู่กับนางทอง ประศรี เพราะกลัวจะ เป็นอันตราย


๏ ฝ่าฝ่ยขุนช้างครางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์ เมาโมเยยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมา ส่องดูหน้าน้นั่งเคียงบนเตียงนอน ทำ ไถลไถ่ถามเป็นความหยอก ฤๅหนามยอกเจ็บป่วป่ยจะช่วยถอน พลางรับขวัญวันทองร้องละคร เจ้าทุกข์ร้อนรำ คาญประการใด ฯ ๏ นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าน้ขุนช้างรำ ทำ ท่าเข้าคว้าไขว่ นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจ ไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าฝ้เซ้าซี้ ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพ อย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี เจ้าพาไปในป่าป่พนาลี แล้วก็มิพามาว่ากะไร ฯ ๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้า ข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไป หล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่ง กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ ว่าแล้วสิอย่าให้ลงไปดิน ลูกปะหล่ำ กำ ไลใส่ออกกลบ ฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้น ง้างกำ ไลไปกินเสียแล้วกรรม แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้อง ตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำ ไม่พบทำ ถอนใจกลับไปเรือน รินสุรามาดื่มลืมสติ อุตริร้องไห้ใครจะเหมือน ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือน โอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์ แกล้งร้องร่ำ คร่ำ ครวญทำ หวนโหย ละโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดง ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่ เจ้าจำ ไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเงย จนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 11 นางวันทองแกล้งโกรธ ขุนช้างและฟังคำ แก้ตัวของขุนช้าง


๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่าง เห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หณ์มาย สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชาย จนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้ม ทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน แหวนราคาห้าชั่งทองบางตะพาน ล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อน้ย ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายาก เมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำ ตาย้อย รำ คาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ ๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง น้ำ ค้างฟุ้งฟุ้ฟ้าฟ้แดงเป็นแสงเสน ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน โจงกระเบนมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่อหุ้ม ออกอย่างตุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ แล้วรีบร่ำ ดำ เดินตรงเข้าดงตาล ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อน้ย เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 12 ถุงใส่ของ นางวันทองรีบออกจาก บ้าน ไปส่งพลายงาม


เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ ชำ เลืองแลดูหน้าน้น้ำ ตาไหล แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำ จาก ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว จะก้มหน้าน้ลาไปมิได้กลัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ ๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน อำ นวยพรพลายน้อน้ยละห้อยไห้ พ่อไปดีศรีสวัสดิกำ จัดภัย จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำ สม่ำ เสมียน แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล สะอื้นร่ำ อำ ลาด้วยอาลัย แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น แม่ก็เห็นลูกน้อน้ยละห้อยหา แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ ตัตั ตั ว ตั วอย่ย่ย่ า ย่ างบทเสภา 13 สะท้อนให้เห็น ความสำ คัญของ การเรียน นางวันทองร่ำ ลากับ พลายงาม


ข้ข้ ข้ อ ข้ อคิคิ คิ ดคิ ดจากเรื่รื่ รื่ อ รื่ อง 1.) ไม่ว่าเราจะทำ อะไรก็ตาม เรา ควรมีสติ ไม่ใช้อารมณ์ใณ์ นการแก้ ปัญหา 2.) แม่พร้อมยอมจะเสียสละทุกอย่าง เพื่อลูกด้วยคำ ว่ารัก 3.) ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของ การแก้ไขปัญหา


คุคุคุณคุ ค่ค่ ค่ า ค่ าด้ด้ ด้ า ด้ านต่ต่ ต่ า ต่ างๆ 1.) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การใช้ สัมผัสต่างๆ เช่น พยัญชนะ 2.) คุณค่าด้านสังคมเนื่องจาก วรรณคดี เรื่องนี้สะท้อน ให้เห็นถึง วิถีชีวิตและค่านิยมในสมัยก่อน 3.) คุณค่าด้านอารมณ์ส ณ์ ะท้อนให้ เห็นถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกและ ความเศร้าเมื่อต้องจากลูกไป


บรรณานุนุนุก นุกรม ห้องสมุดวชิรญาณ. (2561). เสภาขุนช้าง ขุนแผนตอนกำ เนิดพลายงาม. สืบค้น 20 ธันวาคม 2566, จาก https://vajirayana.org/ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หนังสือ วรรณคดีลำ นำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (๒). กรุงเทพมหานคร: องค์การค้าของ สำ นักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการ ศึกษา นางสาวศรีสวาสดิ์ บุนนาค. (2551). ตัว ละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน. สืบค้น 22 ธันวาคม 2566, จาก https://www.thaigoodview.com/ knowledge/11169/characters-inkhun-chang-khun-phaen


พิพิ พิ สูพิ สูสูจสู น์น์ น์ อั น์ อั อั ก อั กษร นายภทรธรรม ยศอุดมพัฒนกุล ม.6/13 เลขที่ 6


Click to View FlipBook Version