The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์
เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 63040112113, 2024-01-24 11:04:08

วิจัยในชั้นเรียน

ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์
เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Keywords: วิจัยในชั้นเรียน

44 ภาคผนวก


45 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัย


46 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ที่ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้และแบบทดสอบ วัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์มีรายนามดังต่อไปนี้ 1. นางจงกลณีโฮซิน 2. นางลีราภรณ์ ชัยคีรี 3. นางนรัญญา ไชยราช ตำแหน่งครู วิทยาฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตำแหน่งครู วิทยาฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตำแหน่งครู วิทยาฐานะ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


47 ภาคผนวก ข การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี 1.1 ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) 2. แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี 2.1 ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) 2.2 ความยากง่าย (p) และค่าอานาจจำแนก (r) 2.3 ความเชื่อมั่น (KR-20)


48 ตารางที่ 9 ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 1. สาระสำคัญ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การ เรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้และเนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และ นำเสนอผลงาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6. การวัดและประเมินผล +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง


49 ตารางที่ 9 ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี(ต่อ) ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 1. สาระสำคัญ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การ เรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้และเนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และ นำเสนอผลงาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6. การวัดและประเมินผล +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง


50 ตารางที่ 9 ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี(ต่อ) ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 1. สาระสำคัญ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การ เรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้และเนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และ นำเสนอผลงาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6. การวัดและประเมินผล +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง


51 ตารางที่ 9 ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี(ต่อ) ที่ รายการประเมิน ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ∑R IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 1. สาระสำคัญ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.1 เขียนได้ใจความสำคัญของเรื่อง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 1.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.1 ถูกต้องครอบคลุมเนื้อหา +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 2.2 สามารถวัดและประเมินได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 3. สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด/จุดประสงค์การ เรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4. กระบวนการจัดการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นไปตามการจัดการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.2 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้และเนื้อหา/สาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.3 กิจกรรมเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.4 กิจกรรมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ กิจกรรมด้วยตนเอง +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.5 กิจกรรมส่งเสริมผลการเรียนรู้ด้านความรู้ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.6 กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของผู้เรียน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 กิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงความคิด และ นำเสนอผลงาน +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 4.7 เวลาที่ใช้เพียงพอต่อกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 5. สื่อการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6. การวัดและประเมินผล +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.1 การวัดและประเมินผลมีความหลากหลาย +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.2 วิธีวัดและเครื่องมือวัด สามารถวัดได้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง 6.3 ตรงและครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1+1 ++11 3.00 1.00 สอดคล้อง


52 ตารางที่ 10 ผลการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ข้อที่ คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ รวม ค่า IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 3.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง สอดคล้อง


53 ตารางที่ 11 ผลการวิเคราะห์ค่าความยากง่าย (p) และค่าอานาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัด ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ข้อ ผู้ตอบถูก ในกลุ่มสูง (H) ผู้ตอบถูก ในกลุ่มต่ำ (L) จำนวน ผู้ตอบถูก (R) ความ ยาก (p) อำนาจ จำแนก (r) สรุปผล 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 16 15 14 13 15 16 14 18 13 12 17 18 15 19 12 12 13 9 9 11 5 6 2 5 7 8 6 10 2 4 9 10 6 6 4 4 5 1 0 1 21 21 16 18 22 24 20 28 15 16 26 28 21 25 16 16 18 10 9 12 0.58 0.58 0.44 0.50 0.61 0.67 0.56 0.78 0.42 0.44 0.72 0.78 0.58 0.69 0.44 0.44 0.50 0.28 0.25 0.33 0.31 0.25 0.33 0.22 0.22 0.22 0.22 0.22 0.31 0.22 0.22 0.22 0.25 0.36 0.22 0.22 0.22 0.22 0.25 0.28 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ นำแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมีจำนวน 20 ข้อ มา วิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตร kR-20 ของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน จากโปรแกรมสำเร็จรูปได้ค่าความ เชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.75


54 ภาคผนวก ค ผลการวิเคราะห์สมมติฐาน ผลการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ ก่อนเรียนและหลังเรียน


55 ตารางที่ 12 แสดงคะแนนจากแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เลขที่ ก่อนเรียน หลังเรียน คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 9 11 9 10 7 12 12 11 11 14 8 13 9 7 8 10 12 12 12 9 45 55 45 50 35 60 60 55 55 70 40 65 45 35 40 50 60 60 60 45 16 17 17 14 16 16 14 16 18 17 18 18 19 19 16 17 18 17 16 15 80 85 85 70 80 80 70 80 90 85 90 90 95 95 80 85 90 85 80 75


56 ตารางที่ 12 แสดงคะแนนจากแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (ต่อ) เลขที่ ก่อนเรียน หลังเรียน คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ 21 22 23 24 25 26 27 28 29 8 9 6 10 10 8 9 9 9 40 45 30 50 50 40 45 45 45 17 16 18 17 17 16 16 18 15 85 80 90 85 85 80 80 90 75 เฉลี่ย 9.79 48.97 16.69 83.45 S.D. 1.93 - 1.28 -


57 ภาคผนวก ง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมีโดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน 2. แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี


58 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี เรื่องที่ 1 การเกิดปฏิกิริยาเคมี จำนวน 2 ชั่วโมง สอนโดย : นายฉัตรชัย เป็นมงคล ภาคเรียนที่ 2/2566 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.3 3. อธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมีรวมถึง การจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมเมื่อ เกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช้แบบจําลอง และสมการข้อความ • การเกิดปฏิกิริยาเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทําให้เกิดสารใหม่ โดยสารที่เข้าทํา ปฏิกิริยาเรียกว่าสารตั้งต้นสารใหม่ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยา เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ • การเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถเขียนแทนได้ด้วยสมการ ข้อความการเกิดปฏิกิริยาเคมีอะตอมของสารตั้งต้นจะมีการ จัดเรียงตัวใหม่ ได้เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีสมบัติแตกต่างจากสาร ตั้งต้น โดยอะตอมแต่ละชนิดก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยาเคมี มีจํานวนเท่ากัน 7. ระบุประโยชน์และโทษของปฏิกิริยา เคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และยกตัวอย่างวิธีป้องกันและ แก้ปัญหาจากปฏิกิริยาเคมีที่พบใน ชีวิตประจำวันจากการสืบค้นข้อมูล 8 . อ อ ก แ บ บ ว ิ ธ ี แ ก ้ ป ั ญ ห า ใ น ชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับ ป ฏ ิ ก ิ ร ิ ย า เ คม ี โ ด ย บ ู ร ณา ก าร • ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมีทั้งประโยชน์และ โทษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จึงต้องระมัดระวังผล จากปฏิกิริยาเคมีตลอดจนรู้จักวิธีป้องกันและแก้ปัญหาที่ เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน • ความรู้เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวัน และสามารถบูรณาการกับคณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อใช้ปรับปรุง ผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามต้องการหรืออาจสร้าง


59 ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี แลวิศวกรรมศาสตร์ นวัตกรรมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมี เช่น การเปลี่ยนแปลงพลังงาน ความร้อนอันเนื่องมาจากปฏิกิริยาเคมี การเพิ่มปริมาณ ผลผลิต 1. สาระสำคัญ ปฏิกิริยาเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ทำให้เกิดสารใหม่ โดยสารที่เข้าทำปฏิกิริยา เรียกว่า สารตั้งต้น และสารที่เกิดขึ้นใหม่ เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากสารตั้งต้นเนื่องจากมี การจัดเรียงอะตอมใหม่ของสารตั้งต้นขณะเกิดปฏิกิริยา ซึ่งการเกิดปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวสามารถเขียนได้ เป็นสมการข้อความที่แสดงถึงจำนวนอะตอมแต่ละชนิดก่อนและหลังการทำปฏิกิริยาเคมีจะมีจำนวน เท่ากันและมวลรวมของสารตั้งต้นจะเท่ากับมวลรวมของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นไปตามกฏทรงมวล ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีการถ่ายโอนความร้อนควบคู่ไปกับการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอม ของสาร จึงทำให้แบ่งปฏิกิริยาเคมีออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ปฏิกิริยาที่มีการถ่ายโอนความร้อนจาก สิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบ เรียกว่า ปฏิกิริยาดูดความร้อน และปฏิกิริยาที่มีการถ่ายโอนความร้อนจากระบบ ออกสู่สิ่งแวดล้อม เรียกว่า ปฏิกิริยาคายความร้อน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ K 1. นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเคมีรวมถึงการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมเมื่อ เกิดปฏิกิริยาเคมีและสมการข้อความได้ 2. นักเรียนสามารถระบุประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และ ยกตัวอย่างวิธีป้องกันและแก้ปัญหาจากปฏิกิริยาเคมีได้ P 3. นักเรียนสามารถทดลองและออกแบบวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับ ปฏิกิริยาเคมีได้ A 4. นักเรียนทํางานร่วมกับผู้อื่น แสดงความคิดเห็น นําเสนอผลงานในชั้นเรียนอย่างสร้างสรรค์ ได้ K : Knowledge, P : Process, A : Attitude


60 3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 3.1 ขั้นกำหนดปัญหา 3.1.1 นักเรียนดูภาพสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน “ภาพที่นักเรียนเห็นเกิดอะไรขึ้น และเกิดจากอะไร” พร้อมบันทึกความคิดเห็นของนักเรียนไว้บนกระดาน 3.2 ขั้นทำความเข้าใจปัญหา 3.2.1 นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน 3.2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำใบบันทึกกิจกรรม การเกิดปฏิกิริยาเคมี เหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่คลังเก็บสารเคมีชนิดหนึ่ง ระหว่าง แอมโมเนียมไนเตรทและคอปเปอร์ซัลเฟตในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เหตุ ระเบิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับร้อยในชั่วพริบตา


61 3.2.3 นักเรียนรู้อะไรบ้าง 3.2.4 นักเรียนจะหาความรู้จากแหล่งใด


62 3.3 ขั้นดำเนินการศึกษาค้นคว้า 3.3.1 นักเรียนจะออกวิธีการทดลองอย่างไร 3.3.2 นักเรียนทำการทดลอง 3.4 ขั้นสังเคราะห์ความรู้ 3.4.1 ระหว่างทำการทดลอง ผลเป็นอย่างไร 3.4.2 จากการทำการทดลอง เป็นไปตามวิธีการทดลองที่ออกแบบไว้หรือไม่ 3.4.2.1 จุดเด่นของการทดลองเป็นอย่างไร 3.4.3 การทดลองนี้มีเหตุผลอะไรที่นำไปสู่การหาสาเหตุของปัญหา


63 3.5 ขั้นสรุปและประเมินค่าของคำตอบ 3.5.1 จากผลการทดลอง สารเคมีชนิดใดที่่น่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดใน กรุงเบรุต 3.5.2 จากเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุต อะไรคือจุดหมายของการแก้ปัญหานี้ 3.6 ขั้นการนำเสนอและประเมินผลงาน 3.6.1 จากสารเคมีที่เป็นสาเหตุของปัญหา นักเรียนจะนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหานี้ อย่างไร


64 4. สื่อ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ สื่อ อุปกรณ์ 4.1 ใบบันทึกกิจกรรม การเกิดปฏิกิริยาเคมี 4.2 ใบความรู้ การเกิดปฏิกิริยาเคมี 4.3 อุปกรณ์ทำกิจกรรมการเกิดปฏิกิริยาเคมี แหล่งเรียนรู้ 4.4 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4.5 ห้องปฏิบัติการเคมี


65 5. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รายการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การวัด เกณฑ์ การ ประเมิน K 1. นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดปฏิกิริยา เคมีรวมถึงการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอม เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี และสมการข้อความได้ 2. นักเรียนสามารถระบุประโยชน์และโทษ ของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม และยกตัวอย่างวิธีป้องกันและ แก้ปัญหาจากปฏิกิริยาเคมีได้ • ตรวจใบบันทึกกิจกรรม การ เกิดปฏิกิริยาเคมี • การถามตอบ ผ่าน เกณฑ์ไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 75 P 3. นักเรียนสามารถทดลองและออกแบบวิธี แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรู้ เกี่ยวกับปฏิกิริยาเคมีได้ • สังเกตการทำการทดลอง • ตรวจใบบันทึกกิจกรรม การ เกิดปฏิกิริยาเคมี(การทำ การทดลอง) ผ่าน เกณฑ์ไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 75 A 4. นักเรียนทํางานร่วมกับผู้อื่น แสดงความ คิดเห็น นําเสนอผลงานในชั้นเรียนอย่าง สร้างสรรค์ได้ • สังเกตพฤติกรรมการทำงาน ร่วมกัน การแสดงความ คิดเห็น • สังเกตและประเมิน ความสามารถในการ นำเสนอ ผ่าน เกณฑ์ไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 75


66 แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ ก่อนเรียน-หลังเรียน เรื่อง ปฏิกิริยาเคมีระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 6 รหัสวิชา ว 23102 เวลา 30 นาที คะแนนเต็ม 20 คะแนน คำชี้แจง 1. ข้อสอบชุดนี้เป็นข้อสอบแบบปรนัย (เลือกตอบ) จำนวน 20 ข้อ 2. ใส่เครื่องหมายกากบาท (X) ในช่องตัวเลือกที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนัย (เลือกตอบ) จำนวน 4 ข้อ 1. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี(วิเคราะห์เนื้อหา) 1) เหล็กขึ้นสนิม 2) จุดธูปไหว้พระ 3) ต้มเนื้อหมูให้สุก 4) น้ำแข็งหลอมเหลวเป็นน้ำ พิจารณาการทดลองของนาย ก นาย ข และนาย ค ดังนี้ ก) สารละลายสีน้ำเงินซึ่งได้จากการเติมกรดไฮโดรคลอริกซึ่งไม่มีสีลงในสารละลายโคบอลไนเตรทที่มีสีแดง ข) ตะกอนของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเติมสารละลายโซเดียมไดโครเมตลงในสารละลายเลด (II) ไนเตรท ค) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเทโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตลงในกรดซิตริก ใช้ข้อมูลข้างต้นตอบคำถามข้อที่ 2 2) ข้อใดคือการเกิดปฏิกิริยาเคมี(วิเคราะห์เนื้อหา) 1) ก ข ค 2) ก และ ข เท่านั้น 3) ข ค เท่านั้น 4) ก เท่านั้น 3) เมื่อหย่อนหินปูนลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอริก แล้วมีฟองแก๊สเกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จัดเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเพราะเหตุใด (วิเคราะห์หลักการ) 1) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เพราะมีฟองแก็สเกิดขึ้น 2) การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเพราะได้สีที่ต่างจากเดิม 3) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เพราะมีควันเกิดขึ้น 4) การเปลี่ยนแปลงทางเคมีเพราะมีสารใหม่ และมีฟองแก็สเกิดขึ้น


67 ผสมสารละลาย X อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส กับสารละลาย Y อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียสจะมีตะกอน ขาวเกิดขึ้น วัดอุณหภูมิหลังการเปลี่ยนแปลงได้ 26 องศาเซลเซียส ก) การเปลี่ยนแปลงทางเคมี ข) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ค) การเปลี่ยนแปลงแบบดูดพลังงาน ง) การเปลี่ยนแปลงแบบคายพลังงาน 4) จากข้อมูลข้างต้น ข้อใดมีหลักการคล้อยตามกัน (วิเคราะห์หลักการ) 1) ก และ ง เท่านั้น 2) ก และ ค เท่านั้น 3) ก เท่านั้น 4) ข เท่านั้น 5) จากการทดลองของทั้งสามคน ข้อใดคือหลักการของการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่สามารถระบุได้จากการ เปลี่ยนแปลงของสาร (วิเคราะห์หลักการ) 1) สีของสาร 2) การเกิดตะกอน 3) มีฟองแก๊สเกิดขึ้น 4) ถูกทุกข้อ โลหะ ผลการศึกษาความว่องไวของโลหะกับน้ำ A ว่องไวมาก และเกิดระเบิดได้ในปริมาณที่มากพอ B ว่องไวน้อย C ว่องไวมากแต่น้อยกว่า A 6) จากตารางข้างต้น โลหะ A B และ C คือโลหะในข้อใดตามลำดับ (วิเคราะห์หลักการ) 1) โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม 2) สังกะสี โซเดียม แคลเซียม 3) สังกะสี แมกนีเซียม คาร์บอน 4) ข้อมูลไม่เพียงพอ การศึกษาปฏิกิริยาบางชนิดจากสารเคมีดังนี้ อุณหภูมิเริ่มต้น อุณหภูมิสุดท้าย ก) โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต (KMnO4 ) กับ น้ำ 30 ºC 42.6 ºC ข) โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO3 ) กับ น้ำส้มสายชู 30 ºC 19.5 ºC 7) จากตารางข้างต้น ข้อใดสัมพันธ์กับปฏิกิริยาแบบดูดความร้อน เพราะเหตุใด (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) ก เพราะอุณหภูมิสุดท้ายเพิ่มขึ้น 2) ก เพราะอุณหภูมิสุดท้ายลดลง 3) ข เพราะอุณหภูมิสุดท้ายเพิ่มขึ้น 4) ข เพราะอุณหภูมิสุดท้ายลดลง


68 จากรูปข้างต้น ให้ตอบคำถามข้อ 8-10 8) ผู้ชายคนนี้โยนโลหะโซเดียมลงคลองน้ำแล้ว จะเกิดอะไร (วิเคราะห์เนื้อหา) 1) ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 3) น้ำระเบิด 2) การปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ 4) 2 และ 3 เท่านั้น 9) สาเหตุของการน้ำระเบิด เกิดจากอะไร (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) โลหะโซเดียมให้พลังงานอย่างรุนแรงกับน้ำ 2) การทำปฏิกิริยารุนแรงระหว่างน้ำและโลหะโซเดียม 3) การเหวี่ยงโลหะโซเดียมลงน้ำอย่างรุนแรง 4) อากาศทำปฏิกิริยากับโลหะโซเดียม 10) นักเรียนมีวิธีหรือข้อแนะนำสำหรับการใช้โลหะโซเดียมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการระเบิด (วิเคราะห์ หลักการ) 1) เก็บไว้ในขวดใสและบรรจุน้ำ และเปิดฝาขวดไว้ 2) เก็บไว้ในขวดใสและบรรจุน้ำ และปิดฝาขวดไว้ 3) เก็บไว้ขวดสีชาและบรรจุน้ำมันพาราฟิน และเปิดฝาขวดไว้ 4) เก็บไว้ขวดสีชาและบรรจุน้ำมันพาราฟิน และปิดฝาขวดไว้ โลหะโซเดียม


69 เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยเฉพาะเต้าหู้ยิปซัม มีแคลเซียมสูงมากจนไม่อาจขับออก จากร่างกายได้หากไม่ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งหนุ่มจีนคนนี้ยอมรับว่าตัวเขาไม่ชอบดื่มน้ำด้วย Calcium Sulfate (แคลเซียม ซัลเฟต) มีคุณสมบัติใช้เป็นสารที่ช่วยตกตะกอนในกระบวนการ ผลิตอาหาร เช่น อุตสาหกรรม การผลิตเต้าหู้ โดยเหมาะสำหรับทำ ทั้งเต้าหู้แข็ง และอ่อน นอกจากนี้ แคลเซียมซัลเฟตยังถูกใช้เป็นสารดูดซับความชื้นในอาหาร สามารถละลายในน้ำได้เล็กน้อย และยัง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นสารช่วยดูดซับความชื้น ดูดซับความมันบนผิว ในผลิตภัณฑ์กลุ่ม ผงมาส์กหน้าพอกหน้า พอกผิว ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จากสถานการณ์ข้างต้น ใช้ข้อมูลตอบคำถามข้อที่ 11-13 11) การกินเต้าหูแทนน้ำ และดื่มปริมาณมาก ทำให้หนุ่มจีนคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง (วิเคราะห์เนื้อหา) 1) นิ่วในไต 3) อาหารไม่ย่อย 2) ฟันผุ 4) 2 และ 3 เท่านั้น


70 12) สาเหตุของการเป็นนิ่วในไตของหนุ่มจีนคนนี้ เกิดจากอะไร (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) ดื่มน้ำเต้าหู้มากแคลเซียมซัลเฟตตกตะกอน 3) ดื่มน้ำเต้าหู้แทนการดื่มน้ำ 2) ดื่มน้ำเต้าหู้และน้ำเท่า ๆ กัน 4) 1 และ 3 เท่านั้น 13) ถ้าหนุ่มจีนคนนี้ยังชอบกินเต้าหู้ นักเรียนมีวิธีและข้อแนะนำหนุ่มจีนคนนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นนิ่วใน ไตอีกครั้ง (วิเคราะห์หลักการ) 1) ดื่มน้ำเต้าหู้มาก ๆ บางครั้งบางคราว 3) ดื่มน้ำมาก ๆ 2) ดื่มน้ำเต้าหู้น้อย ๆ และดื่มแทนน้ำ 4) 1 และ 2 เท่านั้น ชาวบ้าน และญาติผู้ป่วยผวา เสาเหล็กป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ของเทศบาลเมืองนางรองจ.บุรีรัมย์ ถูกสนิมกัดกร่อนชำรุดหักงอโคนเสาหวิดขาดออกจากกัน หวั่นถล่มทับคนสัญจรไปมาและญาติผู้ป่วยที่มา นั่งพักหลบแดดใต้ต้นไม้ อาจเป็นอันตรายได้ ขณะเทศบาลเผยทราบเรื่องแล้วเตรียมเร่งแก้ไข


71 จากสถานการณ์ข้างต้น ใช้ข้อมูลตอบคำถามข้อที่ 14-16 14) เสาเหล็กป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่นี้หากไม่มีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเสาเหล็ก จะเป็นอย่างไร บ้าง (วิเคราะห์เนื้อหา) 1) เสาเหล็กประชาสัมพันธ์อาจจะล้มหรือหัก 3) ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 2) เสาเหล็กประชาสัมพันธ์จะไม่ล้ม 4) เสาเหล็กประชาสัมพันธ์จะคืนสภาพเดิมเองได้ 15) สาเหตุของเสาเหล็กป้ายประชาสัมพันธ์ถูกสนิมกัดกร่อนเกิดจากอะไร (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) เสาเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจน 3) เสาเหล็กทำปฏิกิริยากับน้ำ 2) เสาเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและน้ำ 4) เสาเหล็กทำปฏิกิริยากับสนิม 16) นักเรียนมีวิธีและข้อแนะนำเทศบาลเมืองนางรอง จ.บุรีรัมย์อย่างไร เพื่อไม่ให้เสาเหล็กป้าย ประชาสัมพันธ์ถล่มทับผู้คนบริเวณนั้น (วิเคราะห์หลักการ) 1) การทาสีที่ผิวโลหะ 3) ทำที่กำบังแดด ลม ฝน 2) ใช้ไม้หรือเชือกค้ำจุนหรือมัดไว้ 4) ไม่ต้องทำอะไร 17) ข้อใดถูกต้อง (วิเคราะห์เนื้อหา) 1) ปฏิกิริยาเคมี : ผลิตภัณฑ์ 2) สารตั้งต้น : สารเคมี 3) ไข่ดาว : การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ 4) น้ำกรอง : การเปลี่ยนแปลงทางเคมี (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 18) จากสมการข้างต้น (s) และ (aq) หลังสารเคมี มีความหมายตรงกับข้อใดตามลำดับ 1) กรด และเบส 2) ของแข็ง และแก๊ส 3) ของแข็ง และสารละลาย 4) ของแข็ง และของเหลว 19) ข้อใดมีความสัมพันธ์กันมากที่สุด (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) ทองแดง : สนิม 2) เหล็ก : สนิม 3) ตะกั่ว : สายไฟฟ้า 4) ยาสระผม : ผงซักฟอก


72 20) จากภาพ ข้อใดจะเกิดปฏิกิริยาเคมีช้าที่สุด (วิเคราะห์ความสัมพันธ์) 1) 2) 3) 4) เฉลยแบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ 1) 4 6) 1 11) 1 16) 1 2) 1 7) 4 12) 4 17) 2 3) 4 8) 4 13) 3 18) 3 4) 2 9) 2 14) 1 19) 2 5) 4 10) 4 15) 2 20) 1


73 ประวัติผู้วิจัย ชื่อ-สกุล นายฉัตรชัย เป็นมงคล วัน เดือน ปี 9 ตุลาคม พ.ศ. 2544 สถานที่เกิด จังหวัดอุดรธานี ประวัติการศึกษา 2556 ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านหนองแสง 2559 มัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา 2566 กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและเคมี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่อยู่ปัจจุบัน 78 หมู่ 11 ตำบลหนองอ้อ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี


Click to View FlipBook Version