The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระอภัยมณีตอน สุดสาครเข้าเมืองการะเวก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-01-25 11:37:03

พระอภัยมณีตอนสุดสาครเข้าเมืองการะเวก

พระอภัยมณีตอน สุดสาครเข้าเมืองการะเวก

ศึกษาวรรณคดีมรดกเฉพาะเรื่อง
พระอภัยมณีตอน : สุดสาครเข้าเมืองการะเวก

P H I T S A N U L O K P I T T A Y A K OM S C H O O L

โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม

จัดทำโดย

นาย วสั นต์ สุ ขโชติ 6/7 เลขที่ 2

นาย จิ ตติ พนธ์ อิ งชาติ เจริ ญพร 6/7 เลขที่ 3

นาย จิ ตรพั ฒน์ จั นทร์ พั ก 6/7 เลขที่ 4

นาย เจตนิ พั ทธ์ สุ ขมาก 6/7 เลขที่ 5

นาย ณชพั ฒน์ อิ่ มอยู่ 6/7 เลขที่ 6

นาย ณั ฐดนั ย แดงโสภณ 6/7 เลขที่ 16

นาย วรงค์ เถาวั ลย์ 6/7 เลขที่ 22

นาย เตชิ ต จงมี สุ ข 6/7 เลขที่ 23

นาย ธนั นดร บุ ญโชติ 6/7 เลขที่ 25

นาย วุ ฒิ ชั ย สนองคุ ณ 6/7 เลขที่ 27

นาย สุ รยุ ทธ์ เงิ นแจ้ ง 6/7 เลขที่ 28

นาย ปุญชรัสมิ์ กล่ำดี 6/7 เลขที่ 31

นาย พัชรพล เพชรรัตน์ 6/7 เลขที่ 32

นำเสนอครู พนมพร ชมภูพาน รายวิ ชานี้ เป็ นส่ วนหนึ่ งใน
รายวิ ชาวรรณคดี มรดก(ท30211)

โรงเรี ยนพิ ษณุ โลกพิ ทยาคม

ที่มา ผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์

พระอภัยมณี จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของสุนทรภู่ ผู้แต่ง
และเป็นที่รู้จักกว้างขวางมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากเค้าโครงเรื่องของพระอภัยมณีแหวกประเพณี พระอภัยมณี เป็น วรรณคดี ชิ้นเยี่ยม
ของวรรณคดีในยุคเก่า มีจินตนาการล้ำยุคอยู่มากมาย และ เรื่องหนึ่งของไทยผลงานชิ้นเอกของพระ
มีตัวละครจากหลากหลายชนชาติ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ สุนทรโวหารหรือ สุนทรภู่ กวี เอกแห่ง
และความเปิดกว้าง ความเป็นนักคิดยุคใหม่ของผู้ประพันธ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ประพันธ์ขึ้นเป็นนิทาน
เมื่อเปรียบเทียบกับยุคสมัยเดียวกันได้เป็นอย่างดี คำกลอน ที่มีความยาวมากถึง 94 เล่มสมุด
ไทยเมื่อพิมพ์เป็นเล่มหนังสือจะมีความ
นักวิชาการจำนวนมากพากันศึกษากลอนนิทาน ยาวกว่าหนึ่งพันสองร้อยหน้าระยะเวลาใน
พระอภัยมณี เพื่อค้นคว้าหาแรงบันดาลใจ เชื่อมโยง การประพันธ์ไม่มีการระบุไว้อย่างแน่ชัด
แนวคิดของสุนทรภู่กับวรรณกรรมโบราณตลอดจนความรู้
เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ยุคใหม่ของบรรดานักเดินเรือที่เข้ามาสู่ แต่คาดว่าสุนทรภู่เริ่มประพันธ์ราวปี พ.ศ.
ประเทศไทยในยุคการค้าสำเภานอกจากนี้ แนวคิดที่สุนทร 2364–2366 และแต่งๆ หยุดๆ ไปตลอด
ภู่สอดแทรกไว้ในบทประพันธ์ทำให้ผลงานชิ้นนี้โดดเด่น เป็นระยะ สิ้นสุดการประพันธ์ราวพ.ศ.
และเป็นที่รู้จักมากเพราะผู้คนล้วนใช้บทกลอนเหล่านั้นเป็น 2388 รวมเวลามากกว่า 20 ปี
คติสอนใจเช่น บทกลอนในช่วงที่พระฤๅษีสอน สุดสาคร
เป็นต้น

"เรื่องย่อ"พระอภัยมณี ตอน สุดสาครเข้าเมืองการะเวก

สุดสาครสลบอยู่สามคืน จึงฟื้ นนิ่งรำลึกตรึกภาวนาเวท ความเจ็บปวดก็
หายไป แต่มีความหิวโหย จะปืนป่ายขึ้นไปก็ไม่ได้ ได้ยินเสียงม้าร้องก็บอกว่า
ตนขึ้นไปไม่ได้ ขอให้พี่ม้าไปบอกให้เจ้าตามาช่วย สุดสาครสลบแล้ว สลบอีก
อยู่ในเหวนั้น แล้วพระโยคีก็มาช่วย แล้วสั่งสอนสุดสาคร

๏ บัดเดี๋ยว ดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา

เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบรรพต

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด

ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่ งในน้ำใจคน

มนุษย์นี่ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็ นผล

ที่พึ่ งหนึ่ งพึ่ งได้แต่กายตน เกิดเป็ นคนคิดเห็นจึงเจรจา

แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา

รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็ นยอดดี

จงคิดตามไปเอาไม้เท้าเถิด จะประเสริฐสมรักเป็ นศักดิ์ศรี

พอเสร็จคำสำแดงแจ้งคดี รูปโยคีหายวับไปกับตา

จากนั้นสุดสาครก็ขี่ม้านิลมังกร ออกเดินทางไปเมืองการะเวก โดย
ให้ม้านำไปด้วยเหตุที่เคยไปมาแล้ว ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ก็ถึง
เมืองการะเวก ชาวเมืองเห็นเข้าคิดว่าสุดสาครเป็นลูกหลานของชีเปลือย
ด้วยจำม้าที่ขี่มาได้ สุดสาครถามหาชีเปลือย ชาวเมืองก็บอกว่า เจ้าเมืองให้
นิมนต์เข้าไปอยู่ในวัง สุดสาครจึงตามไปที่ศาลาหน้ าพระลานทวารวัง แล้ว
ถามหาชีเปลือยก็ได้รับทราบว่า ชีเปลือยเจ็บไข้ไม่สบายอยู่ที่ทิมริมพระลาน
สุดสาครขอให้พาตนไปพบชีเปลือย พวกขุนนางเอ็นดูสุดสาคร จึงรับพาไป
และให้ลงจากหลังม้าเพราะจะขี่ม้าเข้าวังไม่ได้ สุดสาครก็ทำตามโดยดี เมื่อ
มาถึงที่ชีเปลือยนอนอยู่ เอาไม้เท้าพิงไว้ที่ข้างฝา จึงฉวยเอาไม้เท้ามาได้แล้ว
ร้องต่อว่าชีเปลือย บอกว่าจะฆ่าเสียให้ตาย

ชีเปลือยเห็นสุดสาครก็ตกใจออกวิ่งหนี บรรดาเสนาข้าเฝ้ าไม่รู้เรื่องก็
พากันสับสนอลหม่าน ส่งเสียงอื้ออึงไปทั้งวัง ฝ่ายพระสุริโยทัยได้ยินเสียงอื้อ
อึง จึงตรัสถามบรรดาข้าเฝ้ าถึงสาเหตุก็ไม่มีผู้ใดทูลตอบได้ ฝ่ายสุดสาครก็
เดินมากลางวัง แล้วร้องบอกแก่คนทั้งหลายว่าตนมาเอาไม้เท้าคืน แล้วออก
เดินทางต่อไป ไม่ทำร้ายใคร พระสุริโยทัยเห็นนักสิทธิ์น้ อยน่ารักจึงตรัสสั่งให้
อำมาตย์ นิมนต์มาที่พระโรงให้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์แก้วแล้วตรัสถาม

เจ้าประคุณกี่พรรษาพระอาจารย์ สถิตสถานถิ่นที่บุรีใด
เป็ นเผ่าท้าวพระยาหรือพานิช กระจิดริดรู้ศรัทธาจะหาไหน
พระมุนีมีนามกรใด ธุระไรหรือจึงมาถึงธานี ฯ

สุดสาครก็ทูลตอบให้ทรงทราบทุกประการพร้อมทั้งเรื่องราวความ
เป็นมา จนถูกชีเปลือยผลักตกเหวตนจึงตามมาเอาไม้เท้า พระสุริโยทัยได้
ทรงทราบแล้วก็โกรธชีเปลือยที่ลวงฆ่าสุดสาคร และมาหลอกลวงชาวเมืองถ้า
ไม่ฆ่าก็จะเคยตัวจึงให้ไปจับชีเปลือยมาแล้วสั่งให้เอาไปผ่าอก
สุดสาครคิดสงสาร จึงทัดทานไว้ บอกว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้

ไม่หุนหันฉันทาพยาบาท นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน
จะฆ่าฟั นมันก็ซ้ำเป็ นกรรมไป ต้องเวียนว่ายเวทนาอยู่ช้านาน
รูปบวชกายหมายใจจะได้ตรัส ช่วยส่งสัตว์เสียให้พ้นวนสงสาร
จะเข่นฆ่าตาเฒ่าไม่เข้าการ ขอประทานโทษไว้อย่าให้ตาย ฯ

พระสุริโยทัยทรงยอมตามที่ขอร้อง และบอกว่ารักพระดาบสจะใคร่
ได้ไว้เป็นโอรสช่วยบำรุงบ้านเมือง สุดสาครก็ทูลตอยด้วยความฉลาดว่า ถ้า
ตนได้ไปพบพระบิดา และพงศ์เผ่าแล้ว ก็จะกลับมาอยู่ด้วยจนตลอดชีวิตพระ
สุริโยทัยได้ฟังก็พอพระทัยยิ่งนัก แล้วตรัสว่าจะไปด้วยกับสุดสาคร แต่ขอให้
รอสืบสวนหาข่าวเสียก่อนว่ามีผู้ใดรู้เรื่องเมืองพระอภัยมณีบ้างแล้วขอให้
สุดสาครพักอยู่ที่เมืองก่อน พระสุริโยทัยกับมเหสีต่างก็รักสุดสาครดังโอรส
แล้วขอให้สุดสาครเปลื้องเครื่องดาบสสึกออกมาแล้วทรงเครื่องกษัตริย์ แต่
สุดสาครทัดทานไว้พร้อมเหตุผล และขอประดับเครื่องทรงไว้นอกหนังเสือ

ว่าหม่อมฉันวันจะจากพระอาจารย์ ได้ตั้งสัตย์อธิษฐานต่อเทวา
มิได้กลับอภิวาทบาทดาบส ก็ไม่ปลดปลิดเปลื้องเครื่องสิกขา
ซึ่งสององค์ทรงพระกรุณา จะเมตตาหม่อมฉันประการใด
ขอประดับทับนอกหนังเสือเหลือง ให้ประเทืองมิได้ขัดอัชฌาสัย
จะทรงเครื่องเปลื้องหนังเสียทั้งไตร เหมือนได้ใหม่ลืมเก่าดังเผ่าพาล ฯ

จากนั้นสองกษัตริย์ก็จัดการให้สุดสาครลาสิกขาบท ให้ทรงเครื่องกษัตริย์โดย
มีหนังเสือนุ่งอยู่ภายใน แล้วตรัสเรียกพระธิดามาให้ไหว้สุดสาครในฐานะที่
เป็นน้ อง สุดสาครกับน้ องสนิทสนมรักใคร่กัน เมื่อสุดสาครหัดอะไร น้ องก็หัด
บ้าง สุดสาครก็สนุกเพลิดเพลินจนลืมพระโยคี พระบิดา พระมารดากระบวน

กระบวนศึกฝึ กฝนชนกุญชร ต่างราญรอนเรียนครูให้รู้ครบ

รำกระบี่ตีกระบองดาบสองข้าง ทั้งจักรขว้างโล่เขนไห้เจนจบ

ถึงลางทีพี่น้ องเล่นลองรบ ตีกระทบแทงฟั นประจัญทัพ

ข้างพวกพ้องน้ องสาวพุ่งหลาวแหลน ทั้งโล่แพนทวนหอกดูกลอกกลับ

ข้างพวกพี่ตีตลบเข้ารอรับ เอาปากงับแหลมหลาวลูกเกาทัณฑ์

ข้างนายทัพขับรถเข้าจดรบ พลตลบหลีกลัดดูผัดผัน

บ้างทิ่มแทงแพลงพลาดบ้างฟาดฟัน ไม่ถูกกันแก้ไขไวทุกคน

จนเจนจำชำนาญในการศึก อาจารย์ฝึ กพลรบให้หลบฝน

ทหารเลวเร่งรับกลอกกลับตน แต่เม็ดฝนก็ไม่ถูกลูกเล็กเล็ก

ต่างคล่องแคล่วแกล้วกล้าปรีชาหาญ ล้วนกุมารเหมาะเหมาะใส่เกราะ

เหล็ก

บ้างไว้จุกลูกขุนนางไว้หางเจ๊ก ล้วนแต่เด็กน้ อยน้ อยห้าร้อยคน

ด้วยทิศาปาโมกข์เมืองการะเวก เป็ นองค์เอกอาจรู้หลบสู้ฝน

สำหรับฝึ กศึกกษัตริย์ให้จัดพล รู้ผ่อนปรนปราบยุคทุกทุกองค์

จึงพาราผาสุกสนุกสนาน พระกุมารบันเทิงละเลิงหลง

ลืมนักสิทธิ์ปิ ตุราชมาตุรงค์ ใจพะวงอยู่ด้วยเล่นไม่เว้นวัน ฯ

ความรู้และข้อคิดภายในเรื่อง

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี่ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

กลอนนี้สอนเรื่อง : อย่าไว้ใจใครง่ายๆ จิตใจของคนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลง
ได้ตลอดเวลา วันนี้คิดดี ปฏิบัติดี พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม เปรียบกับ
เถาวัลย์ในป่าที่พันกันคดเคี้ยวนั้นก็ยังไม่คดเท่าจิตใจของคนเรา พราะจิตใจ
ของมนุษย์ไม่อาจเดาได้เหมือนคำที่ว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" จะไว้ใจใครก็คิด
ไตร่ตรองพิจารณาให้ดี

สงสารสุดสาครยังอ่อนศักดิ์ ชีเปลือยผลักตกอยู่ในคูหา
เดชะมนต์ทนคงทรงวิชา ไม่มรณานิ่งซบสลบไป

กลอนนี้สอนเรื่อง : ให้รู้จักระมัดระวังรอบคอบ รู้จักรักษาตัวให้พ้นจากภัย
อันตราย เราไม่รู้เลยว่าใครคิดอย่างไรกับเรา การเรียนรู้ที่จะรับมือและเอา
ตัวรอดจึงเป็นสิ่งสำคัญ

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

รสวรรณคดี : พิโรธวาทัง มันคิดอ่านเอาชีวาไม่ปรานี
ให้หญิงชายเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
จึงตรัสว่าน่าแค้นอ้ายคนพาล ไปจับชีเปลือยมาอย่าช้านาน
มันมาหลอกบอกว่าผีห่าร้าย ต่างลุกแล่นเที่ยวหาตามหน้าฉาน
ไม่ฆ่าฟันมันจะเคยเหวยมนตรี
เสนาในใหญ่น้อยก็พลอยแค้น

รสวรรณคดี : สัลลาปังคพิสัย ชีเปลือยผลักตกอยู่ในคูหา
ไม่มรณานิ่งซบสลบไป
สงสารสุดสาครยังอ่อนศักดิ์ ในดวงวิญญาณ์แย้มค่อยแจ่มใส
เดชะมนต์ทนคงทรงวิชา ในดวงใจเจ็บช้ำแทบทำลาย
ได้สามคืนชื่นฉ่ำด้วยน้ำหิน
ระริกริกพลิกองค์ทรงฤทัย

รสวรรณคดี : พิโรธวาทัง ศักดาเดชร้าวฉานบันดาลหาย
จะปีนป่ายไปไม่ได้ดังใจจง
นิ่งรำลึกตรึกภาวนาเวท เราซวนเซเสียเชิงละเลิงหลง
แต่หิวโหยโดยอดระทดกาย ไหนจะคงคืนรอดตลอดไป
จึงคิดว่าตาเฒ่านี้เจ้าเล่ห์
โอ้น่าที่ชีวิตจะปลิดปลง

โวหารภาพพจน์ในวรรณคดี

โวหารภาพพจน์ : อุปมาโวหาร

กุมาราอาดูรพูนเทวษ ชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล

สะอื้นร่ำพร่ำว่าประสาใจ ไหนจะได้พบปะพระบิดร

โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน

มาครั้งนี้ชีวาตม์จะขาดรอน พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ

โวหารภาพพจน์ : อุปลักษณ์ ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร
ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก
ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก
แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา
เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด
เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสะดุ้งพลิก

โวหารภาพพจน์ : สัญลักษณ์ คารวะหวานหูไม่รู้หาย
จะยกถวายเสียก็ได้เป็นไรมี
กรุงกษัตริย์ตรัสว่าสาธุสะ เป็นโอรสร่วมบำรุงซึ่งกรุงศรี
อันโทษมันนั้นก็ถึงที่วางวาย จะปล่อยชีเปลือยให้คุณได้บุญ ฯ
แต่ฉันรักจักใคร่ได้พระดาบส
จะโปรดได้หรือไม่เล่าแต่เท่านี้


Click to View FlipBook Version