ส33277
แ น ว คิ ด
นั ก ม า นุ ษ ย วิ ท ย า
รายวิชาเพิ่มเติมหลักมานุษยวิทยาเบ้ืองตน
เรือง แนวคิดนักมานุษยวิทยา
คํานาํ
รายงานเลมนี้จัดทําข้ึนเพ่ือเปนสวนหนึ่งเปนสวนหน่ึงของวิชาเพิ่ม
เติมหลักมานุษยวิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เพ่ือศึกษาและใหความ
รูเรื่อง แนวคิดของนักมานุษยวิทยาในดานตาง ๆ
คณะผูจัดทาํ หวังวารายงานเลมน้ีจะเปนประโยขนตอผูอานหรือผูท่ี
ตองการศึกษาเรื่องแนวคิดของนักมานุษยวิทยา หากมีขอผิดพลาด
ประการใดคณะผูจัดทําตองขออภัยมา ณ ท่ีนี้ดวย
คณะผูจ ดั ทาํ
-ก-
สารบญั
เรอื่ ง หนาท่ี
คํานํา ก
สารบัญ ข
บทนํา ค
มานุษยวิทยาศาสนา 1
นักมานุษยวิทยาศาสนา 2
มานุษยวิทยาเกี่ยวกับความเช่ือ 5
นักมานุษยวิทยาความเชื่อและส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ 6
มานุษยวิทยาความเช่ือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทย 12
นักมานุษยวิทยาไทย 13
มานุษยวิทยาพฤติกรรมทางการเมืองและการควบคุมทางสังคม 15
นักมานุษยวิทยาพฤติกรรมทางการเมืองและการควบคุม 16
ทางสังคม
มานุษวิทยาวัฒนธรรมศึกษาและมโนทัศนวัฒนธรรม 18
นักมานุษวิทยาวัฒนธรรมศึกษาและมโนทัศนวัฒนธรรม 19
บรรณานุกรม 22
-ข-
บทนาํ
วิชามานุษยวิทยาศาสนาในแงที่เปนศาสตรตองสามารถอธิบายใน
เชิงทฤษฎีและวิธีวิทยาได
นักมานุษยวิทยามีแนวทางการศึกษาในแบบของตัวเองที่แตกตาง
ไปจากศาสตรทางสังคมแบบอ่ืน ๆ จากความสนใจชีวิตมนุษยในดิน
แดนตาง ๆ ทําใหนักมานุษยวิทยาตองทาํ หนาที่เก็บขอมูลวัฒนธรรม
หรือท่ีรูจักในนาม “การทาํ งานภาคสนาม” โดยมีเปาหมายที่จะ
เรียนรูความคิดและการปฏิบัติท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของมนุษย
การทาํ งานภาคสนาม นักมานุษยวิทยาจะตองเรียนรูภาษาของ
กลุมคนที่เขาไปศึกษาเพ่ือที่จะพูดคุยและสัมภาษณ รวมทั้งสังเกตสิ่ง
ตาง ๆ แบบมีสวนรวม โดยเขาไปคลุกคลีอยูอาศัยกับคนในทองถิ่น
เปนเวลานานเพ่ือท่ีจะเขาใจวิถีชีวิตของคนเหลานั้นไดราวกับเปน
คนในวัฒนธรรมเอง
-ค-
แนวคิดนักมานุษยวิทยา
มานุษย
วิทยาศาสนา
มานุษยวิทยาศาสนาเปนศาสตรตองสามารถอธิบายในเชิงทฤษฎีและวิธีวิทยาได
เพ่ือที่จะอธิบายปรากฎการณทางศาสนาในมิติสังคม
เม่ือเราพูดถึง “ศาสนา” เรากําลังหมายถึงอะไรและสิ่งนี้จะสัมพันธกับศาสนา
ท่ีมนุษยนับถืออยูอยางไร อะไรท่ีสรางศาสนา ศาสนาทําอะไรใหกับมนุษย
โบรนิสโลว มาลีนอฟสกี้ (Bronislaw Malinowski)
เอดเวิรด บี ไทเลอร (Edward B. Tylor)
อี อี อีแวน พริทชารด (E. E. Evans-Pritchard)
-1-
นักมานุษยวิทยาศาสนา
ทา่ นที 1 Bronislaw Malinowski
โบรนิสโลว์ มาลนี อฟสกี
นกั มานุษยวิทยา
มาลีนอฟสกี้พยายามท่ีจะศึกษาและอธิบายคุณลักษณะทางความ
รูสึกของคนพื้นเมือง เขาศึกษาและจําแนกสิ่งท่ีเปนเวทมนต
วิทยาศาสตร และศาสนา
อธิบายวาเร่ืองทางศาสนาคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการควบคุม
ท่านที 2 Edward B. Tylor
เอดเวริ ด์ บี ไทเลอร์
นกั มานุษยวทิ ยา
ผูท่ีปูทางสําหรับการศึกษามานุษยวิทยาศาสนา
เขาต้ังสมมุติฐานวาความกาวหนาของการประดิษฐวัตถุสิ่งของทาง
วัฒนธรรม เปนผลมาจากความเชื่อทางศาสนา ผลงานที่มีชื่อเสียง
ของไทเลอรเกี่ยวกับทฤษฎีการนับถือภูตผีปศาจ บงบอกวาความ
เชื่อแบบนี้เกิดข้ึนในสังคมบุพกาลหรือเปนสังคมลําดับขั้นแรก ๆ ใน
วิวัฒนาการ
-2-
นักมานุษยวิทยาศาสนา
ทา่ นที 3 E. E. Evans-Pritchard
อี อี อีแวน พรทิ ชารด์
นักมานุษยวิทยา
พริทชารดไดโตแยงกับสมมุติฐานของนักวิชาการรุนเกา เชน
ไทเลอรซ่ึงพยายามจัดประเภทของศาสนา
พริทชารดพยายามทําลายกําแพงของความคิดคูตรงขาม ไมวา
จะเปนเรื่องความลาสมัย/ทันสมัย ผัวเดียวเมียเดียว/หลายผัว
หลายเมีย คนขาว/คนพื้นเมือง ความเช่ือภูตผี/เทพเจา
-3-
นักมานุษยวิทยาศาสนาทั้ง 3 คน
ไดใหคําอธิบายท่ีแตกตางกัน โดยแนวคิดพวกเขาท้ัง 3 คน
ทําใหเราเขาใจเก่ียวกับความแตกตางของการนับถือศาสนา
ภูตผีปศาจต้ังแตอดีตถึงปจจุบัน
และทาํ ใหเขาใจเก่ียวการศาสนามากข้ึน
-4-
แนวคิดนักมานุษยวิทยา
มานุษยวิทยา
กับการศึกษาความเชือ
ความเช่ือของผูคนลวนสัมพันธกับวัฒนธรรมในแตละพื้นท่ีตั้งถิ่นฐานอยูอาศัย
ซ่ึงในอดีต มนุษยมีการกราบไหว เคารพบูชาสิ่งเหนือธรรมชาติ เพราะเชื่อวามีส่ิง
เหนือธรรมชาติท่ีมีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิต เพราะปรากฏการณทางธรรมชาติ
หลายอยางไมสามารถอธิบายได มนุษยจึงเกิดความกลัว ในการดําเนินชีวิต และมี
การกราบไหวบูชาอํานาจเหนือธรรมชาติเหลานั้น
โบรนิสโลว มาลีนอฟสก้ี (Bronislaw Malinowski)
อัลเฟรด แรดคลิฟฟ-บราวน (Alfred Radcliffe-Brown)
เอมีล ดูรกายม (Emile Durkheim)
เวสตัน ลา บารเร (Weston La Barre)
เมลฟอรด สปโร (Melford E. Spiro)
มีรชา เอลีอาเด (Mircea Eliade), คลิฟฟอรด เกียรทซ (Clifford Geertz), วิกเตอร เทอรเนอร (Victor Turner)
เฟลิซิตัส กูดแมน (Felicitas D. Goodman)
นูริต เบิรด-เดวิด (Nurit Bird-David)
-5-
นักมานุษยวิทยาความเชือ
และสิงศักดิสิทธิ
ทา่ นที 1 Bronislaw Malinowski
โบรนิสโลว์ มาลนี อฟสกี
นักมานุษยวิทยา
เวทมนตคาถาในสังคมชนเผามีหนาท่ีทาํ ใหมนุษยไดในส่ิงท่ี
ตองการและสามารถควบคุมธรรมชาติได เชน คาถารักษาโรค
เปนการใชไสยศาสตรตอบสนองการยังชีพของมนุษยและใชควบคุม
ส่ิงท่ีคาดเดาไมไดในธรรมชาติเพื่อทําใหมนุษยรูสึกสบายใจ
ทา่ นที 2 Alfred Radcliffe-Brown
อัลเฟรด แรดคลิฟฟ-บราวน์
นักมานุษยวทิ ยา
เขามองวา ความเชื่อไสยศาสตรและศาสนาทาํ หนาท่ีจัดระเบียบ
สังคม หลอมรวมสังคมใหเปนเอกภาพ หนาท่ีของส่ิงศักดิ์สิทธิ์จึง
ถูกแบงเปนสองดาน คือ ดานที่ตอบสนองความตองการของมนุษย
กับดานท่ีควบคุมกฎระเบียบของสังคม
-6-
นักมานุษยวิทยาความเชือ
และสิงศักดิสิทธิ
ท่านที 3 Emile Durkheim
ทา่ นที 4 เอมลี ดรู ก์ ายม์
นกั มานุษยวิทยา
อธิบายวา ความเช่ือทางศาสนาอยูตรงขามกับความเชื่อทาง
โลก ความเชื่อทางศาสนาเกี่ยวของกับความศักดิ์สิทธ์ิและอํานาจ
ท่ีมองไมเห็น ขอวิจารณตอกระบวนทัศนหนาที่นิยม คือ หนาท่ี
ของไสยศาสตรและอํานาจเหนือธรรมชาติอาจจะสงผลในทาง
ตรงกันขามกับท่ีส่ิงมนุษยคาดหวัง ฉะนั้นการทาํ หนาที่อาจไมนํา
ไปสูผลลัพธแบบที่ตองการเสมอไป
Weston La Barre
เวสตนั ลา บารเ์ ร
นกั มานุษยวทิ ยา
อธิบายวา พฤติกรรมเชิงศาสนาและความเช่ือ สะทอน
บุคลิกภาพของมนุษย โดยมองวามนุษยมีความเพอฝนหรือ
จินตนาการถึงอํานาจเหนือธรรมชาติ และปรารถนาที่จะส่ือสารกับ
สิ่งเหลาน้ันเพื่อขอความชวยเหลือ โดยอาศัยไสยศาสตรและเวท
มนตคาถาเปนเครื่องมือที่จะติดตอกับวิญญาณและเทพเจา
-7-
นักมานุษยวิทยาความเชือ
และสิงศักดิสิทธิ
ทา่ นที 5 Melford E. Spiro
ทา่ นที 6 เมลฟอรด์ สปโร
นกั มานุษยวทิ ยา
อธิบายวา ความเช่ือไสยศาสตรดาํ รงอยูใน 3 ลักษณะ คือ
ความคิด การกระทํา และการแสดงออกในระดับความคิดเปน
เรื่องของจิตคือการไตรตรองผานการคิด เปนวิธีการสรางความ
หมายใหกับการมีชีวิตและการอยูบนโลก ในระดับการแสดงออก
เปนการใชไสยศาสตรเพื่อระบายความทุกข ความกลัวและความ
สับสนในชีวิต ท้ังหมดนี้คือการมองในเชิงโครงสรางท่ีไสยศาสตร
Felicitas D. Goodman
เฟลซิ ิตัส กดู๊ แมน
นักมานุษยวิทยา
มนุษยแสดงออกในความเชื่อทางศาสนาผานความสัมพันธที่มีตอ
สภาพแวดลอมและการดํารงชีพ หากการดาํ รงชีพเปล่ียนไปวิธีการ
แสดงออกและพฤติกรรมทางศาสนายอมจะเปลี่ยนไปดวยการให
ความหมายส่ิงศักดิ์สิทธิ์ผานนิเวศวัฒนธรรมจาํ เปนตองวิเคราะห
กระบวนการคิดและการรับรูที่มนุษยมีตอส่ิงแวดลอม
-8-
นักมานุษยวิทยาความเชือ
และสิงศักดิสิทธิ
ท่านที 7 ทา่ นที 8 ท่านที 9
มรี ช์ า เอลอี าเด้ คลฟิ ฟอรด์ เกยี รท์ ซ์ วกิ เตอร์ เทอรเ์ นอร์
MIRCEA ELIADE CLIFFORD GEERTZ VICTOR TURNER
นกั มานุษยวิทยา
อธิบายวา วัตถุและการปฏิบัติทางศาสนา คือ “ระบบของสัญลักษณ” ท่ีมี
ความหมายแฝงอยู ซ่ึงมนุษยจะใชสัญลักษณเพื่อบงบอกถึงอารมณ ความรูสึก
ความปรารถนาและแรงบันดาลใจของตัวเองในการท่ีจะจัดระเบียบชีวิตและสิ่ง
ตาง ๆ รอบตัว สัญลักษณทางศาสนาจึงเปนระบบของการสรางความหมายที่ซับ
ซอน ฉะนั้น สัญลักษณของส่ิงศักด์ิสิทธิ์จึงสะทอนอารมณที่มนุษยอยากจะสราง
ความหมายใหกับตนเองและโลก ความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเปน “ประสบการณ
เชิงสัญลักษณ” ท่ีทําใหมนุษยเขาใจการมีชีวิตการอยูในโลกและการอยูรวมกับ
คนอ่ืน
-9-
นักมานุษยวิทยาความเชือ
และสิงศักดิสิทธิ
ทา่ นที 10 Nurit Bird-David
นูรติ เบริ ด์ -เดวดิ
นักมานุษยวิทยา
อธิบายวา โลกทัศนที่มนุษยใชอธิบายการมีชีวิตและการอยูบน
โลก เปนเร่ืองของการสรางความจริงที่แตกตางกันในแตละ
วัฒนธรรม ดังนั้น การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเปนโลกทัศนท่ีใชสราง
ความจริงเชนเดียวกับการทดลองทางวิทยาศาสตร การมองดู
มนุษยในสังคมชนเผากราบไหวเจาปาเจาเขาและวิญญาณ
บรรพบุรุษ จึงมิใชเร่ืองความไรเหตุผล แตเปนโลกทัศนท่ีมนุษย
มองสิ่งตาง ๆ ในธรรมชาติเปน “บุคคล” ที่ใหคุณและใหโทษแก
มนุษย ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิในธรรมชาติจึงเปนภาพสะทอนของความรูท่ี
สอนใหมนุษยรูจักระบบศีลธรรมผานการเคารพบูชา การใหเกียรติ
ความรับผิดชอบ และการประมาณตน มนุษยจะมิใชเจานายเหนือ
ธรรมชาติ ความเช่ือเก่ียวกับวิญญาณในธรรมชาติจึงดาํ รงอยูใน
ฐานะ “ความรู” ท่ีคํ้าจุนการดาํ รงชีวิตของมนุษย ซ่ึงเรียกวา
“การแสวงหาความรูเชิงสัมพัทธ”
-10-
ความเช่ือทางศาสนาและสิ่งศักด์ิสิทธ์ิมีหลายอยาง
ท่ีมนุษยกราบไหวบูชาหรือนับถือ
ไมวาจะเปนคาถาเวทมนต ความเชื่อเร่ืองไสยศาสตร
อาํ นาจเหนือธรรมชาติ
ส่ิงเหลาน้ีเปนส่ิงท่ีทาํ เพื่อใหมนุษยเกิดความสบายใจ
ในปจจุบันก็ยังมีการพึ่งพาส่ิงเหลาน้ีอยูถึงแมจะไมไดผลลัพธตาม
ที่ตองการก็ตาม แตถือเปน 1 ในที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย
-11-
แนวคิดนักมานุษยวิทยา
การศึกษาความเชือ
สิงศักดิสิทธิในสังคมไทย
ศรีศักร วัลลิโภดม
พเิ ชฐ สายพนั ธ
-12-
นักมานุษยวิทยาไทย
ท่านที 1
ศรศี ักร วลั ลิโภดม
นกั มานุษยวทิ ยา
อธิบายการนับถือผี ในสังคมไทยโดยมองวา ความเชื่อเรื่องผีทาํ
หนาที่จัดระเบียบทางสังคมและทําให คนในชุมชนทองถิ่นรูจัก
เคารพกติกาของสวนรวม
ความเช่ือส่ิงศักดิ์สิทธิ์ในฐานะอัตลักษณของกลุมคน
ท่านที 2
พเิ ชฐ สายพนั ธ์
นกั มานษุ ยวทิ ยา
อธิบายสัญลักษณ "ผี" ในความเชื่อ และพิธีกรรมทางศาสนาของ
ชาวผูไทในประเทศไทยและประเทศลาว ต้ังคาํ ถามเกี่ยวกับการ
สราง “ตัวตน” ของชาวผูไท ผานวาทกรรมของนักวิชาการ ที่
ทาํ ใหเกิดการสรางภาพตัวแทนของวัฒนธรรมผูไท
-13-
ความเชื่อเร่ืองส่ิงศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทย
ยังเปนความเช่ือที่เช่ือมาถึงปจจุบัน
เกิดจากสิ่งท่ีหาคําตอบในเชิงวิทยาศาสตรไมได
ความเชื่อเรื่องผีในสังคมไทยทาํ ใหคนเกรงกลัวในบาปมากข้ึน
จึงกลายเปนตัวจัดระเบียบสังคมในไทยใหเปนระเบียบ
-14-
แนวคิดนักมานุษยวิทยา
มานุษยวิทยา
พฤติกรรมทางการเมือง
และการควบคุมทางสังคม
ลักษณะของระบบเครือญาติมีความสําคัญตอการเมืองในแตละสังคมมาก หาก
กลุมไหนมีจํานวนสมาชิกมากและมีอิทธิพลเหนือกลุมอื่น หัวหนาของกลุมนั้นยอม
ไดรับเลือกใหเปนหัวหนาปกครองสังคมทั้งหมด ในทํานองเดียวกันการแตงงาน
ยอมทาํ ใหกลุมอยางนอยสองกลุมรวมเขาดวยกัน กอใหเกิดพลังรวมเหนือกลุมอื่น
และอํานาจยอมมีมากข้ึน ระบบเครือญาตินี้เองที่เปนบอเกิดของการสืบมรดกทั้งใน
ดานทรัพยสิน และอาํ นาจทางการเมือง การสืบตออาํ นาจของ "ทายาท" ดังเชน
ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชยเปนตัวอยางท่ีเห็นไดชัดเจน
บาเลนเดอร (Georges Balandier)
-15-
นักมานุษยวิทยา Georges Balandier
พฤติกรรมทางการเมือง
และการควบคุมทางสังคม
ท่านที 1
บาเลนเดอร์ (ฌอรฌ์ บาลอ็ งดเี ย)
นักมานุษยวทิ ยา
ไดกลาววา "การศึกษาเก่ียวกับโครงสรางของความสัมพันธ
ทางดานสายเลือด จะทาํ ใหเห็นความสัมพันธของการใชอาํ นาจซึ่งมี
พ้ืนฐานมาจากหลักของการสืบสายโลหิต" มีตัวอยางของสังคม
จํานวนมากท่ีความสัมพันธทางดานการเมืองไดปรากฏขึ้นจาก
โครงสรางทางดานเครือญาติ
ความสัมพันธเชิงเครือญาติ แยกออกไดเปน 2 ลักษณะ คือ
ความสัมพันธท่ีเกิดจากการแตงงาน การแตงงานเปนการ
สรางความสัมพันธของคนสองกลุมเขาดวยกัน
ความสัมพันธโดยทางสายเลือด ความแตกตางทาง
วัฒนธรรมทาํ ใหแตละสังคมยึดถือความสัมพันธโดยทางสาย
เลือดแตกตางกันออกไป เชน บางสังคมยึดถือเอาการ
สืบสายตระกูลฝายชายเปนหลัก บางสังคมยึดเอาฝายหญิง
เปนหลัก และบางสังคมก็ยึดสายเลือดท้ังสองฝาย
-16-
พฤติกรรมทางการเมืองและการควบคุมทางสังคม
ทําใหเกิดวัฏจักรของคนตระกูลเดิมขึ้นสืบตออาํ นาจเปนวงกลม
ไมมีการเปลี่ยนระบอบความคิดใหม ยึดติดในส่ิงเดิม
ทาํ ใหไมเกิดการพัฒนา ทาํ ใหเกิดการออนแอของสังคม
ซ่ึงเห็นตัวอยางไดชัดในหลายสังคมและประเทศบนโลก
-17-
แนวคิดนักมานุษยวิทยา
มานุษวิทยาวัฒนธรรมศึกษา
และมโนทัศน์วัฒนธรรม
แนวคิดเชิงมานุษยวิทยาของ "วัฒนธรรม" ในบางสวน สะทอนใหเห็นถึงปฏิกิริยาท่ี
มีตอสัมพันธสารหรือวาทกรรม ท่ีข้ึนอยูกับสิ่งตรงกันขามระหวาง "วัฒนธรรม"
และ "ธรรมชาติ" ตามท่ีมนุษยไดอยูอาศัยใน "สภาวะธรรมชาติ" นักมานุษยวิทยา
ไดโตเถียงวาวัฒนธรรมคือ "ธรรมชาติของมนุษย" และผูคนทั้งหลายมีความ
สามารถที่จะจําแนกประสบการณ ถอดรหัสการจําแนกในเชิงสัญลักษณ และสอน
ความเปนนามธรรมน้ันใหแกผูอื่น โดยที่มนุษยไดวัฒนธรรมมาดวยการเรียนรู ผูคน
อยูอาศัยในท่ีแตกตางกัน แตกตางดวยสิ่งลอมรอบ จึงอาจทําใหมีการพัฒนา
วัฒนธรรมออกมาตางกัน
พฒั นา กิติอาษา Pathana kitiasa
เรเนโต โรซัลโด Renato rosaldo
เดวิด เอ็ม ชไนเดอร David Murray Schneider
เอ็ดเวิรด เบอรเนทท ทีเลอร Edward Burnett Tylor
-18-
นักมานุษวิทยาวัฒนธรรม
ศึกษาและมโนทัศน์วัฒนธรรม
ทา่ นที 1 Pathana kitiasa
พฒั นา กิติอาษา
นกั มานษุ ยวทิ ยา
เขาตั้งขอสังเกตวานักมานุษยวิทยาไทย แปลความ
ethnography วาชาติพันธุนิพนธ และ ชาติพันธวรรณา เห็นวา
บทนิพนธของตนแตกตางจากบทนิพนธท่ีผลิตในศาสตรแขนงอื่น
ตรงท่ีเปนผลผลิตท่ีเกิดจากวิธีวิทยาเฉพาะตัวท่ีรวมเอาการทํางาน
ภาคสนามเปนระยะเวลานานและเทคนิควิธีการในการเขาถึง
เขาใจ และตีความปรากฏการในภาคสนามเขาเปนสวนสาํ คัญใน
ท่านที 2 การผลิตงาน Rnato Rosaldo
เรเนโต โรซัลโด
นักมานษุ ยวิทยา
ไดต้ังขอสังเกตไววา นักมานุษยวิทยาไดสูญเสียการผูกขาดมโน
ทัศนวาดวยวัฒนธรรมไปแลวและในกระบวนการดังกลาว มโน
ทัศนวัฒนธรรมเองก็ไดถูกทาํ ใหเปล่ียนแปลงไป เปนไปไมไดอีกตอ
ไปท่ีจะศึกษาวัฒนธรรมในฐานะส่ิงของ วัตถุหรือสนามแหงความ
หมายที่มีขอบเขตปดในตัวเองที่มีความเปนอันหน่ึงอันเดียวกันและ
เปนแบบแผน
-19-
มานุษวิทยาวัฒนธรรมศึกษา
และมโนทัศน์วัฒนธรรม
ท่านที 3 David Murray Schneider
เดวดิ เอม็ ชไนเดอร์
นักมานษุ ยวิทยา
ชไนเดอร เสนอวา วัฒนธรรมเปนมโนทัศนที่ตางกันโดยส้ิน
เชิงจากปทัสถานตรงท่ีปทัสถานถูกสรางข้ึนเพ่ือเปนแบบแผน
สําหรับการกระทําแตวัฒนธรรมเปนท่ีบรรจุของนิยาม หลักการ
ขอเสนอ ขอสันนิษฐานและการรับรูเก่ียวกับธรรมชาติของ
จักรวาลและที่ทางของมนุษยในจักรวาล
ท่านที 4 Edward Burnett Tylor
เอด็ เวริ ด์ เบอรเ์ นทท์ ทีเลอร์
นกั มานุษยวิทยา
วัฒนธรรมหรือความศิวิไลซ พิจารณาในเชิงชาติพันธุอยาง
กวาง ๆ แลวคือ องครวมอันซับซอน ไดแกความรู ความเชื่อ
ศิลปะ วัฒนธรรม กฎหมาย จารีต และความสามารถตลอดจน
ไปถึงอุปนิสัยของมนุษยที่มีในฐานะเปนสมาชิกของสังคม
-20-
มโนทัศนทางวัฒนธรรมเปนหัวใจของการวิจัยเชิง
ชาติพันธุวรรณนา และเปนเครื่องมือทางแนวคิดสาํ หรับ
ตีความพฤติกรรมและความเชื่อของมนุษย
วัฒนธรรมครอบคลุมพฤติกรรมมนุษยในทุกแงมุม
วิถีชีวิตของมนุษย มีความแตกตางกันไปตามประเพณี
ซ่ึงสะทอนใหเห็นวามนุษยในแตละสังคม
เรียนรูความรูตาง ๆ มาไดอยางไร เก็บรักษาไวไดอยางไร
และนําออกมาใชไดอยางไร
และมีการสงผานวัฒนธรรมจากรุนสูรุน
-21-
บรรณานกุ รม
ปน แกว เหลอื งอรามศร.ี (2552). มานุษยวทิ ยาวัฒนธรรมและมโนทัศนว ัฒนธรรม.
[ออนไลน]. เขาถึงไดจ าก : https://www.academia.edu/17893215/. (วันที่คน ขอมูล : 13
กรกฎาคม 2564).
นฤพนธ ดว งวิเศษ. (2560). แนวคิดมานษุ ยวทิ ยากบั การศกึ ษาความเชื่อสง่ิ ศักดิ์สทิ ธใ์ิ น
สังคมไทย. [ออนไลน] . เขาถงึ ไดจ าก : https://so06.tci-
thaijo.org/index.php/husojournal/article/view/76724/61652. (วนั ท่ีคนขอมูล : 15
มถิ ุนายน 2564).
ศลิ ปชยั เชาวเ จริญรัตน. (2555). ศาสนวทิ ยามานุษยวทิ ยาศาสนา. [ออนไลน]. เขา ถงึ ได
จาก : http://sinchaichao.blogspot.com/2012/12/blog-post.html. (วันท่ีคน ขอมูล : 19
มิถนุ ายน 2564).
-22-
จัดทาํ โดย
นางสาวกนกรดา แสงกําพลี ม.6/11 เลขที 13
นางสาวชนม์ชนก บวั บาน ม.6/11 เลขที 21
นางสาวกมลรตั น์ ปานสงา่ ม.6/11 เลขที 33