1หน่วยการเรียนรทู้ ่ี
ระบบร่างกายมนุษย์
1หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ระบบรา่ งกายมนุษย์
ตวั ชวี้ ัด
• ระบุอวัยวะและบรรยำยหนำ้ ทขี่ องอวัยวะทเ่ี กย่ี วข้องในระบบหำยใจ
• อธบิ ำยกลไกกำรหำยใจเข้ำและออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทง้ั อธบิ ำยกระบวนกำรแลกเปลย่ี นแกส๊
• ตระหนักถงึ ควำมสำคัญของระบบหำยใจ โดยกำรบอกแนวทำงในกำรดแู ลรกั ษำอวยั วะในระบบหำยใจให้ทำงำนเปน็ ปกติ
• ระบุอวัยวะและบรรยำยหนำ้ ทข่ี องอวัยวะในระบบขบั ถำ่ ยในกำรกำจดั ของเสียทำงไต
• ตระหนกั ถึงควำมสำคัญของระบบขบั ถำ่ ยในกำรกำจัดของเสียทำงไต โดยกำรบอกแนวทำงในกำรปฏิบัติตนทชี่ ่วยให้ระบบขับถ่ำยทำหนำ้ ท่ีได้อย่ำงปกติ
• บรรยำยโครงสรำ้ งและหนำ้ ที่ของหัวใจ หลอดเลอื ด และเลือด
• อธบิ ำยกำรทำงำนของระบบหมุนเวียนเลือด โดยใช้แบบจำลอง
• ออกแบบกำรทดลองและทดลอง ในกำรเปรยี บเทียบอัตรำกำรเตน้ ของหวั ใจ ขณะปกติและหลังทำกจิ กรรม
• ตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญของระบบหมุนเวียนเลอื ด โดยกำรบอกแนวทำงในกำรดูแลรกั ษำอวัยวะในระบบหมุนเวยี นเลือดใหท้ ำงำนเปน็ ปกติ
1หน่วยการเรยี นรทู้ ี่
ระบบร่างกายมนษุ ย์
ตัวชีว้ ัด
• ระบุอวยั วะและบรรยำยหนำ้ ท่ขี องอวัยวะในระบบประสำทสว่ นกลำงในกำรควบคุมกำรทำงำนตำ่ ง ๆ ของร่ำงกำย
• ตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญของระบบประสำท โดยกำรบอกแนวทำงในกำรดูแลรกั ษำ รวมถงึ กำรปอ้ งกนั กำรกระทบกระเทือนและอนั ตรำยตอ่ สมองและไขสนั หลงั
• ระบุอวยั วะและบรรยำยหนำ้ ทขี่ องอวัยวะในระบบสบื พันธข์ุ องเพศชำยและเพศหญงิ โดยใช้แบบจำลอง
• อธบิ ำยผลของฮอร์โมนเพศชำยและเพศหญงิ ทคี่ วบคุมกำรเปลี่ยนแปลงของรำ่ งกำย เมื่อเข้ำสูว่ ยั หนุ่มสำว
• ตระหนักถงึ กำรเปลี่ยนแปลงของร่ำงกำยเม่อื เขำ้ สู่วัยหนุ่มสำว โดยกำรดูแลรักษำร่ำงกำยและจิตใจของตนเองในชว่ งท่มี กี ำรเปล่ียนแปลง
• อธิบำยกำรตกไข่ กำรมีประจำเดอื น กำรปฏสิ นธิ และกำรพฒั นำของไซโกตจนคลอดเปน็ ทำรก
• เลือกวธิ กี ำรคมุ กำเนิดทีเ่ หมำะสมกับสถำนกำรณท์ ่ีกำหนด
• ตระหนกั ถึงผลกระทบของกำรต้งั ครรภก์ ่อนวัยอันควร โดยกำรประพฤติตนใหเ้ หมำะสม
ระบบหายใจ ระบบแลกเปล่ยี นแก๊สของร่างกายกบั สิ่งแวดล้อม
หายใจเข้า หายใจออก
แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
อวยั วะในระบบหายใจ อวัยวะทีเ่ กีย่ วข้องกบั ระบบหายใจ
จมูก กระดูกซี่โครง
• ทำงผ่ำนเขำ้ – ออกของอำกำศ • ทำงำนร่วมกับกล้ำมเนื้อยึดกระดูกซี่โครง
• มขี นทำหน้ำท่ีกรองเชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอม ในกำรเปล่ียนแปลงปริมำตรช่องอกระหว่ำง
• โพรงจมูกช่วยควบคุมอุญหภูมิและควำมช้ืน หำยใจเข้ำและออก
ของอำกำศกอ่ นเข้ำสู่ทอ่ ลมและปอด กะบงั ลม
ท่อลม • ช่วยรั้งปอดลงขณะหำยใจเข้ำ
และดนั ปอดขึ้นขณะหำยใจออก
• ท่อกลวงทป่ี ระกอบดว้ ยกระดกู อ่อนรูปเกือกม้ำ
ช่วยป้องกนั กำรยุบตัวขณะหำยใจเขำ้ และออก ถุงลมมีผนังบำง มีหลอดเลือดฝอย
มำห่อหุ้ม ทำหนำ้ ท่แี ลกเปลี่ยนแกส๊
ปอด
• มี 2 ขำ้ ง
• ประกอบดว้ ยถงุ ลมจำนวนมำก
กลไกการหายใจ การหายใจมี 2 รปู แบบ
การหายใจเขา้ อำกำศเข้ำ การหายใจออก
อำกำศออก
• กล้ำมเนอื้ ยึดกระดูกซ่โี ครงหดตัว ทำใหก้ ระดกู ซโี่ ครงเล่ือนสงู ขน้ึ • กล้ำมเนอื้ ยึดกระดูกซโ่ี ครงคลำยตวั ทำให้กระดกู ซโ่ี ครงเล่ือนตำ่ ลง
• กล้ำมเน้ือกะบังลมหดตัว ทำใหก้ ะบังลมเลอื่ นตำ่ ลง • กลำ้ มเน้ือกะบงั ลมคลำยตัว ทำให้กะบงั ลมเลอ่ื นสูงขึ้น
• ปรมิ ำตรช่องอกเพม่ิ ขึ้น ควำมดนั อำกำศในชอ่ งอกลดลง • ปริมำตรชอ่ งอกลดลง ควำมดนั อำกำศในช่องอกเพิม่ ข้ึน
การแลกเปล่ยี นแก๊ส
ปอด CO2
- แก๊สออกซิเจนแพร่จำกถุงลมเข้ำ O2
สูห่ ลอดเลอื ดฝอย
เซลล์
- แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์แพร่จำก
หลอดเลือดฝอยเขำ้ สู่ถงุ ลม - แกส๊ ออกซิเจนแพรจ่ ำก
หลอดเลือดฝอยเข้ำสู่เซลล์
O2CO2 OC2 O2
- แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์แพร่จำก
เซลล์เขำ้ สหู่ ลอดเลอื ดฝอย
การดแู ลรกั ษาอวยั วะ
ในระบบหายใจ
ระบบขับถา่ ย ระบบกาจัดของเสียออกจากรา่ งกาย
การขบั ถา่ ยของเสียของมนุษย์
CO2
แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ เหง่อื และ ปสั สาวะ
จากการหายใจออก
อจุ จาระ
อวยั วะในระบบขบั ถา่ ยปสั สาวะ • มี 2 ขำ้ ง รปู ร่ำงคล้ำยเมล็ดถว่ั
• ภำยในมีหน่วยไตทำหน้ำท่ีกรองของเสียและสำรต่ำง ๆ ออก
ไต
ท่อไต จำกเลอื ด
• ท่อขนำดเลก็ และยำวทต่ี ่อมำจำกไตท้ัง 2 ข้ำง ไปเชื่อมต่อกับ
กระเพำะปัสสำวะ
• ลำเลียงปัสสำวะจำกไตไปสู่กระเพำะปัสสำวะ
กระเพาะปสั สาวะ • อวยั วะทีส่ ำมำรถยืดหยุ่นได้
• ทำหน้ำทเ่ี กบ็ ปัสสำวะที่มำจำกไต
ทอ่ ปัสสาวะ • นำปัสสำวะจำกกระเพำะปสั สำวะออกสภู่ ำยนอกรำ่ งกำย
การกาจัดของเสียของไต
ภายในไต ประกอบดว้ ยหน่วยไตจำนวนมำก ทำหน้ำท่กี รองของเสียและสำรต่ำงๆออกจำกเลอื ดและดดู สำรทม่ี ีประโยชน์กลับ
สว่ นที่ทาหน้าที่กรองของเสีย
สำรที่ผำ่ นกำรกรองเป็นสำรทม่ี ขี นำดเลก็ เชน่ น้ำ
กลูโคส ยเู รีย สว่ นสำรที่มีขนำดใหญ่ เชน่ โปรตนี
เซลลเ์ มด็ เลอื ด จะไมผ่ ำ่ นกำรกรอง
หลอดเลอื ดฝอย บริเวณดูดกลบั สาร
หลอดเลือดอาร์เตอรี สำรทมี่ ปี ระโยชน์ เช่น นำ้ กลูโคส จะถูก
หลอดเลือดเวน ดดู กลบั เข้ำสูห่ ลอดเลือดฝอย
ของเสียและสารอ่ืน ๆ ทไ่ี ม่ถูกดูดกลบั กลายเปน็ “ปสั สาวะ”
การดแู ลรกั ษาอวัยวะ
ในระบบขบั ถา่ ย
ระบบหมุนเวยี นเลอื ด
ระบบขนส่งสำรตำ่ ง ๆ เชน่ สำรอำหำร แกส๊ ออกซเิ จน ไปยงั เซลลท์ ัว่ ร่ำงกำย และนำของเสยี ท่เี กิดจำกกิจกรรมของเซลล์
เชน่ ยูเรีย แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ มำกำจัดออกจำกรำ่ งกำย
อวยั วะในระบบหมนุ เวียนเลือด
หวั ใจ
หลอดเลือด
เลอื ด
หวั ใจ หวั ใจห้องบนซา้ ย
ซรา้ับยเลอื ดทีม่ ีแกส๊ ออกซเิ จนสงู
หัวใจห้องบนขวา จำกปอดทง้ั 2 ข้ำง
รบั เลือดทม่ี แี กส๊ ออกซเิ จนต่ำ
จำกอวัยวะตำ่ งๆของร่ำงกำย หวั ใจหอ้ งล่างซ้าย
ซสา้่งยเลือดท่ีมีแกส๊ ออกซิเจนสูงไป
หวั ใจห้องล่างขวา ยงั อวัยวะต่ำง ๆ ของร่ำงกำย
สง่ เลือดทมี่ แี กส๊ ออกซเิ จนต่ำ
ไปยงั ปอดทงั้ 2 ข้ำง ลนิ้ หวั ใจ
เพอ่ื แลกเปล่ยี นแก๊ส กัน้ หัวใจห้องบนและหอ้ งลำ่ ง
ปอ้ งกนั กำรไหลย้อนกลบั ของเลอื ด
หลอดเลือด
หลอดเลือดอารเ์ ตอรี (artery)
- นำเลือดที่มี O2 สูงไปยงั ส่วนต่ำง ๆ ของร่ำงกำย (ยกเว้นหลอดเลือดอำร์เตอรี
ไปยงั ปอด)
- ผนงั หนำและยดื หยนุ่ ดี มแี รงดันเลือดสูงและคงท่ี
หลอดเลือดเวน (vein)
- นำเลอื ดทมี่ ี O2 ตำ่ กลบั เขำ้ สูห่ วั ใจ (ยกเวน้ หลอดเลอื ดเวนจำกปอด)
- ผนงั บำง ควำมดันต่ำกว่ำหลอดเลอื ดอำรเ์ ตอรี มีล้นิ กัน้ ภำยใน
หลอดเลือดฝอย (capillary)
- แลกเปลยี่ นแกส๊ และสำรต่ำง ๆ ระหวำ่ งเซลลก์ บั เลอื ด
- มผี นงั บำงมำก ประกอบด้วยเซลล์เพยี งช้ันเดยี ว
เลือด สว่ นท่เี ปน็ ของเหลว
น้าเลือดหรอื พลาสมา
• ประกอบด้วยน้ำ สำรอำหำร เอนไซม์ ฮอร์โมน
แกส๊ คำร์บอนไดออกไซด์ และของเสียตำ่ ง ๆ
• ทำหนำ้ ท่ีลำเลียงสำรไปยังสว่ นต่ำง ๆ ของร่ำงกำย
ส่วนทเ่ี ปน็ เซลล์เมด็ เลือด
เซลล์เมด็ เลือดแดง (erythrocyte)
• รูปร่ำงกลมแบน ตรงกลำงบมุ่ ไม่มีนิวเคลยี ส
• มเี ฮโมโกลบนิ เป็นองคป์ ระกอบ
• ทำหน้ำท่ลี ำเลียงแก๊สออกซเิ จนไปยงั เซลล์ทั่วร่ำงกำย
เซลลเ์ มด็ เลือดขาว (leucocyte)
• มีขนำดใหญ่กวำ่ เซลล์เมด็ เลอื ดแดง และมนี วิ เคลยี สอย่ภู ำยในเซลล์
• ทำหนำ้ ทที่ ำลำยเชอื้ โรคและสงิ่ แปลกปลอม โดยกำรสรำ้ งแอนตบิ อดี
หรือกำรกลืนกินของเซลล์
เกลด็ เลอื ด (plateles)
• มีรปู ร่ำงไมแ่ นน่ อน ไม่มีนิวเคลียส
• ชว่ ยกำรแขง็ ตัวของเลอื ดเมือ่ เกิดบำดแผล
การดแู ลรกั ษาอวยั วะ
ในระบบหมุนเวียนเลอื ด
ระบบประสาท
ระบบควบคมุ และประสำนกำรทำงำนของระบบอวยั วะต่ำง ๆ เพ่ือรกั ษำสมดลุ ของรำ่ งกำย
รวมถงึ ควบคุมกำรแสดงพฤติกรรมต่ำงๆของมนุษย์
อวัยวะในระบบประสาท
สมอง
ไขสนั หลัง
เส้นประสาท
สมอง เซรีเบลลมั
ควบคุมกำรเคล่ือนไหว
เซรีบรัม และกำรทรงตัวของรำ่ งกำย
ควบคุบควำมคิด ควำมจำ สติปัญญำ
และเป็นศูนย์ควบคุมกำรทำงำน เช่น พอนส์
กำรสัมผัส กำรมองเห็น กำรได้ยิน ควบคุมกำรหำรใจ กำรเคี้ยว
กำรรับรส กำรดมกลิ่น กำรทำงำน กำรหลั่งนำ้ ลำย กำรเคลอ่ื นไหว
ของกล้ำมเนือ้ ของใบหนำ้
ไฮโพทาลามสั เมดลั ลา ออบลองกาตา
ควบคุมอุณหภมู ิของร่ำงกำย กำรเตน้ ควบคุมกำรเตน้ ของหัวใจ
ของหัวใจ ควำมดนั และควำมตอ้ งกำร กำรหำยใจ ควำมดันเลือด
พ้ืนฐำน เช่น น้ำ อำหำร กำรจำม กำรอำเจียน กำรกลนื
ทาลามสั
ศูนย์รวบรวมกระแสประสำทเขำ้ และ
ออกจำกสมองส่วนต่ำง ๆ
ไขสันหลงั และเสน้ ประสาท
ไขสันหลงั
สว่ นทตี่ ่อจำกสมอง อยู่ภำยในกระดกู สันหลงั ขอ้ แรกถึงกระดกู บนั้ เอว มีหน้ำท่หี ลัก
• สง่ ผ่ำนกระแสประสำทจำกหน่วยรับควำมรู้สึกไปสูส่ มอง
• สง่ ผ่ำนกระแสประสำทจำกสมองไปสหู่ นว่ ยปฏบิ ตั ิงำนต่ำง ๆของร่ำงกำย
• เป็นศนู ย์รีเฟลก็ ซค์ วบคุมกำรทำงำนภำยนอกอำนำจจิตใจ
ใยประสาท
เส้นประสาท
ใยประสำทหลำยอันมำรวมกันเป็นมัด ทำหน้ำท่ีส่งกระแสประสำท
จำกสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่ำง ๆ หรือรับกระแสประสำท
จำกอวัยวะต่ำง ๆ มำยังไขสันหลังและสมอง
เซลล์ประสาท เดนไดรต์
แอกซอน
ตัวเซลล์
• ประกอบด้วยนิวเคลียสและไซโทพลำซึมที่มีออร์แกเนลล์ต่ำง ๆ
อยภู่ ำยใน
• ทำหน้ำท่ีสังเครำะห์สำรที่จำเป็นต่อเซลล์ประสำทและส่งสำรไป
ยังเซลลป์ ระสำทอ่ืนๆ
ใยประสาท
• แขนงทแ่ี ยกออกมำจำกตวั เซลล์
• ประกอบดว้ ยเดนไดรต์ทำหนำ้ ท่นี ำกระแสประสำทเขำ้ สู่ตวั เซลล์
และแอกซอนทำหนำ้ ทน่ี ำกระแสประสำทออกจำกตัวเซลล์
การทางานของระบบประสาท
กำรทำงำนประสำนกันของสมอง ไขสนั หลงั และเสน้ ประสำท เม่อื มสี ง่ิ เรำ้ มำกระตุ้นอวัยวะควำมรสู้ ึกตำ่ ง ๆของรำ่ งกำย
1 เม่ือถูกหนำมท่ิม หน่วยรับควำมรู้สึกใต้ผิวหนัง
บรเิ วณปลำยน้วิ จะได้รบั กำรกระต้นุ
1
5 2 2 กระแสประสำทถูกส่งผ่ำนเซลล์ประสำทจำก
3 ปลำยนว้ิ ไปยังไขสนั หลัง
4 3 กระแสประสำทถูกส่งจำกไขสันหลงั ต่อไปยังสมอง
ทำให้รูส้ ึกเจบ็ ปวดท่ีบริเวณปลำยนิ้ว
ศนู ย์ประสำทสัง่ กำรในสมองจะสงั่ กำรลงมำยัง
4 ไขสันหลัง แล้วส่ังกำรต่อไปยังหน่วยปฏิบัติงำน
คือ กล้ำมเนื้อทีโ่ คนแขน
5 กล้ำมเนือ้ ทีโ่ คนแขนจะหดตวั ทำให้แขนพบั งอและ
ยกปลำยนิว้ ออกจำกหนำม
การดูแลรักษาอวัยวะ
ในระบบประสาท
ระบบสืบพนั ธุ์
มนุษย์มกี ำรสืบพนั ธุ์แบบอำศยั เพศ เกิดจำกกำรปฏสิ นธขิ องเซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศชำย คือ เซลล์อสุจิ กบั เซลล์สบื พันธ์ุเพศหญงิ
คือ เซลล์ไข่ เมือ่ เซลล์สืบพนั ธท์ุ ั้ง 2 เพศ ปฏิสนธกิ ันจะได้ไซโกต แบง่ เซลลเ์ ปน็ เอ็มบรโิ อ และเจรญิ เติบโตเปน็ ทำรก
เซลลอ์ สุจิ
เซลลไ์ ข่
ปฏสิ นธิ
ระบบสืบพนั ธเุ์ พศชาย ต่อมสรา้ งนา้ เล้ียงอสุจิ
มสี ภำพเปน็ เบสอ่อนๆประกอบดว้ ยนำ้
อัณฑะ สำรเมอื ก กรดอะมโิ น และนำ้ ตำล
มี 1 คู่ อยู่ภำยในถงุ อณั ฑะ ทำหนำ้ ทผี่ ลิต โมเลกลุ เดยี่ ว (ฟรักโทส) ที่เป็นอำหำร
ฮอรโ์ มนเพศชำยและสร้ำงเซลลอ์ สุจิ ของเซลลอ์ สุจิ
ถุงอัณฑะ ตอ่ มลูกหมาก
ห่อหุ้มอณั ฑะและปรบั อุณหภมู ขิ องอัณฑะ หลั่งสำรท่มี สี มบัตเิ ปน็ เบสเพื่อลดควำม
ใหต้ ำ่ กวำ่ อุณหภูมปิ กตขิ องรำ่ งกำย เป็นกรดในชอ่ งคลอดของเพศหญิง
ประมำณ 3 องศำเซลเซยี ส
ต่อมคาวเปอร์
หลอดเกบ็ อสจุ ิ สร้ำงสำรหล่อล่ืนช่วยใหเ้ ซลล์อสจุ ิ
อยู่ด้ำนบนของอณั ฑะ ทำหน้ำท่ี เคลอ่ื นท่ีได้เรว็ ข้นึ
เก็บอสจุ ทิ ส่ี รำ้ งมำจำกอัณฑะ
องคชาต
หลอดนาอสจุ ิ เปน็ อวัยวะสืบพนั ธ์ุภำยนอกรำ่ งกำย
เป็นทำงผำ่ นของเซลล์อสจุ ิที่สรำ้ งจำก ซ่ึงเป็นทำงผำ่ นของอสจุ อิ อกจำกร่ำงกำย
อณั ฑะ
การสรา้ งเซลลอ์ สจุ ิ
• เซลล์อสจุ ถิ กู สรำ้ งจำกอณั ฑะและเคลอ่ื นที่มำยังหลอดเก็บอสุจซิ งึ่ เป็นแหล่งพฒั นำเซลลอ์ สุจิ
• เมอ่ื มีกำรหลัง่ อสจุ ิ เซลลอ์ สุจถิ กู ลำเลยี งตำมหลอดนำอสุจไิ ปยงั ทอ่ ปัสสำวะ ซ่ึงมีกำรหลั่งของเหลวจำกตอ่ มต่ำงๆ มำรวม เรยี กว่ำ นา้ อสจุ ิ
• เพศชำยเร่ิมสรำ้ งเซลลอ์ สจุ ิเม่อื อำยุ 12-13 ปี และสรำ้ งตลอดชวี ติ
ส่วนหัว
มีนิวเคลียสที่บรรจุสำรพันธุกรรม ซึ่งถูกห่อหุม้ ด้วยถุงอะโครโซมท่ี
ประกอบดว้ ยเอนไซมส์ ำหรบั เจำะเยอื่ ห้มุ เซลล์ไข่
ส่วนลาตวั
มีไมโทคอนเดรียทำหนำ้ ท่สี ร้ำงพลงั งำนสำหรับกำรเคลอ่ื นที่
สว่ นหาง
ประกอบด้วยแฟลเจลลัมชว่ ยในกำรเคลอื่ นที่
ระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญงิ
รงั ไข่
• มี 2 อัน อยู่ดำ้ นขำ้ งมดลูก
• ทำหนำ้ ทีผ่ ลิตเซลลไ์ ขแ่ ละฮอรโ์ มนเพศหญิง
ท่อนาไข่ หรือปกี มดลูก
• ทำงเชื่อมระหว่ำงรังไข่กบั มดลกู
• เป็นบรเิ วณทีเ่ กดิ กำรปฏิสนธขิ องเซลล์อสุจิกบั เซลล์ไข่
มดลกู
• อยบู่ รเิ วณอ้งุ เชิงกรำนระหว่ำงกระเพำะปัสสำวะกับทวำรหนกั
• เปน็ บรเิ วณฝงั ตวั ของเอ็มบริโอและเจรญิ เติบโตของทำรก
ชอ่ งคลอด
• อยตู่ อ่ จำกมดลูก ประกอบด้วยกลำ้ มเน้ือเรียบ จงึ ยืดหยุ่นได้
• เป็นทำงผ่ำนของเซลล์อสุจิเข้ำสู่มดลูกและเป็นทำงออกของ
ทำรกเมือ่ ครบกำหนดคลอด
การสรา้ งเซลล์ไข่
เซลล์ไข่ที่เจรญิ เติบโตเตม็ ท่ีและพร้อมที่จะไดร้ ับกำรผสม เรยี กวำ่ ไข่สกุ
ซ่ึงจะเคลือ่ นทจี่ ำกรงั ไข่เข้ำสปู่ ีกมดลกู เรยี กกระบวนกำรนว้ี ่ำ การตกไข่
1 เซลล์ไข่เจริญและพัฒนำอย่ใู นรังไข่ 1 2 3
4
2 เมอ่ื เซลล์ไขส่ ุกจะตกจำกรังไข่เขำ้ สทู่ ่อนำไข่
3 เซลล์ไข่เคล่ือนไปยังผนังมดลูกท่ีหนำตัว
เพ่ือเตรียมพรอ้ มรับกำรฝงั ตวั
4 หำกเซลล์ไข่ไม่ถูกปฏิสนธิจะสลำยตัว
ผนังมดลูกและหลอดเลือดหลุดกลำยเป็น
ประจาเดอื น
ฮอรโ์ มนเพศ สำรเคมีที่ร่ำงกำยสร้ำงขึ้น ทำหน้ำที่ควบคุมกำรสร้ำงเซลล์สืบพันธ์ุ รวมทั้ง
ควบคุมกำรเปล่ยี นแปลงลักษณะทำงร่ำงกำยเมื่อเจริญเขำ้ สวู่ ัยหนมุ่ สำว
ฮอร์โมนเพศชาย : เทสโทสเทอโรน ฮอรโ์ มนเพศหญงิ : โพรเจสเทอโรนและอสี โทรเจน
• สร้ำงจำกอณั ฑะ • สรำ้ งจำกรงั ไข่
• ควบคุมกำรสรำ้ งเซลลอ์ สุจแิ ละกำรเกิดลักษณะข้ันที่ 2 • ฮอร์โมนทัง้ 2 ชนิด ทำหนำ้ ทีร่ ่วมกนั กระตนุ้ กำรเจริญของ
ของเพศชำย เช่น มีหนวดเครำ ขนบรเิ วณรกั แร้ หนำ้ แข้ง ผนงั มดลกู เพ่อื รองรบั กำรฝังตัวของเอม็ บริโอ และอีสโทรเจน
และอวยั วะเพศ หัวนมแข็ง เสียงแหบและหำ้ ว มมี ัดกล้ำมเนื้อ ยังควบคุมกำรเกดิ ลกั ษณะข้ึนท่ี 2 ของเพศหญิง เช่น
สะโพกแคบและไหลกวำ้ ง อวัยวะเพศโต หล่ังนำ้ อสุจิขณะหลับ เสยี งเล็กแหลม สะโพกผำย หน้ำอกและอวยั วะเพศใหญ่
ขนขน้ึ บริเวณรกั แร้และอวยั วะเพศ
ฮอร์โมนจากรังไข่การเปล่ยี นแปลงของฮอร์โมนเพศหญงิ โพรเจสเทอโรน
อีสโทรเจน
ัวฏ ัจกรของมด ูลก
ประจาเดอื น ระยะก่อนตกไข่ ระยะหลังตกไข่ ประจาเดอื น
การคมุ กาเนิด กำรป้องกนั กำรตง้ั ครรภ์ โดยกำรป้องกันกำรปฏสิ นธหิ รอื ป้องกนั กำรฝ่งั ตัวของเอม็ บริโอท่ผี นงั มดลกู
1. วิธีธรรมชาติ
กำรนับวันมีเพศสัมพนั ธ์ คอื ก่อนมีประจำเดือน 7 วนั
และหลงั จำกมีประจำเดือนวนั แรก 7 วัน
ขอ้ ดี : สำมำรถคำนวณระยะเวลำในกำรมเี พศสัมพันธไ์ ดด้ ว้ ยตนเอง
ขอ้ เสยี : ไม่สำมำรถป้องกันกำรติดเช้อื จำกโรคติดตอ่ ทำงเพศสัมพนั ธ์
2. การคมุ กาเนิดโดยใชอ้ ปุ กรณ์
กำรใชถ้ งุ ยำงอนำมยั ในเพศชำย
กำรใช้หว่ งคมุ กำเนดิ ในเพศหญิง
ขอ้ ดี : สำมำรถปอ้ งกันกำรติดเชื้อจำกโรคตดิ ต่อทำงเพศสมั พันธ์ได้
ขอ้ เสีย : ไม่สำมำรถป้องกันกำรตั้งครรภ์ไดอ้ ยำ่ งแนน่ อน
การคมุ กาเนิด
3. การคุมกาเนิดโดยใช้สารเคมี
กำรใชย้ ำคมุ กำเนิด
ขอ้ ดี : สำมำรถใชใ้ นกรณีฉกุ เฉนิ ได้ เชน่ ถกู ขม่ ขนื
ขอ้ เสยี : อำจส่งผลข้ำงเคยี งตอ่ ร่ำงกำยได้
4. การทาหมัน
กำรปอ้ งกนั ท่ีมีประสิทธิสูงท่สี ดุ ไดแ้ ก่ กำรตัดทอ่ นำอสุจิในเพศชำย
กำรตัดทอ่ นำไขใ่ นเพศหญงิ
ข้อดี : สำมำรถปอ้ งกันกำรต้ังครรภ์ได้อยำ่ งถำวร
ขอ้ เสยี : ไมส่ ำมำรถมีบุตรเพ่ิมในอนำคตอีก