The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณี 12 เดือน ฮีต 12 คอง 14

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประเพณี 12 เดือน ฮีต 12 คอง 14

ประเพณี 12 เดือน ฮีต 12 คอง 14

ฮตี คือ “รีต” ในภาษาไทย (อีสานและลาวออกเสียง ร. เปน็ ฮ.) หมายถึง ประเพณี
ทถี่ ือปฏิบัติสืบตอ่ กนั มาแตโ่ บราณ คอง คาศัพทเ์ ดมิ หมายถงึ รอยทเี่ ปน็ ทางยาว เช่น
รอยหนามขดี ขว่ น นอกจากน้ยี งั ตรงกับคาวา่ คลอง ในภาษาไทย (อีสานและลาวไมน่ ิยม
ออกเสียงควบกลา้ ) เช่น คลองธรรม ดังนั้น คาวา่ ฮีต และ คอง จงึ มีความหมาย
คลา้ ยคลงึ กับคาว่า จารีตประเพณี..

“ฮีตสิบสอง” หมายถงึ ประเพณกี ารทาบุญเซน่ สรวงประจาเดอื นในรอบปหี น่ึง
“คองสบิ ส่ี” เป็นหลักธรรมประเพณีสาหรบั คนธรรมดาถอื ปฏิบตั ใิ นครอบครวั และศาสนามีสบิ ส่ี

ประการ

ฮีตสบิ สองหรือประเพณสี ิบสองอยา่ งของชาวอสี านและชาวลาวจะมขี ึน้ ในทุกเดือนตามปฏทิ ิน
จันทรคติ โดยกาหนดใหห้ นงึ่ เดือนมหี นึ่งฮตี โดยเดอื นท่ีหนึ่งของอสี านจะเริ่มเดือนพฤศจิกายนหรอื
ธนั วาคม สาหรบั ชาวอีสานส่วนใหญ่งานบุญฮีตสิบสองยงั คงมคี วามสาคญั ต่อ ชีวิต ความเป็นอยู่ และ
ความสามคั คขี องคนในชมุ ชนเป็นอย่างมาก แมว้ ่าฮีตสว่ นใหญ่จะมตี ้นกาเนดิ มาจากตานานความเช่อื ก่อน
คร้ังพุทธกาล แตก่ ็ได้ผสมผสานเข้ากบั พระพทุ ธศาสนาทเ่ี ผยแผ่เขา้ มาอย่างเป็นอนั หนงึ่ อนั เดียวกนั

บญุ เข้ากรรม เม่ือถงึ เดอื นน้ี พระสงฆท์ ี่ทาผดิ พระวินัยปิฎก (พุทธบัญญตั ิเกีย่ วกับความ
ประพฤติของเหลา่ พระสงฆ)์ จะต้องปลงอาบตั ิอยู่ในเขตปริวาสตามลาพังเพือ่ ชาระมลทินท่ีไดล้ ่วงละเมิด
พระวนิ ัย การอยู่กรรมจะใช้เวลา 9 วัน เปน็ อย่างน้อย เมอ่ื ถึงประเพณบี ุญเขา้ กรรมฆราวาสจะนา
ภตั ตาหารและอัฐบริขารมาถวายพระสงฆ์ทอ่ี ยู่ปรวิ าสกรรมทว่ี ัด

บุญคณู ลาน มีหลายชื่อด้วยกนั เชน่ บุญคูนข้าว บญุ กองข้าว หรอื บุญกมุ้ ขา้ วใหญ่ คาว่า คนู
(ภาษาอีสาน) หรือ คูณ แปลว่า พูน และ ลาน หมายถงึ ทส่ี าหรบั นวดข้าว คาวา่ คณู ลาน หรอื คูน
ข้าว จงึ มีความหมายถงึ การนา(ขา้ ว)มาทบั ถมกนั เปน็ กองจนพนู สูงข้ึนบนลานข้าว พิธกี รรมนี้เกดิ ขนึ้
เมอื่ เสร็จส้ินฤดเู กบ็ เกี่ยว เป็นการขอบคุณเทวดาอารกั ษ์ผีตาแฮกที่ได้ดแู ลไร่นารวมถงึ เปน็ สิริมงคลให้แก่
ไรน่ าของตนเอง ในพธิ กี รรมจะนมิ นต์พระสวดชัยมงคลคาถาเจริญพระพทุ ธมนตท์ ล่ี านขา้ ว ประพรมน้า
พระพุทธมนตแ์ ก่ นาข้าว วัว ควาย สขู่ วญั ใหเ้ จ้าของนาหรอื ชุมชนท่ีจดั พิธีกรรมร่วมกันให้เกิดความผาสขุ
สวัสดี ก่อนทจี่ ะแบ่งขา้ วเปลอื กนาไปถวายวดั และนาขึน้ เก็บไว้ในยงุ้ ฉาง ผู้ใดได้ประกอบพิธกี รรมนี้เช่อื ว่า
จะมีขา้ วกนิ ไมร่ ู้จกั หมดสนิ้ มีไรน่ าอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดกู าล เมอ่ื พระสงฆส์ วดมนตเ์ สรจ็ จะมี
การถวายภัตตาหารและอทุ ศิ ส่วนกุศลให้ญาติผลู้ ว่ งลับ ท้ายงานจะมีการเล้ียงดญู าติมิตรและจบดว้ ยการ
สู่ขวญั ข้าวโดยหมอพราหมณห์ รอื หมอสู่ขวัญ

ข้าวจี่ นับวา่ เป็นอาหารท้องถิน่ ของคนอสี าน คาวา่ จ่ี (อสี าน) แปลว่า ป้งิ หรือ ยา่ ง ขา้ วจ่ีจะทา
จากข้าวเหนยี วทปี่ ั้นเป็นกอ้ นแบนบา้ ง ทรงรีบา้ ง แล้วยา่ งกับเกลอื บางๆ พอใหผ้ ิวขา้ วดา้ นนอกแหง้ ก่อน
ทาหรอื ชบุ ไขแ่ ลว้ นาไปยา่ งให้สุก บางหมบู่ า้ นก็นิยมยดั ไสข้ า้ วจีด่ ว้ ยนา้ ตาลทาจากนา้ ออ้ ย พิธกี รรมบุญ
ขา้ วจีน่ ัน้ จะเริ่มในตอนเช้ามืดเพราะจะตอ้ งเตรียมการย่างข้าวจ่ี พอเชา้ กจ็ ะนาใส่ภาชนะไปตง้ั ไวใ้ นหอแจก
(ศาลาการเปรียญ) หรือนาไปใส่บาตร เมอื่ พระฉันเสร็จจะมกี ารแสดงพระธรรมเทศนา ข้าวจท่ี ่เี หลือจาก
พระฉนั กแ็ บ่งกันรบั ประทานหรอื นาไปฝากคนท่บี ้าน เพราะเชื่อว่าเหลอื จากพระฉันแลว้ จะโชคดี ต้น
กาเนดิ ของประเพณีบุญขา้ วจี่มาจากคร้งั หน่งึ เม่อื คร้งั พุทธกาล พระพทุ ธเจ้าไดเ้ สวยแปง้ จท่ี น่ี างปุณณะ
ทาสีผ้ยู ากไรท้ ามาถวาย นางนึกว่าพระองคจ์ ะทรงไม่ฉันด้วยวา่ ดูไมส่ วยงามนา่ ฉนั แตแ่ ลว้ กท็ รงฉันและ
ทรงแสดงธรรมเทศนา กระทัง่ นางเกิดปติ ิและไดบ้ รรลุโสดาบันด้วยอานิสงฆ์ของข้าวจ่ี เมื่อคนทง้ั หลาย
ทราบถงึ อานสิ งสแ์ ห่งบญุ ขา้ วจี่ จึงไดพ้ ากันถวายข้าวจี่แดพ่ ระสงฆ์สืบมาจนกลายเปน็ ประเพณีถงึ ทกุ
วันน้ี

ในการเสวยพระชาตสิ ดุ ท้ายของพระพทุ ธเจา้ กอ่ นการตรสั รู้ พระพทุ ธเจ้าได้ทรงประสูติเปน็ พระ
เวสสนั ดร(ผะเหวด-ภาษาอสี าน) ผซู้ ึง่ บาเพ็ญสัจจะบารมี คอื การใหท้ าน เป็นการให้ทานทุกส่ิง
แมก้ ระท่ังในสิ่งท่ียากทสี่ ดุ คือภรรยาและบตุ ร บุญผะเหวด จงึ ถือเป็นการเฉลมิ ฉลองบญุ ท่ยี ง่ิ ใหญ่ ในวนั
แรกจะมพี ิธอี ัญเชิญพระอุปคุตมาปกปกั ษร์ กั ษาการทาบญุ ใหญ่ หลงั จากนัน้ จะมีขบวนแหผ่ ้าพระเวสหรอื
ผา้ ผะเหวดที่วาดเรือ่ งราวของพระเวสสันดร จาลองเหตุการณพ์ ระเวสสนั ดรและกษตั ริย์ต่างๆ กลับเขา้
เมือง ขบวนเร่มิ ในปา่ ใกล้หมบู่ า้ น มีพธิ ีอัญเชิญพระเวสสนั ดรและกษตั ริย์ทง้ั หมด หลังจากนน้ั จะแห่ออก
จากปา่ ผ่านบา้ นเรือนไปยังวดั เม่อื ถงึ มกี ารแหว่ นอโุ บสถและศาลา 3 รอบ ก่อน ฟงั เทศน์มาลยั หมน่ื
มาลยั แสน กลางคืนมมี หรสพ ในวันถดั มาจะแหข่ ้าวพันกอ้ นตอนเช้ามดื (บา้ งเรมิ่ ตี4) ต่อมาร่งุ เชา้ จะมีการ
เทศนส์ งั กาส(ศักราชสมัยพุทธโคดม เรม่ิ ดว้ ยพทุ ธประวตั จิ นถงึ ส้ินสดุ ศักราช) สวดคาถาพัน(การสวดพระ
คาถาเวสสันดรชาดกเปน็ ภาษาบาลีของสงฆท์ ้ังหมด 1,000 พระคาถา) และเทศนม์ หาชาติจบภายใน
หนง่ึ วัน ซง่ึ การฟังเทศนม์ หาชาตินี้ถอื ว่าได้บญุ มาก ใครฟงั จบเชื่อวา่ จะไปเกดิ ในยุคของพระศรีอาริย์
พระพทุ ธเจา้ องค์ถดั ไป ในช่วงบ่ายวนั เดยี วกนั จะมีการแหก่ ณั ฑห์ ลอน คล้ายผา้ ป่ามาถวายพระ

บญุ สงกรานต์ หรอื บญุ สรงน้า ถือเปน็ วันขึ้นปใี หม่ของไทย และยังเป็นวันหยดุ เทศกาลท่สี าคญั
ท่ีสดุ ของประเทศอกี ด้วย ผู้คนต่างรว่ มฉลองเทศกาลนดี้ ้วย “น้า” เล่นสาดกันอยา่ งสนุกสนาน แตใ่ นสว่ น
ของวัฒนธรรมดงั้ เดิมชาวบา้ นจะอญั เชิญพระพทุ ธรูปลงสรงนา้ ทบี่ า้ นชว่ งเชา้ มีการรดน้าดาหัวผู้ใหญ่
และไปสรงน้าพระทีว่ ดั เพราะท่วี ดั จะมีการอญั เชิญพระพทุ ธรูปลงมาสรงน้าเช่นกนั เด็กๆ มกั จะชอบลอด
เขา้ ไปใต้โต๊ะเอาศีรษะรองรับนา้ ที่เขาสรงพระลงมา พ่อแมม่ กั บอกว่าไปเอา “น้าขี้พระ” ใส่หวั จะได้ไมด่ ้อื
ไมซ่ น เรียนจะไดเ้ ก่ง (ทเี่ รยี กน้าขพี้ ระอาจเพราะเป็นนา้ ท่ีลา้ งฝนุ่ ผงทตี่ ดิ องค์พระท้งั ปี) นา้ ท่ีสรงพระลง
มานี้ มีหลายคนหลงั สรงพระเสร็จกม็ ักจะเอามือรองเอานา้ มาประพรมบนศีรษะเชอื่ ว่าเป็นสิริมงคลปดั
เปา่ สงิ่ ทไี่ มด่ อี อกไป นอกจากนท้ี ่วี ัดยงั มีการทาบุญและกอ่ ประทายหรอื เจดีย์ทรายประดบั ธงทิวหรอื
ดอกไม้เพ่ือเปน็ พทุ ธบูชาอกี ดว้ ย สาหรบั บญุ สงกรานต์นี้ยังมีประวัติเก่ียวขอ้ งกบั นางสงกรานต์ทั้ง 7 องค์
ท่ีประจาแตล่ ะวันในสปั ดาห์ ผลดั เปล่ยี นหมนุ เวยี นกันอญั เชิญเศยี รของท้าวกบลิ พรหมแห่รอบเขาพระ
สุเมรุ โดยหากวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันใด กจ็ ะเลอื กนางสงกรานตอ์ งค์นั้นข้นึ แห่เศียรของท้าวกบิล
พรหมในวนั มหาสงกรานตท์ กุ ปี

บุญบงั ไฟ เป็นหนงึ่ ในอัตลักษณ์ทางวฒั นธรรมชาวอีสาน งานเทศกาลจะเกิดขึ้นในตน้ ฤดูฝน บัง้
ไฟทีถ่ ูกทาข้นึ เองถ้าเปน็ แบบโบราณจะใช้กระบอกไมไ้ ผ่ที่มลี าใหญก่ ระท้งุ เอาปลอ้ งดา้ นในออก แล้วบรรจุ
ดว้ ยดนิ ประสวิ ทาจากมูลค้างคาวเก่าและถ่านไม้เนอื้ ออ่ น เปน็ ตน้ โดยดนิ ประสวิ ธรรมชาติจะถกู ตาให้เขา้
กนั อย่างละเอยี ดดว้ ยครกไมห้ รือครกกระเดอ่ื ง (ปจั จุบันใชท้ อ่ พีวีซีและดนิ ประสิวจริง) การจุดบั้งไฟนี้
เปน็ ไปเพื่อบูชาแถนเมืองฟ้า (หรือเทวดาผูเ้ ปน็ ใหญ่บนท้องฟ้า) ขอให้มีฝนตกตอ้ งตามฤดกู าล เพอ่ื ให้
การทาไร่ทานาไดพ้ ชื ผลบริบูรณ์ ความเชื่อน้ีเปน็ ความเช่ือด้ังเดมิ เก่ียวกบั ผฟี า้ ผีแถนทม่ี มี าก่อนพุทธ
ศาสนาจะเผยแผ่เขา้ มาถงึ กอ่ นวันจดุ บ้ังไฟ จา้ (ผู้นาทางพิธกี รรมผ)ี จะจดุ ธูปเทียนไหวบ้ อกกล่าวเลีย้ งผี
ปตู่ าหรือส่ิงศักดสิ์ ิทธิ์ของหมบู่ า้ น แล้วจุดบัง้ ไฟเล็กเสี่ยงทายว่าปีนี้บง้ั ไฟจะขนึ้ ดีหรือไมด่ ี รวมถงึ ขา้ วปลา
อาหารปนี ี้จะบรบิ ูรณ์หรอื ไม่ เมือ่ ถึงวนั แหบ่ ้ังไฟ ขบวนแหบ่ ั้งไฟจะแหผ่ ่านหมบู่ ้านไปเข้าวดั มีท้งั เซิง้ บง้ั ไฟ
ประกอบเสยี งพิณเสียงแคนอสี าน ผู้คนในขบวนแหม่ กี ารหยอกเยา้ ไปมาอย่างสนกุ สนาน นอกจากนี้ยงั มี
การแหส่ ัญลักษณ์เก่ยี วกบั เพศหรือเรอ่ื งลามกซง่ึ เปน็ ส่ิงหนึ่งท่สี าคญั และขาดไม่ได้ เช่น ผชู้ ายแต่งตัวเปน็
หญงิ ทาปากแดง มกี ารแหบ่ กั แปน้ (ปลดั ขิกใหญ่จนต้องใช้คนหาบ) ตกุ๊ ตาชายหญงิ และลงิ เด้าไมโ้ ดยใช้
เชือกกระตุกเคล่อื นไหวไปมาขนึ้ ลงเหมือนแสดงการร่วมเพศ ด้วยเชอ่ื ว่าเทวดาจะชอบและดลบนั ดาลให้
ฝนฟ้าตกต้องดี กลางคืนมมี หรสพคบงันตลอดคนื วันต่อมาจะเปน็ วนั จดุ ชาวบ้านจะเอาบั้งไฟข้นึ ฮ่านจดุ
บ้ังไฟทท่ี ุ่งนาหรอื รมิ แมน่ ้า โดยหันฮ่านให้บ้งั ไฟไปตกทศิ ที่ปลอดภัย ถา้ บ้ังไฟนั้นจุดไม่ขน้ึ หรือแตก ช่างทา
บัง้ ไฟก็จะถกู โยนลงไปในโคลน กลายเปน็ เร่ืองตลกขบั ขันและเป็นที่สนกุ สนานของชาวบา้ นทีไ่ ปเฝา้ ดทู งั้
หมบู่ า้ น

ซ้าฮะ หมายถงึ “ชะล้าง” ประเพณีบุญซาฮะของชาวอสี านถอื เปน็ การชาระลา้ งส่งิ สกปรกออก
จากร่างกายและจิตใจ ผคู้ นจะพากนั ทาความสะอาดบา้ นเรอื น ศาลพระภูมิ และวัดวาอาราม แลว้ จงึ มกี าร
ทาบุญให้กับเทวดาทปี่ กปักษร์ กั ษาหมบู่ ้านและผีบรรพบรุ ษุ เพอื่ ปดั เปา่ สิ่งช่ัวร้ายให้ออกไปจากหมบู่ า้ น
โดยมีการนาเอาทราย หินแห่(หินลกู รงั ) มารวมกันทศ่ี าลากลางบ้าน แลว้ นมิ นตพ์ ระสงฆ์มาเจริญพุทธ
มนต์เสกทราย หนิ นา้ แล้วนาไปสาดใส่บ้านเรือน ให้โรคภยั ไข้เจ็บ สง่ิ ไมด่ ีตา่ งๆ สูญหายไป

ในวนั ถัดจากวนั เพญ็ เดอื น 8 ซง่ึ เปน็ วันอาสาฬหบชู า คือ วนั แรม 1 คา่ เดือน 8 จะเปน็ วนั
เข้าพรรษา ตามพุทธบญั ญัติ หนงึ่ พรรษานับเป็นช่วงระยะเวลาสามเดอื นในฤดฝู น ซ่ึงพระสงฆต์ ้อง จ้า
พรรษา ทว่ี ัดใดวดั หนง่ึ (ในวนั เข้าพรรษา พระสงฆจ์ ะ “ว่าตัวเข้าพรรษา” หรืออธิษฐานเขา้ พรรษาต่อ
พระพุทธองคเ์ พอ่ื จาพรรษาในวัดแหง่ น้ัน) พระสงฆ์หลายรปู ในช่วงเขา้ พรรษาจะมกี ารศกึ ษาพระธรรม
และน่ังวปิ สั สนาอย่างเครง่ ครดั ขณะท่ฆี ราวาสต่างถือโอกาสบาเพ็ญกศุ ลดว้ ยการถอื ศีล งดสุรา เพราะ
เชือ่ วา่ จะไดบ้ ุญมาก มกี ารหล่อเทียนพรรษารว่ มกนั มกี ารถวายเทยี นพรรษาและผ้าอาบนา้ ฝน หลาย
ชมุ ชนมีการแหเ่ ทียนพรรษา และบวชเข้าพรรษา เปน็ ต้น

ขา้ วประดบั ดิน ได้แก่ ข้าว ของคาวหวาน ผลไม้ พร้อมทง้ั หมากพลูยาสูบ หอ่ ด้วยใบตองนาไปวางไว้
ตามตน้ ไมแ้ ละพื้นหญ้าขา้ งร้วั วดั เพ่ืออทุ ิศแกญ่ าติผู้ลว่ งลบั ในเชา้ มดื ของวันแรม 13 ค่า เดอื น 9 (ประมาณ 6
โมงเชา้ หรือแสงทท่ี าให้มองเห็นใบไม้ชัดเจนเป็นเกณฑ์ขึน้ วนั ใหมส่ าหรบั ปฏิทนิ จันทรคติ) รงุ่ เชา้ วันแรม 14 ค่า
เดอื น 9 จะไปถวายภตั ตาหารพระ แลว้ หยาดนา้ หรอื กรวดน้าอทุ ิศส่วนบญุ การทาบญุ ตอนเช้าพร้อมหยาดน้าถอื
เปน็ วถิ ปี ัจจุบนั ด้วยเช่อื ว่าผ้ตู ายถงึ จะไดร้ ับผลบุญนนั้ และเป็นมูลเหตุให้นิยมทาบญุ “แจกขา้ ว” เพื่ออทุ ิศให้แก่
ผู้ตาย แทนการเอาอาหารวางให้โดยตรงอีกดว้ ย บางตานานวา่ พระยายมบาลอนญุ าตใหพ้ วกบรรดาเปรต
ท้งั หลายขึน้ มาขออาหารกินกับญาตใิ นเมืองมนุษยไ์ ด้เปน็ เวลา 15 วัน แล้วจงึ มีบญั ชาให้กลับในวนั เพ็ญเดอื นสิบ
ซึง่ ตรงกบั วนั บุญข้าวสาก บญุ ข้าวประดับดินจึงอาจเปน็ การเล้ียงต้อนรบั ผญี าติพน่ี ้องกลับมารับส่วนบุญกับ
ครอบครวั

บุญข้าวสาก เกดิ ข้ึนหลงั วนั งานบญุ ขา้ วประดบั ดิน ตรงกับวันเพ็ญเดอื นสบิ เป็นการเลีย้ งผบี รรพบรุ ษุ
และผไี มม่ ีญาติ โดยเช่อื วา่ หลงั จากพระยายมบาลไดอ้ นุญาตให้พวกบรรดาเปรตท้ังหลายท่ีอดอยากในนรกขึน้ มา
ขออาหารกนิ กบั ญาติของตนในเมืองมนุษย์ไดเ้ ป็นเวลา 15 วนั นับจากวันบุญขา้ วประดับดนิ แล้ว เม่ือครบกาหนด
ตอ้ งกลบั ญาติก็จะทาบุญข้าวสาก เขา้ สาก หรอื ข้าวสลาก เพ่อื อทุ ศิ ให้แกผ่ ตู้ ายเป็นการสง่ กลบั (บางหมูบ่ ้านจะ
ทาข้าวตอกแตกใส่นา้ ตาลเคีย่ ว ใส่มะพร้าว คล้ายกระยาสารท) ในพิธกี รรมบญุ ขา้ วสากนจ้ี ะมีการถวายทานแด่
พระสงฆ์ ผู้ถวายทานจะเขยี นชื่อตนเองใส่ในภาชนะที่ใส่ของทานไว้ แลว้ เขยี นชอื่ ตนอกี แผน่ หนึง่ ใสไ่ วใ้ นบาตรพระ
เมอ่ื ภิกษรุ ปู ใดจับได้สลากของผใู้ ด ก็จะเรียกชือ่ และเจ้าของสลากก็จะนาของถวายทีต่ นจัดไวไ้ ปถวายแด่พระภกิ ษุ
รปู นัน้ แตก่ ่อนการถวายจะมกี ารกล่าวคาถวายข้าวสากพรอ้ มกนั จบแลว้ ภกิ ษกุ ็จะรับเอาทานน้ันเปน็ อันเสร็จพธิ ี
ในการเตรียมอาหารสาหรบั พระภิกษุ ชาวบา้ นมักทาเป็นหอ่ ข้าวใหญ่ และมหี อ่ ข้าวนอ้ ยหลายสบิ ห่อ(บา้ งเย็บใส่
กันเปน็ ค)ู่ สาหรบั ให้ผบี รรพบรุ ษุ หรอื เปรต โดยเปน็ ห่ออาหารคาวมขี า้ วมีปลา หอ่ ของหวานและผลไม้ และห่อ
หมากพลยู าสบู เมอ่ื ทาพธิ เี สรจ็ กจ็ ะเอาไปกระจายไว้ตามโกศเก็บกระดกู ของบรรพบรุ ษุ ห้อยตามกิ่งไมห้ รือวาง
ตามใต้ตน้ ไม้ ส่วนห่อข้าวน้อยทเ่ี ตรยี มไว้ท่เี หลอื อกี สว่ นหนึ่งก็จะนาไปไหว้ผพี ่อใหญ่แมใ่ หญห่ รอื ผีตาแฮกทนี่ า
ของตน

วนั ออกพรรษา ตรงกบั ขึน้ 15 คา่ เดือน 11 คอื วนั สดุ ท้ายของการสิน้ สุดจาพรรษาของพระสงฆ์
เปน็ เวลา 3 เดอื น และยงั ถือวา่ เปน็ “วนั ปวารณา” ของภิกษุสงฆ์ กล่าวคอื เปดิ โอกาสให้พระสงฆท์ ่ีอยู่จา
พรรษารว่ มกนั ให้สามารถวา่ กล่าวตกั เตอื นและชี้ให้เห็นข้อบกพรอ่ งด้วยจติ ทีป่ รารถนาดีต่อกันได้ ในวนั น้ี
ฆราวาสจะพากนั ทาบญุ ในตอนเชา้ ถวายเคร่อื งไทยทาน ผ้าห่ม ผา้ สบงจวี ร ยามค่ามกี ารจุดเทยี น ประทบี
หรือตะเกียง บนหอประทีบ เรยี กว่า จดุ ประทีปไตน้ ้ามัน เพ่อื เป็นพุทธบูชาและบูชาการเสดจ็ กลบั จากเท
วโลกมายงั เมืองมนษุ ย์ของพระพุทธองค์ บางแหง่ มกี ารแหป่ ราสาทผ้ึง จุดโคมลอยประทบี หรือลอย
กระทง บางแหง่ มีการทาบญุ ไหลเรือไฟในแม่นา้ สายใหญ่ เช่น แม่นา้ โขง เป็นต้น

บญุ กฐนิ ชาวบา้ นนยิ มทาการทอดกฐนิ กันตั้งแตแ่ รม 1 ค่า เดอื น 11 ถงึ ขึ้น 15 ค่า เดือน 12
(เปน็ เวลา 1 เดอื น หลงั ออกพรรษา) การทอดกฐนิ คือ การถวายผา้ กฐินไวต้ ่อหนา้ พระสงฆ์ในวัดนน้ั
อย่างต่า 5 รปู ทจ่ี าพรรษาครบ 3 เดอื น โดยใหพ้ ระสงฆ์รปู ใดรูปหนงึ่ ท่ไี ด้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์
อย่างเป็นเอกฉันท์ให้เปน็ ผ้รู บั กฐนิ สาหรบั กฐนิ มีสองชนิดคือ มหากฐิน หรอื กฐนิ ใหญ่ มอี ฐั บริขารมาก
สาหรับถวายพระภกิ ษุสงฆ์ มีการเตรียมการนาน ผู้ใดได้ทอดมหากฐินถอื ว่าไดก้ ุศลแรง กฐินอีกชนดิ คอื
จุลกฐิน หรือ กฐนิ เล็ก เปน็ กฐนิ ท่ที าดว่ นเพ่อื ทนั เวลา ในอดตี ผา้ กฐินที่จะถวายพระจะต้องทาให้เสร็จ
ภายในวนั เดียว ซ่งึ เรม่ิ ตงั้ แตก่ ารปั่นดา้ ย ทอเป็นผนื ยอ้ มแล้วตัดเย็บโดยอาศยั “กฐิน” หรือ ไมส้ ะดงึ ขงึ ผ้า
ทีจ่ ะปักเย็บเปน็ จีวรให้เรยี บ สาหรับบญุ กฐนิ โดยธรรมดาก่อนทอดกฐินตอ้ งมีการจองวัด เพราะวดั เดียว
จะทอดกฐนิ สองกองไม่ได้ และหลงั วันข้ึน 15 ค่า เดือน 12 กจ็ ะทอดกฐินอีกไมไ่ ด้ ชาวบ้านจึงทาการ
ทอดผ้าปา่ แทนซง่ึ ทาไดต้ ลอดปี

คองสบิ ส่ี คือ จารตี ประเพณที ่ียดึ ถอื เปน็ หลกั ปฏิบตั ิสาหรับบคุ คลธรรมดาทป่ี ระพฤติปฏิบตั กิ ับ
ครอบครัว ผัวเมีย บ้านเรือน และพระศาสนา เป็นกิจวัตร มี 14 ประการ คอื

เมอ่ื ข้าวหรอื ผลไม้ผลดิ อกออกผล ให้นาเอาไปถวายพระภกิ ษเุ สียก่อน แลว้ ตนเองจงึ บริโภคภายหลงั

อยา่ เล่นการพนนั อย่าลกั ขโมย อยา่ โกง(เช่น โกงตาชัง่ ) อยา่ โลภ อยา่ กล่าวคาหยาบคายต่อกนั หากผใู้ ด
ปฏิบัติได้ถอื เปน็ สิริมงคลกับตนเอง

ให้พรอ้ มกันทาร้วั หลักลอ้ มวัดและบ้านเรือนของตน และให้ปลกู หอบูชาเทวดาไว้ทีม่ มุ บ้าน เพ่อื ให้เกิด
ความโชคดแี ละความผาสขุ

ก่อนจะขน้ึ บนบา้ นใหล้ ้างเทา้ เสยี กอ่ น

เมอ่ื ถึงวันพระ 7 คา่ 8 ค่า 14 คา่ และ 15 ค่า ใหท้ าการสมมา(ขอขมา)และบูชาเทวดาทสี่ ถติ อย่ใู น
เตาไฟ บนั ได และประตบู า้ นท่ตี นอาศัยอยู่ เพอ่ื ใหเ้ ป็นสริ ิมงคลตอ่ ครอบครัว

กอ่ นเข้านอนใหล้ ้างเทา้ เสยี กอ่ น ถอื เป็นสิรมิ งคลอยา่ งหนง่ึ

ถงึ วนั พระ(วนั ศลี ) ใหเ้ มียเอาดอกไมเ้ ทยี นทาขนั ธ์ 5 มาสมมาผัวของตน(ผัวทด่ี ี) และเมอ่ื ถงึ วนั
อุโบสถใหจ้ ดั ดอกไมธ้ ปู เทยี นไปถวายแกพ่ ระภกิ ษสุ งฆ์ กบั ใหท้ าการคารวะบิดามารดาปู่ย่าตายายดว้ ย ถา้ มี
ลูกกใ็ ห้มากราบพอ่ แม่ แลว้ จึงอบรมสัง่ สอนบุตรธิดาของตน

ถึงวันพระเดอื นดบั หรือ ข้างแรม และวนั พระเดอื นเพ็ญ หรือ ข้างข้ึน ใหน้ ิมนตพ์ ระสงฆม์ าสวด
มนต์ทบี่ า้ นเรอื นของตนและทาบุญตักบาตรถวายทานท่าน

ใหต้ ่ืนนอนแตเ่ ช้าจะได้เตรียมตัวใสบ่ าตรพระ อยา่ ให้พระสงฆ์สามเณรคอย ขณะใส่บาตรกอ็ ยา่
สัมผัสบาตรหรอื ถกู ตัวทา่ น อยา่ สวมรองเท้า อยา่ กางรม่ หรือใสห่ มวก อยา่ เอาผ้าคลมุ ศรี ษะ อย่าุอ้มลกู
จูงหลานหรอื ถอื อาวุธ

ขณะที่พระสงฆ์เขา้ ปรวิ าสกรรม พระสงฆ์จะเวน้ การบิณฑบาต ฆราวาสให้แต่งหรอื จดั เตรียมขนั
ข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน และอัฐบริขารไปถวายทา่ น

เมื่อเห็นพระสงฆเ์ ดนิ ผา่ นมา ใหน้ ่ังลงกอ่ น ยกมอื ไหวแ้ ลว้ จงึ สนทนากับท่าน

อย่าเหยียบเงาของพระภกิ ษุสามเณรผทู้ รงศีล ครูบาอาจารย์ หรือ ผู้เฒา่ ผแู้ ก่ เพราะเปน็ การไม่
เคารพจะเกิดบาปแก่ตนเอง

อยา่ นาอาหารทีก่ ินเหลอื ไปถวายพระภิกษุสามเณร หากเป็นเมยี กอ็ ยา่ เอาอาหารทต่ี นกินเหลือไว้
ให้ผัวกินต่อ จะกลายเป็นบาป เกิดชาตหิ นา้ กไ็ ด้แต่สิ่งทไ่ี ม่ดี

อยา่ เสพกามคณุ ในวนั พระ วนั เข้าพรรษา วนั ออกพรรษา และวันมหาสงกรานต์ ผู้ใดฝ่าฝืนเวลา
ลูกหลานเกดิ มากจ็ ะมนี สิ ยั ด้ือดงึ สอนยาก


Click to View FlipBook Version