The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนจัดการเรียนรู้ สอบสอน ภาค ค ศธจปัตตานี
นายซอบือรี ตาปู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by alsobrun, 2022-03-05 01:22:12

แผนจัดการเรียนรู้ สอบสอน ภาค ค ศธจปัตตานี

แผนจัดการเรียนรู้ สอบสอน ภาค ค ศธจปัตตานี
นายซอบือรี ตาปู

คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) รหัสวิชา ว15101 ระดับชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี 5 จัดทาข้ึนเพ่ือใช้ในการจัดการเรียนการสอนโดยมีการศึกษา และวิเคราะห์หลักสูตรตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ ดาอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา แผนการจัดการเรียนรู้เพ่ือ
นาไปใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรใู้ นปกี ารศึกษา 2565

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้จะเป็นประ โยชน์ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ส่งผลให้การจัด
กจิ กรรมการเรียนรู้เปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ และนักเรยี นมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นสูงขน้ึ ต่อไป

นายซอบอื รี ตาปู

สำรบัญ หน้ำ

คานา 1
สารบัญ 2
วิสัยทัศน/์ หลกั การ/จุดหมาย 3
สมรรถนะ สาคญั ของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พ่งึ ประสงค์ 5
สาระมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) 6
คาอธบิ ายรายวิชา 8
โครงสร้างรายวชิ า 9
หนว่ ยการเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้
ภำคผนวก

1

หลกั สูตรแกนกลาง

วสิ ัยทศั น์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนา

ผู้เรยี นทุกคน ซึง่ เปน็ กาลงั ของชาตใิ ห้เปน็ มนษุ ย์ที่มีความสมดลุ ทั้งดา้ นร่างกาย ความรู้ คณุ ธรรม มจี ิตสานกึ ในความเป็น
พลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มีความรู้และทักษะพ้ืนฐาน รวมทั้งเจตคติท่ีจาเปีนต่อการศึกษา ต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดย
มงุ่ เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคัญบนพ้ืนฐานความเชื่อวา่ ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศกั ยภาพ

วิสยั ทัศน์
หลกั สตู รแกนกางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2560) มีหลกั การทสี่ าคญั ดังน้ี
1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพอ่ื ความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน การเรียนรู้เป็นเป้าหมาย

สาหรับพฒั นาเด็กและเยาวชนให้มคี วามรู้ ทักษะ เจตคติ และคณุ ธรรม บนพ้ืนฐานของความเป็นไทยควบคู่กับความเป็น
สากล

2. เปน็ หลักสตู รการศึกษาเพอ่ื ปวงชน ทท่ี กุ คนมีโอกาสไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งเสมอภาคและมคี ุณภาพ
3. เปน็ หลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษาให้สอดคล้องกับ
สภาพและความตอ้ งการของท้องถ่นิ
4. เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่มี ี โครงสรา้ งยดื หย่นุ ทง้ั ด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และการจัดการเรยี นรู้
5. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั
6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก
กล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์

จุดหมาย
หลกั สูตรแกนกางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง 2560) มงุ่ พฒั นาผู้เรียนให้เป็นคนดี

มีปัญญา มีความสุข มศี ักยภาพในการศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเปน็ จดุ หมายเพอ่ื ให้เกิดกบั ผเู้ รียน เม่อื จบ
การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ดังน้ี

1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรม
ของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถอื ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

2. มีความรู้ ความสามารถในการสือ่ สาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชวี ิต
3. มสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ีดี มสี ขุ พสิ ัย และรักการออกกาลังกาย
4. มีความรักชาติ มจี ติ สานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก ยดึ ม่ันในวิถีชวี ติ และการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ
5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิตสารารณะ
มงุ่ ทาประโยชนแ์ ละสรา้ งส่งิ ที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสุข

2

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ในการพัฒนาผู้เรียนดามหลักสูตรแกนกางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560)

มงุ่ เน้นพัฒนาผู้เรียนใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐานทกี่ าหนด ซึง่ จะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดสมรรถนะ สาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์ ดงั น้ี
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

ตามหลักสูตรแกนกางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) มุ่งให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะสาคญั 5 ประการ ดงั นี้

1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรม ในการใช้ภาษาถ่ายทอด
ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ
เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาตอ่ รองเพ่ือขจัด ลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือก
รับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพโดย
คานงึ ถึงผลกระทบทีม่ ีตอ่ ตนเองและสงั คม

2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใ จ
เกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลง
ของเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ตค์ วามร้มู าใช้ในการป้องกันและแกไ้ ขปญั หา และมีการตัดสนิ ใจที่
มปี ระสทิ ธิภาพ โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนิน
ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้าง
เสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับ
การเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ีส่งผลกระทบต่อตนเอง
และผอู้ ่นื

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และ ใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน
การแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

หลักสูตรแกนกางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพ่อื ให้สามารถอยรู่ ่วมกบั ผู้อ่ืนในสงั คมอยา่ งมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลเมอื ง

โลก ดงั นี้

1. รกั ชาติ ศาสนา กษตั รยิ ์ 5. อย่อู ย่างพอเพียง

2. ซอื่ สตั ยส์ ุจริต 6. มุง่ มัน่ ในการทางาน

3. มวี ินัย 7. รกั ความเปน็ ไทย

4. ใฝ่เรียนรู้ 8. มีจิตสาธารณะ

3

ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้
วิชาเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์

ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลา 40 ชั่วโมง

สาระที่ 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ขน้ั ตอน และเปน็
ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ท่า
ทนั และมจี รยิ ธรรม

ลาดบั ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1 ป.5/1 ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา
การอธิบาย การทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ • การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนากฎเกณฑ์ หรือ
จากปญั หา อยา่ งงา่ ย เงือ่ นไขทค่ี รอบคลมุ ทกุ กรณมี าใชพ้ จิ ารณาในการ
แก้ปัญหา การอธิบายการทางาน หรือการคาดการณ์
2 ป.5/2 ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมท่มี กี าร ผลลพั ธ์
ใช้เหตผุ ล เชิงตรรกะอย่างงา่ ย ตรวจหา • สถานะเร่ิมตน้ ของการทางานท่ีแตกต่างกันจะให้
ขอ้ ผิดพลาด และแก้ไข ผลลพั ธท์ แ่ี ตกต่างกัน
• ตัวอย่างปญั หา เชน่ เกม Sudoku โปรแกรม ทานาย
ตัวเลข โปรแกรมสร้างรูปเรขาคณิต ตามค่าข้อมลู เข้า การ
จัดลาดับการทางานบ้าน ในช่วงวันหยดุ จดั วางของใน
ครัว

• การออกแบบโปรแกรมสามารถทาไดโ้ ดยเขียน เปน็
ขอ้ ความหรือผงั งาน
• การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่มี ีการตรวจสอบ
เงือ่ นไขทีค่ รอบคลุมทุกกรณเี พ่อื ใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ ทถี่ กู ตอ้ ง
ตรงตามความตอ้ งการ
• หากมีข้อผิดพลาดใหต้ รวจสอบการทางาน ทีละคาสง่ั
เมื่อพบจุดทท่ี าใหผ้ ลลัพธไ์ มถ่ กู ต้อง ให้ทาการแก้ไขจนกว่า
จะไดผ้ ลลัพธท์ ถี่ กู ตอ้ ง
• การฝึกตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของ ผู้อืน่
จะช่วยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของ ปญั หาไดด้ ยี ิง่ ขึน้
• ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่ เลข
ค่ี โปรแกรมรบั ข้อมลู นา้ หนักหรอื ส่วนสงู แล้วแสดงผล
ความสมส่วนของรา่ งกาย โปรแกรม สง่ั ให้ตวั ละครทาตาม
เง่อื นไขทก่ี าหนด
• ซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch,
logo

4

ลาดบั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง

3 ป.5/3 ใชอ้ ินเทอร์เน็ตคน้ หาขอ้ มลู • การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เนต็ และการพจิ ารณา ผล

ตดิ ต่อส่ือสาร และทางานร่วมกนั ประเมิน การค้นหา

ความน่าเชื่อถือของข้อมูล • การติดต่อสอ่ื สารผ่านอนิ เทอร์เน็ต เช่น อีเมล บล็อก

โปรแกรมสนทนา

• การเขียนจดหมาย (บูรณาการกบั วิชาภาษาไทย)

• การใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในการติดต่อสอ่ื สารและทางาน

ร่วมกนั เชน่ ใชน้ ดั หมายในการประชุมกลุม่

ประชาสัมพันธ์กิจกรรมในห้องเรยี น การแลกเปลีย่ น

ความรู้ ความคดิ เหน็ ในการเรียน ภายใต้การดูแล ของครู

• การประเมนิ ความน่าเชื่อถือของข้อมลู เชน่

เปรยี บเทียบความสอดคลอ้ ง สมบูรณข์ องข้อมูล จาก

หลายแหลง่ แหล่งต้นตอของขอ้ มลู ผเู้ ขียน วันทเี่ ผยแพร่

ข้อมลู

• ขอ้ มูลที่ดีตอ้ งมรี ายละเอียดครบทกุ ด้าน เชน่ ข้อดี

และขอ้ เสยี ประโยชน์และโทษ

4 ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • อนั ตรายจากการใช้งานและอาชญากรรม ทาง

ปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสทิ ธิและหน้าทข่ี อง อินเทอรเ์ นต็

ตน เคารพในสทิ ธิของ ผอู้ ื่น แจง้ ผเู้ กี่ยวขอ้ งเมอื่ • มารยาทในการติดตอ่ ส่อื สารผา่ นอินเทอร์เนต็ (บูรณา

พบข้อมลู หรอื บุคคล ท่ีไมเ่ หมาะสม การกบั วิชาท่เี กยี่ วข้อง)

5

คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
เวลา 40 ชว่ั โมง
รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5

ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย การ
ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาขอผิดพลาดและแก้ไข การใช้อินเทอร์เน็ต
ค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทางานร่วมกัน ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล การรวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูล
และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ีหลากหลายเพ่ือแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจาวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง เคารพในสิทธิ
ของผอู้ ืน่ และแจง้ ผู้เกย่ี วข้องเม่อื พบขอ้ มลู หรอื บุคคลทไี่ ม่เหมาะสม

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่จากการใช้
ปัญหาที่เกิดข้นึ จรงิ ในชีวติ ประจาวนั ได้

เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ มีทักษะการคิดเชงิ คานวณ การคิดวเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ มีทักษะในการตั้งคาถาม หรือกาหนดปัญหาเก่ียวกับส่ิงท่ีจะเรียนรู้ตามที่กาหนดให้ หรือตามความสนใจ
คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสอดคล้องกับคาถาม วางแผนและสารวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ
อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชงิ ปริมาณและคุณภาพ ค้นหาข้อมูลอย่างมี
ประสิทธภิ าพและประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ตัดสนิ ใจเลือกขอ้ มลู ใหเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา ตลอดจนนาความรู้
ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดารงชีวิต จนสามารถพัฒนา
กระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการจัดการทักษะในการสือ่ สาร ความสามารถในการ
ตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรค์

ตวั ชีว้ ดั
ว 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5

รวม 5 ตวั ชวี้ ดั

6

โครงสร้างรายวิชา

วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ปีการศกึ ษา 2565 เวลา 40 ชวั่ โมง

ลาดบั ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา
การเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด (ชม.)

1. เหตผุ ลเชิงตรรกะกับ ว 4.2 ป.5/1 การใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาเป็น 6

การแกป้ ัญหา วิธีการท่ีเป็นการนากฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขท่ี

ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้ เพื่อพิจารณาปัญหา

วิธีการแก้ปัญหา ทาให้สามารถคาดการณ์

ผลลัพธ์ท่ีจะเกิดข้ึนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่ได้มักจะถูกนามาแสดงให้

อยู่ในรูปแบบของลาดับข้ันตอนหรือท่ีเรียกว่า

อัลกอริทึม เพราะจะช่วยให้สามารถแก้ไข

ปญั หาอยา่ งง่ายได้อยา่ งมขี นั้ ตอน

2. การเขียนโปรแกรม ว 4.2 ป.5/2 การออกแบบโปรแกรมโดยการเขียนข้อความ 10

โดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ เป็นการอธิบายการทางานของโปรแกรมที่ใช้

ตรรกะ ภาษาพูดที่เข้าใจง่าย เพ่ืออธิบายข้ันตอนการ

เขยี นโปรแกรม ส่วนการออกแบบโปรแกรมดว้ ย

การเขียนผังงานเปน็ การนาสัญลักษณม์ าใชแ้ ทน

ลาดับข้ันตอนในการเขียนโปรแกรม จากน้ัน

นามาเขียนคาส่ังควบคุมการทางานให้กับตัว

ละครแต่ละตัวท่ีสร้างขึ้น โดยใช้คาสั่งท่ีเข้าใจ

ง่ายในการส่ังให้ทางาน สาหรับขั้นตอนในการ

เขียนโปรแกรม ประกอบด้วย การวิเคราะห์

ปัญหา ออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา และการเขียน

โปรแกรม และเมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จ

เรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนจะต้องตรวจสอบว่า

ผลลพั ธ์เพือ่ หาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม

3. ขอ้ มูลสารสนเทศ ว 4.2 ป.5/3 ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงท่ีเกี่ยวข้องกับส่ิงต่าง ๆ 12

ป.5/4 สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ ข้อมูล

ตัวอักขระ ข้อมูลภาพ ข้อมูลตัวเลข ข้อมูลเสียง

และข้อมูลอื่น ๆ การค้นหาข้อมูลเพ่ือทาการ

สิง่ ใดสิง่ หน่ึงตอ้ งพจิ ารณาขอ้ มลู ทีด่ ีท่สี ดุ ซง่ึ

ข้อมูลที่อยู่รอบตัวเรามีจานวนมาก ข้อมูล

บางอย่างสามารถนามาใช้ได้ทันทีและข้อมูล

บ า ง อ ย่ า ง จ ะ ต้ อ ง น า ไ ป ป ร ะ ม ว ล ผ ล ใ ห้ เ ป็ น

สารสนเทศก่อนนามาใช้งาน เพื่อให้นาข้อมูลไป

7

ลาดบั ท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา
4 การเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั (ชม.)
การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ใช้ได้อย่างสะดวกและเกิดประโยชน์สูงสุด
อยา่ งปลอดภยั ว 4.2 ป.5/3 ปัจจุบันได้มีการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วโดยใช้ 12
ป.5/4 เว็บไซต์ที่เรียกว่า Search Engine ในการสืบค้น
ป.5/5 ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จะต้องมีการ
ประเมินความถูกต้อง ความน่าเช่ือถือของข้อมูล
เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู ท่ีตรงตามความต้องการ
ในปัจจุบันการติดตอ่ สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตทา
ไดห้ ลากหลายและช่วยตอบสนองความต้องการ
ของมนุษย์ ให้มีความสะดวกสบายมากย่ิงขึ้นใน
ด้านการส่ือสาร ดังน้ัน จึงมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์
และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการ
กระทาความผิด เพ่ือให้ผู้อ่ืนเสียหายหรือเส่ือม
เสียชื่อเสียง โดยมักจะเรียกว่า อาชญากรรม
ทางอินเทอร์เน็ต ดังน้ัน ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ท่ีดี
จะต้องมีแนวทางป้องกันการเกิดอาชญากรรม
ทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ต
อ ย่ า ง มี ม า ร ย า ท เ พ ร า ะ น อ ก จ า ก ก า ร
ติดต่อสื่อสารแล้ว อินเทอร์เน็ตยังถูกนามาใช้
สาหรับการวิเคราะห์ข้อมูล การรวบรวมข้อมูล
การประมวลผลข้อมูล เพื่อพิจารณาทางเลือกท่ี
เป็นไปได้ และเหมาะสมมากท่ีสดุ

8

หน่วยการเรยี นรู้ 6 ชั่วโมง
วชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 10 ช่ัวโมง
12 ชั่วโมง
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ปีการศึกษา 2565 เวลา 40 ช่ัวโมง
12 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เหตผุ ลเชิงตรรกะกับการแก้ปญั หา
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การแก้ปญั หาด้วยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 40 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 การทานายผลลพั ธ์จากปญั หาอยา่ งง่าย

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การเขยี นโปรแกรมโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนขอ้ ความ
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 2 การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขยี นโปรแกรมโดยใชภ้ าษา Scratch
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 4 การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 ข้อมลู สารสนเทศ
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 1 รจู้ ักข้อมลู
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 ลักษณะของข้อมลู ทด่ี ี
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 แหล่งข้อมูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 การรวบรวมข้อมูล
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 การประมวลผลขอ้ มลู
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 การสบื ค้นขอ้ มลู โดยใชอ้ นิ เทอร์เนต็

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งปลอดภยั
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การตดิ ตอ่ ส่ือสารผา่ นอินเทอร์เนต็
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 อาชญากรรมทางอนิ เทอรเ์ น็ต
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 มารยาทในการตดิ ตอ่ สอ่ื สารผ่านอินเทอร์เน็ต
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 ขอ้ มลู เพือ่ การตดั สนิ ใจ
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 5 การนาเสนอขอ้ มูลและการทาแบบสารวจความคดิ เห็นออนไลน์

รวมทง้ั หมด

9

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1

รายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ข้อมลู สารสนเทศ เวลา 12 ชั่วโมง

เร่อื ง รูจ้ กั ข้อมลู เวลา 25 นาที

สอนวันอาทติ ย์ ท่ี 6 มีนาคม 2565 เวลา 13.45 – 14.10 น.

1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั

1.1 ตัวชีว้ ดั
ว 4.2 ป. 5/3 ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหาข้อมูล ตดิ ตอ่ สอ่ื สารและทางานรว่ มกัน ประเมนิ
ความน่าเช่ือถือของข้อมลู
ว 4.2 ป. 5/5 รวบรวม ประเมิน นาเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้
ซอฟตแ์ วร์หรอื บริการบนอินเทอร์เน็ตทหี่ ลากหลาย เพ่อื แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวัน

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความหมายของขอ้ มลู ไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
2. บอกประเภทของขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
3. ยกตัวอยา่ งข้อมูลท่ีอย่รู อบ ๆ ตัวได้ (K)
4. จาแนกข้อมลู ตามประเภทของขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (P)
5. เขยี นขอ้ มลู ต่าง ๆ ทีพ่ บภายในโรงเรยี นและในชีวิตประจาวนั ได้ (P)
6. เหน็ ความสาคัญของข้อมลู ทนี่ าไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

- การประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูล เช่น
เปรียบเทยี บความสอดคล้อง สมบูรณข์ องข้อมูล
จากหลายแหลง่ แหลง่ ต้นตอของขอ้ มูล ผู้เขียน
วันที่เผยแพรข่ อ้ มลู
- ขอ้ มลู ท่ดี ตี ้องมรี ายละเอียดครบทกุ ด้าน เชน่ ข้อดี
และขอ้ เสีย ประโยชนแ์ ละโทษ

4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ขอ้ มลู คอื ขอ้ เท็จจรงิ ทีเ่ กี่ยวข้องกับส่ิงตา่ ง ๆ ไม่วา่ จะเป็นคน สัตว์ สง่ิ ของ หรอื เหตกุ ารณ์ โดยอาจจะ
เกิดขน้ึ จากการสังเกต การจดบนั ทึก การสมั ภาษณ์ การสอบถาม นอกจากนัน้ ขอ้ มูลยงั แบง่ ออกเป็น 5 ประเภท
คือ ข้อมลู ตัวอักขระ ขอ้ มลู ภาพ ข้อมลู ตวั เลข ข้อมูลเสียง และขอ้ มลู อื่น ๆ

10

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ

- ทกั ษะการสอื่ สาร 2. ใฝ่เรยี นรู้

- ทกั ษะการแลกเปล่ยี นขอ้ มูล 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน

2. ความสามารถในการคดิ

- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์

- ทกั ษะการคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

- ทกั ษะการส่ือสาร

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

- ทกั ษะการทางานร่วมกนั

- ทักษะการสารวจ

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

- ทกั ษะการสืบค้นข้อมูล

- ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning)

ชั่วโมงที่ 1

ขัน้ นา

1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ข้อมูลสารสนเทศ เพอื่ วดั ความรูเ้ ดมิ ของ
นกั เรยี น

2. ครอู ธิบายกบั นักเรยี นเพอื่ เชื่อมโยงเข้าสูบ่ ทเรียนว่า“นกั เรยี นจะเปน็ ไดว้ ่าในการดารงชวี ติ
ประจาวันของมนษุ ย์จะตอ้ งเกีย่ วข้องกับขอ้ มูลตลอดเวลาไมว่ า่ จะเป็น ช่อื -นามสกุล นาหนัก
ส่วนสงู ทีอ่ ยู่ ภาพถา่ ย ภาพจากโทรทัศน์ ข่าวสารจากวิทย”ุ

ข้ันสอน

ขน้ั ที่ 1 กาหนดปญั หา
3. ครถู ามคาถามประจาหวั ขอ้ วา่ “นกั เรยี นคิดวา่ ขอ้ มลู ท่ดี ีควรมีลักษณะอย่างไร”

ขนั้ ท่ี 2 ทาความเขา้ ใจกบั ปญั หา
4. ครูใหน้ กั เรยี นสืบคน้ ความหมายของข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ น็ตท่ีเครื่องคอมพวิ เตอร์ของตนเอง

11

5. ครอู ธบิ ายข้อสรปุ กบั นกั เรยี นเกีย่ วกับความหมายของข้อมลู จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง ข้อมูลสารสนเทศ ว่า“ข้อมลู
คือ ขอ้ เทจ็ จริงที่เกย่ี วขอ้ งกับสิ่งตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ คน สัตว์ สง่ิ ของ หรือเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ
โดยอาจจะเกดิ ขึนจากการสังเกต การจดบันทกึ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม และ มกี ารรวบรวมไว”้

ข้นั ที่ 3 ดาเนนิ การศึกษาค้นควา้
6. นกั เรยี นสงั เกตและศกึ ษาการจดบนั ทกึ เร่ืองราวการไปทอ่ งเทย่ี วจากตวั อยา่ งในหนงั สือเรยี น
7. ครถู ามนักเรยี นวา่ “จากการศกึ ษาตวั อยา่ งสถานการณน์ กั เรยี นพบขอ้ มลู ใดบ้าง”
(แนวตอบ : ข้อมลู วันที่ สถานท่ที อ่ งเทย่ี ว เปน็ ตน้ )
8. นกั เรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะในหนงั สอื เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นสารวจตนเองและบนั ทกึ ขอ้ มลู
ส่วนตัวลงในสมุด แลว้ นาข้อมูลไปจัดทาประวตั สิ ว่ นตัว พร้อมตกแตง่ ให้สวยงามโดยใช้
โปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วิรด์

ช่วั โมงท่ี 2

ขนั้ สอน

ขน้ั ท่ี 3 ดาเนินการศกึ ษาค้นควา้
9. ครูทบทวนเนอื้ หาการเรียนเมอ่ื ช่ัวโมงทแ่ี ลว้ เกี่ยวกบั ความหมายของขอ้ มลู
10. ครูถามคาถามกระตนุ้ ความคิดของนกั เรียนวา่ “นกั เรยี นเหน็ อะไรในภาพนบ้ี า้ ง”
(แนวตอบ : นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ตามความคดิ ของตนเอง โดยคาตอบขน้ึ อยูก่ ับดุลยพินิจ
ของครผู สู้ อน เช่น ภาพถ่าย ขอ้ ความ ตัวเลข เป็นตน้ )
11. นกั เรยี นศึกษาเนือ้ หา เรือ่ ง ประเภทของข้อมูลจากหนงั สอื เรยี นหรอื สืบคน้ จากอินเทอร์เนต็

ขนั้ ท่ี 4 สังเคราะหค์ วามรู้
12. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 2 คน โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั เขยี นข้อมูลทีพ่ บภายใน

โรงเรยี นใหม้ ากทสี่ ุด และใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาเตมิ คาตอบบนกระดานหนา้ ชัน้ เรียน
โดยแตล่ ะกลุ่มจะต้องตอบไม่ซ้ากัน
13. จากนน้ั ให้นักเรียนภายในชัน้ เรยี นรว่ มกันแยกขอ้ มูลบนกระดานและนาไปใส่ในวงกลมตา่ ง ๆ
ตามประเภทของข้อมลู ในหนงั สือเรียน
14. ครูอธบิ ายกบั นักเรยี นวา่ “ข้อมูลทีอ่ ยรู่ อบตวั เราสามารถแบง่ ออกได้เปน็ 5 ประเภท ไดแ้ ก่

1. ขอ้ มูลตัวอกั ขระ
2. ข้อมูลภาพ
3. ข้อมลู ตัวเลข
4. ขอ้ มูลเสียง
5. ข้อมลู อื่น ๆ

12

แต่ขอ้ มูลบางอยา่ งไม่ควรเผยแพรใ่ ห้บุคคลอน่ื รับรู้ เพราะอาจมผี ูท้ ่ีไมห่ วังดีนาไปใช้ และ
สร้างความเสยี หายให้แกเ่ รา เชน่ เลขบัตรประจาตวั ประชาชน เบอร์โทรศพั ท์ รหสั บตั ร ATM
เป็นตน้ ”
15. นกั เรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ โดยให้นกั เรยี นพจิ ารณาภาพ และสามารถบอกไดว้ า่ งสง่ิ นน้ั
จดั เปน็ ขอ้ มลู ประเภทใด พร้อมลงมอื ทาใบงานท่ี 3.1.1 เรอ่ื ง ประเภทของขอ้ มลู

ขน้ั ที่ 5 สรุปและประเมนิ คา่ ของคาตอบ
16. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนซกั ถามข้อสงสัย และครใู หค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ ในสว่ นน้นั หรอื อาจจะให้

นกั เรยี นศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ น็ต
17. จากน้ันครูถามคาถามประจาหวั ข้อกบั นักเรียนวา่ “นกั เรยี นคิดวา่ ขอ้ มลู ทีด่ คี วรมลี กั ษณะ

อย่างไร”
(แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคาตอบขึ้นอยกู่ บั ดลุ ยพนิ จิ ของ

ครผู สู้ อน เชน่ ข้อมลู มคี วามถูกต้อง ข้อมลู สามารถเชือ่ ถอื ได้ ขอ้ มูลมคี วามทนั สมยั เปน็ ตน้ )

ข้ันที่ 6 นาเสนอและประเมนิ ผลงาน
18. ครปู ระเมินผลนกั เรยี น จากการสังเกตการตอบคาถาม การทาใบงาน และสมดุ ประจาตัว

ของนักเรยี น
19. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง ของผลงานการทาใบงานที่ 3.1.1 และกิจกรรมฝกึ ทักษะ

Note
วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพ่อื ให้นกั เรยี น
- มีทักษะการสบื คน้ ขอ้ มูล โดยใหน้ ักเรียนสบื คน้ ข้อมลู จากทางอินเทอร์เน็ต

เพ่อื สบื เสาะหาความรูเ้ พ่มิ เตมิ ภายใตห้ วั ข้อทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
- มที กั ษะการสังเกต โดยใหน้ ักเรยี นสังเกตและศกึ ษาตวั อย่างสถานการณ์จากหนงั สือ

เรียน เพ่อื เป็นแนวทางในการทาความเข้าใจ
- มีทักษะการสารวจ โดยให้นกั เรียนสารวจขอ้ มลู สว่ นตวั ของตนเอง และบนั ทึกพร้อม

นามาจดั ทาประวัติส่วนตวั พร้อมตกแตง่ ให้สวยงามผ่านโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิรด์ โดยใช้
ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยแี ละทักษะกระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์

- มที ักษะการทางานร่วมกนั โดยใหน้ กั เรียนใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางาน เพื่อให้
นกั เรยี นแลกเปลย่ี นขอ้ มลู และสอ่ื สารร่วมกนั ผา่ นการคดิ วิเคราะหแ์ ละบนั ทกึ ขอ้ มูลทพี่ บ
ภายในโรงเรียน รวมถึงการแยกข้อมูลต่าง ๆ ตามประเภทไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

13

ข้นั สรปุ

นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทน่ี ยิ มใช้ในชวี ติ ประจาวนั ความหมายของข้อมลู

และประเภทของขอ้ มูลวา่ “ขอ้ มลู เกิดจากการสังเกต การจดบนั ทกึ การสมั ภาษณ์ การสอบถาม

และข้อมูลทอี่ ยรู่ อบ ๆ ตวั สามารถแบง่ ออกได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลตัวอักขระ , ข้อมูลภาพ

ขอ้ มูลตวั เลข , ขอ้ มลู เสยี ง และข้อมูลอื่น ๆ”

7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
- แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ก่อนเรียน

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3

เรื่อง ขอ้ มูลสารสนเทศ

7.2 ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 - ใบงานท่ี 3.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
1) ประเภทของขอ้ มูล ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
2) การนาเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2
3) พฤติกรรมการทางาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล

4) พฤติกรรมการทางานกลุ่ม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม
ผ่านเกณฑ์

5) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2
ความรบั ผดิ ชอบ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ัน อนั พึงประสงค์
ในการทางาน

8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐานเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3
เรื่อง ข้อมูลสารสนเทศ
2) ใบงานที่ 3.1.1 เรอ่ื ง ประเภทของขอ้ มลู
3) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
4) Powerpoint
5) บตั รประชาชน ป้ายทะเบยี นรถ
6) ภาพวาด ภาพถา่ ย
7) ธนบัตร บลิ น้ามนั
8) โทรศัพท์ ลาโพง

14

9) สบู่
8.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เน็ต

ภาคผนวก

ใบงานที่ 3.1.1
เรือ่ ง ประเภทของขอ้ มลู

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาภาพทก่ี าหนดให้ จากน้นั นาหมายเลขประจาภาพมาเตมิ ให้ตรงกับประเภทของข้อมูล

1. 2. 3.

หอม
จงั

4. 5. 6.

7. 8. 9.

10.

ขอ้ มูลภาพ
ข้อมลู ตัวอักขระ

ข้อมลู เสียง
ขอ้ มลู ตวั เลข
ขอ้ มูลอ่นื ๆ

ใบงานท่ี 3.1.1 เฉลย
เรื่อง ประเภทของข้อมลู

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพท่ีกาหนดให้ จากน้นั นาหมายเลขประจาภาพมาเติมให้ตรงกับประเภทของขอ้ มูล

1. 2. 3.

หอม
จงั

4. 5. 6.

7. 8. 9.

10.

ขอ้ มูลภาพ หมายเลข 7 , หมายเลข 9
ข้อมลู ตัวอกั ขระ หมายเลข 4 , หมายเลข 10
หมายเลข 2 , หมายเลข 6
ข้อมลู เสยี ง หมายเลข 5 , หมายเลข 8
ข้อมลู ตวั เลข หมายเลข 1 , หมายเลข 3
ขอ้ มูลอื่น ๆ

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผูท้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา

10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น

 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)

 ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมทม่ี ปี ัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

ลงชือ่ .................................
( นายซอบือรี ตาปู )
ตาแหนง่ ครผู สู้ อน


Click to View FlipBook Version