เดวิด วิ ซี แมคเคลแลนด์ นายอนุชัช ตุยรัมย์6622610209 EA105 จิตวิทยาสำ หรับรัครู เสนอ อาจารย์ ดร.รอง ปัญสังกา David C. McClelland
ชีว ชีประวัติ วั ติ McClelland เกิดที่ เมานต์เวอร์นอน นิวยอร์ก ได้รับ ปริญญาตรีศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสลียันในปี พ.ศ. 2481 ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยมิสซูรีในปี พ.ศ. 2482 และ ปริญญาเอกด้านจิตวิทยาการทดลองจากมหาวิทยาลัยเยลในปี พ.ศ. 2484 เขาสอนที่วิทยาลัยคอนเนตทิคัต และมหาวิทยาลัย เวสลียันก่อนเข้าร่วมคณะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี พ.ศ. 2499 ซึ่งเขาทำ งานเป็นเวลา 30 ปีโดยดำ รงตำ แหน่งประธาน ภาควิชาจิตวิทยาและความสัมพันธ์ทางสังคม ในปีพ.ศ. 2530 เขาย้ายไปที่มหาวิทยาลัยบอสตัน ซึ่งเขาได้รับรางวัล American Psychological Association Award สำหรับผล งานทางวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น
ความหมายของแรงจูง จู ใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์ (Achievement Motivation) McClelland ได้ให้ค ห้ วามหมายผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ คือ ผู้ที่ตระหนักรู้ถึ รู้ ถึ งเป้าหมายในระดับสูง ความต้องการประสบความสำ เร็จ ร็ ในการแข่งขันและ ความสามารถในการจูงใจตนเองในการทำ สิ่งที่เหนือ กว่า ซึ่ง ซึ่ ผลดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีความสำ คัญและมีความ หมายต่อตนเอง ซึ่ง ซึ่ การจูงใจผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ เป็นสิ่งที่สำ คัญต่อองค์กรเนื่องจากคนที่มีแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ต่ำ จะเป็นห่ว ห่ งเรื่อ รื่ งความปลอดภัยและ สถานภาพมากกว่าจะเติมเต็มความต้องการให้แ ห้ ก่ ตนเอง โดยจะยึดติดกับความคิดและความรู้สึ รู้ สึ กของ ตนเองเป็นหลักและจะกังวลกับการแสดงออกของ ตนเองมากกว่าเรื่อ รื่ งของผลการดำ เนินงาน
แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่จะทำ ให้บุ ห้ บุ คคลในอาชีพต่าง ๆ ประสบความสำ เร็จ ร็ ในชีวิตหรือ รื หน้าที่การงานนั้น นั้ เกิดจาก ความต้องการที่จะประสบผลสำ เร็จ ร็ ในงานที่ทำ บุคคลที่มี ความต้องประสบความสำ เร็จ ร็ จะมีความพยายามที่ จะ เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ เมื่อสามารถเอาชนะก็จะประสบ ความสำ เร็จ ร็ จะมีความสบายใจหรือ รื ภูมิใจ ถ้าหากไม่สำ เร็จ ร็ ก็จะ รู้สึ รู้ สึ กวิตกกังวล แต่ก็จะมุ่งมั่น มั่ ทำ งานต่อไป แรงจูงใจ ใฝ่สัมฤทธิ์นี้สามารถกระตุ้นให้มี ห้ มี ขึ้นในบุคคลได้ ทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์
เป็นแรงจูงใจภายในที่บุคคลต้องการทำ งาน เป็นความต้องการที่มาด้วยความปรารถนาของ ตนเอง เป็นความรู้สึ รู้ สึ กส่วนตัวที่ต้องการทำ งาน นั้น นั้ ๆ ให้สำ ห้ สำเร็จ ร็ สมบูรณ์ด้วยตนเอง สินจ้าง รางวัล สิ่งตอบแทนต่าง ๆ หรือ รื สิ่งล่อใจไม่มี ความหมาย คนที่มีแรงจูงใจภายในจะมีความมุ่ง มั่น มั่ ทำ งานของตน โดยไม่มีการรีร รี อ ไม่ต้องมีสิ่ง มาเชิญชวนหรือ รื ชักจูง องค์ปค์ ระกอบ 2 ลัก ลั ษณะของ แรงจูง จู ใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์ เป็นแรงจูงใจที่เกิดขึ้นด้วยสิ่งเร้า ร้ ภายนอก เช่น เงินเดือน โบนัส โอกาสในการ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ความต้องการ ต่างๆ ที่จะช่วยให้ก ห้ ารทำ กิจกรรมนั้น นั้ ๆมี ความหมายมากขึ้น 1. แรงจูงใจภายใน 2. แรงจูงใจภายนอก
1. แรงจูง จู ใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์ (Achievement Motive) คือความปรารถนาที่จะกระทำ สิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ สำ เร็จ ร็ ลุล่วงไป ได้ด้วยดี โดยพยายามแข่งกับ มาตรฐานอันดีเลิศ ความสบายใจเมื่อประสบ ความสำ เร็จ ร็ และจะมีความวิตกกังวลเมื่อพบ กับ ความล้มเหลว แรงจูง จู ใจทางสัง สั คม 3 ประเภท
ความปรารถนาที่จะเป็นที่ยอมรับ รั จากคนอื่น ต้องการ เป็นที่ นิยมชมชอบหรือ รื รัก รั ใคร่ ชอบพอของคนอื่น สิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจที่ จะทำ ให้บุ ห้ บุ คคลแสดง พฤติกรรม เพื่อให้ไห้ ด้มา ซึ่ง ซึ่ การ ยอมรับ รั จากบุคคลอื่น 2. แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ (Affiliation Motive)
3. แรงจูง จู ใจใฝ่อำ ฝ่ อำ นาจ (Power Motive) หมายถึง ความปรารถนาที่จะได้มาซึ่ง ซึ่ อิทธิพลที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ในสังคม ทำ ให้บุ ห้ บุ คคลแสวงหาอำ นาจ เพราะจะเกิด ความรู้สึ รู้ สึ กว่าหากทำ อะไรได้เหนือคนอื่น เป็นความภาคภูมิใจ ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ อำ นาจสูงจะเป็นผู้ที่พยายามควบคุมสิ่ง ต่าง ๆ เพื่อให้ต ห้ นเองบรรลุตามความ ต้องการที่จะมีอิทธิพลเหนือบุคคลอื่น
1. ความรับผิดชอบต่อตนเอง (Individual Responsibility) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงจะพยายามทำ งานให้ สำ เร็จ ร็ เพื่อความพึงพอใจของตนเองมิใช่หวังให้ คนอื่นยกย่อง ชอบสถานการณ์ที่สามารถใช้ความ รับ รั ผิดชอบส่วนบุคคลในการค้นหา หนทางในการ จัดการกับปัญหาสิ่งดังกล่าวนี้ทำ ให้ไห้ ด้รับ รั ความพึง พอใจส่วนตัวต่อความสำ เร็จ ร็ ของด้วยตัวของเขา เอง ไม่ชอบ สถานการณ์ที่ความสำ เร็จ ร็ หรือ รื ความ ล้มเหลว โอกาสสิ่งสำ คัญก็คือความสำ เร็จ ร็ นั้น นั้ ต้องเป็นผลมาพร้อ ร้ มทักษะความสามารถ และ ความพยายามที่มาจากตัวของเขาเอง ลักษณะของบุคคลที่มีแ มี รงจูงใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์
2. กล้า ล้ เสี่ย สี่ งพอสมควร (Medium Risk-Taking) พวกเขาจะกำ หนดเป้าหมายแบบเป็นกลางให้ แก่ตัวของพวกเขาเอง เป้าหมายเหล่านี้ต้อง ไม่ต่ำ เสียจนไม่ต้องอาศัยความท้าทายหรือ รื สูง เสียจนเป็นเรื่อ รื่ งที่เป็นไปไม่ได้ มีการตัดสิน ใจเด็ดเดี่ยวไม่พอใจ ที่จะทำ สิ่งง่ายๆ ซึ่ง ซึ่ ไม ต้องใช้ความสามารถ หากแต่เลือกทำ สิ่งที่ ยากพอเหมาะกับความต้องการของตน และ การทำ ที่ยากให้ สำ เร็จ ร็ นั้น นั้ ทำ ให้ตั ห้ ตั วเองพอใจ ส่วนผู้ที่แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่ำ มักไม่กล้า เสี่ยงเพราะกลัวไม่สำ เร็จ ร็ หรือ รื ไม่เสี่ยงจนเกิน ไปทั้ง ทั้ ๆที่รู้ว่ รู้ ว่ า จะทำ ไม่สำ เร็จ ร็ แต่ก็พึ่งโชค
ความกระตือรือ รื ร้น ร้ หรือ รื ความขยันขันแข็งใน การกระทำ สิ่งแปลกใหม่ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สูง ไม่ได้ขยันไปทุกกรณี แต่จะเอาใจใส่มานะ พากเพียรต่อสิ่งที่ท้าทาย ยั่ว ยั่ ยุความสามารถ ของตนเอง เป็นงานที่ต้องใช้สมองขบ คิด และ จะทำ ให้ต ห้ นเองรู้สึ รู้ สึ กว่าได้ทำ งานสำ คัญลุล่วงไป พวกเขาชอบที่จะทำ งานท่ามกลางปัญหา มากกว่าหนีจากการบรรลุ ความสำ เร็จ ร็ แล้ววิ่งไป หาโอกาส 3. ความกระตือรือ รื ร้น ร้ (Energetic)
4. คาดการณ์ล่ ณ์ ว ล่ งหน้า น้ (Anticipation of Future Possibilities) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูง เป็นผู้ที่มี แผนการระยะ ยาวเพราะเล็งเห็น ห็ การณ์ ไกลกว่าผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ต่ำ
ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงเป็นผู้ที่มี ทักษะในการจัด ระบบงาน 5. มีทั มี ทักษะในการจัด จั ระบบงาน (Organizational Skills)
6. ต้อ ต้ งการทราบผลของการตัด ตั สินสิ ใจ (Knowledge of Result of Decision) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สู ธิ์ สู งจะติดตาม ผลการกระทำ ของตนเองว่าเป็น อย่างไร ไม่ใช้การคาดคะเนว่าเป็น อย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อทราบผลการกระ ทำ หรือการตัดสินแล้ว ก็จะพยายาม ทำ ให้ดีมากกว่าเดิม
สรุปบุค บุ คลที่มี ที่ แ มี รงจูง จู ใจใฝ่สั ฝ่ ม สั ฤทธิ์ ตามทฤษฎีข ฎี อง McClelland (1987) เป็นบุคคลที่ทำ พฤติกรรมเพื่อให้ ประสบความ สำ เร็จ ร็ ตามมาตรฐานที่เป็นเลิศที่ตนกำ หนดไว้ โดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตนหรือ รื สิ่ง ตอบแทนอื่นๆ มีการตั้ง ตั้ มาตรฐานที่เป็นเลิศใน การทำ งานและรับ รั ผิดชอบ ที่จะทำ ให้ไห้ ด้ตามนั้น นั้ มีความกล้าทำ กิจกรรมใดๆ แม้ว่ามีโอกาส ประสบ ผลสำ เร็จ ร็ เพียงครึ่ง รึ่ หนึ่ง มีพยายาม อย่างไม่ย่อท้อจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมาย มี ความสามารถในการวางแผนระยะยาว และ ต้องการรู้ผ รู้ ลของงานที่ทำ
สรุป รุ ทฤษฎีข ฎี องเดวิดวิซี. ซี แมคคลีแ ลี ลนด์ (David C. McClelland) เป็นทฤษฎีสร้า ร้ งแรงบันดาลใจที่มุ่ง เน้นไปที่ความต้องการหลัก 3 ประการ ได้แก่ ความสำ เร็จ ร็ ความผูกพัน และ อำ นาจ ตามทฤษฎีนี้แต่ละบุคคลถูก ขับเคลื่อนโดยความต้องการเหล่านี้ และพวกเขามีอิทธิพลต่อพฤติกรรม และทางเลือกของตนในสภาพ แวดล้อมต่างๆ
12 องค์ประกอบของลักษณะของแรงจูงใจฝ่าฝ่ยสำ ฤทธิ์มีกี่มี กี่ลักษณะ อะไรบ้าบ้งทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สัฝ่มสัฤทธิ์คืออะไร คำ ถาม
12 มี 2 ลักษณะคือ 1.แรงจูงใจภายใน 2.แรงจูงใจภายนอกคือความปรารถนาที่จะกระทำสิ่งสิ่หนึ่งนึ่สิ่งสิ่ใดให้สำ เร็จร็ลุล่ลุล่วงไปได้ด้วยดี ตอบ
Thank You!