The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kochakorn Upasak, 2023-09-17 01:22:48

Douglas McGregor

Douglas McGregor

ดักลาส แม็คเกรเกอร์ DOUGLAS MCGREGOR


เสนอ ดร. รอง ปัญสังกา จัดทำ โดย นางสาวกชกร อุปศักดิ์ 222


ชีวประวัติ Douglas Murray McGregor (1906-1964) เขาเกิดปี1906 ในเมืองชายแดนที่ คึกคักของดีทรอยต์,มิชิแกนเมื่อเขาเรียน High School เขาได้เล่นเปียโนและทำ งาน เป็นเสมียนกลางคืนที่สถาบัน the McGregorไป ด้วย สถาบันthe McGregor เป็น สถาบันของครอบครัวเขา ที่มีพนักงานชั่วคราวกว่า100คน ปี1935เขาได้ศึกษาที่ฮาวาร์ดศึกษาต่อ MA และปริญญาเอกทางจิตวิทยา หลังจากเรียนจบแล้วเขาก็ได้อยู่ เป็นอาจารย์สอนจิตวิทยาที่ฮาวาร์ดต่ออีก2ปีจากนั้น มาสอนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซทหรือMITฐานะอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยา เนื่องจากตำ แหน่งที่เพิ่มขึ้นทำ ให้เขาย้ายเข้ามาเป็นศาสตราจารย์สอนทางจิตวิทยา และเป็นผู้บริหารระดับสูงในส่วนของแผนกความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรม ของMITและในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักจิตวิทยาสังคม


แมคเกรเกอร์ (McGregor, 1960) ได้ช้ีให้เห็นถึงแบบของการบริหาร 2 แบบ คือ ทฤษฎี X ซึ่งมี ลักษณะเป็นเผด็จการซึ่งทฤษฎี X คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควร ใช้มาตรการบังคับ มี ระเบียบกฎเกณฑ์คอยกำ กับ มีการควบคุมการทำ งานอย่างใกล้ชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก ส่วนทฤษฎี Y หรือการมีส่วนร่วม ซึ่งทฤษฎี Y คือคนประเภทขยัน ควรมีการกำ หนดหน้าที่การงานที่เหมาะสมท้าทาย ความสามารถสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการบริหารงาน แต่ละแบบเกี่ยวข้องกับสมมุติฐานที่มีต่อ ลักษณะซ่ึงสามารถแยกแยะแต่ละทฤษฎีในการกระทำ ของมนุษย์ ได้ดังนี้ ท ฤ ษ ฎี X แ ล ะ ท ฤ ษ ฎี Y ข อ ง แ ม ค เ ก รเ ก อ ร์


ทฤษฎี X (Theory X) คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควรใช้มาตรการบังคับ มีระเบียบ กฎเกณฑ์คอยกำ กับ มีการควบคุมการทำ งาน อยา่งใกล้ชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก X ทฤษฎี Y (Theory Y) คือคนประเภทขยัน ควรมี การกำ หนดหน้าที่การงานที่เหมาะสม ท้าทายความ สามารถ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการ บริหารงาน Y


แบบทฤษฎี X มีความเชื่อว่า มนุษย์โดยทั่วไปไม่ชอบการทำ งานและพยายามหลีกเลี่ยงงานถ้าสามารถ ทำ ได้ซึ่ง มนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะหลีกเลี่ยงงานทุกอย่างเท่าที่จะทำ ได้ 1.


2.เนื่องจากการไม่ชอบทำ งานของมนุษย์มนุษย์จึงถูกควบคุม บังคับ หรือข่มขู่ให้ทำ งานชอบให้สั่งการและใช้วิธีการลงโทษ เพื่อให้ใช้ความ พยายามได้เพียงพอ และบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การเนื่องจากไม่ ชอบ ทำ งานจึงตอ้งมีการใช้อำ นาจบังคับควบคุม แนะนำ ขู่จะลงโทษ แบบทฤษฎี X มีความเชื่อว่า


3. มนุษย์โดยทั่วไปพอใจกับการช้ีแนะสั่งการหรือการถูกบังคับ ต้องการ หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ มีความทะเยอทะยานน้อย และต้องการความ มั่นคงมากที่สุด ผู้บริหารตามทฤษฎี X จึงต้องสรา้งแรงจูงใจโดยการข่มขู่ และลงโทษ โดยการแนะนำ ช้ีแนวทางในการทำ งานหลีกเลี่ยงความ รับ ผิดชอบ และต้องการความปลอดภัยมากกว่าส่งอื่นเพื่อทำ ให้ลูกน้องใช้ ความพยายามให้บรรลุ ความสำ เร็จตามเป้าหมายขององค์การ แบบทฤษฎี X มีความเชื่อว่า


เมื่อต้ังทฤษฎีX ข้ึนมา แมคเกรเกอร์ต้ังข้อสังเกตว่า ธรรมชาติของคนตามทฤษฎีน้ีจะ ถูกต้องหรือไม่ หรือนำ ไปใช้ทุกสถานการณ์หรือไม่ในที่สุดก็หาข้อยุติไม่ได้ เขาจึงพัฒนา ทฤษฎีพฤติกรรม ของมนุษย์ข้ึนมาทฤษฎีหน่ึง เรียกว่า ทฤษฎีy ซ่ึงเชื่อว่ามนุษย์น้ัน โดยธรรมชาติมิใช่เกียจคร้าน และเชื่อถือไม่ได้หากแต่มนุษย์สามารถควบคุมตวัเองได้ และมีความตั้งใจที่จะทำ งานให้ดีที่สุด หากได้รับ การจูงใจอย่างเหมาะสมผู้บริหาร ยอมรับทฤษฎีy เขาจะไม่ควบคุมหรือใช้อำ นาจข่มขู่ ผู้บังคับบัญชาให้อยู่ในความกลัว แต่จะพยายามช่วยให้ผู้ใต้บังคับบัญชำ ควบคุมตัวเองและมีโอกาสแสดง ความก้าวหน้าอย่างกว้างขวาง


1.การทำ งานเป็นการตอบสนองความพอใจ ซึ่งความพยายามของมนุษย์ ทางกำ ลังกายกำ ลังใจต่องานมี มากเท่ากับการเล่น และการพักผ่อน แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


2.การข่มขู่ด้วยวิธีการลงโทษไม่ไดเ้ป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจูงใจให้คน ทำ งานบุคคลที่ผูกพันกับการบรรลุถึงความสำ เร็จตามเป้าหมายขององค์การ จะมีแรงจูงใจด้วยตนเองและควบคุมตนเองการควบคุมและการบังคับจาก ภายนอกไม่ใช่วิธีเดียวท่ีจะให้การงานบรรลุวัตถุประสงค์เพราะคนย่อมท่ีจะ ทำ งานด้วย ความเป็นตัวของตัวเอง แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


3.ความผูกพันของบุคคลที่มีต่อเป้าหมายข้ึนอยู่กับรางวัลและผล ตอบแทนที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้รับ เมื่อเป้าหมายบรรลุถึงความสำ เร็จ ซึ่งมนุษย์มีความพอใจที่จะทำ งานให้สำ เร็จดว้ยความตั้งใจ แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


4.ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำ งาน เป็นการจูงใจให้ บุคคลยอมรับและแสวงหาความรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ในการ ทำ งาน ซึ่งคนเราไม่เพียงเรียนแต่เพียงการยอมรับผิดชอบเท่านั้นยัง แสวงหาความรับผิดชอบเพิ่มข้ึนอีกด้วย แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


5.ความสามารถในการใช้ความคิดจินตนาการความเฉลียวฉลาดและความ คิดริเริ่มแก้ปัญหาต่างๆที่ ประสบเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกตัวคน แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


6.ในสังคมปัจจุบันมนุษย์แต่ละคนมีโอกาสแสดงความสามารถเพียง ส่วนหน่ึงเท่านั้น นั่นคือตามทฤษฎี y เชื่อว่ามนุษย์มีความคิดริเริ่มความ ขยัน ความรับผิดชอบ อยากให้มีความร่วมมือ เพียงแต่ผู้บริหาร จะพัฒนา คน หรือจูงใจคนเหล่าน้ีอย่างถูกต้องได้แค่ไหน วิธีการคือต้องจัดหรือสร้าง สภาพแวดล้อมให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาได้สมดังหวังและองค์การก็จะได้ตาม เป้าหมาย โดยไม่ต้องควบคุมอย่างเข้มงวด แบบทฤษฎี Y มีความเชื่อว่า


ทฤษฎี Y จึงเน้นถึงการพัฒนาตนเองของมนุษย์ ช้ีใหเ้ห็นว่ามนุษย์นั้นรู้จักตัวเองได้ถูกต้องรู้จัก ความสามารถของตนเอง ผู้บริหารควรสร้างแรงจูงใจโดยการสร้างสรรค์สถานการณ์ที่จะทำ ให้ สมาชิกมี ความรู้สึกรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการทำ งานในการบริหารนั้นมีการนำ ทฤษฎีเชิง จิตวิทยามาใช้จำ นวนมาก เพราะการบริหารเป็นการทำ งานกับ “คน” และทฤษฎีจิตวิทยาก็พูด เรื่อง “คน” การศึกษาทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวกับการควบคุมกำ กับพฤติกรรมของมนุษย์ การสร้างแรง จูงใจในการทำ งาน และภาวะผู้นำ จึงเป็น ประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริหาร Donglas Mc Gregor ได้ ค้นพบแนวคิด “พฤติกรรมองค์การ” และสรุปว่ากิจกรรมการบริหารจัดการล้วนมีสาเหตุรากฐานมา จากทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์ (human behaviors) ซึ่งเป็นไปตาม กรอบทฤษฎี X และทฤษฎี Y


แนวความคิด คือ ทำ ให้เราเห็นถึงภาพลักษณ์ของคนว่าแต่ละคนมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ดังนั้น เราจึงควรมองคนทั้งสองด้านไม่ควรมองเพียงด้านใดด้านหน่ึง เพราะเราจะไม่รู้ว่า คนนั้นเป็นคนดี หรือไม่ดียกตัวอย่าง เช่น เวลาตำ รวจตรวจจับหมวกกันน็อค ถ้าเรามองในแง่ลบเราก็คิดว่าตำ รวจ รีดไถประชาชน หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ถ้ามองในแง่บวก ก็จะเห็นได้ว่าตำ รวจนั้นเป็นผู้รักษา กฎหมาย เมื่อเห็นประชาชนไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายตำ รวจก็ต้องจับเพื่อในคร้ังต่อไปประชาชนจะได้ ไม่ทำ ผิดกฎหมายอีกและคนที่ขับขี่ยานพาหนะก็จะได้ ปลอดภัย แนวความคิด


สรุป Donglas Mc Gregor เห็นว่า คนมี 2 ประเภท และการบริหารคนทั้ง 2 ประเภท ต้องใช้วิธีการบริหาร แตกต่างกัน ซึ่งแมคเกรเกอร์ช้ีให้เห็นว่าในการจูงใจให้ำ งานนั้นผู้บริหารจะ ต้องใช้ทฤษฎี y และเขาต้องมองคน ในแง่ดีเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้ความสามารถของ ตนอย่างเต็มที่ การใช้ทฤษฎี y จูงใจคนได้มากกว่าการใช้ทฤษฎี X แต่ทั้งน้ีมิได้มีความหมายว่า จะละเลยต่อการควบคุมเสียโดยสิ้นเชิง สรุป


THANK YOU!


Click to View FlipBook Version